“แกชื่อเฉินห้าวใช่ไหม แกรังแกหลานฉัน ยังพังรถเขาอีก”
ในโทรศัพท์ ผู้ชายคนนึงถาม
ไม่ต้องถาม เป็นหลี่ฉางเจียงอาของชายบีเอ็มแน่นอน
“ใช่ ฉันเอง มีไร”เฉินห้าวถามตรงข้ามเสียงเรียบ
“ยังจะพูดหาพ่อง ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงให้มาถึงที่นี่ มาขอขมา ชดเชยค่าทำขวัญหลานกูแสนนึง ไม่งั้นไม่จบ!”
เฉินห้าวได้ฟัง ท่าทางยโสแบบนี้ บางที คงต้องมีคนที่ต้องสั่งสอนอีกคนมาถึงบ้าน
“อ่อ?พูดคำโตขนาดนี้ ขอถามหน่อยทำอะไร”เฉินห้าวถาม
“เทคโนโลยีหนานซานรู้จักมั้ย เป็นผู้นำเศรษฐกิจในอนาคต ได้ยินว่าแกเปิดบริษัทการค้าขยะอะไรใช่ไหม กล้าเทียบฉันเหรอ”
ในน้ำเสียงของหลี่ฉางเจียงมีความผยอง ดูแคลนบริษัทธรรมดา
“รู้แล้วว่าอยากได้เงินชดเชย ก็มาเอาเองสิ บริษัทฉันอยู่ในอาคารโจวซื่อ”เฉินห้าวรายงานที่อยู่ ไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามพูด ก็วางสาย
จากนั้นเฉินห้าวจึงโทรหาที่ปรึกษาหวงฝ่ายการลงทุนของโจวซื่อ เรื่องการเทคโอเวอร์กลุ่มหรงไข่ ที่ปรึกษาหวงเคารพเฉินห้าวมาก
“ที่ปรึกษาหวง ช่วยตรวจสอบข้อมูลเทคโนโลยีหนานซานอย่างละเอียดเลยนะ”เฉินห้าวพูด
ที่ปรึกษาหวงกระเทือนใจ เดาว่าเฉินห้าวคงจะชำแหละฝ่ายตรงข้ามเป็นแน่ เมื่อมีประสบการณ์จากคราวที่แล้วดูท่ารอบนี้คงจะหาตังค์ได้อีก ดังนั้นจึงรีบไปจัดการ
เมื่อดูความสัมพันธ์ของเฉินห้าวกับโจวซีถงผู้บริหารโจวซื่อ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเป็นล่ำเป็นสันในโจวซื่อ แต่ว่าเวลาพูดอะไรก็มีเครดิตกว่ากรุ๊ปไหนๆ
ที่บริษัทห้าวหราน เฉินห้าวได้จัดการให้เซี่ยจิ้งกับลูกน้องคนอื่นๆได้เรียนรู้ ส่วนเขาก็ขึ้นมาด้านบน มาดูว่าโจวซีถงทำอะไร
คนมักจะพูดว่าห่างกันวันหนึ่งราวสามฤดู เขาแค่ไม่เจอกี่ชั่วโมง ก็รู้สึกเหมือนไม่เจอปีสองปี
เมื่อคิดถึงความบ้าคลั่งของเมื่อคืน ก็ให้รู้สึกคิดถึง ถ้าอยู่ด้วยกันแต่แรกก็ดี จะได้อยู่ร่วมขับลำนำทุกวันคืน
เฉินห้าวมาถึงที่ออฟฟิศชองโจวซีถง เห็นว่าผู้ช่วยสาวซูลี่ก็อยู่ด้วย สองคนกำลังพูดอะไรกัน
พอเฉินห้าวเข้ามา ซูลี่เห็นเฉินห้าว จึงลุกขึ้นพูด“ประธานโจวคะ ถ้าไม่มีอะไร ฉันออกไปก่อน”
การถอนตัวที่ชัดเจนเยี่ยงนี้ ทำให้โจวซีถงรู้สึกอายไม่น้อย แต่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับซูลี่ค่อนข้างดี จึงไม่กลัวเรื่องส่วนตัวจะถูกแพร่งพรายออกไป จึงไม่ได้ใส่ใจ
ซูลี่ออกไป เฉินห้าวเดินมาถึงด้านหลังเธอ โอบแขนทั้งสองเข้า ในขณะเดียวกันก็พูดว่า“ที่รักเหนื่อยเกินไปแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ ตอนนี้สภาพสังคมไม่ค่อยดี ธุรกิจทำยาก ต้องขยัน”โจวซีถงอุทาน
โจวซีถงมองดูกองเอกสารเท่าภูเขาเหล่ากา พูดขึ้นอย่างกริ่งเกรงว่า“ฉันยังมีงานยุ่งมาก คงไม่ต้อนรับคุณแล้วนะต้องจัดการให้เสร็จวันนี้น่ะ”
“อืม มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”เฉินห้าวถามเชิงรุก
“ตอนนี้ยัง คงรบกวนคุณช่วยดูแลเรื่องเครื่องจักรหน้างานแล้วกัน ขอบคุณนะคะ!”โจวซีถงพูดอย่างอาวรณ์
“แค่นี้เองเหรอ ไม่หอมผัวสักทีล่ะ”เฉินห้าวแนบหน้าเข้าใกล้
โจวซีถงมองข้างนอกไม่มีใครเดินผ่าน จึงสูดลมหายใจ รู้สึกอบอุ่น
เฉินห้าวเห็นตัวเองมีประโยชน์ จึงไม่ไป ยกเก้าอี้มา ช่วยโจวซีถงดูเอกสารเหล่านั้น แล้วมาช่วยอย่างแข็งขัน
เขาสั่งงานจนชิน ก็เลยว่างจัด แต่โจวซีถงชอบลงมือด้วยตัวเอง ก็เลยงานวุ่น ทัศนะการบริหารของทั้งคู่ไม่เหมือนกัน
ภาพที่ทั้งคู่ดูเอกสารด้วยกัน ราวกับจักรพรรดิชายหญิงกำลังนั่งอ่านฎีกา ค่อนข้างน่าสนใจ
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเฉินห้าวดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดู เบอร์โทรนั้น เฉินห้าวเดินออกไปรับนอกออฟฟิศ
“กูมาถึงอาคารโจวซื่อแล้ว มึงอยู่ไหน ไสหัวออกมา!”หลี่ฉางเจียงตะคอก
“รอก่อน ลงไปเดี๋ยวนี้”
เฉินห้าวยิ้มเย็นวางสาย มีคนมาให้ซ้อมถึงที่ ต้องสนองหน่อย
เฉินห้าวนั่งลิฟต์ลงไปออกไปด้านนอก เห็นริมถนนมีมายบัคสีดำจอดอยู่ ชายหัวล้านวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่ง กับหนุ่มบีเอ็มที่เคยเจอ จ้องมาที่เขาอย่างมาดร้าย
เฉินห้าวแค่เดินขึ้นหน้า มองยิ้มไปที่พวกเขา
“ฉันมาเพื่อให้โอกาสแกสุดท้าย ถ้าไม่ชดใช้ ก็รับผลไป!”หลี่ฉางเจียงหัวล้านพูด
“ชดใช้คงจะไม่ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ชดใช้ แกก็ต้องอดทนใช้ชีวิตต่อไป”เฉินห้าวได้เลียนแบบคำคมของGuevaraอย่างขบขัน
“งั้นก็อย่าหาว่าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
หลี่ฉางเจียงแค่นเสียง โบกมือ ขับรถตู้มาแต่ไกล มีวัยรุ่นถือไม้พลองลงมาจากรถหกเจ็ดคน
“หลี่กวง รถของเจ้านี่คือตันไหน อาจะทุบรถมัน!”หลี่ฉางเจียงถาม
“รถแข่งสีดำตันนั้นครับ!”
หลี่กวงชายบีเอ็มไม่รู้ป้ายรถคันไหน ชี้ไปที่รถที่จอดอยู่ลานจอด
“เฟอรารี่เหรอ”
หลี่ฉางเจียงผู้เป็นอารู้จักรถหรู ในใจตกใจ คิดไม่ถึงว่าเฉินห้าวจะขับรถแพงขนาดนี้ ถ้าจะทุบคงต้องคิดดีๆ ว่าจะชดใช้ไหวมั้ย
แต่ยังไม่ทันต้องรอให้วัยรุ่นหกเจ็ดคนมาทุบรถ ด้านหลังเฉินห้าวก็มียามถือไม้พลองปรากฏตัวขึ้นหกคน แล้วยืนเรียงกัน ปะทะกับพวกวัยรุ่น
พวกเขายืนทระนง ผ่าเผย ล่ำสัน ราวกับนักรบ