*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
———————————————————————————————–
ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เลย. เขาบอกให้ไดอาน่าส่งผ้าให้เธอ, นั่นแปลว่า “ข้าเอาเสื้อให้เจ้าแล้ว. ข้าจะมาข่มขืนเจ้าได้ยังไง?”
“ค่ะ, เจ้านาย”
ไดอาน่ารู้สึกกลัวเล็กน้อยแต่นางก็รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปหายักษ์สาวนั่น.
เป็นอย่างที่คิดเลย ขณะที่ไดอาน่าเดินเข้าไป ยักษ์สาวก็ไม่ได้ทำตัวดุร้ายเพราะนางเป็นผู้หญิงเหมือนกัน.
เมื่อไดอาน่าส่งเสื้อผ้าสีสดใสให้ ยักษ์สาวนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เธอก็รับไว้. เธอมองมันด้วยความระแวงและดมกลิ่นด้วย. ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมันมากเพราะสายตาของเธอเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ.
“[email protected][email protected]!%@^$&…..”
ยักษ์สาวพึมพำอะไรซักอย่างให้ไดอาน่าแล้วค่อยยื่นมือออกไปหาเธอ.
“ฟุ่บ!”
เย่เทียนขยับตัว.
“เจ้านายคะ นางไม่ได้จะทำร้ายข้า!”
ไดอาน่าหยุดเย่เทียนไว้และยื่นมือเธอออกไปเช่นกัน.
“นี่เจ้าเข้าใจที่นางพูดรึ?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย.
“ไม่ค่ะเจ้านาย.ภาษาของนางไม่เคยมีบันทึกไว้ก่อนและข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเช่นกัน แต่ข้ารู้สึกได้ว่านางไม่ได้จะทำร้ายข้า. นางน่าจะซาบซึ้งข้ามากกว่าค่ะ”
ไดอาน่าส่ายหัวและอธิบายให้เย่เทียนฟัง. ขณะเดียวกัน มือของนางเองก็ถูกยักษ์สาวจับไว้แล้วและนางก็ส่งยิ้มดีใจให้เธอ.
“เจ้าสื่อสารกับนางได้หรือป่าว?”
เย่เทียนถามอย่างคาดหวัง.
“เจ้านายผู้น่าเคารพของข้า, ข้าสามารถลองสื่อสารกับนางได้. แม้เราจะไม่ได้พูดภาษาเดียวกันแต่พระเป็นเจ้าก็ช่วยให้เราสื่อสารกันได้ด้วยอารมณ์และท่าทางค่ะ. เราสามารถสื่อสารกันได้ด้วยสิ่งนั้น แม้แต่ดวงตาเองก็เป็นหน้าต่างของหัวใจได้”
ไดอาน่าพูดด้วยความมั่นใจ. เธอพูดได้ดีมาก.
จากนั้นไดอาน่าก็พยายามสื่อสารกับยักษ์สาวด้วยวิธีต่างๆ และแน่นอนว่า ส่วนใหญ่ก็ผ่านท่าทาง.
พอมองดูอย่างนี้แล้วไดอาน่าดูเป็นคนมีพรสวรรค์เหลือเกิน. เธอสามารถสื่อความหมายกับยักษ์สาวผ่านท่าทางได้. เธอทำให้ยักษ์สาวพยักหน้าและส่ายหัวเป็นครั้งคราว, เย่เทียนเองก็ยืนงงไปพักนึงเช่นกัน. และแน่นอนว่าเขาก็รู้สึกยกย่องเธอกว่าเดิมด้วย.
ผ่านไปหลายชั่วโมง ไดอาน่าและยักษ์สาวก็หยุดคุยกัน.
จากมุมมองของเย่เทียนแล้ว, ความเกลียดของยักษ์สาวที่มีต่อเขาได้ค่อยๆจางหายไปแล้ว. ค่าความภักดีของนางก็ดันขึ้นมา10ด้วย.
“เจ้านายคะ นางอยากจะอยู่ที่นี่ซักพัก แต่ตอนนี้นางบอกว่าหิวและอยากจะกินอะไรซักอย่าง…..”
ไดอาน่าหันมาพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดกับเย่เทียนด้วยสายตาภูมิใจ. ดูเหมือนว่าการสื่อสารนี้ต้องใช้ความสามารถพอตัวเลย.
“ขอบคุณพระเจ้าที่มีเจ้าอยู่ข้างกายข้า ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่รู้วิธีจัดการกับยักษ์สาวนี้แน่”
เย่เทียนยิ้มแล้วพูด “ถ้านางหิวล่ะก็ พานางไปที่ครัวแล้วหาอะไรให้เธอกินซะ!”
“โอเคค่ะเจ้านาย”
ไดอาน่าพยักหน้าแล้วพูดด้วยความเขินอาย “เจ้านายคะ, เมื่อตะกี้นี้นางเข้าใจผิดว่าท่านอยากจะร่วมรักกับนางด้วยกำลัง เพราะนางได้กลิ่นชายที่แข็งแกร่งออกมาจากตัวท่าน”
“นี่นางไม่คิดหรือไงว่าตัวเองสูงขนาดนั้นน่ะ?”
พอได้ยินที่ไดอาน่าพูด เย่เทียนเกือบจะล้มพับลงด้วยความโมโหและพูดเชิงตลกออกไป.
“พาเธอไปที่ครัวซะ, ให้นางได้ลิ้มรสเสน่ห์มายาของความเจริญของมนุษย์. ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าถ้านางได้กินอาหารข้าเข้าไปแล้ว นางจะยังอยากกลับไปใช้ชีวิตในป่าอยู่!”
เย่เทียนพูดด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจยักษ์พวกนี้มากมายอีกต่อไปแล้ว.
จากที่เห็นแล้วว่าพวกนี้ตาขาวแค่ไหน มันคงจะยากถ้าจะฝึกให้พวกนี้เป็นนักรบเก่งๆ.
แต่เขาก็รู้อยู่ว่ามียักษ์ที่ซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้. เขาคงจะไม่หนำใจแน่ถ้าไม่ได้ฝึกพวกนี้ให้เป็นนักสู้แกร่งๆ.
เพราะมีไดอาน่าตามมาด้วย ยักษ์สาวเองก็ดูเหมือนจะไม่กลัวเย่เทียนอีกแล้ว. นางเดินตามเขาช้าๆ พร้อมกับสายตาระแวง.
สำหรับพวกเขาแล้ว โลกมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความน่าพิศวงจริงๆ.
เย่เทียนอบไก่2ตัวและทำอาหารอื่นๆให้ยักษ์สาวด้วยตัวเอง. เขายังเอาขนมปังตั้งหม้อนึงให้ด้วย.
มันไม่มีทางอื่นจริงๆ. พวกยักษ์นั้นกินจุเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว, แล้วเขาก็มั่นใจเรื่องนั้นตอนที่เห็นค่าแสตทที่อยู่เหนือขีดจำกัดมนุษย์ของเธอ.
เย่เทียนคิดว่าถ้าอยากให้นางกินอิ่มในแต่ละมื้อล่ะก็ พวกเขาก็คงต้องให้เธอกินแกะอย่างน้อย2ตัวแน่ๆ.
ด้วยความอยากอาหารที่มากมายกับความขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ มันคงจะแปลกนะถ้าพวกนี้ไม่หายไปจากประวัติศาสตร์.
ทั้งสาวหมาป่าเอย ยักษ์สาวเอย, เย่เทียนรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับกรีกโบราณในยุคนี้ซะแล้วสิ.
ในยุคนี้น่ะ จะมีสายพันธุ์ไหนที่ยังไม่สูญพันธุ์หรือไม่เคยมีบันทึกเรื่องการสูญพันธุ์ของพวกมัน อยู่รึป่าวนะ?
แม้ว่ามนุษย์ในยุคนี้จะเป็นสัตว์ที่มีปัญญาสูงแต่มันก็ยังมีที่ที่มนุษย์ไม่กล้าเข้าไปยุ่งอยู่เลย.ทั้งพวกภูเขา, ป่าไม้, หุบเขาโบราณและอื่นๆอีก. มนุษย์ไม่กล้าย่างกรายไปในที่แบบนั้นซักนิด.
ยุคนี้มันห่างจากปัจจุบันมากๆ. มีกี่เผ่าพันธุ์นะที่เลือนหายไปในยุคสงครามที่ป่าเถื่อนแบบนี้?
!$1……”
ความสามารถในการทำอาหารของเย่เทียนนั้นดีพอที่จะทำให้ชนชั้นสูงพอใจ, ยักษ์สาวที่เกือบจะถูกเรียกว่าเดรัจฉานนี้คงไม่เท่าไหร่หรอก. ตอนเธอฉีกไก่อบออก สายตาของเธอก็ลุกโชนขึ้น. ไม่มีใครรู้ว่าเธอพูดกับเย่เทียนว่าอะไรแต่เธอก็เริ่มกินเร็วขึ้น.
ดูจากสีหน้านางแล้ว. เย่เทียนคงเดาว่านางน่าจะแสดงความขอบคุณให้.
มันอาจจะมองได้ว่า นอกจากจะตาขาวแล้ว ยักษ์สาวตนนี้ก็เป็นคนง่ายๆเช่นกัน. แม้ว่านางจะเห็นเย่เทียนเป็นศัตรูก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางกลับ เกือบจะถูกพิชิตได้ง่ายๆ เพราะไก่อบ.