บทที่233 พี่กำลังโทษฉันหรอ?
มู่สือยั่นพูดจบ ทำเป็นจริงๆจังๆมองมู่น่อนน่อน กระซิบกับมู่ลี่เหยียน “ต่อให้น่อนน่อนจะ18อีกครั้งก็ไม่มีทางที่จะโตมารูปร่างหน้าตาแบบนี้ พ่อว่าตลกมั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
มู่ลี่เหยียนมองมู่สือยั่นหน้าตาบึ้งตึง แล้วหันหน้าไปมองมู่น่อนน่อน “เธอมาทำอะไร?”
“คุณบอกว่าแม่ฉันหายตัวไปหลายวันแล้วไม่ใช่รึไง? ฉันมาถามสถานการณ์” ถึงแม้มู่น่อนน่อนจะไม่ใยดีกับเซียวชู่เหอแล้ว แต่ก็อดถามสารทุกข์สุขดิบไม่ได้
“ไม่มีอะไรให้ถาม ก็แค่หายไป” มู่ลี่เหยียนเพราะเรื่องของมู่หวั่นขี แค่เห็นมู่น่อนน่อนก็รำคาญ
มู่น่อนน่อนคิดไว้แล้วว่ามู่ลี่เหยียนต้องมีท่าทางแบบนี้ ก็ไม่ได้คิดจะพูดมากอีก “ฉันแจ้งตำรวจไปแล้ว ถึงเวลามีอะไรคืบหน้าแล้วเจ้าหน้าที่น่าจะประกาศให้คุณทราบนะ”
เธอหันหน้าไปมองมู่สือยั่น ครู่นึง ก็เดินกลับไปขึ้นรถ
มู่สือยั่นได้ยินบทสนทนาของมู่น่อนน่อนกับมู่ลี่เหยียน ก็เลยเชื่อว่าสาวสวยตรงหน้าก็คือมู่น่อนน่อน
มู่ลี่เหยียนได้ฟังคำพูดของมู่น่อนน่อนแล้ว ก็กระแอมทีนึง หันหน้าเห็นมู่สือยั่นยังมองไปทางมู่น่อนน่อน ก็ดุว่า”มองอะไรนักหนา ยังไม่เข้าไปอีก! กลับมาปุ้บก็ไปซิ่งรถกับพวกเพื่อนเหลี่ยมๆของแกอย่างกับอะไรดี แก…”
มู่สือยั่นไม่ทนฟังมู่ลี่เหยียนบ่น วิ่งไปทางมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน อย่ารีบไปเลย กินข้าวด้วยกันสักมื้อก่อนสิ”
มู่ลี่เหยียนตาเบิกกว้าง คำราม “สือยั่น กลับมา!”
มู่สือยั่นไม่ได้สนความโกรธของเขา แค่โบกมือ แล้วพูดโดยไม่ได้สนใจ “ไม่ได้เจอน่อนน่อนตั้งหลายปี กินข้าวกับเธอสักมื้อก็ไม่ได้ เธอกลับไปก่อนเถอะ อายุมากแล้วทำอะไรนิดๆหน่อยๆก็โกรธ”
มู่น่อนน่อนขึ้นรถไปแล้ว
กระจกรถเลื่อนลงมา เธอก็ได้ยินคำพูดของมู่สือยั่น
ทั้งตระกูลมู่ พูดได้ว่ามีหนึ่งคนที่ญาติดีกับมู่น่อนน่อนจริงๆ นั่นก็คือ มู่สือยั่น
มู่สือยั่นเป็นลูกชาย ที่ต่อไปจะได้สืบทอดตระกูลมู่ ก็เลยเป็นที่ชื่นชอบของคนตระกูลโดยปริยาย ขนาดคนใช้ยังเคารพมู่สือยั่นมาก
มู่สือยั่นซนตั้งแต่เด็ก ชอบยุ่งนู่นจับนี่ไปทั่ว
ตอนขึ้นม.ปลาย ก็เริ่มคบเพื่อนเหลี่ยมๆไปซิ่งรถ บาร์ กินเหล้า ทั้งวันเอาแต่เที่ยวเล่นไปทั่ว
เขาชอบเที่ยว ไม่เอาการเอางาน แต่จิตใจไม่แย่
อย่างน้อย ตอนเขาอยู่บนทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน เจอมู่น่อนน่อนโดนเพื่อนๆรังแก ก็จะช่วยเธอไล่คนที่รังแกเธอออกไป
ในจุดนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้มู่น่อนน่อนคิดถึงความดีของเขามานาน
แต่ว่า ทั้งสองอายุต่างกัน4ปี ตอนที่มู่น่อนน่อนขึ้นม.ต้น มู่สือยั่นก็โดนโยนออกประเทศแล้ว
มู่ลี่เหยียนโกรธจนควันออกหู แต่กลับไม่รู้จะทำยังไงกับมู่สือยั่น
ไอลูกคนนี้ทั้งวันรู้แต่กินดื่มเที่ยวเล่น ไม่รู้เหมือนใคร
เขาคุมไอลูกคนนี้ไม่อยู่แล้ว!
สายตาของมู่น่อนน่อนเห็นมู่ลี่เหยียนโดนมู่สือยั่นทำให้โกรธจนเดินเข้าคฤหาสน์ไป หูก็ได้ยินเสียงของมู่สือยั่นดังขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “หาที่กินข้าวสักที่เถอะ ฉันขอ”
“ฉันเชิญพี่ดีกว่า” มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับไปยิ้มให้มู่สือยั่น
มู่สือยั่นตะลึงกับรอยยิ้มของเธอ ผ่านไปหลายวิกว่าจะกลับมา “โอเค พวกเธอนำเลย เดี๋ยวฉันขับตามด้านหลังเอง”
มู่น่อนน่อนนึกถึงความเร็วรถที่มู่สือยั่นขับเมื่อกี้ ถึงกับเครียด พูดว่า “พี่ขับนำเถอะ พวกเราไปกินที่โรงแรมจีนติ่ง”
เธอกลัวทักษะการขับรถของมู่สือยั่นจริงๆ
……
คลับชั้นสูงโรงแรมจีนติ่ง
มู่น่อนน่อนกับมู่สือยั่น นั่งประจันหน้ากันในห้องรับรอง
ข้างๆมีมู่สือยั่นบริกรอยู่ เขาหยิบเมนูมาเปิดแค่หน้าเดียวก็สั่งแล้วหนึ่งอย่าง “อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้…”
มู่น่อนน่อนยิ้มแห้ง ถึงมู่สือยั่นอยู่ต่างประเทษมาหลายปี นิสัยก็ไม่เปลี่ยนไปเลย
ชอบกินดื่มรักสนุก มือเติบเท้าเติบ
ตอนเสิร์ฟจานสุดท้าย โต๊ะอาหารก็แทบจะไม่มีที่วางแล้ว
“ได้ยินว่าเธอเข้าตระกูลเฉินแทนหวั่นขีแล้วหนิ? เป็นไงบ้าง กับเฉินถิงเซียวคนนั้นเข้ากันได้ดีมั้ย?” น้ำเสียงของมู่สือยั่น เหมือนกับคุยกับเพื่อนเก่าที่จากกันไปหลายปียังไงยังงั้น
มู่น่อนน่อนโล่งใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเปิดอกบอกทุกอย่างกับมู่สือยั่น
“พี่กลับมาเพราะเรื่องของมู่หวั่นขี”
น้ำเสียงที่มั่นใจของมู่น่อนน่อน ทำให้มู่สือยั่นชะงัก
เขาวางตะเกียบลง มองมู่น่อนน่อนยิ้มๆ “ตอนเด็กๆเธอก็ฉลาดกว่าหวั่นขี โตขึ้นแล้วโชคก็ยังดีกว่านาง”
ถึงแม้มู่สือยั่นจะเคยช่วยเหลือเธอ แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆของมู่หวั่นขี
เพราะจุดนี้ ในใจของมู่น่อนน่อนชัดเจนอย่างยิ่ง
“ฉันไม่ได้โชคดีกว่าเธอ แต่แค่ไม่ได้ใจทรามแบบเธอ” รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนค่อยๆจางหายไป
“พี่รู้มั้ยว่านางเคยพยายามฆ่าฉันกี่ครั้งแล้ว? ตั้งแต่อยู่ตระกูลมู่มาฉันทำหน้าที่ช่วยเหลือเต็มที่ นางกับพ่อใช้ประโยชน์จากฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันเพียงแค่ตัดสินใจว่าฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”
มู่สือยั่นสูดหายใจเข้าลึก แล้วถามว่า “แล้วแม่เธอล่ะ? เธอก็ไม่สนใจแล้วหรอ?”
มู่น่อนน่อนไม่พูด มู่สือยั่นเม้มปากแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ฉัน จริงๆก็มาเพราะเรื่องของหวั่นขี ไม่ว่านางจะทำผิดมากน้อยแค่ไหน นางก็ยังเป็นน้องสาวแท้ๆของฉัน ฉันมองดูนางเกิดเรื่องเฉยๆไม่ได้หรอก”
“พี่กำลังโทษฉันหรอ?” มู่น่อนน่อนถามเขากลับ
ทั้งสองจ้องตากัน เงียบไปพักหนึ่ง มู่น่อนน่อนก็หัวเราะเยาะ “คนอย่างพวกพี่ดูแล้วเนี่ย ต่อให้อีกนิดฉันจะโดนมู่หวั่นขีฆ่าตาย สุดท้ายฉันก็ควรจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมู่หวั่นขีเลยงั้นสิ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ฉันแค่…” มู่สือยั่นชะงัก เหมือนกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี สุดท้ายก็ทำได้แค่เงียบไป
“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย กลับก่อนนะ พี่ชายค่อยๆกินนะ”
มู่สือยั่นเงยหน้ามองเธอ แสดงออกเหมือนว่ามีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด
หลังมู่น่อนน่อนเช็คบิลแล้ว ก็ออกจากโรงแรมจีนติ่ง
ในรถ คนขับถามเธอ “คุณหญิงน้อย ตอนนี้ตรงกลับบ้านเลยมั้ยครับ?”
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไปบริษัทเฉินซื่อ”
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยง ถ้าเธอไปหาเฉินถิงเซียวที่บริษัทเฉินซื่อ ก็คงจะได้กินมื้อเที่ยวด้วยกันกับเขา
ไม่นานก็ถึงบริษัทเฉินซื่อ
มู่น่อนน่อนไม่ลงจากรถ มองประตูใหญ่บริษัทเฉินซื่อผ่านกระจกรถ ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรหาเฉินถิงเซียว
เธอเงยหน้ามองโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เจอเฉินถิงเซียวเดินออกมาจากบริษัทเฉินซื่อ
ข้างๆเขาคือเฉินชิงเฟิง ข้างหลังตามมาด้วยชายหญิงชุดสูทรองเท้าหนังกลุ่มหนึ่ง ฝีเท้าดูรีบร้อนมาก
มู่น่อนน่อนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังโทรหาเฉินถิงเซียว
ตอนนี้เฉินถิงเซียวเดินถึงที่จอดรถแล้ว กำลังเปิดประตูขึ้นรถ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี เขาหยุดขึ้นรถ ก้มไปหยิบโทรศัพท์
เขาแค่หยิบโทรศัพท์ ในสายก็มีเสียงเฉินถิงเซียวออกมา “มีอะไร?”
มู่น่อนน่อนถามเขา “ยุ่งอยู่หรอ?”
เฉินถิงเซียวที่หวงคำพูดเหมือนทองคำตอบมาเสียงเดียว “อืม”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่โทรมาถาม”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
วางสายแล้ว มู่น่อนน่อนก็เห็นเฉินถิงเซียวขึ้นรถไป
ตามองรถของพวกเฉินถิงเซียวขับออกไป มู่น่อนน่อนถึงบอกคนขับรถ “กลับกันเถอะ”
คนขับสตาร์ทรถ กำลังออกตัว ข้างหน้าก็มีรถคันหนึ่งขับมา ถนนที่นี่แคบ คนขับได้แค่ชะลอให้รถคันนั้นผ่านไป
รถคันนั้นกลับตรงมาจอดข้างๆรถของมู่น่อนน่อน
วินาทีต่อมา เงาร่างสูงใหญ่ของเฉินถิงเซียวก็เดินลงมาจากรถ