The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – ตอนที่ 187

ตอนที่ 187

แสงสว่างที่สาดส่องมา กระทบลงบนใบหน้าที่เย็นชาของเฉินตง

พวกของท่านหลงรู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง

เฉินตงในเวลานี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ดุร้าย เย็นชา ถึงขั้นรู้สึกได้ถึงความคิดที่ถึงขึ้นจะลงมือฆ่า !

ท่านหลงตกใจถึงขีดสุด

เขามองดูประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่ตรงหน้าที่ใกล้เข้ามาทุกทีๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก

ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาทที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงถูกชน !

ข่าวทำนองนี้จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองหลวงอย่างแน่นอน

เพราะนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ประตูบานใหญ่เท่านั้น แต่หมายถึงหน้าตาของตระกูลหลี่ด้วย !

ถือเป็นการท้าทายอย่างรุนแรง !

“คุณชาย……”

เสียงของคุนหลุนลดลงถึงจุดต่ำสุด

จากนั้น

ดวงตาของเฉินตงเบิกโพลง : “ฉันบอกว่าให้บุกเข้าไป !”

คุนหลุนที่ถูกเฉินตงจ้องตาเขม็ง นั่งเหงื่อกาฬไหลท่วมและตัวสั่นเทา

เขาเคยเป็นทหารรับจ้าง ปีนขึ้นไปบนกองซากศพของผู้คนมานับครั้งไม่ถ้วน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา เห็นเทพเจ้าผู้ดุร้ายมานับไม่ถ้วน

แต่ทว่าตอนนี้ เขากลับเห็นแววตาที่เหมือนกับเทพเจ้าผู้ดุร้ายเหล่านั้น ปรากฏอยู่ในดวงตาของเฉินตง !

บรี้น !

รถฮัมเมอร์ระเบิดเสียงคำรามออกมา

จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว !

เปรี้ยง !

สายฟ้าฟาดผ่ากลางท้องฟ้ายามค่ำลงมา

ภายใต้แสงสว่าง รถฮัมเมอร์สีดำคันใหญ่ กระแทกเข้ากับประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาทราวกับสัตว์ดุร้าย

ตู้ม~

เกิดเสียงดังสนั่นราวกับระเบิด

ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาทผิดรูปไปทันที

แต่กลับไม่พังทลายลง

เสียงเครื่องยนต์ของรถฮัมเมอร์ดังกระหึ่ม ยางเสียงสีกับพื้นจนมีควันลอยโขมงขึ้นมา

เกิดเสียงบิดเบี้ยวของโลหะดังขึ้น จากนั้นประตูใหญ่ก็เกิดเสียง “ปัง” ถูกรถฮัมเมอร์ชนจนกระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตร !

ภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในคฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่ต่างตกตะลึงในทันที

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณเจ็ดแปดคนรีบกรูกันเข้ามาล้มทันที

“ที่นี่คือตระกูลหลี่ รีบลงมาจากรถเดี๋ยวนี้ !”

เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังก้องมาจากด้านนอกตัวรถ

คุนหลุนนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับด้วยความงุนงง

ส่วนท่านหลงที่นั่งอยู่ด้านหลังกลับมีใบหน้าที่หดหู่

แววตาของฉินเย่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

มีเพียงเฉินตงคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงเหลือบมองไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกด้วยท่าทีที่สงบ : “หนวกหู ! ขับเข้าไป !”

คุนหลุนตั้งสติได้ ก็รีบเหยียบคันเร่งทันที

รถฮัมเมอร์ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งตรงเข้าไปด้านในคฤหาสน์ปราสาท

“เปิดสัญญาณแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับ s !”

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลหลี่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน

การเตือนภัยระดับ s คือการเตือนภัยในระดับสูงสุดของระบบรักษาความปลอดภัยของตระกูลหลี่ !

หากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดการเตือนภัยระดับนี้ หมายความว่าพวกเขามีสิทธิ์ใช้อาวุธได้

หากมีเจ้าหน้าที่คนไหนบาดเจ็บล้มตาย ตระกูลหลี่จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง !

ปัง !

เสียงปืนดังขึ้น ดังก้องกังวานไปทั่วส่วนดอกไม้ขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาทเก่าแก่ของตระกูลหลี่

สูงกระสุนพุ่งตรงไปยังรถฮัมเมอร์ ทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าประตูใหญ่ ก็รีบขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ด้วยความรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบขับไล่ตามรถฮัมเมอร์

เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด !

การจะเข้าบ้านตระกูลหลี่ได้จะต้องเคาะประตูก่อน ต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะเข้าไปได้ ถึงขึ้นว่าผู้มีอำนาจบางคนยังไม่สามารถขับรถเข้ามาในคฤหาสน์ปราสาทได้เลย จำเป็นจะต้องนั่งรถของตระกูลหลี่เข้ามาเท่านั้น

นี่คือศักดิ์ศรีและความหยิ่งทระนงของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่ง

แต่ทว่าตอนนี้ เฉินตงกลับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งเหล่านั้นจนหมดสิ้น

เสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังกระหึ่มขึ้นภายในคฤหาสน์ปราสาททันที

บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ปราสาท ปรากฏลำแสงสีแดงส่องสว่างขึ้นมา

เสียงปืนดังขึ้น ทำให้สถานการณ์ในคฤหาสน์ปราสาทดำเนินไปสู่จุดที่ตึงเครียดอย่างที่สุด

ส่วนรถฮัมเมอร์ก็ยังคงขับเข้าไปข้างในต่อไปด้วยความเร็ว

ด้านในรถ

เฉินตงหันกลับไปมองฉินเย่ที่นั่งนิ่งใบหน้าซีดเผือด ด้วยท่าทีที่เย็นชา : “ไม่เป็นไรใช่ไหม ?”

ฉินเย่ที่นั่งนิ่งค่อยๆ กลอกตามามองรูกระสุนที่อยู่ข้างๆ ตัวเขา

กระสุนนัดเมื่อครู่ พุ่งเฉียดตัวเขาไป ถึงขึ้นที่ว่าเขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นบนแขนของเขา

“นี่ นี่มัน…..ดูเหมือนกับ……รนหาที่ตายจริงๆ !”

ช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย ทำให้เสียงของฉินเย่สั่นเครือเป็นอย่างมาก

“เหอะ……” เฉินตงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฉันขี้เกียจจะหาเรื่องเล็กๆ !”

แววตาของเขาเหลือบมองไปที่คุนหลุน

ที่บริเวณกระจกด้านหน้าคนขับ มีรูกระสุนปรากฏขึ้นชัดเจน

เฉินตงสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นบริเวณหางตาของคุนหลุนได้อย่างชัดเจน

กระสุนลูกนั้นพุ่งเฉียดแขนของฉินเย่มา และเฉียดบริเวณศีรษะของคุนหลุนไป

“ขอบคุณมากพี่ชาย !”

ท่าทีเย็นชาของเฉินตงดูอ่อยโยนลงเล็กน้อย

ส่วนคุนหลุนก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ผ่านความเป็นความตายมาแล้วยังไม่กลัวเลย หากมีคุณชายอยู่ด้วย คุนหลุนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น !”

พูดจบ คุนหลุนก็เงยหน้าขึ้นดูกระจกมองหลัง

รถยนต์สามคันกำลังขับไล่หลังมาอย่างรวดเร็ว

“จับให้ดีๆ !”

คุนหลุนแสยะยิ้ม

เขาใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น แล้วหักหัวรถกลับอย่างกะทันหัน

การกลับรถอย่างรวดเร็ว แรงเบรกที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างน่ากลัว ทำให้พวกของเฉินตงทั้งสามคนล้มระเนระนาด

อีกทั้งการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของคุนหลุน ทำให้ยางของรถฮัมเมอร์เสียงสีกับพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น

เมื่อรถจอดสนิท หัวรถก็หันไปทางรถยนต์สามคันที่ขับไล่ตามมาพอดี

“ไม่เมื่ออยากจะเล่น ก็เล่นให้มันใหญ่ไปเลยก็แล้วกัน ! ให้คนของตระกูลหลี่รู้ว่า คุณชายของเรา ไม่ใช่จะรังแกได้ง่าย !”

แววตาของคุนหลุนเปล่งประกายความบ้าคลั่งของออกมา เท้าขวาของเขาเหยียบไปที่คันเร่งจนมิด

เสียงคำรามของรถฮัมเมอร์ดังสนั่น และพุ่งตรงเข้าไปหารถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ที่สุด

ปัง !

การพุ่งชนที่น่ากลัวทำให้กระจกของรถฮัมเมอร์แตกละเอียดทันที

ส่วนรถยนต์คันที่ถูกชนก็พลิกคว่ำไปหลายตลบ และมีควันลอยโขมงขึ้นมา

บรื้น !

บรื้น !

รถยยนต์อีกสองคันที่ตามมา รีบเบรกอย่างกะทันหันทันที

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นั่งอยู่ภายในรถต่างตกตะลึง

ผู้บุกรุกคนนี้ เป็นคนบ้าใช่ไหม ?

การได้อยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลหลี่ ถือเป็นจุดสูงสุดของอาชีพโดยไม่ต้องสงสัย

ปกป้องตระกูลหลี่มาเป็นระยะเวลาหลายปี ก็ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มีบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาในตระกูลหลี่เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

นี่……ต้องการจะตายพร้อมกับตระกูลหลี่หรืออย่างไร ?

“งดงามมาก !” ภายในรถฮัมเมอร์ เสียงของฉินเย่ดีนั่งนิ่งด้วยความตกใจ ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นในทันที

คุนหลุนแสยะยิ้ม

ส่วนเฉินตงกลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ไปคฤหาสน์ปราสาท”

มีเพียงท่านหลงที่ดูหดหู่จนถึงขีดสุด และแววตาเต็มไปด้วยความสับสน

เรื่องวันนี้ ถือว่าทำเกินไปแล้ว !

ไม่เพียงแต่เป็นการเหยียบย่ำหน้าตาของตระกูลหลี่จนจมดินเท่านั้น แต่เป็นการทำให้ตระกูลหลี่และเมืองหลวงต้องปั่นป่วน ราวกับฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่ปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าด้วย

รถฮัมเมอร์เลี้ยวหัวกลับ แล้วมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ปราสาทอย่างรวดเร็ว

รถยนต์ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคันต่างลังเลอยู่สักครู่ ในที่สุดก็ยังคงขับตามไป

ในเวลาเดียวกัน

ภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาท

มีคนมารวมตัวกันอยู่แน่นขนัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

ทุกคนต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว

“ใครกันแน่ ? ใครกล้าบุกรุกเข้ามาในตระกูลหลี่ ?”

“กล้า ช่างกล้าจริงๆ ! ใครก็ตามที่กล้าทำให้ตระกูลหลี่ไม่พอใจ มันต้องตาย !”

“การแจ้งเตือนระดับ s เป็นการเตือนภัยในระดับสูงสุด เมื่อกี้ฉันยังได้ยินเสียงปืนด้วย ใครกันที่กล้าดูถูกตระกูลหลี่ของเราขนาดนี้ ?”

……

เสียงของผู้คนดังเซ็งแซ่ด้วยความตื่นตระหนก

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น

“พ่อมาแล้ว !”

ทุกคนต่างหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน

ใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่เคร่งเครียดจนเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับถ่าน มีคนรับใช้คอยประคองมา แล้วใช้ไม้เท้าค้ำเพื่อเดินเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นฝูงชนของคนตระกูลหลี่ที่ตกอยู่ในความหวาดกลัว คุณท่านใหญ่หลี่ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และตะโกนด่าทอออกมาว่า : “พวกไม่ได้เรื่อง จะกลัวอะไรกันนักกันหนา ?”

ในฐานะที่ดูแลตระกูลหลี่มาหลายสิบปี จึงถือว่าเขาเป็นคนที่มีศักดิ์สูงสุดในตระกูลหลี่

เพียงคำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนสงบลงได้ในทันที

“พ่อ มันคือใครกันแน่ ?”

ชายวัยกลางคนที่ตะโกนเมื่อครู่ เข้าไปประคองคุณท่านใหญ่หลี่ เขามองดูเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกห้องโถง ก็ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด

“ลูกชายของหลานเอ๋อ”

คุณท่านใหญ่หลี่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เปรี้ยง !

ทุกคนตื่นตกใจทันที

“สมควรตาย ! ทำไมถึงเป็นลูกของนังนั่นไปได้ ?”

“นังหลี่หลานนั่น เห็นตระกูลหลี่ของเราเป็นอะไร ? ถึงได้ปล่อยให้ลูกชายป่าเถื่อนของตัวเองทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ !”

“พ่อ ผมบอกแล้วว่าน้องเล็กเลี้ยงไม่เชื่อง เธอไม่ควรจะเป็นคนของตระกูลหลี่ด้วยซ้ำ พ่อดูสิ พ่อยังอยากจะให้พวกมันสองแม่ลูกกลับมาอีก ตอนนี้ลูกชายของมัน ขับรถบุกเข้ามาในบ้านตระกูลหลี่ของเราแล้ว !”

……

ภายในห้องโถงใหญ่ มีเสียงถกเถียงกันดังกระหึ่ม

มีทั้งลูกบรรดาลูกหลานโดยสายเลือดของคุณท่านใหญ่หลี่ และบรรดาญาติๆ

พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกเดือดดาล

“สัญญาณเตือน !”

ด้านนอกห้องโถงใหญ่ มีเสียงตะโกนดังขึ้น

คุณท่านใหญ่หลี่และทุกคนต่างหันมองออกไปด้านนอกพร้อมกันด้วยความตกใจ

ทันใดนั้นเอง มีดวงไฟสว่างจ้าสองดวงส่องเข้ามาจากที่ไกลๆ พร้อมกับพุ่งตรงเข้ามา

ทำให้ทุกคนต่างปิดตาลงพร้อมกัน

ภายในรถ

เฉินตงมองดูเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหลายสิบคนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ : “คุนหลุน ใครขวาง ให้เหยียบมันไปเลย ”

“ให้ฉันขับรถเข้าไปในห้องโถงใหญ่เดี๋ยวนี้ !”

“แก……”

ทันใดนั้น คุณท่านใหญ่หลี่ก็ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาราวกับสิงโต เขายกไม้ขึ้นแล้วฟาดลงไป

แต่ฟาดลงไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเขาก็หยุด

ตุ๊บ !

เสียงไม้เท้าหล่นกระทบลงบนพื้น

คุณท่านใหญ่หลี่สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง จากนั้นอารมณ์โกรธก็ค่อยๆ สงบลง แล้วปรากฏรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยบนใบหน้าขึ้นมาแทน

“ถ้าฉันตีแกให้ตายจริงๆ ตงเอ๋อจะไม่ตัดขาดกับตระกูลหลี่หรืออย่างไร ?”

หลี่หลานหน้าถอดสี

เธอกำลังคิดเช่นนี้อยู่พอดี

เป็นเพราะพันธะของเธอ ทำให้เฉินตงยังคงถูกพันธนาการเอาไว้กับตระกูลหลี่

ถ้าเธอไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เฉินตงก็สามารถมีใจต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้อย่างเต็มที่

แม่ไม่อยู่แล้ว แต่ยังมีพ่ออยู่ !

เธอรู้ดีว่า หลายปีมานี้เธอทำให้เฉินตงต้องเหนื่อย และเธอจะไม่ยอมให้เฉินตงละทิ้งสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้วมาเป็นผู้สืบทอดมรดกตระกูลหลี่เพราะเธอเด็ดขาด

ต้องหนีจากตระกูลหลี่ที่เลือดเย็นให้ได้

เพียงแต่เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ ก็มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว !

ในเมื่อลูกชายของเธออยากจะกลายร่างเป็นมังกรใหญ่ที่ผงาดง้ำค้ำฟ้า แล้วเธอจะยอมปล่อยให้ลูกชายกลายเป็นลูกมังกรตัวเล็กๆ ได้อย่างไร ?

หลี่หลานสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง เพื่อทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณขาด้านขวา จากนั้นจึงพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ตงเอ๋อไม่มีทางรับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลหลี่เด็ดขาด !”

“พูดเช่นนี้ดูจะเร็วไปหน่อยนะ !”

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ : “ตงเอ๋อไม่ใช่เด็กโง่ ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินก็เป็นเพียงแค่ตำแหน่งๆ หนึ่งก็เท่านั้น มีควมแตกต่างอะไรกับพวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินกัน ? แต่ถ้าหากเขาหันมาหาตระกูลหลี่ของฉัน ตำแหน่งเจ้าบ้านก็จะต้องเป็นของเขาแน่นอน !”

“จริงอยู่ที่ตระกูลหลี่ไม่มีทางเทียบกับตระกูลเฉินได้ แต่ถ้าหากตงเอ๋อกลายเป็นเจ้าบ้าน เขาเองก็สามารถขึ้นไปยืนอยู่เหนือคนอื่นได้เช่นกัน !

“ตงเอ๋อไม่ได้โง่จริงๆ ไม่โง่ถึงขั้นจะยอมกลับมาช่วยเหลือตระกูลที่เลือดเย็น สูบเลือดสูบเนื้อคนเช่นนี้ ในเมื่อมีฉันเป็นบทเรียนให้เขาได้เห็นอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องยอมบินลงเล่นกับไฟให้เจ็บตัวด้วยล่ะ ?”

หลี่หลานหัวเราะออกมา ถึงแม้ขาด้านขวาของเธอจะเจ็บ แต่เธอก็ยังหัวเราะได้อย่างเบิกบาน : “ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่มีค่าอะไรในสายตาของคุณเลยด้วยซ้ำ ตงเอ๋อเองก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาของคุณ สิ่งที่คุณให้ความสำคัญก็คือ ความสามารถของเขาที่จะกลับมาช่วยตระกูลหลี่ได้ ซึ่งมีมากกว่าลูกชายหน้าโง่พวกนั้นของคุณ !”

รอยยิ้มของคุณท่านใหญ่หลี่จางหายไปทันที

แววตาของเขาปรากฏความมืดมนขึ้นมา

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้

หลี่หลานก็ยิ่งแน่ใจ เธอยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน : “ด้วยนิสัยของคุณ จะยอมปล่อยให้ตระกูลหลี่ที่ยิ่งใหญ่ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นได้อย่างไร ? คุณแค่อยากจะยืมมือตงเอ๋อกลับมาช่วยตระกูลหลี่ก็เท่านั้น หลังจากทุกอย่างกลับสู่สภาพที่มั่นคงแล้ว คุณก็จะให้พวกหน้าโง่ในตระกูลหลี่มารับช่วงต่อ !”

“ต่อให้คุณตาย คุณก็ต้องวางแผนล่วงหน้าเอาไว้อย่างดีแน่นอน โดยสอนเจ้าพวกหน้าโง่เหล่านั้นของคุณว่าจะยึดอำนาจคืนด้วยวิธีใด ใช่ไหมล่ะ ?”

เปรี้ยง !

คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกตกตะลึง

ถึงแม้สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป แต่บริเวณหางตากลับปรากฏเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา และกระตุกเล็กน้อย

ถึงขึ้นกำไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาเอาไว้แน่น

พักใหญ่

คุณท่านใหญ่หลี่ก็ยิ้มออกมาแปลกๆ

“ความสามารถของแกยอดเยี่ยมกว่าพวกพี่ชายของแกจริงๆ แต่เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลหลี่ ตั้งแต่วันที่แกเกิดมา แกก็ถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อของตระกูลหลี่แล้ว ต่อให้ความสามารถของแกจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม !”

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

“ตงเอ๋อของแกจะต้องมาแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะยอมรับช่วงตระกูลหลี่ต่อหรือไม่นั้น มีเหยื่ออย่างแกอยู่ที่นี่ทั้งคน แล้วฉันจะไปกลัวอะไร ?”

คำพูดเพียงประโยคเดียว แต่ทำให้หลี่หลานรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุด

เธอพยายามกระเสือกกระสนเพื่อที่จะตามคุณท่านใหญ่หลี่ไป แล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า : “คุณยังเป็นคนอยู่อีกไหม ? ทำไมพ่อย่างคุณถึงได้มีจิตใจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ?”

“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อตระกูลหลี่ จะพูดว่าชั่วร้ายได้อย่างไรกัน ?”

คุณท่านใหญ่หลี่หยุดเดิน เขาก้มลงหมองหลี่หลานที่เกาะขาเขาอยู่ แววตาของเขามาปรากฏความเมตตาปรานีเลยแม้แต่น้อย

“คุณจะต้องเสียใจ คุณจะต้องเสียใจแน่นอน !”

หลี่หลานร้องไห้พลางตะโกนออกมา แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มือทั้งสองข้างกอดขาของคุณท่านใหญ่หลี่เอาไว้แน่น : “พวกเขาไม่ใช่สองแม่ลูกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พ่อของตงเอ๋อกลับมาแล้ว เขา……เขาไม่มีทางยอมปล่อยคุณแน่นอน !”

“น่าขำ ! ถ้าหากตระกูลเฉินมีผู้ทำคนเดียวเหมือนตระกูลหลี่ ฉันก็อาจจะกลัวเฉินเต้าหลินอยู่บ้าง ตอนนี้หากเขาคิดจะจัดการกับฉันล่ะก็ ให้เขาผ่านด่านคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินให้ได้เสียก่อนเถอะ !”

ตุ๊บ !

คุณท่านใหญ่หลี่แสยะยิ้มออกมา พร้อมกับยกไม้เท้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วตีลงไปที่มือด้านขวาของหลี่หลานอย่างแรง

“โอ๊ย !”

หลี่หลานกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอปล่อยขาของคุณท่านใหญ่หลี่

คุณท่านใหญ่หลี่รีบเดินจากไปทันที

จากนั้น ก็มีสาวใช้สองคนเดินเข้ามาในห้อง แถวแบกหลี่หลานขึ้นไปโยนเอาไว้บนเตียง

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นคุณท่านใหญ่หลี่ หรือแม้กระทั่งสาวใช้ที่ฐานะต่ำต้อยที่สุดในบ้าน ก็ไม่มีใครเคยแสดงความเมตตาปรานีต่อหลี่หลานเลยสักคน

ภายในร้านกาแฟของสนามบินนานาชาติเมืองหลวง

พวกของเฉินตงนั่นทั้งสี่คนนั่งอยู่บริเวณที่นั่งริมหน้าต่าง

ท้องฟ้ามืดมิดลง แต่ไปโดยรอบสนามบินยังคงสว่างไสว

เฉินตงหันมองทิวทัศน์ด้านนอก แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม : “ท่านหลง จะต้องรออีกนานเท่าไหร่ ?”

อันที่จริง พวกเขาลงจอดนานแล้ว

แต่ท่านหลงได้รับรับคำสั่งจากเฉินเต้าหลินให้รออยู่ที่สนามบินก่อน

แต่นี่รอจนกระทั่งฟ้ามืดแล้ว !

“กระผมเองก็ไม่ทราบ ทุกอย่างต้องรอให้นายท่านมาก่อนถึงจะทราบครับ” ท่านหลงกล่าว

“รอให้เขามาถึง ?”

เฉินตงหันกลับไปมองด้วยสายตาเฉียบคม : “รอมากี่ชั่วโมงแล้ว แล้วจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่ ? ถ้าหากเขามาไม่ถึง หมายความว่าแม่จะต้องรออยู่ที่ตระกูลหลี่ไปเรื่อยๆ แบบนี้หรืออย่างไร ?”

คุณท่านใหญ่หลี่ไม่เคยเห็นแม่เป็นลูกสาวเสียด้วยซ้ำ

ยี่สิบกว่าปีก่อน เขาปล้นมรดกที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้อย่างโจ่งแจ้งและโหดร้าย อีกทั้งในตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี่ที่ผ่านมา เขาก็แอบกดขี่ข่มเหงแม่มาตลอด ไม่ให้เธอได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก

คนที่สามารถใช้วิธีการเหล่านี้กับลูกสาวแท้ๆ ได้นั้น เฉินตงจึงไม่กล้าหวังเลยว่าแม่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีอยู่ในตระกูลหลี่ได้ !

“นี่คือคำสั่งของนายท่าน !” ท่านหลงยิ้มอย่างหดหู่

“คำสั่งไร้สาระ ไม่รอแล้ว !”

เฉินตงลุกขึ้นด้วยความโมโห จากนั้นจึงเดินจ้ำอ้าวออกไปด้านนอก : “เขารอได้ แต่ฉันซึ่งเป็นลูกไม่อาจรอได้ !”

“ท่านหลง……” คุนหลุนหันมองท่านหลงด้วยความตกใจและลังเล

ท่านหลงถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีทางเลือก : “ไปกันเถอะ”

ฉินเย่ลุกขึ้นเป็นคนสุดท้าย เขามองดูเฉินตงที่เดินออกไปด้วยความโมโห ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบคาง : “น่าสนใจดีนี่ บ้าเลือดใช้ได้”

ขณะที่พูด เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเมฆดำก้อนใหญ่ที่ลอยปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “ดูท่าลมและฝนในคืนนี้คงจะหนักน่าดู”

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำอันมืดมิด

รถฮัมเมอร์สีดำแล่นไปอย่างรวดเร็วราวกับสัตว์ร้าย มุ่งหน้าไปยังด้านนอกของเมืองหลวง

ตลอดทาง รถวิ่งพุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่หลบหลีก ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โต ทำให้รถที่อยู่ใกล้ๆ ต้องคอยขับหลบเลี่ยงออกไปด้วยความตกใจ

เปรี้ยง……

บนท้องฟ้าที่มืดมิด เมฆดำก้อนใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่นาน ในที่สุดก็ส่งเสียงฟ้าผ่าออกมา

ราวกับว่าพระเจ้ากำลังร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ และปล่อยสายฟ้าออกมาไม่หยุด

ทำให้เมืองหลวงที่แสนหดหู่ ดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้น

นอกภูเขาเซียงซาน

รถฮัมเมอร์แล่นมาอย่างรวดเร็ว

ไฟสาดแสงจ้าไปที่ทางด้านหน้า ต่อให้เป็นทางบนภูเขา แต่คุนหลุนซึ่งเป็นคนขับก็ยังคงพารถมุ่งหน้าต่อไป โดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย

เฉินตงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ นี่เป็นตำแหน่งที่เขาเลือกด้วยตัวเอง

เขามองตรงไปด้านหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปด้านหน้า ท้องฟ้าก็ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด

ไฟเริ่มส่องสว่างผ่านความมืดมิด และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่บริเวณโดยรอบเป็นครั้งคราว

ในที่สุด

สายตาก็มองตรงไปเห็นคฤหาสน์ปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

“คุณชาย ด้านหน้าคือบ้านตระกูลหลี่ครับ”

คุนหลุนชี้ไปยังคฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่

ใบหน้าเย็นชาของเฉินตงปรากฏท่าทีของความรังเกียจขึ้น

เมื่อมองดูคฤหาสน์ปราสาทหลังเก่าหลังนั้น ราวกับกำลังมองดูสิ่งของที่ผิดรูปผิดร่างที่อยู่ภายใต้ระบบความคิดที่เก่าแก่คร่ำครึ

คฤหาสน์ปราสาทที่ดูเยือกเย็นและเคร่งขรึม เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเลือดเย็นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

ดวงตาของเฉินตงค่อยๆปรากฏท่าทีของความรังเกียจเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

ราวกับอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงที่มีเกลียวคลื่นปั่นป่วนอย่างรุนแรง

เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์ปราสาท คุนหลุนก็ค่อยๆ ชะลอรถให้ช้าลง

เฉินตงหันไปมอง : “ชะลอทำไม ?”

“คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่จะต้องเคาะประตูครับ มิเช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป” คุนหลุนกล่าวอธิบาย

ใบหน้าของเฉินตงปรากฏท่าทีของความดุร้ายและบ้าคลั่ง

เขายกมือขวาขึ้นมา แล้วชี้ไปยังประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาท จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า : “ฉันมาเพื่อที่จะชิงคน ไม่ได้มาเพื่อที่จะพูดเรื่องมารยาท เพิ่มความเร็วแล้วพุ่งชนเข้าไป !”

ตู้บ !

ขณะเดียวกันกับที่ปรากฏเสียงฟ้าผ่าโหมกระหน่ำอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำ

แสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาทำให้ทั่วท้องฟ้าสว่างไสว

เสียงฟ้าร้องดังอึกทึก

ท่านหลง คุนหลุน และฉินเย่ที่นั่งอยู่ภายในรถต่างตกละลึงไปพร้อมกัน และหน้าถอดสีทันที

ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในใจทันที…..

เฉินตงที่กำลังเคร่งเครียดหยุดเดินในทันที

ท่านหลงและคุนหลุนเองก็ตกตะลึงและหยุดเดินเช่นกัน

ฉินเย่กำลังทำอะไรอยู่ ?

“ถ้านายอยากตามมาก็เชิญ แต่หากเกินอะไรขึ้น ฉันไม่รับประกันนะ”

น้ำเสียงของเฉินตงเย็นชา หลังจากพูดจบ เขาก็เดินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วทันที

ฉินเย่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบเดินตามไปทันที เขาใช้มือซ้ายและมือขวาโอบไหล่ของท่านหลงและคุนหลุนเอาไว้คนละข้าง

“วางใจเถอะ ชั่วดีอย่างไรฉันก็เป็นคนของตระกูลฉินแห่งซีสู่ ตระกูลหลี่ที่พวกนายพูดถึงคือเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงใช่ไหม ?”

“ใช่ คุณจะตามไปจริงๆ หรือ ?”

ท่านหลงกล่าวเตือน เรื่องครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ

คุณท่านใหญ่หลี่ลักพาตัวคุณผู้หญิงกลับตระกูลหลี่ เป็นการแตะต้องของล้ำค่าที่สุดของเฉินตง

ที่เฉินตงกล่าวว่าจะพังตระกูลหลี่ให้ราบเป็นหน้ากลองนั้น คงไม่ได้พูดเล่นแน่นอน !

“น่าสนุก แบบนี้สิถึงจะน่าสนุก !”

ฉินเย่หัวเราะออกมาเสียงดัง : “วันๆ เอาแต่แลกเปลี่ยนทักษะกับผู้หญิง จนร่างกายของฉันซูบผอมหมดแล้ว นี่ก็ถือเสียว่าเป็นการออกไปพักผ่อนของฉัน”

ท่านหลงและคุนหลุนไปหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกในทันที

ขณะที่พวกของเฉินตงไปถึงสนามบิน

ก็มีคนจากสำนักงานของตระกูลเฉินมายืนรออยู่นานแล้ว และได้นำทางพวกเขาเดินตรงไปยังทางเดินด้านใน แล้วเข้าไปสู่ลานจอดเครื่องบินส่วนตัว

ด้วยฐานะของตระกูลเฉิน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียกใช้เครื่องบินส่วนตัวในเวลาที่ฉุกเฉินเช่นนี้

ขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้น

อุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็ลดต่ำลงเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นคุนหลุนหรือว่าท่านหลง ต่างก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง ราวกับว่ามีบรรยากาศที่ดูน่าหดหู่และตื่นตระหนก กระจายอยู่รอบตัวของเฉินตง

ต่อให้เป็นคนขวางโลกอย่างฉินเย่ ยังมีท่าทีที่เคร่งขรึมลง และมองเฉินตงนิ่งโดยไม่พูดไม่จา

“คุณชาย กระผมติดต่อกับเจ้าบ้านแล้ว” ท่านหลงอย่างเคร่งขรึม

เฉินตงพยักหน้า

เขามีท่าทีและแววตาที่แสดงออกอย่างเย็นชา

ท่านหลงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ท่าทางของคุณชายในตอนนี้ ราวกับสัตว์ร้ายที่มีอารมณ์โกรธคุกรุ่นอยู่ภายใน

ทันทีที่อารมณ์โกรธนั้นระเบิดออกมา ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็คือหายนะ

ท่านหลงลังเลอยู่สักครู่แล้วพูดเตือนว่า : “คุณชาย ตระกูลหลี่เป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ได้โปรด……”

“เขาแตะต้องฉัน ฉันไม่ว่า แต่ถ้าแตะต้องแม่ของฉันฉันไม่มีวันยอม ! ฉันเคยยอมเขาจนถึงที่สุดแล้ว ในเมื่อเขาหน้าไม่อาย ฉันก็จะไม่ไว้หน้าเขาอีกต่อไป !”

คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ท่านหลงต้องกลืน คำพูดที่กำลังจะพูดออกมากลับลงท้องไป

เขารู้ดีว่าต่อให้พูดเตือนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ท่านหลงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงหันออกไปมองก้อนเมฆนอกหน้าต่างด้วยความเครียด

เมืองหลวงคืนนี้ เกรงว่าคงเกิดพายุลูกใหญ่แน่นอน……

ฉินเย่แววตาเป็นประกาย เขาหัวเราะและถามขึ้นว่า : “จริงๆแล้วผมกำลังนึกสงสัยว่า คุณเกี่ยวดองกับตระกูลหลี่ได้อย่างไร ?”

“นายรอดูการแสดงก็พอแล้ว” เฉินตงตอบกลับอย่างเย็นชา

ฉินเย่ยักไหล่ แล้วพูดลอยๆ ว่า : “ก็ได้ ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนาย กล้าท้าทายกับตระกูลหลี่โดยไม่เกรงกลัวเช่นนี้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว !”

ขณะที่พูด เขายังหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้กับเฉินตง

เฉินตงถูขมับด้วยความรู้สึกรำคาญ : “คุนหลุน จับเขาโยนลงไป !”

คุนหลุนหันไปจองฉินเย่ตาเขม็งด้วยสีหน้าดุดัน

ฉินเย่รีบโบกมือเพื่อขอความเมตตา : “ก็ได้ๆ ผมผิดไปแล้วพอใจหรือยัง ?”

“หนวกหู !”

เฉินตงเหลือบมองฉินเย่ด้วยความรำคาญ จากนั้นจึงหลับตาลงและนอนพักผ่อน

ส่วนท่านหลงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ส่งสายตาเพื่อตักเตือนฉินเย่

ฉินเย่ไม่รู้นิสัยของคุณชาย แต่เขากับคุนหลุนนั้นรู้ดี !

สิ้งล้ำค่าของมังกร ใครกล้าแตะจะต้องตาย !

หากเฉินตงเป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ ตอนนั้นเขาคงไม่พยายามแทงตัวเอง เพื่อที่จะช่วยแม่ของเขาแก้แค้นเฉินเทียนเซิงแน่นอน

เมืองหลวง

เป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

เป็นเพราะความเหลื่อมล้ำทางด้านฐานะ ทำให้ผู้คนจำนวนมาก หลั่งไหล่มารวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้

ทำให้เมืองหลวงที่เหล่ามังกรและพยัคฆ์หลบซ่อนตัวอยู่มากมาย ทำให้มีสภาพสังคมที่สลับซับซ้อน

คนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในหมู่ผู้อ่อนแอ ก็อาจไม่ใช่คนที่เข้มแข็งเสมอไป

แต่หากสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในหมู่ผู้แข็งแกร่งได้ นั่นจึงจะถือว่าเป็นคนที่เข้มแข็ง !

ตระกูลหลี่เองก็เป็นเช่นนี้ !

สามารถยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงที่วุ่นวายนี้ได้อย่างมั่นคง แสดงว่าภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดา

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

โคมไฟในเมืองหลวงเริ่มส่องแสงสว่างและงดงามตระการตา

แต่ท้องฟ้าในคืนนี้ของเมืองหลวงกลับมองไม่เห็นดวงจันทร์และดวงดาว เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ

พายุกำลังตั้งเค้า

ปกคลุมเมืองทั้งเมืองเอาไว้

บริเวณชานเมืองของเมืองหลวง

บริเวณจุดชมวิวภูเขาเซียงซาน ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชมวิวทิวทัศน์ชื่อดังของเมืองหลวง แต่ละวันต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหมื่นคน

แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ว่า ในมุมหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปของเขาเซียงซาน มีคฤหาสน์ปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่

ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนทั่วไป

จำเป็นจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของคฤหาสน์ปราสาทเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปได้

และที่นี่ ก็คือที่อยู่ของตระกูลหลี่ !

คฤหาสน์ปราสาทสว่างไสวอยู่ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด

บรรยากาศในภูเขาค่อนข้างรกร้าง แต่กลับทำให้คฤหาสน์ปราสาทดูลึกลับและเงียบสงบ

ภายในห้อง

หลี่หลานมองห้องที่คุ้นเคยด้วยท่าทีสะลึมสะลือ

ตรงหน้ามีอาหารรสเลิศวางอยู่หลายสิบอย่าง

แต่เธอกลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ดวงตาของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตา

สิ่งที่คุณท่านใหญ่หลี่ทำในวันนี้ สามารถใช้คำว่า “ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” มาใช้อธิบายได้อย่างแท้จริง และไม่ผ่านการกลั่นกรองแม้แต่นิดเดียว

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเติบโตขึ้นมาในตระกูลหลี่ และรู้ว่าตระกูลหลี่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจนถึงขั้นเลือดเย็นแล้วล่ะก็ เธอคงจะนึกสงสัยแล้วว่าตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของคุณท่านใหญ่หลี่จริงๆ หรือไม่

แอ๊ด !

ประตูห้องเปิดออก

คุณท่านใหญ่หลี่เดินเข้ามาข้างใน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“หลานเอ๋อ นี่คือห้องที่ลูกเคยอยู่เมื่อก่อน ยี่สิบกว่าปีมานี้ พ่อให้คนเข้ามาทำความสะอาดทุกวัน ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือยกย้ายข้าวของใดๆ เลย”

“แล้วอย่างไร ?”

หลี่หลานหันมองคุณท่านใหญ่หลี่ด้วยความโกรธ มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่เต็มดวงตา

“พ่อรู้ดีว่าลูกยังโทษพ่ออยู่”

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสง่างาม จากนั้นจึงเหลือบมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย : “ไม่ถูกปากหรือ ? ถ้าเช่นนั้นพ่อจะใช้ให้คนเททิ้งแล้วทำให้ใหม่”

“อาหารของตระกูลหลี่ ฉันกินไม่ลง”

หลี่หลานกัดริมฝีปาก แต่เป็นเพราะออกแรงมากเกินไป จนถึงขั้นทำให้ริมฝีปากมีเลือดออก

“หลานเอ๋อเอ๋ย ที่ตอนนั้นพ่อทำเช่นนั้น เพราะคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม”

คุณท่านใหญ่หลี่ถอนหายใจ แล้วพูดอธิบายว่า : “ลูกเป็นลูกสาว คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ในตระกูลหลี่ก็เพียงพอแล้ว เฉินเต้าหลินคนนั้นทอดทิ้งพวกเจ้าสองแม่ลูก หากพวกเจ้าซึ่งเป็นลูกกำพร้าและหญิงม่ายต้องถือครองทรัพย์สินเหล่านั้นเอาไว้ คงจะต้องถูกคนยักยอกอย่างแน่นอน ในฐานะที่เป็นคนตระกูลหลี่ การทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น ถือเป็นสิ่งเดียวที่เธอควรจะทำ !”

“ถุย !”

หลี่หลานหัวเราะออกมาทันที เธอจ้องมองไปที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดุดัน : “คุณกล้าพูดได้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ ! เพื่อความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่ คุณจึงไม่จำเป็นต้องสนใจไยดีชีวิตของฉันและเฉินตง อีกทั้งยังยักยอกทรัพย์และบีบบังคับฉันมาตลอดยี่สิบปีอย่างนี้หรือ ?”

“คุณตาบอดหรืออย่างไร ? ถึงฉันจะเป็นลูกสาว แต่ความสามารถของฉันเหนือกว่าบรรดาลูกสุดที่รักของคุณพวกนั้นมากนัก คุณกลัวว่าฉันจะถูกคนยักยอกทรัพย์ จึงบีบบังคับเอาไปอย่างนั้นหรือ ? มันไม่ตลกไปหน่อยหรือ ?”

คำถามที่ร่ายยาวมาเป็นชุด ทำให้ใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่แดงก่ำและรู้สึกกระสับกระส่าย

หลี่หลานอยู่ในท่าทีหยิ่งผยอง ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอต้องการที่จะระบายความคับแค้นใจออกมา

เธอค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วจ้องมองลงมาที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดูถูก ใบหน้าแสดงออกถึงความเยาะเย้ยถากถาง

“คุณให้ความสำคัญกับลูกสาวมากกว่าลูกชาย คำก็เพื่อความยิ่งใหญ่ของตระกูล สองคำก็เพื่อความยิ่งใหญ่ของตระกูล ถึงขั้นแย่งชิงทรัพย์สินที่เต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้ฉันกับเฉินตงอย่างโหดร้าย เพื่อนำมาบำเรอตระกูลหลี่ แต่ลูกชายหน้าโง่ของคุณเหล่านั้นกลับทำให้ตระกูลหลี่ต้องมีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณต้องยอมเชิญฉันกับเฉินตงกลับมาค้ำจุนตระกูลหลี่อย่างนั้นหรือ ?”

น้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ละคำบาดลึกราวกับถูกมีดกรีดลงไปที่หัวใจของคุณท่านใหญ่หลี่

ท่าทีเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม

คุณท่านใหญ่หลี่ยืดอกขึ้น สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด

“แกมันเป็นลูกสาวที่หัวรั้นและอกตัญญู !”

เผียะ !

ภาพของไม้เท้าปรากฏขึ้นในตา

และตีลงบนขาขวาของหลี่หลานในทันที

“โอ๊ย !”

หลี่หลานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอล้มลงกับพื้นทันที ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ตัวของเธอสั่นเทา เหงื่อกาฬแตกพล่านราวกับสายฝน

คนที่ดื้อรั้นอย่างเธอ ยังคงจ้องมองไปที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดุดัน

แล้วกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า

“คุณ……ไม่กล้าตีฉันให้ตายหรืออย่างไร ?”

คำพูดล้อเล่นที่ดังออกมาอย่างกะทันหัน

ทำให้พวกของเฉินตงทั้งสามคนอึ้งไปพร้อมกัน

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน : “เขามีงานอดิเรกแบบนี้ด้วยหรือ ?”

“ความรักที่โหยหาระหว่างชายหญิง ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์” ท่านหลงยิ้มแบบเก้อเขิน

ก๊อกก๊อกก๊อก !

เฉินตงเคาะประตูอีกครั้ง

มีเสียงของความโมโหดังออกมาจากภายในห้อง

“นี่พวกคุณบังคับผมเองนะ พวกคุณบังคับผมเองนะ วันนี้ผมจะขอสู้ตายกับพวกคุณ !”

แอ๊ด !

ประตูเปิดออก

เป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับดูซีดเซียวเล็กน้อย อีกทั้งยังมีรอยคล้ำรอบดวงตา เดินออกมาจากห้องด้วยความโกรธ

เมื่อฉินเย่มองเห็นพวกของเฉิน ก็ผงะไป

ความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าจางหายไปทันที แต่กลับมีท่าทีของความเฉื่อยชาและอ่อนแรงปรากฏขึ้นมาแทน

“พวกคุณคือใคร ?”

“สวัสดีฉินเย่ ฉันชื่อเฉินตง……”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวแนะนำตัว

แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ

ปัง !

ฉินเย่ปิดประตูห้องอย่างหยาบคายและรุนแรง พร้อมกับตะโกนว่า : “ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง ก็ไสหัวไปให้พ้น !”

ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยหรือ ?

เฉินตงทำสีหน้าจนใจ

นี่จะเรียกว่าเชิญยากได้อย่างไร แม้กระทั่งโอกาสที่จะเชิญก็ยังไม่มีเลย

คุนหลุนแสดงท่าทีของความโกรธออกมา เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้า กำลังยกเท้าขึ้นเพื่อที่จะถีบประตู แต่กลับถูกเฉินตงห้ามเอาไว้

ท่านหลงเคาะประตูใหม่อีกครั้ง เขายิ้มพลางพูดว่า : “ฉินเย่ ฉันคือท่านหลง เป็นคนของตระกูลเฉินคนนั้น”

แอ๊ด !

ประตูเปิดออกอีกครั้ง

ฉินเย่แววตาเป็นประกาย เขาจ้องมองไปที่ท่านหลง : “อ้าว ผู้เฒ่าหลง เมื่อครู่ผมเวียนหัวจึงไม่อาจจำคุณได้ในตอนแรก คุณมาที่ซีสู่เพื่อตั้งใจจะชวนผมออกไปเที่ยวโดยเฉพาะใช่ไหม ?”

เพียงประโยคเดียวทำให้ใบหน้าของท่านหลงแดงก่ำ และไอออกมาอย่างรุนแรง

เฉินตงและคุนหลุนหันมองท่านหลงด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกัน

คุนหลุนพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า : “ท่านหลง ปกติแล้วคุณก็มีงานอดิเรกเช่นนี้เหมือนกันหรือ ?”

เฉินตงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่กลับหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้กับท่านหลง

คนที่มีความทะเยอะทะยานต่อให้แก่แล้วก็ยังคงทะเยอทะยานอยู่ !

ความทะเยอทะยานของวีรบุรุษนั้น ไม่มีวันสูญสิ้นไปตามกาลเวลา !

“แหม ผู้เฒ่าหลง คุณพูดอะไรหน่อยสิ คุณนี่จริงๆ เลย ยังไม่ทันได้พูดได้จาก็มาเสียแล้ว ทำให้ผมไม่ทันได้เตรียมตัว แล้วแบบนี้จะแลกเปลี่ยนทักษะกับคุณได้อย่างไร ?”

เมื่อฉินเย่เห็นท่านหลงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขายิ้มพลางโอบไหล่ของท่านหลงแล้วเดินเข้าไปในห้อง

เฉินตงและคุนหลุนเดินตามไปทางด้านหลัง ต่างก็หันมองหน้ากัน

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง อยากจะแลกเปลี่ยนทักษะกับท่านหลง ?

ท่านหลงปิดบังไว้ได้แนบเนียนจริงๆ

“ฉินเย่ ที่ผมมาหาคุณในครั้งนี้ เพราะมีธุระสำคัญ”

ท่านหลงไม่อาจปั้นหน้าได้อีกต่อไป เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วชี้ไปที่เฉินตง จากนั้นจึงกล่าวแนะนำว่า : “นี่คือคุณชายของตระกูลผม”

“คุณชายตระกูลเฉิน ?”

ฉินเย่เลิกคิ้ว เขาหันไปมองเฉินตงแล้วยิ้ม จากนั้นจึงยื่นมือขวาออกไป : “สวัสดีครับ ผมชื่อฉินเย่ ถ้ามีเวลาว่างก็มาแลกเปลี่ยนทักษะกันได้นะ ?”

เฉินตง : “……”

เขาไม่สนใจงานอดิเรกด้านนี้จริงๆ

เขาค่อนข้างจงรักภักดีกับชีวิตแต่งงาน

แต่โดยมารยาทแล้ว เฉินตงก็ยังคงยอมจับมือกับฉินเย่เพื่อแสดงการทักทาย

จากนั้นฉินเย่ก็หันไปมองคุนหลุนด้วยสายตาที่แปลกประหลาด : “โอ้โห ดูจากร่างกายของพี่ชายคนนี้แล้ว ถ้าหากแลกเปลี่ยนทักษะกันคงจะต้องเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน !”

ต่อให้เป็นคุนหลุนก็รู้สึกหน้าแดงเพราะคำพูดประโยคนี้ได้

ท่านหลงไปอาจปั้นสีหน้าต่อไปได้อีก จึงรีบพูดออกไปตามตรง : “ฉินเย่ ที่ผมกับคุณชายมาที่นี่ ก็เพื่อต้องการที่จะเชิญคุณไปร่วมกับเปิดบริษัททางการเงิน !”

หลังจากได้ยินดังนั้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่ก็จางหายไปทันที

เขาเหล่มองท่านหลงด้วยใบหน้าที่เย็นชา จากนั้นจึงหันกลับไปนั่งที่ริมหน้าต่าง แล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน

“ผู้เฒ่าหลง คุณก็รู้ดีนี่ มิตรภาพของเราถูกจำกัดอยู่แค่เรื่องของการแลกเปลี่ยนทักษะเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ผมไม่สนใจ”

ท่านหลงยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก : “ฉินเย่ ผมมาที่นี่ด้วยความจริงใจ คุณชายของผมเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ต่อไปก็จะขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ถ้าหากได้ความร่วมมือจากคุณแล้วล่ะก็ คุณชายของผมจะต้องยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน”

เฉินตงนั่งนิ่งไปพูดอะไร

เขาคิดไม่ถึงว่าท่านหลงและฉินเย่จะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะนี้ด้วย

ดังนั้นการเชื้อเชิญในครั้งนี้ จึงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านหลง

ด้วยบุคลิกที่แปลกประหลาดของฉินเย่ หากเขาเอ่ยปากคงไม่มีพื้นที่สำหรับให้เขาได้เจรจา

“ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน ? เฉินตง ?”

ฉินเย่พ่นควันบุหรี่ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความบูดบึ้งและดูถูกเยาะเย้ย : “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินมีคนที่ชื่อว่าเฉินตงด้วย คงไม่ใช่ลิงป่าที่กระโดดออกมาจากก้อนหินนั่นหรอกใช่ไหม ?”

เสียงหัวเราะทำให้เฉินตงนั่งตัวแข็งทื่อในทันที

ส่วนท่านหลงเองก็หน้าถอดสี เขารีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว : “ฉินเย่ นิสัยปากเสียของเธอยังคงแก้ไม่หายจริงๆ !”

ฉินเย่ยักไหล่ : “ช่างเถอะผู้เฒ่าหลง ถ้าคุณอยากจะแลกเปลี่ยนทักษะจริงๆ ผมจะยอมอยู่เป็นเพื่อนคุณสามวันสามคืนเลย แต่ถ้าหากคุณมาเพื่อจะเชิญผม พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ตระกูลเฉินกับตระกูลฉินไม่ยุ่งเกี่ยวกัน คุณต้องแน่แค่ไหน ที่กล้ามาเชิญคนตระกูลฉินอย่างผมไปช่วยคนตระกูลเฉินของพวกคุณ ?”

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดในทันที

คำพูดเพียงประโยคเดียว กลับทำให้ท่านหลงไม่อาจหาเหตุผลมาหักล้างได้

ทันได้นั้น ก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น

“คุณ ยังถือเป็นคนตระกูลฉินอีกหรือ ?”

เฉินตงยิ้มแล้วหันมองฉินเย่ด้วยสายตาที่เฉียบคม

ตุ๊บ !

ฉินเย่โยนบุหรี่ลงบนพื้นทันที จากนั้นจึงลุกขึ้นมาด้วยความโมโห : “คุณหมายความว่าอย่างไร ?”

บรรยากาศของความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้น

คุนหลุนก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องเฉินตง

ท่านหลงเองก็รีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อขวางฉินเย่เอาไว้ด้วยเช่นกัน : “พ่อหนุ่ม ใจเย็นหน่อยได้ไหม ?”

ฉินเย่กลับตะคอกกลับมาด้วยความโมโห : “ผมคิดที่จะฆ่าเขาเสียด้วยซ้ำ คุณยังจะเตือนให้ผมใจเย็นอีกหรือ ?”

ท่านหลงรู้สึกตกใจมาก

ฉินเย่เคยฆ่าพ่อของตัวเอง

ถึงจะมีความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ แต่เรื่องที่ฆ่าคนนั้นก็ยังคงเป็นความจริงที่เกิดขึ้น

เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดสงสัยว่าสิ่งที่ฉินเย่พูดออกมานั้นจริงจังหรือไม่ !

หลังจากนั้น

เฉินตงกลับยิ้มแล้วพูดว่า

“คนที่ฆ่าพ่อของตัวเอง จนต้องใช้เงินหลายหมื่นล้านเพื่อซื้อชีวิตเอาไว้ แล้วนายยังจะมาบอกกับฉันว่านายเป็นคนของตระกูลฉินอีก ? เรื่องตลกนี้ช่างน่าขำสิ้นดี !”

เฉินตงเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า จนไปยืนอยู่ด้านหน้าของคุนหลุน

แววตาเฉียบคมของเขาจ้องเขม็งไปที่ฉินเย่ด้วยความโมโห แล้วยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย : “นายก็เหมือนกับฉัน เป็นลิงป่าที่กระโดดออกมาจากหลังก้อนหินเหมือนกัน แล้วจะสนใจเรื่องฐานะไปทำไม ? จะทำตัวเหมือนอนุสรณ์ แสร้งทำเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ ?”

คำพูดรุนแรงกับมีดอันแหลมคมที่กรีดลงมา

สีหน้าของท่านหลงและหลุนคุนเปลี่ยนไปอย่างมาก หันมองไปที่เฉินตงอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

นี่……คือคุณชายจริงๆ หรือ ?

ตอนนี้ ทั้งสองรู้สึกเหมือนเฉินตงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“นี่……คือมารยาทที่คุณใช้เชิญผมอย่างนั้นหรือ ?”

ฉินเย่แสยะยิ้ม เขาจ้องมองเฉินตงด้วยแววตาที่ดุดัน ราวกับหมาป่าที่กำลังกระหายเลือด

จากนั้น

ตอนนี้เอง

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเฉินตงก็ดังขึ้น

ฟ่านลู่เป็นคนโทรเข้ามา

เฉินตงขมวดคิ้ว แล้วกดรับโทรศัพท์

ทันใดนั้น เขาก็มีท่าทีที่โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที แววตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ตู๊ด !

เขากดวางสายโทรศัพท์

ฉินตรงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า : “ไม่เชิญแล้ว รีบไปเมืองหลวงเดี๋ยวนี้เลย”

เปรี้ยง !

ท่านหลงและคุนหลุนรู้สึกตกตะลึงพร้อมกัน

ท่านหลงรีบเอ่ยถาม : “คุณชาย เกิดอะไรขึ้นครับ ?”

เฉินตงกำมือถือเอาไว้แน่น จนได้ยินเสียงกระดูกดังกรอด หางตาของเขามีเส้นเลือดนูนขึ้นมา

“แม่ของฉัน ถูกไอ้บ้านั่นลักพาตัวกลับตระกูลหลี่ไปแล้ว !”

ท่านหลงกับคุนหลุนหน้าถอดสีทันที

จากนั้นก็มีเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเฉินตงดังก้องกังวานขึ้นมาในห้อง

“ฉันยอมเขาจนถึงที่สุดแล้ว แต่เขาก็ยังกล้าแตะต้องแม่ของฉัน ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษถ้าฉันถล่มตระกูลหลี่จนราบเป็นหน้ากลองก็แล้วกัน !”

พูดจบ เฉินตงก็หันหลังเดินจากไป

ท่านหลงและคุนหลุนหันมองหน้ากัน

ท่านหลงพูดว่า : “รีบไปเมืองหลวงก่อน ฉันจะรับติดต่อเจ้าบ้านทันที”

ทั้งสองรู้ดีว่า แม่คือสิ่งล้ำค่าที่สุดของเฉินตง

ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ !

ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น เฉินตงไม่มีทางยอมนิ่งดูดายแน่นอน

แต่ตระกูลหลี่สำหรับเฉินตงในตอนนี้ ก็ยังคงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดตัวมหึมา

ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินออกจากห้องไป

จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะของฉินเย่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“เฮ้……ฟังดูแล้วก็น่าสนุกดีนะ ฉันอยู่นี่ก็รู้สึกเบื่อๆ ขอไปกับพวกคุณด้วยก็แล้วกัน ?”

บริเวณประตูทางเข้าของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

มายบัคกำลังจอดสนิทอยู่

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ที่นั่งทางด้านหลัง แววตาเต็มไปด้วยความมืดมน นิ้วชี้ด้านขวาของเขาเคาะอยู่บนไม้เท้าเบาๆ

“บางที……นี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว”

เพื่อตระกูลหลี่แล้ว เขาจึงไม่ยอมรามือง่ายๆ

ถึงขนาดที่ว่าในตอนนั้น มรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้กับเฉินตงสองแม่ลูก เขาก็สามารถยักยอกได้โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย

สำหรับเขาแล้ว ตระกูลหลี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด !

ส่วนลูกสาว……เหอะๆ เป็นแค่สินค้าที่ใช้แลกเปลี่ยนกับเงินก็เท่านั้น

“คุณท่าน มาแล้วครับ” บอดี้การ์ดที่เป็นคนขับรถเอ่ยปากเรียก

หลี่หลานเดินออกมาจากเขตวิลล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กำมือถือเอาไว้ในมือแน่น

เธอมองไปยังมายบัคที่จอดห่างออกไปไม่ไกล ด้วยแววตาที่ซับซ้อน

ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน จากนี้ต่อไป จะไม่หลงเหลือความผูกพันใดๆ ต่อกันอีก

หลี่หลานคิดพลางก็เดินตรงเข้าไปหามายบัคที่จอดอยู่

กระจกรถลดต่ำลง

คุณท่านใหญ่หลี่ที่ก่อนหน้านี้แววตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง บัดนี้กลับยิ้มให้หลี่หลาน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน

“ขึ้นมานั่งบนรถสิ วันนี้พ่อจะไปจากที่นี่แล้ว จะกลับเมืองหลวงแล้ว”

“ไม่ดีกว่าค่ะ” หลี่หลานส่ายหัว “หลังจากที่คุณเท่าเรื่องนั้นในตอนนั้นแล้ว พวกเราก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก”

“เกลียดไหม ?”

คุณท่านใหญ่หลี่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม

แววตาของหลี่หลานเต็มไปด้วยความโกรธ เธอพยักหน้าอย่างแรง

คุณท่านใหญ่หลี่ส่ายหัว : “ที่พ่อทำเช่นนั้นเพื่อตระกูลหลี่ของเรา”

หลี่หลานรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ

เพื่อตระกูลหลี่แล้ว ถึงขั้นทิ้งขว้างเธอและเฉินตงเลยหรือ ?

นี่เป็นเหตุผลแบบไหนกัน ?

“เจอกันแล้ว คุณก็ไปเถอะค่ะ”

หลี่หลานพูดออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับเข้าวิลล่า

ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว กลับบ้านกับฉัน !”

หลี่หลานตัวสั้น หน้าถอดสี

ทันใดนั้น เธอเตรียมที่จะวิ่งหนี

แต่จู่ๆ ประตูรถก็เปิดออก จากนั้นบอดี้การ์ดที่เตรียมการมาอย่างดีก็เอามือปิดปากของหลี่หลานเอาไว้ แล้วลากตัวเธอเข้าไปในรถทันที

หลี่หลานคิดที่จะต่อสู้ แต่ร่างกายของเธออ่อนแอ จึงไม่อาจขัดขืนได้

ถึงขั้นที่ว่า แม้แต่เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของเธอ ยังดังไปไม่ถึงหูของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเสียด้วยซ้ำ !

“ถ้าแกไม่กลับบ้าน ตงเอ๋อไม่มีวันยอมสิโรราบแน่”

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “ออกจากบ้านมายี่สิบกว่าปีแล้ว แกควรจะกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้แล้ว”

มายบัคสีดำเคลื่อนตัวลงจากภูเขาไป

ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเพราะตำแหน่งที่มายบัคจอด และการลงมือที่รวดเร็วของคุณท่านใหญ่หลี่ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ไม่ทันสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

……

ขณะที่เครื่องบินลงจอดที่ซีสู่ ก็เป็นเวลา 11 นาฬิกาแล้ว

เมื่อออกจากสนามบิน คุนหลุนได้วางแผนการทั้งหมดเอาไว้แล้ว มีรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกมาจากลานจอดรถ

หลังจากขึ้นรถแล้ว ท่านหลงก็พูดว่า : “ไปโรงแรมหนานซาน”

“โรงแรม ?”

เฉินตงหันมองท่านหลงด้วยความประหลาดใจ : “ไม่ได้ไปตระกูลฉินหรือ ?”

“ลูกชายคนนี้พิเศษ เขาไปพักในตระกูลฉิน” ท่านหลงยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆ

พิเศษ ?

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด เมื่อคืนตอนที่ท่านหลงเริ่มแนะนำฉินเย่ เขาก็ใช้คำว่า “พิเศษ”

ตอนนี้ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เฉินตงเริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ตระกูลเฉินกับตระกูลฉินเป็นคู่แข่งกัน ถึงแม้ฐานะของตระกูลจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถกันทั้งสองตระกูลออกจากการเป็นคู่แข่งกันได้ อย่างไรเสียในการทำธุรกิจก็ต้องมีจุดที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น

ในเมื่อเป็นคู่แข่งกัน การที่จะเชิญอีกฝ่ายมาให้การช่วยเหลือเขา ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก

เมื่อคืนตัวเขาเองก็คิดถึงจุดนี้ แต่เป็นเพราะเห็นความแน่วแน่ของท่านหลง เขาจึงระงับความคิดนี้เอาไว้ชั่วคราว

เฉินตงหันมองท่านหลง : “ท่านหลง ฉินเย่คนนี้มีความพิเศษตรงไหนกันแน่ ?”

ท่านหลงมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเสียวสันหลัง

“ไม่รู้ว่าสำหรับคุณชายแล้ว คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ถือว่าพิเศษพอไหม ?”

เฉินตงรู้สึกตัวสั่น เขาตกใจจนถึงขีดสุด

คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ?

นี่ยิ่งกว่าพิเศษเสียอีก !

ต่อให้ในช่วงเวลาที่เขาเกลียดเฉินเต้าหลินมากที่สุด เขาคิดแค่เพียงว่าชาตินี้จะไม่พบหน้ากันอีก แต่ไม่เคยคิดถึงขั้นที่จะฆ่าพ่อของตัวเองเลย !

“ท่านหลง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

น้ำเสียงของเฉินตงต่ำลงเล็กน้อย ท่าทีของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

อัจฉริยะก็ส่วนอัจฉริยะ !

แต่เรื่องที่ฆ่าพ่อของตัวเอง เขาจะต้องรู้แน่ชัดให้ได้

คนที่สามารถฆ่าพ่อของตัวเองได้ จะต้องเป็นคนที่เลือดเย็นอย่างมาก แล้วจะมีใครที่เขาจะไม่กล้าฆ่าอีก ?

ตลอดทางมีคุนหลุนเป็นผู้ขับรถ

ส่วนท่านหลงก็ค่อยๆ อธิบายต่อ

ท่าทีของเฉินตงค่อยๆ ผ่อนคลายลง

จากการบอกเล่าของท่านหลง ถึงแม้จะยังไม่รู้สาเหตุที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของเขาอย่างแน่ชัด แต่คนภายนอกต่างคาดเดาว่า เป็นเพราะผู้เป็นพ่อคงจะทำเรื่องที่ยากจะให้อภัยได้ จึงทำให้ฉินเย่ลงมือฆ่าเขาด้วยความโกรธ

อีกทั้งหลังจากที่ฆ่าพ่อเรียบร้อยแล้ว เขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในตระกูลฉินได้อย่างปกติ นี่ถือเป็นพิสูจน์ที่ดีที่สุด !

นี่เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของตระกูลฉิน ทำให้เป็นการยากที่คนภายนอกจะสามารถเข้าไปสืบหาความจริงให้กระจ่างได้

แต่ทว่า เฉินตงเองก็ได้รับรู้ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างจากคำบรรยายของท่านหลง

นั่นก็คือ การต่อสู้ในสนามรบทางด้านการเงินในตอนนั้น เงินที่เขาสามารถกวาดมาได้หลายหมื่นล้านเหรียญ เท่ากับว่าเป็นเงินที่เขาใช้ซื้อชีวิตจากตระกูลฉิน !

หมื่นล้านเหรียญสำหรับซื้อชีวิต

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่โทษในการฆ่าพ่อของตัวเอง หากไม่มีความลับบางอย่างปิดบังซ่อนอยู่ภายในนั้น ไม่มีทางที่ตระกูลฉินจะยอมมอบโอกาสนี้ให้แก่เขาเด็ดขาด

อีกทั้ง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินเย่ก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติอยาในตระกูลฉิน

แต่อยู่ในฐานะที่พิเศษออกไป

เดิมทีเขาไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลฉิน ยิ่งเขากระทำความผิดที่รุนแรงขนาดนี้ ยิ่งทำให้ถูกตระกูลฉินกีดกันออกไป

ถึงขั้นว่า ไม่สามารถกลับไปที่บ้านตระกูลฉินได้ ต้องอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาเป็นเวลาหลายปี

อีกทั้งหลังจากที่ฉินเย่สร้างชื่อเสียงจากสนามรบการเงินในตอนนั้นได้แล้ว ก็หลบซ่อนไม่ยอมปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่า เขาคงถูกตระกูลฉินเลี้ยงดูปูเสื้ออย่างดีโดยไม่ต้องทำอะไรอีก

หลังจากฟังจบ เฉินตงก็รู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

เขาลูบจมูก : “เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ นายถึงคิดว่าพวกเราอาจจะมีโอกาสเชิญเขาได้สำเร็จ ?”

ท่านหลงพยักหน้า : “กระผมได้ยินคนภายนอกลือกันว่า ถึงแม้ฉินเย่จะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่เกรงว่าตอนนี้ก็จะเกิดความห่างเหินขึ้นแล้ว”

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงมีรอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้า : “ช่างเถอะ ถ้าห่างมีความลับบางอย่างแอบซ่อนอยู่จริงๆ ฉินเย่ก็คงจะไม่ได้เป็นคนเลือดเย็นขนาดนั้น”

โรงแรมหนานซาน

ตึกใหญ่ที่สูงตระหง่าน

บริเวณรอบข้างบรรยากาศคึกคักและมีรถแล่นไปมาอย่างพลุกพล่าน

เมื่อพวกของเฉินตงทั้งสามคนเดินทางมาถึงโรงแรมหนานซาน ก็มีชายวัยกลางคนออกมาต้อนรับทันที

“สวัสดีครับคุณชาย สวัสดีครับท่านหลง สวัสดีครับพี่คุนหลุน”

เขากล่าวคำทักทายยาวเป็นชุด ทำให้เฉินตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย : “นี่คือคนที่ตระกูลเฉินส่งไปประจำการอยู่ในพื้นที่ แต่ละเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ และมีคนที่ตระกูลเฉินส่งมาคอยดูแล”

สีหน้าของเฉินตงนิ่งสงบ แต่กลับมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นภายในจิตใจ

ทุกเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้อยู่เหนือคำว่ายิ่งใหญ่ไปไกลขึ้นอีก

“ฉินเย่พักอยู่ที่ห้องหมายเลข 99999 นี่คือคีย์การ์ดห้องพักของเขา” ชายวัยกลางคนยื่นคีย์การ์ดหนึ่งใบให้แก่ท่านหลง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

“ไปกันเถอะครับคุณชาย”

ท่านหลงยื่นคีย์การ์ดให้แก่เฉินตง

ทั้งสามขึ้นลิฟท์ไป แล้วหาห้องพักจนเจอ

เฉินตงหยิบคีย์การ์ดขึ้นมา แล้วยืนลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นจึงเก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋า

ก๊อกก๊อกก๊อก !

เขาเคาะประตูอย่างมีมารยาท

ในเมื่อมาเพื่อที่จะเชิญคน ก็ควรที่จะมีมารยาทสักหน่อย

หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก

หลังจากนั้น

มีเสียงหัวเราะและคำพูดล้อเล่นติดตลกดังออกมาจากภายในห้อง

“ขอร้องพวกคุณล่ะ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวแล้วจริงๆ วันนี้แทบจะกินยาโด๊ปแทนข้าวอยู่แล้ว !”

เมื่อเห็นท่าทีของกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกเก้อเขิน

เขาคิดว่าเขาและกู้ชิงหยิ่งต่างฝ่ายต่างก็ยินยอมพร้อมใจแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาคิดไปเองฝ่ายเดียว ทำให้เข้าใจผิด

เฉินตงเกาหัวอย่างเก้อเขิน : “เสี่ยวหยิ่ง ขอโทษด้วย ผมเข้าใจผิดเอง ผมขอตัวกลับก่อน”

“เฉินตง !”

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็ดึงมือของเฉินตงเอาไว้ จากนั้นจึงยืนขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ฉันก็เป็นคนของคุณ แต่ฉันเพียงแค่หวังว่า อยากจะเก็บครั้งที่ดีที่สุดไว้คืนวันแต่งงาน”

“ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ” เฉินตงพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่แววตาดูผิดหวังเล็กน้อย

ตอนนี้ เขารู้สึกสับสนจริงๆ

ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่ากู้ชิงหยิ่งทำอะไรผิด

เพียงแต่รู้สึกว่าการกระทำของเขาเมื่อครู่ ช่างน่าละอายจริงๆ

ทันทีที่พูดจบ

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เขย่งเท้าขึ้น จากนั้นจึงใช้ริมฝีปากสีแดงระเรื่องของเธอ จูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากของเฉินตง

เฉินตงผงะไปทันที

“ขอบคุณนะคะ” กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงปล่อยเฉินตง แล้วบิดขี้เกียจ ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “เอาล่ะ คุณรีบกลับบ้านเถอะค่ะ กลับไปพักผ่อนให้สบาย ช่วงก่อนหน้านี้คุณเหนื่อยมามากแล้ว”

เฉินตงที่ยืนอึ้งอยู่ ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบริมฝีปาก

เมื่อครู่ เขารู้สึกราวกับฝันไปจริงๆ

ไออุ่นและกลิ่นหอมจางๆ ที่ประทับอยู่ที่หลงเหลืออยู่ที่มุมปาก ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

เขาเผยรอยยิ้มออกมา : “ครับ คุณก็รีบพักผ่อนนะ”

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉินตงยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเป็นครั้งคราว จากนั้นจึงยิ้มเล็กน้อยออกมา

นี่ถือเป็นความสุขที่คาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นในคืนนี้หรือไม่ ?

ถึงแม้จะไม่ได้กระชับความสัมพันธ์กับกู้ชิงหยิ่งให้แน่นแฟ้นไปอีกขั้น แต่เขากลับไม่รู้สึกผิดหวัง

แต่กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ให้เกียรติกู้ชิงหยิ่งเท่าที่ควร

กู้ชิงหยิ่งรอเขามากว่าสามปี แล้วทำไมตัวเขาเองจะทนรอกู้ชิงหยิ่งอีกสักหน่อยไม่ได้ ?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ควรจะต้องเก็บเอาไว้ใช้ในเวลาที่มีค่ามากที่สุด นี่ถึงจะงดงามและสมบูรณ์แบบ

เฉินตงลูบจมูกแล้วพึมพำออกมาว่า : “ถึงเวลาที่จะต้องวางแผนเรื่องการแต่งงานแล้ว”

……

สัปดาห์ต่อมา

เฉินตงเริ่มง่วนอยู่กับการทำงานอีกครั้ง

ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตึกใหญ่ทั้งสี่แห่งสามารถขายออกจนหมด ไท่ติ่งเองก็กำลังเตรียมการเปิดขายล่วงหน้าในครั้งต่อไป

ส่วนเฉินตงเองก็มีความคิดที่จะริเริ่มโครงการอื่นๆ ถึงขั้นที่ว่าคิดจะก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจในสายอื่นๆ

หลังจากได้เงินทุนคืนมาแล้ว จะต้องนำมาสร้างรายได้เพิ่มเติม จึงจะมีเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

แต่หากจะอาศัยเพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง คงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เฉินตงสามารถส่งกระดาษคำตอบที่ไร้ข้อผิดพลาดและมีเพียงหนึ่งเดียวให้แก่ตระกูลเฉินได้ !

เฉินเทียนเซิง เฉินเทียนหย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของตระกูลเฉิน ได้รับการศึกษาที่อยู่ในระบบที่ยอดเยี่ยมของตระกูลเฉินมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของความรู้หรือทางด้านของเส้นสาย ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น

เรื่องที่เป็นเรื่องที่เฉินตงไม่อาจปฏิเสธได้

สิ่งที่เขาสามารถทำได้คือ พยายามอย่างสุดกำลังที่จะไล่ตามให้ทัน และแซงหน้าในที่สุด !

ช่วงเย็นหลังเลิกงาน

บนระเบียงชั้นบนภายในบ้าน

“คุณชาย คุณตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจทางด้านการเงินจริงๆ หรือครับ ?”

ท่านหลงมองดูเฉินตงที่นอนตากลมเย็นอยู่บนเก้าอี้ด้วยความประหลาดใจ

“ฉันอยากที่จะทำความเร็วแซงหน้าพวกหัวกะทิของตระกูลเฉินพวกนั้น ถ้าอาศัยแค่ไท่ติ่งเพียงอย่างเดียว เห็นทีจะช้าเกินไป”

เฉินตงวางมือทั้งสองข้างประสานไว้ด้านหลังศีรษะของเขา

ตอนนี้ในเมืองนี้ ไท่ติ่งถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าไปแล้ว

เทียบชั้นได้กับบริษัทของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง

ขอแค่การพัฒนาภาคตะวันตกของเมืองแล้วเสร็จ การจะก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ถึงแม้ว่านั้น ก็แค่ใช้วิธีพัฒนาที่ดิน มาดำเนินการซ้ำเช่นนี้ต่อไป

พูดง่ายๆ ว่า ตอนนี้เรือใหญ่อย่างไท่ติ่งเป็นรูปเป็นร่างแล้ว การจะทำให้แล่นต่อไปด้านหน้านั้นไม่ใช่เรื่องยาก

แต่เฉินตงกลับยังไม่รู้สึกพึงพอใจเรือลำนี้

ท่านหลงขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด จากนั้นตึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “คุณชาย กระผมคิดว่า เงินทุนที่มีอยู่ในมือของพวกเราตอนนี้ การก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินในเวลานี้ อาจยังมีความเสี่ยงอยู่”

“การทำธุรกิจก็เหมือนอยู่ในสนามรบ หากไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับความเสี่ยง แล้วจะคว้าชัยชนะ ขึ้นสู่ตำแหน่งราชาได้อย่างไร ?” เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน แต่ในแววจากลับเต็มคุกรุ่นไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ที่ดุเดือด

สายลมยามค่ำคืนพัดเย็นสบาย

มีประกายเกิดขึ้นในแววตาของท่านหลง จนท้ายที่สุดเข้าก็ถอนหายใจออกมา

“ที่คุณชายพูดก็ถูก ถ้าหากจะก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินจริงๆ กระผมก็มีคนที่เหมาะสมคนหนึ่งอยากจะแนะนำให้คุณชายได้รู้จัก”

“ใคร ?” เฉินตงรู้สึกยินดี

การก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเขา

หนทางข้างหน้าราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่ต้องก้าวผ่าน ถ้าหากปล่อยให้เขาก้าวเดินไปด้วยตนเอง เกรงว่าตัวเขาเองคงไม่มีความมั่นใจมากนัก

ด้วยประสบการณ์ของท่านหลง คนที่เขาจะแนะนำให้คิดว่าคงจะต้องใช้ได้เลยทีเดียว

“ตระกูลฉินแห่งซีสู่ มีลูกชายหนึ่งคน กระผมมีโอกาสเจอกับเขาหลายครั้ง ลูกชายคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเลย”

แววตาของท่านหลงลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “แต่ว่า ลูกชายคนนี้มีความพิเศษเล็กน้อย เกรงว่าคุณชายจะต้องไปเชิญด้วยตนเอง”

“ตระกูลฉินแห่งซีสู่ ?”

เฉินตงลูบปากอย่างใช้ความคิด

ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ : “ท่านหลง นี่นายกำลังให้โจทย์ที่ยากกับฉันอยู่นะ ฉันจำได้ว่าตระกูลฉินเองก็มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน อีกทั้งยังถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายต่อยี่เคอ กรุ๊ปของตระกูลเฉินอีกด้วย”

หลังจากทุ่มเทเวลาตลอดสามปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานได้ ข้อมูลที่เฉินตงได้รับมักจะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ใครก็ยากจะเทียบได้

ตระกูลฉินแห่งซีสู่ ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเลย

เศรษฐีอันดับหนึ่ง……แห่งซีสู่ !

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การดูแลของเขายังมีชื่อเสียงเป็นอันดับที่สองอีกด้วย และมีการต่อสู้กับกับยี่เคอ กรุ๊ปในเมืองหัวเมืองใหญ่ๆ มาตลอดหลายปี

ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ จึงไม่อาจคาดหวังที่จะให้ตระกูลเฉินและตระกูลฉินร่วมมือกันได้

อีกทั้งหากเขาไปเชิญคนของตระกูลฉินในขณะที่อยู่ในฐานะของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินแล้วล่ะก็ นี่ไม่เท่ากับว่า……วิ่งเข้าไปปะทะกับไฟหรอกหรือ ?

“แต่คนที่กระผมคิดว่าเหมาะสม มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น” ท่านหลงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

เฉินตงลูกจมูกของเขา จากนั้นจึงยิ้มแล้วพยักหน้า : “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบไปตระกูลฉิน ส่วนเรื่องจะเชิญได้หรือไม่นั้น ให้แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน”

ถึงแม้ปากจะพูดว่าแล้วแต่โชคชะตา แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

เฉินตงรีบไปที่บริษัท จากนั้นจึงมอบหมายงานที่เหลือให้แก่เสี่ยวหม่า จากนั้นจึงรีบเดินทางไปยังสนามบินพร้อมกับท่านหลงและคุนหลุน

ขณะขึ้นเครื่องบิน เขาก็โทรศัพท์เพื่อบอกกล่าวกู้ชิงหยิ่ง

หลังจากเครื่องบินลอยอยู่เหนือน่านฟ้าแล้ว เฉินตงก็หยิบข้อมูลต่างๆ ที่ท่านหลงเตรียมไว้ให้ออกมาดู

“ฉินเย่ ?”

เฉินตงพึมพำ ยิ่งเมื่อเห็นอายุที่ระบุเอาไว้ในเอกสารข้อมูล เขาก็อึ้งไป

22 ปี ?

“ท่านหลง นายแน่ใจหรือว่าไม่ได้หาคนมาผิด ?” เฉินตงลองเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

อายุ 22 ปี ก็เพิ่งจบมหาวิทยาลัยนะสิ !

เด็กวัยรุ่นอายุขนาดนี้ เป็นคนที่ท่านหลงกล่าวว่าเหมาะสมที่สุดจริงหรือ ?

“คุณชาย ความสามารถของเขาไม่อาจใช้อายุเป็นตัววัดได้”

ท่านหลงยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆ “ความน่าเชื่อถือของตระกูลในธุรกิจการเงิน คุณคงจะเคยได้ยินมาบ้าง ?”

เฉินตงหรี่ตาลง จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างประหลาดใจ : “ความน่าเชื่อถือน่าจะเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ตระกูลเฉินสามารถครองตำแหน่งเศรษฐีอันดับหนึ่งของซีสู่ได้สินะ ?”

ท่านหลงพยักหน้า จากนั้นจึงพูดอย่างสงบว่า : “ตอนที่ฉินเย่อายุ 20 ปี เขาได้อาศัยความน่าเชื่อถือของตระกูลเพื่อสร้างชื่อเสียง และกวาดรายได้มาหลายหมื่นล้าน ! อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ามูลนิธิตระกูลฉินอีกด้วย !”

เปรี้ยง !

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เด็กวัยรุ่นอายุ 20 ปี ถึงจะพูดว่าเขาอาศัยชื่อเสียงของครอบครัว แต่การที่จะสร้างรายได้กว่าหมื่นล้าน ก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถอันน่าทึ่งของเขาได้

มีเช่นนั้น ทำไมสถานการณ์เดียวกัน กลับไม่เป็นคนอื่นที่ทำสำเร็จ แต่กลับเป็นเขา ?

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เขาเก็บเอกสารทั้งหมด เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอ่านอีกต่อไป

เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของฉินเย่ได้แล้ว !

และในขณะเดียวกันกับที่เฉินตงกำลังเดินทางไปยังซีสู่

ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ก็มีรถเบนซ์มายบัคสี่ดำหนึ่งคัน เครื่องเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูใหญ่

“หลานเอ๋อ พ่ออยากเจอหน้าลูกสักครั้ง !”

หลังจากเลิกงานแล้ว

เฉินตงรีบตรงไปยังบ้านของกู้ชิงหยิ่งทันที

โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีง่ายๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทั้งสองคนก็เกือบจะแต่งงานกันแล้ว จะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ?

บ้านของกู้ชิงหยิ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์ห้องหนึ่ง ไม่ได้หรูหรา แต่กลับเป็นบ้านที่ดูอบอุ่น อีกทั้งยังเหมาะแก่การอยู่คนเดียวของกู้ชิงหยิ่ง

ขณะที่เฉินตงกำลังเคาะประตูห้องของกู้ชิงหยิ่งอยู่

กู้ชิงหยิ่งก็ยืนมองเขาจากทางด้านหลังอยู่สักครู่ แล้วพูดว่า : “คุนหลุนล่ะคะ ?”

ทำเรื่องนี้ จะพากว้างขวางคอมาได้อย่างไร ?

เฉินตงยิ้ม : “วันนี้ไม่ได้ให้คุนหลุนคอยรับส่ง ผมขับรถมาเอง”

“ก็ดีค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มหวาน : “รีบเข้ามาสิคะ อาหารทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในห้องครัวยังเหลือซุปอีกหนึ่งอย่าง ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

เฉินตงเดินเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นอาหารอันโอชะที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนและสีสันชวนรับประทานวางอยู่บนโต๊ะ เขารู้สึกน้ำลายไหลทันที

แต่ทว่า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

“เสี่ยวหยิ่ง คุณทำอาหารรสเลิศเช่นนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”เฉินตงเอ่ยถาม

กู้ชิงหยิ่งหยิบตำราอาหารเล่มหนึ่งยื่นให้เฉินตง : “นี่ ทำตามสูตรในนี้ก็ใช้ได้แล้ว ฉันไม่ได้ต้นน้ำเป็นแค่อย่างเดียวสักหน่อย คนโง่ !”

เฉินตงมองดูก็รู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ากู้ชิงหยิ่งจะมีฝีมือในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ !

เขายังจำตอนที่กู้ชิงหยิ่งอยู่บ้านเขาเมื่อก่อนได้ดี ฉากที่เธอบากหน้าเข้าไปช่วยฟ่านลู่ต้มน้ำร้อน

เผลอแป๊บเดียว ก็สามารถทำอาหารอันโอชะตามสูตรในตำราออกมาวางเต็มโต๊ะได้แล้ว !”

“เลิกมองได้แล้ว รีบไปล้างมือเร็วเข้า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าครัวอย่างเป็นทางการ พ่อกับแม่ฉันยังไม่เคยมีโอกาสได้ทานเลย เพราะฉะนั้นคุณต้องตั้งใจช่วยฉันชิมนะ” กู้ชิงหยิ่งพูดเร่งรัด

“ไม่มีปัญหา”

เฉินตงยิ้มแล้วเดินเข้าไปในครัว หลังจากล้างมือเรียบร้อยแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็หยิบซุปมะเขือเทศขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ

หลังจากนั่งประจำที่แล้ว

กู้ชิงหยิ่งก็เร่งเร้าเฉินตงให้รีบชิมอาหาร

เฉินตงคีบซี่โครงใส่เข้าปากหนึ่งชิ้น แล้วจู่ๆ ก็นิ่งไป

กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ มือทั้งสองข้างของเธอจับกันแน่นด้วยความประหม่า : “เป็นอย่างไรบ้าง รีบวิจารณ์มาเร็ว !”

“อร่อย !”

เฉินตงกลืนซี่โครงลงไป แล้วชูนิ้วโป้งให้

กู้ชิงหยิ่งยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจในทันที เธอตบหน้าอกของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจแล้วพูดว่า : “ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ แค่ครั้งแรกก็ทำสำเร็จแล้ว !”

เฉินตงยิ้มพร้อมพยักหน้า : “ยัยโง่ของผมเก่งที่สุด !”

ทันทีที่พูดจบ

กู้ชิงหยิ่งก็ผงะไป เธอหันมองเฉินตงทันที : “คนโง่ เมื่อกี้คุณกินซี่โครงเข้าไป”

เฉินตงพยักหน้าด้วยความสงสัย

“ก็ซี่โครงนะสิ ?” กู้ชิงหยิ่งถาม “คุณกลืนเข้าไปแล้ว ?”

ซวยแล้ว !

เฉินตงรู้สึกตกใจในทันที เมื่อครู่เขารีบกลืนเข้าไป เพราะต้องการที่จะเอ่ยชมกู้ชิงหยิ่ง จึงลืมเรื่องกระดูกซี่โครงไปเลย !

“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่กระดูกซี่โครงชิ้นเดียว เพราะยัยโง่อย่างคุณทำอาหารอร่อยเกินไป ทำให้ผมตื่นเต้นจนลืมไปเสียสนิทเลย !” เฉินตงหัวเราะพลางอธิบาย

“ฮ่าฮ่า……ฉันจะลองชิมดู”

กู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่รีรอ รีบหยิบตะเกียบแล้วคีบซี่โครงขึ้นมาหนึ่งชิ้น จากนั้นจึงใส่เข้าปากไป

มุมปากของเฉินตงกระตุก แววตาของเขาดูแปลกประหลาด

ทันใดนั้น

“ถุย……”

ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปทันที เธอคายกระดูกซี่โครงออกมา แล้วพูดอย่างอารมณ์เสียว่า : “อะไรเนี่ย เค็มขนาดนี้ ทำไมคุณถึงบอกว่าอร่อย ?”

เฉินตงหัวเราะแล้วหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยแววตาที่อบอุ่น : “อาหารที่ภรรยาของผมทำ ผมต้องรู้สึกว่าอร่อยเป็นธรรมดา”

ตอนที่เขาใช้ชีวิตคู่ร่วมกับหวางหนันหนัน อาหารทั้งสามมื้อในทุกๆ วัน เขาจะเป็นคนทำให้หวางหนันหนันกิน ต่อให้เขาจะเหนื่อยขาดไหน ก็ต้องทำเช่นนี้

แต่ทว่า ตอนนี้ กู้ชิงหยิ่งซึ่งเป็นซึ่งเป็นถึงลูกสาวของผู้รากมากดี แต่กลับไม่สนใจอดีตของเขา มิหนำซ้ำยังเต็มใจที่จะสวมผ้ากันเปื้อนเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้เขากิน

อย่าว่าแต่เค็มเลย ต่อให้เขาต้องกินเกลือเปล่าๆ ขาก็ยังรู้สึกว่าอร่อยอยู่ดี

“เฮ้อ……ช่างเถอะช่างเถอะ พวกเราออกไปทานข้างนอกกันเถอะค่ะ ครั้งนี้ไม่อร่อย ครั้งหน้าจะต้องอร่อยแน่นอน” รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งจางหายไปทันที แล้วโบกมือด้วยความเสียใจ

“ไม่ต้องหรอก ก็อร่อยดีนี่ กินที่บ้านนี่แหละ” เฉินตงห้ามกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ จากนั้นจึงยกถ้วยข้าวและตะเกียบขึ้นมา แล้วรีบกลืนอย่างรวดเร็ว

กู้ชิงหยิ่งนั่งมองภาพที่เห็นตรงหน้าแล้วนิ่งไป ความเสียใจที่เกิดขึ้นตรงหน้า ค่อยๆ แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาแทน

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกโล่งใจ เธอหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “คุณต้องการที่จะกินเองนะ ต้องกินให้เกลี้ยงด้วยล่ะ”

“ไม่มีปัญหา ! ขอแค่คุณไม่กลัวว่าผมจะดื่มน้ำบ้านคุณจนหมดก็พอแล้ว” เฉินตงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แล้วพูดพึมพำออกมา

อาหารที่ไม่ได้ถือว่าเลิศรสสักเท่าไหร่ แต่ทั้งสองกลับกินด้วยกันอย่างมีความสุขและมีแต่รอยยิ้ม

หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ช่วยกันล้างจาน

ถึงแม้เฉินตงจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟา แต่ความคิดของเขากลับลอยออกไปไกลตั้งนานแล้ว

รอมานานขนาดนี้แล้ว…… พอกินดีอยู่ดี ก็มีความปรารถนาทางเพศ​ ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว !

เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ใจของเขาก็เต้นเร็วจนควบคุมไม่อยู่

ส่วนกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ มือทั้งสองก็พันกันเป็นระวิง เอาแต่แอบชำเลืองมองเฉินตงอยู่ตลอดเวลา บนใบหน้าที่งดงามเริ่มมีสีแดงจางๆ ปรากฏขึ้น

ภายใต้แสงส่องสว่างของโคมไฟ ไม่ว่าจะมีรายการอะไรฉายอยู่ในโทศทัศน์ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป

อันที่จริงแล้ว ความคิดของทั้งสองไม่ได้จดจ่ออยู่ที่โทรทัศน์อีกต่อไป

บรรยากาศเป็นใจ

แต่ก็เงียบจนน่าประหลาดใจ

ในที่สุด

เฉินตงก็รวบรวมความกล้าทำลายความเงียบลง : “เสี่ยวหยิ่ง……อยากดูของล้ำค่าชิ้นใหญ่ไหม ?”

“หา ? !” กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นและอุทานออกมา

เธอพูดออกมาด้วยความโกรธและตื่นตระหนก : “คุณ คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย ?”

ยังทำเป็นไม่เข้าใจอีก ?

เฉินตงผงะไปชั่วครู่ แต่ก็ตั้งสติได้ทันที ผู้หญิงนี่นา ต้องรู้สึกอายเป็นธรรมดา

ทันใดนั้น ร่างกายของเข้าก็พุ่งเข้าหากู้ชิงหยิ่งทันที กู้ชิงหยิ่งตกใจจนกรีดร้องออกมา เดิมทีคิดจะหลบ แต่กลับถูกมือทั้งสองข้างของเฉินตงโอบกอดเอาไว้

ทันใดนั้นเอง ตาทั้งสองคู่ประสานกัน

เฉินตงถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาของคนที่อยู่ในอ้อมกอด

ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ ทำให้ใบหน้าอันงดงามของเธอยิ่งดูมีเสน่ห์

“ฉัน ฉัน……”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากอก รู้สึกเขินอายจนค่อยๆ ก้มหน้าก้มตาลงและพูดไม่ออก

แต่ทว่า

เฉินตงใช้นิ้วชี้ด้านซ้ายของเขาช้อนคางของกู้ชิงหยิ่งขึ้นมา จากนั้นจึงค่อยๆ ยกหัวของเธอให้เงยขึ้น

แววตาของเขาอบอุ่น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่นุ่มนวล จ้องมองกู้ชิงหยิ่งนิ่ง

จากนั้น จึงค่อยๆ เขยิบตัวเข้าไปใกล้

ร่างกายบอบบางของกู้ชิงหยิ่งยิ่งสั่นเทามากขึ้น แววตามีฉาบไปด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก

เวลานี้ เธอรู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่า ทั้งตัวรุ่มร้อนเหมือนถูกไฟแผดเผา

เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของเฉินตงที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ถึงขั้นที่ว่า เธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่หอบสดชื่นและอบอุ่นที่ลอยออกมาจากปากของเฉินตง

ทันใดนั้นเอง

ขณะที่ริมฝีปากกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้เพื่อที่จะบรรจงจูบ

“เฉินตง !”

กู้ชิงหยิ่งยกมือขึ้นมาขวางเฉินตงทันที ไม่ใช้เขาเข้ามาใกล้ได้อีกแม้เพียงก้าวเดียว

ภาพตรงหน้าที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เฉินตงผงไป

“เป็นอะไรไป ?”

“ฉัน ฉัน ฉันยังไม่พร้อมค่ะ” กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายและตื่นตระหนก มือทั้งสองข้างออกแรงกดอยู่บนไหล่ของเฉินตง

ทันใดนั้น เฉินตงก็เกิดความสงสัยขึ้นมา หรือว่านี่จะเป็นการเข้าใจผิด ?

เขาเอ่ยปากถามว่า : “ไม่ใช่ว่าคุณเรียบผมมาทานอาหารเย็นหรอกหรือ ?”

“ก็ทานอาหารไงคะ” กู้ชิงหยิ่งตอบ

หา !

มุมปากของเฉินตงกระตุก คงจะเข้าใจผิดแล้วจริงๆ !

ร่างกายอันบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “ฉัน ฉันจะดูว่าคุณเตรียมตัวจะกลับบ้านเมื่อไหร่”

เฉินตง : “……

เสี่ยวหม่าไม่ได้ตอบออกไปตรงๆ

แต่กลับยื่นใบเสร็จปึกใหญ่ให้แก่เฉินตงอย่างลึกลับ

“กล้ารับประกันว่าพี่ตงจะต้องตกใจอย่างแน่นอน !”

เฉินตงหยิบใบเสร็จขึ้นมาดู จากนั้นจึงวางกลับลงไปบนโต๊ะด้วยท่าทีเรียบเฉย

จากนั้นจึงหันไปมองเสี่ยวหม่าที่กำลังตื่นเต้นอยู่ด้วยท่าทีที่สงบ : “แล้วอย่างไร ?”

เสี่ยวหม่า : “0? 0”

เสี่ยวหม่าผงะไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ : “พี่ไม่ตกใจ ? ไม่ตื่นเต้น ? ไม่ดีใจ ?”

“ตื่นเต้น ดีใจ”

เฉินตงพยักหน้าอย่างสงบ

เสี่ยวหม่าหมดคำพูด ที่คือท่าทางตื่นเต้นดีใจของพี่ตง ?

อย่ามาหลอกกันเสียให้ยาก !

จากนั้น เฉินตงก็นั่งพิงลงไปบนเก้าอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “พ่อฉันให้เงินฉันกินขนมครั้งหนึ่งก็เท่านี้”

เปรี้ยง !

เสี่ยวหม่ารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าบูดเบี้ยว ทำตัวไม่ถูก

การอวดรวยอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ยากจะรับได้

ล้วนแล้วแต่มีพ่อเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ?

เฉินตงโบกมือ : “เสี่ยวหม่า จริงๆแล้วฉันดีใจและตื่นเต้นมาก แต่ในสายตาของฉันตอนนี้ ไท่ติ่งยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ฉันแสดงความตื่นเต้นและดีใจออกมาได้”

“พวกเราขายตึกไปได้เพียงแค่สี่แห่ง หลังจากนี้ยังมีตึกอีกจำนวนมากที่รอการเปิดขายล่วงหน้าในอนาคต โครงการฟื้นฟูภาคตะวันตกของเมือง กินเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองนี้ !”

เสี่ยวหม่าดูเหมือนจะคิดอะไรออก เขาพยักหน้า แววตาเป็นประกาย

“พี่ตง ผมเข้าใจแล้ว ผมดีใจเร็วเกินไป รอให้ภาคตะวันตกของเมืองฟื้นฟูแล้วเสร็จเสียก่อน ถึงจะเป็นเวลาที่เราสามารถจะฉลองได้อย่างแท้จริง”

พูดจบ เขาก็เดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ

เฉินตงนั่งพิงเก้าอี้แล้วยิ้มอย่างหดหู่

แค่ภาคตะวันตกของเมือง เพียงพอจริงหรือ ?

ไม่พอแน่นอน !

เขายังมีหนทางที่ต้องเดินอีกไกล

กระดาษคำตอบที่เขาต้องการจะส่ง ไม่ใช่กระดาษคำตอบที่ได้คะแนนเต็ม แต่เป็นกระดาษคำตอบที่จำเป็นจะต้องทำให้ได้คะแนนเต็มเท่านั้น

มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะทำให้พวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินยอมก้มหัวได้ ถึงจะทำให้ “ลูกนอกสมรส” ที่ถูกทุกคนรังเกียจอย่างเขา สามารถเดินเข้าตระกูลเฉินได้อย่างสง่างาม และขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของราชาได้

และทวงคืนเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ควรจะเป็นของแม่ กลับคืนให้แก่แม่ได้ !

พวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินไม่ใช่คนโง่

หากบกพร่องเพียงเล็กน้อย ก็จะต้องถูกกำจัดออกไป

เวลาเดียวกันนี้

ภายในคลับสี่ยิ่น

คุณท่านใหญ่หลี่สีหน้าหมองคล้ำ ราวกับราชสีห์ที่กำลังโกรธเกรี้ยว เขากัดฟันกรอด

เขาในตอนนี้ รู้สึกคลื่นไส้ราวกับกินสิ่งปฏิกูลเข้าไป

“นายท่าน เก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามา

“ไสหัวไป !”

คุณท่านใหญ่หลี่มือไม้สั่น เขาโยนไม้เท้าลงบนพื้น

บอดี้การ์ดตกใจรีบเอามือกุมหัว ในห้องเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว

เมื่อครู่

คนของคลับสี่ยิ่น มาเชิญให้เขาย้ายไปพักที่โรงแรมไท่ซาน

กล่าวว่าที่นั่นเป็นโรงแรมห้าดาว อีกทั้งยังอยู่ในเมือง จึงสะดวกในการทำธุระของเขา

เป็นคำพูดที่ฟังดูไพเราะ แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น มีใครไม่เข้าใจบ้าง ?

ถึงแม้โรงแรมห้าดาวจะมีมาตรฐานสูงก็ตาม

แต่สำหรับเขาแล้ว มันมีความหมายอะไร ? เทียบกับคลับสี่ยิ่นได้อย่างนั้นหรือ ?

นี่เห็นอยู่ชัดๆ ว่า……ต้องการไล่เขาออกไป !

ตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ในฐานะของคุณท่านใหญ่หลี่ที่เป็นถึงเจ้าบ้าน ไม่ว่าจะไปไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตาและให้การต้อนรับ

แต่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ไม่สามารถอยู่ต่อในลานเล็กๆ ในคลับที่หรูหราที่สุดยังไม่พอ ตอนนี้กลับถูกไล่อีกด้วย !

สมควรตายจริงๆ !

“ไป ! ในเมื่อไล่ฉันแล้ว ฉันจะอยู่ต่อให้อับอายทำไม ?”

คุณท่านใหญ่หลี่หายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ถึงแม้จะตัดสินใจแล้ว แต่คำพูดของเขายังคงอัดแน่นไปด้วยความคับแค้นใจ

คนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้เป็นครั้งแรก !

และทั้งหมดนี่ ก็เป็นเพราะเฉินตง

เขารู้ดีว่า ถ้าไม่เพราะเฉินตง ท่านไม่ไม่มีทางกล้าเสียมารยาทเช่นนี้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

คุณท่านใหญ่หลี่เดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

รถเบนซ์สองคันขับออกไป

ในฐานะที่เขาเป็นคุณท่านใหญ่หลี่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก

ข้างๆ ประตูใหญ่ของคลับสี่ยิ่น

ท่านเมิ่งที่กำลังมองดูรถเบนซ์สองคันเคลื่อนตัวออกไป ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “น้องกู้ พอใจแล้วใช่ไหม ?”

“พอใจสิ ในเมื่อลูกเขยของผมไม่ชอบเจ้าแก่นี่ ให้เขาไปเป็นการดีที่สุดแล้ว”

ใบหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า : “ถ้าเขายังจะกล้าทำให้ลูกเขยของผมไม่พอใจอีกล่ะก็ ให้ไล่เขาออกจากเมืองนี้ไปซะ !”

“นายนี่มันอันธพาลจิงๆ”

ท่านเมิ่งยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ : “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่นร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงนะ”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มเยาะ : “พี่คิดว่าผมอยู่ต่างประเทศมาหลายปี แล้วจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ภายในประเทศอย่างนั้นหรือ ?”

กู้โก๋ฮั๋วเงียบไปสักครู่แล้วพูดต่อว่า : “ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง ตอนนี้หลังบ้านลุกเป็นไฟแล้ว”

ท่านเมิ่งยิ้มโดยไม่พูดอะไร

ครู่หนึ่ง ท่านเมิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า : “แล้วนายจะไปตระกูลเฉินเมื่อไหร่ ?”

“พรุ่งนี้”

ใบหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “ลูกสาวของผมช่วยงานใหญ่ของผมได้สำเร็จ หาลูกเขยอย่างเฉินตงให้ผมได้ ท่านหลงรับประกันกับผมแล้วว่า ตอนนี้ประตูใหญ่ของตระกูลเฉินเปิดรับผมแล้ว เจ้าบ้านจะเป็นคนมาต้อนรับผมด้วยตัวเอง”

“ถ้าเช่นนั้นความใฝ่ในของนายตลอดหลายปีมานี้ ในที่สุดก็เป็นความจริงแล้ว” ท่านเมิ่งกล่าว

“ต้องขอบคุณตงเอ๋อ ไม่อย่างนั้นชาตินี้ความฝันของผมคงไม่อาจเป็นจริงได้” กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกโล่งใจ

หลายปีมานี้ เขาพยายามขอเข้าพบนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งท่านหลงจะเป็นผู้ที่คอยให้การต้อนรับ ถ้าหากทำเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะยังเป็นเช่นนี้อยู่

บริษัทชิงหยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของตระกูลเฉินเลยแม้แต่น้อย

ที่วันนี้มีโอกาสเช่นนี้ได้ ก็เป็นเพราะเฉินตง !

กู้โก๋ฮั๋วแสดงออกถึงแววตาที่แน่วแน่ : “การเดิมพันครั้งนี้ ผมพนันว่าตงเอ๋อจะต้องเป็นผู้ชนะ ดังนั้นต่อจากนี้ไปขอให้พี่เมิ่งช่วยดูแลและสนับสนุน ต่อให้ผมต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะต้องปกป้องตงเอ๋อให้ก้าวเข้าไปในตระกูลเฉินให้ได้”

“วางใจเถอะ ฉันจะดูแลให้เอง อย่างน้อยในเมืองนี้ ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา” ท่านเมิ่งยิ้มพลางพยักหน้า

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

กู๋โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงเดินทางออกจากคลับสี่ยิ่น

มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ต่อ แต่ก็ย้ายออกมาจากคลับสี่ยิ่น

ในเมื่อพ่อแม่เดินทางออกไปแล้ว จะให้เธออยู่ที่คลับสี่ยิ่นคนเดียวก็ดูจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่สู้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองจะสะดวกกว่า

แน่นอนว่าเธออยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเฉินตงให้มากขึ้นด้วย

บ่ายวันนั้น กู้ชิงหยิ่งย้ายบ้านจนแล้วเสร็จ

เธอเลือกบ้านใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งยังเป็นเจ้าของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ หากพักอยู่ใกล้ๆ กับบริษัท ก็สะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน

เธอรู้สึกคิดถึงเฉินตง แต่เป็นเพราะได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอไม่อาจใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องสนใจอะไรได้

ผู้หญิง ต่อให้ผู้ชายของตนเองจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน อย่างน้อยตนเองก็ควรจะมีงานทำ ถึงจะสามารถเอาตัวรอดได้

เธอไม่ต้องการที่จะเป็นเบี้ยล่างของเฉินตง

หลังจากย้ายบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว

กู้ชิงหยิ่งเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เธอนอนอยู่บนเตียง ยิ้มพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นจึงส่งข้อความไปหาเฉินตง

“คนโง่ พ่อกับแม่ของฉันไปแล้ว ฉันย้ายออกมาจากคลับสี่ยิ่นแล้ว”

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงที่กำลังยุ่งอยู่ เมื่อเห็นข้อความของกู้ชิงหยิ่งก็นิ่งไปชั่วขณะ

ยังไม่ทันจะรอให้เขาตอบกลับ กู้ชิงหยิ่งก็ส่งข้อความเข้ามาอีกหนึ่งข้อความ

“คนโง่ คืนนี้มานั่งเล่นที่บ้านฉันสิคะ ฉันอยากทำอาหารให้คุณทาน”

เฉินตงยิ้มออกมา

ดวงตาของเขาเหมือนมีประกายไฟค่อยๆ ลุกโชนขึ้น

เขานึกไปถึงคำพูดที่เขาพูดหยอกล้อกับกู้ชิงหยิ่งในคลับสี่ยิ่น

เป็นจริง……เร็วขนาดนี้เลยหรือ ?

แต่นี้มันจะดูไม่ดีหรือเปล่านะ ?

ถึงแม้จะขอแต่งงานแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้แต่งงาน

อีกทั้ง พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งเองก็เพิ่งจะเดินทางออกไปได้ไม่นาน แล้วจู่ๆ หมาป่าตัวใหญ่ก็จะมาเขมือบลูกกระต่ายน้อยทันทีเช่นนี้ รู้สึกว่าจะใจร้ายไปเสียหน่อย

เขาสูดหายใจเข้า

จากนั้นเฉินตงจึงหุบยิ้ม

แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับกู้ชิงหยิ่งไปอย่างจริงจังและเคร่งขรึม

“ได้ !

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ใบหูของเธออ่อนระทวยไปหมด

เมื่อเรียกสติกลับมาได้เธอจึงถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า : “อยู่ไหน ?”

แต่ทันทีที่พูดออกไป กลับเห็นรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดของเฉินตง

กู้ชิงหยิ่งผงะไป และรู้สึกตัวในทันที

ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเป็นสีแดงก่ำ

เธอพูดด้วยความโมโหว่า : “คนลามก คิดอะไรของคุณเนี่ย ? พ่อแม่ฉัน คุณลุงคุณอาก็อยู่ที่นี่นะ !”

“แล้วถ้าไม่อยู่ล่ะ ?” เฉินตงยิ้มพลางลูบดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่ง

ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงจนเป็นลูกตำลึง เธอก้มหน้าก้มตาด้วยความอาย ไม่พูดไม่จา

เฉินตงหัวเราะออกมา ไม่คิดที่จะหยอกล้อกู้ชิงหยิ่งอีก : “ไปกันเถอะ ผมจะเข้าไปทักทายคุณลุงคุณป้าในบ้านสักหน่อย เรื่องเมื่อกี้น่าอายจริงๆ”

“คนลามก นับวันจะยิ่งลามกใหญ่แล้ว” กู้ชิงหยิ่งยืนอยู่ที่เดิม แล้วหันมองเฉินตงที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านด้วยแววตาตำหนิ

คำพูดนี้ถูกคุนหลุนที่เดินตามมาด้านหลังได้ยินเข้า

เขายิ้มแล้วพูดว่า : “คุณชายลามกกับภรรยาของตัวเอง จะเรียกว่าลามกไม่ได้หรอกครับ”

“คุนหลุน ห้ามคุณพูดนะ” กู้ชิงหยิ่งกระทืบเท้าของเธอด้วยความเขินอาย

คุนหลุนหดคอแล้วยิ้มอย่างทะเล้น แล้วรีบเดินตามเฉินตงเข้าไปข้างใน

มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่ยืนเอามือประสานกันอยู่ที่เดิม และบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ว่า : “ไม่เรียกว่าลามก แล้วจะเรียกว่าอะไร ?”

เฉินตงเดินเข้าไปในห้องรับแขก

กู้โก๋ฮั๋วกำลังดื่มน้ำชาร่วมกับท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิว

เมื่อเห็นเฉินตงเดินเข้ามาในบ้าน

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวก็ลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นจึงยิ้มอย่างเก้อเขิน

“ตงเอ๋อ เรื่องเมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

ท่านเมิ่งรีบพูดขึ้นก่อน : “โทษที่ฉันเองไม่ยอมถามไถ่ให้ดีเสียก่อน”

เฉินตงยิ้มจากนั้นจึงโบกมือ : “ลุงเมิ่งกังวลเกินไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ อันที่จริงต้องขอบคุณลุงเมิ่งกับอาหลิวด้วยซ้ำที่สนับสนุนผม”

หลังจากได้ยิน

ท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก

ต่อให้เฉินตงจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินก็ตาม แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะช่วยเฉินตงอยู่ดี

อย่างไรเสียนี่ก็คือลูกเขยของครอบครัว

บริษัทชิงหยิ่งไม่กลัวตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งพวกเขาทั้งสอง คนหนึ่งก็เป็นถึงผู้ที่อิทธิพล ส่วนอีกคนก็เป็นถึงยักษ์ใหญ่แห่งวงการแพทย์ แล้วทำไมจะต้องยอมก้มหัวให้กับตระกูลหลี่ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลด้วย

“เรื่องเข้าใจผิด หากพูดกันให้เข้าใจแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก”

กู้โก๋ฮั๋วพูดไปพลางยิ้มไปพลาง จากนั้นจึงกวักมือให้ทั้งสามคนนั่งลง

รอจนกระทั่งเฉินตงนั่งลงเรียบร้อยแล้ว กู้โก๋ฮั๋วถึงได้เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย : “ตงเอ๋อ เธอเป็นหลานชายของตระกูลหลี่จริงหรือ ?”

หลังจากได้ยิน

ท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเฉินตงด้วยความสงสัย

ถึงแม้จะผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มาแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้อยู่ดี

เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เกิดและเติบโตอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตกับมารดาตามประสาลูกกำพร้าและหญิงม่ายอย่างยากลำบากมากว่า 20 ปี จู่ๆ ก็กลายมาเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงมากพอแล้ว

มาบัดนี้กลับมีฐานะหลานชายของตระกูลหลี่ซึ่งร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเพิ่มเข้ามาอีก

ความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน ต่อให้เป็นคนระดับกู้โก๋ฮั๋ว ท่านเมิ่ง หรือแม้กระทั่งผู้อำนวยการหลิวเองก็ยังอยากรู้อยากเห็น

เฉินตงพยักหน้าเพื่อเป็นการยอมรับ

เขายักไหล่แล้วยิ้มอย่างขมขื่น : “มันคือเรื่องจริง แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ผมลืมตาดูโลกก็ไม่ใช่อีกแล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร” กู้โก๋ฮั๋วเป็นพ่อตาในอนาคตของเฉินตง ฐานะของเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินตงมากกว่าท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกลังเลที่จะเอ่ยถาม

“ผมกับแม่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมายี่สิบกว่าปี ดังนั้นความลำบากทั้งหมดในชีวิต ต้องขอบคุณตระกูลหลี่ที่เป็นผู้มอบให้ !”

เฉินตงไม่คิดที่จะพูดให้มากความ เรื่องนี้อย่าว่าแต่มารดาของเขาที่ไม่อยากจะหวนรำลึกถึงอีก แม้กระทั่งตัวเขาซึ่งเป็นลูกและไม่ได้ประสบเหตุการณ์โดยตรง ก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเท่าไหร่นัก

ตา ?

ทุเรศ !

เขาเคยคิดว่า คำว่าพ่อ ถือเป็นคำที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับเขาแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า คำว่าตา น่ารังเกียจยิ่งกว่าคำว่าพ่อเสียอีก

พวกของกู้โก๋ฮั๋วรู้สึกตกตะลึงไปพร้อมกัน

จากนั้น เฉินตงก็พูดต่อว่า : “เรื่องที่ผมเป็นหลานชายของตระกูลหลี่นั้นคือเรื่องจริง แต่เรื่องที่ผมและแม่ต้องตกระกำลำบากกว่ามายี่สิบปีก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ตระกูลหลี่กดขี่ข่มเหง ขูดเลือดขูดเนื้อ ผมกับแม่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลหลี่อีกต่อไป”

ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา แต่กลับเป็นคำพูดที่ดุดันและทรงพลัง

ทำให้ความสงสัยในแววตาของพวกกู้โก๋ฮั๋วยิ่งมีมากขึ้นไปอีก

เฉินตงไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวลา จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินจากไป

ภายในห้องรับแขก

พวกของกู้โก๋ฮั๋วหันมองหน้ากัน

สักพักใหญ่

จู่ๆ กู้โก๋ฮั๋วก็พูดบ่นท่านเมิ่งขึ้นมา : “พี่เมิ่ง พี่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในเมืองนี้ อดีตของเฉินตง พี่ไม่รู้บ้างเลยหรือ ?”

ท่านเมิ่งส่ายหัวด้วยคงามงุนงง : “ถึงฉันจะเป็นคนในพื้นที่ แต่เมื่อก่อนฉันเองก็ไม่รู้ว่าเฉินตงคือลูกชายของเจ้าบ้านตระกูลเฉินนี่”

ผู้อำนวยการหลิวยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “พี่กู้ พี่ก็อย่าไปบ่นพี่เมิ่งเลย คนรวยระดับพวกเรา หากเดินทางไปที่เมืองอื่น ก็ต้องพยายามที่จะปกปิดฐานะและที่อยู่ เพราะเกรงว่าคนอื่นจะล่วงรู้เหมือนกันไม่ใช่หรือ ?”

กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะพรวดออกมา จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

เฉินตงเป็นคนในพื้นที่นั้นคือเรื่องจริง

แต่ตอนนั้นพ่อและแม่ของเขาไม่ใช้คนในพื้นที่เสียหน่อย

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลหลี่ ล้วนแล้วแต่อยู่ห่างไกลทั้งนั้น ราวกับยืนหยัดอยู่บนท้องฟ้า

ต่อให้เดินทางมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็ไม่มีทำอย่างเอิกเกริก คงจะต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะปกปิดตนเองเอาไว้

คนระดับนี้หากคิดที่จะหลบซ่อนตัวแล้ว ยากที่คนอื่นจะล่วงรู้ได้

“แล้วเรื่องของตระกูลหลี่จะทำเช่นไร ?” จู่ๆ กู้โก๋ฮั๋วก็เอ่ยถามขึ้นมา โดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ท่านเมิ่ง

ท่านเมิ่งเป็นคนเปิดคลับสี่ยิ่นและเป็นเจ้าของที่นี่ ดังนั้นจึงควรให้เขาตัดสินใจ

ท่านเมิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองกู้โก๋ฮั๋ว : “นายอย่ามาถามฉันว่าควรทำอย่างไรดี นายควรจะพูดว่านายคิดจะทำอย่างไร ?”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาของเขากลับดูเฉียบแหลมขึ้นมา : “ในเมื่อลูกเขยคนดีของผมไม่ชอบ ผมในฐานะพ่อตาที่ดีก็ย่อมไม่ชอบเช่นกัน”

“เข้าใจแล้ว” ท่านเมิ่งพยักหน้า

หลังจากท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวกลับไปแล้ว

กู้โก๋ฮั๋วกลับนั่งนึ่ง แววตาลูกซึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

ฐานะของเฉินตง ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย

เขาทำได้เพียงแค่เฝ้ามองตระกูลเฉิน ต่อให้เป็นตระกูลหลี่ ก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างจากเขาเช่นกัน

การได้มายืนอยู่ในฐานะทั้งสองอย่างนี้ ถึงแม้เฉินตงจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากว่ายี่สิบปี แต่สุดท้ายก็ถูกเลือกโดยลูกสาวของเขาเอง

พรหมลิขิตเช่นนี้ ต่อให้เป็นกู้โก๋ฮั๋วก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออยู่ดี

“พ่อคะ……เฉินตงพูดอะไรบ้างหรือเปล่า ?” กู้ชิงหยิ่งเดินเข้ามา

“พูดแล้ว แต่เขาพูดกำกวม ไม่เป็นชัดเจน”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มอย่างเบิกบาน จากนั้นจึงเหลือบไปมอกู้ชิงหยิ่ง : “เสี่ยวหยิ่ง พ่ออยากรู้จริงๆ ลูกรู้ภูมิหลังของเฉินตงตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ถึงได้เต็มใจรอเขาถึงสามปี ไม่ถือสาถึงแม้จะเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเขา ?”

“พ่อคะ พ่อพูดเหลวไหลอะไรกัน ?” สีแดงบนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งยังไม่ทันจางหาย ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงยิ่งขึ้นไปอีก

กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะเสียงดัง : “กำไรแล้ว ถือว่าได้กำไรก้อนใหญ่จริงๆ ! ต้องขอบคุณที่ตอนนั้นลูกยืนยันที่จะไม่ไปดูตัวกับลูกหลานของพวกเศรษฐีไร้การศึกษาพวกนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องขาดทุนย่อยยับแน่ๆ !”

หลังจากเฉินตงออกจากคลับสี่ยิ่นแล้ว

ก็ให้คุนหลุนพาเขาไปส่งที่บริษัท

เขาไม่เห็นตระกูลหลี่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้คุณท่านใหญ่หลี่จะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา สำหรับเขานั่นก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นเท่านั้น

เขาแสดงขีดความอดทนออกมาให้เห็นแล้ว คิดว่าคุณท่านใหญ่หลี่คงจะยอมถอย

ทันทีที่ถึงบริษัท เสี่ยวหม่าก็วิ่งตรงมาหาเขาอย่างมีความสุข

“พี่ตง ตึกใหญ่ทั้งสี่แห่งขายเกือบหมดแล้ว ระลอกนี้ บริษัทของเราสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาล ในอนาคต ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง พวกเราก็กล้าที่จะยืนหยัดและต่อสู้ได้อย่างเต็มที่แล้ว”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “มีรายได้เท่าไหร่ ?”

ในห้องอาหาร

เสียงเงียบสงัด

บรรยากาศเริ่มแปลกไป

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความงุนงง

คำพูดที่ผู้อำนวยการพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินออกไป ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสน ร่างกายของเขารู้สึกรุ่มร้อนเหมือนถูกไฟเผาและรู้สึกตื่นตระหนก

ด้วยตำแหน่งและฐานะของเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับใช้หมัดชกลงไปที่ฝ้าย

ก่อนหน้าที่ ตอนที่เขารู้ว่ากู้โก๋ฮั๋วแห่งบริษัทชิงหยิ่งพักอยู่ที่ลานป่าไผ่ ยังคิดที่จะไปขอเข้าพบ

เพียงชั่วพริบตาเดียว กลับพบว่าเฉินตงเป็นลูกเขยของกู้โก๋ฮั๋ว ?

ตระกูลหลี่ของเขาถูกบริษัทชิงหยิ่งกดเอาไว้อยู่

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตระกูลเฉินอีก

แล้วมื้ออาหารของเขาในวันนี้……มันคือเรื่องตลกอะไรกัน ?

ตอนนี้เอง

คนที่นั่งอยู่ต่างก็ค่อยๆ ทยอยลุกขึ้น แล้วหันไปยกมือคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับออกไป

เป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนเดินไปถึงตรงหน้าเฉินตง ต่างก็ทยอยกันกล่าวคำขอโทษ

อีกทั้งท่าทีที่แสดงออกนั้น ช่างแตกต่างกับตอนที่หันไปคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ราวฟ้ากับดิน

เพียงชั่วพริบตา

ในห้องอาหาร ก็เหลือเพียงแค่โจวเย่นชิวที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้

คุณท่านใหญ่หลี่หันไปมองโจวเย่นชิวด้วยความชื่นชม : “เสี่ยวโจว เธอ……”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่ก็หายไปทันที

เขามองดูด้วยความตกใจ

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ โจวเย่นชิวค่อยๆ ลุกขึ้น

จากนั้นจึงหันมาคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ : “ขออภัยด้วยคุณท่านใหญ่หลี่ ฐานะของผมต้องต่ำที่สุดในที่นี้ ถ้าหากจะกลับก่อน ก็คงเป็นการเสียมารยาท”

พูดจบ แววตาของคุณท่านใหญ่หลี่ก็เต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะสามารถกินคนได้

โจวเย่นชิวเดินไปตรงหน้าของเฉินตง

จากนั้น

เขาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“คุณเฉิน ขออภัยด้วย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

เปรี้ยง !

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ราวกับค้อนหนักๆ ที่ฟาดลงมาบนลูกตาของคุณท่านใหญ่หลี่อย่างแรง

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกหายใจเหนื่อยหอบ ลูกกระเดือกของเขาขยับราวกับจะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้

เขารู้ดีว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ตงของเฉินตงที่อยู่ในเมืองนี้ กำลังทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่อย่างไรเสีย ศักยภาพก็ยังไม่อาจเทียบได้กับโจวเย่นชิว

คนหนึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ส่วนอีกคนเป็นผู้นำด้านห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว

ทั้งสองคนนี้ ต่อให้เฉินตงจะมีตระกูลเฉินและตระกูลกู้คอยหนุนหลังอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกต่ำต้อยถึงขั้นนี้ได้

“อืม ไปเถอะ”

เฉินตงพยักหน้าอย่างเย็นชา

ถูกดัดหลังแล้ว ต่อไปก็อย่าคิดที่จะมาเหิมเกริมต่อหน้าเขาอีก

หลังจากที่โจวเย่นชิวกลับไปแล้ว

เฉินตงจึงหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ที่นั่งนิ่งเป็นท่อนไม้ ด้วยแววตาที่เย็นชา บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความเย้ยหยัน

เขายักไหล่ แล้วพูดว่า : “การขู่ของคุณ จบลงแล้ว”

ถึงแม้จะพูดเพียงเบาๆ แต่นำเสียงกลับเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย ทำให้คุณท่านไหล่หลี่โกรธจนตัวสั่ง และได้สติคืนมา

เขาหันมองเฉินตงด้วยแววตาที่ซับซ้อน ริมฝีปากของเขาขยับ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดตอบโต้กลับไปเช่นไร

เขาต้องการแสดงฐานะของตระกูลหลี่ให้เฉินตงได้เห็น เพื่อให้เฉินตงเชื่อฟังและยอมก้มหัวให้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อาหารมื้อนี้ จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

“เมื่อก่อนพวกคุณรังแกพวกเราสองแม่ลูกซึ่งเป็นเด็กกำพร้าและหญิงม่าย เอารัดเอาเปรียบตระกูลของเรา คุณมันเป็นพ่อประสาอะไร !

เฉินตงค่อยๆ ลุกขึ้น และพูดด้วยความเดือดดาล : “กลับไปตระกูลหลี่ที่แสนอำมหิตของคุณซะ อย่ามาวุ่นวายกับแม่ของผมอีก ตอนนั้นแม่ของผมตั้งท้องผมอยู่ เลยไม่อยากมีปัญหากับพวกคุณ แต่ตอนนี้ ถ้าคุณยังกล้ามายุ่งวุ่นวายอีก ผมจะเป็นคนส่งคุณไปตายเอง !”

“ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่ของคุณ ผมไม่อยากได้เลยสักนิด !”

คุณท่านใหญ่หลี่ใบหน้าซีดเผือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แทบจะครวญครางว่า : “ตงเอ๋อ ถ้าเธอกลับไปตระกูลหลี่ รับหน้าที่ผู้สืบทอดมรดก ด้วยศักยภาพที่ตระกูลหลี่มี เส้นทางในอนาคตของเธอ จะต้องราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน สำหรับเธอและตระกูลหลี่ นี่ถือเป็นทางออกที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย !”

“ดังนั้น คุณเลยสร้างเรื่องวันนี้ขึ้น ?”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา ใบหน้าเต็มใบด้วยการดูถูกเยาะเย้ย : “คุณคิดที่จะแสดงศักยภาพของตระกูลหลี่ให้ผมดู แต่ศักยภาพของคุณ กลับอยู่เพียงแค่ใต้เท้าของผมเท่านั้น คุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ ?”

คำพูดดูถูกเพียงคำเดียว แต่กลับเป็นเหมือนมีดที่ถูกเผาจนร้อน แล้วนำมากรีดลงไปตรงหัวใจของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่

เฉินตงไม่คิดจะอยู่ต่อ เขาหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับขวางเขาเอาไว้

“อยากตายเหรอ ?”

เฉินตงเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าแล้วเลิกคิ้วถาม

แววตาอำมหิตของเขา ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนาวเย็นขึ้นมาในทันที

คุนหลุนเดินก้าวเข้ามา รูปร่างที่สูงตระหง่านของเขาทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองต้องผงะไป

“หลีกไป !”

คุนหลุนตะคอกด้วยความโมโห

บอดี้การ์ดทั้งสองคนรีบเปิดทางให้ทันที

เฉินตงยิ้มแล้วหันกลับไปพูดกับคุณท่านใหญ่หลี่ว่า : “ต่อให้คนของคุณจะมีมากกว่านี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับคุนหลุนของผมแค่คนเดียว”

ทั้งการดูถูก เยาะเย้ย เสียดสี ถูกรวมอยู่ในคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว

ที่เขามาวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อที่จะก้มหัวให้

แต่เขามาเพื่อที่จะบอกคุณท่านใหญ่หลี่ว่า เขาไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ และไม่ใช่คนที่จะข่มขู่ได้

วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้จัดการกับคนใจดำอำมหิตที่ไร้ยางอายและชอบยกตนข่มท่านก็คือ ต้องทำตัวให้โหดเหี้ยมและอำมหิตกว่าเขา

คุณท่านใหญ่หลี่แววตาเศร้ามอง มองดูเฉินตงเดินจากไปด้วยความผิดหวัง

มือทั้งสองข้างของเขาที่จับไม้เท้าอยู่สั่นเทา เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปนขึ้นมา

เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง

บารมีที่สั่งสมมาตลอดหลายสิบปี ความเชื่อมั่นในตนเองและความเย่อหยิ่งที่มีมาหลายทศวรรษ

คิดไม่ถึงเลยว่า บัดนี้ จะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของหลานชายแท้ๆ ของเขา !

ในเมืองหลวง ใครไม่รู้จักคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครไม่ไว้หน้าคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครที่ไม่คิดจะเลียแข้งเลียขาตระกูลหลี่บ้าง ?

แต่ที่นี่ ทุกอย่างกลับสูญสิ้นไปหมดแล้ว !

เขารู้สึกว่าความภาคภูมิใจและศักยภาพที่มี ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเฉินตงเรียบร้อยแล้ว !

“ดี ดีมาก เป็นหลานชายที่ดีของฉันจริงๆ……”

คุณท่านใหญ่หลี่กัดฟันกรอด แต่จู่ๆ กลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ : “ยิ่งแกแข็งแกร่งเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งต้องดึงแกกลับมาที่ตระกูลหลี่ให้ได้ มีเพียงแกเท่านั้นที่จะมาค้ำจุนตระกูลหลี่ที่กำลังสั่นคลอนในตอนนี้ได้ จะว่าไปแล้ว หลี่หลานเอง ก็ถือว่าได้ให้กำเนิดลูกชายที่ยอดเยี่ยมออกมาคนหนึ่ง !”

ในสายตาของเขา สนใจก็เพียงแค่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น

หากมีผลประโยชน์วางอยู่ตรงหน้า เขาก็ยอมที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง

เช่นเดียวกับในตอนนั้น เมื่อเขาได้เห็นมรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ เขาก็รู้สึกหวั่นไหว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้อำนาจของตระกูลหลี่ บีบบังคับหลี่หลาน กอบโกยผลประโยชน์โดยไม่รู้สึกละอายใจ

แต่ในตอนนี้ ตระกูลหลี่กำลังจะพ่ายแพ้และพังทลาย

คุณท่านใหญ่หลี่มองออกอย่างชัดเจนและรู้ดีอยู่แก่ใจ

ในตระกูลไม่มีทายาทคนไหนที่จะสามารถแบกรับภาระของตระกูลหลี่ไว้ได้อีกต่อไป

การให้เฉินตงเข้ามารับช่วงตระกูลหลี่ต่อ ถือเป็นทางรอดเพียงทางเดียวของตระกูลหลี่

ถึงแม้วิธีนี้อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของคนในตระกูล แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

สิ่งที่เขาสนใจคือต้องการให้ตระกูลหลี่ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นมาเป็นเจ้าบ้าน

ขอเพียงแค่ตระกูลหลี่ยังคงเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปได้ หน้าตาและศักดิ์ศรีของเขาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ

เมื่อออกจากลานซานไห่แล้ว

เฉินตงและคุนหลุนก็ไม่ได้กลับออกจากคลับสี่ยิ่นในทันที

ไหนๆ ก็มาแล้ว เขาจึงถือโอกาสตรงไปยังลานป่าไผ่

ขณะที่เขาเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ กลับพบว่ากู้ชิหยิ่งมายืนรอเขาอยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็วิ่งเข้าไปหาอย่างร่าเริง : “คนโง่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

เฉินตงผงะไป เขาเลิกคิ้วแล้วมองเข้าไปในห้องรับแขก : “ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวมาที่นี่แล้ว ?”

“อืม พวกเขาเล่าให้ฟังหมดแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งมองดูเฉินตงด้วยแววตาที่แปลกประหลาด เธอมองพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงพูดติดตลกว่า : “คนโง่ ทำไมตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันถึงไม่รู้เลยว่าคุณยอดเยี่ยมขนาดนี้ ? ภูมิหลังของคุณ เหนือกว่าฉันหลายเท่านัก !”

“ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วขำตัวเอง

กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยกระดับตัวเอง

ใครจะไปรู้ว่าพ่อและแม่ของตนเอง จะมียักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ?

“คุณช่างเป็นบุคคลล้ำค่าเสียจริงๆ ยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้สึกสงสัยว่า คุณยังจะมีฐานะอะไรที่จะสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกตกตะลึงได้อีก ?”

กู้ชิงหยิ่งลูบคางแล้วกล่าว

“บุคคลล้ำค่า ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม เขาเอาใบหูของเขาแนบเข้าที่ใบหูของกู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ พร้อมด้วยลมหายใจที่ร้อนผ่าว : “เด็กโง่ ผมมีของล้ำค่าชิ้นใหญ่อยู่จริงๆ คุณอยากจะดูไหมล่ะ ?”

หลังจากได้ยิน

ท่านเมิ่ง โจวเย่นชิวและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงสีหน้าที่ดูแปลกออกมาในเวลาเดียวกัน

ไม่มีใครกล้ารับคำขอโทษของเฉินตงจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินตงมีความผิดอย่างนั้นหรือ ?

การที่เขามาถึงยังที่นัดหมายตรงตามเวลา แสดงให้เห็นว่าไม่มีความผิด

แต่กลับเป็นคุณท่านใหญ่หลี่ที่พยายามใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก ด้วยสีหน้าขึงขัง

เดิมทีเขาตั้งใจจะถือโอกาสใช้อาหารมื้อนี้ เปิดเผยความลับของตระกูลหลี่ให้เฉินตงได้รับรู้

ต่อให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้ เพียงแค่กวักมือก็สามารถเรียกผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้มาได้ทั้งเมือง

แต่ในบรรดาคนเหล่านี้ ในสายตาของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเฉินตงจะเป็นคนที่ปกติแล้วน่าจะเชื้อเชิญมาได้ยากที่สุด

ตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ตงถือว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้นของเมืองนี้ก็ว่าได้ แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่อยู่ในสายตาของคุณท่านใหญ่หลี่อยู่ดี

เงินและเส้นสาย เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน อีกทั้งเส้นสายนั้นสำคัญกว่าเงินมาก !

แต่เฉินตงกลับวางมาดเหมือนคนที่ไร้สมอง

นี่ทำให้สิ่งที่เขาวางแผนมาทั้งหมดต้องสูญเปล่า

ตึง !

คุณท่านใหญ่หลี่ที่กำลังโกรธจัดเคาะไม้เท้าอย่างแรงลงบนพื้น

“เสี่ยวโจว……”

เสียงของความโมโหดังลอดออกมาจากไรฟัน

โจวเย่นชิวสะดุ้งเฮือก สีหน้าที่เดิมทีก็ดูแปลกประหลาดอยู่แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งดูน่าเกลียดไปกว่าเดิม

เขาเดินเข้าไปหาคุณท่านใหญ่หลี่ พร้อมทั้งแสดงท่าทีสวามิภักดิ์ต่อคุณท่านใหญ่หลี่

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ตัวเอกในการรับประทานอาหารร่วมกันในครั้งนี้ จะเป็นเฉินตงไปได้ !

นี่……ไม่ทำกับว่ารนหาที่ให้เขาหรอกหรือ ?

วางตัวลำบากจริงๆ !

เมื่อได้ยิน

เฉินตงก็แสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งหันไม่มองโจวเย่นชิวที่กำลังอยู่ไม่สุข

ครั้งก่อนที่ไปขอโทษด้วยตนเอง โจวเย่นชิวได้ถูกเขาดัดหลังเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เขายังจะกล้าอีกหรือ ?

เมื่อเห็นสายตาของเฉินตง โจวเย่นชิวก็รู้สึกวิตกกังวลทันที

เขากระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ : “คุณท่านใหญ่ คุณชายเฉินตรงมาถึงที่หมายตรงเวลา ไม่ถือว่าเสียมารยาท กระผมว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะครับ”

“เธอ……” คุณท่านใหญ่หลี่ใบหน้าแดงก่ำ เขาหันมองโจวเย่นชิวด้วยความโมโห

คำพูดไกล่เกลี่ยของโจวเย่นชิวยิ่งทำให้รู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่

ก่อนหน้านี้พูดเอาไว้ว่าอย่างไร ?

ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

เดิมทีเขาคิดที่จะใช้อำนาจในการกดขี่ เพื่อทำให้เฉินตงรู้ว่า ต่อให้มีเงิน ในสายตาของตระกูลหลี่แล้ว ก็เป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

แต่ทว่าตอนนี้ โจวเย่นชิวกับเริ่มพูดจาไกล่เกลี่ยแล้ว การขู่ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จเสียแล้ว

คุณท่านใหญ่หลี่แอบถอนใจเบาๆ แล้วพยายามข่มความโกรธเอาไว้ จากนั้นจึงหรี่ตาหันมองทุกคน

“ทุกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร ?”

“โจวเย่นชิวพูดถูกต้องครับ !”

ท่านเมิ่งเปิดปากพูดก่อนใคร

คุณท่านใหญ่หลี่ตกตึงในทันที

“คุณชายเฉินตงมาทันเวลา ไม่ถือว่าเสียมารยาทครับ” ผู้อำนวยการหลิวกล่าวเสริม

เริ่มมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่บริเวณหน้าผากของคุณท่านใหญ่หลี่

ส่วนคนที่เหลือ เมื่อเห็นท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวเอ่ยปากพูดแล้ว ต่างก็ค่อยๆ พยักหน้าสนับสนุน

คุณท่านใหญ่หลี่กัดฟันด้วยความโมโห

แต่ในเมื่อทุกคนต่างให้อภัย เขาเองก็ไม่อาจดึงดันต่อไปได้

มีประกายของแสงที่เย็นวาบฉาบอยู่ในดวงตาของคุณท่านใหญ่หลี่ เขาหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาเย็นชา

“เธอมันเป็นเด็กที่ดื้อรั้นและไม่รู้จักเชื่อฟัง ต้องโทษแม่ของเธอที่ไม่รู้จักสั่งสอนเธอ เธอถึงได้เสียมารยาทขนาดนี้ แต่ในเมื่อทุกคนใจกว้างเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ !”

จากนั้น

“พรวด !”

เฉินตงหลุดขำออกมาในทันที

ถึงแม้จะกำลังหัวเราะอยู่ แต่การแสดงออกเขากลับดูเย็นชามากขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

ปัง !

เสียงฝ่ามือตบลงบนโต๊ะดังขึ้น

เฉินตงลุกยืนขึ้นมา จากนั้นจึงชี้นิ้วไปที่คุณท่านใหญ่หลี่พูดว่า : “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสอนเรื่องความกตัญญูกับผม ? แม่ผมให้กำเนิดและเลี้ยงดูผมมาอย่างดี คงไม่ต้องให้คนนอกอย่างคุณเข้ามาแส่ !”

บรรยากาศภายในห้องหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็งในทันที

ท่านเมิ่งหน้าถอดสีทันที

ไม่ใช่เป็นเพราะจู่ๆ เฉินตงก็ลุกขึ้นมาตะคอกด้วยความโกรธ

แต่เป็นเพราะทุกคนที่นี่ต่างไม่ได้ใครโง่เขลา พวกเขาพอจะดูออกว่าเฉินตงกับคุณท่านใหญ่หลี่นั้นมีความแค้นต่อกัน

อาหารมื้อนี้ ดูท่าว่าคงจะไม่อร่อยจริงๆ ?

ถ้าอีกเดี๋ยวไม่ถึงขั้นล้มโต๊ะกัน ก็คงจะถือว่าโชคดีมากแล้ว !

“สามหาว ! นี่ฉันเป็นตาของแกนะ !” คุณท่านใหญ่หลี่ตะคอกด้วยความโมโหและกระหืดกระหอบ

“ตาประสาอะไรกัน !” เฉินตงทำสีหน้าดูถูก

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคุณท่านใหญ่หลี่ข่มขู่แล้วล่ะก็ การร่วมรับประทานอาหารในมื้อนี้เขาไม่มีทางมาโดยเด็ดขาด

ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่มีทางเป็นเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่แต่ในกระดองเด็ดขาด !

คำก็คุณธรรม สองคำก็มารยาท เขาต้องการยืนอยู่บนคุณธรรมอันสูงส่ง เพื่อจะดูถูกข่มเหงแม่ของเขาใช่หรือไม่ ?

ไปให้พ้นเลย !

หน้าด้านจริงๆ !

“แก……แกคิดจะแข็งข้อกับฉันจริงๆ ใช่ไหม !”

คุณท่านใหญ่หลี่โกรธจนตัวสั่น ท่าทีแข็งกร้าวของเฉินตง ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การร่วมรับประทานอาหารในวันนี้ ถือว่าเป็นงานสำคัญสำหรับเขา

เป็นเวลาที่เขาจะเปิดเผยความลับของตระกูลหลี่ให้เฉินตงได้รับรู้

ไม่ใช้ให้เฉินตงมาฉีกหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้

คุณท่านใหญ่หลี่โกรธจนหน้าแดง หายใจเหนื่อยหอบ เขาใช้มือข้างขวาที่สั่นเทาของเขาชี้ไปที่ท่านเมิ่ง : “แก แกรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร ? เขา เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้ !”

“เขา เป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้”

“เขา เป็นผู้มีอำนาจในแวดวงการแพทย์”

……

มือของคุณท่านใหญ่หลี่ค่อยๆ ชี้ไปยังคนที่นั่งนิ่งด้วยความตกใจ และแนะนำตัวพวกเขาทีละคนๆ ด้วยความโมโห

แต่ในขณะที่เขากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธนั้น คุณท่านใหญ่หลี่กับไม่ได้สังเกตเลยว่า ในระหว่างที่เขากำลังแนะนำ สีหน้าของท่านเมิ่งก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

หลังจากที่กล่าวแนะนำคนสุดท้ายเสร็จ

คุณท่านใหญ่หลี่เคาะไม้เท้าของเขาลงบนพื้นอย่างเดือดดาล

“แกไปเอาความกล้ามากจากไหน ถึงได้กล้ามาแสดงท่าทีหยิ่งผยองกับฉันที่นี่ ?”

“ตระกูลหลี่ของฉันเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ฉันเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ อีกทั้งยังเป็นตาของแกด้วย จะให้แกมาเสียมารยาทอย่างนี้ได้หรือ ?”

“แกเก่ง สามารถบริหารไท่ติ่งได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในสายตาของตระกูลหลี่ของฉันแล้ว แกก็เป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น !”

คำพูดและน้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังและความโกรธ

มีอำนาจที่แผ่ซ่านออกมาเพื่อที่จะกดขี่เฉินตงเอาไว้

“เหอะๆ !”

เฉินตงแสยะยิ้มอย่างไม่แยแส : “ในเมื่อตระกูลหลี่ของคุณยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ? แล้วทำไมคนแก่หนังเหนียวอย่างคุณ ถึงต้องยอมด้านหน้ามาเชิญผมกลับไปเป็นเจ้าบ้านด้วยล่ะ ?”

เปรี้ยง !

คำพูดที่เปล่งออกไปทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ท่านเมิ่งเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงเชียวนะ

แล้วหัวหน้าตระกูลที่มีอำนาจล้นฟ้า จะมาเชิญเฉินตงกลับไปเป็นเจ้าบ้านง่ายๆ เช่นนี้หรือ ?

ทันใดนั้น ความคิดของทุกคนก็เปลี่ยนไป สายตาที่พวกเขามองเฉินตงเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงถึงขีดสุด

ทางด้านหนึ่งก็ทำหน้าที่เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลหลี่

ทำไมเมืองเล็กๆของเรา ถึงได้มีมังกรทองเช่นนี้หลบซ่อนตัวอยู่ได้นะ ?

คุณท่านใหญ่หลี่โกรธจนหน้าแดงแทบจะกระอักเลือดออกมา หายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ในดวงตาปรากฏเส้นเลือดสีแดงเต็มไปหมด เขาจ้องมองเฉินตงอย่างไม่ละสายตา โกรธจนแทบอยากจะกลืนกินเฉินตงเข้าไปเสียตอนนี้

คำพูดประโยคนี้ทำลายความมั่นใจและความภาคภูมิใจของเขาเสียจนหมดสิ้น !

ตอนนี้เอง

จู่ๆ ท่านเมิ่งก็ลุกขึ้นมา แล้วหันไปยกมือคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ : “ขอโทษด้วยคุณท่านใหญ่หลี่ กระผมต้องขอตัวก่อน”

พูดจบเขาไม่ได้สนใจสีหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่เลยแม้แต่น้อย

รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาเฉินตง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มเพื่อแสดงความขอโทษ : “หลานชาย ขอโทษด้วย วันนี้เป็นความประมาทของลุงเอง ถ้าหากลุงรู้ว่าการรับประทานอาหารร่วมกันในมื้อนี้จัดขึ้นเพราะหลาน ลุงไม่มีทางปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้แน่นอน”

พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องอาหารไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้น ผู้อำนวยการหลิวก็ลุกขึ้นตามทันที

เขาถึงขั้นไม่ยอมกล่าวลากับคุณท่านใหญ่หลี่ แต่กลับเดินเข้าไปหาเฉินตงด้วยความเคารพ

“ขอโทษด้วยหลานชาย เรื่องนี้จะให้พ่อตาขอหลานรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยนะ มิฉะนั้นด้วยนิสัยของเขาแล้ว จะต้องไปพังประตูโรงพยาบาลของลุงแน่ๆ”

หลังจากกล่าวขอโทษเสร็จ ผู้อำนวยการหลิวก็รีบเดินออกไปในทันที

คนหนึ่งก็เป็นผู้มีอิทธิพล ส่วนอีกคนก็เป็นผู้มีอำนาจในวงการแพทย์

เมื่อลองแยกแยะฐานะของทั้งสองคนดูอย่างชัดเจนแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งสองไม่จำเป็นต้องไว้หน้าคุณท่านใหญ่หลี่จริงๆ

ถึงแม้ตระกูลหลี่จะร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงก็จริง แต่ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงเสียหน่อย !

การไว้หน้ากัน หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง ก็เห็นทีว่าไม่จำเป็นต้องไว้หน้า

หลังจากที่ทั้งสองกลับ คุณท่านใหญ่หลี่ก็นั่งนิ่งราวกับท่อนไม้ด้วยความตกตะลึง ร่างกายของเขาสั่นเทา รู้สึกราวกับว่าเพิ่งสูญเสียอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นผู้อำนวยการหลิวกำลังจะเดินออกไป คุณท่านใหญ่หลี่ก็ตะคอกออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยในชีวิต : “ผู้อำนวยการหลิว เจ้าเด็กคนนี้ก็เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนหัวรั้นคนหนึ่งที่ร่อนเร่พเนจรอยู่นอกตระกูลของฉันก็เท่านั้น ทำไมพวกคุณจะต้องขอโทษเขาด้วย ?”

ผู้อำนวยการหลิวหยุดเดิน

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฉินตงเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน อีกทั้งยังเป็นลูกเขยของประธานกู้แห่งบริษัทชิงหยิ่งอีกด้วย คุณว่า……ทำไมพวกเราจะต้องขอโทษด้วย ?”

เปรี้ยง !

คุณท่านใหญ่หลี่ตัวสั่น ทันใดนั้นใบหน้าสีแดงก่ำของเขาก็ซีดเผือดทันที

เฉินตง……เป็นลูกเขยของประธานบริษัทชิงหยิ่ง ?

ตอนที่เฉินตงมาถึงคลับสี่ยิ่นก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี

ถึงแม้จะไม่มีการยื่นเรื่องขอเข้าพบใดๆ แต่คุนหลุนก็ยังคงขับรถโรลส์-รอยซ์เข้าไปในคลับได้โดยไม่ไม่มีใครเข้ามาขวาง

นี่เป็นเพราะท่านเมิ่งได้กำชับไว้แล้วว่า ถ้าหากเฉินตงเข้ามาในคลับสี่ยิ่น ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขอเข้าพบ

หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว

“คุณชาย ให้ผมเข้าไปกับคุณชายนะครับ ?”คุนหลุนกล่าว

ในเมื่อคุณชายบอกแล้วว่าเขาจะมาที่คลับสี่ยิ่นเพื่อที่จะมาดูสุนัขที่กัดคนตัวนั้นว่าเป็นพันธุ์อะไร

แน่นอนว่าเขาต้องคอยติดตามคุณชายอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นหากคุณชายถูกสุนัขกัดเข้าล่ะก็จะทำเช่นไร ?

“อืม”

เฉินตงตอบรับแล้วลงจากรถ

เขากวักมือเรียกพนักงานของคลับคนหนึ่งให้เข้ามาหา : “คุณท่านใหญ่หลี่อยู่ที่ไหน ?”

“ลานซานไห่ครับ”

“นำทางไปหน่อย”

พวกเขาเดินตามพนักงานเข้าไปด้านในของคลับสี่ยิ่น

เฉินตงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เฉินตงเข้าออกคลับสี่ยิ่นหลายครั้ง เข้าจึงพอเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของคลับสี่ยิ่นดี

ลานซานไห่ถือเป็นสถานที่ต้อนรับระดับเฟิร์สคลาส

แต่เมื่อเทียบกับลานป่าไผ่ซึ่งถือว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้วนั้น ยังถือว่าห่างไกลกันนัก

ตระกูลหลี่ซึ่งคิดว่าตนเองสูงส่ง แล้วทำไมแม้กระทั่งพ่อตาของเขายังทำให้ออกจากลานป่าไผ่ไม่ได้ ?

เฉินตงมองเห็นเรือนสี่ประสานอยู่ท่านกลางสนามหญ้าและสวนดอกไม้จากที่ไกลๆ

เป็นความสันโดษที่แตกต่างไปจากลานป่าไผ่

ถึงแม้จะพูดว่าลานซานไห่อยู่ในระดับมาตรฐานสูง แต่สิ่งที่เผยให้เห็นคือความงดงามและเคร่งขรึม

ส่วนทั้งสี่ด้านก็มีลานอยู่ล้อมรอบ

เพียงแค่มีทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากลานป่าไผ่เท่านั้น

เอี๊ยด…..

ประตูแบบโบราณสีชาดหนักอึ้งค่อยๆ ถูกผลักให้เปิดออก

เฉินตงค่อยๆ เดินนำไปด้านหน้า โดยมีคุนหลุนเดินตามอยู่ด้านหลัง

ที่นี่ไม่ได้ดูสง่างามเหมือนลานป่าไผ่ เมื่อมองเข้าไปด้านใน สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า “บรรยากาศหรูหรา”

เดินเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็พบกับชายหนุ่มสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนังยืนต้อนรับอยู่

เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดของคุณท่านใหญ่หลี่

“คุณชาย คุณท่านใหญ่รออยู่ที่ห้องอาหารนานแล้ว คุณมาสายแล้ว”

บอดี้การ์ดโค้งคำนับ แล้วแสดงท่าที่เชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในพร้อมกับบอกทิศทาง

แต่เฉินตงกลับไม่ยอมก้าวเท้าเดิน

กลับหันมองบอดี้การ์ดด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า : “สุนัขรับใช้มีสิทธิ์มาตำหนิฉันด้วยหรือ ?”

สีหน้าของบอดี้การ์ดเปลี่ยนไป

ปัง !

คุนหลุนใช้เท้าเตะบอดี้การ์ดจนกระเด็นออกไป

เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยรูปร่างที่สูงตระหง่าน แล้วจ้องมองลงไปที่บอดี้การ์ด : “คุณชายของฉันมาถึงที่นี่ ก็ถือว่าให้เกียรติพวกแกมากแล้ว !”

