มู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดของเฉินเจียฉินแล้ว ก็ตบไหล่ของเขาอย่างซาบซึ้งใจ : “พี่ไม่เป็นไร”
สองสามวันมานี้เธออยู่แต่ในบ้าน นอกจากกินแล้วก็นอน ยังจะมีอะไรอย่างอื่นอีก
เฉินเจียฉินยิ้มขึ้น : “พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ต่อให้มีพี่ถิงเซียวก็ต้องปกป้องพี่อยู่แล้ว”
คำพูดที่เฉินถิงเซียวพูดในโรงพยาบาลวันนั้น เฉินเจียฉินนั้นไม่รู้
มู่น่อนน่อนยกริมฝีปากแล้วฝืนยิ้มขึ้น
เดิมทีเขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับเฉินถิงเซียว แต่เมื่อเฉินเจียฉินอยู่ด้วยเธอก็ไม่สามารถเอ่ยปากได้
เฉินถิงเซียวกับเฉินเจียฉินส่งมู่น่อนน่อนถึงหน้าประตูโรงพยาบาล
บอดี้การ์ดที่มาส่งมู่น่อนน่อนยังคงรออยู่
เฉินถิงเซียวกำชับบอดี้การ์ดด้วยใบหน้าที่เย็นชา : “ส่งคุณหญิงน้อยกลับไป”
มู่น่อนน่อนยังมีเรื่องที่อยากจะพูด จึงไม่ขยับเขยื้อน
เฉินเจียฉินที่อายุน้อยแต่สมองไว ดูออกว่ามู่น่อนน่อนราวกับมีคำพูดอยากจะพูดกับเฉินถิงเซียว จึงชี้เข้าไปในโรงพยาบาล : “ผมเข้าไปก่อนนะครับ”
เขาพูดจบก็จากไป
มู่น่อนน่อนมองไปรอบ ๆ แล้วก็ดึงแขนของเฉินถิงเซียว ดึงเขาไปในซอกมุมที่ไม่มีคน
แน่ใจว่ารอบ ๆไม่มีคนแล้ว มู่น่อนน่อนถึงโน้มใกล้เข้าไป แล้วรีบพูดอย่างรวดเร็ว : “เฉินถิงเซียว คืนวันส่งท้ายปีเก่าฉันเห็นคุณป้ากับคุณพ่อของคุณเข้าไปในห้องอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ แต่ไม่นานพวกเขาก็ออกมาอย่างรวดเร็ว ฉันคิดว่าพวกเขาจะต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน……”
เฉินถิงเซียวสะบัดมือมู่น่อนน่อนทิ้งอย่างฉับพลัน แล้วกล่าวด้วยความโมโห : “พอแล้ว!”
“เฉินถิงเซียว! ฉันพูดเรื่องจริงนะ” มู่น่อนน่อนเอื้อมมือจับผมของตัวเองด้วยความหงุดหงิด : “คุณจะต้องเชื่อฉันนะ”
“ตอนนี้คุณยังไม่พ้นการตกเป็นผู้ต้องสงสัย ทำไมผมจะต้องเชื่อคุณ” ใบหน้าของเฉินถิงเซียวค่อนข้างเยือกเย็น: “อีกอย่าง นั่นคือคุณป้าแท้ๆและพ่อแท้ๆของผม ความหมายของคุณคือพวกเขาร่วมมือกันทำร้ายคุณปู่ จากนั้นก็ใส่ร้ายคุณอย่างนั้นเหรอ เหลวไหลชะมัด!”
“ฉันไม่ได้พูดนะ” แม้ว่าเมื่อสักครู่เธอจะหมายความว่าอย่างนี้ แต่ว่าเธอไม่ได้พูดออกมา
สีหน้าของเฉินถิงเซียวชะงักค้าง แต่ว่าสักพักก็กลับคืนมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เขามองมู่น่อนน่อนอย่างนิ่งๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ : “นี่ไม่ใช่คำพูดที่คุณอยากจะพูดเหรอ คุณป้ากับคุณพ่อของผมล้วนเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณปู่ พวกเขาจะทำร้ายคุณปู่เหรอ คุณคิดว่าผมจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
“ก่อนหน้านี้คุณยังบอกว่าเรื่องของคุณแม่คุณก็เกี่ยวข้องกับคนของตระกูลเฉินไม่ใช่เหรอ คุณ……”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ให้โอกาสเธอพูดต่อ ก้มตัวอุ้มเธอขึ้นมา แล้วอุ้มเข้าไปไว้ในรถ จากนั้นกล่าวอย่างเฉยชาว่า : “อย่าให้ผมได้ยินเรื่องนี้อีก”
จากนั้นเขาก็ลงจากประตูรถ แล้วหันหลังจากไป
คั่นด้วยหน้าต่างกระจกรถ มู่น่อนน่อนมองเขาเข้าโรงพยาบาลโดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง
เธอเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหมดอ่อนใจ กุมหมัดเอาไว้แล้วทุบลงไปที่นั่งข้าง ๆ แรง ๆ
เดายากจังเลย
ความคิดของเฉินถิงเซียวช่างเดายากจังเลย
แม้แต่เฉินเจียฉินก็พูดว่า เฉินถิงเซียวจะต้องคอยปกป้องเธอ
แต่ว่าตอนนี้เธออยากจะรู้ว่าเฉินถิงเซียวว่ากำลังคิดอะไร
ไม่อย่างนั้นเธอก็มักจะรู้สึกไม่สบายใจ
ปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียวที่เยือกเย็นเช่นนี้ มีอะไรก็ซ่อนไว้หมด
เดาก็เดาไม่ออกถึงความคิดเขา และท่าทางของเขาที่เย็นชามาก มู่น่อนน่อนไม่รู้จริง ๆว่าตัวเองจะเชื่อใจเขาได้อย่างไร
……
รถยนต์มาจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์
“น่อนน่อน!”
มู่น่อนน่อนที่นั่งนิ่งๆอยู่ในรถอย่างห่อเหี่ยว ก็ได้ยินเสียงเรียกของเสิ่นเหลียง
จึงหันหน้าไปก็เห็นเสิ่นเหลียงกำลังยืนอยู่นอกประตูรถ
หลังจากที่เสิ่นเหลียงออกจากโรงพยาบาลไป ก็ได้ไปรอมู่น่อนน่อนที่หน้าประตูคฤหาสน์
เสิ่นเหลียงเห็นเธอมองเห็นตัวเอง จึงช่วยมู่น่อนน่อนเปิดประตูรถ : “เป็นไงบ้าง เถ้าแก่ใหญ่ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนลงจากรถ ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ : “ฉันกลับอยากให้เขาทำอะไรกับฉันเสียอีก”
เสิ่นเหลียงได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว
“เข้าไปด้านในกันก่อน ด้านนอกหนาว” มู่น่อนน่อนดึงเสิ่นเหลียงเข้าไปในคฤหาสน์
เธอพาเสิ่นเหลียงมุ่งตรงไปที่ห้องนอน และบอกเล่าคำสนทนาที่ตัวเองคุยกับเฉินถิงเซียว รวมไปถึงความคิดของตัวเองให้เธอฟัง
เสิ่นเหลียงได้ฟังแล้วก็ถึงกับตะลึงตกใจไปทั้งตัว
“ไม่……ไม่ใช่มั้ง นี่จะเป็นไปได้อย่างไร คุณท่านเฉินปฏิบัติต่อพวกเขาดีทั้งคู่นะ ตอนที่ลูกสาวของเขาแต่งงาน สินสอดทองหมั้นตั้งหลายร้อยล้าน และนี่ยังเป็นเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนนะ……”
เสิ่นเหลียงวิเคราะห์รอบหนึ่งแล้วกล่าว : “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณพ่อของเถ้าแก่ใหญ่เลย คุณท่านเฉินปฏิบัติต่อเฉินชิงเฟิงดีมากถึงมากที่สุด พาเฉินชิงเฟิงเข้าไปทำงานที่บริษัทเฉินซื่อตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อถึงเวลาของเขาแล้ว คุณท่านเฉินก็มอบอำนาจทั้งหมดในมือออกมา พวกเขาสองพี่น้องไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกันทำร้ายคุณท่านเฉินเลย……”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตคัดค้านคำพูดของเสิ่นเหลียง แต่กลับพยักหน้าเห็นด้วย : “ใช่ พวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำร้ายคุณท่านเฉิน ถ้าหากว่าไม่ชอบฉัน พวกเขาสามารถใช้วิธีการใดก็ได้เพื่อจัดการกับฉัน ไม่จำเป็นต้องลำบากลำบนใช้คุณปู่มาทำร้ายฉัน”
พูดไปพูดมาก็เหมือนกับกลับมาที่เดิม
เหมือนมีเหตุผล แต่ก็ไม่มีเหตุผล
เหมือนกับว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเชื่อมโยงกัน แต่ก็เหมือนกับปะติดปะต่อกันไม่ติด จนยุ่งเหยิงไปหมด
เมื่อทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด ก็ไม่สามารถกลั่นกรองออกมาได้
เสิ่นเหลียงเห็นท่าทางที่คิดไม่ตกของมู่น่อนน่อน จึงเปล่งเสียงปลอบประโลมเธอ : “เธอก็อย่าคิดมากเลย ฉันเชื่อว่าเถ้าแก่ใหญ่จะจัดการกับเรื่องทั้งหมดได้ เขาไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเธอต้องดูแลลูกให้ดี”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ไม่พูดอะไร
ทุกคนต่างบอกว่าเฉินถิงเซียวจะจัดการเรื่องนี้ได้
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่บอกอะไรเธอสักอย่าง
เวลานนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เธอนึกถึงคำพูดของเฉินเจียฉิน : “เธอรู้จักพี่สาวฝาแฝดของเฉินถิงเซียวไหม”
“รู้สิ” เสิ่นเหลียงเดินมานั่งลงข้างมู่น่อนน่อน ดูเหมือนจะชื่อเฉินจิ่งหยุ้น อยู่ที่เมืองนอกมาโดยตลอด เป็นผู้หญิงที่แกร่ง”
เสิ่นเหลียงพูดจบ ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดกว้างไป
เธอเกาศีรษะขึ้น แล้วพูดเสริม : “สิ่งที่ฉันรู้ก็มีเท่านี้ และเธอเวลาทำอะไรก็จะเป็นคนถ่อมตน”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า : “ฉันรู้แล้ว”
สมองของเสิ่นเหลียงแล่นได้เร็วมาก : “เธอถามเรื่องนี้ทำไม เธอจะกลับมาเหรอ”
“น่าจะถึงภายในสองสามวันนี้มั้ง”
“นี่เป็นบุคคลที่เก่งกาจ เธอจะต้องต่อกรอย่างระวังนะ” เสิ่นเหลียงรู้สึกเป็นห่วง: “ตอนนี้คนบ้านตระกูลเฉินต่างคิดว่าเธอเป็นคนผลักคุณปู่ ถ้าหากว่าเฉินจิ่งหยุ้นกลับมาแล้ว จะต้องมาหาเธออย่างแน่นอน”
“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เธอบอกฉันเองไม่ใช่เหรอไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดเฉินถิงเซียวจะต้องช่วยฉันจัดการ”
มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วลุกขึ้น: “ฉันส่งเธอออกไปนะ วันหยุดตรุษจีนทั้งที เธอควรจะอยู่บ้านพักผ่อนเป็นเพื่อนคุณลุงคุณป้า……”
เสิ่นเหลียงถูกเธอโน้มน้าวจนลุกขึ้นมา : “โอเค ๆ อย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ ถ้าหากว่ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ถ้าหากว่าฉันไม่รับสายเธอสามารถโทรหากู้จือหยั่นได้ เขาว่างมาก เรียกเขาได้ตลอด”