ตอนที่ 315 ต่างคนต่างแยกย้าย
“นี่ เธอกับสวีอันหรานยังไม่ได้ไอ้นั่นกันจริงๆ น่ะเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วที่ตื่นเต็มตาแล้วก็เริ่มใส่ใจชีวิตอันแสนสุขของสวีรั่วชี
“ก็ยังน่ะสิ!” สวีรั่วชีประทับฝ่ามือไปบนหน้าของเธอ โชคดีที่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่แต่งหน้า ถ้าย่าเสี่ยวมั่วละก็ คงต้องไปนัดบอดทั้งๆ ที่มีรอยห้านิ้วแปะหน้าอยู่แหงๆ
“ร้ายกาจนัก เธออิจฉาสาวสวยอย่างฉันล่ะสิ”
“สาวซวยน่ะเหรอ” สวีรั่วชีหันไปมองเธอ
“ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น!” ซย่าเสี่ยวมั่วปิดหูแล้ววิ่งไปที่ลานจอดรถ มองจากด้านหลังแล้วก็แค่เด็กติงต๊องดีๆ นี่เอง
ณ บริเวณที่นั่งริมหน้าต่างของสตาร์บัคที่รับแสงได้เป็นอย่างดี
เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วไปถึงฝ่ายชายก็รอเธออยู่ก่อนแล้ว
“ฉันว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวนะ ไม่ปล่อยให้เธอรอ”
“ก็ไม่แน่หรอก อาจจะมากินกาแฟรอแล้วให้ฉันจ่ายเงินก็ได้” ผู้ชายประหลาดแบบนี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบเจอมาสักหน่อย
สวีรั่วชีเปลี่ยนมุมมอง “ดูสิว่ามาดของเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวก็ดูสง่าดีนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว “ก็ธรรมดานะ” ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเจอคนที่ดูดีกว่านี้สักหน่อย เหยียนเค่อสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวดูดีกว่าอีก
“เธอดูสิ ผิวเขาก็ขาวออกนะ นิ้วก็เรียวสวยด้วย” สวีรั่วชียังเกลี้ยกล่อมเธอต่อไป
ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะพูด ก็รู้สึกว่านี่ไม่เหมือนสมกับเป็นสวีรั่วชีเลย จึงกลืนคำพูดนั้นไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ถ้าเธอชอบเขาขนาดนั้นก็ไปแต่งงานกับเขาซะสิ ยกสวีอันหรานให้ฉัน”
“คือ…สำหรับฉันแล้วสวีอันหรานเป็นเทวดา เอามาเปรียบกับคนปกติไม่ได้หรอก”
“เธอชมคนธรรมดาขนาดนี้ไม่กลัวเทวดาโกรธจนลงโทษเธอแบบนั้นหรือไง”
สวีรั่วชีมองเธอแล้วขบฟัน ถ้าไม่ใช่ว่ามาถึงที่แล้วละก็ เธอคงตบซย่าเสี่ยวมั่วปลิวไปแล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วสบตากับเธอก่อนจะแบมืออย่างไม่เกรงกลัว “ฉันไปกระชับความสัมพันธ์กับคนธรรมดาแล้วนะ เธอนั่งคนเดียวไปก่อน”
สวีรั่วชีกับเธอต่างคนต่างแยกย้าย คนหนึ่งเดินไปทางแผ่นหลังในเสื้อสีขาว อีกคนนั่งหันหลังให้ซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วก้าวเดินเข้าไป ก่อนจะหยุดยืนลงตรงหน้าโต๊ะอย่างพอเหมาะพอดี คนที่ก้มหน้าจิบกาแฟสังเกตว่าเธอมาถึงแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วระบายยิ้ม “คุณคือคุณซย่าเสี่ยวมั่วใช่ไหมครับ นั่งก่อนสิครับ”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเขา
ผู้ชายคนนี้รูปร่างหน้าตาก็โดดเด่นอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ทำให้คนมองรู้สึกถึงความสุขุมลุ่มลึกและงามสง่า หน้าตาก็ดูอ่อนโยนค่อนไปทางดี ไม่ทำให้การนัดบอดครั้งนี้ของซย่าเสี่ยวมั่วทรมานมากเกินไป
ตอนสวีรั่วชีเดินเข้าไปก็เหลือบมองผู้ชายคนนั้นแวบหนึ่ง เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคู่เดทในครั้งนี้ของซย่าเสี่ยวมั่วจะงานดีขนาดนี้ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามคนที่นั่งจิบน้ำอุ่นอย่างใจเย็นแล้วติดตามสถานการณ์ทางด้านนั้น
“นายมาแบบนี้เลยเหรอ”
ตอนแรกสวีรั่วชีจะเดินผ่านโต๊ะนี้ไปนั่งโต๊ะก่อนหน้า แต่ขณะกำลังจะนั่งลงก็เห็นว่าโต๊ะนี้มีคนรู้จักนั่งอยู่เสียก่อน จึงเดินเข้ามาหา
“จะให้ฉันพาผู้ชายมาด้วยหรือไง” เหยียนเค่อจิบน้ำเปล่าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระ
“ถ้านายพาสวีอันหรานมาก็จะดูมีเหตุผลกว่าไม่ใช่เหรอ” สวีรั่วชีเริ่มสงสัยในสติปัญญาระดับอัจฉริยะของเหยียนเค่อเสียแล้ว
“ไม่นะ” อีกฝ่ายตอบสั้นๆ
เหยียนเค่อคิดเช่นนี้ แต่สวีรั่วชีไม่คิดอย่างนั้น เธอรีบโทรหาสวีอันหราน ถ้าให้ซย่าเสี่ยวมั่วมาเห็นว่าเธอนั่งกับเหยียนเค่อละก็ ก็คงโดนซย่าเสี่ยวมั่วลากชื่อเข้าบัญชีดำไปครึ่งเดือนแน่นอน
“เธอเรียกสวีอันหรานมาก็มีแต่จะทำให้เรื่องวุ่นวาย” ดูจากนิสัยส่วนตัวของซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว
เหยียนเค่อรับประกันได้เลย
สวีรั่วชีเมินเขา สายตาก็แอบมองสถานการณ์อีกฝั่ง
ตอนที่ 316 แนวความคิดที่ต่างกัน
ข้าราชการที่ซย่าเสี่ยวมั่วเคยเจอก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นคนที่กระตือรือร้นและมีความภาคภูมิใจในตัวเองเปี่ยมล้น นึกไม่ถึงว่าคนนี้จะดูปกติ แต่ในความปกตินั้นก็ยังมีความแปลกอยู่ดี
“ผมชอบการแต่งตัวแบบนี้ของคุณซย่ามากเลยครับ มองแล้วรู้สึกอ่อนหวาน เข้าถึงง่ายน่ะครับ”
ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มกระอักกระอ่วน หันไปมองเงาตัวเองที่สะท้อนกับกระจก นี่เขาจงใจแต่งตัวแบบนี้แต่เขาดันชอบงั้นเหรอ? บังเอิญตรงกับรสนิยมของเขาซะงั้น
สวีรั่วชีฟังผู้ชายคนนี้วิจารณ์แล้วก็ยิ้มอย่างรู้ทัน ที่แท้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ความชอบของนายคนนี้ก็เลยจงใจแต่งตัวแบบนี้นี่เอง มีการพัฒนานะเนี่ย
เหยียนเค่อเองก็ได้ยินเช่นกัน แต่ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“นี่ ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วเจอความสุขของตัวเองแล้วนายคงจะยินดีกับเขาใช่ไหม” สวีรั่วชีเลิกคิ้ว
นอกจากเขาแล้ว ใครจะทำให้เธอมีความสุขได้อีก…เหยียนเค่อส่ายหัว “ไม่เกี่ยวกับฉัน”
นี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ เลย ถ้านายไม่สนใจจริง ท่านประธานอย่างนายคงทำงานหัวหมุนอยู่ที่บริษัท ไม่วิ่งมาที่สตาร์บัคเพื่อมาฟังคนเขาเดทกันหรอก
“ผมว่าวาดการ์ตูนก็ดีนะครับ เป็นอาชีพที่ทั้งดูแลบ้านได้ด้วย แถมเงินเดือนสูงด้วย ต่อไปมีลูกจะได้ซึมซับไปด้วย แบบนี้สภาพแวดล้อมในครอบครัวก็คงจะดีมากเลย” หวังอี้เหว่ยแสดงความเห็นต่ออาชีพของซย่าเสี่ยวมั่วอย่างชัดเจน เป็นระบบระเบียบ
ซย่าเสี่ยวมั่วก้มหน้า ได้ยินคนอื่นมาวิเคราะห์อาชีพของตัวเองแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจ
เขาอาจจะไม่เข้าใจอาชีพนี้จริงๆ เลยก็ได้ ก็แค่วิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเอง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเลยสักนิด
“ก่อนอื่นเลย บริษัทฉันเข้างานเก้าโมง เลิกงานห้าโมง ดังนั้นการดูแลบ้านข้อนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้ไหม ข้อต่อมา อาชีพนี้เงินเดือนสูงอยู่ก็จริง แต่ว่าวงการนี้มันวุ่นวายมากเลยค่ะ แล้วฉันก็ต้องอดหลับอดนอนเพื่อหาแรงบันดาลใจในการวาดการ์ตูนด้วย ดังนั้นในบางอย่างคงทำให้คุณพอใจอย่างที่พูดไม่ได้หรอกค่ะ อีกเรื่องก็คือ ตอนนี้อาชีพการงานของฉันอยู่ในช่วงขาขึ้น เพิ่งเซ็นสัญญากับฮุยเถิงไป ดังนั้นยังไม่คิดจะมีลูกหรอกค่ะ”
หวังอี้เหว่ยก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกัน เขาไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ในภาพจำของเขา นักวาดการ์ตูนคือคนที่หมกตัววาดรูปอยู่กับบ้าน ไม่ค่อยออกจากบ้านแบบนั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วนึกอะไรขึ้นได้อีก จึงพูดต่อ “แล้วฉันก็ออกไปสเก็ตช์ภาพบ่อยๆ ด้วยค่ะ แล้วก็ชอบหมกตัวอยู่ในห้องวาดรูปหลายวันเพื่อวาดรูปด้วยค่ะ”
เธอเห็นสีหน้าของหวังอี้เหว่ยเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากตอนแรกที่มีสนใจในตัวเธอมากๆ แต่ตอนนี้กลับกระอักกระอ่วนจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ผมขอโทษที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพของคุณนะครับ ข้าราชการอย่างพวกเราก็งานหนักเหมือนกัน มีงานต้องทำมากมายทุกวัน สำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องงานต้องมาอันดับหนึ่งน่ะครับ ดังนั้นบางครั้งอาจจะไม่ได้ดูแลบ้าน ผมหวังว่าคุณจะมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวน่ะครับ”
ฮะ? ซย่าเสี่ยวมั่วเกิดเครื่องหมายปริศนาตัวเบ้อเริ่มในใจ เราสองคนไปกันไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ควรจะยิ้มให้กันแล้วบอกว่า ‘ขอโทษนะ คุณไม่ใช่คนที่ผมตามหา’ แล้วบอกลากันอย่างสันติไม่ใช่เหรอ นี่มันอะไรกันอีกล่ะเนี่ย
หวังอี้เหว่ยยังคงพูดโดยสนใจแค่เรื่องของตัวเอง “ผมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยนะครับ ไม่มีความจำเป็นที่จะเอาเวลาช่วงวัยรุ่นไปเสียให้กับการวาดรูปเลย”
แล้วฉันควรเอาเวลาช่วงวัยรุ่นไปเสียให้กับการดูแลบ้านเลี้ยงลูกให้นายหรือไงยะ ซย่าเสี่ยวมั่วมองชายหนุ่มที่ค่อยๆ เปิดเผยสันดานแก่นแท้ออกมาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะฟังเขาพูดต่อ
“ผมว่าเราเหมาะกันมากเลย ผมเลี้ยงคุณได้ คุณเองก็จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้ด้วย”
ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้ม “พ่อกับแม่ก็เลี้ยงฉันได้เหมือนกันค่ะ ฉันเองก็เลี้ยงตัวเองได้ ทำไมต้องให้คุณมาเลี้ยงด้วยล่ะคะ” ถ้านายเลี้ยงฉันได้ แล้วฉันต้องยอมเสียสละความฝันของฉันด้วยเหรอ