Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1513

ตอนที่ 1513

มองดูกองธนบัตรสีแดง ปู่เช่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ฉันไม่ต้องการ พวกเธอเก็บไปซะ”

คุณปู่เช่รู้ดีแก่ใจ ว่าเมื่อเทียบกับเขาแล้วฉินซีและลู่เซิ่นต้องการเงินก้อนนี้มากกว่าเขา

ระหว่างทางการหลบหนี พวกเขาเองก็ต้องทานต้องดื่ม ไม่เช่นนั้นก็จะอดตาย

ส่วนเขาอาศัยอยู่บนป่าเขา ปกติแล้วปลูกผักทานเอง เลี้ยงไก่เอง ไม่มีอะไรที่จะต้องใช้เงินเลย

ต่อให้เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ทานผักที่ขึ้นเองตามป่าเขา ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้

ฉินซีคะยั้นคะยอจะยัดเงินให้กับปู่เช่ให้ได้ “คุณปู่ เช่คะ เงินพวกนี้สำหรับซื้อโทรศัพท์ ท่านรับเอาไว้เถอะ หากท่านไม่รับเอาไว้ เราเองก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจได้ มีแต่จะต้องไปจากที่นี่”

เธอกล่าวพร้อมจับจ้องปู่เช่ด้วยสีหน้าเคร่งครัด

ปู่เช่ได้ยินความเด็ดขาดจากน้ำเสียงของเขา

แม้ว่าเวลาที่เขาและฉินซีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจะไม่เยอะมากนัก แต่เขากลับรู้จักฉินซีเป็นอย่างดี

วันนี้ หากเขาไม่รับเงินก้อนที่มาไว้ ฉินซีก็จะพาลู่เซิ่นออกไปจริงๆ

เมื่อจับจ้องดวงตาที่แน่วแน่ของฉินซี ปู่เช่ถอนหายใจออกมาในใจ “เฮ้อ…..”

เขาเลือกที่จะประนีประนอมย่างไร้หนทาง “ก็ได้ เงินนี่ฉันจะรับเอาไว้”

แม้ปู่เช่จะบอกว่าจะรับเอาไว้ เก็บไว้ซื้อโทรศัพท์ แต่อันที่จริงเขากลับคิดที่จะเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้ เมื่อฉินซีและลู่เซิ่นออกเดินทางแล้วค่อยคืนให้กับพวกเขา

ราวกับว่าฉินซีคาดเดาความคิดของเขาได้อยู่แล้ว จึงกล่าวขึ้น “คุณปู่เช่คะ ท่านวางใจเถอะ เราไม่ขาดแคลนเรื่องเงินทอง ที่ให้กับท่านเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ในตัวเรายังมีเงินอยู่อีก ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยเราประหยัด และเมื่อเอาโทรศัพท์มาได้ ติดต่อกับผู้ช่วยของลู่เซิ่นได้เมื่อไหร่ เขาจะช่วยเราเตรียมทุกอย่างเอง ถึงตอนนี้ยิ่งไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินเลย เงินก้อนนี้ท่านรับเอาไว้เถอะ”

เมื่อได้ยินประโยคของเธอ ปู่เช่จึงรับเอาไว้อย่างสบายใจ

เขาลูปเคลาของตนเองอย่างเบามือ พรางพยักหน้ารับ “ได้ ฉันรู้แล้ว”

อาหารมื้อนี้ รับประทานอย่างเบิกบานใจ

หลังทานอาหารเสร็จ ทีแรกปู่เช่คิดที่จะทายาให้กับลู่เซิ่น

หากแต่ ฉินซีกลับเร็วกว่าก้าวหนึ่ง “คุณปู่เช่ หนูเองค่ะ”

เธอรับขวดยาในมือของคุณปู่เสียมาไว้ ก่อนที่จะมุ่งไปทางลู่เซิ่น

ฉินซียังคงรู้สึกผิด หากไม่ใช่เพราะไร้หนทางจริงๆ เธอไม่มีทางมาขอความช่วยเหลือจากปู่เช่แน่ เพราะงั้นตอนนี้เธอจึงพยายามที่จะไม่รบกวนปู่เช่ ให้เขาอยู่อย่างสะดวกสบายใจ ไม่ใช่เพราะการมาของพวกเขา ต้องวนเวียนวุ่นวายอยู่กับพวกเขา

ปู่เช่จ้องมองปฏิกิริยาของพวกเขา พลันส่ายหน้า เผยรอยยิ้มที่มุมปาก “ถ้าอย่างงั้นก็ฝากด้วย ตอนทาต้องทาอย่างสม่ำเสมอ ต้องถูให้ทั่วทุกที่ แล้วค่อยพันด้วยผ้าพันแผล ตอนกลางคืนเข้านอน พวกเธอสองคนนิ่งๆ หน่อย ห้ามโดนแผลเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น จะเป็นเรื่องใหญ่”

เขากล่าวอย่างเคร่งครัด ฉินซีพยักหน้ารับ

ฉินซีรู้สึกว่าคำพูดของปู่เช่ มีความหมายอื่นอยู่อีก

อะไรคือพวกเธอสองคนอยู่นิ่งๆ นี่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ

ความคิดของฉินซีค่อยๆ ลอยไปไกล เธอถึงอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน พวงแก้มที่ขาวนวลแดงก่ำ

เธอกล่าวอย่างอ้ำอึ้ง “พอได้แล้ว คุณปู่เช่ ฉันรู้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านรีบกลับไปนอนเถอะ พวกเก็บของสักหน่อยก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน”

ฉินซีรู้สึกว่าปู่ เช่เป็นชราเด็กจอมซน เรื่องส่วนตัวแบบนี้ก็สามารถนึกขึ้นได้ น่าอับอายเป็นบ้า

ตอนนี้เธออายจนไม่สามารถจ้องมองปู่เช่โดยตรงได้

ปู่เช่จับจ้องใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ ดวงตาอำพันเผยรอยยิ้มจางๆ “เฮ้อ หลานสาวที่แต่งออกไปน้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว มีสามีแล้วก็ลืมตาแก่อย่างฉันไปเลย ตอนนี้คิดที่จะไล่กันแล้ว อีกหน่อยแม้ประตูก็คงจะเข้าไม่ได้แล้วสินะ”

เขากล่าวพลันส่ายหน้าอย่างระอา แสร้งทำทีท่าเสียใจ

เมื่อลู่เซิ่นเห็นฉินซีตกอยู่ในความอึดาอัด จึงรีบกล่าว “คุณปู่เช่ ฉินซีไม่ใช่คนแบบนั้น ในใจของเธอ ท่านอยู่สูงกว่าผม และสำคัญมากกว่าผม”

เขาตั้งใจกล่าวอย่างนอบน้อม เพื่อเยินยอปู่เช่

เมื่อปู่เช่ได้ยินอย่างนั้น เขาเกิดบ้ายอขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อตัวดี ปากหวานจังเลยนะ แกคงจะใช้วิธีนี้ ล่อลวงหลานสาวสุดสวยของฉันไปสินะ”

เขาจ้องมองลู่เซิ่นพร้อมกับหัวเราะออกมา ความเศร้าสร้อยเมื่อสักครู่หายไปสิ้น

ฉินซียืนมองปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่ อย่างไร้คำพูด

เธอไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายเลยสักนิด ว่าทำไมถึงได้คาดเดายากเสียเหลือเกิน

ปกติเค้าว่ากันว่าผู้หญิงยากที่จะเข้าใจ แต่ตอนนี้กลับสับเปลี่ยนเสียอย่างนั้น

ลู่เซิ่นกล่าวอย่างถ่อมตัว “ปู่เช่ ผมจริงใจต่อฉินซี แม้ว่าคำพูดหวานแหววจะใช้การได้ แต่เพียงพูดไม่กระทำ มีแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่จริงใจ”

ทีท่าจริงใจของเขา ทำให้ปู่เช่พึงพอใจเป็นอย่างมาก

ปู่เช่ลูปเคราสีเงิน พลันพยักหน้า “อืม แกมีความคิดแบบนี้ ทำให้ฉันมองไปเปลี่ยนไปเลย ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ฉินซีอยู่กับแก ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว”

ตั้งแต่ก้าวเข้าประตูมา อารมณ์ของปู่เช่ที่มีต่อเขานั้นไม่แน่นอนอยู่เสมอ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้ลู่เซิ่นรู้สึกเป็นกังวลมาตลอด

ลู่เซิ่นกังวลว่าปู๋เสี้ยจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว แต่ลู่เซิ่นหวังว่าจะได้รับการอวยพรจากผู้ใหญ่

ตอนนี้ ปู่เช่ได้คลายกังวลลงแล้ว

ลู่เซิ่นได้รับคำปลอบใจอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้าเองก็ชัดเจนขึ้น

“คุณปู่เช่ ท่านวางใจเถอะ ต่อจากนี้ผมจะดีต่อฉินซีเป็นสองเท่า ไม่ให้เธอต้องลำบากเสียใจ หากทำไม่ได้ ผม……”

ขณะที่ลู่เซิ่นกำลังจะสาบาน ฉินซีรีบปลี่ตัวเข้าไป

เธอยกมือขึ้นปิดปากของลู่เซิ่น จ้องมองลู่เซิ่นด้วยความโกรธ “ห้ามพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคล ได้ยินไหม!”

ฉินซีกล่าวอย่างดุดัน ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

ตอนนี้เธอเป็นกังวลอย่างมาก ว่าลู่เซิ่นจะจากไป

ฉินซีในอดีต เธอไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ แต่ตอนนี้ เธอมีคนที่เธอรัก จึงกลายเป็นคนที่ไร้ความกล้าขึ้นมาช้าๆ

ลู่เซิ่นนิ่งไป ก่อนที่จะยกหยักมุมปาก

ตอนนี้เขาถูกฉินซีปิดปากจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ จึงได้แต่พยักหน้ารับ

แต่ฉินซีกลับไม่พอใจในปฏิกิริยาของเขา คิดว่าเขาตอบรับเธอไปอย่างนั้น เพราะงั้นจึงกล่าวต่อ “ตอบคำถามฉันมา อย่าเอาแต่พยักหน้า”

เธอลืมซะสนิท ว่ามือของเขายังปิดปากของลู่เซิ่นเอาไว้อยู่ เมื่อสักครู่เพราะไม่อนุญาตติให้เขาพูดออกมา จึงปิดปากเขาแน่น จนยากที่จะเปล่งเสียงออกมา

ลู่เซิ่นจ้องมองทีท่าร้อนรนของเธอ ก่อนที่จะหัวเราะออกมา

เขายื่นมือออกมา ขณะที่คิดที่จะดึงมือของฉินซีออก ก็ได้ยินเสียงเตือนจากปู่เช่ที่อยู่อีกด้าน “หลานรักของฉัน แกปิดปากเขาอย่างนั้น จะให้เขาตอบคำถามยังไง”

ปู่เช่รู้สึกว่า ผู้หญิงที่อยู่ในห้วงแห่งความรัก ไอคิวก็จะลดลงไปด้วย ประโยคนี้ไม่ผิดเลยสักนิด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท