บทที่52 คนโง่! มาเยี่ยม
เฉินตงลืมตาขึ้นช้าๆ
กลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อโชยเข้ามาในจมูก
เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ฉันยังไม่ตาย?”
คุนหลุนที่สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างๆพลันโล่งอกขึ้นมาทันทีและยิ้มพูดว่า “คุณชายครับ มีดสั้นแทงไม่โดนจุดสำคัญ ตอนนั้นท่านแค่สลบเพราะเสียเลือดมากเกินไป โชคดีจริงๆครับที่ช่วยได้ทันเวลา”
เฉินตงยิ้มออกมา มันเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
สถานการณ์ในตอนนั้น เขาแค่อยากปกป้องกู้ชิงหยิ่ง ต่อให้จะถูกเฉินเทียนหย่างแทงตายขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่เสียใจ
ขอแค่ยื้อเวลารอให้คุนหลุนมาช่วยกู้ชิงหยิ่งได้ทันเวลา เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
มีดแทงไม่โดนจุดสำคัญ ทั้งหมดเป็นเพราะโชคช่วยจริงๆ
เฉินตงมองดูรอบๆห้อง และจู่ๆ สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา “นี่คือโรงพยาบาลอะไร?”
ถ้าให้แม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บ แม่ต้องรับไม่ไหวแน่ๆ
“คุณชาย วางใจได้เลยครับ”
คุนหลุนรีบปลอบ “ตอนที่ท่านหลงจากไปได้กำชับไว้แล้ว เพราะฉะนั้น ผมเลยส่งท่านมาที่โรงพยาบาลอีกแห่งครับ”
เฉินตงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเปิดปากพูด “ชิงหยิ่งเป็นยังไงบ้าง?”
ตอนนั้นก่อนที่เขาจะสลบไม่ได้สติ เขาเห็นคุนหลุนหักขาของเฉินเทียนหย่างด้วยตาของตัวเอง กู้ชิงหยิ่งก็คงปลอดภัยแล้วแน่นอน
แต่ถูกจางเห้อหมิงวางยา เหตุการณ์เป็นมายังไงเขาเองก็ไม่รู้
“เธอก็ไม่เป็นไรครับ” คุนหลุนพูด “ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ คุณกู้ดูแลท่านเองเลยนะครับ”
หนึ่งวันหนึ่งคืน?
เฉินตงยิ้มออกมา “ยัยนี่ ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ยังจะมาดูแลข้างๆอีก เธอเคยต้องมาลำบากแบบนี้ที่ไหนกัน?”
ถึงเขาจะไม่รู้พื้นฐานครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งมากนัก แต่ก็รู้ว่าฐานะครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งร่ำรวยมาก ให้ความรู้สึกว่าเธอคือลูกคนรวยกับเขาตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
ให้คุณหนูมาดูแลข้างเตียงทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้วถือว่าไม่ใช่ภาระที่เบาๆเลย
เพิ่งพูดจบได้ไม่นาน
แอ๊ด……
ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออก
กู้ชิงหยิ่งถือกระติกอาหารสูญญากาศเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
การดูแลตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้ร่างกายของเธอเหนื่อยล้ามาก แต่จากการคาดเดาของคุณหมอ เฉินตงก็คงใกล้ฟื้นแล้ว
เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่สนใจกับความเหนื่อยล้า ออกจากห้องคนไข้กลับบ้านไปต้มซุปให้เฉินตง
เฉินตงบาดเจ็บหนักขนาดนี้ พอฟื้นแล้วก็ต้องบำรุงให้ดีๆ
พอสายตาของกู้ชิงหยิ่งกวาดมองไปบนเตียงคนไข้อย่างเหนื่อยล้า ร่างเล็กของเธอพลันสั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ
วินาทีต่อมา
ตาของเธอแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน รีบวิ่งไปที่เตียงอย่างดีใจสุดขีด แล้วกระโดดเข้าใส่อ้อมอกของเฉินตง “เฉินตง ในที่สุดนายก็ฟื้นแล้ว!”
“ซี๊ด……”
เฉินตงสีหน้าเปลี่ยนทันที ถูกกู้ชิงหยิ่งกดทับจนเจ็บแผลอย่างหนัก จึงรีบพูด “เสี่ยวหยิ่ง เจ็บ เจ็บครับ……”
กู้ชิงหยิ่งตกใจ รีบลุกขึ้นจับหน้าอกของเขาอย่างตื่นตระหนก “ขอ ขอโทษนะ ฉันตื่นเต้นเกินไปน่ะ ไม่คิดว่าจะโดนแผลของนาย”
“ไม่เป็นไรหรอก”
เฉินตงอดกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้และฝืนยิ้มออกมา
มองกู้ชิงหยิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เฉินตงจึงลูบหัวเธออย่างเห็นใจ “เธอโง่หรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทำไมถึงยังทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้อีก?”
“อะไรคือไม่เป็นอะไรแล้ว?”
ดวงตาสวยของกู้ชิงหยิ่งจ้องเขม็ง แต่ดวงตากลับน้ำตาคลอเบ้า “นายเพื่อที่จะช่วยฉันเลยบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ต่อให้ฉันต้องเหนื่อยแค่ไหนมันก็คุ้มค่า นายต่างหากที่โง่ โง่ที่สุดเลย!”
พูดจบ เธอก็ฟุบลงที่แขนของเฉินตง และร้องไห้ออกมาเสียงดัง
สถานการณ์เปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ ทำให้เฉินตงตั้งรับไม่ทันกันเลยทีเดียว
มองดูกู้ชิงหยิ่งที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของเขา เขาก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
คุนหลุนสีหน้าขรึมลง กระแอมออกมาหนึ่งทีแล้ว เดินออกห้องคนไข้โดยที่ไม่เหลียวหลังมองกลับ
“คนโง่ นายมันโง่ชัดๆ ใครขอให้นายมาช่วยกัน? นายรู้หรือเปล่าว่า มีดแทงเข้าไปในเนื้อมันเจ็บมากเลยนะ นายยังเลือดไหลออกมาเยอะด้วย นายมันคนโง่ชัดๆ”
กู้ชิงหยิ่งร้องไห้ไปพูดไป
เฉินตงหัวเราะ “เพราะว่าเธอคือแฟนของฉันไงล่ะ”
“แต่นายก็ยังเป็นคนโง่อยู่ดี” กู้ชิงหยิ่งพูดตำหนิ
เฉินตงอมยิ้มไม่พูดอะไรออกมา เพียงแต่ยกมือขึ้นตบหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ
เขารู้ว่ากู้ชิงหยิ่งต้องตกใจมากแน่ๆ และก็สงสารเขามากด้วย ตอนนี้ร้องไห้ระบายออกมาก็ดีกับกู้ชิงหยิ่งเหมือนกัน
ไม่นาน เสียงร้องไห้ของกู้ชิงหยิ่งก็ค่อยๆเบาลง
ไม่หลับไม่นอนหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้เธอเหนื่อยล้าถึงขีดสุด
บวกกับหลังจากร้องไห้ออกเมื่อกี้ จึงรู้สึกง่วงขึ้นมา
มองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมอกของเขา เฉินตงจึงตบหลังของเธอเบาๆอย่างเอ็นดูและพูดกระซิบเสียงเบาว่า “ยัยซื่อบื้อ เธอกล้าเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาเดิมพันแล้ว แล้วฉันจะยอมให้เธอแพ้ได้ยังไง? ปกป้องเธอ คือสิ่งที่ฉันควรทำ”
……
หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร หลินเสว่เอ๋อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เธอยังไงก็คิดไม่ถึงว่า เมื่อคืนแต่งตัวอย่างดี รีบไปที่ “ท่าเรือตู้หยู” อย่างดีอกดีใจ แต่นอกจากจะไม่ได้เจอเฉินตงแล้ว กลับได้เจอหวางหนันหนันแทนซะงั้น
ฉากที่ทั้งสองเจอกันโดยบังเอิญ ตอนนี้คิดแล้วก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่เลย
ตั้งแต่ที่งานหมั้นล้มเหลว เธอก็ไม่ไปเจอหวางเห้าอีกเลยและยิ่งไม่ไปติดต่อกับคนตระกูลหวางด้วย
ยังไงซะเหตุการณ์ตอนนั้น ในสายตาของคนนอกก็คือความผิดของคนตระกูลหวางทั้งหมด
ส่วนที่เธอไม่ติดต่อไป ก็ทำให้เธอยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นอย่างที่คิดไว้
แต่สำหรับหวางหนันหนันแล้ว เธอยังไงก็รู้สึกผิดต่อเธออยู่ดี
ส่วนสายตาของหวางหนันหนันที่มองเธอ ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างที่คิด
แต่เพราะว่าหวางเห้า พวกเธอจึงไม่ได้แตกหักกันอย่างสิ้นเชิง ยังนั่งฝืนหาเรื่องคุยกันอย่างราบรื่นได้ชั่วขณะ
หลังจากที่รอเฉินตงอยู่นานแต่เขาก็ไม่มา วีแชทก็ไม่ตอบกลับ โทรไปก็ไม่รับสาย หลินเสว่เอ๋อถึงลุกขึ้นเดินจากไป
“แกล้งฉันเล่นเหรอ?”
หลินเสว่เอ๋อเกาหัวอย่างหงุดหงิด ที่เธอเจอหวางหนันหนันที่ “ท่าเรือตู้หยู” ได้ พอคิดดูดีๆแล้ว ก็มีแต่เฉินตงเท่านั้นที่ควบคุมเรื่องทุกอย่างนี้ได้
ฟันขาวกัดริมฝีปากสีแดงแน่น หลินเสว่เอ๋อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
เธอเคยคิดให้หวางเห้าเป็นตัวสำรอง แต่เธอก็ปล่อยเฉินตงไปไม่ได้จริงๆ
โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับเงินห้าล้านจากเฉินตงมาแล้ว ความคิดที่ไม่อยากปล่อยไปก็ทวีมากขึ้น
แต่เฉินตงไม่สนใจเธอเลย นี่ทำให้เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย
หวางเห้าผู้ชายโง่คนนี้ ยังไงก็ต้องกำให้อยู่หมัดอยู่แล้ว!
หลังจากที่ตัดสินใจได้ หลินเสว่เอ๋อก็มองดูล็อบบี้ที่มีคนไม่มากนัก จึงลุกขึ้นไปขอลางานกับผู้จัดการ
ออกจากธนาคาร เธอก็ไปซื้อผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่แถวนี้ทันที วางแผนว่าจะไปเยี่ยมจางซิ่วจือ
พอใกล้จะไปจ่ายตังค์ เธอก็พลันนึกขึ้นได้ว่าแม่ของเฉินตงก็อยู่ที่โรงพยาบาลลี่จิงเหมือนกัน
ลังเลอยู่สักพัก หลินเสว่เอ๋อก็กลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง ซื้ออาหารเสริมมาชุดใหญ่ ไปจ่ายตังค์เสร็จก็ไปโรงพยาบาลต่อ
พอถึงโรงพยาบาลลี่จิงแล้ว หลินเสว่เอ๋อไปฝากอาหารเสริมที่เคาน์เตอร์พยาบาลก่อน หลังจากนั้นค่อยหิ้วถุงผลไม้ไปห้องคนไข้ของจางซิ่วจือ
การมาของหลินเสว่เอ๋อทำให้จางซิ่วจือ หวางเต๋อและหวางเห้าดีใจกันเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะหวางเห้า ยิ่งไปล้อมตัวหลินเสว่เอ๋อ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
แต่ว่านี่กลับทำให้หลินเสว่เอ๋อรู้สึกว่าหวางเห้าเป็นคนไร้ประโยชน์ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแสดงถึงความรังเกียจออกมา
เวลาเยี่ยมนั้นสั้นมาก อยู่แค่ไม่กี่นาทีหลินเสว่เอ๋อก็ขอลากลับแล้ว
หวางเต๋อและจางซิ่วจือรีบให้หวางเห้าเดินไปส่ง หวางเห้าก็รีบตามไปอย่างกระตือรือร้น
หลินเสว่เอ๋อคิ้วขมวดเล็กน้อย “หวางเห้า นายไปดูแลคุณน้าเถอะ ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ”
หลังจากที่เดินออกจากห้องคนไข้ หลินเสว่เอ๋อก็หายใจเข้าลึกๆ สีหน้าแต่เดิมที่ฉายแววเย็นชาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที
เธอรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล เอาอาหารเสริมที่ฝากไว้หิ้วกลับมา แล้วรีบเดินไปที่ห้องคนไข้ของหลี่หลาน
และในตอนที่เธอเดินเข้าห้องคนไข้นั่นเอง
ทางเดินที่อยู่ไม่ไกลจากนี่ หวางเห้าที่หิ้วกระติกน้ำออกมาเติมน้ำร้อนให้จางซิ่วจือ ก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง