ตอนที่ 543 นั่งรถคันเดียวกัน
ซย่าเสี่ยวมั่วเช็ดใบหน้าจนสะอาด ดึงกระชากแขนเสิ่นจิ้งเฉิน “ให้ฉันวาดลายเพิ่มให้สักสองสามลายไหม”
“จะดูดีขึ้นหรือไง” เสิ่นจิ้งเฉินพูดอย่างไม่เชื่อถือ แต่พอพูดจบก็ได้รับสัญญาณข่มขู่ดังมาจากเหยียนเค่อ “หืม?”
เสิ่นจิ้งเฉินมองใบหน้าที่ดูหล่อไร้ที่ติของเหยียนเค่อแวบหนึ่ง “ก็ได้ พอขึ้นรถแล้วเดี๋ยวฉันให้วาด”
หลังจากหายเสียใจแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็หันไปตั้งใจดูสวีอันหรานกับสวีรั่วชีที่นั่งถ่ายรูปกันหวานชื่นอยู่บนเตียง จากนั้นทั้งหมดก็เปลี่ยนที่ถ่าย
สวีรั่วชีอยากเรียกให้ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนดูแลแต่หล่อนไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาวจึงไม่สามารถตามติดเธอได้ตลอดเวลา ขณะนั้นก็หันไปมองกล้องที่คล้องอยู่ที่คอของฉินซื่อหลาน จึงเกิดไอเดียขึ้น “ซย่าเสี่ยวมั่วมาช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อย”
ฉินซื่อหลานรู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วใส่รองเท้าส้นสูงมา ถ้าให้มาช่วยถ่ายรูปแล้วไม่ทันระวังหกล้มไปจะว่าอย่างไร
“เธอคงไม่ค่อยสะดวกหรอก” ฉินซื่อหลานเอื้อมมือไปดึงซย่าเสี่ยวมั่วมา “เธออยากช่วยถ่ายให้หรือเปล่า”
ซย่าเสี่ยมั่วเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าไว้ตลอด ไม่ยอมตอบคำถาม
“นายคอยตามระวังให้เธอตอนที่เธอช่วยพวกเราถ่าย” สวีอันหรานพูดกับฉินซื่อหลานแต่สายตามองไปทาง เหยียนเค่อ
เสิ่นจิ้งเฉินรีบแสดงตัวคัดค้าน “เธอต้องช่วยฉัน พวกนายรีบไปเถอะ”
สวีรั่วชีหลลี่ตามองอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ดึงสวีอันหรานเดินออกไป
ซย่าเสี่ยวมั่วดึงรั้งแขนเสื่อของเสิ่นจิ้งเฉิน “เครื่องสำอางฉันเลอะเยอะไหม”
“เธอดูเสื้อฉันแล้วยังไม่รู้อีกเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินเอ่ยประชด
“พี่คงรับไม่ได้ใช่ไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วแสร้งทำท่าทีน้อยใจ
เสิ่นจิ้งเฉินคิดว่าตอนนี้เหยียนเค่อคงไม่ได้แค่อยากฆ่าเขาแล้วเผาให้กลายเป็นผุยผงอย่างเดียวแล้วกระมัง
“ไปเถอะ ไป” เสิ่นจิ้งเฉินลากทั้งคู่ไปด้วยแขนคนละข้าง แล้วเดินตามพวกที่เหลือออกไป
ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าตนจะได้นั่งรถคันเดิมที่นั่งมา แต่ปรากฏว่าโดนเสิ่นจิ้งเฉินลากไปนั่งที่รถคันเดียวกัน
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเหยียนเค่อที่อยู่ด้านซ้ายแล้วหันไปมองเสิ่นจิ้งเฉินที่อยู่ทางด้านขวา เธอจึงชี้ไปที่ด้านหน้า “ให้ฉันนั่งด้านหน้า?”
“เธอนั่งข้างหน้าแล้วจะวาดรูปให้ฉันได้อย่างไร” เสิ่นจิ้งเฉินไม่รอให้หล่อนคิด รีบผลักหล่อนให้เข้าไปนั่งที่เบาะหลัง จากนั้นให้เหยียนเค่อนั่งที่ด้านนั้นตาม ส่วนตนเองเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งแทน
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเหยียนเค่อที่นั่งอยู่ข้างๆตน กำลังจะเขยิบไปอีกด้านก็ถูกเสิ่นจิ้งเฉินที่ขึ้นมาจากอีกฝั่งดันเบียดเข้าไป เธอจึงทำได้แค่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่ แต่ก็เบียดไปทางเสิ่นจิ้งเฉินมากกว่า เธอพยายามรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับเหยียนเค่อให้มากที่สุด
“เธอไม่รู้สึกร้อนเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินอยากจะดันขาของหล่อนที่แทบจะเกยอยู่บนขาของเขาให้ออกห่าง แต่หล่อนกลับยื้อไว้แน่น จากนั้นหยิบอายไลน์เนอร์ขึ้นมาจากกระเป๋าเตรียมจะวาดไปที่เสื้อของเสิ่นจิ้งเฉิน
เสิ่นจิ้งเฉินเอาแต่พูดเตือนกับตัวเอง ว่าคนตรงหน้าคือน้องสาวของเขา จะทำให้ขายหน้าต่อหน้าเหยียนเค่อไม่ได้เด็ดขาด
แต่ความจริงแล้วเหยียนเค่อไม่ได้มองมาที่พวกเขาด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างตั้งใจ
“เธอเขยิบออกไปห่างๆฉันอีกนิดหนึ่ง” เสิ่นจิ้งเฉินแตะไปที่ไหล่ของน้องสาว เขาไม่ไหวแล้ว กลัวโดนเหยียนเค่อฆ่าตาย
ซย่าเสี่ยวมั่วแทบอยากจะขึ้นไปนั่งบนตักพี่ชายตนเลยเสียด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบตัวเหยียนเค่อมันน่ากลัวเกินไป เธอไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ
สองพี่น้องถูกรัศมีความน่ากลัวของเหยียนเค่อกดดันจนแทบนั่งไปติดอีกมุมของรถกันทั้งคู่ ทั้งคู่พยายามตั้งใจกับการแต่งหน้าและจัดการวาดลายที่เสื้อผ้าเพิ่ม
ฝีมือซย่าเสี่ยวมั่วค่อนข้างดี แต่ก็หมดอายไลน์เนอร์ไปเกือบครึ่งแท่งถึงจะวาดเสร็จ
“อายไลน์เนอร์ของฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วเสียดายเงินกว่าสองพันหยวนที่ใช้หมดไปกับคอเสื้อของเสิ่นจิ้งเฉิน ในใจรู้สึกไม่ดี
“เสื้อของฉันสองหมื่น”
ซย่าเสี่ยวมั่วแลบลิ้น รีบเก็บเครื่องสำอางลงกระเป๋า “ห้ามเรียกเงินชดใช้”
เสิ่นจิ้งเฉินเหล่มองน้องสาวด้วยหางตา ถือซะว่าหล่อนช่วยวาดลวดลายลงบนเสื้อให้เขา เขาจะไม่เอาเรื่องหล่อนแล้วกัน
ตอนที่ 544 มองดูนิ่งๆ
หลังจากวาดคอปกเสื้อเสร็จแล้วซย่าเสี่ยวมั่วก็นั่งนิ่งราวกับท่อนไม้ นั่งหลังตรงตามองไปด้านหน้าอย่างเดียว
เสิ่นจิ้งเฉินดูรู้นานแล้วว่ามีอะไรผิดปกติระหว่างคนทั้งคู่ ทั้งซย่าเสี่ยวมั่วและเหยียนเค่อต่างไม่คุยกับเลยสักคำ มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
ขณะที่รถกำลังจะขับผ่านลูกระนาด เสิ่นจิ้งเฉินเลยกะว่าจะแอบผลักหล่อนให้กระเด็นไปอยู่ในอ้อมกอดของเหยียดเค่อ แต่เขาควบคุมแรงและทิศทางที่ผลักออกไปไม่ได้ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วกระเด็นไปทางด้านหน้าแทน
หล่อนกระเด็นไปด้านหน้าทำให้เหยียนเค่อตกใจมาก รีบดึงโอบหล่อนกลับมา
ซย่าเสี่ยวมั่วกอดศอกชายหนุ่มไว้แน่น อีกนิดเดียวหัวหล่อนก็คงไปติดอยู่ตรงช่องว่างระหว่างเบาะสองเบาะด้านหน้าแล้ว เธอยังโง่ได้มากกว่านี้อีกไหม…
รถกลับมาแล่นบนถนนปกติตามเดิม เหยียนเค่อจึงวางใจยอมปล่อยมือที่ประคองเอวหล่อนออกแล้วดันหล่อนออกจากอ้อมกอดของตัวเอง
“ขอ… ขอบคุณ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยอย่างกระอักกระอวน แล้วหันไปหยิกที่ตนขาของเสิ่นจิ้งเฉินอย่างแรง เจ็บจนชายหนุ่มต้องเบ้หน้า
เหยียนเค่อรับคำอย่างนิ่งๆ แล้วจัดเสื้อสูทที่ถูกทับจนมีรอยนิดหน่อย
“พี่เป็นบ้าหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยถามเสิ่นจิ้งเฉินเสียงต่ำ “ผลักฉันทำไม!”
เสิ่นจิ้งเฉินแกล้งตาย ยังคงนิ่งเฉย
เหยียนเค่อเห็นหล่อนพึมพำกับเสิ่นจิ้งเฉินอย่างโมโห ก็เดาได้ว่าเสิ่นจิ้งเฉินจงใจ ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนตนแวบหนึ่งจากนั้นก็เบนสายตากลับ
เสิ่นจิ้งเฉินปวดใจ เขาทำเพื่อเหยียนเค่อไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงเหยียนเค่อโดนมองด้วยสายตาที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆแบบนั้น หรือว่าเพื่อนเขาจะตัดสัมพันธ์กับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างเด็ดขาดแล้วหันไปแต่งงานกับผู้หญิงอย่างสวีอิ๋งอิ๋งจริงๆ…แต่ที่ซย่าเสี่ยวมั่วหยิกมาที่ขาตน ก็เจ็บแทบตายจริงๆ
“เฮ้ โกรธเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินลูบไปที่แขนซย่าเสี่ยวมั่วเบาๆ พยายามระวังไม่ให้เหยียนเค่อได้ยินสิ่งที่ตนกำลังพูดกับน้องสาว
ซย่าเสี่ยวมั่วมองพี่ชาย ในใจยังรู้สึกแค้นอยู่ ถ้าเมื่อกี้เหยียนเค่อจับเธอไว้ไม่ทัน แล้วหัวเธอไปติดอยู่ตรงนั้นมันจะน่าเกลียดขนาดไหน เสิ่นจิ้งเฉินยังกล้าทำเธอได้ลงคอ
“พรุ่งนี้พี่ก็ต้องกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านกันดารอีก เธอทนทำแบบนี้กับพี่ได้ลงคอเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินเริ่มเรียกร้องขอความเห็นใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มใจอ่อนจริงๆ พอถูกเสิ่นจิ้งเฉินง้อต่ออีกนิดหน่อยก็หายงอน
เหยียนเค่อมองดูคนทั้งคู่คุยกันนิ่งๆ รู้สึกว่าสติปัญญาของทั้งคู่น่าประใจทั้งคู่พอมาอยู่ด้วยกันก็ดูเข้ากันได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เสิ่นจิ้งเฉินไม่ได้รับรู้เลยว่าการที่เขาทำแบบนี้ยิ่งทำให้เหยียนเค่อเริ่มถอยห่างจากซย่าเสี่ยวมั่วไปอีก
สวีอันหรานกับสวีรั่วชีนั่งอยู่ที่ตรงกลางของรถ มือของสวีรั่วชีที่โดนสวีอันหรานจับไว้เริ่มมีเหงื่อซึม
“ไม่ต้องจับแล้ว” สวีรั่วชีอยากดึงมือออก
สวีอันหรานอดไม่ได้ที่จะยื้อไว้ “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ยังได้อยู่” ถึงแม้สวีรั่วชีจะดีใจแต่ก็ไม่ได้มากขนาดสวีอันหราน เธอยังนึกถึงซย่าเสี่ยวมั่วที่นั่งอยู่คันหลัง
“เหยียนเค่อไม่ได้รังแกอะไรซย่าเสี่ยวมั่วใช่ไหม”
“เธอคิดว่ามันกล้าไหมล่ะ พวกนั้นนั่งไปกับเหยียนเค่อ” สวีอันหรานเพยิดหน้าไปทางสวีอิ๋งอิ๋งที่นั่งอยู่ด้านหน้าเป็นการเตือนว่าพูดเรื่องนี้ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
สวีรั่วชีพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่รู้ว่าวันที่ที่ชายหาดฝนจะตกไหม”
“เธออยากให้ตกไหม”
“อยาก” สวีรั่วชีชอบเวลาที่ฝนตก บรรยากาศชายทะเลตอนฝนตกมันจะยิ่งสวยกว่าเดิม “เหมือนกับพี่”
“เหมือนกับพี่เหรอ” สวีอันหรานขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนเปรียบเทียบแบบนี้
สวีรั่วชียิ้มอย่างอายๆ ยกแขนโอบรอบคอชายหนุ่มไม่เอ่ยบอก
สวีอิ๋งอิ๋งไม่ได้อยากจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้สวีรั่วชี ถ้าไม่ใช่เพราะมันทำให้เธอได้ออกมาจากการโดนกักบริเวณ จ้างให้เธอก็ไม่มาเป็นหรอก เพื่อนเจ้าสาวเนี่ย
ยิ่งตอนนี้ได้เห็นสวีอันหรานกับสวีรั่วชีแสดงความรักหวานชื่นต่อกัน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเอียนเข้าไปใหญ่