Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1581 จากไปพร้อมกัน

บทที่ 1581 จากไปพร้อมกัน

ลู่เซิ่นไม่เคนคิดว่าเขาจะเห็นสายตาแบบนี้บนใบหน้าของฉินซี

ความรู้สึกสิ้นหวัง ตำหนิตัวเอง น้อยใจ และเสียใจ กลับมีความโกรธที่ไม่สามารถบรรยายได้แฝงอยู่ด้วยเล็กน้อย

น้ำตาของเธอหยดลงมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ฉินซีกลับดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ เธอปล่อยให้น้ำตาหยุดใหญ่ไหลลงมา โดยไม่เช็ดออกเลย

ความจริงแล้วเรื่องใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองแลกกับเสรีภาพของฉินซีนี้ เขาวางแผนเอาไว้นานแล้ว

นับตั้งแต่ที่เขารู้มาจากถังย่าว่าปกติแล้วเมื่อคนขององค์กรจะออกจากองค์กรจะต้องตัดมือข้างหนึ่ง เขาก็เลยเกิดความคิดขึ้นมา

นี่คือไพ่ตายใบสุดท้ายของเขา และก็เป็นวิธีสุดท้ายที่จะถอนตัวออกไปได้

เขาปฏิบัติการอย่างรอบคอบทุกฝีก้าว ติดตั้งกับดักทีละอันๆ แล้วในที่สุดเขาก็ทำให้จ้านเซินเข้าไปในกับดักของเขาได้ และเมื่อทำกลอุบายของเขาให้สำเร็จได้ในที่สุด เขาก็โล่งอกแล้ว

ดังนั้นตอนที่เขายกมือขึ้นมาตัดข้อมือขวาของตัวเองเขาจึงไม่มีความลังเลเลย ในใจของเขาผ่อนคลายมาก ถึงขั้นที่ว่ายังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขาอีกด้วย

เพราะว่าเขาคิดถึงชีวิตที่ได้อยู่ด้วยกันกับฉินซีในอนาคต

ไม่มีสิ่งกีดขวางที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครเข้ามาก่อกวนแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน ไม่มีความรู้สึกไม่สบายที่ต้องหลบซ่อน พวกเขาสามารถจับมือกันและกอดภายใต้แสงอาทิตย์ได้อย่างมีความสุข และชดเชยเรื่องที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ทำมาก่อนหน้านี้

เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว และเมื่อเขาได้ทำมัน เขาไม่เคยเสียใจเลยสักนิด

แต่ในเวลานี้ เมื่อได้เห็นสายตาของฉินซี เขากลับรู้สึกเสียใจเมื่อสำนึกได้ในภายหลัง

……ทำไมฉินซีถึงดูเศร้าโศกเสียใจขนาดนี้ด้วยล่ะ?

ลู่เซิ่นอยากจะยกมือขึ้นมาโอบกอดเธอ อยากจะมีรอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้า แล้วบอกเธอว่าความจริงแล้วทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอไม่จำเป็นต้องเศร้าโศกเสียใจและสิ้นหวังขนาดนี้แล้ว

พวกเขากำลังจะต้อนรับชีวิตใหม่เข้ามาแล้ว จะต้องดีใจหน่อย

แต่เพราะว่าเสียเลือดมากเกินไป ทำให้ตอนนี้ลู่เซิ่นอ่อนแอมาก เขาอยากจะยกมือขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงมันสามารถขยับได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น เขาอยากจะยิ้มให้ฉินซี แต่ในตอนนี้บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด รอยยิ้มนั้นจึงไม่สะดุดตามากเท่าไหร่

ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรง

เหมือนกับว่าเขาไม่เคยนอนหลับฝันดีมานานมากๆแล้วอย่างไรอย่างนั้น ความเหน็ดเหนื่อยก็เหมือนกระแสน้ำในเขื่อนกั้นน้ำที่พุ่งทะลักขึ้นมาจนเกือบจะท่วมเขาแล้ว

“ฉินซี……อย่าร้องไห้……”

เขาพึมพำออกมา แต่กลับไม่ได้ตระหนักเลยว่าเสียงของตัวเองเบามาก

เขากะพริบตาช้าๆ ราวกับว่าบนหนังตาของเขามีภูเขาสามพันลูกกดทับให้ลดต่ำลงมา เขาจะต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมดให้ได้ จึงจะสามารถประคองดวงตาที่เปิดอยู่ไม่ให้ปิดลง

ในหัวใจของลู่เซิ่นรู้อย่างชัดเจนเป็นอย่างดีว่า ความเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้คือผลที่เกิดจากการเสียเลือดมากเกินไป เขาไม่สามารถนอนหลับหรือหลับตาได้ไม่เช่นนั้น เขาก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย…

อย่างไรก็ตาม แม้ในหัวใจของลู่เซิ่นจะรู้อย่างชัดเจนเป็นอย่างดี แต่ความอ่อนล้าทางกายแทบจะทับถมเขาจนพังทลายไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองพยายามจนถึงที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางยืนให้ตรงได้เลย

ตอนที่เห็นลู่เซิ่นยืนไม่มั่นคงสีหน้าของฉินซีก็เปลี่ยนไปแล้ว

บริเวณโดยรอบอึกทึกครึกโครมเกินไป เธอจึงไม่ได้ยินว่าลู่เซิ่นขยับปากพูดพึมพำอะไร แต่กลับเห็นร่างกายของเขาค่อยๆล้มไปด้านหลัง และดวงตาก็ปิดลงอย่างช้าๆ

เธอกับลู่เซิ่นเข้าใจอย่างชัดเจนไม่ต่างกัน ว่าปฏิกิริยาเหล่านี้ของลู่เซิ่นในขณะนี้ เป็นอาการของการสูญเสียเลือดมากเกินไป

จะให้เขานอนหลับไม่ได้!

ฉินซีสาวเท้าก้าวพรวดๆกลับไปอยู่ข้างๆลู่เซิ่น แล้วยื่นมือออกไปพยุงลู่เซิ่นที่กำลังจะล้มลงมาเอาไว้ แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งและสะอึกสะอื้นเล็กน้อยว่า “อย่าหลับนะ……ลู่เซิ่น ขอร้องล่ะ……อย่าหลับนะ……เรากำลังลงเขาแล้ว……กำลังลงไปแล้ว……”

เธอแทบจะเกลียดตัวเองไปแล้วเล็กน้อย เมื่อคืนวานจะมาดูดาวโดยไม่มีสาเหตุทำไมกันนะ ถ้าตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างล่างภูเขา อย่างน้อยการเดินทางไปโรงพยาบาลยังใกล้ขึ้นมาอีกสักนิด!

ลู่เซิ่นลืมตาโดยใช้แรงเยอะมาก แต่หนังตาของเขายังคงปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง และริมฝีปากก็ขยับไปมา ราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไร แต่เสียงลมที่อยู่รอบๆตัวเขานั้นดังเกินไป ฉินซีก็อยู่ข้างๆเขาแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย

ในหัวใจของฉินซีรู้สึกเป็นกังวลมาก

ลู่เซิ่นกำลังพูดอะไรอยู่?

ทำไมเสียงลมถึงได้ดังขนาดนี้นะ? แล้วลมที่แรงขนาดนี้มาจากที่ไหนกันเนี่ย!

เมื่อกี้…มีลมแรงแบบนี้ไหม?

ฉินซีชะงักไปชั่วครู่

……ดูเหมือนว่า จะไม่มีเลยนะ

งั้นเสียงลมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ มาจากไหนกัน?

ราวกับว่าเธอมีโทรจิตอย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

——บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ดูเหมือนว่าจะมีจุดสีดำๆจุดหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ

ฉินซีมีสติรู้ตื่นและเข้าใจขึ้นมาในชั่วพริบตาว่า

——นี่ไม่ใช่ลมที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติแต่อย่างใด แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังใกล้เข้ามา

แต่การรับรู้นี้ไม่ได้ทำให้เธอวางใจลงไปได้เลย แต่กลับยิ่งทำให้เธอต้องคว้าเสื้อของลู่เซิ่นเอาไว้ด้วยความประหม่ามากขึ้น

ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เป็นที่ทราบว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยลำนี้ แท้จริงแล้วเป็นคนของพวกเขา หรือว่า….ทางหนีทีไล่ที่จ้านเซินเหลือเอาไว้?

ฉินซีไม่มีความมั่นใจ หัวสมองของเธอจึงทำการคำนวณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ลู่เซินค่อยๆตกอยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ แม้ว่าตัวฉินซีเองจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าลำพังเธอคนเดียวพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลที่อยู่ข้างล่างภูเขา แน่นอนว่าจะต้องล่าช้าเสียเวลาไปไม่น้อย

ถึงเวลานั้นจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้น……เธอไม่อยากจะคิดเลย

ตอนนี้จ้านเซินไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกรงว่าจะเขาเพียงแค่ถูกการกระทำที่ตัดขาดไมตรีของลู่เซิ่นเมื่อสักครู่นี้ทำให้สงบนิ่งอยู่เท่านั้น เธอรู้จักจ้านเซินดี เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะถูกสัญญาที่เขาไม่ได้สนใจไยดีเหล่านี้รั้งเอาไว้ได้

พอเขามีสติกลับมา เกรงว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างกับตัวเองและลู่เซิ่นอีก

ตอนนี้ลู่เซิ่นมีแค่เธอเท่านั้น แต่ในฝั่งของจ้านเซินนั้น นอกจากถังย่าแล้ว ยังมีมืออันธพาลที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์อยู่อีกสองคน

เพียงแต่ในที่แห่งนี้มีคนมากมายขนาดนี้ ถ้าจ้านเซินมีความคิดว่าจะขัดขาของพวกเขาให้ล้มลง จะถอนตัวออกไปคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเสียแล้ว

ถ้าในเฮลิคอปเตอร์ที่มายังคงเป็นคนขององค์กร เกรงว่าเธอกับลู่เซิ่นคงไม่มีโอกาสได้ถอนตัวออกไปแล้วจริงๆ

ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ……

รอยยิ้มที่เฉียบขาดปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉินซีแล้ว

งั้นเธอก็จากโลกใบนี้ไปพร้อมกับลู่เซิ่น

ก่อนที่เธอจะขึ้นไปอยู่บนเขา เพราะว่าเธอไม่รู้การตัดสินใจของลู่เซิ่นเลย ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดลงไปว่า ถ้าไม่สามารถถอนตัวได้ เธอก็จะตายไปซะ

คิดไม่ถึงเลยว่าเส้นทางบนยอดเขาที่คดเคี้ยววกวน สุดท้ายก็ยังเดินอยู่บนถนนเส้นนี้อยู่ดี

แต่เนื่องจากเธอวางแผนนี้ไว้นานแล้ว และมันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนี้จริงๆ เธอจึงไม่รู้สึกกลัวเลย

เธอก็แค่เสียดายอยู่นิดเดียวเท่านั้น

เสียดายที่พวกเขายังมีเวลาตั้งหลายสิบปีที่จะได้อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

ชาติหน้า……พวกเขาก็จะขอเป็นแค่คนธรรมดาๆสองคนก็แล้วกัน ได้รักกันและอยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข ใช้ชีวิตด้วยสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพ จึงจะสามารถชดเชยความเสียใจทั้งหมดที่ได้รับในชาตินี้ได้

แต่ฉินซีกลับนึกไม่ออกว่าใครจะขับเฮลิคอปเตอร์และมาปรากฏตัวที่นี่ได้

คนที่มาคือคนที่มาช่วยพวกเขา อัตราความเป็นไปได้ของเรื่องแบบนี้มีน้อยมาก จนถึงขั้นที่ว่าเธอไม่กล้าไปป่าวประกาศความหวังนี้เลย

เพียงแต่สายตาของเธอได้เหลือบมองไปเห็นจ้านเซินกับถังย่าเข้า ดูเหมือนว่าพวกเขาก็กำลังจ้องมองเฮลิคอปเตอร์เช่นกัน สีหน้าที่อยู่บนใบหน้า…..ก็ดูเหมือนว่าจะประหลาดใจมากเช่นกัน

หรือว่านี่จะไม่ใช่เครื่องบินขององค์กรจริงๆ?

ฉินซีมีข้อสงสัยบางอย่าง แต่เครื่องบินกลับค่อยๆเข้ามาใกล้ และลงจอดอย่างช้าๆแล้ว

มองจากภายนอกอย่างเดียว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เครื่องบินเหล่านั้นขององค์กรจริงๆ

แต่ฉินซียังไม่กล้าปล่อยวางหัวใจที่ระแวดระวังลงไป เธอจึงขยับตัวเล็กน้อย แล้วเอาลู่เซิ่นไปบังไว้ข้างหลังของตัวเอง ในขณะที่กำลังมองดูประตูเครื่องบินเปิดออกด้วยสีหน้าที่ระแวดระวัง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท