TXV – 321 ใช้ให้คุ้มค่าที่สุด !
แก๊งแก๊งกิ้ง
แต่แล้วหลังจากการจู่โจมในครั้งแรกความเร็วในการโจมตีของอันซูฮยอนก็ได้เพิ่มขึ้น ความแรงในการแทงเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อดูจากความเร็วและความแรงของการโจมตีแล้ว ถ้าเซี่ยเหล่ยโดนเข้าก็คงเจ็บไม่น้อย
แต่ถึงอันซูฮยอนจะโจมตีรวดเร็วและรุนแรงแค่ไหนแต่ก็ไม่มีผลต่อเซี่ยเหล่ยเลย ด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ย เขาสามารถหลบและบัดการโจมตีที่ลื่นไหลเหมือนกับสายน้ําของอันซูฮยอนได้อย่างยอดเยี่ยม
“คุณทําอะไรของคุณ?” เสียงของถ่างปั่วฉวนพูดออกมาผ่านหูฟังขนาดเล็กแล้วก็พูดต่อทันทีว่า “เราไม่มีเวลาแล้วนะ!”
เซี่ยเหล่ยต้องโดนการโจมตีของอันซูฮยอนและแพ้ไปในที่สุดนี้คือแผนการที่ถ่างปั่วฉวนวางเอาไว้แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้แต่หลบหลีกตั้งแต่ต้นทําให้ยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ครั้งเดียว
“จะทําอย่างไรดีนะ?” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
การที่อันซูฮยอนโจมตีไม่โดนเลยนี้ก็ทําให้เขารู้สึกอับอายเหมือนกัน เขาหวังไว้ในตอนแรกว่าจะจัดการเซี่ยเหล่ยได้ไม่ยากเพราะเขาถือว่าเป็นแชมป์ฟันดาบมือสมัครเล่นของเกาหลีใต้ แม้ความสามารถจะยังห่างชั้นกับแชมป์มืออาชีพแต่ฝีมือก็ไม่ได้ถือว่าแย่แต่ตอนนี้เขาโจมตีไปมากกว่า 20 ดาบแล้วแต่ยังไม่สามารถโจมตีโดนเลยแม้แต่เสื้อผ้าเองก็ยังไม่โดน มันผิดกับสิ่งที่เขาคิดไว้ในตอนแรกอย่างมาก!
อย่างไรก็ตามสายตาของผู้ชมที่ยืนมุงดูการดวลดาบครั้งนี้ระหว่างเซี่ยเหล่ยและอันซูฮยอน พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าอันซูฮยอนไม่สามารถโจมตีเซี่ยเหล่ยได้เลย พวกเขายังคงมองว่าการโจมตีของอันซูฮยอนนั้นสุดยอดมากและพวกเขาคิดกันว่าอันซูฮยอนสามารถจะจัดการกับเซี่ยเหล่ยเมื่อไหร่ก็ได้
จากความคิดเช่นนั้นทําให้แขกบางคนในตอนนี้ได้ปรบมือให้กับการโจมตีที่ลื่นไหลและดุดันของอันซูฮยอนโดยไม่รู้ถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานการณ์
เฉินตูเทียนหยินที่เห็นการต่อสู้มาตั้งแต่แรก เธอทนไม่ได้จึงพูดออกมาว่า “เหล่ย คุณทําอะไรอยู่? ตอบโต้ไปซิ! ทําไมไม่ตอบโต้กลับไปเลย?”
ดูเหมือนว่าเสียงกระตุ้นของเฉินตูเทียนหยินจะได้ผลเซี่ยเหล่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่ง ก้าวอย่างรวดเร็วพร้อมกับกําลังจะแทงไปที่อันซูฮยอน
แคว้กกกกกกกกก!!!
เป้ากางเกงของเซี่ยเหล่ยขาด
อันซูฮยอนกลับมายืนในท่าปกติพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซี่ย คุณเป็นนักแสดง ตลกหรือเปล่า? แม้แต่สถานการณ์ในตอนนี้คุณก็ยังทําเรื่องตลกออกมาได้ ผมต้องยอมรับในความสามารถของคุณจริงๆ ฮ่าฮ่า…”
แขกในงานที่กําลังดูการต่อสู้กันอยู่ต่างพากันอมยิ้มและหัวเราะกันถ้วนหน้า
ผิดกับใบหน้าของเฉินตูเทียนหยินในตอนนี้ เธอไม่มีแม้แต่รอยยิ้มสีหน้าของเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนเลยว่า เธอรู้สึกผิดหวังในตัวเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมากสิ่งที่เธอต้องการจะเห็นคือการที่เซี่ยเหล่ยสามารถเอาชนะอันซูฮยอนได้อย่างสง่างามนั่นจะทําให้สถานะของเซี่ยเหล่ยในเกาหลีดูดีขึ้นมาบ้าง
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “ผมจะไปเปลี่ยนกางเกง รอผมก่อน ผมจะกลับมาเอาชนะคุณแน่
“โอเค ผมจะรอ” อันซูฮยอนพูดด้วยน้ําเสียงเหยียดหยันพร้อมพูดต่อว่า “คราวนี้ คุณควรจะเปลี่ยนกางเกงให้ดีไปเลยนะ เพราะถ้าครั้งหน้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมจะไม่ให้โอกาสคุณอีกครั้ง”
เมื่อพูดจบ เซี่ยเหล่ยก็เดินออกจากห้องโถงไป
เฉินตูเทียนหยินมองตามหลังเซี่ยเหล่ยในขณะที่เขากําลังเดินออกไปแม้ว่าเธอจะรู้สึกผิดหวังกับการกระทําของเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมากแต่อีกใจหนึ่งของเธอก็รู้สึกซาบซึ้งกับเซี่ยเหล่ยไม่น้อย จู่ๆในตอนนี้ภาพในอดีตที่พวกเขาเคยมีร่วมกันก็ได้ผุดเข้ามาในหัวของเฉินตูเทียนหยิน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเธอจากกู้เค่อหญ่หรือการที่รักษาเฉินตูเหยินโดยการฝังเข็มจนพ่อของเธอสุขภาพดีขึ้นอย่างมาก…
“นี่ฉันขอเขามากเกินไปหรือเปล่า ฉันไปกดดันอะไรเขามั้ยนะ ?” เฉินตูเทียนหยินคิดขึ้นในใจเนื่องจากภาพในอดีตที่ผุดขึ้นมาให้หัวเมื่อกี้นี้ทําให้เฉินตูเทียนหยินคิดขึ้นได้ว่าเซี่ยเหล่ยช่วยเหลือเธอไว้มากจริงๆ
อันซูฮยอนเดินไปด้านข้างของเฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เทียนหยิน เนื่องจากคุณเซี่ยเป็นเพื่อนของคุณ ผมจึงยั้งมือและอ่อนข้อให้กับเขาแต่ผมไม่คิดว่าเขา…. นี่ที่จริงเขาเป็นนักแสดงตลกหรือเปล่า แต่ผมว่าเขาตลกจริงๆ”
เฉินตูเทียนหยินต้องการจะพูดแก้ต่างให้กับเซี่ยเหล่ยแต่คําพูดของเธอก็หยุดอยู่เพียงแค่ที่ลําคอเท่านั้น สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรออกไป
ในขณะเดียวกันเซี่ยเหล่ยก็เดินไปตามทางที่จะไปห้องสมุดของอันกวน แม้ว่าที่ห้องโถงจะมีผู้คุ้มกันคอยเฝ้าอยู่มากแต่ตรงทางเดินนี้ไม่มีใครเฝ้าอยู่เลย แต่ไม่นานเซี่ยเหล่ยก็ได้ยินเสียงเท้าขึ้น เขาใช้ความสามารถของตาซ้ายก็พบว่าเป็นฉิงเสวียงและด้านข้างของเธอก็เหมือนจะมีบอดี้การ์ดนอนล้มอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกับกางเกงของคุณ?” ฉิงเสวียงถามเมื่อเห็นกางเกงของเซี่ยเหล่ย
“คุณฆ่าเขาเหรอ?” เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบคําถามของฉิงเสวียงแต่เขาถามถึงบอดี้การ์ด ที่นอนอยู่ตรงนั้น
พวกเขาถามคําถามที่ต่างกันในเวลาที่พร้อมกัน
เซี่ยเหล่ยยิ้มเจื่อนๆจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจกางเกงของผมหรอก เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ”
“ฉันเองก็ไม่ได้ฆ่าพวกเขาแค่ทําให้สลบไป” ฉิงเสวียงพูด
ทั้งสองคนเดินมาจนถึงห้องสมุด เซี่ยเหล่ยรีบใส่รหัสบนแป้นแล้วรีบแสกนลายนิ้วมือหลังจากนั้นไม่นานประตูก็ปลดล็อค
เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกไปเปิดประตูห้องสมุดแต่จังหวะที่กําลังจะเปิดเซี่ยเหล่ยก็จําได้ว่า มีกล้องวงจรปิดถูกติดไว้อยู่ด้วย ถ้าเซี่ยเหล่ยและฉิงเสวียงเข้าไปโดยไม่จัดการกับกล้องเสียก่อน สัญญาณเตือนจะดังขึ้นทันทีแม้ว่าที่นี่จะไม่มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครคอยดูห้องนี้อยู่
“กล้องวงจรปิดที่หน้าทางเข้าดูจะเป็นปัญหากับเรา” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“ใจเย็นไว้ก่อน หลงบิงจะจัดการเรื่องนี้เอง” ฉิงเสวียงพูดต่อทันทีว่า “เหมือนว่าหลงบิงจะให้เค่อเจียเป็นคนจัดการในเรื่องนี้”
“คุณแน่ใจมั้ย?” เซี่ยเหล่ยถามฉิงเสวียง
“ฉันแน่ใจ” เสียงตอบนี้ไม่ใช่เสียงของฉิงเสวียงแต่เป็นเสียงของหลงบิงที่พูดออกมาผ่านหูฟังขนาดเล็ก
เมื่อได้ยินแบบนี้เซี่ยเหล่ยก็เปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อกําลังจะเข้าไปในห้องเซี่ยเหล่ยก็ถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกทั้งหมด
“สัญญาณเตือนภัยจะดังใช่ไหม?” ฉิงเสวียงพูดขึ้นเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ถึงแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะยังไม่ทันได้พูดอะไรแต่เมื่อเธอเห็นการกระทําของเซี่ยเหล่ย เธอก็สามารถเข้าใจได้ในทันที
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแล้วก็พูดว่า “ใช่ มันมีอุปกรณ์ตรวจจับอยู่”
ด้านฉิงเสวียงเองก็ปลดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกจนหมด
ทั้งคู่เข้าไปในห้อง เซี่ยเหล่ยเดินตรงไปยังชั้นหนังสือทันที เขาหยิบหนังสือเล่มเดียวกับที่อันซูฮยอนหยิบขึ้นมาก่อนหน้านี้ทันทีที่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออก ชั้นหนังสือก็ถูกเลื่อนออกโดยกลไลเผยให้เห็ประตูโลหะที่ถูกซ่อนไว้
เมื่อฉิงเสวียงเห็นประตูโลหะบานนี้เธอก็เลียลิมฝีปากแล้วพูดขึ้นทันทีว่า ” ประตู Germany Novo มันเป็นประตูที่ต้องใช้เงินมากกว่าหนึ่งล้านในการเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นเจ้านี่ฉัน เองก็เปิดมันออกด้วยตัวเองไม่ได้ เหล่ย คุณเอาลายนิ้วมือมาด้วยใช่ไหม? ”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร เขารีบลงมือทันที เขารีบแสนกลายนิ้วมือทั้งห้านิ้วจากนั้นก็หมุนวงล้อล็อคเพื่อปลดล็อคอย่างรวดเร็ว
“แกรักแกรัก…” เสียงกลไลทํางานประตูได้ถูกปลดล็อคและเปิดออก
เมื่อเข้าไปแล้วเซี่ยเหล่ยรีบตรงไปยังเป้าหมาย เขาไม่เสียเวลาไปกับของชิ้นอื่นที่ไม่ ได้สนใจ เขาตรงเข้าไปและหยิบดาบอาทิสล่าขึ้นมา เขารู้สึกได้ทันทีว่ามันหนักมากเขาประมาณน้ําหนักไว้ที่ราวๆ 30 กิโลกรัม นี่ทําให้เซี่ยเหล่ยค่อนข้างที่จะแปลกใจว่าทําไมมันหนักขนาดนี้ เพราะทั้งขนาดและวัสดุที่ดูจากภายนอกมันไม่น่าจะมีน้ําหนักขนาดนี้ได้!
“มันไม่ใช่เหล็กธรรมดาใช่ไหม” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยจะอยากรู้เกี่ยวกับดาบอาทิสล่ามากขนาดไหนแต่เวลานี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาหันไปทางซ้ายก็พบว่าฉิงเสวียงกําลังสนใจภาพเก่าๆและหนังสือโบราณที่วางอยู่ที่ชั้นวาง
เซี่ยเหล่ยเห็นท่าทางของฉิงเสวียงก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเธอต้องการที่จะทําอะไร เซี่ยเหล่ยกําลังจะไปหยุดเธอไว้ แต่เขาก็ยังลังเลใจและยังไม่ได้ไปหยุดเธอ
“นั่น… “ ฉิงเสวียงมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างกระหายพร้อมพูดขึ้นต่อว่า “มันจะทําเงินให้เราได้เล็กๆน้อยๆ คุณไม่สนใจงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อยากจะเอาอะไรไปก็แล้วแต่ ไม่ต้องห่วงผมไม่บอกหลงบิงและถ่างปั่วฉวนหรอก แต่ให้มันเป็นของชิ้นเล็กๆก็แล้วกันมันจะได้ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการขน ย้าย”
หลังจากเซี่ยเหล่ยพูดจบฉิงเสวียงก็หยิบของสะสมของอันกวนเข้ากระเป๋าสีดําอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รีบออกจากห้องสมุด เซี่ยเหล่ยส่งดาบให้กับฉิงเสวียง หลังจากนั้นก็รีบเดินไปหากางเกงเปลี่ยนเพราะเขาจะต้องกลับไปดวลดาบต่อกับอันซูฮยอน
ในตอนนี้เมื่อมาคิดให้ดีแล้วแผนการของถ่างปั่วฉวนที่ต้องให้เซี่ยเหล่ยได้รับบาดเจ็บจนต้องยอมแพ้แล้วกลับไป ถ้าเกิดอันซูฮยอนหรืออันกวนเข้าไปตรวจห้องสะสมของโบราณทันทีก็จะทําให้เซี่ยเหล่ยไม่มีเวลาเข้าไปขโมยได้ ซึ่งดูแล้วแผนการกางเกงขาดดูจะได้ผลดีกว่าแผนการของถ่างปั่วฉวน
เสียงของถ่างปั่วฉวนดังขึ้นผ่านหูฟังว่า “จัดการแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อย” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ผมเตรียมกางเกงตัวใหม่ไว้ที่ห้องน้ําชั้นแรก” ถ่างปั่วฉวนพูดต่อ
มุมปากของเซี่ยเหล่ยยิ้มขึ้นและพูดตอบไปว่า “รับทราบ ผมจะไปทันที”
ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ถ่างปั่วฉวนได้เตรียมกางเกงไว้ให้เรียบร้อยเพราะถ้าต้องเดินกลับไปเอากางเกงใหม่ในตอนนี้คงจะเสียเวลามากจนผิดสังเกตได้
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปที่ห้องน้ําชั้นแรก สิ่งแรกที่เห็นคือซองบุหรี่ที่วางไว้ดูแล้วคิดว่าคงจะเป็นของถ่างปั่วฉวน ใกล้ๆกันก็มีถ่างปั่วฉวนยืนอยู่และมีถุงพลาสติกวางในอ่างภายในถุงพลาสติกมีกางเกงขายาวถูกเตรียมไว้ให้แล้ว
“รีบถอดกางเกงของคุณออก” ถ่างปั่วฉวนพูดต่อว่า “ผมจะออกไปก่อน แล้วคุณค่อยตามออกไป มันจะทําให้เราไม่ถูกสงสัย”
ขณะที่เซี่ยเหล่ยถอดกางเกงเขาก็พูดไปด้วยว่า “ผมได้มอบดาบให้กับฉิงเสวียงแล้ว คุณต้องรีบนํามันกลับไปที่ประเทศจีนโดยเร็วนอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมแผนการหลบหนี สําหรับผมให้กลับถึงประเทศจีนได้ด้วยเช่นกัน ”
ถ่างปั่วฉวนสะบัดขี้บุหรี่จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อย่ากังวลไป ผมได้เตรียมแผนการไว้แล้ว ถ้าหากผิดพลาดยังไงก็ยังมีแผนสองไว้คอยแก้สถานการณ์แล้วด้วย”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไรเขายังคงรีบใส่กางเกง ส่วนถ่างปั่วฉวนก็รีบออกจากห้องน้ําไป
หลังจากเปลี่ยนกางเกงเสร็จ เซี่ยเหล่ยก็เดินกลับไปที่ห้องโถงจังหวะที่เดินเข้าไปบรรดาแขกในงานต่างพากันมองมาที่เซี่ยเหล่ยเป็นตาเดียวกัน
หลายๆคนต่างพากันกระซิบในขณะที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้ามา
“ดูนักแสดงตลกชาวจีนที่เข้ามาสิ” แขกในงานพูดขึ้น
“ดูไปที่ผู้ชายชาวจีนที่แสดงตลกคนนั้นสิ ถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะไม่กลับมาแพ้ให้เสียหน้าคนอื่นหรอกนะ” แขกในงานพูดขึ้น
“ผู้ชายคนนั้นคงหน้าด้านสินะ” แขกในงานพูดขึ้น
” หรือเขาจะกลับมาแสดงตลกให้พวกเราดูอีกงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า”แขกในงานพูดเยาะ
เย้ย
แม้ว่าเฉินตูเทียนหยินจะไม่เข้าใจภาษาเกาหลีแต่เธอก็พอจะรู้ว่าคนเหล่านี้ต่างพากัน หัวเราะเยาะเย้ยเซี่ยเหล่ยนั่นทําให้เธอเดินไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วพูดกับเขาว่า “เหล่ย เรากลับกันเถ อะ”
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดอะไร อันซูฮยอนก็รีบพูดขึ้นก่อนว่า “คุณเซี่ย คุณยังมีความกล้าที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้งสินะ เมื่อครู่นี้ผมได้พนันกับเพื่อนๆของผมเอาไว้ว่าคุณจะไม่กลับมาอีก ดูเหมือนผมจะแพ้พนันซะแล้ว ในเมื่อคุณกลับมาแล้วเรามาเริ่มกันต่อเลยดีกว่า!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มขึ้นก่อนพูดว่า “ตกลง เรามาตัดสินให้รู้แพ้รู้ชนะกัน”
“คุณ … นงั้นเหรอ?”
“ เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “คุณไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าเฉินตูเทียนหยินอยากจะพูดออกไปตรงๆ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เธอจึงต้องพูดอ้อมๆกับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มขึ้นอย่างจริงใจพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป ผมรู้ว่าผมกําลังทําอะไรอยู่”
เฉินตูเทียนหยินตะลึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดการที่เธอจะตกใจก็ไม่แปลกเพราะตอนนี้ความรู้สึกและท่าทางของเซี่ยเหล่ยที่แสดงออกมา กลับมาเป็นเซี่ยเหล่ยคนเดิมที่เฉินตูเทียนหยินเคยรู้จักแล้ว
จังหวะนี้อันซูฮยอนก็หยิบดาบแล้วโยนไปให้เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยรับดาบที่โยนมา จากนั้นก็ตั้งท่าโดยมีเป้าหมายอยู่ที่อันซูฮยอน