Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1486

ตอนที่ 1486

บทที่1486 ปกปิดโดยเจตนา

เหยาจ้าวมองไปรอบๆ ราวกับกำลังประกาศให้คนรอบด้านรู้

แต่ถึงอย่างนั้น รอบด้านไม่มีแม้แต่เงาคน ลมเบาๆพัดผ่าน สถานที่ตรงนั้นเปล่าเปลี่ยวมาก มันทำให้ในใจของเหยาจ้าวขัดเขินมาก

ฉินซีมองดูเขาเล่นละครอย่างเสแสร้งตรงหน้าตน ในใจก็หมดคำจะพูด

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาสั้นๆให้กับท่าทีประหลาดของเหยาจ้าว

“พรวด……”

ฉินซีหัวเราะจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา กุมท้องไว้ ส่งเสียงที่ชัดใสออกมา

“พอแล้วพอแล้ว นายเลิกแสดงได้แล้ว นี่มันเก้อเขินเกินไปแล้ว”

ฉินซีหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย จับไหล่ของเหยาจ้าวแล้วพูดอย่างหายใจไม่ทัน

เหยาจ้าวเดิมทีก็เก้อเขินอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งถูกฉินซีหัวเราะเยาะ ก็ยิ่งแทบทนไม่ไหวที่จะหาที่มุดเข้าไป

เขาหันตัวอย่างบูดบึ้ง ทำทีจะจากไป

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินซีกลับคว้าแขนของเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน! นายไม่กินข้าวแล้วหรอ!”

เธอรู้สึกว่าเหยาจ้าวน่าขำเกินไปแล้ว

“ไม่กินแล้ว ปล่อยฉัน”

เหยาจ้าวไม่เคยรู้สึกขายหน้าแบบนี้มาก่อน จะไปมีอารมณ์กินข้าวซะที่ไหน

ฉินซีเห็นเขาเก้อเขินไม่มีที่ให้หลบหน้า ก็ไอเบาๆสองคำ “อะแฮ่ม โอเค! ฉันล้อนายเล่นหน่า ไม่กินข้าวได้ยังไง ฉันหิวแล้วนะ เราไปโรงอาหารกันก่อนเถอะ”

พูดจบ เธอก็ฝืนดึงแขนเหยาจ้าวเดินไปข้างหน้า

……

วันถัดมา

ฉินซีกำลังทำการฝึกซ้อมเหงื่อท่วมหลังอยู่ในห้องฝึกซ้อม

ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก

ฉินซีขมวดคิ้ว ใบหน้าเผยสีหน้าไม่อดทน

เธอเกลียดเวลาที่ตนกำลังใส่ใจทำเรื่องอะไรอยู่ แล้วถูกคนรบกวน

แต่ว่า ในตอนที่ฉินซีเห็นคนที่มา ก็เก็บสีหน้าหงุดหงิดบนใบหน้าไว้

ฉินซีหยุดการเคลื่อนไหว มองไปที่จ้านเซินอย่างแปลกๆ “นายมาทำไม?”

พูดตามเหตุผล ช่วงเวลานี้จ้านเซินไม่น่าจะมาได้ วันนี้ช่างแปลกประหลาด

จ้านเซินหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ส่งให้เธอ “นี่เป็นภารกิจสองสามอย่างในช่วงนี้ที่ฉันเลือกมา เธอลองดูว่าเธออยากทำอันไหน”

เขาพูดแผ่วเบา สีหน้าเย็นชา

ฉินซีได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจ

เธอกลับนึกไม่ถึงว่า การเคลื่อนไหวของจ้านเซินจะรวดเร็วแบบนี้

เดิมทีฉินซีนึกว่า แม้ว่าเมื่อวานจ้านเซินจะผ่อนปรนแล้ว แต่คิดจะออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ยังไงก็ต้องรออีกช่วงระยะหนึ่ง

เธอเก็บกำปั้นในมือ หยิบผ้าขนหนูที่อยู่บนคอ เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า “โอเค”

ในดวงตาของฉินซีประกายแสงดาวเล็กๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ

จ้านเซินสนใจทุกการเคลื่อนของเธอโดยตลอด เมื่อได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเธอ จู่ๆในใจก็มีความรู้สึกที่พูดไม่ออก ราวกับไม่ได้มีความทุกข์ใจเท่าเมื่อก่อนแล้ว

ฉินซีดูไปหนึ่งรอบ “ฉันคิดว่า ฉันทำได้หมดเลย”

เนื้อหาบนกระดาษสำหรับฉินซีแล้ว มันง่ายดายมาก

ดังนั้น ฉินซีจึงออกตัวเสนอ “ตอนนี้ภารกิจไหนเร่งด่วนกว่า หรือนายรู้สึกว่าอันไหนที่ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ก็จัดเตรียมให้ฉันไปเถอะ”

แค่เพียงได้ออกไป เธอไม่เลือกอะไรทั้งนั้น

“งั้นก็อันแรกแล้วกัน”

จ้านเซินเอ่ยปากอย่างเรียบง่าย

“ได้”

ฉินซีพยักหน้า ทั้งสองสรุปได้ทันที

หลังจากกลับไป ฉินซีก็นำข่าวดีนี้ไปบอกเหยาจ้าวอย่างมีความสุข

หลังจากเหยาจ้าวฟังแล้ว ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน

เขารู้สึกว่าช่วงนี้สภาพจิตใจของจ้านเซินราวกับมีการเปลี่ยนแปลง แต่เขาไม่เคยตรวจสอบให้จ้านเซินอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นจึงวินิจฉัยอย่างแม่นยำไม่ได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในสภาพแบบไหน

“เธอแน่ใจหรอ? ว่านี่จ้านเซินพูด?”

เหยาจ้าวขมวดคิ้วเอ่ยถาม เอาแต่รู้สึกว่าเรื่องมันแปลกๆชอบกล

เห็นสีหน้าเขาไม่ปกติ หัวใจของฉินซีเองก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา “แน่ใจสิ? นายทำไมหรอ อย่าทำให้ฉันตกใจ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีหายไปในทันที มองไปที่เขาด้วยแววตาสว่างไสว

เหยาจ้าวเห็นว่าจู่ๆสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป ถึงตระหนักได้ว่าคำพูดของตนเมื่อกี้สำหรับฉินซีแล้วมันน่ากลัวแค่ไหน “ไม่ ฉันก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อยเท่านั้น”

เขารีบส่งเสียงปลอบใจ ป้องกันไม่ให้ฉินซีคิดไปมั่วซั่ว

ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในใจก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “ฉันก็รู้สึกว่ามันแปลก อาจเป็นไปได้ว่าจ้านเซินเข้าใจดีแล้วหรือเปล่า”

เธอพูดอย่างจริงจัง และไม่เข้าใจอารมณ์ของจ้านเซิน

แต่เพียงแค่ให้สามารถเธอออกไปเจอกับลู่เซิ่นได้ งั้นที่เหลือก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร

เหยาจ้าวพยักหน้า “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”

ถ้าจ้านเซินสามารถคิดได้แล้วจริงๆ งั้นพวกเขาก็สุขใจแล้ว

ฉินซีกระจายหมอกควันในใจออกไป “คอยสังเกตเขา ดูไปเรื่อยๆเถอะ”

ต่อให้พวกเขากังวลยังไง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า

เมื่อก่อนฉินซียังพัวพันมาก ช่วงที่ผ่านมานี้ สภาพจิตใจของเธอปรับขึ้นมามากแล้ว

หลังจากฉินซีกลับไป ก็ส่งข่าวนี้ไปให้ลู่เซิ่น

เดิมทีเธอนึกว่าครั้งนี้ จะเป็นเหมือนครั้งก่อน ได้เจอหน้าลู่เซิ่น

แต่ว่า กลับไม่คาดคิดว่าเหยาจ้าวจะนำข่าวไม่ดีมา

เหยาจ้าวมองไปที่เธอ เอ่ยปากอย่างลำบากใจ “ฉินซี ทางฝั่งลู่เซิ่นมีเรื่องนิดหน่อย ครั้งนี้ไม่สามารถมาเจอได้”

น้ำเสียงของเขานิ่มนวล กลัวว่าหลังจากฉินซีได้ยินแล้วจะเสียใจ

ฉินซีที่เดิมทีกำลังจัดเก็บข้าวของอย่างมีความสุข หลังจากได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว การเคลื่อนไหวก็ชะงัก

เธอตลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางเหยาจ้าวด้วยความสงสัย “เรื่องอะไร? ทางฝั่งลู่เซิ่นได้บอกเหตุผลไหม?”

ไม่ควรนะ ลู่เซิ่นจะต้องเอาเรื่องของตนวางไว้ข้างหน้าแน่นอน วันนี้เป็นอะไรไป

ในใจฉินซีมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างคลุมเครือ แต่เธอก็พูดไม่ถูกว่าเพราะอะไรกันแน่

ลู่เซิ่นเพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้ฉินซีเป็นห่วง ดังนั้นจึงไม่ได้บอกความจริงกับเหยาจ้าว

สำหรับเรื่องนี้ เหยาจ้าวเองก็รู้เพียงผิวเผิน “ฉันก็ไม่แน่ใจ ลู่เซิ่นไม่ได้บอกรายละเอียด”

เขาส่ายหน้า พูดตั้งแต่ต้นจนจบ

ฉินซีได้ยินคำพูดนี้ของเขา ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ลู่เซิ่นเป็นอะไรกันแน่ ไม่สามารถเจอได้ แม้แต่เหตุผลยังไม่มี

หรือว่าตอนนี้ลู่เซิ่นกำลังทำเรื่องอะไรที่อันตรายอยู่ ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกเธอ

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของฉินซีก็ตึงเครียดขึ้นมา

บนใบหน้าที่บอบบางเผยสีหน้าจริงจัง ฉินซียืนขึ้นอย่างกะทันหัน “ไม่ได้ ฉันต้องไปหาลู่เซิ่นถามให้ชัดเจน”

เธอทำทีกำลังจะออกไป ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไหน

เหยาจ้าวเห็นท่าทางเธอว้าวุ่นกังวลใจ ก็รีบไล่ตามไป คว้าข้อมือเธอไว้ “ฉินซี เธอใจเย็นลงหน่อย เธอลืมแล้วหรอว่าเธออยู่ที่ไหน?”

เขาเอ่ยปากอย่างดุดัน มองไปที่เธอด้วยใบหน้าไม่เห็นด้วย

ฉินซีถึงตระหนักได้ว่าตนหุนหันพลันแล่นเกินไป เธอเม้มริมฝีปาก ยืนอยู่กับที่อย่างว่างเปล่า “เหยาจ้าว งั้นนายบอกซิ ฉันควรทำยังไง? แต่ก่อนลู่เซิ่นไม่เคยปิดบังฉันโดยเจตนาแบบนี้”

เธอไม่ได้รู้สึกว่าลู่เซิ่นเปลี่ยนใจแล้ว เพียงแต่รู้สึกอย่างเรียบง่ายว่าลู่เซิ่นอาจจะพบเจอเรื่องที่รับมือยาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท