ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 126

ตอนที่ 126

ตอนที่ 126 ก้าวข้ามไปยังขอบเขตมหาสุริยัน

ในคืนนั้นตอนยามดึก

เพิ่งชวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อพร้อมกับหลับตา เขาตั้งใจสัมผัสถึงจุดตันเถียนมาได้ซักพักแล้ว

ภายในจุดตันเถียนของเขานั้น กลุ่มก้อนของแก่นเมฆานั้นใหญ่กว่าตอนที่เขาอยู่ในระดับมหาสุริยันหลายสิบเท่า มันขยายไปทั่วขอบเขตตันเถียนของเขาและภายในนั้นก็มีลูกแก้วแสงที่ส่องสว่างอยู่สิบลูก! ลูกแก้วแสงที่ใหญ่ที่สุดนั้นอยู่ตรงใจกลางของกลุ่มก้อนแก่นเมฆาส่วนอีกเก้าลูกที่เหลือนั้นวนรอบแก่นเมฆาอยู่ตลอดเวลา

ระดับมหาสุริยันนั้นเป็นระดับที่ยากที่สุดในหมู่สามระดับแรกของเทพอสูร เขาไม่ประมาทแม้แต่น้อยระดับมหาสุริยันนั้นเป็นจุดหมายที่เทพอสูรหลายๆคนต่างเฝ้าฝันอยู่ตลอดชีวิตสําหรับเพิ่งชวนแล้วมันเป็นระดับที่สําคัญมากๆ! นั่นก็เพราะมีข้อกําหนดหลายอย่างที่เขาต้องทําก่อนที่จะไปให้ถึงระดับต่อไประดับเดือนมืดมิด

เขาจะต้องต่อสู้ในสนามรบในฐานะเทพอสูรระดับมหาสุริยันอีกหลายปี!

เพียงแค่คิด พลังของแก่นสารแห่งจิตก็หลอมรวมเข้ากับปราณในจุดตันเถียนของเขา เขาสามารถควบคุมปราณทุกสายได้เลยด้วยซ้ํา ซึ่งนั่นทําให้เขามีโอกาสจะก้าวผ่านไปได้มากกว่าเดิม

การข้ามผ่าน!

คนอื่นๆสามารถข้ามผ่านไปยังระดับมหาสุริยันโดยไม่มีแก่นสารแห่งจิต ดังนั้นเมิ่งชวนจึงมั่นใจมากขึ้นเพราะเขานั้นมีแก่นสารแห่งจิต

ครืน!ภายในจุดตันเถียนของเขา กลุ่มก้อนแก่นเมฆาขนาดยักษ์กําลังถูกควบคุมโดยเพิ่ง ชวนและเจตจํานงกระบี่ ทันใดนั้นเองกลุ่มก้อนแก่นเมฆาก็ระเบิดออก! ลูกแก้วแสงและกลุ่มก้อนแก่นเมฆารวมเข้ากันเป็นหนึ่ง มันดูรุนแรง แต่ก็เป็นการสรรค์สร้างที่น่าแยบยล

เสียงทุ่มต่ําดังขึ้นในจุดตันเถียนราวกับว่าพลังที่หมุนเวียนเหล่านั้นกําลังจะสร้างอะไรบางอย่างออกมา หากคนๆนั้นแข็งแกร่งไม่เพียงพอ มันจะไม่ใช่เพียงแค่เสียทุ่มต่ําแต่จะเป็นการระเบิด!และจะตายคาที่อยู่ตรงนั้น

ความอันตรายในการขึ้นเป็นเทพอสูรนั้นค่อนข้างจะต่ํา แต่ว่าการข้ามผ่านแต่ละขอบเขตนั้นยากและอันตรายยิ่งกว่า มีโอกาสจะตายได้เลยด้วยซ้ํา! แม้ว่ามนุษย์ได้ตั้งข้อกําหนดหลายอย่างที่ต้องมีก่อนที่จะยืนยันได้ว่าคนๆนั้นจะสามารถข้ามผ่านไปยังระดับเดือนมืดมิดหรือไร้ขอบเขตได้สําเร็จแต่ก็มีคนมากมายที่ต้องเสียโอกาสในการข้ามผ่านไปเพราะอายุเยอะเกินไปดังนั้นแล้วเทพอสูรจํานวนมากจึงจะลองก้าวผ่านไปเมื่อพวกเขามีโอกาสถึงจุดๆหนึ่งแล้ว

หากพวกเขาสําเร็จ ความแข็งแกร่งและอายุขัยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ข้าทําสําเร็จ เมิ่งชวนจับสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของจุดตันเถียนของเขา

ภายในตันเถียนนั้นมืดสนิท แต่ในตรงกลางนั้นเองก็มีพระอาทิตย์ปราฏกออกมา! ราวกับเป็นดวงอาทิตย์ที่ส่องประกายเจิดจ้าในท้องฟ้า ในตอนที่มันปรากฏขึ้นมาก็ทําให้ทั้งขอบเขตส่องสว่างขึ้นไม่เหลือความมืดแม้แต่น้อย

ดวงอาทิตย์นั่นลอยอยู่ในจุดตันเถียนของเขา ปราณที่ดวงอาทิตย์นั้นปล่อยออกมาเป็นสีทองพวกมันมีพลังในการทําลายล้างมหาศาล

ฟูวว

ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ในจุดตันเถียนของเขานั้นดูดซับพลังจากโลกภายนอกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

“ข้าข้ามผ่านไปยังระดับมหาสุริยันได้สําเร็จ” แม้เพิ่งชวนจะมั่นใจอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกดีใจที่ข้ามผ่านไปได้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงปราณของมหาสุริยันที่หมุนเวียนอยู่ในร่างคอยหล่อเลี้ยงร่างกาย

เทพอสูรนั้นฝึกฝนร่างกายไม่ค่อยเก่ง อย่างเพิ่งชวนเองก็มีสองวิธีหลักๆในการฝึกร่างกาย อย่างแรกคือการใช้พลังปราณเพื่อขัดเกลาร่างกาย นั่นเป็นวิธีที่ปกติที่ใช้กัน ยิ่งพลังปราณบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ส่วนอีกวิธีคือการใช้สายฟ้าขัดเกลาร่างกายยิ่งไปกว่านั้นการกินผลอัสนีวิบัติอยู่สม่ําเสมอก็จะช่วยเพิ่มผลของการฝึกวิชาของเขามากเช่นกัน

การฝึกฝนทั้งสองแบบนี้เป็นการฝึกฝนที่เหล่าจอมยุทธร่างอสูรตัดสายฟ้าทํากัน ส่วน การขัดเกลากระแสพลังวินาศชนิดใหม่นั้นเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการขัดเกลาร่างกายเช่นกันแต่ว่ามันก็ด้อยกว่าอีกสองวิธีนั้นมาก

ถึงอย่างนั้นเทพอสูรก็พึ่งปราณเป็นหลัก! พละกําลังที่ปล่อยออกมาโดยร่างกายนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย

เทพอสูรมนุษย์นั้นเพิ่มคุณภาพและปริมาณของปราณเป็นหลัก มันเป็นเส้นทางที่เหมาะสมแก่เทพอสูรมนุษย์ที่สุด เมื่อเทียบกับอสูรแล้ว มนุษย์นั้นเกิดมาพร้อมกับร่างที่อ่อนแอกว่ามาก!ในแง่ของความรอบรู้และสติปัญญานั้น มนุษย์มีมากกว่าอสูรมาก เส้นทางการฝึกฝนนั้นขึ้นอยู่กับพละกําลังเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น! ยิ่งไปกว่านั้น กําลังกายนั้นเป็นที่ต้องการไม่มากแต่ความต้องการของพลังปราณนั้นมีมาก

ร่างกายมีข้อจํากัดแต่พลังปราณนั้นไม่มีที่สิ้นสุด!

หลิวซีเยวที่นั่งอยู่ข้างนอกมาตลอดยืนขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเพิ่งชวนเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข “อาชวนได้ขึ้นเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันแล้วรู้สึกอย่างไร บ้าง?”

” ปราณของมหาสุริยันแข็งแกร่งกว่าปราณแดนอมตะมาก” เมิ่งชวนชูนิ้วขึ้น ประกายพลังปราณสีทองปรากฏขึ้นมา พลังปราณของเขาแหลมคมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ข้าอยากเห็นจัง” หลิวชีเยว่เองก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ในหมู่ศิษย์ที่ยังไม่ได้ลงจากเขาเพิ่งชวนเป็นเพียงคนเดียวที่ไปถึงระดับมหาสุริยันแล้ว! นี่เป็นเพราะศิษย์ของเขาหยวนชูส่วนมากลงจากเขาตอนที่ยังเป็นระดับแดนอมตะ

“เอาสิ” เมิ่งชวนเดินออกจากห้องไปที่สวนแล้วสะบัดนิ้ว

ลําแสงสีทองพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้ายามค่ําคืน พอมันสูงถึงร้อยจิ้ง มันก็ระเบิดออกตามใจที่เขานึกก่อให้เกิดแรงระเบิดที่สามารถสัมผัสได้จางๆแม้จะห่างกว่าร้อยจิ้ง

“แม้จะไม่ใช้เจตจํานงกระบี่ แต่กระแสปราณเล็กๆเท่านี้ก็แข็งแกร่งเพียงนั้นเลยรึ?” หลิ วชีเยวตกใจ“ถ้าหากว่าเจ้าปล่อยพลังเต็มที่ออกมา เจ้าอาจจะทําให้พื้นที่หลายลี้ต้องพังทลายเลยก็ได้”

“ปราณของเทพอสูรมหาสุริยันนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของพลังในการทําลาย” เมิ่งชวนกล่าว “และเพราะร่างอสูรตัดสายฟ้าของข้าและรากฐานเทพอสูรที่แข็งแกร่ง ปราณมหาสุริยันของข้าคง จะแข็งแกร่งกว่าเทพอสูรระดับมหาสุริยันธรรมดาหลายสิบเท่า”

ในระดับมหาสุริยันเองก็มีอัจฉริยะ สําหรับเชวเฟิงนั้น ในแง่ของความบริสุทธิ์ของปราณเขา เขาไม่ด้อยไปกว่าของเมิ่งชวนเลย อย่างเช่นการที่อสูรภูเขานั้นแข็งแกร่งกว่าราชาอสูรระดับสามธรรมดามาก!

“แม้ว่าข้าจะข้ามผ่านไปยังระดับมหาสุริยันได้ แต่กระแสปราณของข้าคงจะยังด้อยกว่าเจ้าอยู่ดี” หลิวชีเยว่กล่าวยิ้ม

“ร่างเทพวิหคเพลิงนั้นแข็งแกร่งเพราะเพลิงของวิหค มันไม่ต้องใช้กระแสปราณเลยด้วยซ้ําเพิ่งชวนกล่าวและถอนหายใจ พลังในการทะลุทะลวงของลูกดอกหลิวชีเยวและอย่างอื่นนั้นเป็นเรื่องรองแต่เพลิงของวิหคที่ประสานเข้ากับลูกดอกของเธอนั้นคือสิ่งที่น่าสะพรึงมากที่สุด

“แต่ข้าไม่มีวิธีที่จะจัดการกับความเร็วของเจ้า หากข้าต้องสู้กับเจ้าข้าคงจะแพ้แน่ๆ หนีก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ํา” หลิวชีเยว่กล่าว แม้ว่าเธอจะบินได้แต่ว่าก็ยังต้องใช้เวลากว่าเธอจะเว้นระยะห่างออกไปได้! และด้วยความเร็วของเพิ่งชวนแล้วนั้น แม้ว่าเธอจะบินอยู่กลางอากาศเพิ่งชวนคงจะสามารถจับตัวเธอได้ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวเพราะเขาสามารถกระโดดได้สูงเป็นลี้เลยด้วยซ้ํา! เป็นเรื่องยากที่จะหนีจากเพิ่งชวนได้สําเร็จ

“เพราะฉะนั้นหากข้าคอยปกป้องเจ้าก็จะไม่มีใครสามารถทําร้ายเจ้าได้” เพิ่ง ชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในคืนถัดมา หลิวชีเยว่เองก็ข้ามผ่านไปได้เช่นกัน อันที่จริงแล้วหลิวชีเยวที่เข้าถึงระดับของจิตวิญญาณระดับสูงมาเมื่อหลายเดือนก่อนได้ทําการเตรียมตัวหลายๆอย่างไว้แล้ว ดังนั้นแล้วเธอจึงข้ามผ่านไประดับมหาสุริยันได้สําเร็จ

ทั้งคู่เต็มไปด้วยความสุขและความหวังที่วันที่จะได้ลงจากเขานั้นใกล้เข้ามา

19 ตุลาคม หน้าถ้ําเก้าปริศนา

“เข้าไปเลย ข้าจะรอฟังข่าวดี” หลิวชีเยว่กล่าว

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะผ่านถ้ําเก้าปริศนาได้อย่างแน่นอน” เมิ่งชวนกล่าวอย่างมั่นใจ เขา หันหลังกลับเดินเข้าไปในถ้ํา

ในตอนที่เขาเดินเข้าไปก็มีพลังที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้ หลังจากผ่านกําแพงนั้นไปเขาก็เห็นโลกสี แดงดําที่กว้างใหญ่

“ภายในภูเขากลับมีโลกอื่นอยู่ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาหยวนชูทําได้อย่างไร การที่เป็นนิกายที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ เขาหยวนชูมีพื้นที่ลึกลับมากมายเสียจริง”

เพิ่งชวนก้าวต่อไปด้วยความคุ้นชิน จากนั้นไม่นานเขาก็เห็นภูเขาสูงกว่าสิบปิ้งที่ดูคุ้นเคยภูเขาเริ่มจะสั่นสะเทือนและยืนขึ้นมาพร้อมกับหัวอุบาทว์ขนาดยักษ์ที่งอกออกมา มันคืออสูรภูเขา

มีตราประทับของเขาหยวนชูอยู่ใกล้ๆหน้าผากของมัน

“เจ้ายังจะกล้ากลับมาอีกเรอะ?” อสูรภูเขาจ้องมองเพิ่งชวนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ทําไมข้าจะไม่กล้า? คราวที่แล้วเจ้าก็ไม่ทําให้ข้าบาดเจ็บซักนิด” เมิ่งชวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

รอยยิ้มนี้ทําให้อสูรภูเขาโกรธเกรี้ยว มันพูดเสียงทุ่ม “เจ้าขึ้นเป็นเทพอสูรมหาสุริยันแล้วสินะเจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้เพียงเพราะเจ้าข้ามผ่านไปได้อย่างนั้นรึ? ข้าสังหารเทพอสูรมหาสุริยันมาแล้วตั้งสามคน เจ้าจะเป็นคนที่สี่”

เพิ่งชวนจ้องมองอย่างเย็นชา

เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าราชาอสูรระดับสามที่แข็งแกร่งขนาดนี้คงจะสังหารเทพอ สูรไปแล้วหลายคน

“มีอะไรก็ใส่มาใหม่หมด แล้วอย่ามาครวญครางหลังจากที่ข้าสังหารเจ้าว่าเจ้ายังไม่ได้ใช้พลังที่ มีทั้งหมด” เพิ่งชวนพูดอย่างเย็นชา

ยโสยิ่งนัก วิชาการเคลื่อนไหวของเจ้านั้นไม่เลวเลย แต่ว่าเจ้ามันก็มีแค่นั้นแหละ ความเร็วของเจ้ามันไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า” จิตสังหารของอสูรภูเขาพุ่งสูงขึ้น ” ตายซะ!”

พอมันพูดจบ ร่างส่วนนอกที่หนาของมันก็แตกออก ก่อนจะมีหินจํานวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาเผยให้เห็นร่างกายสีดําแดงที่แท้จริงของมัน มันสูงเกือบสิบจิ้ง

ตั๋วๆๆๆๆ!

ก้อนหินเหล่านั้นที่ลอยออกมาพุ่งเข้าใส่เพิ่งชวนพยายามจะกดดันเขาทุกด้าน! หิน เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายส่วนนอกของมัน ดังนั้นมันจึงแข็งมาก ยิ่งไปกว่านั้นอสูรภูเขายังควบคุมหินเหล่านี้ด้วยความชํานาญ

แม้มันจะเทียบไม่ได้กับการโจมตีที่ทําลายตัวเองเหมือนกับที่มันใครคราวก่อน แต่หินเหล่านี้ก็ยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเสียง

เพิ่งชวนที่ถูกหินความเร็วเหนือเสียงพุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่องก็ช้าลง ถึงจะอย่างนั้น เขาก็ยังไวพอๆกับราชาอสูรระดับหนึ่งอยู่ดี

“วิชาการเคลื่อนที่ของเจ้ายังมีประโยชน์ในขอบเขตของข้าอยู่อีกรึ?” อสูรภูเขาสีดําแดงพุ่งเข้ามาใส่มันเริ่มเคลื่อนที่ไวขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ก้อนหินจํานวนมหาศาลตรงเข้าใส่เพิ่งชวน

“โอ๊ะ?” เมิ่งชวนตกใจเมื่อได้เห็นอสูรภูเขาสีดําแดงพุ่งเข้าใส่พร้อมกับหินจํานวนนับไม่ถ้วน

หินเหล่านั้นกระจายออกและคลุมพื้นที่กว้างกว่าหนึ่งลี้ พื้นที่ตรงนี้คือเขตแดนของอสูรภูเขา อสูรภูเขาสีดําแดงพุ่งเข้าไปตรงใจกลางของเขตแดน

ถ้าเพิ่งชวนอยากจะต่อสู้ระยะประชิดกับอสูรภูเขา เขาคงจะถูกหินจํานวนนับไม่ถ้วนนั้นล้อมมันคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะใช้ควมเร็วที่มีภายใต้สถานการณ์แบบนั้น

เห็นได้ชัดว่าอสูรภูเขาพบจุดอ่อนของเงชวนในการปะทะครั้งก่อน! พอเขาจะโจมตี หินส่วนนอกของมันก็หลุดออกมาและก่อขึ้นเป็นเขตแดน

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท