บทที่ 213 ยอมรับ
ชายชราทำได้เพียงละสายตาไปมองทางอื่น หลังจากที่เห็นเครื่องปรุง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เครื่องปรุงยี่ห้อธรรมดาแบบนี้เหรอ”
เซี่ยจิ้งอธิบายขึ้นว่า “นี่เป็นเครื่องปรุงชั้นดีที่หาได้ตามท้องตลาด หลานสาวของปู่ไม่ใช้ของไม่ดีหรอก”
“น้ำส้มสายชูแอปเปิลงั้นเหรอ ซีอิ๊วมีแค่ซีอิ๊วขาวกับซีอิ๊วดำเหรอ นี่เป็นของที่ใช้ทำอาหารตามบ้าน ไม่สามารถใช้ทำอาหารเจสุดหรูได้หรอก” ท่านเซี่ยพูดอย่างจู้จี้จุกจิก
“หา? คุณต้องการเครื่องปรุงยี่ห้ออะไรเหรอครับ แค่คุณบอกมา ผมจะซื้อให้คุณ” เฉินห้าวพูด
ท่านเซี่ยพูดว่า “นายจะซื้อเหรอ ซื้อได้ไหมล่ะ เครื่องปรุงระดับสูงพวกนั้นน่ะ เป็นเครื่องปรุงที่ทำโดยเชฟชื่อดัง แต่ละปีมีจำนวนจำกัด ใช้สำหรับงานเลี้ยงของรัฐ ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด”
เซี่ยจิ้งรู้ถึงความอัศจรรย์ของเฉินห้าว เธอพูดยียวนว่า “ถ้าคุณปู่ไม่พูด จะรู้ได้ยังไงว่าเฉินห้าวจะซื้อเครื่องปรุงพวกนั้นได้หรือเปล่า”
“ได้ งั้นฉันจะบอกให้ ตั้งใจฟังแล้วกัน”
ท่านเซี่ยพูดรัวออกมาเหมือนกำลังอ่านรายชื่ออาหาร “ซีอิ๊วลีกุมกี่ที่เมืองก่างเหมาะสำหรับนึ่ง ซีอิ๊วเป่ยคังที่ฉางชุนเหมาะสำหรับตุ๋น ถ้าจะกินไก่ต้มเป็นตัวและนำมาสับต้องจิ้มกับซอสถั่วเหลืองซ่าซิง ถ้าจะกินอาหารทะเลต้องใช้ซีอิ๊วทะเลอความารีน!”
“สำหรับจิ๊กโฉ่วและน้ำส้มสายชู ประเทศเรามีจิ๊กโฉ่วและน้ำส้มสายชูที่มีชื่อเสียงอยู่สี่ชนิด แบ่งออกเป็น จิ๊กโฉ่วซานซี จิ๊กโฉ่วเจิ้นเจียง น้ำส้มสายชูเจ้อเจียงและจิ๊กโฉ่วป่าวหนิง หนึ่งในนั้นจิ๊กโฉ่วป่าวหนิงเป็นจิ๊กโฉ่วเพียงชนิดเดียวที่ทำเป็นยาได้ จิ๊กโฉ่วซานซีมีสีดำออกม่วง จิ๊กโฉ่วเจิ้นเจียงได้ชื่อว่า เปรี้ยวแต่ไม่ฝาด หอมและหวานเล็กน้อย สีเข้มและรสชาติสดชื่น ยิ่งเก็บนานจะยิ่งฉุน น้ำส้มสายชูเจ้อเจียงมีชื่อเสียงด้านรสชาติอ่อน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ทานรสจัด คนเป็นเชฟจำเป็นต้องเตรียมไว้ ไม่ทราบว่าที่นี่มีไหม”
ตอนแรกคิดว่าเฉินห้าวฟังจนงง แต่ทว่าในขณะเดียวกันเฉินห้าวเปิดเทคโนโลยีที่จำลองขึ้นมาเป็นโลกเสมือนแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้านและกดสั่งของเหล่านี้
ซีอิ๊วลีกุมกี่ (รูปแบบพิเศษ) 500 มิลลิลิตร ราคาขายหนึ่งร้อยสามสิบแปดหยวน การประกันราคาขั้นต่ำ 0.9 หยวน
ซีอิ๊วเป่ยคัง (รูปแบบพิเศษ) 200 มิลลิลิตร ราคาขายหนึ่งร้อยสิบเจ็ดหยวน การประกันราคาขั้นต่ำ 0.7 หยวน
จิ๊กโฉ่วเจิ้นเจียง (รูปแบบพิเศษ) 300 มิลลิลิตร ราคาขายหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดหยวน การประกันราคาขั้นต่ำ 0.85 หยวน
เครื่องปรุงเก่าที่ถูกท่านเซี่ยเรียกว่าของเก่าแก่ ไม่สามารถหาซื้อได้ในร้านค้าทั่วไป ช่องทางหาซื้อน้อยมาก คนธรรมดาไม่สามารถหามาได้ในเวลาอันสั้น แต่ทว่าเฉินห้าวเพียงแค่ขยับนิ้วเท่านั้น
“ใช่เครื่องปรุงพวกนี้ไหมครับ”
เฉินห้าวให้ผู้ช่วยสองสามคนไปยกเครื่องปรุงที่มาส่งในโกดังมาที่นี่ ท่านเซี่ยตกใจอีกครั้งและเดินเข้าไปตรวจดู มันคือของที่เขาต้องการ โดยไม่ขาดแม้แต่ขวดเดียว
ท่านเซี่ยใช้สายตาตำหนิหลานสาวของตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่คุยกันในวีแชท หลานสาวบอกว่าซื้อเครื่องปรุงพวกนี้ไม่ได้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงซื้อได้ล่ะ
ท่านเซี่ยสงสัยว่าหลานสาวของตัวเองไปอยู่ข้างเฉินห้าว และร่วมมือกันเล่นงานปู่
เมื่อเฉินห้าวหาของที่ท่านเซี่ยต้องการได้หมดทุกอย่าง ท่านเซี่ยจึงเลิกจู้จี้จุกจิกต่อ การที่มีความสามารถหาของพวกนี้มาได้ แสดงว่าเฉินห้าวตั้งใจที่อยากจะทำอาหารรสเลิศจริงๆ ร้านอาหารทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเตรียมเครื่องครัวและเครื่องปรุงรสราคาสูงขนาดนี้เลย เขายอมรับเฉินห้าวแบบอ้อมๆ
“ได้ งานเลี้ยงอาหารเจจะเสร็จราวๆ ห้าโมงครึ่ง” ในที่สุดท่านเซี่ยก็ตกลงทำอาหารให้
“ขอบคุณครับท่านเซี่ย” เฉินห้าวเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ เขาเคารพท่านเซี่ยเป็นอย่างมาก
ผู้ช่วยสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ บ่นใส่เฉินห้าว ตาแก่นี่เป็นคนยังไง ทำไมถึงจู้จี้จุกจิกขนาดนี้ แต่เฉินห้าวยังเคารพเขาแบบนี้อีก
“ท่านนี้คือปู่ของเชฟเซี่ย เชฟเซี่ยเรียนการทำอาหารมาจากปู่ของเธอ นายว่าต้องเคารพไหมล่ะ” เฉินห้าวถามกลับ
ผู้ช่วยได้ยินก็ลิ้นจุกปาก คนในร้านอาหารต่างก็ชอบทานฝีมือของเชฟเซี่ย ขนาดคนที่ทำอาหารได้ไม่กี่อย่างแบบเซี่ยจิ้งยังทำอาหารได้อร่อยมาก งั้นท่านเซี่ยจะต้องเก่งสุดยอดแน่นอน ผู้ช่วยในร้านอาหารไม่กล้าสบประมาทเขาอีก
เมื่อถึงช่วงเที่ยง เฉินห้าวให้ท่านเซี่ยทำอาหารในร้านอาหาร
มีท่านเซี่ยอยู่ ข้าวเที่ยงคงไม่ต้องให้คนอื่นทำ ท่านเซี่ยลงมือทำ ใช้เวลายี่สิบนาที ก็ทำเสร็จ กับข้าวแปดอย่างและซุปอีกหนึ่งอย่าง ภายในเวลานี้ยังรวมไปถึงขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ การล้างผักและการปรุงอาหาร เขาทำได้อย่างรวดเร็วมาก
เฉินห้าวยืนดูการทำอาหารของท่านเซี่ย เตาแก๊สสี่เตาเปิดขึ้นพร้อมกัน กระทะเหล็กจางชิวแต่ละใบกระดกขึ้นลง อาหารในกระทะยังไม่ทันนิ่ง เขาก็ไปกระดกกระทะอื่น เหมือนการเล่นกลอย่างไรอย่างนั้น สองมือของท่านเซี่ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อาหารในกระทะลอยขึ้นลง แต่มันไม่กระเด็นออกมาแม้แต่นิดเดียว
สกิลการทำอาหารของเขาสามารถบันทึกลงกินเนสส์บุ๊คได้เลย
เฉินห้าวมองอย่างน่าทึ่ง แต่เซี่ยจิ้งมองแล้วกลับหาวออกมา ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเห็นมันจนเบื่อแล้ว
ไม่นานอาหารแปดอย่างกับซุปอีกหนึ่งอย่างเสร็จเรียบร้อย อาหารทั้งหมดถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เฉินห้าวถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใคร หลังจากดมเข้าไป ก็รู้สึกอยากอาหารเป็นอย่างมาก
“ชิมฝีมือฉันดูสิ” ท่านเซียดันจานอาหารไปตรงหน้าเฉินห้าวกับเซี่ยจิ้ง
“บอสทานก่อนเลย”
เซี่ยจิ้งยิ้มจนตาหยี และคีบอาหารให้เฉินห้าว ท่านเซี่ยเห็นแล้วไม่สบอารมณ์ เขาพูดในใจว่า “ผู้หญิงเฮฮา…”
เฉินห้าวใช้เท้าสะกิดเซี่ยจิ้งที่ใต้โต๊ะ เป็นสัญญาณให้เธอเคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็ก
เซี่ยจิ้งนึกได้ว่าคุณปู่อยู่ที่นี่ด้วย เธอจึงคีบกุ้งตัวใหญ่ไปวางไว้ในถ้วยของปู่ ให้คุณปู่ทานก่อน
“ไม่เลวนี่”
ท่านเซี่ยภูมิใจเล็กน้อย จากนั้นจึงทานกุ้งที่หลานสาวคีบให้
เฉินห้าวก็กินกุ้งไปหนึ่งคำ เกลือและพริกไทยมีรสสัมผัสมาก เมื่อเคี้ยวลงไปเนื้อกุ้งเด้งสู้ฟัน พริกไทยและเกลือกลบความคาวของอาหารทะเลเอาไว้ กินเข้าไปแล้วไม่ต้องบอกเลยว่าอร่อยแค่ไหน
“อื้ม อร่อยมาก”
เฉินห้าวคีบเต้าหู้อ่อนผัดขึ้นมา รูปร่างภายนอกดูมันเยิ้ม เวลาคีบขึ้นมามันสั่นเล็กน้อย แต่ไม่ได้แตกออก
เมื่อกินเต้าหู้ชิ้นนี้เข้าไป เหมือนวุ้นที่แตกในปาก ความร้อนเก็บกักอยู่ข้างใน จนทำให้เฉินห้าวเป่าปากเพราะความร้อน แต่ชิ้นเต้าหู้ลื่นมาก มันไหลลงไปในหลอดอาหาร