ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 661มาหาถึงที่

บทที่ 661มาหาถึงที่

นาทีต่อมา เสียงของฉีเฉิงก็ดังขึ้น

“คุณมู่เชื่อผมหรือเปล่าครับ ”

มู่น่อนน่อนหันไปพูดด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น “ค่าจ้างที่ฉันให้อาจจะสูงสู้เฉินจิ่งหยุ้นไม่ได้นะ”

พอพูดจบ เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแววตาของฉีเฉิงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

เป็นเพราะเธอเอ่ยถึงเฉินจิ่งหยุ้นเหรอ

การพบเห็นนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกสนุกจังเลย

ฉีเฉิงถอดหมวกแก๊ปบนหัวออก “ผมไม่ขัดสนเรื่องเงิน ผมต้องงาน ยิ่งต้องการนายจ้างที่ไว้ใจผม”

ฝีมือของฉีเฉิงไม่ธรรมดา เหล่าคนรวยมีอำนาจพวกนั้นย่อมอยากให้เขาเป็นบอดี้การ์ดอยู่แล้ว แม้กระทั่งยังสามารถจ่ายค่าจ้างที่ไม่ธรรมดาให้กับเขา

แต่ประวัติของเขาซับซ้อนเกินไป ในดวงตาคู่นั้นได้ซ่อนอะไรไว้มากมาย ขอแค่เป็นคนที่ระมัดระวังหน่อย ส่วนใหญ่ล้วนจะไปตรวจสอบเบื้องลึกของเขาอยู่

ถึงแม้คนทั่วไปจะตรวจสอบสถานะของเขาไม่ได้ แต่สำหรับฉีเฉิงแล้ว ก็เป็นแค่เรื่องยุ่งยากเรื่องนึงเท่านั้น

หลังจากมู่น่อนน่อนคิดปัญหาพวกนี้อยู่ในใจอย่างไวปุ๊บ ก็ได้ส่งเสียงพูดว่า “ตอนนี้ฉันจะลงไปทิ้งขยะ”

ลิฟต์จะปิดในเวลานี้พอดี ฉีเฉิงได้ยื่นมือกดทีนึงโดยตรง และเป็นคนเดินเข้าไปก่อน

มู่น่อนน่อนยกมุมปากขึ้น ฉีเฉิงคนนี้นี่สนุกจริงๆ

มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปตาม ฉีเฉิงได้กดชั้น“1”

ทั้งสองออกมาจากลิฟต์ ฉีเฉิงก็ได้ติดตามอยู่ด้านหลังและเว้นระยะห่างกับมู่น่อนน่อนหนึ่งก้าว

ตอนนี้ก็เข้าสู่โหมดทำงานแล้ว

“ฉันต้องชมนายว่ามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานใช่มั้ย ”มู่น่อนน่อนเดินไปด้วย และแกล้งแซวเล่นไปด้วย

ฉีเฉิงไม่ส่งเสียงพูดจา มู่น่อนน่อนไม่ถือสาเลย

หลังจากเธอทิ้งขยะลงในถัง ตอนที่หันกลับมา ฉีเฉิงก็ได้เดินมาที่ข้างหลังเธอแล้ว

ฝีมือการต่อสู้คล่องแคล่วว่องไว

มู่น่อนน่อนพูดกับฉีเฉิงต่อ “ฉันเชื่อว่าตามความสามารถของนาย ก็สามารถทำเรื่องอื่นได้ดีเหมือนกัน ทำไมถึงยอมไปเป็นบอดี้การ์ดของคนอื่น ”

ตั้งครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้ยินคำตอบของฉีเฉิง ในขณะที่มู่น่อนน่อนนึกว่าฉีเฉิงจะไม่เปิดปากพูดอีก เสียงของฉีเฉิงได้ดังขึ้น

“ผมเป็นแค่สองเรื่อง ฆ่าคนกับปกป้องคน”

ในเมื่อล้างมือจากวงการแล้ว ย่อมไม่ไปทำเรื่องฆ่าคนวางเพลิงอีก

ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่ค่อยกลัวฉีเฉิงแล้ว ก็เลยกล้าถามทุกอย่าง

“ทำไมต้องล้างมือจากวงการด้วย ”

ฉีเฉิงไม่พูด มู่น่อนน่อนพูดต่อเอง “เพราะเฉินจิ่งหยุ้นเหรอ ”

เธอเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกได้ว่าความหนาวเย็นมาจากด้านหลัง

“โกรธแล้วหรอ ”มู่น่อนน่อนหันมามองเขา

สีหน้าของฉีเฉิงเย็นชาสุดขีด “คุณมู่เหมือนจะสนใจเรื่องส่วนตัวของผมมากเลยนะ”

ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่า

“ใช่ ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเลย”มู่น่อนน่อนก็ไม่ปฏิเสธ กลับกันยังได้ยอมรับอย่างใจกว้าง

นาทีนี้ทั้งสองได้เข้าไปในลิฟต์แล้ว

หลังจากลิฟต์ใกล้ถึงชั้นที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ จู่ๆฉีเฉิงถึงพูดว่า “เพราะความสัมพันธ์ของคุณกับสามีเก่าของคุณไม่ราบรื่น เพราะฉะนั้นคุณมู่ถึงได้เป็นห่วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นขนาดนี้ อยากใช้อันนี้มาเบี่ยงเบนความสนใจเหรอครับ ”

มู่น่อนน่อนตกใจ มีความโกรธโผล่ขึ้นในใจ

แทบจะในใจของทุกคน ล้วนมีคนที่ไม่อยากเอ่ยถึงง่ายๆ

ฉีเฉิงไม่อยากฟังเธอเอ่ยถึงเฉินจิ่งหยุ้น เธอไม่อยากฟังฉีเฉิงเอ่ยถึงเฉินถิงเซียว มันก็เหตุผลเดียวกันแหละ

มู่น่อนน่อนถอนหายใจทีนึง “ฉันขอโทษ”

ฉีเฉิงรับคำขอโทษของมู่น่อนน่อนไว้อย่างสบายใจเฉิบ

มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงว่าฉีเฉิงเป็นคนพิถีพิถันดี

เธอกับฉีเฉิงแยกกันที่หน้าลิฟต์ และต่างคนต่างกลับห้องตัวเอง

เที่ยวหาเฉินมู่เสร็จ ออกมาจากวิลล่าของเฉินถิงเซียว มาจนถึงถูกเจียงซ่งพาคนมาดักไว้ แล้วไปโรงพยาบาลเที่ยวนึง ยุ่งมานานขนาดนี้ ตอนนี้ก็ใกล้พลบค่ำแล้ว

มู่น่อนน่อนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย

เธอเปิดตู้เย็น ดูอะไรก็ไม่รู้สึกอยากอาหารเลย

สุดท้าย เธอได้หยิบแอปเปิ้ลมาลูกนึง กินไปครึ่งนึงก็รู้สึกว่าไม่อยากกินแล้ว

นั่งอยู่หน้าจอคอมแล้วเริ่มเขียนบทละครที่เหลืออีกหลายตอน

พอเขียนเสร็จในอึดใจเดียวก็กลางดึกแล้ว

ท้องว่างจนทรมาน ขี้เกียจไปทำกับข้าว และไม่อยากอาหาร

เป็นเพราะหัวใจใกล้กับกระเพาะใกล้เกินไปหรือเปล่า ก็เลยได้รับผลกระทบด้วย เลยผิดปกติตามไปด้วยชั่วคราว

ราวกับว่าภาพเหตุการณ์ที่ก่อนหน้านี้เห็นเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนกอดอยู่ด้วยกันบนท้องถนนยังลอยอยู่ตรงหน้า

มู่น่อนน่อนยิ้มหยันทีนึง เฉินถิงเซียวย้อนกลับไปหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับฐานะทางครอบครัว ทำไมเธอต้องด้อยค่าตัวเองด้วย

ไม่มีเฉินถิงเซียว เธอก็อยู่ไม่ได้แล้วงั้นเหรอ

เธอกดตำแหน่งกระเพาะไว้ แล้วลุกไปที่ห้องครัว

ยังเดินไม่ถึงห้องครัว เธอก็ได้ยินด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก

เสียงเคาะประตูคือเสียงเคาะสามครั้งอย่างมีจังหวะมาก ไม่รีบร้อนเลย

มู่น่อนน่อนหันไปดูนาฬิกาแวบนึง ตีหนึ่งครึ่ง

ไม่มีทางเป็นเสิ่นเหลียงแน่นอน เพราะเมื่อวานเธอยังเห็นเสิ่นเหลียงถูกแอบถ่ายรูปในการถ่ายทำหนังอยู่ที่ทะเลทรายอยู่เลย

และไม่มีทางเป็นกู้จือหยั่นกับฉินสุ่ยซานพวกเขาเหมือนกัน……

หรือว่าเจียงซ่งหามาถึงที่ไวขนาดนี้เลย

มู่น่อนน่อนหยิบมือถือออกมา ได้กดเลขโทรหาตำรวจเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ขอแค่มีความผิดปกติ เธอก็จะกดปุ่มโทรออกไปทันที

ในห้องไม่มีของอะไรที่สามารถป้องกันตัวได้ เธอได้ไปคว้ามีดทำครัวที่ห้องครัว

จากนั้น มือข้างหนึ่งของเธอถือมีดทำครัวไว้ ส่วนอีกข้างก็ถือโทรศัพท์เอาไว้ พร้อมเดินไปที่หน้าห้องอย่างเบามือเบาเท้า

เธอแน่ใจว่าตอนที่เธอเดินไม่ได้ส่งเสียงออกมาเลย

แต่ตอนที่เธอเดินมาถึงข้างประตู คนที่อยู่นอกห้องราวกับรู้ว่าเธอเดินมาถึงแล้ว จึงได้ส่งเสียงพูดว่า “ผมเอง ฉีเฉิง”

มู่น่อนน่อนอึ้งอยู่ครู่นึง พริบตาเดียวจิตใจที่กระวนกระวายก็ได้ผ่อนคลายลงมาทันที

เธอเปิดประตู ก็เห็นฉีเฉิงยืนอยู่หน้าห้องและในมือได้ยกถาดเอาไว้

เธอมองถาดอย่างเร่งรีบแวบนึง ก็ไม่ได้ดูชัดเจนว่าของด้านในคืออะไร แค่ถามเขาว่า “ดึกป่านนี้แล้ว นายมาทำอะไร ”

แววตาของมู่น่อนน่อนมีความระแวดระวังที่สังเกตเห็นได้ยาก

ไม่ว่ายังไงเธอก็รู้สึกว่าที่ฉีเฉิงพักอยู่ในชุมชนเดียวกับเธอ มันค่อนข้างบังเอิญเกินไป

ถึงแม้ตอนนี้เขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลกับการที่เธอสงสัยเขาเลย

ฉีเฉิงวางถาดในมือลง “กินไหมครับ ”

ทีนี้มู่น่อนน่อนถึงเห็นชัดว่าในถาดที่เขาถืออยู่ ในนั้นมีโจ๊กถ้วยนึงและกับข้าวอยู่สองอย่าง ดูแล้วน่ากินมาก

มู่น่อนน่อนเบิกตากว้างอย่างควบคุมไม่ได้ “นาย……เป็นคนทำ ”

“ถ้ากินก็รับไว้” ฉีเฉิงไม่ได้ตอบ แค่ผลักถาดไปข้างหน้า ขมวดคิ้วไว้แน่น ราวกับของที่เขาถืออยู่ในมือไม่ใช่ของกิน แต่ได้ถือเผือกร้อนลวกมือที่น่ารังเกียจเอาไว้

ไม่ว่ายังไงมู่น่อนน่อนก็จินตนาการไม่ออกว่าคนอย่างฉีเฉิงจะทำกับข้าวเป็น แถมยังเอากับข้าวมาให้เธอด้วย

บอดี้การ์ดคนนี้ก็ทำหน้าที่การงานได้เต็มที่เกินไปแล้วมั้ง

ถ้าไม่ใช่ว่าเธอดูออกตั้งนานแล้วว่าความสัมพันธ์ของฉีเฉิงกับเฉินจิ่งหยุ้นไม่ธรรมดา เธอถึงขั้นจะสงสัยแล้วว่าฉีเฉิงกำลังแอบชอบเธออยู่หรือเปล่า

คนอย่างฉีเฉิง น่าจะเอาอะไรให้คนอื่นน้อยมากเลยมั้ง

มู่น่อนน่อนรู้สึกค่อนข้างซึ้งในชั่วขณะ

เธอยื่นมือรับถาดในมือของเขามา “ขอบใจนะ”

ฉีเฉิงก็ไม่พูดจา ราวกับแค่พูดคำเดียวก็ยังรู้สึกยุ่งยากมากเลย ได้หันหลังจากไปโดยตรง

มู่น่อนน่อนยืนอยู่หน้าห้อง มองฉีเฉิงเข้าไปห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นได้ก้มมองโจ๊กที่อยู่ในถาดแล้วอารมณ์ซับซ้อนสุดๆ

เธอปิดประตู กลับมาที่ห้อง เอาโจ๊กวางไว้บนโต๊ะทานข้าว แล้วนั่งลงมาเริ่มทานโจ๊ก

หน้าตาของโจ๊กและกับข้าวใช้ได้เลยทีเดียว ไม่นึกเลยว่าทานแล้วรสชาติก็ไม่แย่เหมือนกัน

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท