บทที่ 43 ผู้ช่วยเหลือ
หลังจากเฉินตงออกจากบริษัท
เสี่ยวหม่าปรบมือก่อน“ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม?พี่ตงต้องสะสางได้แน่ๆ ครั้งก่อนพี่ตงบอกว่าโครงการเปลี่ยนโฉมเมืองทางตะวันตกไม่ขาดทุนแน่ ผลสุดท้ายทุกคนก็ย่อมรู้ดีใช่ไหม?ทุกคนต้องเชื่อมั่นในตัวพี่ตงนะ พวกเรารีบรวบรวมพลังทำงานกันเถอะ!”
ได้ยินดังนั้น เหล่าพนักงานที่กระวนกระวายใจก็เผยรอยยิ้มออกมา
หลังจากผ่านเรื่องเฉินตงกวาดซื้อไท่ติ่ง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเขตตะวันตกก็พุ่งขึ้นมา
พนักงานทุกคนจึงนับถือเฉินตงขึ้นขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
มีรถแท็กซี่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่
เฉินตงลงจากรถมองคฤหาสน์ตรงหน้า ก่อนจะมองคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
เขาจำได้ว่าคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งเขาเป็นคนซื้อไว้เอง
ยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง“เฉินเทียนหย่าง มังกรแกร่งไม่อาจกดขี่งูเจ้าถิ่นได้หรอก คุณคิดจะบ่งการทุกที่ แต่บางคนไม่ใช่คุณจะสั่งให้ทำตามได้!”
ตั้งแต่เรื่องที่คุนหลุนพูดเมื่อคนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเที่ยงวันนี้
เฉินตงทายได้คร่าวๆแล้วว่าเป็นเฉินเทียนหย่างล่อกัดอยู่ด้านหลัง
เขาไม่รู้เบื้องหลังของตระกูลเฉินว่าจะใหญ่เพียงใด
แต่สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในบัตรเอทีเอ็มลายดอกชงโค เศรษฐีในเมืองไม่อาจเทียบเทียมได้เลย
เฉินเทียนหย่างอยู่ในเมืองนี้ เพียงแค่กล้าใช้เงินก้อนใหญ่ก็เรื่องง่ายที่จะให้ธุรกิจด้านการค้าขายวัสดุก่อสร้างต่อต้านไท่ติ่งได้เลย
แต่เขาคิดว่าเฉินเทียนหย่างคงไม่อาจซื้อตัวเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ได้
จัดเสื้อสูทให้เป็นระเบียน เฉินตงก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
เพราะได้โทรมานัดหมายไว้แล้ว ฉะนั้นพ่อบ้านในคฤหาสน์จึงไม่ได้ถามอะไร เมื่อเห็นเฉินตงก็เชิญเข้าห้องรับแขกด้วยความนอบน้อม
เพลงคลาสสิคอันไพเราะได้กระจายทั่วทั้งมุมห้อง
ทำให้คฤหาสน์สไตล์โบราณยิ่งครึกครื้นเก่าเดิม เพียงพอต่อการแสดงวิสัยทัศน์ทางวัฒนธรรมได้เลย
“นายท่านครับ คุณเฉินตงมาถึงแล้วครับ”
พ่อบ้านกล่าวอย่างนอบน้อมต่อผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา
ผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้า
ดวงตาที่อยู่ใต้แว่นตาสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ
ซึ่งก็คือโจวเย่นชิว
“ประธานโจว”เฉินตงเรียก
โจวเย่นชิวไม่มีทีท่าหยิ่งยโสเลย สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางลากเฉินตงมา“เฉินตงมานั่งสิ มาถึงที่นี่ก็ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ เมื่อก่อนผมก็คิดว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ และวันนี้คุณก็ประสบผลสำเร็จแล้ว ทำไมยังเกรงใจอยู่ล่ะ?”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเรื่องของหลี่ต้าเป่ามาใส่ใจ
ใบหน้าเฉินตงประดับรอยยิ้มตามโจวเย่นชิวไปที่ห้องรับแขก แล้วนั่งลงที่โซฟา
แวบแรกที่ถูกต่อต้านเขาก็นึกถึงโจวเย่นชิวเป็นอันดับแรก
โจวเย่นชิวเป็นเศรษฐีประจำเมือง อำนาจและกลอุบายนั้นมีมากมาย
อีกทั้งโจวเย่นชิวก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารด้วยตัวเองอยู่หนึ่งแห่ง
แม้กระทั่งเฉินตงก็ไม่รู้ว่าโจวเย่นชิวมีอำนาจสูงใหญ่เท่าไหร่ จึงได้แต่เอาประสบการณ์ที่เคยพบเจออันน้อยนิดประดิษฐ์ประต่อเพื่ออ้างอิงในการคาดเดาเท่านั้น
เฉินเทียนหย่างคิดว่ากว้างซื้อวัสดุทั่วทั้งเมืองแล้วสามารถกดหัวงูเจ้าถิ่นอย่างเขาได้
แต่ทว่าเฉินเทียนหย่างไม่อาจกวาดซื้อโจวเย่นชิวผู้เป็นมังกรแกร่งประจำเมืองนี้ได้!
ถึงแม้ท่านหลงจะไม่อยู่แล้ว แต่บารมีที่ท่านหลงมีต่อโจวเย่นชิวนั้นยังไม่จางหายไปไหน
ใช้อำนาจผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือตน เฉินตงก็รู้จักใช้เป็นอย่างดี!
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนให้หลี่ต้าเป่าเลี้ยงข้าวของขมา เขาก็ไว้หน้าโจวเย่นชิวไม่ได้ทำเกินเลยอะไร อันนี้ชาผู่เอ๋อชั้นดีที่ผมไหว้วางเพื่อนให้ซื้อมา ชาก้อนหนึ่งราคาห้าแสน รสชาติไม่เลวทีเดียว”โจวเย่นชิวรินชาให้เฉินตงอย่างยิ้มแย้ม
“ขอบคุณประธานโจวมากครับ”
เฉินตงยิ้มขอบคุณ หันไปพูดว่า“ประธานโจวครับ มีเคยเรียนท่านตอนคุยสายแล้วนะครับ ขอให้ประธานโจวช่วยครั้งนี้ด้วยครับ ไม่เช่นนั้นไท่ติ่งก็ต้องเจอมรสุมใหญ่แน่ๆเลยครับ”
ไม่ได้กล่าวทักทายอะไรมากมาย เพียงแต่พูดใจความสำคัญทันที
แต่น้ำเสียงของเฉินตงนั้นเหมาะสมไม่ขาดไม่มากจนเกินไป
เพราะเขารู้ดีว่าการใช้อำนาจบารมีคนอื่นกอบโกยผลประโยชน์นั้นไม่ควรลดตัวเองให้ต่ำมากนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการย้อนกลับมาทำร้ายตนได้
อย่างไงเสียโจวเย่นชิว……ก็เป็นนักธุรกิจหัวหม้อ
เป็นไปดังคาด
โจวเย่นชิวลิ้นรสได้อึกหนึ่ง ถามว่า“ท่านหลงล่ะ?”
เฉินตงยิ้ม“ท่านหลงเป็นเพียงผู้มีพระคุณกับผมเท่านั้น หากผมมีปัญหาอะไรก็ไปเชิญให้ท่านอาวุโสออกตัวช่วยเหลือ ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนผมมาก็เท่ากับสูญเปล่าซิครับ”
“ฮ่าๆๆ……พูดถูก”
โจวเย่นชิวหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ“เหมือนกับตอนนั้นที่ผมเคยช่วยดันคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ให้โอกาสคุณแสดงความสามารถ ไหนเลยจะทำให้คุณกลายเป็นรองประธานภายในสามปีได้ล่ะ”
วางถ้วยน้ำชาลง โจวเย่นชิวโบกมือไปมา“ความจริงแล้วตอนที่คุณกำลังเดินทางมา ผมได้ติดต่อบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างนอกพื้นที่มาสามบริษัทแล้ว ด้วยความสามารถของพวกเขา ขายวัสดุให้กับโครงการก่อสร้างของคุณนั้นไม่ยากหรอก เพียงแต่การจ่ายเงินและการเสนอราคาอาจจะแพงกว่าในเมืองเล็กน้อย”
“ผมเข้าใจครับ ช่วยคนเวลาคับขัน เงินไม่ใช่ปัญหาเลยครับ”
เฉินตงพยักหน้า กำมือแสดงความขอบคุณให้แก่โจวเย่นชิว“ครั้งนี้ต้องขอบคุณประธานโจวที่เข้าช่วยเหลือในยามคับขันเช่นนี้ครับ
น้ำใจครั้งนี้ เฉินตงจะจดจำไว้ครับ”
“ทำไมพูดอย่างนั้น ผมเป็นคนค้ำจุนเจ้าหนุ่มน้อยอย่างคุณมากับมือ จะทนมองดูคุณพินาศได้อย่างไรกัน?สนามการค้าคล้ายกับสนามรบ ต้องมีเวลาที่ถูกคนขุดหลุมให้จมดินนั่นแหละ?ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเอง”
โจวเย่นชิวพูดว่าไม่เป็นอะไร แสดงท่าทางให้เฉินตงชิมชาต่อ
เฉินตงกลับดื่มชาในแก้วจนหมด ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า“ในเมื่อประธานโจวรับปากจะช่วยเหลือแล้ว ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวกลับไปที่ไท่ติ่งก่อนนะครับ ยังมีเรื่องให้ผมไปสะสางอีกมากมาย ไม่อาจชะล่าใจได้เลยครับ”
“ได้ เดี๋ยวผมจะส่งใบเสนอราคาจากกลุ่มค้าวัสดุก่อสร้างให้คุณทางอีเมลนะ คุณลองเลือกดูสักบริษัท จากนั้นก็เซ็นสัญญากับพวกเขา”
ออกจากคฤหาสน์
แสงแดดสาดส่องบนตัว ทำให้เฉินตงรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
แต่แผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นออกจนเปียกแฉะไปหมดแล้ว
เขาหันหน้าไปมองคฤหาสน์แวบหนึ่ง ก้นบึ้งของใต้ดวงตาก็คลี่ยิ้ม
เมื่อสักครู่หากแสดงอาการตื่นเต้นออกมาสักนิด หรือคุยกับโจวเย่นชิวมากกว่านี้ อาจจะเผยพิรุธเรื่องท่านหลงไปแล้วก็เป็นได้
ครั้งก่อนหลี่ต้าเป่าแค่ก่อนเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้ท่านหลงออกตัวได้แล้ว ส่วนครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ แต่ท่านหลงกลับไม่มาพบหน้าโจวเย่นชิวเลย
หากไตร่ตรองให้ละเอียดก็จะพบว่าเรื่องมันลุ่มลึกน่าดู
โจวเย่นชิวเป็นนักธุรกิจ จึงเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก หากรู้ว่าท่านหลงไม่อยู่แล้ว เรื่องจะช่วยเหลือหรือไม่คงต้องดูว่าเขาจะคำนวณหาผลประโยชน์ยังไงบ้างแล้วล่ะ
การที่ท่านหลงอยู่หรือไม่อยู่มีผลกระทบท่าทีโจวเย่นชิวที่มีต่อเขา
ณ ขณะที่เฉินตงออกจากคฤหาสน์นั้น
โจวเย่นชิววางถ้วยน้ำชาลง ดึงแว่นตาสีทองบริเวณจมูกขึ้นมา กล่าวอย่างลึกล้ำขึ้นมาว่า “เฉินตงเอ๋ย ผมพนันมาชั่วชีวิต ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกต้องนะ ท่านหลงไม่อยู่ในเมืองนี้แล้ว ผมพนันกับคุณสักตาหนึ่ง หวังว่าเมื่อเขากลับมาจะรู้น้ำใจของผมนะ?”
ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
พอร์เชอ911ขับเข้ามา เมื่อเหยียบแบร์รถก็จอดเทียบตำแหน่งของลานจอดรถได้อย่างพอดิบพอดี
กู้ชิงหยิ่งลงจากรถด้วยความเร่งรีบ ร่างเงาที่งดงามทำให้ดึงดูดสายตาตกตะลึงไม่น้อย
แต่เธอกลับไม่เอามาใส่ใจ รีบวิ่งเข้าไปภายในตึก
กดลิฟต์เสร็จ กู้ชิงหยิ่งก็เหนื่อยหอบ แก้มมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
เพราะเมื่อสักครู่วิ่งเป็นเหตุ
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จางเห้อหมิงก็แอบต่อต้านไท่ติ่งลับหลังอีก เธอจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เฉินตงเข้าใจ สิ่งสำคัญก็คืออธิบายให้หัวหน้าของเฉินตงทราบ อีกทั้งคิดหาทางออกกับเฉินตงด้วยกัน
ฉะนั้นเธอจึงมาที่ไท่ติ่งด้วยตัวเอง
ติ๊ง!
ลิฟต์ขึ้นมาถึงแล้ว
กู้ชิงหยิ่งวิ่งออกมาจากลิฟต์ ซักถามหน้าเคาน์เตอร์ว่า“สวัสดีค่ะ ฉันคือกู้ชิงหยิ่ง ประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ค่ะ ฉันอยากพบประธานหลี่ของพวกคุณ”
เธอคิดแต่อยากจะช่วยเฉินตง แต่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลไท่ติ่งมากนัก เพียงแต่เคยเห็นชื่อประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งว่าชื่อหลี่ต้าเป่าในเอกสารฉบับหนึ่ง
“ประธานหลี่?”พนักงานเคาน์เตอร์รู้สึกมึนงง
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกร้อนใจ“ก็คือหลี่ต้าเป่าเขาไม่อยู่เหรอคะ?ถ้าเช่นนั้นฉันอยากพบรองประธานเฉินของพวกคุณ”
“รองประธานเฉิน?”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เผยสีหน้าแปลกใจ“ตอนนี้รองประธานเฉินเป็นประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของพวกเราค่ะ”
โครมโรม!
ร่างบางของกู้ชิงหยิ่งสั่น ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น