The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – ตอนที่ 152

ตอนที่ 152

บทที่ 152 เขาเป็นตัวอะไร !

กูหลังโค้งคำนับ ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาตระหนักได้ในทันที กูหลังจากไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่อีกครั้ง ?

เขาได้ยินเหตุผลในการจากไปของกูหลังมานานแล้ว

หรือว่า……

ความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในสมองของเขาในทันที

ชายวัยกลางคนเหลือบมองไปที่เฉินตงอย่างไม่เชื่อในความคิดของตนเอง เขารู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด

“ว่ายังไง ? !”

เฉินตงเลิกคิ้ว

กูหลังรีบอธิบาย : “พวกเขาเป็นพวกโรงยิมมวยใต้ดิน โรงยิมมวยมีหลายระดับ ถึงแม้ผมจะอยู่ในโรงยิมมวยใต้ดินไม่นานนัก แต่ถ้าวัดกันตามระดับแล้วก็ถือเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา”

“โรงยิมมวยใต้ดินว่างขนาดถึงจะมายุ่งเรื่องนี้เหรอ ?”

เฉินตงหัวเราะเยาะ จากนั้นจึงหันมองกูหลัง : “ฉันกำลังดูแลพี่น้องของฉันและน้องสาวของฉันอยู่ นายคิดเอาเองก็แล้วกันว่าควรจะทำอย่างไร”

พี่น้อง ?

น้องสาว ?

กูหลังผงะไป เขาเหลือบตาขึ้นมองฟ่านลู่และคุนหลุนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่

ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที

เขาย่อตัวลงไป แล้วดึงมีดผีเสื้อที่ปักอยู่บริเวณต้นขาของชายวัยกลางคนออกมา

เลือดสีแดงสดสาดกระจาย

ชายวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า : “พี่กูหลัง ผม ผมไม่รู้จริงๆ ผมแค่มาคิดบัญชีเท่านั้น พี่ พี่เห็นแก่หน้าของเจ้านายเถอะ……”

เพล้ง !

มีดผีเสื้อปักลงมา ทำให้เอ็นร้อยหวายบนขาด้านที่ได้รับบาดเจ็บของชายวัยกลางคน ถูกตัดจนขาด

เลือดสีแดงสดและชั้นผิวหนังที่ถูกเปิดออก

ทำให้ลูกสมุนอีกหกคนที่ยืนอยู่ที่ไกลๆ หน้าถอดสีทันที พวกเขารู้สึกกลัวจนตัวสั่น

ส่วนชายวัยกลางคนกำลังส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ตาเหลือกจนแทบจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด

กูหลังปักมีดผีเสื้อลงบนพื้น ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “แม้แต่เจ้านายเองก็จะต้องชดใช้ความผิดและขอโทษคุณเฉินด้วยเช่นกัน แล้วแกมันเป็นแค่ตัวอะไร ?”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาเฉินตง

หลังจากรับคุนหลุนมาจากมือของเฉินตง เขาก็โค้งคำนับ จากนั้นจึงแบกคุนหลุนขึ้นบนหลัง แล้วรีบวิ่งลงจากภูเขาไป

เฉินตงประคองฟ่านลู่ด้วยความสงสาร

เขาหันไปมองพ่อของฟ่านลู่ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฟ่านลู่เป็นคนของตระกูลเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเธอ ตัดขาดกันเสียตั้งแต่วันนี้ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเธออีก……”

เฉินตงหันไปชี้ที่ชายวัยกลางคน : “เขา คือจุดจบที่คุณจะได้รับ !”

พ่อของฟ่านลู่ตกใจจนตัวสั่น สีหน้าซีดเผือด และส่ายหน้าด้วยความกลัว : “ไม่ ไม่กล้าแล้ว ฉันไม่กล้าอีกแล้ว”

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงหันไปพูดกับฟ่านลู่อย่างเยือกเย็น

เมื่อความสัมพันธ์ไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้อีก

จึงต้องใช้วิธีที่เด็ดขาด จึงจะจะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้อย่างหมดสิ้น

วิธีการของคุนหลุนและฟ่านลู่ก่อนหน้านี้ ยังคงคำนึงถึงความรู้สึกอยู่ เป็นวิธีที่นุ่มนวลเกินไป

มิเช่นนั้นก็คงไม่ต้องเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นวันนี้

ฟ่านลู่ไม่คิดที่จะโต้แย้งเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคนคนหนึ่งถูกทำร้ายจบบอบช้ำไปทั่วทั้งร่างกาย ก็ถึงเวลาแล้วที่ควรจะต้องปล่อยวางทุกสิ่งเสียที

ขณะที่เดินผ่านชายวัยกลางคน เฉินตงแสยะยิ้ม : “กลับไปแล้ว ไปบอกกับเจ้านายของแกด้วยว่า ให้เจ้านายของแกไปเชิญโจวเย่นชิวมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง !”

เปรี้ยง !

ชายวัยกลางคนที่เกือบจะหมดสติ กลับตาสว่างขึ้นมาในทันที

เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังโรงยิมมวยใต้ดิน คือโจวเย่นชิว !

ตอนนี้เอง คำพูดขอบเฉินตง ทำให้เขารู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา !

ถึงขั้นลืมความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาไปเสียสนิท

ฝนที่กำลังโปรยปราย จู่ๆ ก็กลายเป็นพายุฝนลูกใหญ่ซัดเข้ามาแทน

ขณะที่วิ่งลงจากภูเขาจนกระทั่งถึงรถที่จอดอยู่เชิงเขา คุนหลุนก็หมดสติไปแล้ว

กูหลังจะขับรถออกไปแต่ถูกเฉินตงขวางเอาไว้ เฉินตงขึ้นนั่งตรงที่คนขับด้วยตัวเอง

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน รถโรลส์-รอยซ์ขับมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลลี่จิงอย่างรวดเร็ว

คุนหลุนถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

ส่วนฟ่านลู่นั่งลงตรงพื้นด้านหน้าประตูด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ราวกับคนเสียขวัญ จ้องมองดวงไฟสีแดงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเหม่อลอย

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้

โดยมีกูหลังที่กำลังร้อนใจและเป็นกังวลยืนอยู่ข้างๆ

ตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากเฉินตง ก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

ด้วยฐานะของเขา การที่เฉินตงหาเขาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างแน่นอน มีแนวโน้มว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

ดังนั้นเขาถึงได้รีบมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังคงมาช้าไปหนึ่งก้าว

และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งคาดไม่ถึงก็คือ อีกฝ่ายยังเป็นคนคุ้นเคยสมัยที่เขายังอยู่ในโรงยิมมวยใต้ดินอีกด้วย

เสียงเรียกว่าพี่ใหญ่ ทำให้กูหลังรู้สึกกลัวจับใจ

เหลือบมองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิท

กูหลังสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดว่า : “คุณเฉิน……”

“ไม่เกี่ยวกับนาย” เฉินตงพูด

กูหลังกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมากลับลงท้องไป แล้วแอบถอนหายใจหนึ่งครั้ง

เฉินตงถูจมูกไปมา : “นายว่า โจวเย่นชิวจะยอมมาขอโทษฉันด้วยตัวเองไหม ?”

เปรี้ยว !

กูหลังเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา

โจวเย่นชิวคือใคร ?

นั่นคือฮีโร่ตัวจริงของเมืองนี้ เป็นหัวมังกรที่แท้จริงของที่นี่ !

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทุกที่ แอบควบคุมโรงยิมมวยใต้ดินเอาไว้ทั้งนั้น

การดำรงอยู่เช่นนี้ หากมีการกระทบกระเทือนถึงผลประโยชน์ขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจจำเป็นจะต้องก้มหัวเพื่อแสดงความขอโทษ

การแสดงความขอโทษถือเป็นมารยาท

อีกทั้งการไปขอโทษด้วยตัวเองถึงที่ ถือเป็นการยอมลดสถานะของตนเอง เป็นการยอมก้มหัวให้ และเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย !

“ด้วยภูมิหลังทางฐานะของโจวเย่นชิวแล้ว ผมว่าคงเป็นไปไม่ได้” กูหลังพูดความคิดเห็นส่วนตัวออกมา

“ภูมิหลังทางฐานะ ?”

เฉินตงหรี่ตา แล้วยิ้มเยาะออกมา : “เขาเป็นตัวอะไร !”

คำพูดที่แสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามและเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทำให้กูหลังหันมองเฉินตงด้วยความตกตะลึง และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

นี่……คือเฉินตงที่เขารู้จักคนนั้นจริงหรือ ?

คืนนี้

เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยพายุฝน

ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

เมืองทั้งเมืองซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าและสายฝนด้วยความเงียบสงัด

ภายในห้องนอนอันโอ่โถงและหรูหรา

โจวเย่นชิวซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่ ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์

หลังจากได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูดจบแล้ว โจวเย่นชิวก็หน้าถอดสีทันที มีความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นในแววตาของเขา

ตุ๊บ !

เขาโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ไอ้พวกสารเลวเอ๋ย ! ไอ้พวกสารเลวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ !”

ใบหน้าของโจวเย่นชิวแดงก่ำไปจนถึงใบหู เขาโกรธจนตัวสั่น : “เขาเป็นใครรู้ไหม ? พวกแกกินหัวใจหมีเข้าไปหรือยังไง ถึงได้กล้าไปหาเรื่องเขาแบบนี้ ? แล้วยังจะกล้าก่อเรื่องร้ายแรงขนาดนี้อีก ?”

เสียงของความโมโหดังก้องอยู่ภายในห้องที่มืดสนิท

โจวเย่นชิวเปิดไฟ จากนั้นจึงจุดซิการ์หนึ่งมวน แล้วเดินไปเดินภายในห้องด้วยความกระสับกระส่าย

“คุณคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ?”

ด้านนอกห้องนอน มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เป็นเสียงภรรยาของโจวเย่นชิว

โจวเย่นชิวมักจะทำงานในช่วงกลางคืน ดังนั้นในช่วงที่เขารีบเร่งทำงาน เขาก็มักจะแยกห้องกันนอนกับภรรยา

“ไปให้พ้น ! อย่ามากวนฉัน !”

มือขวาของโจวเย่นชิวคีบซิการ์ขึ้นมาสูบด้วยความโมโห แล้วจึงตะโกนด่าออกไป

เสียงด้านนอกเงียบลงในทันที

ฟิ้ว……ฟิ้ว……

โจวเย่นชิวสูบซิการ์อย่างหนัก ในปากของเขามีแต่กลิ่นควันคละคลุ้งอยู่

“ไปขอโทษด้วยตัวเอง ? จะให้ฉันไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง ? นี่มันต่างกับให้ฉันไปคุกเข่าต่อหน้าเขาตรงไหนกัน ?”

สักพักใหญ่

จู่ๆ โจวเย่นชิวก็หันหลังกลับ และหยิบโทรศัพท์สำรองออกมาจากลิ้นชัก

จากนั้นจึงกดหมายเลขโทรศัพท์

เมื่อต่อสายได้แล้ว

เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “จัดการเก็บไอ้พวกสวะที่ก่อเรื่องคืนนี้ให้หมด อย่าให้เหลือซาก !”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ ความโมโหของเขาก็ทุเลาลงเล็กน้อย

ความโกรธที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น เป็นเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งนัก

แต่ตอนนี้ เขากลับเริ่มชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น

จนในที่สุด โจวเย่นชิวหัวเราะออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงอย่างหมดอาลัย

“ช่างมันเถอะ นี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นได้ ถ้าหากพรุ่งนี้ไม่ยอมไปขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ยอมถอดหัวโขนที่ตัวเองสวมอยู่แล้วล่ะก็ เกรงว่าเมืองนี้จะไม่มีที่ยืนสำหรับโจวเย่นชิวคนนี้อีกต่อไป”

เขาไม่ใช่คนโง่ !

ด้วยภูมิหลังที่เฉินตงมี และด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ที่ไม่อาจพึ่งพิงเฉินเทียงเซิงและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้อีก

การที่จะเขี่ยเขาให้กระเด็กออกไปจากเมืองนี้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก !

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท