“การศึกษาด้านพันธุศาสตร์ได้ดำดิ่งลงสู่ขอบเขตของโลกจุลภาค ดังนั้นจึงเหนือกว่าประสิทธิภาพของเวทมนต์ดั้งเดิมไปไกล วิธีสังเกตการณ์โดยยึดหลักจากความรู้ทางด้านโลกจุลภาคสามารถนำมาใช้ได้ ณ จุดนี้ เช่น การใช้รังสีเอ็กซ์ผสานกับลูกแก้วเวทมนตร์บางประเภท ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเข้าใจอาร์คานาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือจากศาสตร์มืด แน่นอนว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่มาก ซึ่งมันเพิ่งจะเริ่มได้ไม่กี่ปีก่อน ดังนั้นจึงยังไม่มีการค้นพบสิ่งสำคัญอะไร”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งฟังดูทั้งแปลกและคุ้นหูในคราวเดียวกันสำหรับดอนนี่ เขารีบหันกลับไปมอง และก็ได้เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นร่างท้วมผู้มีผมสีดำที่กำลังใช้งาน ‘ปัญญาประดิษฐ์’ อยู่เช่นกัน
“โจนส์?” ดอนนี่ถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”
โจนส์ตอบในขณะที่ยังคงง่วนอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “ข้าสังเกตุเห็นว่าเจ้าเอาแต่จ้องตารางเรียน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจการจัดการเช่นนั้น”
“นอกเหนือจากวิธีสังเกตการณ์แล้ว ร่างกายของเราก็อัดแน่นไปด้วยอะตอมและโมเลกุล เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับขอบเขตโลกจุลภาคเพื่อให้เข้าใจสสารของสิ่งมีชีวิต” คาร์ลตอบขณะเล่นเกม “อีกอย่างคือคณิตศาสตร์ หากเจ้าคำนวณไม่เป็นเจ้าก็จะไม่มีความก้าวหน้าด้านอาร์คานาเลย
“อย่างที่เจ้าเห็น ในนี้มีวิชาที่ชื่อว่าคณิตศาสตร์ขั้นสูงสำหรับศาสตร์มืด และมันก็ค่อนข้างเป็นระบบทีเดียว วิชานี้มีตั้งแต่แคลคูลัส เมตริกซ์ เรขาคณิตวิเคราะห์ ฟังก์ชันตัวแปรเชิงซ้อน การวิเคราะห์เชิงจริง และคณิตวิเคราะห์ ซึ่งมันจะอยู่กับเราไปตลอดห้าปีการศึกษา” คาร์ลกล่าวเสริม “มันสำคัญพอๆ กับวิชาบังคับตัวอื่น อย่างเช่น โครงสร้างร่างกายและพันธุกรรม”
เมื่อใดที่คาร์ลพูดขึ้น ก็เป็นไปได้ยากที่เขาจะพูดเพียงสั้นๆ เขามักจะลงลึกและบ่อยครั้งที่ถ้อยคำของเขานั้นเป็นข้อมูลสำคัญมาก
เมื่อได้ยินคำศัพท์เหล่านั้น ดอนนี่ก็พลันรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ทั้งเขายังรู้สึกอยากจะพัง ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ที่อยู่ตรงหน้าเขาทิ้งเสีย แม้ว่าเขาจะเคารพนับถือผู้นำทางด้านคณิตศาสตร์อย่างมาก และเขาก็ค่อนข้างเก่งด้านการคำนวน แต่เขาก็ไม่ใช่อัจฉริยะ ดังนั้น การเรียนคณิตศาสตร์ย่อมเต็มไปด้วยความทรมาน!
เมื่อเปิดไปอีกหน้าหนึ่ง ดอนนี่ก็เห็นวิชาที่ชื่อคณิตศาสตร์ขั้นสูงสำหรับศาสตร์มืด เขารวบรวมความกล้าแล้วเลือกที่ปรึกษาที่ดีภายใต้คำแนะนำของคาร์ล
จากนั้นเขาก็ลงทะเบียนทุกวิชาเสร็จ ซึ่งรวมถึงวิชาที่มีการใช้ห้องทดลอง
เพราะพวกเขามาถึงที่นี่ค่อนข้างเร็วและทำตามคำแนะนำทั้งหลายจากคาร์ลในการเลือกที่ปรึกษา ทั้งดอนนี่และแซมมี่จึงได้เรียนกับที่ปรึกษาในอุดมคติของพวกเขาในแต่ละวิชา พวกเขาโชคดีที่ได้โรเบิร์ตเป็นที่ปรึกษาในวิชาองค์ประกอบร่างกายของมนุษย์ เพราะพวกเขาจะได้เข้าเรียนต่อในวิชาแปลงกายของท่านโรเบิร์ตโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นเป็นวิชาขั้นสูงในสำนักศาสตร์มืด
ด้วยเหตุนี้ ตารางเรียนของดอนนี่จึงพร้อมแล้ว เขามีวิชาส่วนใหญ่ในช่วงกลางวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ เป็นเรื่องง่ายที่หลายๆ คนอาจคิดว่าวิชาศาสตร์มืดควรจะเรียนในช่วงกลางคืน แต่ที่แห่งนี้คือโลกแห่งวิญญาณ ดังนั้น ปัญหาจึงหมดไป ดอนนี่จำต้องทบทวนบทเรียนที่เขาเรียนมาในระหว่างวัน เพราะไม่มีทางเลยที่เขาจะจดจำทุกอย่างได้ในทันที
เมื่อเห็นว่ามีนักเรียนมารอต่อแถวมากขึ้นเรื่อยๆ คาร์ลจึงฝืนบังคับตัวเองให้ผละออกมาจาก “ปัญญาประดิษฐ์” พลางเหลือบมองตารางเรียนของดอนนี่ “เราจะได้เรียนหลายวิชาด้วยกัน เช่นนั้นเราไปด้วยกันก็ได้ หอคอยเวทมนต์หลายแห่งหน้าตาเหมือนกันมาก และที่นี่ยังมีเขาวงกตมายาหลายจุดที่ใช้เป็นปราการป้องกัน เจ้าอาจหลงทางได้ง่ายๆ หากเจ้าไม่มีคนนำทาง คราวก่อน ข้าพบกับเด็กสาวหลายคนที่หลงอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ใกล้ๆ และพวกนางก็แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ…”
ดอนนี่รีบถามกลับ “เจ้ารู้จักที่แห่งนี้ดีงั้นหรือ”
แซมมี่มีท่าทางง่วงงุนอีกครั้ง ดอนนี่จึงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดการบรรยายของคาร์ลได้
“ข้าดูแผนที่มาแล้ว และข้าก็เป็นอัจฉริยะในการค้นหาทิศทาง!” เขามีท่าทางมั่นอกมั่นใจ หากผู้ใดไม่เชื่อเขา เขาก็จะพูดจนกว่าคนผู้นั้นเชื่อ
ดอนนี่รีบพยักหน้ารับ “เช่นนั้น เราคงจะต้องพึ่งเจ้าในเช้าวันจันทร์แล้วล่ะ”
“ไม่มีปัญหา” เขายกมือขึ้นตบอกตัวเอง แต่ใบหน้าอันงดงามของเขาทำให้ท่าทางนั้นดูน่ารักไปเสีย “ข้าชอบวิชาพวกนี้ เพราะเราจะได้ทำการทดลองทางเวทมนตร์!”
‘การทดลอง? คาร์ล?’
ดอนนี่หันกลับไปมองใบหน้าอันร่าเริงของคาร์ล แล้วก็เริ่มรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่ง เขานึกสงสัยว่าตอนนี้จะยังเลือกที่ปรึกษาคนอื่นได้หรือไม่ หรือว่าเขาจะสามารถลาป่วยในระหว่างที่ต้องเข้าห้องทดลองเพื่อหลีกเลี่ยงการทำการทดลองกับคาร์ลได้หรือไม่
คาร์ลยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ราวกับว่าปากของเขาไม่เคยแห้งผากจากการบรรยายไม่หยุด แต่ถึงกระนั้น คำพูดของเขาก็ช่วยให้ดอนนี่กับแซมมี่จำได้ว่าห้องสมุด สำนักงานแลกเปลี่ยนเวทมนตร์ ห้องคณบดี ห้องเอกสาร หอคอยที่กักขังและปิดผนึกปีศาจเอาไว้ สถานที่ฝัง ร้านอาหาร และโรงอาหารนั้นอยู่ที่ใดบ้าง และก็เหมือนกับตอนที่คาร์ลแนะนำเกี่ยวกับโทรทัศน์และรายการวิทยุ ในสถานศึกษาแห่งนี้ อาหารจากหลายๆ ชาติต่างถูกรวบรวมเอาไว้ที่นี่ ซึ่งนั่นทำให้ดอนนี่กับแซมมี่อิ่มท้องอย่างยิ่ง
วิทยาลัยไฮด์เลอร์มีอาณาเขตกว้างขวาง ตอนที่พวกเขากลับมาถึงหอพักก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วแซมมี่เอนตัวพิงดอนนี่ราวกับว่าเขาสามารถผล็อยหลับไปได้ทุกเมื่อ ดอนนี่เองก็รู้สึกเหนื่อยล้า ทว่าคาร์ลยังคงดูตื่นเต้นและเปี่ยมไปด้วยพลัง
“วันนี้เหนื่อยจริงๆ เราควรจะนอนกันได้แล้ว” คาร์ลเดินไปที่เตียงของตนเองพลางบิดกายด้วยท่าทางสง่างาม
ดอนนี่หันไปมองแซมมี่ที่หลับลึกอยู่บนเตียงแล้วในตอนนี้ และก็เชื่อว่าสภาพของพวกเขาควรจะเรียกว่าเหนื่อยล้ามากจริงๆ
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นว่าคาร์ลกำลังถอดเสื้อคลุมเวทมนต์สีดำออกจากตัวช้าๆ ลำคอเรียวยาวดูงดงานค่อยๆ เผยโฉมและจากนั้นก็เป็น…เอวคอด
“คาร์ล!” ดอนนี่โพล่งขึ้นเสียงดัง รู้สึกคล้ายว่าจมูกร้อนนิดๆ และหัวใจก็กำลังเต้นแรงขึ้น “เจ้าช่วย…ไปที่ห้องเปลี่ยนชุดได้หรือไม่”
“อะไรกัน ข้าเป็นบุรุษนะ!” คาร์ลงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็แย้มยิ้ม “เจ้าเคารพความเป็นส่วนตัว ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าเน้นย้ำเรื่องนี้ยิ่งกว่าพวกชนชั้นสูงบางคนเสียอีก!”
คาร์ลทำตามที่ดอนนี่บอก แล้วเดินไปยังห้องเปลี่ยนชุด เมื่อเขาเดินออกมาโดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหลวมโพรกกับกางเกงนอน ดอนนี่ก็หันหน้าหนีอีกครั้ง
ดอนนี่อาบน้ำเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนในที่สุด แต่เมื่ออยู่บนเตียง เขากลับนอนไม่หลับ บทเรียนในแต่ละวิชานั้นยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้นัก และบางวิชายังทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล ในหอพักห้องนี้ ยังมี “คนสำคัญ” อาศัยอยู่กับพวกเขาด้วย เขานึกสงสัยว่าชีวิตในวิทยาลัยของเขาจะเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้
ดอนนี่หวังเหลือเกินว่าคาร์ลจะหาทางดัดแปลงพันธุกรรมในร่างกายได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เขาจะผ่อนคลายได้ยามอาศัยอยู่กับอีกฝ่าย
เดี๋ยวนะ…พวกเขาลืมใครบางคนไปหรือเปล่าตอนกลับมา นักเรียนที่ชื่อว่า…โจ…?
“คาร์ล เรากลับมาครบหรือเปล่า ข้าคิดว่าเราลืมใครบางคนไปนะ” ดอนนี่รีบถาม
“ขอบคุณที่ถามถึง ข้าอยู่กับพวกเจ้าตลอดแหละ” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นจากความมืดให้ดอนนี่ได้ยินก่อนที่คาร์ลจะตอบ “แล้วก็ ข้ามีนามว่าโจน์ และข้าคิดว่าเจ้าคงจะลืมมันไปแล้ว”
ดอนนี่มุดศีรษะลงใต้หมอนแล้วลอบถอนหายใจกับตนเอง นี่มันหอพักอะไรกันเนี่ย!
…
ท้องฟ้ายามราตรีนั้นเงียบสงัดและชวนขนลุก ทว่า ที่ปลายขอบฟ้าดูเป็นสีเทาซีดเซียว โลกแห่งวิญญาณเป็นเช่นนี้เสมอ หาได้มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น
ท่ามกลางสีดำ ขาว และเทา วิทยาลัยเวทมนต์ไฮด์เลอร์ถูกโอบล้อมด้วยหลุมฝังศพจำนวนนับไม่ถ้วน ดูชวนให้ขวัญผวาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความลี้ลับ
บนป้ายหลุมศพมีนามของผู้วายชนม์ วันเกิด และวันตายของพวกเขา เช่นเดียวกับเกียรติยศที่เคยมี สลักเอาไว้ คำจารึกบนนั้นบ้างก็ชวนหัว บ้างก็ดูค่อนข้างจริงจังและเคร่งขรึม
ขณะยืนอยู่ในสุสาน เฝ้ามองชื่อมากมายและหมอกควันสีดำที่พวยพุ่งขึ้นมา ดอนนี่ก็นึกย้อนถึงสิ่งที่ท่านดอลอสเคยกล่าวถึง—พิธีกรรมย้อนรอยชีวินและ ‘ร่างต้นกำเนิด’
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นและรัวขึ้น ราวกับบางสิ่งบางอย่าง ณ ใจกลางสุสานกำลังเชื้อเชิญเขา
แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงอันตราย ดอนนี่กลับไม่อาจหยุดตัวเองจากการเดินตรงเข้าไปยังใจกลางสุสาน
ที่เบื้องหน้าเขา มีหลุมศพขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ ประตูสู่ห้องเก็บศพนั้นเปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่ง
ดอนนี่เดินผ่านประตูและเดินตามเส้นทางเข้าไปยังห้องหลัก แสงสลัวรางในพื้นที่นั้นทำให้บรรยากาศดูชวนขนหัวลุกอย่างยิ่ง
หลังจากดันประตูของห้องหลัก ดอนนี่ก็ต้องตกตะลึง ในนั้นมีร่างใหญ่ยักษ์ซึ่งประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตมากปัญญาหลากชนิดที่นอนอยู่ในโลงศพ และควันสีดำลอยฟุ้งอยู่เต็มห้อง
แต่ทันใดนั้น ร่างใหญ่ยักษ์ก็ผุดลุกขึ้นและลืมตาโพลง ในดวงตาของมันเป็นเพียงจุดสีแดงเข้มสองจุด จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายก็หลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ดอนนี่รู้สึกว่าร่างกายตนเป็นอัมพาต เขาอยากให้ตนเองส่งเสียงร้องออกไป แต่เขากลับทำไม่ได้ เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเฝ้ามองร่างกายตนเองเน่าเปื่อยผุพัง ก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกสลาย ท้ายที่สุดแล้วจึงเหลือเพียงความมืดอันเงียบงันชั่วนิจนิรันดร์
“อ๊าาาาาาาาาา!!!”
ดอนนี่กระเด้งตัวจากบนเตียงมานั่งหอบหายใจหนักหน่วง ที่ด้านนอกปรากฏดวงอาทิตย์ยามเช้าแสนเจิดจ้ามีชีวิตชีวา
“ฝันร้ายอีกกแล้วหรือ” แซมมี่ถามด้วยความเป็นห่วง
ดอนนี่พยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้าไปมา “บางทีข้าอาจแค่ยังไม่ชินกับที่ใหม่น่ะ”
แต่เหตุใดต้องเป็นความฝันนี้อีกแล้ว
เป็นเพราะเขาอยากรู้ความลับนี้มากเกินไปอย่างนั้นหรือ
“หากว่ามันยังเกิดขึ้นต่อไป” คาร์ลโผล่ศีรษะมาจากห้องน้ำโดยที่คาบแปลงสีฟันอยู่ในปากขณะกล่าวต่อ “เจ้าต้องไปหาที่ปรึกษาเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้โดนคำสาป ข้าเคยเห็น…”
เห็นได้ชัดว่าแปลงสีฟันในปากของเขาไม่มีทางหยุดเขาจากการพูดได้
ดอนนี่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวตอบ “ขอบคุณมาก คาร์ล แต่เจ้าควรจะเร่งมือหน่อยนะ มันใกล้จะถึงเวลาเข้าร่วมพิธีเปิดแล้ว”
พิธีเปิดภาคเรียนของวิทยาลัยเวทมนต์ไฮด์เลอร์มักจะเรียบง่ายมากมาโดยตลอด สโคโคลา ผู้อำนวยการ เพียงกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ จากนั้นดอนนี่กับคาร์ลก็ตามฝูงชนไปเพื่อเข้าชั้นเรียนวิชาแม่เหล็กไฟฟ้า
“ข้าคือที่ปรึกษาประจำวิชาแม่เหล็กไฟฟ้าของพวกเจ้า และข้ามีนามว่ากลินตัน” บุรุษวัยกลางคนดูท่าทางคงแก่เรียนเป็นผู้กล่าว เขาสวมแว่นตากรอบลวดและดูค่อนข้างผอม “นี่คือชั้นเรียนแรกของเรา และข้าจะพาพวกเจ้าไปยังห้องทดลองเพื่อทำการทดลองสักเล็กน้อย จากการทดลองเหล่านี้ เจ้าจะได้เห็นปรากฏการณ์แม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิมด้วยตาตนเอง ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ฟังในชั้นเรียนถัดไป”
“เย่!” คาร์ลกล่าวด้วยท่าทางร่าเริง
ดอนนี่นึกสงสัยว่าตนจะขออยู่ที่นี่ต่อได้หรือไม่…