“ไปกันเถอะ คุนหลุน”

เฉินตงเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยท่าทีสบายใจ และมีรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา : “นายจัดการได้เยี่ยมจริงๆ สุนัขที่สุนัขกัดคนเลี้ยงเอาไว้ จะต้องตีให้หนัก”

“คุณชาย เข้าใจแล้วครับ” คุนหลุนพยักหน้า

ภายในห้องอาหาร เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคลาสสิก

ทั้งสีและกลิ่นอายมีความโบราณ

มีเสียงเครื่องดนตรีกู่เจิงดังก้องกังวาน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์

บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีอาหารอันโอชะค่อยๆ หมุนอยู่ อาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของหายากและมีราคาแพง

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก โดยมีท่านเมิ่งนั่งอยู่ข้างๆ ที่นั่งหลัก

โดยมีคนอื่นๆ อีกหลายคนนั่งถัดกันออกไป

ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้อำนวยการหลิวของโรงพยาบาลลี่จิงและโจวเย่นชิวนั่งรวมอยู่ด้วย

คุณท่านใหญ่หลี่มีความคิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ถูกเก็บงำเอาไว้ภายในตระกูลหลี่ออกมา โดยมีท่านเมิ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ จึงมีการเชิญคนใหญ่คนโตและผู้ที่มีอำนาจในเมืองนี้มาเป็นธรรมดา

ผู้อำนวยการหลิวถือเป็นผู้ที่กว้างขวางอยู่ในแวดวงการแพทย์และโรงพยาบาล ส่วนโจวเย่นชิวเองก็ถือเป็นผู้นำด้านห้างสรรพสินค้าของเมืองนี้ การที่สองคนมาปรากฏตัวพร้อมกันที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

โจวเย่นชิวกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร

ถึงแม้จะมีแว่นตาขอบทองคอยคั่นกลางอยู่ แต่ก็ไม่อาจกั้นขวางดวงตาที่มีไฟลุกโชนเป็นประกายของเขาได้

เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ ไม่มีใครด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่คนเดียว หากไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขา ก็เป็นคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า

ท่านเมิ่งเปรียบเสมือนแผ่นฟ้าของเขา

ส่วนคุณท่านใหญ่หลี่นั้น เป็นคนที่แม้กระทั่งแผ่นฟ้าของเขายังต้องคอยนั่งอยู่ข้างๆ

ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง โจวเย่นชิวรู้สึกหูอื้อเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่า

เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งที่สุดในด้านแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว

มิเช่นนั้นโจวเย่นชิวก็คงไม่เอาแต่เหยียบเรือสองแคมระหว่างฝั่งของเฉินตงและเฉินเทียนเซิง

ถ้าหากเขาสามารถผูกมิตรกับตระกูลหลี่ได้ สำหรับโจวเย่นชิวแล้ว ถือเป็นโอกาสที่ดีโอกาสหนึ่งเลยทีเดียว

ถึงจะไม่ใช่โอกาสที่สามารถทำให้เขาพลิกชะตาชีวิตได้เหมือนกับตระกูลเฉิน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าได้

“คุณท่านใหญ่หลี่ได้โปรดวางใจ หลังจากวันนี้ไป ทายาทของท่านจะต้องยอมกลับไปกลับท่านแต่โดยดีอย่างแน่นอน”

ในเมื่อมีโอกาสได้รับเชิญมาแล้ว โจวเย่นชิวจึงรู้จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ดี เขาจึงเอ่ยปากพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสเสียก่อน

หากจะว่ากันตามตรงแล้ว งานเลี้ยงในครั้งนี้ จัดขึ้นก็เพราะเจ้าบ้านใหญ่ ต้องการแสดงให้ลูกชายตัวแสบของตระกูลได้เห็นว่า ตระกูลของเจ้าบ้านใหญ่มีความสามารถในการเรียกเจ้าบ้านเล็กๆ มาได้มากมายขนาดไหน จากนั้นก็ให้ลูกชายตัวแสบ ยอมกลับไปตระกูลไปกับเขาด้วยความเต็มใจ เพื่อไปทำหน้าที่เจ้าบ้านมิใช่หรือ ?

“ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก”

คุณท่านใหญ่หลี่ยกมือขึ้นคารวะด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่กลับไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองไม่ต้องแสดงความขอบคุณต่อโจวเย่นชิวเลยด้วยซ้ำ

เขาเป็นเจ้าของตระกูลที่รวยที่สุดของเมืองหลวง

ในสายตาของเขาแล้ว ผู้มีอำนาจในท้องที่เล็กๆ อย่างโจวเย่นชิว ก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

“มากันมากมายขนาดนี้เชียว ?”

ตอนนี้เอง มีเสียงหัวเราะเยาะดังเข้ามาจากนอกห้อง

ทุกคนหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน

โจวเย่นชิวที่เดิมทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ กลับมีความตกตะลึงปรากฏขึ้นมาแทนที่รอยยิ้มนั้นในทันที

ผู้อำนวยการหลิวเองก็รู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน มือทั้งสองข้างของเขากดลงบนโต๊ะอาหาร แทบจะกระโดดตัวลอย

ขึ้นมา

ท่านเมิ่งเองก็ตกใจจนกระทั่งมุมปากกระตุก เขาหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ผู้สูงส่งและเย่อหยิ่งด้วยความประหลาดใจ

ส่วนคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ แสดงอาการตกใจออกมาเช่นกัน

ตอนนี้เฉินตงและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้

ด้วยฐานะของทุกคนที่นั่งอยู่ในตอนนี้ หากไม่รู้จักเฉินตง ก็คงจะเป็นเรื่องแปลก

อันที่จริงแล้ว ขณะที่เฉินตงได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่นั่งอยู่ภายในห้องเหล่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเองก็หายไปทันทีเช่นกัน

บังเอิญขนาดนี้เลยหรือ ?

ท่านเมิ่ง ผู้อำนวยการหลิว และเหล่าสหายของกู้โก๋ฮั๋ว นั่งอยู่ในห้องนี้มากกว่าครึ่ง

อีกทั้งยังมีโจวเย่นชิวเอง ที่เพิ่งจะถูกเขาจับหัก “กระดูกสันหลัง” มาหมาดๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง !

แต่ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที เขาแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

นี่มันเป็นการนัดพูดคุยที่ไหนกัน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการข่มขู่ !

ถึงแม้คนที่เหลือเขาจะไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตานัก แต่คนที่เคยคุ้นเคยเป็นอย่างดีทั้งสามคน ต่างก็เป็นคนที่มีอิทธิพลในเมืองนี้ทั้งนั้น

หากเป็นการนัดพูดคุยจริงๆ ทำไมจะต้องเชิญคนใหญ่คนโตมามากมายขนาดนี้ด้วย ?

ตึง !

มีเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นภายในห้องอาหาร

คุณท่านใหญ่หลี่ใช้ไม้เท้าหนักอึ้งของเขาเคาะลงไปบนพื้นด้วยท่าทีโมโห และตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ตงเอ๋อ วันนี้มีทั้งมิตรสหายและผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่รวมกันเต็มไปหมด ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เธออยู่ทั้งนั้น เธอมาสายแบบนี้ ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ทำไมถึงยังไม่กล่าวขอโทษอีก ?”

ทันทีที่ได้ยิน

ท่านเมิ่งก็นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง

นี่……ต้องขอโทษด้วยหรือ ?

“ขอโทษเรื่องอะไร ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้มเยาะ : “คุณนัดผมให้มาถึงที่นี่ตอนเที่ยง ผมก็มาถึงตรงเวลา ผมเสียมารยาทตรงไหน ?”

คุณท่านใหญ่หลี่ยืดตัวตรง แล้วขมวดคิ้วด้วยความโมโห : “เธอให้พวกเราทุกคนที่นี่รอเธอคนเดียว ถือว่าเสียมารยาท !”

“เหอะ !”

รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเฉินตงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น : “คุณวางมาดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ถ้าคิดจะขู่ผมก็แสดงออกมาตรงๆ จะมัวทำอวดเบ่งอยู่ทำไม ?”

ขู่ ?

พวกของท่านเมิ่งต่างขมวดคิ้วแน่นและใจเต้นระส่ำ

คนของตระกูลหลี่ก็คือเฉินตง เรื่องนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกตกใจได้ไม่น้อย

การจะให้เฉินตงรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยิ่งดูจะเป็นเรื่องใหญ่

แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเรื่องของการข่มขู่ไปได้อีก ?

ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัยที่มีความคิดรอบคอบกันทั้งนั้น ไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจในทันทีว่า อาหารมื้อนี้นั้นไม่อร่อยเอาเสียเลย

แกล้าแข็งข้ออย่างนั้นหรือ ! ฉันบอกให้เธอขอโทษ !”

คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาตะคอกด้วยความโกรธ

“มีสิทธิ์อะไรมาใช้ให้ผมขอโทษ ?”

เฉินตงส่ายหัวอย่างไม่แยแส เขาส่ายหน้าพลางโบกมือพร้อมกับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ วางมือข้างหนึ่งลงบนที่พักแขนอย่างเกียจคร้านและนั่งไขว่ห้าง

จากนั้นจึงกวาดสายตามองดูทุกคน จนกระทั่งมาหยุดที่คุณท่านใหญ่หลี่เป็นคนสุดท้าย

“คุณลองถามดูซิว่า พวกเขาในที่นี้มีใครกล้ารับคำขอโทษจากผมบ้าง ?”

บทที่ 175 ทำให้เขารู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ?

เฉินตงสีหน้าเย็นชา

ขมวดคิ้วจ้องมองข้อความบนมือถือ สายตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

คนแก่ที่ดูดเลือดดูดเนื้อคน จะหน้าด้านหน้าทนไปถึงเมื่อไหร่กัน?

“คุณชาย……….”

คุนหลุนเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเฉินตง ก็ได้เอ่ยปากถาม

เฉินตงตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว

ข้อความสั้นๆ: ไปให้พ้น!

เก็บโทรศัพท์ เฉินตงก็กดความขยะแขยงลงไปในใจ แล้วยิ้ม “ไม่มีอะไร ไปทานอาหารเช้าเถอะ”

ตอนที่รับประทานอาหารเช้านั้น เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง

เฉินตงไม่ได้ดู

เพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะใช่ไอ้แก่ตระกูลหลี่ส่งมาหรือเปล่า

หากใช่ เขาไม่มั่งใจว่าจะสามารถทำสีหน้าให้ปกติได้

หากถูกแม่มองออก มันก็จะรบกวนสภาพจิตใจของแม่ได้

ในเมื่อตัดสินใจที่จะเพิกเฉยตระกูลหลี่ เขาก็ไม่อยากที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลี่

สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ นั้นก็คือยับยั้งมันไว้ให้ได้ ไม่แทงมีดนั้นออกไป

จนกระทั่งเฉินตงเข้าไปนั่งในรถ มุ่งหน้าเดินทางไปยังบริษัทนั้น

เขาจึงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาดูข้อความ

ไม่ผิดเลย เป็นไอ้แก่ตระกูลหลี่ส่งมาจริงๆ

เมื่อเปิดข้อความมาอ่าน แสงที่รุนแรงปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินตงทันที สิ่งเดียวที่จะยับยั้ง ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งได้แล้ว

เนื้อหาในข้อความคือ หากไม่มา ตาก็จะไปเรียนเชิญถึงที่บ้าน และจะไปถามลูกสาวอกตัญญูคนนั้น ว่าสอนหลานอย่างไร!

นี่คือการข่มขู่เหรอ?

มือขวาของเฉินตงอดไม่ได้ที่จะกำโทรศัพท์ให้แน่น จ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างดุดัน

ลูกสาวอกตัญญู?

แม่ของฉัน คนอย่างเขามีสิทธิ์มาตัดสินด้วยเหรอ?

พ่อที่ไม่มีความรัก แล้วจะพูดถึงเรื่องกตัญญูได้อย่างไร?

ชั่วพริบตาเดียว อุณหภูมิในรถราวกับว่าลดลงไปอย่างมาก

คุนหลุนที่ขับรถสังเกตเห็นความผิดปกติของเฉินตง “แล้วถาม คุณชาย มีอะไรต้องการให้ผมไปทำมั้ย?”

“นายสำเร็จแล้ว!”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา แรงอาฆาตในแววตาก็หายไป มองไปที่คุนหลุน “ไม่ไปบริษัทแล้ว พาฉันไปวนรอบเมืองหน่อย ใกล้ถึงเวลาเที่ยง ก็ส่งฉันไปที่คลับสี่ยิ่น”

“ไปเจอเสี่ยวหยิ่ง? คุนหลุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า คุณชายนั้นควรที่จะไปเจอเสี่ยวหยิ่งแล้วจริงๆ งานที่บริษัทยุ่งมาหลายวันแล้ว คิดว่าเสี่ยวหยิ่งก็น่าจะคิดถึงคุณแล้ว”

เฉินตงถูกจมูกเบาๆ แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย “มีหมาอยากกัดคน ฉันจะไปดูว่ามันคือหมาพันธุ์อะไร”

รอยยิ้มของคุนหลุนแข็งไปทันที ก็รู้ว่าที่เฉินตงไปคลับสี่ยิ่นนั้นไม่ใช่ไปเจอกู้ชิงหยิ่ง

ยิ้มเจื่อนๆ แล้วก้มหน้าขับรถ

เฉินตงมองวิวที่ถอยหลังอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่าง ความหดหู่ในใจกลับค่อยๆเพิ่มขึ้น

นี่คือมาขอให้ฉันไปแทงเขาใช่มั้ย?

……

คลับสี่ยิ่น

ห้องรับแขกที่หรูหรา เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ

“นายท่านหลี่สามารถมาเยือนสถานที่ที่ต่ำต้อยแบบนี้ เป็นบุญบารมีของคลับสี่ยิ่นจริงๆ” ท่านเมิ่งยิ้มหน้าบาน รอยยิ้มซ้อนรอยยิ้ม

บนเก้าอี้ประธาน ชายชราผมขาวอย่างนายท่านหลี่นั่งตัวตรงอยู่ หว่างคิ้วให้ความรู้สึกมีความสง่าผ่าเผย

แม้แต่พลังทรงอำนาจของท่านเมิ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านหลี่ ก็ต่างกันหนึ่งชั้น

นายท่านหลี่เหลือบมองท่านเมิ่งแวบหนึ่ง “เป็นฉันที่รบกวนแล้ว ขอบคุณเสี่ยวเมิ่งที่ต้อนรับ”

คำว่า “เสี่ยวเมิ่ง” เห็นได้ชัดว่าได้แยกสถานะของทั้งสองออกจากกัน

ท่านเมิ่งก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่พอใจอะไร

เขามีอำนาจมากมายในเมืองนี้จริง เป็นสวรรค์ของนักธุรกิจที่พอมีชื่ออย่างโจวเย่นชิว

แต่เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เขานั้นยังคงเทียบไม่ติด

ไม่ว่าจะเป็นอายุ ฐานะทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรและมรดกที่สามารถระดมได้

“นายท่านหลี่ล้อเล่นแล้ว ผมได้เตรียมที่ห้องสวีทให้กับนายท่านหลี่แล้ว” ท่านเมิ่งยิ้มในขณะที่พูด

นายท่านหลี่ยกมือขึ้น ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ใช่ลานป่าไผ่หรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าในคลับสี่ยิ่น ลานป่าไผ่เป็นที่ที่เงียบสงบที่สุด ฉันที่อายุมากแล้ว ไม่ชอบเสียงดัง”

ได้ยินแบบนี้

ท่านเมิ่งก็ตัวแข็งทันที ยิ้มอย่างอึดอัด “ขอโทษครับนายท่านหลี่ ลานป่าไผ่มีแขกพักอยู่แล้วครับ”

“ย้ายออกไปก็ได้แล้ว” นายท่านหลี่ยิ้มอย่างดูถูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

เจ้าบ้านตระกูลหลี่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาที่เมืองนี้ ไม่ต่างอะไรกับมังกรมาเยือนเลย

ด้วยสถานะของเขา ที่มีความเชื่อมั่นเต็มร้อย ในที่แคบๆตรงนี้ ไม่มีใครกล้าถกเถียงเขา หรือเทียบกับเขา

และแล้ว

“ย้ายไม่ได้ครับ!”

ท่านเมิ่งพูดตรงๆโดยไม่กลัว ถึงขนาดในแววตายังมีความเย็นชาแฝงอยู่

เขาเคารพตระกูลหลี่ และเคารพนายท่านหลี่

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านายท่านหลี่จะทำอะไรตามอำเภอใจ หรือสั่งการตามความประสงค์

ตรงนี้เป็นที่ของเขา กู้โก๋ฮั้วที่พักอยู่ในลานป่าไผ่ยังเป็นเพื่อนรักของเขาอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลกู้กับตระกูลหลี่ก็ไม่………..?

“อะไรนะ?”

นายท่านหลี่ขมวดคิ้ว ท่าทีเย็นชาทันที เสี่ยวเมิ่ง “นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของที่นี่เหรอ?”

ท่านเมิ่งนั่งตัวตรง สายตาจ้องไปที่นายท่านหลี่โดยตรง “บริษัทชิงหยิ่นกู้โก๋ฮั้ว!”

โครม!

นายท่านหลี่เหมือนถูกฟ้าผ่า หางตากระตุกทันที

บริษัทชิงหยิ่นมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ มีความสามารถและแข็งแกร่ง

และตระกูลหลี่เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

แต่นายท่านหลี่ก็เข้าใจดี วันนี้ตระกูลหลี่กับบริษัทชิงหยิ่นห่างกันอยู่หนึ่งชั้น

แม้ว่าตระกูลหลี่ภายใต้การนำของเขาในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ มากสุดก็พอๆกับบริษัทชิงหยิ่น

อีกอย่าง สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นเงื่อนไขในประเทศ!

หลังจากประหลาดใจแล้ว นายท่านหลี่ก็กล่าวอย่างสงสัย “ประธานกู้ของบริษัทชิงหยิ่น ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“มาเยี่ยมญาติ”

ท่านเมิ่งตอบไปอย่างนั้น กลับมาดูว่าที่ลูกเขยในอนาคต มันก็ไม่ต่างจากการมาเยี่ยมญาติ

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด

นายท่านหลี่ก็ลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก “เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะไปพบเขาหน่อย คนอื่นจะว่าไม่ได้ว่าตระกูลหลี่ไม่รู้มารยาท”

ไอ้แก่หน้าไม่อาย

ท่านเมิ่งมองด้านหลังของนานท่านหลี่ แฝงด้วยความดูถูก

มองดูนายท่านหลี่เดินออกไปจากห้องรับแขก เขารีบเรียกนายท่านหลี่เอาไว้

“นายท่านหลี่ ไม่ต้องไปแล้ว ประธานกู้พักอยู่แต่ในลานป่าไผ่ แม้แต่คนที่เป็นเจ้าบ้านอย่างผมยังพบเจอได้ยาก ครั้งนี้ที่เขากลับมาก็เพราะเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้คนนอกรู้”

นายท่านหลี่หยุดชะงัก ลังเลไปครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างจำยอม ได้ๆ ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันไม่ไปก็ได้ ในอนาคตมีเวลามากมายที่จะชื่นชมประธานกู้

ขณะที่พูด เขาก็ได้เดินกลับมา นั่งลงบนเก้าอี้

ท่านเมิ่งจึงได้ถามขึ้น “นายท่านหลี่มาเยือนเมืองนี้ในครั้งนี้ มีเรื่องอะไรเหรอครับ? มีอะไรที่ผมจะสามารถช่วยได้บ้าง”

นายท่าหลี่เลิกคิ้ว “เรื่องนี้ ต้องการความช่วยเหลือจากเสี่ยวเมิ่งจริงๆด้วย ตระกูลหลี่ของฉันมีทายาทหนึ่งคนที่อาศัยอยู่ในเขตของคุณ วันนี้ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ควรแก่เวลาที่จะกลับบ้านแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทางนายท่านหลี่ดูเหมือนจะทุกข์ใจ “แต่ว่าทายาทคนนี้หยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองเก่ง มั่งใจว่าตัวเองนั้นจะสามารถสร้างอาณาจักรของตัวเองได้ ไม่ยอมกลับไปกับฉัน ครั้งนี้จึงนัดเขามาเจอในที่ของคุณ”

“ก็อยากจะให้เขาดูเอาไว้ สายสัมพันธ์ของตระกูลหลี่ ยิ่งใหญ่แค่ไหน เพื่อให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะสร้างฝันของตัวเอง กลับบ้านไปพร้อมกับฉัน”

ท่านเมิ่งพยักหน้า เรื่องแบบนี้ เขาไม่ได้แปลกใจ

เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ทายาทของนายท่านหลี่นั้นเป็นเสือดาวในหมู่คน แต่ถ้าเขาสามารถกลับไปที่ตระกูลหลี่ ได้รับความช่วยเหลือของตระกูลหลี่ เขาจะสามารถเปิดโลกได้อย่างแน่นอน ยังจะต้องมาต่อสู้สร้างฝันอีกเหรอ? ผมจะทำให้ทายาทคนนั้นรู้ว่า อาณาจักรของตระกูลหลี่นั้นกว้างใหญ่แค่ไหน มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกันกว้างแค่ไหน ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณเสี่ยวเมิ่ง นายท่านหลี่ยกมือคารวะ ทำให้เขารู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ก็จะได้กลับไปตระกูลหลี่อย่างโดยดี”

บทที่ 174 ตระกูลเฉินผมยังไม่กลัวเลย แล้วจะกลัวตระกูลหลี่เหรอ?

เฉินตงตกตะลึง

คำพูดของแม่ เหมือนเสียงฟ้าผ่าที่ระเบิดใส่หู

“เชิญผมกลับไปตระกูลหลี่ เพื่อสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน?”

ชั่วพริบตาเดียว ในหัวสมองของเฉินตงก็เต็มไปด้วยความสงสัย

พฤติกรรมของตระกูลหลี่ ในเมื่อตอนนั้นไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด แย่งกิจการที่พ่อเหลือไว้ไปด้วยความโลภ ตอนนี้ทำไมถึงมาเชิญเขากลับไปรับตำแหน่งเจ้าบ้านล่ะ?

มันหมายความว่ายังไง?

จะให้ศัตรูขึ้นไปเป็นเจ้าบ้าน มือถือมีด เพื่อฆ่าพวกเขาเหรอ?

“เห่อๆ เพราะเขารู้ดี ลูกชายสุดที่รักทั้งหมดของเขา เป็นพวกที่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!”

หลี่หลานยิ้มพูดอย่างดูถูก “พี่ชายเหล่านั้นของแม่ แต่ละคนนั้นไม่ได้เรื่องเลย พวกเขาเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ จะนำพาตระกูลหลี่ให้รุ่งโรจน์ได้อย่างไร? ด้วยความสามารถของแม่ ตอนนั้นแม้ว่าจะไม่อาศัยเงินทุนของตระกูลหลี่ ผลงานที่ทำออกมายังดีกว่าพวกเขาที่มีพึ่งอย่างตระกูลหลี่ ดีกว่าเป็นร้อยเท่า!”

“แต่น่าเสียดาย แม่เกลียดที่ตัวเองเป็นผู้หญิง! ก็เพศสภาพที่เป็นหญิง ได้พรากทุกสิ่งอย่างไปจากแม่ ได้มาซึ่งหายนะที่โหดร้ายและเลือดเย็นของตระกูลหลี่ “”

หลี่หลานกำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ตระกูลหลี่ในวันนี้ ภายนอกดูดีแต่ภายในนั้นพังไม่เป็นท่านานแล้ว เขานั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ ดังนั้นพยายามต้านมันเอาไว้ แม้ตายยังไม่กล้าเลย เพราะเขาเข้าใจดี ขอเพียงเขาตาย ตระกูลหลี่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนจื่อเจี่ยว ก็จะล้มลงทันที”

“และด้วยความคิดที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้ตระกูลหลี่ในวันนี้ หาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านไม่ได้แม้แต่คนเดียว!”

“ดังนั้น ในขณะที่ไม่มีทางเลือก อีกทั้งยังอยากจะรักษาสถานการณ์ของตระกูลหลี่เอาไว้ เขาจึงมาหาเราอย่างหน้าด้านๆ?”

เฉินตงยิ้มแล้ว พร้อมกับความดูถูกที่รุนแรง “มันต้องหน้าหนาขนาดไหนเนี่ย?”

“เขาสนใจเรื่องยางอายมั้ย? หลี่หลานหัวเราะ หากสนใจ ตอนนั้นเขาก็คงไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก!”

อารมณ์ของหลี่หลานดีขึ้นมากแล้ว มองเฉินตงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกาย

“ตงเอ๋อ ลูกนั้นเก่งมาก ลูกเป็นความภูมิใจของแม่ ลูกรู้หรือเปล่า ตอนที่เขาหาแม่นั้น บอกกับแม่ว่าจะเชิญลูกกลับไปเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านนั้น แม่เหมือนมีความสุขที่ได้ระบายความโกรธความขยะแขยงในตอนนั้นออกมา ”

ขณะที่พูด หลี่หลานก็จับมือของเฉินตงเอาไว้

“ความโกรธเหล่านี้ มันได้กดทับอยู่ในใจแม่มายี่สิบปีแล้ว แม่โกรธ แม่เกลียด แต่ไม่มีกำลังในการต่อต้าน แต่ตงเอ๋อลูก ได้ตบหน้าเขา ได้ช่วยแม่คลายความโกรธนี้!”

สายตาที่ลึกๆของเฉินตง ได้ระงับความโกรธที่มีต่อตระกูลหลี่ไว้ในใจ

เขาพูดอย่างเรียบเฉย “แล้วความหมายของแม่คือ?”

หลี่หลานอึ้งไปครู่หนึ่ง

จากนั้น ท่าทีของเธอก็ค่อยๆอ่อนโยนขึ้น

ไม่ได้ดูดุร้ายเหมือนเมื่อกี้แล้ว และไม่ได้ผยองเหมือนเมื่อกี้

มีเพียงความสงบ

“แม่แค่อยากจะช่วยลูกปฏิเสธ ครอบครัวที่เลือดเย็นครอบครัวนี้ ชาตินี้แม่ไม่อยากจะกลับไปอีก”

หลี่หลานกล่าวเบาๆ “แต่ในเมื่อลูกรู้เรื่องนี้แล้ว แม่ก็จะเคารพการตัดสินใจของลูก”

น้ำเสียงนั้นจริงจังมาก

เพราะหลี่หลานนั้นเข้าใจดี

แม้ตระกูลหลี่จะเทียบตระกูลเฉินไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ยังเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

แม้ว่าภายในนั้นจะแย่ แต่ว่าอูฐที่อดตายยังไงก็ใหญ่กว่าม้า (จะตกต่ำแค่ไหนแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน)

ขอเพียงเฉินตงพยักหน้า กลับไปตระกูลหลี่ก็จะได้ตำแหน่งเจ้าบ้าน

หากเป้าหมายเป็นตระกูลเฉิน เฉินตงยังต้องต่อสู้อย่างสู่ความสามารถ เพื่อชนะผู้ที่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดทุกคน จึงจะได้ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

ด้วยความสามารถของเฉินตง หากเลือกตระกูลหลี่ ก็จะสามารถนำพาตระกูลหลี่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ ได้ในเวลาที่รวดเร็ว

มันจะง่ายกว่าที่เฉินตง เลือกตระกูลเฉิน

หากตระกูลเฉินเป็นถนนเล็กที่เต็มไปด้วยบ่อหลุม งั้นตระกูลหลี่ก็จะเป็นถนนใหญ่ที่สู่สวรรค์โดยตรง!

แม้ว่าหลี่หลานนั้นจะเข้าใจลูกตัวเอง แต่เวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหม่าตื่นเต้น

เส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสองทาง ล้วนสามารถพาเฉินตงไปยังจุดที่สูงที่สุดได้

ตัวเลือกแบบนี้ หลี่หลานไม่กล้าที่จะไปคาดเดาว่าเฉินตงนั้นจะเลือกยังไง

ในรถ แสงไฟสลัว

และมันก็เงียบมาก

ทันใดนั้น ก็ดังขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของเฉินตง

เฉินคงถูจมูกไปมา “แม่ครับ ยี่สิบปีมานี้ ต่อให้เราสองแม่ลูกต้องลำบากขนาดไหน เราเคยต้องคุกเข่ามั้ย?”

หลี่หลานส่ายหัว

เฉินตงเลิกคิ้ว “งั้นก็ถูกแล้ว และก็ไม่ต้องเลือกด้วย ช่วงชีวิตที่ลำบากที่สุดเรายังผ่านมันมาได้แล้ว ทำไมวันนี้เรายังจะต้องไปคุกเข่าเพื่อกินข้าวที่เลือดเย็นของตระกูลหลี่อีกล่ะ?”

ขณะที่พูด เฉินตงก็เปิดประตูรถ

“สิ่งที่ผมเฉินตงต้องการ ผมก็จะไปคว้ามันด้วยตัวเอง แม้ว่าตระกูลเฉินจะเต็มไปด้วยอันตราย ผมก็ต้องเดินเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย ให้ผมคุกเข่าแล้วรับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่ กระดูกของผมค่อนข้างแข็ง ผมคุกเข่าไม่ลง!”

น้ำเสียงไม่แยแส แต่ดังและทรงพลัง

ดวงตาของหลี่หลานเป็นประกาย ในที่สุดใบหน้าก็ปรากฏด้วยรอยยิ้ม

มองไปยังเฉินตง เธอค่อยๆสงบลงมา ความคิดก็แล่นขึ้น

หลี่หลานกล่าวด้วยเสียงต่ำ “หากลูกเลือกแบบนี้ ตระกูลหลี่อาจจะไม่ยอมปล่อยเราสองแม่ลูก”

“ตระกูลเฉินผมยังไม่กลัวเลย แล้วจะกลัวตระกูลหลี่เหรอ?”

เฉินตงยิ้มเยาะ หันหน้าไปพูดกับหลี่หลาน “แม่ รีบไปพักผ่อนเถอะ เรื่องแบบนี้ต่อไปแม่ก็ไม่ต้องไปกังวลอีก หากพวกเขามา ให้คุนหลุนออกไปจัดการก็สิ้นเรื่อง”

เมื่อรู้เรื่องราวในตอนนั้นแล้ว เฉินตงก็มีความเกลียดชังเล็กน้อย

เกลียดตอนที่อยู่ที่บ่อฉุยส่วยนั้น ฝ่ามือที่ตบนั้นเบาเกินไป!

คนที่ดูดเลือดดูดเนื้อคนอื่น ยังมีหน้ามาขอร้องให้แม่และตัวเองกลับบ้านกับเขา

ยังอาศัยฐานะที่พิเศษของตัวเอง ตบแม่

หนึ่งฝ่ามือ มันจะเพียงพอกับความโกรธแค้นยี่สิบปีของแม่ได้อย่างไร?

หนึ่งฝ่ามือ จะชดใช้ความทุกข์ยากลำบากตั้งยี่สิบปีของพวกเขาสองแม่ลูกได้อย่างไร?

หลังจากที่พยุงแม่กลับห้องแล้ว

เฉินตงกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยใบหน้าที่เย็นชา นอนอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ง่วง

มองดูเพดานบนห้อง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

รู้เรื่องราวในตอนนั้นแล้ว เฉินตงรู้สึกหดหู่ในอกอย่างรุนแรง ราวกับว่าภูเขาไฟทับอยู่ โดยไม่มีที่ให้ปะทุ

เด็กกำพร้ากลับแม่หม้ายสมควรรังแกเหรอ?

มีเงินมีอำนาจก็สามารถรังแกคนเหรอ?

เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยขี้ขลาด และก็ไม่สามารถที่จะยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ กับคนที่แทงตัวเอง

หากตระกูลหลี่ยังคงไร้ยางอาย เขาก็ไม่ถือสาที่จะใช้มีดแทงกลับไป!

……

สองสามวันมานี้

ทุกอย่างเงียบสงบ

การพรีเซลล์ของโครงการทั้งสี่แห่งของบริษัทไท่ติ่ง ได้เริ่มต้นอย่างเงียบ ๆ

ไม่สร้างกระแส ไม่มีพิธีตัดริบบิ้น และไม่มีสื่อรายงาน

แต่ก็ยังสร้างความฮือฮาไปทั้งเมือง

ราคาบ้านทางฝั่งตะวันตกของเมืองสูงขึ้นจนแซงฝั่งตะวันออกของเมืองแล้ว และผู้ซื้อทุกคนต่างวิตกกังวลมานาน

แต่ไท่ติ่งก็จำกัดซื้อมาโดยตลอด ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านทั้งหมดอกจะระเบิด

ในตอนเช้าของการเปิดตัวโครงการทั้งสี่แห่ง คนนั้นน้อยจริงๆ

แต่เมื่อข่าวไม่จำกัดการซื้อถูกเผยแพร่ออกไป สำนักงานขายของโครงการทั้งสี่แห่ง ก็ถูกผู้ซื้อที่ต้องการจะซื้อบ้านนานแล้วมาถล่มโดยตรง!

การทุ่มขายอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่ได้มานั้นคือการคืนทุนจำนวนมาก

หลายวันนี้ เป็นช่วงเวลารื่นเริงของไท่ติ่ง

และยังเป็นช่วงเวลาที่เฉินตงได้ก้าวไปใกล้กับเป้าหมายของเขาอีกหนึ่งก้าวใหญ่ๆ

แต่เฉินตง ไม่ได้ร่วมรื่นเริงกับบริษัท

แม้ว่าเสี่ยวหม่าและคนอื่นๆจะเรียนเชิญ เขาทำเพียงแค่โบกมือ เอาเงินก้อนใหญ่ให้เสี่ยวหม่าพาทุกคนไปรื่นเริงกัน

และเขา ยังคงรักษาสภาพชีวิตประจำวันของเขาไม่ทำงานก็กลับบ้าน

เพราะเขารู้ดี นี่เป็นเพียงก้าวแรกที่เขาเดินไปยังตระกูลเฉินเท่านั้น ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะรื่นเริงได้จริงๆ

ทางของเขายังอีกยาวไกล ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ยังไม่อาจรู้ได้ ไม่กล้าหย่อนแม้แต่น้อย

เช้าวันนี้

เฉินตงกับคุนหลุนหลังจากที่ฝึกวิชาปีศาจเสร็จแล้ว เพิ่งจะกลับถึงบ้าน

ก็มีข้อความส่งมาที่โทรศัพท์ของเขา

“วันนี้เที่ยง เจอกันที่คลับสี่ยิ่น หลานรักจำเป็นต้องมา จากคุณตา”

บทที่ 173 เรื่องในตอนนั้น

ย้อนคิดไปถึงตอนนั้น เสียงของหลี่หลานเหมือนติดขัดอยู่ในลำคอ

อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง

สีหน้าอารมณ์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เฉินตงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เร่ง

ครู่ใหญ่ หลี่หลานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์แล้ว ก็กล่าวต่อ “ตอนนั้นแม่กับพ่อของหนูเจอกันในงานเลี้ยงระดับสูงในงานหนึ่ง มันเป็นรักแรกพบ”

“และในตอนนั้น พ่อของลูกนั้นมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดแล้ว กำลังออกไปฝึกฝน เพื่อแข่งขันเป็นเจ้าบ้าน”

ภายใต้แสงไฟ สายตาที่ลึกๆของเธอ ค่อยๆเปิดประตูของความทรงจำออกอย่างต่อเนื่อง

แต่สีหน้า กลับค่อยๆดุดัน เกลียดชัง

“แม่กับพ่อของลูกมาถึงเมืองแห่งนี้ ก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว สร้างธุรกิจที่เป็นของเรา พ่อนายเป็นคนที่มีความสามารถและกล้าหาญมาก เขาโดดเด่นกว่าผู้สืบทอดคนอื่นๆในตระกูลเฉิน”

“ในตอนนั้น แม่ท้องลูกอยู่ พ่อของลูกไม่อยากห่างจากเราสองแม่ลูก ก็เลยคิดอยากจะปฏิเสธตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน แต่กลับต้องประสบกับความไม่พอใจและการบีบบังคับของเจ้าบ้าน”

“แบบนี้ก็ต้องบีบบังคับด้วยเหรอ?”

เฉินตงไม่ค่อยเข้าใจ “พ่อยินดีที่จะสละตำแหน่งเจ้าบ้าน มันเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งสำหรับผู้มีสิทธิ์สืบทอดที่พ่ายแพ้ไม่ใช่เหรอ?”

“กฎของตระกูลตั้งแต่ไหนแต่ไรก็คือผู้ที่ชนะทุกคน ก็จะได้เป็นเจ้าบ้าน!”

หลี่หลานยิ้มอย่างขมขื่น “แต่หลังจากการสิ้นสุดการแข่งขัน คนสุดท้ายที่ชนะกลายเป็นเจ้าบ้านแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสในการเลือกอีกเจ้าบ้านนั้นต้องเป็นพ่อของลูกเท่านั้น กฎของตระกูลนั้นฝ่าฝืนไม่ได้”

เฉินตงขมวดคิ้วลึกๆ บางทีนี่อาจจะเป็นความลับที่ทำให้ตระกูลเฉินรุ่งโรจน์มาโดยตลอดละมั้ง?

สิ่งที่เรียกว่าผู้แข่งขันการชนะ มันเหมือนกับการเลี้ยงกู่ เมื่อเลี้ยงจนเป็นราชากู่แล้ว ก็จะเป็นเวลาที่เจ้าบ้านคนใหม่ขึ้นรับตำแหน่ง

คนที่สามารถอยู่ในกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ชนะ ไม่ว่าความสามารถด้านไหน ก็สุดยอดทั้งนั้น!

หลี่หลานกล่าวอย่างต่อเนื่อง “ตอนนั้นเจ้าบ้านตระกูลเฉินกับคุณหญิงใหญ่คนนั้น ร่วมมือกันบีบบังคับให้พ่อของลูกกลับไปรับตำแหน่งเจ้าบ้าน สิ่งที่ใช้ในการข่มขู่ก็คือชีวิตของเราสองแม่ลูก”

ม่านตาของเฉินตงหดลง ในอกความหดหู่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

สองมือ อดไม่ได้ที่จะแอบกำหมัดเอาไว้

ใช้ชีวิตคนในการข่มขู่ ตระกูลเฉินช่างเผด็จการนัก!

“เหมือนกับที่ลูกเห็น ตระกูลเฉินนั้นไม่เห็นค่าของชีวิตคนเลย ตอนนั้นพ่อของลูกเพื่อจะปกป้องเราสองแม่ลูก จึงทำได้เพียงต้องแบกคำว่าทิ้งลูกทิ้งเมีย เพื่อกลับไปตระกูลเฉิน รับตำแหน่งเจ้าบ้าน”

ดวงตาของหลี่หลานแดงเล็กน้อย “น้ำตาคลอเบ้า อันที่จริง แม้ว่าพ่อของลูกจะจากไป แต่ธุรกิจที่แม่กับเขาสร้างกันขึ้นมานั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราสองแม่ลูกอยู่ได้ทั้งชาติ แต่แล้ว……….”

มาแล้ว!

เฉินตงตื่นเต้น ตั้งใจฟังอย่างมาก

“แต่แล้ว……….แม่เกลียดมันมาก! เกลียดที่ทำไมต้องเกิดในบ้านตระกูลหลี่? ตระกูลหลี่นั้นเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่กินคน!”

หลี่หลานทุบหน้าอกของเธอ ในที่สุดน้ำตาในดวงตาของเธอก็ไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เสียงของเธอสั่น “หลังจากที่พ่อของลูกจากไป ตระกูลหลี่ก็มาหาเราสองคนถึงบ้าน พวกเขาต้องการธุรกิจที่พ่อของลูกสร้างขึ้น และพวกเขาอาศัยที่แม่เป็นของตระกูลหลี่ยิ่งแย่งชิงมันไป!”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ใบหน้าของหลี่หลานดูหน้าดุร้ายและบิดเบี้ยว

เกลียดชัง โกรธอารมณ์หลายต่อหลายอย่าง ได้เขียนไว้บนใบหน้าทั้งหมด

สีหน้าของเฉินตงมืดมนจนขีดสุด ความหดหู่ในใจกลายเป็นเปลวไฟแห่งความโกรธ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ตอนนั้นแม่อยากจะปฏิเสธตระกูลหลี่ เพื่อแสวงหาอนาคตที่มั่นคงสำหรับเราสองแม่ลูก แต่ในเวลานั้นตระกูลหลี่ทั้งโลภและหยิ่งผยอง ก็คือตาของลูก ที่ข่มขู่และรังแกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายอย่างเราสองคน ใช้อำนาจของตระกูลหลี่ในการบีบบังคับ ทำให้แม่ต้องยอมมอบธุรกิจออกไป” ”

“เพราะการต่อต้านที่รุนแรงของแม่ คุณตาของลูกก็ได้คัดชื่อของแม่ออกจากบัญชีรายชื่อของตระกูลหลี่ จึงได้มีภาพความทรงจำของลูก ที่เราสองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”

แกระ!

ข้อนิ้วมือสองข้างของเฉินตงดังขึ้น

มีแสงแห่งความเย็นชาในดวงตาของเขา มองไปยังแม่ที่น้ำตากำลังนองเต็มใบหน้า เกือบจะร้องไห้ “แต่แม่คือคนตระกูลหลี่ และแม่ก็เป็นลูกสาวของเขานะ เขาทำไมถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้?”

“เห่อๆ………ลูกสาว?”

หลี่หลานยิ้มอย่างเศร้า ๆ และเช็ดน้ำตาออกจากมุมหางตาของเธอ “ตงเอ๋อ ลูกจำเอาไว้ ในตระกูลหลี่ จะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวลูกชายถึงจะเป็นคนที่คู่ควรในบ้าน และผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ แม้ว่าแม่จะมีเชื้อสายโดยตรง แต่เมื่ออยู่ในบ้านไม่เพียงไม่มีสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน แม้แต่ทรัพยากรอื่นๆก็ไม่ได้ด้วย!”

พูดถึงตอนท้าย หลี่หลานเกือบจะร่ำไห้

ความอยุติธรรมทั้งหมด เป็นเหมือนแผลเป็นที่ตกสะเก็ด และเมื่อย้อนความทรงจำ รอยแผลเป็นก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง

รักลูกชายมากกว่าลูกสาว?

เฉินตงหรี่ตาจนเป็นเส้นตรง และร่างกายของเขากระจายไปด้วยความเย็น

มุมปากของเขา โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว ยิ้มอย่างเย็นชา

นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว?

ตระกูหลี่ยังมีความคิดที่โบราณคร่ำครึแบบนี้อีกเหรอ?

ผู้ชายอยู่ที่สูง ผู้หญิงจะมีหรือไม่มีก็ได้?

ช่างเหลวไหลสิ้นดี!

“มันน่าประหลาดใจมากใช่มั้ย? ตอนนั้นแม่ก็ประหลาดใจเหมือนกัน ยิ่งเกลียดตัวเองที่เป็นผู้หญิงและต้องมาเกิดในบ้านตระกูลหลี่”

หลี่หลานพยายามอั้นความรู้สึกที่หัวใจพังทลายเอาไว้ “เล่าต่อ ความโหดร้ายของคุณตา มันมากกว่าที่แม่คิดเอาไว้มาก ตอนนั้นไม่เพียงแต่บีบบังคับจนแย่งกิจการของพ่อของลูกไป ยังทำทุกวิถีทาง เพื่อกดขี่แม่ที่อยู่ในเมืองนี้ ไม่ให้โอกาสแม่ได้ลืมตาอ้าปากเลย!”

เสียงร่ำไห้ดังขึ้นอย่างน่าอนาถ

ร่างกายของหลี่หลานสั่นเทา ใบหน้าแดง น้ำตาไหลไม่หยุด

รอยแผลเป็นถูกเปิดออก ความเจ็บปวดที่รุนแรง หากวันนี้ไม่ใช่เพราะความลับถูกเปิดเผย จึงต้องบอกกับเฉินตง ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีวันเต็มใจที่จะทนทุกข์ทรมาน

“แม่………”

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก กอดแม่ตัวเองเอาไว้ “ไม่เป็นไรครับ มีผมอยู่ มีผมอยู่ ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น”

เขากังวลแม่จะโกรธจนกระทบหัวใจ

ฝันร้ายนี้ ความทรงจำที่ละเอียด ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายในตอนนี้ของแม่จะทนได้อย่างแน่นอน

เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม เผด็จการอย่างโจ่งแจ้ง

ตระกูลหลี่ไม่เพียงแต่รังแกเด็กกำพร้าแม่หม้ายอย่างพวกเขา ถึงขั้นไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด!

“ขอโทษด้วย ตงเอ๋อ เป็นแม่ที่ผิดต่อลูก ตอนนั้นหากแม่เข้มแข็งกว่านี้ ชีวิตวัยเด็กของลูกก็คงไม่ต้องมืดมนแบบนี้”

หลี่หลานร้องไห้อย่างเจ็บปวด เอาแต่โทษตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้สนใจ”

เฉินตงส่ายหัว พลางลูบหลังของแม่แล้วกล่าวปลอบ “เราได้เดินออกมาแล้ว ลูกสามารถที่จะค้ำฟ้าให้แม่ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลหลี่ ก็ไม่สามารถที่จะรังแกเราได้อีก”

หลี่หลานพยักหน้า กัดริมฝีปากเอาไว้

แม้ว่าจะพยายามฝืนไม่มีเสียงร้องไห้ แต่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด

แววตานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง

เฉินตงปลอบโยนอย่างใจเย็น ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม อารมณ์ของหลี่หลานจึงค่อยสงบลง ออกมาจากความทรงจำที่เจ็บปวดในตอนนั้นได้

“แม่ครับ ตอนนี้คนของตระกูลหลี่มาเพื่ออะไร?”

น้ำเสียงของเฉินตงแฝงด้วยความเย็นชา ตามเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดของแม่ เขานั้นได้เห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตาเป็นคนนอกไปแล้ว ไม่ใช่คนตระกูลหลี่เท่านั้น

น้ำเสียงของหลี่หลานยังสะอื้นเล็กน้อย

เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เพราะว่า พวกเขารู้ว่าลูกชายของหลี่หลานนั้นเก่งกาจ!”

“ก็เลยจะให้เรื่องราวในตอนนั้น เล่นซ้ำอีกครั้ง?” เฉินตงเลิกคิ้ว

ไม่สนใจสายสัมพันธ์ ไม่สนใจว่าเป็นลูกสาว ลงมือแย่งชิงกิจการที่พ่อเหลือไว้ให้แม่ ใบหน้าของคุณตาคนนั้น หากจะแสดงซ้ำอีกครั้ง เฉินตงก็ไม่มีความประหลาดใจเลยแม้แต่นิดเดียว

หลี่หลานส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มยิ่งอยู่ยิ่งสดใส

“เขา อยากจะเชิญลูกกลับตระกูลหลี่ ไปสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน!”

บทที่ 172 นอกจากฮ่องเต้ก็คือมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองหลวง!

เสียงตบที่ดังสนั่นเข้าไปในหู เสียงสะท้อนดังไปทั่วลานบ้านที่เงียบสงบที่มีเพียงเสียงน้ำที่ไหล

เหมือนกับเสียงฟ้าคำรามไม่มีผิด

ทุกคนล้วนตะลึงกันไปหมดแล้ว

ใครก็คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะลงมือกะทันหันแบบนี้

และ……..ยังเป็นการตบหน้าคุณตาตัวเองได้เด็ดขาดแบบนี้

ฝ่ามือนี้ ตบจนชายชราผมขาวเลือดซึมออกมาจากมุมปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและมึนงง

“นายท่าน!”

บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้าง ก็กรูกันเข้ามาทันที

“ยืนอยู่ตรงนั้น!”

ชายชราผมขาวคำรามด้วยความโกรธ “พวกแกจะซ้อมหลานของฉันหรือไง?”

บอดี้การ์ดทั้งหลายก็หยุดกะทันหัน

“ตงเอ๋อ……..” หลี่หลานพูดอย่างตื่นตกใจ

เฉินตงยกมือขึ้นห้าม สายตามที่เยือกเย็นจ้องมองชายชราผมขาว “ฉันไม่สนหรอกว่าคุณเป็นใคร ทำร้ายแม่ผม ผมก็จะทำร้ายคุณ!”

“เป็นความผิดของตาเอง”

ชายชราผมขาวพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างขอโทษ “ตงเอ๋อตอนนี้พอใจหรือยัง?”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาเป็นคุณตาของผม?”

เฉินตงมีท่าทีที่เย็นชา คำพูดเชือดเฉือน “ยี่สิบกว่าปี ตอนที่ผมและแม่อาศัยอยู่ใต้หลังคาของคุณอื่น คุณตาอย่างคุณอยู่ไหน? ผมและแม่ยากจนจนไม่มีอาหารตกถึงท้องนั้น คุณตาอย่างคุณอยู่ไหน? ตอนที่แม่ผมป่วยหนักเกือบตาย คุณตาอย่างคุณ อยู่ไหน?”

“ฉัน………”

คำถามที่ยาวเป็นหางว่าว ทำให้ชายชราผมขาวพูดไม่ออก

“คุณตาที่ดี ตรงไหนร่มก็ไปอยู่ตรงนั้นเลย แม่ผมยอมคุณ แต่ผมนั้นแค่เห็นคุณก็ขัดหูขัดตามาก!”

เฉินตงหัวเราะ ดึงตัวหลี่หลาน หันกายก็เดินจากไป “คนที่แตะต้องแม่ผม ต่อให้ต้องตาย ต่อให้เป็นฮ่องเต้ผมก็จะจัดการมัน คุณมันก็แค่คุณตา จะแค่ไหนเชียว?”

หยาบคาย เผด็จการ

ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างคาดไม่ถึง

“ตงเอ๋อ หลานจะไม่ยอมฟังสาเหตุที่ตามาที่นี่หรือ?” เวลานี้ชายชราผมขาวร้อนใจจนหน้าซีดแล้ว

ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าหลี่หลานเขายังเชื่อว่าเฉินตงจะยอมก้มหัวให้กับเขา

กลับคิดไม่ถึง ต่อมาเฉินตงก็ตบหน้าเขาโดยตรง แม้แต่โอกาสที่จะเอ่ยปากพูดก็ยังไม่มีเลย

บทสรุปแบบนี้ ชายชราผมขาวไม่มีทางที่จะยอมรับมันได้!

“ไปให้พ้น!”

เฉินตงที่ดึงตัวมารดาเอาไว้ ก้าวเดินอย่างไม่หยุด กล้าวทิ้งท้ายอย่างเย็นชา

และบอดี้การ์ดเหล่านี้คิดที่อยากจะขวาง

คุนหลุนนั้นกลับก้าวขึ้นมาด้านหน้าก่อนหนึ่งก้าว แล้วทำเสียงฮึ่ม ร่างที่สูงตระหง่านทันใดนั้นก็กดดันจนบอดี้การ์ดต้องหยุดลง

ท่านหลงเดินผ่านคุนหลุน เดินไปตรงหน้าชายชราผมขาว

รอยยิ้มเต็มหน้ายกมือคารวะ “นายท่าน ไม่เจอกันหลายปี ดูท่าทางของท่าน สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงอยู่นะ?”

ทั้งๆทักทายด้วยมารยาท แต่คำพูดกับเต็มไปด้วยความแดกดัน

“หากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เกรงว่าคงไม่มาเชิญคุณชายถึงที่นี่หรอกมั้ง?”

ชายชราผมขาวสีหน้าบึ้งตึง กัดกรามจนแน่น “ท่านหลง นายมันก็แค่คนรับใช้ในบ้าน นี่คือน้ำเสียงที่นายใช้พูดกับฉันเหรอ?”

เมื่อก่อนใช่ว่าจะไม่เคยเห็นท่าทางของคุณ!”

“ตอนนั้น เมื่อเวลาที่คุณอยู่ต่อหน้านายท่านของบ้านผม ก็เคยคุกเข่าพยักหน้าและโค้งคำนับ” ท่านหลงหัวเราะกล่าว

ชายชราผมขาวแววตาดุร้าย “อย่าคิดว่าตระกูลหลี่จะกลัวนายนะ?”

“ผู้มีเมตตาเห็นผู้มีเมตตา ผู้มีปัญญาเห็นผู้มีปัญญา”

ท่านหลงหันหลังกลับ พลางก้าวเดิน พลางยกมือหัวเราะกล่าว “นายท่านตายใจเถอะ คุณมาช้าไปแล้ว วันนี้คุณชายเป็นคนของตระกูลเฉิน สิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าคุณชายล้วนเป็นของอร่อยที่มีราคาแพง คุณชายไม่มีทางไปแทะกระดูกหมาอย่างแน่นอน!”

“อีกอย่าง ขอเตือนนายท่านอีกหนึ่งคำ นายท่านของบ้านผมกลับมาแล้ว คุณชายกับคุณผู้หญิง ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในใจคุณควรที่จะมีขอบเขตบ้าง!”

ชายชราผมขาวโกรธอย่างมาก จ้องมองท่านหลงกับคุนหลุนจากได้สายตาที่ดุร้าย

ร่างกายของเขาสั่นเทา กัดฟันจนฟันเกิดเสียง

ความโกรธเป็นเหมือนภูเขาไฟที่สะสมอยู่ในอกของเขา และอายุของเขา แทบจะไม่สามารถควบคุมมันได้

เช็ดเลือดที่มุมปากอย่างแรง ชายชราผมขาวที่หน้าตาบึ้งตึง ยิ้มกล่าวอย่างดุร้าย “ดี ไม่เสียทีที่เป็นหลานของฉัน นายต้องก้มหัว นายต้องก้มหัวอย่างแน่นอน!”

……

เมื่อออกมาจากบ่อฉุยส่วย

ระหว่างทางที่กลับบ้าน ในรถนั้นเงียบผิดปกติ

ท่านหลงที่นั่งอยู่ข้างคนขับ มองออกไปนอกหน้าต่าง

เฉินตงกับหลี่หลานนั่งอยู่ข้างหลัง ต่างปิดปากเงียบ

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น กะพริบตา กำลังครุ่นคิด

การปรากฏตัวของคุณตา ตกใจพอ ๆ กับการปรากฏตัวของท่านหลงกับพ่อในตอนนั้น

สิ่งที่เหมือนกัน ในใจเขานั้นมีความโกรธ

สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ท่านหลงปรากฏตัวได้ช่วยแม่ของเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งพ่อคนนั้น ขึ้นมาเล็กน้อย

แต่การปรากฏตัวของคุณตา กลับเป็นเรื่องตลก “กับคำพูดที่ว่าความรักที่ลึกซึ้งของพ่อแม่”

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็สงสัย ว่าความจริงของเรื่องในตอนนั้นคืออะไร?

หลี่หลานก้มหน้าเอาไว้ สองมือจับไว้ด้วยกัน

ภาพเมื่อกี้ การแสดงออกของเฉินตงเหมือนกับที่เขาพูดกับผู้เป็นพ่อเลย มันไม่ทำให้เธอผิดหวัง

แต่ความเด็ดขาดของเฉินตง ทำให้เธอตกอกตกใจ

เดิมทีเธอนั้นไม่อยากจะบอกเรื่องในอดีตให้เฉินตงรู้ แต่วันนี้หน้าต่างกระดาษฉีกขาดไปแล้ว ปิดบังไม่ได้อีกแล้ว….

รถโรลส์-รอยซ์ขับรถเข้ามาในบริเวณวิลล่า

หลังจากรถได้จอดในโรงจอดแล้ว

ท่านหลงได้บอกให้คุนหลุนลงรถไปก่อน

และเฉินตงกับหลี่หลาน ต่างก็ไม่ขยับตัวกันเลย

“แม่ ยังเจ็บอยู่มั้ย?” เฉินตงเป็นคนทำลายความเงียบ

“ไม่เจ็บแล้ว”

หลี่หลานลูบแก้มของตัวเอง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว “ตงเอ๋อ ลูกโตแล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นเพราะเมื่อก่อนแม่คิดผิดไปเอง รู้สึกว่าควรจะปิดลูก นึกว่าแม่สามารถที่จะจัดการมันได้ แต่ตอนนี้ แม่รู้สึกว่าควรที่จะบอกให้ลูกได้รับรู้”

เฉินตงยิ้มบางๆ รอฟังต่อไป

แววตาของหลี่หลานกะพริบ ราวกับว่ากำลังย้อนความทรงจำ และเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิด

ในที่สุด เธอก็ค่อยๆเล่ามาออกมา

“ลูกรู้จักตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองหลวงมั้ย?”

เฉินตงตะลึง: พักอาศัยอยู่ที่เทียนจื่อเจี่ยว นอกจากฮ่องเต้แล้วตระกูลหลี่ก็คือมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง?

หลี่หลานพยักหน้า

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมืองแต่ละเมืองต่างมีมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งอาศัยอยู่

แต่ละเขตแดนก็มีมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งอาศัยอยู่

ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเขตแดนหรือเมือง ทั้งหมดเป็นเพียงพลังสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง

แต่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเทียนจื่อเจี่ยว แต่กลับไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป

แม้ว่าจะเป็นเพียงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมือง แต่พลังอำนาจและความมั่งคั่งที่มี มันสามารถเทียบได้กับมหาเศรษฐีในเขตแดน

ในขณะที่เฉินตงรู้สึกตกใจและแปลกใจนั้น ในหัวของหลี่หลานก็มีภาพที่น่าตกใจกลัวแล้ว

“แม่เป็นคนของตระกูลหลี่ และยังเป็นผู้สืบเชื้อสายโดยตรง เป็นสายเลือดของเจ้าบ้าน!”

โครม!

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อย่าจะเชื่อ

จากนั้น ความสงสัยหลายอย่างก็เหมือนกับน้ำล้นเขื่อน ทะลักออกมาพร้อมกัน

มารดานั้นเป็นคนของตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของสายเลือด

แล้วทำไม เขากับแม่จึงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันถึงยี่สิบปี ใช้ชีวิตที่ยากจนข้นแค้น?

ก่อนอื่นเขารู้ฐานะของผู้เป็นพ่อแล้ว ยังสงสัยอยู่เลย ว่าพ่อกับแม่นั้นรู้จักกันได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่ใช่เจ้าโง่ที่มีชีวิตเหมือนในนิยายแล้ว

เหมือนกับในนิยาย ที่เจ้าชายรักกับซินเดอเรลล่าในความเป็นจริง มันเห็นได้น้อยมาก

แม้แต่เขากับกู้ชิงหยิ่ง ก็เพราะว่าตอนที่เข้าหาวิทยาลัยแล้วได้เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันจึงค่อยๆรู้สึกดีต่อกัน และพ่อของกู้ชิงหยิ่ง ก็เป็นเศรษฐีใหม่

เศรษฐีใหม่เมื่อเทียบกับผู้ดีเก่า ธรรมเนียมนั้นต่างกันมาก มันถึงได้มีเขากับกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้

แต่หากแม่เป็นผู้สืบเชื้อสายโดยตรงของตระกูลหลี่ กับพ่อก็มีฐานะที่สมกัน โอกาสที่จะร่วมชีวิตด้วยกันนั้นก็มีมากแล้ว!

หลี่หลานนั้นไม่ได้สนใจอาการตกใจของเฉินตง แต่น้ำเสียงเรียบเฉย ค่อยๆกล่าวขึ้น

“ตระกูลเฉินของพ่อนาย การเลือกเจ้าบ้านนั้นคือผู้มีสิทธิ์ที่ชนะจะได้เป็นเจ้าบ้าน แต่ว่าตระกูลหลี่นั้นสืบทอดตามบรรดาศักดิ์ ผู้สืบเชื้อสายโดยตรงมีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุดในบ้าน และตอนนั้น………”

บทที่ 171 ความรักที่ลึกซึ้งของพ่อแม่?

เมื่อเฉินตงได้ยินคำพูดของท่านหลงนั้น

ก็ตกใจเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ขมวดคิ้ว มีความสงสัยในใจ

“แม่ผมหายตัวไป มีเพียงแต่ผมที่จะหาเจอ?”

คำพูดของท่านหลง เห็นได้ชัดว่ามันคลุมเครือ

หากหายตัวไปจริง ด้วยฝีมือของท่านหลง ต้องพลิกแผ่นดินหาไปทั้งเมืองแล้ว ไม่ใช่มาบอกเขาว่ามีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่จะหาเจอ

ปลายสาย ท่านหลงก็ถอนหายใจขึ้นมา

“กระผมกับคุนหลุนใกล้จะถึงหน้าบริษัทของคุณชายแล้ว เจอกันค่อยคุยนะครับ”

หลังจากวางสาย สีหน้าของเฉินตงมืดมน รีบร้อนลงไปชั้นล่าง

คำพูดท่านหลงมีข้อสงสัย แต่สิ่งที่แน่ใจได้ แม่ต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน

เรื่องเกี่ยวกับแม่ เขานั้นร้อนใจดั่งไฟ

ลงมาถึงหน้าบริษัท ก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์จอดอยู่ขอบถนน

เขาเดินเข้าไปโดยตรง หลังจากขึ้นไปบนรถ ท่านหลงก็บอกกับคุนหลุนโดยตรง “ออกรถเถอะ”

“ใครเป็นทำ?”

ใบหน้าของเฉินตงเย็นเหมือนน้ำแข็ง ในใจหดหู่

ท่านหลงให้คุนหลุนขับรถโดยตรง เห็นได้ชัดว่าหาคนเจอแล้ว

ในเมื่อหาคนเจอแล้ว ก็ควรจะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว!

“คุณชายจะไม่ถามเลยเหรอว่าใครทำให้คุณผู้หญิงหายตัวไป?” ท่านหลงยิ้มแล้วถาม

“จำเป็นด้วยเหรอ?” เฉินตงกล่าว

ท่านหลงนวดขมับเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “อันที่จริงคุณผู้หญิงก็ไม่ถือว่าหายตัวไป เป็นเพราะว่าเธอนั้นไปด้วยตัวเอง แน่นอนมันเป็นเพราะอีกฝ่ายได้เรียกเธอไป”

นิ่งไปสักพัก ท่านหลงก็กล่าวขึ้น “อีกอย่าง คุณชายต้องใจเย็น เรื่องนี้เกรงว่าคุณจะไม่สามารถจัดการเหมือนกับที่คิดไว้ในใจ”

เฉินตงขมวดคิ้วจนกลายเป็นเส้นสามเส้น

แม่เป็นเหมือนชีวิตของเขา

คนที่ทำร้ายมารดา เขาไม่สนใจหรอกว่าจะใช้วิธีการใดในการแก้แค้น

แต่คำพูดของท่านหลง กลับทำให้เขาหวั่นไหวเล็กน้อย

หายใจเข้าลึกๆ เฉินตงถาม “ทำไมถึงมีแต่ผมที่จะสามารถหาแม่ผมเจอ?”

“เพราะอีกฝ่ายต้องการให้คุณไปพบเขา ไม่อย่างนั้นใครก็จะไม่ได้เจอคุณผู้หญิง” ท่านหลงกล่าว

“เห่อ!”

มือขวาของเฉินตงกำแน่น ข้อกระดูกดังขึ้นด้วยเสียง แกระ หนึ่งที “ผมก็อยากจะดู ใครกันแน่ที่จะให้ผมไปพบ!”

ครั้งที่แล้ว ยังเป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่ต้องการเจอกันเขา!

ท่านหลงมองเฉินตงด้วยสายตาที่แปลกๆแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างมีความหมาย

หากคุณชายรู้ว่า คนที่ต้องการพบเขาก็คือคุณตาที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน คุณชายจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะ?

รถโรลส์-รอยซ์ที่แล่นอยู่ ได้ออกไปจากตัวเมือง

ในฤดูร้อน สิ่งที่เห็นก็คือภาพชาวนากำลังง่วนอยู่กับเกี่ยวข้าว

บางครั้งขอบถนนยังสามารถมองเห็นชาวนาแก่ๆ กำลังจนวัวแก่ ค่อยๆเดินอยู่

ท่านหลงมองชาวนาแก่ๆและวัวแก่ที่อยู่ขอบถนน ยังมีวัวเด็กที่เดินอยู่ข้างๆวัวแก่ ถอนหายใจแผ่วเบาแล้วกล่าว “ความรักของพ่อแม่นั้นลึกซึ้ง พูดได้ถูกมั้ย?”

เฉินตงที่กำลังหดหู่ก็ได้สติ สายตาก็ได้มองตามท่านหลงไป

เขายิ้มๆ “ความรักพ่อแม่นั้นลึกซึ้งอยู่แล้ว หากไม่ใช่แม่ผม ผมก็คงไม่มีชีวิตมาจนถึงวันนี้”

“หากมันเป็นคำพูดที่ตลกละ?” ท่านหลงหันหน้าไปมองเฉินตง

เฉินตงตกใจ มีความสงสัยขึ้นมาทันที

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของท่านหลงมีความหมายแอบแฝงอยู่

มันทำให้เฉินตงก้มหน้าครุ่นคิด

บ่อฉุยส่วย เป็นจุดชมวิวแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เมือง

และยังเป็นสถานที่พักฟื้นร่างกายที่ดีแห่งหนึ่ง

ป่าเขียวชอุ่ม ที่เต็มไปด้วยออกซิเจน

เงียบและสงบ ทำให้คนที่พักอยู่ในนี้ มีความรู้สึกเหมือนได้หลบหนีจากโลกที่วุ่นวาย

ในสวนบ้านเดี่ยวแห่งหนึ่ง เสียงน้ำกำลังไหลวน

บ่อปลาที่ออกแบบมาอย่างประณีต กระจายไปด้วยน้ำพุ ปลาในบ่อกำลังเวียนว่ายไปมา

ข้างบ่อ ฝั่งชายชราผมสีขาวนั่งอยู่บนหิน และโปรยอาหารลงไปในน้ำ ทำให้ปลาเวียนว่ายกันดุเดือดมากขึ้น

หลี่หลานนั่งอยู่ด้านข้าง สีหน้ามืดมน

“พ่อเรียกหนูมาที่นี่ เพื่อมาดูพ่อเลี้ยงปลาเหรอ?”

ชายชราผมขาวที่กำลังให้อาหารปลา พลางยิ้มแล้วกล่าว “เพื่อให้พ่อลูกได้ระลึกความหลังกันต่างหาก”

หลี่หลานขมวดคิ้วลึกกว่าเดิม ใบหน้าเย็นชา

“คำพูดของหนู ก่อนหน้านี้มันยังพูดไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”

“ชัดเจน!”

ชายชราผมขาวยิ้มแล้วกล่าว “เพียงแต่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก แต่มันเกี่ยวกับหลานชาย ดึงนั้นต้องให้เขามาตัดสินใจ ด้วยธุรกิจที่รุ่งเรืองของตระกูลหลี่ เชื่อว่าหลานชายคงไม่มีความคิดโบราณเหมือนเธอ บุ่มบ่ามไม่รู้เรื่อง”

“ตงเอ๋อไม่ขาดในสิ่งที่พ่อพูด” หลี่หลานกล่าวอย่างดูถูก

ชายชราผมขาวหว่านอาหารปลาลงในบ่อ สะบัดมือ ลุกขึ้นพูดกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างกาย “จับตัวที่กินได้มีความสุขที่สุดออกมา นึ่งซีอิ๊วเย็นนี้”

จากนั้น เขาจึงเดินไปด้านหน้าของหลี่หลาน “ตงเอ๋อนั้นไม่ขาดจริง แต่มีเพิ่มขึ้น ใครจะคิดมากเหรอ? สิ่งที่ตระกูลหลี่ให้ตงเอ๋อนั้นมัน มากกว่าที่เธอคิด แม้ว่าตอนนั้นจะไม่เกิดเรื่องพวกนั้น จนถึงวันนี้ เธอก็ไม่มีปัญญาให้ตงเอ๋อได้!”

ความดูถูกบนใบหน้าของหลี่หลานนั้นยิ่งชัดขึ้น สายตามองชายชรา แล้วกล่าว “ตงเอ๋อต้องทำให้พ่อผิดหวังอย่างแน่นอน หนูกับเขาเป็นแม่ลูกกัน เข้าใจเขามากกว่าใครๆ”

เพียะ!

ชายชราผมขาวใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าของหลี่หลาน

“เธอกับฉันก็เป็นพ่อลูกกัน ทำไมไม่คิดว่าจะจะตบเธอ?”

แก้มของหลี่หลานแดงขึ้นด้วยรอยฝ่ามือ

เธอจ้องมองชายชราผมขาวอย่างโกรธแค้น กลับไม่ได้พูดอะไร

เวลานี้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งได้เดินมาจากด้านนอก

“นายท่าน คนมาแล้ว”

ชายชราผมขาวยิ้มๆ ลูบไปที่หัวของหลี่หลานเบาๆ “ลูกสาวเอ๊ย คอยดูละกัน คงไม่มีใครที่ไม่โลภหรอก หากมี นั่นเป็นเพราะว่ายังให้ไม่มากพอ ขอเพียงมากพอ! มันพอที่จะลบล้างเรื่องในอดีตได้ทีเดียวเลย!”

สวนด้านนอก รถโรลส์ – รอยซ์จอดลงอย่างสนิท

เฉินตงลงจากรถ เดินอยู่ด้านหลังของท่านหลง คิ้วค่อยๆลึกขึ้น

ท่าทางของท่านหลง ราวกับว่าคุ้นเคยกับที่ตรงนี้

นี่แม่หายตัวไปจริงๆเหรอ?

ทั้งสามคนเดินไปถึงหน้าประตูนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกพอดี

ชายหนุ่มในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินออกมา โค้งคำนับและเชิญ “ท่านทั้งสาม รอนานแล้ว เชิญเข้ามาเลยครับ”

เฉินตงเดินเข้าไปในสวนบ้าน แวบแรกก็เห็นหลี่หลาน

“แม่”

เฉินตงรีบเร่งฝีเท้า เดินไปตรงหน้าของหลี่หลาน

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของหลี่หลานบวมแดงด้วยรอยฝ่ามือ สีหน้าของเขาก็เย็นชาทันที แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

“ใครเป็นทำ?”

ยังไม่ทันที่หลี่หลานจะเปิดปากพูด

“ตงเอ๋อ!”

ชายชราผมขาวยิ้มๆ ลูบเคราแล้วกล่าว “ฉันเป็นตาของนาย”

โครม!

คำพูดนี้พูดออกมา เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง

ร่างของเฉินตงกระตุกรุนแรง ตะลึงอยู่ตรงที่เดิม

ตา?

ตั้งแต่เขาจำความได้ มารดาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องตามาก่อนเลย

เขาเข้าใจมาตลอดว่าตาอายุมาก น่าจะเสียไปนานแล้ว

ระหว่างที่มึนงง แววตาของเฉินตงสับสนเล็กน้อย

ชั่วพริบตาเดียวสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงแก้มที่บวมแดงด้วยรอยฝ่ามือของมารดา

ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงคำพูดเมื่อกี้ของท่านหลง

ความรักที่ลึกซึ้งของพ่อแม่?

มันช่างเป็นความรักที่ลึกซึ้งจริงๆเลย!

เฉินตงมองหลี่หลานแล้วก็ยิ้มขึ้นมา “แม่ครับ เป็นฝีมือของคุณตาเหรอ?”

แม้ว่ากำลังยิ้ม แต่กลับกระจายไปด้วยไอที่เยือกเย็น ทำให้หลี่หลานหัวใจเต้นหนัก

แม้ว่ามารดาจะไม่พูด แต่การเงียบ ก็คือคำตอบแล้ว

เฉินตงหันกาย ยิ้มแล้วเดินไปทางชายชราผมขาว “คุณ เป็นตาของผมจริงๆเหรอ?”

“จริงสิ หลายปีมานี้ลำบากนายสองแม่ลูกแล้ว”

ชายชราผมขาวยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีความเย่อหยิ่งและเย็นชาแม้แต่น้อยเหมือนกับตอนที่เผชิญหน้ากับหลี่หลานเลย “การที่ตามาครั้งนี้ ก็เพื่อมารับแม่นายกับนายซึ่งเป็นหลานของตา กลับบ้าน”

อย่างไรก็ตาม

เฉินตงที่หยุดอยู่ตรงหน้าชายชราผมขาว เลิกคิ้วอย่างกวนๆ “ลำบากเราสองแม่ลูกมายี่สิบกว่าปี ตอนนี้เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหรอ?”

ชายชราผมขาวตกใจ

“ยี่สิบกว่าปีให้หลังเพิ่งจะมารับผมกับแม่กลับบ้าน แล้วก็ตบหน้าแม่ผมก่อนเนี่ยนะ?”

เสียงหัวเราะของเฉินตงดังสะท้อนไปทั่วลานบ้าน

เพียะ!

เสียงตบดังสนั่นเข้าไปในหู

บทที่ 170 ต้นไม้ใหญ่ล่อลม!

โวง!

ขาที่เบาหวิวเหมือนแส้ ทำให้หนวดเคราสีขาวและผมสีขาวของชายชราเคลื่อนไหว

ขาขวาของคุนหลุนได้หยุดชะงักข้างกายชายชรา ค่อยๆลงสู่พื้น

“พ่อของ………คุณผู้หญิง?”

ใบหน้าของคุนหลุนเต็มไปด้วยความตกตะลึง หันไปมองหลี่หลานอย่างไม่กล้าเชื่อ

หลี่หลังมีสีหน้าที่ลังเล สายตาที่มองชายชราผมขาว ทั้งโกรธ ทั้งทนไม่ได้ ดวงตาที่แดงน้ำตาก็ไหลพราก

สุดท้าย เธอพยักหน้าให้กับคุนหลุน

คุนหลุนตะลึงอยู่ที่เดิม กวาดมองหลี่หลานกับชายชราผมขาวซ้ำไปมาด้วยอารมณ์ที่สับสน

ครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี

แต่กลับเป็นหลี่หลาน ที่ค่อยๆเดินไปด้านหน้าของชายชราผมขาว ด้วยสีหน้าที่จริงจัง

เธอกล่าวอย่างเย็นชา “หนูหวังว่าคำพูดที่พ่อพูดเมื่อกี้จะพูดเพราะโกรธ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้หนูสามารถช่วยพ่อจากฝ่าเท้าของคุนหลุนได้ ก็สามารถที่จะให้พ่อชดใช้มันได้!”

แรงอาฆาตที่เย็นเยือก เป็นเหมือนลมหนาวที่พัดมาจากแดนไกล

ชายชราผมขาวร่างกายสั่นเทา เศร้าใจอย่างมาก “นี่ นี่คือน้ำเสียงที่แกพูดกับผู้เป็นพ่อเหรอ?”

หลี่หลานยิ้มเยาะ ยืนตัวตรง มองชายชราจากที่สูงลงไป สายตานั้นไม่มีความเห็นใจเลย

“ความสัมพันธ์พ่อลูก ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ตัดขาดกันแล้ว หนูก็เป็นแม่คน ตอนนั้นพวกท่านอาจจะคิดว่าหนูนั้นรังแกง่าย กลับไม่เคยคิดเลย ผู้หญิงที่อ่อนแอ แต่เมื่อเป็นแม่คนแล้วก็จะแข็งแกร่ง!”

“หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะกังวลว่าเฉินตงยังเด็ก พ่อคิดว่าตระกูลหลี่จะจัดการหนูได้อย่างง่ายๆเหรอ บัดนี้ตงเอ๋อโตแล้ว หากพวกท่านอยากจะลองดูว่าหนูจะรังแกได้ง่ายมั้ย สามารถลองดูได้เลย”

น้ำเสียงเย็นเยือก แต่กลับดังและมีพลัง

จินตนาการได้ยากมาก นี่จะเป็นคำพูดออกจากปากของหลี่หลานผู้อ่อนโยน

คุนหลุนงงสุดขีด มองหลี่หลายด้วยสายตาที่ตกใจและสงสัย

เขามีความรู้สึกเหมือนคุณผู้หญิงนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“คุนหลุน ไป!”

หลี่หลานกล่าวอย่างเย็นชา หันหลังเดินจากไป

คุนหลุนที่ได้สติ กลับไม่กล้าโต้แย้งอีก เดินตามไปอย่างรวดเร็ว

ถนนบนภูเขา แสงไฟสลัว

ลมเย็นเล็กน้อย

ชายชราผมขาวนั่งซึมเศร้าอยู่ที่พื้น สายตาที่ลึกๆมองไปหลี่หลานที่กำลังจากไป

สุดท้ายจึงยิ้มอย่างขมขื่น บ่นพึมพำคนเดียว “ตอนนั้น…….ทำผิดไปแล้ว”

……

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

คุนหลุนให้ฝ่ายนิติไปจัดการเรื่องรถ และชดใช้ค่าเสียหาย

เมื่อกลับถึงบ้านนั้น ในห้องรับแขกยังคงสว่างไสวด้วยแสงฟ้า

ท่านหลงกับหลี่หลานนั้นนั่งเผชิญหน้ากัน นิ่งไม่พูดไม่จา

คุนหลุนเดินมาข้างหน้า กล่าวด้วยเสียงที่ต่ำ “ท่านหลง……….”

ท่านหลงยกมือขึ้น ขัดจังหวะการพูดของคุนหลุน

ยิ้มเล็กน้อย “ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว”

ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่หลี่หลานด้วยสายตาลึก “คุณผู้หญิง คุณไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้จริงๆ!”

“คุณสะกดรอยฉัน หลี่หลานนั้นกลับเปลี่ยนเรื่องพูด มองท่านหลงด้วยสีหน้าที่เย็นชา ฉันบอกว่าฉันสามารถจัดการได้ ก็คือได้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณกับคุนหลุนมายุ่ง!”

“คืนนี้ ก็คือข้อยืนยันว่าคุณผู้หญิงนั้นสามารถจัดการเองได้เหรอ?” ท่าหลงพูดติดตลก

สีหน้าของหลี่หลานมืดมนมากขึ้นกว่าเดิม

กลับไม่มีคำพูดมาโต้แย้งท่านหลง

เพราะเธอนั้นเข้าใจดี คืนนี้หากคุนหลุนไม่ได้ตามไปช่วยเอาไว้ บทสรุปมันต้องรุนแรงมากกว่านี้อย่างแน่นอน การที่เธอถูกตบก็ถือว่าถูกตบฟรีแล้ว

และเธอ ก็จะเลือกที่คุยกันดีๆ มันยิ่งเสียเวลา เสียความอดทน โดยที่ไม่รู้ข้อสรุป

การปรากฏตัวของคุนหลุน ทำให้เธอยิ่งเด็ดขาด แต่กลับได้ผลที่ดีที่สุด

“คุณผู้หญิง ต้นไม้ใหญ่ล่อลม เมื่อยี่สิบปีก่อน คุณผู้หญิงกับคุณชายซึ่งพึ่งพากันและกันเพื่อความอยู่รอด โดยธรรมชาติลมนั้นมันก็ไม่พัดผ่านมา”

ท่านหลงเสียงต่ำลง กล่าวอย่างมีความหมายแอบแฝง แต่บัดนี้ คุณชายก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ต้นนี้ได้เติบโตแล้ว ลมกระโชกนั้นมาเพราะต้องการครอบครอง ด้วยคุณผู้หญิงก็มีความเกี่ยวพันกับลมกระโชกนี้ ไม่สามารถที่จะจัดการปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว และต้านมันไว้ได้!

ในห้องรับแขก มันเงียบจนเข็มหล่นยังได้ยิน

คุนหลุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วแน่น เดี๋ยวสงสัย เดี๋ยวครุ่นคิด

สำหรับอดีตของคุณผู้หญิง เขานั้นไม่รู้เลย

เพราะว่านายท่านกลับไปที่บ้านตระกูลเฉิน กลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว จึงได้ให้เขาเป็นลูกน้อง

ดังนั้น สำหรับอดีตของนายท่านกับคุณผู้หญิง มีเพียงท่านหลง จึงจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด

ครู่ใหญ่

ในที่สุดหลี่หลานก็ถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ คืนนี้การปรากฏตัวของคุนหลุน ก็ได้ทำให้ฉันแสดงลิมิตออกมา บางทีเรื่องอาจจะจบลงในคืนนี้ ต่อไปคงไม่มีลมกระโชกอีก”

“นี่คือจะไม่ให้บอกคุณชาย?” ท่านหลงเลิกคิ้ว

“ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว”

หลี่หลานลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไป คำพูดนี้ก็ได้ตอบท่านหลงแล้ว

ท่านหลงพิงอยู่ที่โซฟา ยิ้มอย่างจำยอม มองดูหลี่หลานขึ้นไปข้างบนแล้ว จึงได้บ่นพึมพำเบาๆ “ความโลภนั้นไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจที่โลภใช่ว่าจะสามารถจบลงได้ด้วยฝีมือแค่นี้? ไม่อย่างนั้น ตอนนั้นก็คงไม่ต้องเป็นแบบนั้น”

“ท่านหลง………เมื่อก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” คุนหลุนถามอย่างสงสัย

ท่านหลงใช้มือขวาตบไปที่โซฟาเบาๆ สายตาลึกๆ เหมือนกำลังย้อนความทรงจำ

ในท้ายที่สุด เขาถอนหายใจ และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ความทุกข์ยากยี่สิบกว่าปีของคุณผู้หญิงและคุณชาย ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อของคุณผู้หญิง นั่นก็คือชายชราที่นายทำร้ายคนนั้น!”

รูม่านตาของคุนหลุนหดลง คิ้วขมวดแน่น

เสือร้ายแต่ก็ไม่กินลูกนะ

ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

พ่อของคุณผู้หญิง ตาของคุณชาย ญาติสายตรงแบบนี้ ยังจะผลักเขาทั้งสองไปสู่จุดที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?

นี่มันคือญาติอะไรกัน?

……

เรื่องของหลี่หลาน ท่านหลงกับคุนหลุนในที่สุดก็เลือกที่จะปิดบังเฉินตง

หลายวันมานี้ เฉินตงนั้นเอาใจไปอยู่ที่งานตลอดเวลา

มีท่านหลงช่วยหลี่หลานปกปิด แม้ว่าเฉินตงจะมีใจที่จะสังเกตมารดา แต่ก็ยากที่จะได้รู้ความจริง

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของไท่ติ่งใกล้เข้ามาแล้ว

เวลาเที่ยง เดิมควรจะเลิกงานแล้ว

เฉินตงกับเสี่ยวหม่ายังอยู่ในห้องทำงาน

“พี่ตง ราคาบ้านทางฝั่งตะวันตกของเมืองมีแนวโน้มที่จะคงที่ และการติดตามผลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30% แต่เมื่อเทียบกับราคาที่อยู่อาศัยเดิมแล้วกลับเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัว! ”

เสี่ยวหม่ายิ้มรายงาน ใบหน้าเปล่งประกาย หลังจากไท่ติ่งผ่านวิกฤตครั้งใหญ่ ตอนนี้เห็นราคาบ้านของฝั่งตะวันตก ทำให้เขามีความรู้สึกเบิกบานใจ

“งั้นก็ยกเลิกการจำกัดซื้อ เปิดพรีเซลล์ทั้งหมดเลย” เฉินตงกล่าว

พี่ตงฟังที่ฉันพูดไม่ชัดเจนเหรอ?

เสี่ยวหม่าตกตะลึง

เขารีบพูด “พี่ตง ตอนนี้ราคาบ้านแค่มั่งคงขึ้น น่าจะมีโอกาสขึ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ ผมรู้สึกว่าค่อยพรีเซลล์ตอนที่มันขึ้นสูงสุด แบบนี้มันจึงมีประโยชน์ต่อบริษัทมากที่สุด”

“การทำกำไรมากที่สุดคือผลเสียที่สุดจริง การปล่อยน้ำในบ่อปลาจนหมดนั้นได้ผลประโยชน์มากจริง เมื่อปลาหมดแล้ว อนาคตจะทำอย่างไร?”

เฉินตงเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย ไท่ติ่งยังมีทางที่ต้องเดินอีกยาวไกล ปล่อยผลกำไร 30% ที่มีสุดท้ายให้แก่ผู้ซื้อบ้าน จึงจะคลายความข้องใจของพวกเขาเกี่ยวกับข้อจำกัดในการซื้อของเราได้”

เสี่ยวหม่าที่กำลังครุ่นคิด ก็ยิ้มพยักหน้ากล่าว “ขอบคุณพี่ตงที่ชี้แนะ”

“ไปเตรียมพรีเซลล์เถอะ เฉินยกมือขึ้นไล่ แล้วกล่าว “ใช่แล้ว การพรีเซลล์ครั้งนี้ให้เปิดพรีโดยตรงเลย ไม่ต้องจัดงานเปิดพรีเซลล์ ผมก็จะไม่ออกงานด้วย”

เขาไม่อยากทำให้มันเอิกเกริก ฮือฮาไปทั้งเมือง

แบบนี้นอกจากจะผลักไท่ติ่งไปเจอกับการต่อสู้ที่รุนแรง มันก็ไม่ได้นำผลประโยชน์ที่มากมาให้กับไท่ติ่ง

มียี่เคอกับบริษัทชิงหยิ่นอยู่ โครงการฝั่งตะวันตก ยังจะต้องสร้างกระแสอีกเหรอ?

รอให้เสี่ยวหม่าออกไปแล้ว เฉินตงมีความคิดที่จะออกไปทานอาหารเที่ยง

จู่ๆก็มีสายเข้า

“ท่านหลง เกิดเรื่องอะไรเหรอ?”

ปลายสาย น้ำเสียงของท่านหลงต่ำมาก “คุณผู้หญิงหายตัวไป มีเพียงแต่คุณชายที่จะสามารถหาเธอเจอ!”

บทที่ 169 พูดดีๆไม่ชอบ ชอบให้ลงมือใช่มั้ย!

ตู๊ม!

ชนเข้าที่ท้ายรถ

รถคันที่คุนหลุนขับ ฝากระโปรงห้องเครื่องกระดกขึ้น ถุงลมนิรภัยก็ออกมาหมด

ภายในที่เกิดเหตุคลุ้งไปด้วยควัน

หลี่หลานอึ้งไปเลย ตื่นตกใจจนหน้าซีด

ตามมาด้วย คุนหลุนที่ท่าทางดุดันถีบประตูรถออก ได้เดินไปทางมายบัคโดยตรง

ท่านหลงให้เขาคุ้มกันหลี่หลานอย่างลับๆ บัดนี้หลี่หลานถูกคนตบ หากไม่เอาคืน มันจะเป็นการคุ้มกันได้อย่างไร?

“คุนหลุน?!”

หลี่หลานอุทาน มองคุนหลุนที่เดินไปทางรถมายบัค ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมรถถึงชนท้าย

เธอวิ่งเข้าไปด้วยความร้อนใจ ในเวลาเดียวกันก็ได้ตะโกนขึ้น “คุนหลุน หยุดเดี๋ยวนี้!”

คุนหลุนไม่สนใจเลย ใช้มือดึงกระชากประตูรถ

มือที่กว้างใหญ่ ได้กระชากคนที่นั่งอยู่ข้างหลังออกมาโดยตรง

“แก แกกำลังทำอะไร?”

ภายใต้แสงไฟ คนที่ถูกกระชากตัวออกมานั้นเป็นชายชราผมขาวคนหนึ่ง

ใบหน้าของชายชราซีดเซียว กลับแต่งกายด้วยชุดสูทที่เป็นทางการ เพียงแต่เมื่อคุนหลุนลากออกตัวออกมา มันดูน่าสังเวชนัก ในขณะที่ตกใจกลัวยังคงไออย่างรุนแรง

“รังแกคุณผู้หญิงของผม สมควรโดนตบ!”

เสียงของคุนหลุนรุนแรง และมือใหญ่ของเขาก็เหวี่ยงออกอย่างไม่ไยดี

เพียะ!

เสียงตบดังสนั่นเข้าไปในหู

จนชายชราหน้าเอียงไปเลย แข็งทื่อไปทั้งตัว มุมปากมีเลือดซึม ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ฝ่ามือนี้ ทำให้หลี่หลานที่กำลังวิ่งมาก็ตกตะลึงไปเลย

ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม มือขวากุมปากเอาไว้ เกือบจะร้องตะโกนออกมา

และในเวลานี้ ในที่สุดคนขับรถมายบัคก็ตอบสนองแล้ว เปิดประตูรถ มุ่งหน้ามาทางคุนหลุนด้วยความดุดัน

“กล้าทำร้ายนายท่านของฉัน แกอยากตายใช่มั้ย!”

โวง!

หมัดพายุดังขึ้น

คุนหลุนเผชิญหน้ากับคนขับรถที่ปล่อยหมัด กลับไม่หลบไม่หลีก หรี่ตาลงเล็กน้อย มือที่กว้างเหมือนใบพัดก็ยื่นออกมา กำหมัดของคนขับรถไว้อย่างง่ายพลิกฝ่ามือ

“ไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ห้ามแตะต้องคุณผู้หญิงของบ้านฉัน!”

คุนหลุนที่น้ำเสียงดุร้าย มือขวานั้นกลับออกแรงเต็มที่

แกระ!

แขนขวาของคนขับรถก็ดังขึ้นด้วยเสียงกระดูกหัก

จากนั้น ก็ร้องโหยหวนเหมือนหมูที่ถูกเชือด เสียงดังสะท้อนไปทั่วเขา

หลังจากที่คุนหลุนปล่อยคนขับรถแล้ว ใบหน้าของคนขับนั้นเจ็บปวดทรมานมาก เซไปข้างหลังสองสามก้าว แล้วล้มลงบนพื้นโดยตรง

ภาพดังกล่าว กลับทำให้ชายชราผมขาวที่มองอยู่ม่านตาหดลง ใจนั้นกลัวมาก

แต่เขายังคงเข้มแข็งใจเย็น และพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายผู้บ้าบิ่น ชายชรารู้ดีว่า นอกจากจะใช้บารมีในการข่มเขาก็ไม่หนทางอื่น ผลของความรุนแรง ได้ถูกระบายไปกับคนขับแล้ว

และแล้ว

คุนหลุนกลับแสดงสีหน้าที่เย้ยหยันออกมา

“เห่อ ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ก็ไม่ใหญ่เท่าคุณผู้หญิงของบ้านผม!”

เขาที่เคยเป็นราชาทหารรับจ้างมาก่อน เคยพบเห็นผู้มีอำนาจมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าเขากลัวถูกกดดันด้วยพลังอำนาจ ตอนนั้นเขาก็คงไม่มีโอกาสเข้ามาเป็นทหารรับจ้างในสนามรบ

ชีวิตนี้ ยังเป็นเฉินเต้าหลินที่ให้เขา

ในตอนนั้นที่เฉินเต้าหลินตัวคนเดียวยอมเสี่ยงอันตราย เพื่อช่วยเขาไว้นั้น เขาก็ได้มอบชีวิตนี้ให้กับเฉินเต้าหลินนานแล้ว

กับคำพูดของชายชราผมขาว เขานั้นไม่อยากที่จะสนใจเลย

“แก……….” ชายชราผมขาวหน้าแดงก่ำ มีความรู้สึกที่อัดอั้นเหมือนคนที่มีความรู้เจอกับคนที่ไม่มีเหตุผล

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดออกมา

มือที่ใหญ่ของคุนหลุน ก็เหวี่ยงชายชราผมขาวไปทางหลี่หลานที่กำลังยืนนิ่งงันเหมือนไก่ไม้

“ขอโทษคุณผู้หญิงของบ้านผมด้วย ไม่อย่างนั้นอยากหาว่าฉันไม่เคารพคนแก่!”

น้ำเสียงที่เย็นเฉียบ ข่มขู่อย่างชัดเจน

ภายใต้แรงที่มหาศาล ชายชราผมขาวได้เซล้มลงบนพื้น ร้องด้วยความเจ็บ

เสียงร้องนี้ ในที่สุดก็ทำให้หลี่หลานที่นิ่งงันได้สติ

เธอขยับริมฝีปาก มองชายชราผมขาวที่อยู่บนพื้นแวบหนึ่ง รีบร้อนพูดกับคุนหลุน “คุนหลุน ช่างเถอะ เราไปกันเถอะ”

คุนหลุนกลับมีสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณผู้หญิง หากถูกคุณชายรู้เข้า คุณชายต้องโกรธผมอย่างแน่นอน”

เธอถูกเฉินเต้าหลินจัดให้มาอยู่ข้างกายเฉินตง ก็เพราะมาปกป้องดูแลชีวิตความปลอดภัยของเฉินตง

ตอนแรกเขาอยู่ข้างกายเฉินเต้าหลิน ช่วยเฉินเต้าหลินจัดการเรื่องอันตรายนับไม่ถ้วน

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินเต้าหลินก็ยังให้เขามาอยู่ข้างกายเฉินตง ก็เพราะว่าเฉินเต้าหลินนั้นเห็นชีวิตของเฉินตงนั้นสำคัญมากกว่า

และหลี่หลานเป็นแม่ของเฉินตง หากต้องทนต้องความอัปยศที่ถูกตบโดยที่ไม่โต้ตอบ แล้วเขาจะมาอยู่ข้างกายเฉินตงทำไม?

“แต่ว่า……….”

หลี่หลานมีความลังเล ในใจกระวนกระวาย

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าคุนหลุนจะสะกดรอยตามตัวเอง อีกอย่างเขาก็เข้าใจดี น่าจะเป็นท่านหลงที่เป็นคนสั่ง

ทำไมนะ คุนหลุนสะกดรอยตามครั้งแรก ก็มาเจอกับเรื่องแบบนี้!

“ไอ้หนุ่ม แกนี้มันไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ แกคงจะคิดว่าคุณชายของบ้านแก เด็กน้อยเฉินตงคนนั้น จะสามารถที่จะแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงที่แกก่อขึ้นเหรอ?”

ชายชราผมขาวเวลานี้ก็โกรธแล้ว ดวงตาเบิกกว้าง เหมือนจะถลนออกมา

ด้วยสถานะของเขา อย่าว่าแต่ตบหน้าเขาเลย แม้แต่จะทำท่าหยิ่งผยอง หรือพูดจาเสียงดัง ก็ไม่มีใครกล้าทำต่อหน้าเขาเลย

คุนหลุนก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างกายที่สูงตระหง่านทำให้เกิดการกดดันอย่างมากต่อชายชราผมขาว

เขายิ้มอย่างเย็นชา “หากคุณชายบ้านฉันอยู่ที่นี่ เห็นกับตาว่าแกตบหน้าแม่ของเขา อย่างน้อยแกก็ต้องเหมือนเขา แขนหักไปหนึ่งข้าง”

ขณะที่พูด คุนหลุนยกมือขึ้นชี้ไปคนขับที่แขนหักที่อยู่ไม่ไกลนัก

ความกตัญญูของคุณชายนั้น เขารู้ดี

แม่เขาเป็นอะไรที่แตะต้องไม่ได้เลย

สามารถลบหลู่คุณชายได้ แต่แม่ของคุณชายนั้นลบหลู่ไม่ได้!

ลบหลู่ผู้เป็นแม่ คุณชายนั้นกล้าสู้ด้วยชีวิต!

“แก……….”

ชายชราผมขาวหน้าแดง สบตากับคุนหลุน กลับรู้สึกเย็นวาบที่หลังกับสายตาที่ดุร้ายของคุนหลุน หัวใจก็เต้นแรง

หายใจลึกๆแล้ว ชายชราหันไปมองหลี่หลานอย่างโกรธแค้น กัดฟันกล่าว “หลี่หลาน หมารับใช้แบบนี้ บ้านเธอสอนออกมาใช่มั้ย?”

น้ำเสียงที่เย็นเยือก เต็มไปด้วยความดูถูก

คุนหลุนสีหน้าเข้ม สองมือกำหมัดแน่ ดังขึ้นด้วยเสียงแกระ

หลี่หลานที่กำลังลังเล ร่างกายสั่นเล็กน้อย สายตาที่แน่วแน่ได้มองสบตาชายชราที่กำลังโกรธอยู่ “มีเพียงคนที่ความคิดโบราณแบบคุณ จึงได้มองคุณอื่นเหมือนหมาที่ถูกควบคุมได้”

ชายชราผมขาวชะงัก แววตาซับซ้อนขึ้นมาทันที

หลี่หลานเดินผ่านชายชราผมขาวโดยตรง เดินไปข้างกายคุนหลุน จับแขนของคุนหลุน “คุนหลุน ฟังน้า กลับบ้านกับน้า!”

“คุณผู้หญิง ไอ้แก่คนนี้…………” ท่าทีของคุนหลุนช้าลง แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ

“ไปกับน้า!”

หลี่หลานพูดอย่างเฉียบขาด ทำให้คุนหลุนกลืนคำพูดที่จะพูดลงไปในคอ

คุนหลุนจ้องมองชายชราผมขาวอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง เดินตามหลี่หลานไปทางเขตวิลล่าเขาเทียนซานอย่างจำยอม

ในขณะที่เขาทั้งสองหันหลังนั้น

ทันใดนั้นข้างหลังเขาก็ดังขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของชายชราผมขาว

“หลี่หลาน หากพูดกันดีๆไม่ชอบอยากให้ฉันใช้กำลังใช่มั้ย ตัวฉันก็แก่ขนาดนี้ ก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน เธอกับลูกชายเธอไม่ยอมรับน้ำใจ อย่ามาโทษที่ฉันต้องสู้กับลูกเธอจนตายกันไปข้างหนึ่ง!”

ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง!

ใช้เฉินตงมาข่มขู่อีกฝ่ายโดยตรง!

หลี่หลานตัวสั่น สีหน้ามืดมนจนสุดขีด แต่ยังคงเม้มริมฝีปากเอาไว้ ไม่พูดไม่จา

แต่กลับเป็นคุนหลุน ท่าทางดุร้าย สะบัดมือของหลี่หลานออก หันหลังเดินไปทางชายชราผมขาว

พลางเดิน พลางพูดอย่างเย็นชา “คุณผู้หญิงขอร้องแทนแกแล้ว แกไม่เอา แกก็พูดดีๆไม่ชอบต้องให้ลงไม้ลงมือใช่มั้ย อย่ามาหาว่าฉันโหดเหี้ยมละกัน”

โวง!

ตามเสียงโวง

คุนหลุนกระโดดเตะกลางอากลาง ได้เอาเท้าไปถีบบนร่างของชายชราผมขาว

แรงที่หนัก และไม่ต้องสงสัยเลย การเตะนี้ต่อให้ชายชราไม่ตาย ก็ต้องเจ็บหนัก

รู้สึกถึงลมที่เฉียบผิว สีหน้าชายชราผมขาวเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่เพราะอายุที่มากและร่างกายอ่อนแอ จึงไม่มีทางที่จะหลบทัน

เขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความกลัวในเวลาเดียวกัน

การอยู่ในตำแหน่งสูงเป็นเวลานาน ทำให้เขาลืมที่จะวางสถานะของตัวเองลงในการพูด คำพูดเมื่อกี้ พูดออกมาจาก อารมณ์ที่โกรธทั้งนั้น

ชั่วพริบตาเดียว

หลี่หลานหันมาทันที ในขณะที่ขาของคุนหลุนห่างจากชายชราผมขาวไม่ถึงฝ่ามือนั้น เธอก็ตะโกนอย่างเสียงดัง

“หยุดเดี๋ยวนี้ เขาเป็นพ่อของฉัน!”

บทที่ 168 ความลับของหลี่หลาน!

ท่านเมิ่งไปแล้ว

กู้โก๋ฮั้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยล้า

อาการเหนื่อยล้ามาจากที่ดีอกดีใจทั้งคืน ตามมาด้วยความจริงที่ท่านเมิ่งบอก มันถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด

หลี่หวั่นชิงกล่าวปลอบโยน “เอาล่ะ ท่านเมิ่งเพียงแค่บอกความจริงกับเรา แม้ว่าเฉินตงจะไม่ใช่ผู้สืบทอดตระกูลเฉิน แต่เขาก็เป็นลูกเขยของเรา ของเพียงลูกสาวเราชอบก็พอแล้ว”

“อืม อันนี้ผมรู้”

กู้โก๋ฮั้วบิดขี้เกียจ “ท่านเมิ่งบอกความจริงกับเรา ก็เพราะกลัวว่าผมใจร้อนแล้วจะสร้างปัญหา ตอนนี้รู้ความจริงแล้ว เดิมพันก็เดิมพัน ลูกเขยเราก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง เป็นมังกรหรือมังกือ ก็ต้องสู้กับผู้เก่งกาจของตระกูลเฉินถึงจะรู้”

แกระ

เสียงเปิดประตูดังขึ้น

กู้ชิงหยิ่งเดินออกมาจากห้องนอน

เธอมองกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิง อันที่จริงเธอตื่นแล้ว เพียงแต่การมาของท่านเมิ่ง ทำให้เธอเลือกที่จะอยู่ในห้องนอนต่อ

และการสนทนาในห้องโถง เธอนั้นได้ยินหมดแล้ว

“คุณพ่อคุณแม่” กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างระมัดระวัง “หนูได้ยินหมดแล้วค่ะ”

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงสบตากัน อึ้งเล็กน้อย

หลี่หวั่นชิงรีบเข้าไปปลอบ “ไม่เป็นไรนะเสี่ยวหยิ่ง แม้ว่าในอนาคตต่อให้เฉินตงไม่สามารถเป็นคนตระกูลเฉิน แต่เขาก็เป็นคนของครอบครัวเรา”

กู้ชิงหยิ่งซาบซึ้ง พยักหน้า “ขอบคุณค่ะแม่”

มองผู้เป็นพ่อกำลังเศร้าแวบหนึ่ง กู้ชิงหยิ่งก็กล่าวขึ้น พ่อคะ เฉินตงไม่มีทางทำให้พ่อผิดหลังเด็ดขาด เขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดเหล่านั้น

“มันก็แน่อยู่แล้ว คนที่ลูกสาวเลือก มันก็ต้องเป็นมังกรในหมู่คนอย่างแน่นอน”

กู้โก๋ฮั้วหัวเราะ สายตาลึกๆ ในหัวกลับคิดถึงประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง

ก็คือวิกฤตครั้งนี้ของไท่ติ่ง เริ่มแรกเป็นยี่เคอที่ถอนตัว ในขณะที่เขาช่วยเฉินตงนั้น ยี่เคอก็กลับเข้ามาอีกครั้ง

ยี่เคอนั้นเป็นบริษัทของตระกูลเฉิน

เมื่อมาเชื่อมกับคำพูดท่านเมิ่งเมื่อกี้ เขาก็เข้าใจทันที วิกฤตใหญ่ของไท่ติ่ง เป็นการแข่งขันต่อสู้กันระหว่างเจ้าบ้านตระกูลเฉินและคนอื่นๆในตระกูลเฉินเกี่ยวกับเฉินตง

และสุดท้าย เห็นได้ชัดว่าเจ้าบ้านตระกูลเฉินเป็นผู้ชนะ!

มีพ่อที่เป็นเจ้าบ้านในตระกูลเฉินที่สามารถช่วยเฉินตงในการต่อสู้ โอกาสที่เฉินตงจะชนะก็มีไม่น้อย!

ท่ามกลางตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจ เจ้าบ้านนั้นไม่สามารถที่จะตัดสินใจคนเดียว แต่ก็ยังเป็นคนที่ควบคุมอำนาจที่ใหญ่ที่สุด

……

พลบค่ำ

รถเบนซ์จิ๊บสีดำก็ได้แล่นเข้าไปในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงรอแต่เนิ่นๆแล้ว นี่ถือเป็นการเจอกันอย่างเป็นทางการของทั้งสองครอบครัว หลังจากพิธีขอแต่งงาน

ด้านพิธีรีตอง ท่านหลงนั้นคุมได้ดีจนไม่มีที่ติเลย

ในระหว่างการรับประทานอาหารค่ำทั้งสองครอบครัวคุยกันอย่างมีความสุข กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ท่านเมิ่งพูด ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่ได้แสดงอะไรที่ไม่สมควรออกมา

มันทำให้กู้ชิงหยิ่งนั้นโล่งอก เธอนั้นกังวลว่าเมื่อพ่อแม่รู้ฐานะที่แท้ของเฉินตงแล้ว จะมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อเฉินตง

สำหรับตัวเธอเองนั้นไม่เคยสนใจว่าเฉินตงจะเป็นคุณชายของตระกูลเฉินหรือเปล่า!

คนที่เธอชอบก็คือเฉินตง

ตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ มันก็เห็นกันตั้งแต่ต้นจนจบ

งานเลี้ยงก็ได้มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว

หลังจากจบงานเลี้ยง

กู้ชิงหยิ่งขับรถ พาพ่อแม่กลับไปที่พัก

เฉินตงนั้นดื่มเป็นเพื่อนกู้โก๋ฮั้วไปไม่น้อย หลังจากร่ำลากับกู้ชิงหยิ่งแล้ว ก็ได้กลับไปนอนที่ห้องนอนของตัวเอง

ฟ่านลู่กับคุนหลุนนั้นมัวยุ่งเก็บถ้วยชาม

ท่านหลงนั่งพักอยู่ด้านข้าง เมื่อกี้บนโต๊ะอาหาร เขาก็ได้ดื่มไปบ้าง ด้วยอายุของเขา ก็ดื่มไม่ค่อยจะไหวแล้ว

หลี่หลานนั่งอยู่คนเดียว

ในระหว่างทานอาหารใบหน้านั้นยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เวลานี้กลับเอาแต่ก้มหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า

ค่อยๆเลื่อนโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ ใบหน้าของหลี่หลานนั้นยิ่งอยู่ยิ่งแย่

ในที่สุด เธอก็เก็บโทรศัพท์ ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก “ท่านหลง ฉันจะออกไปเดินเล่น อย่าทำให้ตงเอ๋อตกใจล่ะ”

ท่านหลงลืมตาขึ้น มองหลี่หลานที่เดินจากไปด้วยสายตาลึกๆ

หลังจากปิดประตูแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้น “คุนหลุน ตามคุณผู้หญิงไป”

“ท่านหลง สะกดรอยตามคุณผู้หญิง แบบนี้ไม่ดีมั้ง?” คุนหลุนอึดอัดเล็กน้อย

ท่าหลงทำตาเข้ม “ไม่ใช่ให้นายสะกดรอย แต่ให้นายแอบคุ้มกันอยู่ห่างๆ”

“นี่………” คุนหลุนตะลึง

ท่านหลงกล่าวด้วยเสียงต่ำ “หากมีคนมาทำไม่ดีต่อคุณผู้หญิง นายสามารถประหารก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง!”

คุนหลุนท่าทางจริงจัง พยักหน้า แล้วก็ตามออกไป

ฟ่านลู่เป็นห่วงเล็กน้อย “ท่านหลง คงไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ท่านหลงส่ายหัว ยิ้มกล่าว “เพียงแต่ฉันน่ะกลัวว่าคุณผู้หญิงจะถูกหมาจรจัดกัด คุณหญิงเป็นคนมีเมตตา ไม่ถือสาหมาแมว ก็เลยต้องให้คุนหลุนคุ้มกันอยู่ข้างหลังไง”

แม้ว่ากำลังยิ้ม แต่สายตาของท่านหลงนั้นคมกริบจนทำให้ฟ่านลู่เหมือนจะขนลุก

วิลล่าเขาเทียนซานในยามค่ำคืน ยังคงงดงามไปด้วยแสงไฟ

หลี่หลานเดินออกมาจากบ้านอย่างรีบร้อน ก้าวเดินอย่างว่องไวมุ่งหน้าไปทางประตูวิลล่า ไม่เหมือนคนเดินเล่นเลย

คุนหลุนออกมาจากบ้าน แอบติดตามอยู่ด้านหลัง

ในฐานะที่เคยเป็นราชาทหารรับจ้าง การติดตามในสนามรบเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่จำเป็น

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลานเป็นเพียงคนธรรมดา คงคิดไม่ถึงพวกวิธีตลบหลังอะไรหรอก

ออกจากวิลล่าเขาเทียนซาน

ในระยะไกล คุนหลุนก็เห็นข้างทางมีรถมายบัคสีดำหนึ่งคัน จอดแอบอยู่ใต้ต้นไม้ที่มืดๆ

เขาขมวดคิ้วทันที ในสายตา หลี่หลานนั้นก้าวเดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว ไม่ได้หยุดเลย แล้วเปิดประตูขึ้นรถโดยตรง

มองดูรถมายบัคสีดำกลับรถแล้วขับลงเขาไป

คุนหลุนรีบไปยืมรถกับนิติมาคันหนึ่ง ก็รีบขับตามไป

ภายใต้คืนนี้

รถมายบัคแล่นตามถนนบนภูเขา

ในหลังรถ ข้างกายของหลี่หลานดังขึ้นด้วยเสียงของคนชรา

“เธอ คิดได้ยังไงบ้างแล้ว?”

“ไม่ยุติธรรม!” น้ำเสียงของหลี่หลานแฝงด้วยความตำหนิ

“นี่คือน้ำเสียงที่เธอคุยกับฉันเหรอ?”

เสียงของคนชราเย็นชาเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงไอ เขาพูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องตอนนั้น จนถึงตอนนี้เธอยังวางมันไม่ลงเหรอ?” หลี่หลานขมวดคิ้ว สองมือกำแน่น

เผชิญหน้ากับคนที่อยู่ข้างกาย เธอเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย

แต่เธอ ยังคงกัดฟันพูด “มีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันปล่อยวาง? ตอนนั้นก็ให้ฉันปล่อยวาง วันนี้ก็ยังมาให้ฉันปล่อยวาง?”

“หรือว่าวันนี้สิ่งที่ฉันมอบให้เธอ ยังไม่จริงใจพอ?”

เสียงของคนชราสูงขึ้นเล็กน้อย “มันยังไม่เพียงพอที่จะชดใช้ความผิดในตอนนั้นเหรอ? หรือเธอต้องการให้ฉันตายต่อหน้าต่อตาเธอ จึงจะปล่อยวางได้?”

พูดจบ คนชราคนนี้ก็ไอด้วยความรุนแรงอีกครั้ง

ท่าทีของหลี่หลานเปลี่ยนอย่างมาก รีบลูบหลังของคนชราคนนี้ กลับพูดว่า “ฉันไม่ต้องการให้คุณตาย คุณจะมีอายุอยู่ถึงร้อยปีก็ได้ เมื่อก่อนคุณบงการฉัน ตอนนี้ยังต้องการบงการลูกชายฉัน ฉันไม่อนุญาต!”

“เธอ……..”

ร่างของเขานั้นสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และโกรธอย่างสุดขีด “นี่เป็นการบงการเหรอ? มันคือการเชิญ!”

“ฉันรู้สึกว่า เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ วันนี้ตงเอ๋อของฉันโดดเด่นมากขนาดนี้ ไม่ต้องการให้พวกคุณเชิญ” หลี่หลานกล่าวด้วยเสียงต่ำ

เห็นคนตรงหน้าจะเอ่ยปากพูด เธอรีบพูดอย่างเฉียบขาด “หากยังตอแยไม่เลิก อย่าลืมว่าฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่จะอดทนไปได้ตลอด!”

“เธอมันเดรัจฉาน!”

เพียะ!

เสียงตบดังเข้าหู

ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องในถนนที่มืด หัวของหลี่หลานเอียงไปข้างหนึ่ง ชนไปที่กระจกรถ

“ฉันจะลงรถ!” น้ำเสียงของหลี่หลานแข็งกร้าว

“ให้มันไป!”

เอี๊ยด!

รถมายบัคได้หยุดลงทันที

หลี่หลานลงจากรถ ใต้แสงไฟบนถนน หน้าครึ่งหนึ่งของเธอได้บวมขึ้นมาแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

ภาพดังกล่าว ถูกคุนหลุนที่ตามมาเห็นเข้าแล้ว

คุนหลุนสงสัย ทั้งๆที่รถได้ขับลงเขา ทำไมไปถึงครึ่งหนึ่ง คุณผู้หญิงกลับลงจากรถ?

เขาไม่ได้หยุดรถ แต่ค่อยๆขับไปทางหลี่หลาน เพื่อดูสถานการณ์ให้ชัดเจน

เพราะเป็นรถที่ยืมมา ก็ไม่กลัวว่าจะถูกสังเกตเห็น

เมื่อเข้ามาในระยะใกล้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่บวมแดงของหลี่หลานอยู่ในสายตาของคุนหลุน

เขาก็ยังเห็นหลี่หลานค่อยๆเช็ดน้ำตาที่มุมหางตา

คุนหลุนมีสีหน้าที่โกรธ และคลื่นแห่งความโกรธก็พุ่งสูงขึ้น

เขาจ้องรถมายบัคที่จอดอยู่บนถนน เท้าขวาก็เหยียบไปเต็มแรง

โวง~

เสียงเร่งเครื่องดังสนั่น

รถได้เพิ่มความเร็วโดยตรง พุ่งเข้าชนรถมายบัคที่จอดอยู่

บทที่ 167 เขาไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ตระกูลเฉินก็ควรจะล่มสลายแล้ว!

ไม่มีคำพูดตลอดคืน

ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจบนเขาเทียนซาน ดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง

เต็มไปด้วยความอิจฉาของสาวๆ ทำให้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น

เฉินตงได้เสร็จสิ้นการฝึกวิชาปีศาจ กลับถึงบ้านพร้อมกับคุนหลุน พอดีเจอกับท่านหลงที่กำลังดูข่าวเช้า

“คุณชาย ข่าวรายงานเรื่องเมื่อคืนแล้ว” ท่านหลงพูดอย่างอารมณ์ดี

เฉินตงยักไหล่ “คงไม่มีอะไรน่ารายงาน ไม่มีอะไรให้ดู”

ท่านหลงยิ้มแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้น “สื่อสำนักใหญ่ไม่มีเนื้อหาอะไรรายงาน แต่ว่านักข่าวอิสระมีนะ”

เฉินตงเดินเข้าไปดู ก็หัวเราะทันที

【ช็อกสนั่น! การเคลื่อนไหวของเขาเทียนซานในชั่วข้ามคืน พระเอกที่ไม่รู้ว่าเป็นใครดึงดูดให้คนจินตนาการ!】

นอกจากเรื่องที่เขาเทียนซานเป็นเรื่องจริง

รายงานที่เกี่ยวข้องพระเอกอย่างเฉินตง ล้วนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา

ถึงขนาดสร้างข่าวว่าเฉินตงเป็นลูกคนรวยที่มีชาติตระกูล เพื่อต้องการเอาใจเมียน้อย จึงได้ทำเรื่องฮือฮาแบบนี้

ที่ไม่กล้าปรากฏตัว เพราะกลัวเมียหลวงจะจับได้

เขาส่ายหัว เฉินตงไม่ได้สนใจ ทั้งครอบครัวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปบริษัท

คลับสี่ยิ่น ในสวนป่าไผ่

กู้โก๋ฮั้วตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ยังไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นดีใจนี้เอาไว้ได้

ทุกสิ่งอย่างของเมื่อคืน จนกระทั่งตอนนี้เขายังรู้สึกเหมือนฝัน

ตัวเองที่มีอายุมานานขนาดนี้ ขอร้องตระกูลเฉินอย่างไม่มีหนทาง ทุกครั้งก็ถูกท่านหลงปฏิเสธ

แต่สถานการณ์กลับพลิก ลูกสาวกลับได้นำลูกเขยมังกรอย่างตระกูลเฉินเข้าบ้าน

มีความสัมพันธ์นี้อยู่ เขาไม่สงสัยเลย ขอเพียงตระกูลเฉินยื่นมือช่วย คอขวดของบริษัท ก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างราบรื่น

ตระกูลเฉินไม่ใช่เจ้าเดียวที่จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องคอขวด แต่ในใจเขา มันกลับเป็นสิ่งดีที่สุดเหมาะสมที่สุด

“ไม่ได้นอนมาทั้งแล้ว ไปนอนพักก่อนเถอะ?”

หลี่หวั่นชิงเดินเข้าในห้องโถง มองกู้โก๋ฮั้วอย่างสงสาร

“ผมไม่ง่วง พลังยังมีอีกเยอะ!”

กู้โก๋ฮั้วบิดขี้เกียจ กล่าวอย่างมีพลัง “เตรียมตัวหน่อย คืนนี้ยังต้องไปทานข้าวบ้านลูกเขย”

“คุณดูตัวเองซิ เมื่อก่อนพูดจายังตะคอกเฉินตงอยู่เลย เฉินตงแค่ขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงาน ตอนนี้คุณก็เรียกเขาว่าลูกเขยแล้ว” หลี่หวั่นชิงมองค้อน ยิ้มอย่างต่อว่า

“ในเมื่อขอแต่งงานแล้ว ยังห่างจากการแต่งงานไกลมั้ย?”

กู้โก๋ฮั้วหัวเราะฮ่าๆ หันไปแล้วทำหน้าบึ้งกล่าว “เรื่องนี้คุณห้ามว่าผม ผมเป็นพ่อของเสี่ยวหยิ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะรู้ว่าเฉินตงเป็นคุณชายของตระกูลเฉิน ผมก็ต้องตะคอกใส่เขา มันคือหลักการ!”

“จ้าๆๆ รู้ว่าคุณสงสารลูกสาว พอใจแล้วนะ?”

หลี่หวั่นชิงขณะที่พูดก็ถอนหายใจ “พวกคุณสองพ่อลูก คนหนึ่งนอนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น อีกคนถึงตอนนี้ก็ยังไม่นอน ไม่รู้จะทำยังไงกับพวกคุณดี”

ก๊อกๆ!

หน้าสวนประตูดังขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู

กู้โก๋ฮั้ววิ่งไปเปิดประตูอย่างรีบร้อน

ด้านนอกประตู ก็คือท่านเมิ่ง

“ไอ้เมิ่ง มาแต่เช้ามีเรื่องอะไรเหรอ?”

กู้โก๋ฮั้วมีความสงสัยเล็กน้อย ท่านเมิ่งนั้นเป็นคนที่มีอำนาจบารมี ทุกวันมีเรื่องยุ่งๆตั้งมากมาย

แม้ว่าเพื่อนรักจะอยู่ในคลับสี่ยิ่น โดยปกติก็พบเจอได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเช้าๆแบบนี้เลย

ท่านเมิ่งยิ้มๆ “มีธุระจะหานาย”

ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องโถง หลี่หวั่นชิงได้ชงชาเสร็จแล้ว ยังได้เตรียมขนมทานเล็กไว้อีกสองสามอย่าง

หลังจากนั่งลงแล้ว ท่านเมิ่งก็หยิบขนมมาทานหนึ่งชิ้น ทานค่อนข้างเร็ว เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ทานอาหารเช้า

หลังจากขนมลงท้องไปสองชิ้น รู้สึกจุกเล็กน้อย ท่านเมิ่งจึงยกแก้วชาขึ้น แล้วจิบชา

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงรออย่างเงียบๆ

ในที่สุด ท่านเมิ่งก็เอ่ยปากกล่าว “ไอ้กู้ จริงๆแล้วมีคำพูดหลายคำพูด เกี่ยวกับเฉินตง มีบางสิ่งอยากจะบอกนาย”

“ไม่เป็นไรพูดมาเลย” กู้โก๋ฮั้วกล่าว

ท่านเมิ่งนิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว “นายน่าจะรู้กฎการสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินใช่มั้ย?”

กู้โก๋ฮั้วขมวดคิ้ว “จากรุ่นคนหนุ่มสาว คัดเลือกผู้เก่งกาจมาฝึกฝน แล้วก็เลือกจากผู้เก่งกาจที่มีสิทธิ์ในการสืบทอด มาแข่งแข็งกัน คนที่โดดเด่นที่สุดจึงจะได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินคนต่อไป สิ่งที่เรียกว่าการอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด ผู้ชนะก็คือราชา”

“ในเมื่อนายรู้ ก็พูดง่ายหน่อย”

ท่านเมิ่งพยักหน้า “เฉินตงแม้จะเป็นคุณชาย แต่ในความเป็นจริงยังไม่ถูกทำนองคลองธรรมนัก เพราะเขาเป็นลูกนอกสมรส ลูกนอกสมรสที่ตระกูลเฉินไม่ยอมรับ!”

โครม!

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงเหมือนถูกฟ้าผ่า

พวกเขาก็คือตระกูลมหาเศรษฐี โดยธรรมชาติรู้ดีว่า ถูกหลักทำนองคลองธรรมนั้นมันสำคัญมากแค่ไหน!

ตระกูลเฉินเป็นผู้ควบคุมความมั่งคั่งของโลก อำนาจล้นฟ้า ถูกหลักทำนองคลองธรรม ก็ยิ่งสำคัญมาก!

ลูกนอกสมรสที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นคนตระกูลเฉินแค่ในนาม เป็นคนที่ไม่มีความหวังเลย

ไม่นับเป็นคนตระกูลเฉินด้วยซ้ำ

เมิ่งจับภาพความตกใจของกู้โก๋ฮั้วและภรรยาของเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้

เขารู้เป้าหมายของกู้โก๋ฮั้วดี ดังนั้นหลังจากบอกตัวตนที่แท้จริงของเฉินตงแล้ว กู้โก๋ฮั้วและภรรยาจะมีอาการแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ

นี่เท่ากับเป็นการดับเปลวไฟแห่งความหวัง ที่กู้โก๋ฮั้วเพิ่งจะจุดขึ้น

นิ่งไปสักพัก ท่านเมิ่งก็พูดต่อ “เพียงแต่ ลูกนอกสมรสอย่างเฉินตง ก็ไม่เหมือนกับลูกนอกสมรสทั่วไป พ่อของเขานั้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินคนปัจจุบัน และเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ก็ยอมรับลูกชายคนนี้ แม้ว่าคนทั้งตระกูลเฉินจะไม่ยอมรับก็ตาม”

ไม่ได้ปิดบังเลย พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม

ท่านเมิ่งกับกู้โก๋ฮั้วเป็นเพื่อนรักกัน ดังนั้นเขาคิดทบทวนมาทั้งคืน รู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกความจริงกับกู้โก๋ฮั้ว

ไม่ใช่ว่าจะให้กู้โก๋ฮั้วชั่งใจเลือก แต่เพราะเขากังวลว่ากู้โก๋ฮั้วที่รู้ว่าเฉินตงเป็นคุณชายตระกูลเฉินแล้ว ก็จะรีบวางแผนธุรกิจให้มันใหญ่ขึ้นมาทันที

หากเป็นแบบนี้ มันต้องล่วงเกินบุคคลอื่นๆในตระกูลเฉิน

ตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเจ้าบ้านตระกูลเฉินจะเพิกเฉย แต่ว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ไม่เพียงแต่คุณหญิง ไม่ว่าคนตระกูลเฉินคนใดคนหนึ่งก้าวออกมา ควบคุมอำนาจตระกูลเฉิน มันก็เพียงพอที่จะผลักกู้โก๋ฮั้วลงเหวลึก

กู้โก๋ฮั้วมีอารมณ์ที่สับสนลังเล “นายจะเตือนให้ฉัน ให้เสี่ยวหยิ่งเลิกกับเฉินตงเหรอ?”

ท่านเมิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างขมขื่น “ต่อให้ต้องรื้อวัดสิบวัด ก็ไม่ทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น ฉันแค่เตือนนาย ตอนที่ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนได้ตำแหน่ง ก็อยากเพิ่งเปิดเผยแผนการธุรกิจของนาย ไม่อย่างนั้นหากทำให้ตระกูลเฉินไม่พอใจ ปัญหามันก็จะไปกันใหญ่”

“แต่นายก็พูดชัดเจนแล้วนี่นา เฉินตงนั้นไม่มีความหวังแล้ว ตระกูลเฉินไม่ยอมรับเขา แม้ว่าเจ้าบ้านตระกูลเฉินที่เป็นพ่อจะยอมรับ ก็ไม่มีประโยชน์”

กู้โก๋ฮั้วถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “นายก็รู้ ท่ามกลางคนรวย แม้ว่าจะเป็นเจ้าบ้านก็ไม่มีสิทธิ์ขาดในการพูด!”

“ดังนั้น นี่คือสิ่งที่นายจะให้ฉันเลือก เลือกที่จะให้เสี่ยวหยิ่งเลิกกับเฉินตง หรือไม่ก็ลองเดิมพันสักตั้ง!”

ท่านเมิ่งมองด้วยสายตาที่ลึกๆ “ต่อให้นายจะเดิมพัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ เพราะในตระกูลเฉิน แม้ว่าจะมีเพียงแต่เจ้าบ้านที่ยอมรับเฉินตง มันก็เพียงพอแล้ว เพราะเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้มอบสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดให้กับเฉินตงแล้ว!”

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ แต่กลับมีพลัง

ขณะที่พูด ในหัวของท่านเมิ่งก็เกิดภาพวันนั้นที่เฉินเต้าหลินยืนอยู่หลังป่าไผ่ ข่มขู่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

มีเจ้าบ้านตระกูลเฉินปกป้องสุดชีวิต เฉินตงนั้นมีโอกาสจริง และเป็นมังกรแท้ตัวหนึ่ง!

สิทธิ์ผู้สืบทอดตำแหน่งยังอยู่ แพ้ชนะยังไม่รู้ แต่มีโอกาสค่อนข้างสูง

ในห้องโถง เงียบเหมือนป่าช้า

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงเข้าสู่ห้วงแห่งการคิด

ครู่ใหญ่ๆ

กู้โก๋ฮั้วก็หัวเราะขึ้นมา “ยังจะเลือกอะไรได้อีก เสี่ยวหยิ่งได้เลือกแทนฉันไปแล้ว เดิมพันก็เดิมพัน ชั่วชีวิตของฉันกู้โก๋ฮั้วก็เดิมพันมาถึงวันนี้ เปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง ก็ไม่เสียหายที่จะเดิมพันเป็นเพื่อนเฉินตงอีกสักครั้ง?”

ท่านเมิ่งยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้น “แผนการธุรกิจของนายก็วางไว้ก่อน สิ่งที่สำคัญตรงหน้าก็คือการเดิมพันนี้ หากชนะ เหมือนช่วยฮ่องเต้ได้บัลลังก์ บวกกับนายก็เป็นพ่อตาของมังกร อนาคตก็จะขาดนายไม่ได้”

กู้โก๋ฮั้วพยักหน้า

ท่านเมิ่งก็เดินไปข้างนอก พลางเดิน พลางยิ้มแล้วกล่าว “ไอ้กู้จริงๆแล้ว เรื่องนี้หากเป็นฉัน ฉันก็จะเลือกเฉินตง ด้วยจิตใจที่เมตตาและมีความสามารถอย่างเขา เขานั้นเก่งกว่าผู้สืบทอดคนอื่นๆในตระกูลเฉินที่ฉันเคยเห็น หากเขาไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ตระกูลเฉินก็ควรจะล่มสลายได้แล้ว!”

บทที่ 166 พ่อตาบ้าไปแล้ว? สะดุดตาคนทั้งเมือง!

หลี่หวั่นชิงที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

กู้โก๋ฮั้วจ้องตาอย่างดุดัน “เมียจ๋าถ้าคุณไม่ตบผม ผมก็จะตบคุณแล้วนะ!”

เพียะ!

บ้องหูดังขึ้นด้วยเสียงตบ

กู้โก๋ฮั้วจับแก้มเอาไว้ หมุนตัวไปหนึ่งรอบ เกือบจะล้มลงไปบนพื้นแล้ว

เขาจับแก้มที่บวมไปครึ่งหนึ่งเอาไว้ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ………เรื่องจริง มันคือเรื่องจริง!”

“คุณเป็นคนให้ฉันตบคุณเองนะ!”

หลี่หวั่นชิงมองดูท่าทางที่กู้โก๋ฮั้วหัวเราะ ตกอกตกใจ “เสี่ยวหยิ่ง พ่อหนูคงไม่ได้บ้าไปแล้วใช่มั้ย”

กู้ชิงหยิ่งก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเป็นห่วงมาก

เวลานี้ ท่านเมิ่งเขาสามคนเดินเข้ามา

เมื่อเห็นท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิว กู้โก๋ฮั้วจู่ๆก็หัวเราะ แล้วก็กอดเขาสองคนอย่างเต็มแรง

“ไอ้เมิ่ง ไอ้หลิว ขอบคุณตอนแรกที่พวกนายเตือนฉัน!”

ขอบคุณด้วยความจริงใจ เกิดความตื่นเต้นและความปีติยินดีโดยไม่ปิดบัง

หลายปีมานี้ เขาขอร้องตระกูลอย่างไม่มีหนทาง กลับไม่เคยคิด ชั่วพริบตา ลูกสาวของตัวเองได้เอาเขยมังกรอย่างตระกูลเฉินมาถึงตรงหน้าเขา

กู้โก๋ฮั้วนั้นยิ่งมั่นใจ ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวตอนแรกที่เห็นเฉินตงนั้น ต้องรู้ฐานะและตัวตนของเฉินตงแล้วอย่างแน่นอน

ตอนนั้นหากไม่ใช่การเตือนของทั้งสองคน ก็คงจะไม่มีเขาในวันนี้!

“ไอ้กู้ ไม่ใช่ตอนนั้นเราไม่อยากจะพูดให้มันชัดเจน แท้จริงแล้วเป็นเฉินตงที่ไม่ให้พวกเราพูด” ผู้อำนวยการหลิวก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” กู้โก๋ฮั้วยกมือขึ้นห้าม

เจิ้งโก๋โส่วใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เฮ้ยเพื่อน พวกนายกำลังเล่นใบ้ปริศนาอะไรกันอยู่?”

กู้โก๋ฮั้วใช้มือกอดไหล่ของเจิ้งโก๋โส่วเอาไว้ “ไอ้เจิ้งเอ๊ย ตอนนั้นโชคดีที่แกฟังคำเตือนของไอ้เมิ่งกับไอ้หลิว เก็บนิสัยที่ดื้อรั้นเอาไว้ ไม่อย่างนั้น……….เห็นมั้ย ลูกเขยฉันแม้แต่เครื่องบินรบยังสามารถหามาเพื่อใช้ในการขอแต่งงานกับลูกสาวฉันเลย!”

ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่ท้องฟ้า

ตอนแรกที่เห็นพิธีของแต่งงาน กู้โก๋ฮั้วนั้นยังตกใจ และในเวลานี้ กลับเต็มไปด้วยการอวดและความภาคภูมิใจ

ได้เขยมังกรเข้าบ้านตระกูลกู้ แม้แต่กู้โก๋ฮั้วที่ร่ำรวยมากประสบการณ์ ก็ยากที่จะควบคุมความตื่นเต้นยินดีนี้เอาไว้ได้

เจิ้งโก๋โส่วนั้นงงเป็นไก่ตาแตก เห็นได้ชัดว่ายังไม่เข้าใจ

แต่กลับเป็นกู้ชิงหยิ่งที่เดินมาข้างหน้า “พ่อคะ พ่อเป็นอะไรกันแน่? เฉินตงแค่ขอหนูแต่งงาน ยังไม่ได้จัดงานแต่งเลย ทำไมจู่ๆพ่อก็กลายเป็นแบบนี้?”

“ลูกสาวที่น่ารัก หนูช่างเป็นลูกสาวที่น่ารักของพ่อจริงๆ!”

กู้โก๋ฮั้วหันไปกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ ตาคู่นั้นก็ค่อยๆแดงขึ้น ถอนหายใจอย่างแรง กล่าวอย่างโล่งใจ “ลูกรู้หรือเปล่า เพราะเรื่องนี้ พ่อทรมานมากี่ปีแล้ว? ลูกได้พาเขยมังกรมาตรงหน้าพ่อแล้ว พ่อนั้นต้องขอบคุณลูกจริงๆ”

กู้ชิงหยิ่งก็งงเหมือนกัน

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้ว กำลังครุ่นคิด

ในที่สุด ท่านเมิ่งจึงกล่าวขึ้น ไอ้กู้ “นายพูดไม่ตรงประเด็นเลย เฉินตงนั้นเป็นคนของตระกูลเฉิน มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

โครม!

คำพูดเหมือนเสียงฟ้าร้อง

ใบหน้าของเจิ้งโก๋โส่วซีดลงทันที กล่าวอย่างตกใจ “คน คนของตระกูลเฉิน? ตระกูลเฉินนั้น?”

ท่านเมิ่งพยักหน้า

เจิ้งโก๋โส่วขยับร่างของเขา เกือบจะเป็นลมไปแล้ว ตามมาด้วยได้จับไหล่ของท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวเอาไว้ “ขอบคุณเพื่อนทั้งสองเป็นอย่างมากที่ชี้แนะฉัน ไม่อย่างนั้น……..ชื่อโก๋โส่วของฉันคงได้หายสาบสูญไปอย่างกะทันหัน!”

อำนาจของตระกูลเฉิน เจิ้งโก๋โส่วนั้นไม่สงสัยเลย

แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในระดับสากล แต่ในสายตาของตระกูลเฉินเขาก็เหมือนมด

“เป็นตระกูลเฉินนั้นจริงๆเหรอ?” จู่ๆหลี่หวั่นชิงก็อุทานขึ้นมา ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ด้วยท่าทางที่สง่างามของเธอ เวลานี้ก็ยากที่จะมากังวลเกี่ยวกับมารยาท

สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งก็เปลี่ยนไป ตอบสนองทันที เธอรู้แผนของพ่อเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ในสายตาของบุคคลภายนอก บริษัทชิงหยิ่น เติบโตขึ้นอย่างมาก และแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

แต่เธอนั้นทราบดี และพ่อของเธอพูดถึงมันมากกว่าหนึ่งครั้ง

บริษัทชิงหยิ่นได้พบกับการพัฒนาขวดบรรจุเหล้าแล้ว แม้ว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในโลก แต่ก็ไม่สามารถก้าวข้ามคอขวดนั้นไปได้!

และตระกูลเฉิน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ บริษัทชิงหยิ่นในการก้าวข้ามคอขวด!

ทันใดนั้น หัวของกู้ชิงหยิ่งก็ดังขึ้นด้วยเสียงโครมๆ ดวงตาคู่สวยกะพริบๆ แล้วหายใจเข้าลึกๆ

“เฉินตง……….ก็คือคนของตระกูลเฉินนั้น?”

โอ้พระเจ้า!

เจ้าทึ่มนั่นปิดบังหนูมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?

“ไปๆ ไปจากตรงนี้ค่อยคุยกัน คิดว่านักข่าวที่อยู่ใต้ภูเขาคงอิจฉากันนานแล้ว”

มือที่ใหญ่ของกู้โก๋ฮั้วได้โบกขึ้น เดินไปทางรถที่จอดอยู่ “เขยมังกรเข้าบ้าน บรรพชนของตระกูลกู้ต้องสั่งสมความดีไว้มาก ถึงได้มีเรื่องดีๆแบบนี้ เรื่องในวันนี้ ต้องดื่มฉลองกันหนักๆ!!”

……

ทุกอย่างบนเขาเทียนซาน เป็นที่สนใจของคนทั้งเมือง

ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไฟ ดอกไม้ที่ถูกโปรยด้วยเฮลิคอปเตอร์ หรือเสียงคำรามของเครื่องบินรบที่ปล่อยแถบแสงสีรุ้ง

มันเพียงพอที่ทำให้คนตื่นเต้น!

อุทานกันไปทั้งเมือง

ใครกันแน่ที่มีความสามารถเพียงนี้ ปิดภูเขาเทียนซาน เพียงเพื่อขอสาวแต่งงาน?

และมีหญิงสาวจำนวนไม่น้อย ต่างอิจฉาผู้หญิงที่ถูกขอแต่งงาน

มันจะมีความสุขมากแค่ไหน?

ไม่ว่าถามผู้หญิงคนไหน มีใครบ้างที่ไม่ต้องการให้คนรักของตัวเอง แสดงความรักที่อลังการแบบนี้ละ?

และเมื่อทุกคนรอคอย หวังจะรู้ว่าใครกันแน่ที่ทำเรื่องเอิกเกริกนี้นั้น

การรายงานของสื่อ ก็ทำให้ผิดหวังไปทั้งเมือง

ไม่ว่าจะเป็นสื่อสำนักใหญ่ๆ หรือสื่ออิสระเล็กๆ

การรายงานทั้งหมด เกี่ยวกับการปิดล้อมภูเขาเทียนซาน กับภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจบนยอดเขา

สำหรับพระเอกเป็นใครนั้น ไม่มีคนรู้!

สื่อแต่ละสำนักก็มีความลำบากใจที่พูดไม่ได้

ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ หากสื่อสำนักจะไม่รู้ว่าหากถ่ายเจอพระเอก สามารถที่จะไปสร้างความตื่นเต้นได้อีกหลายระดับชั้น?

ดังนั้นเมื่อภูเขาเทียนซานถูกปิดกั้น พวกเขาที่ได้ข่าวก็มาตั้งกล้องแต่เนิ่นๆ ก่อให้เกิดการปิดล้อมเขาเทียนซานไปอีกหนึ่งชั้น

แต่จนกระทั่งภูเขาเทียนซานกลับสู่ความสงบ ไม่มีสื่อสำนักไหนขวางพระเอกบนถนนบนภูเขาเอาไว้ได้

สิ่งเดียวที่ปรากฏในกล้อง คือรถเบนซ์จิ๊บสีดำที่ไม่เคยลงไปข้างล่างหลังจากขึ้นไปบนภูเขา และการขึ้นเขาลงเนินที่เร่งรีบ เช่นเดียวกับรถธรรมดาที่ถูกขับออกไป

ถึงกระนั้น มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่ให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูเขาเทียนซานกลายเป็นจุดสนใจ และกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน

ถึงขนาดที่ว่า สื่ออิสระได้นำคลิปวิดีโอไปปล่อยในโซเชียล คลิปได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้อิจฉากันไปทั้งโซเชียล

เมื่อเฉินตงกลับถึงบ้านนั้น เป็นเวลาใกล้รุ้งแล้ว

ท่านหลงยิ้มในขณะที่พูด “คาดว่าคืนนี้สื่อพวกนั้นต้องบ้ากันอย่างแน่นอน?”

“ฮ่าๆๆ………..พวกเขารออยู่ที่ใต้เขาอย่างตื่นเต้น แต่คิดไม่ถึงว่าเราพักอยู่ตรงกลางเขา” คุนหลุนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

เฉินตงผู้ซึ่งยังคงจมอยู่กับความสุขการขอแต่งงาน กลับยิ้มเล็กน้อย “แต่พวกเสี่ยวหยิ่งตอนลงเขานั้น คาดว่าคงจะมีความวุ่นวายเล็กน้อย”

“คิดมากไปแล้ว ไม่มีทางถูกเปิดเผยหรอก” ท่านหลงยิ้มอย่างมีเลศนัย

กลับถึงห้องนอน เฉินตงไม่มีความคิดที่จะนอน

แต่กลับพิงอยู่ที่เตียง คิดย้อนไปถึงเรื่องคืนนี้ทั้งหมด ทั้งอบอุ่นทั้งมีความสุด

เพียงแต่ตอนที่หัวสมอง เข้าสู่ภาพเครื่องบินรบนั้น เขามีความเหม่อลอยเล็กน้อย

สายตาที่ลึกๆ เฉินตงก็ถูจมูกไปมา ยิ้มอย่างขมขื่น

พอดีในเวลานี้

กู้ชิงหยิ่งก็ได้ส่งข้อความมา

เฉินตงหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นรอยยิ้มที่อ่อนโยน

ข้อความของกู้ชิงหยิ่งนั้นเรียบง่ายมาก

“เจ้าทึ่ม คุณเป็นคุณชายของตระกูลเฉินจริงๆเหรอ? คุณเห็นฉันเป็นคนโง่เหรอ ปิดบังฉันนานแค่ไหนแล้ว?”

เฉินตงตอบข้อความกลับ ฐานะคุณชายเฉินของผม สามารถทำเหมือนไม่มีชั่วคราว รีบพักผ่อนเถอะ ในฝันห้ามล่วงเกินผมนะ(อิโมจิยิ้มชั่วร้าย)

บทที่ 165 เขาเป็นคุณชายตระกูลเฉิน!

เมื่อความมืดจางหายไป

เมื่อกู้โก๋ฮั้วเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของท่านหลงนั้น

โครม!

กู้โก๋ฮั้วก็รู้สึกท้องฟ้ามืดครึ้ม ตาค้างไปทันที

ในช่วงเวลาสั้น ๆ หัวสมองของเขาก็ว่างเปล่า และคลื่นยักษ์ก็เกิดขึ้นในใจของเขา

คนนี้คือ……….ท่านหลง?!

หลายปีมานี้ กู้โก๋ฮั้วไม่มีความคิดเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งที่อยากจะพบเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

แต่สุดท้ายเมื่อยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน คนที่มาต้อนรับเขา เป็นท่านหลงที่รู้ทุกอย่าง

กับท่านหลง เขานั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าเลย

คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!

แต่ว่า………ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?

ในขณะที่ใจลอย ใบหน้าและหูของกู้โก๋ฮั้วก็แดง

หายใจเร็วและถี่ ลำคอขยาย

ทันใดนั้น เขาก็เซไปข้างหลัง เกือบจะล้มลงกับพื้น แต่หลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างๆได้ยื่นมือมาพยุงเขาเอาไว้

เจิ้งโก๋โส่วที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวหันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง ก็ยิ้มแปลกๆ

ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของกู้โก๋ฮั้ว พวกเขานั้นรู้ดีว่ากู้โก๋ฮั้วต้องการที่จะไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินหลายต่อหลายครั้งแล้ว

เพียงแต่วาสนานี้…………

“ไอ้เมิ่ง เมื่อกี้นายพูดถูกแล้วจริงๆ” เจิ้งโก๋โส่วนั้นรู้ความคิดของกู้โก๋ฮั้ว แต่เขานั้นไม่ได้รู้จักท่านหลง

ท่านเมิ่งยิ้มแล้วลูบคางไปมา “ความปรารถนาหลายปีของไอ้กู้ กลับถูกลูกสาวทำให้สมปรารถนาแล้ว นายว่าพวกเราควรจะหัวเราะมั้ย?”

“ความปรารถนา?” เจิ้งโก๋โส่วมองกู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยาที่อยู่บนเวที

ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง

เฉินตงกอดเอวของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ กู้ชิงหยิ่งนั้นจับมือหลี่หลานเอาไว้

ท่านหลงนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง มองกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงที่เดินเข้ามาอย่างรู้ทุกอย่าง

ขาของกู้โก๋ฮั้วสั่นเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะการพยุงของภรรยา เขาถึงขั้นก้าวเท้าแทบไม่ออก

ท่านหลงเป็นเพราะคนรับใช้ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

แต่เขานั้นเข้าใจดี ฐานะของคนรับใช้คนนี้

อยู่ในตระกูลเฉิน คนรับใช้คนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำหน้าที่แทนคำสั่งของเจ้าบ้านได้!

มันก็เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของท่านหลงได้เป็นอย่างดี!

น่าสงสัย ตกใจ และไม่อย่าจะเชื่อ อารมณ์ทุกอย่างเกาะเต็มหัวใจของเขา หน้าผากของกู้โก๋ฮั้วเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ โดยที่ไม่รู้ตัว

“คุณพ่อคุณแม่ ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเฉินตงค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มเดินเข้ามา จับแขนของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิง และแนะนำตัวก่อน

“คุณพ่อคุณแม่ของเสี่ยวหยิ่งสวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของตงเอ๋อ” หลี่หลานยิ้มอย่างเป็นมิตร พูดด้วยท่าทางที่สง่างาม

“สวัสดีค่ะ ต่อไปนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” หลี่หวั่นชิงที่ยังสามารถควบคุมตัวเอง ตอบกลับหลี่หลาน

นั่นเป็นเพราะว่า แม้ว่าทุกครั้งเธอจะกลับมาพร้อมกับกู้โก๋ฮั้ว แต่ทุกครั้งที่กู้โก๋ฮั้วไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินนั้น นั้นไปตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จักท่านหลง

“คุณอาทั้งสอง เรื่องเมื่อกี้ ขอให้ท่านทั้งสองโปรดอภัย”

เฉินตงกล่าวขอโทษ สองสามวันนี้เพราะเรื่องรูปถ่าย ทำให้พ่อตากับแม่ยายต้องระงับความโกรธเอาไว้ไม่น้อย คนเป็นพ่อเป็นแม่มีใครที่ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างละ

“ไม่เป็นไร ในเมื่อเรื่องเข้าใจผิดได้รับความกระจ่างแล้ว นั่นคือการได้เห็นท้องฟ้าสีครามหลังผ่านเมฆและหมอก”

หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพูด “ตงเอ๋อ ในเมื่อลูกได้ขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานแล้ว อาจำเป็นที่จะต้องเตือนนายไว้ล่วงหน้า อนาคตข้างหน้า สามีภรรยาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ห่วงใยใส่ใจกัน หวังว่าลูกจะจำคำพูดเมื่อกี้เอาไว้ ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต”

คำพูดนั้นจริงจัง น้ำเสียงนั้นหนักแน่นไม่ติดขัด

แม้จะเป็นการเตือน ความหมายแฝงเหมือนกับการข่มขู่

เฉินตงอดที่จะยิ้มไม่ได้ พยักหน้า

หลี่ว่านชิงตำหนิกู้โก๋ฮั้วที่ใบหน้าแดง ลำคอขยายที่ยืนขาสั่นอยู่ข้างๆ : “คนเป็นพ่ออย่างคุณ ลูกสาวถูกขอแต่งงานพิธีที่สำคัญแบบนี้ คุณไม่ได้คิดจะคุยกับคุณแม่ของตงเอ๋อและตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่งหน่อยเหรอ?”

กู้โก๋ฮั้วร่างกายสั่นเล็กน้อย พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ต้องพูดอะไรหน่อย”

ขณะที่พูด ปั้นเอวของเขาก็โค้งงอขึ้นมา

รูปร่างของกู้โก๋ฮั้วเดิมนั้นก็สูงใหญ่อยู่แล้ว เวลานี้ปั้นเอวยังมาโค้งงออีก มันค่อนข้างแข็งกระด้างและดูทื่อๆ

จากนั้น ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน

กู้โก๋ฮั้วก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าว กลับไปยืนอยู่ตรงหน้าท่านหลงที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เขายื่นมือทั้งสองข้างออกมา ทำท่ายิ้มๆ

“ท่านหลง คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่”

คำพูดและการกระทำ ถือว่าสุภาพมาก

ภาพนี้ ทำให้พวกเฉินตงพูดไม่ออก ต่างตกตะลึงกัน

ไม่ไกลจากขอบเวทีเจิ้งโก๋โส่วก็ยิ่งประหลาดใจอย่างมาก กล่าวต่อว่า “ไอ้กู้เป็นบ้าอะไร? เจอหน้าแม่ฝ่ายชาย ทำไมไปทักทายคนแก่ที่อยู่ข้างๆละ?”

“คนแก่คนนี้ ไม่ใช่คนไม่ธรรมดา!” ท่านเมิ่งยิ้มอย่างเรียบเฉย

และบนเวที หลี่หวั่นชิงเป็นคนที่ได้สติก่อน เธอกระแอมไปหนึ่งที กล่าวเตือน “ไอ้กู้ อย่าเสียมารยาท”

เดิมสองสามีภรรยาขึ้นมาบนเวทีก็เพื่อมาเจอพ่อแม่ฝ่ายชาย

กู้โก๋ฮั้วไม่ทักทายกับพ่อแม่ฝ่ายชายก่อน แต่กลับไปทักทายคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าก่อน แบบนี้มันช่างเสียมารยาทนัก!

อย่างไรก็ตาม

กู้โก๋ฮั้วกลับมีท่าทีที่จริงจัง “คุณมันแม่บ้าน จะไปรู้อะไร?”

หลี่หวั่นชิงหน้าซีด ไม่รู้จะพูดอะไร

ท่านหลงมองเฉินตงกับหลี่หลานอย่างอายๆ จึงยิ้มแล้วจับมือกับกู้โก๋ฮั้ว “คุณกู้ ไม่เจอกันตั้งนาน”

กู้โก๋ฮั้วรู้สึกตื่นเต้นและดีใจทันที แล้วพูดอย่างเร่งรีบ “ที่ไหนกันที่ไหนกัน ที่จริงครั้งนี้…….. ”

ยังไม่ทันรอให้กู้โก๋ฮั้วพูดจบ

ท่านหลงกลับหันหน้าโค้งคำนับให้กับเฉินตง “คุณชาย พิธีขอแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ได้เวลาที่จะไปจากที่นี่แล้ว”

โครม!

เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา เหมือนพื้นดินถูกฟ้าผ่า

ดวงตาของกู้โก๋ฮั้วก็เบิกกว้างทันที ประหลาดใจอย่างมาก

ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาและนิสัยของเขา มันก็ยากที่จะไม่ประหลาดใจ

เขามองเฉินตงด้วยสีหน้าที่ดุดัน

คุณชาย?!

ท่านหลง……..เรียกเฉินตงว่าคุณชาย?

โอ้พระเจ้า!

กู้โก๋ฮั้วหัวใจเต้นระรัว เหมือนกับจะหลุดออกมาจากข้างใน มีความตาเหลือกเหมือนจะเป็นลม

เพื่ออาณาจักรธุรกิจของเขาเอง ไปเยือนตระกูลเฉินหลายครั้ง มีเพียงแต่ท่านหลงที่ออกมาต้อนรับ

ถึงกระนั้น ทุกครั้งท่านหลงก็ปฏิบัติกับเขาอย่างสูงส่ง แสดงออกอย่างชัดเจน ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง

และตอนนี้ ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าฝันไป

คนที่เขาเคยแหงนหน้ามอง เรียกลูกเขยของเขาว่า………คุณชาย?!

ไม่นานนัก เขาตอบสนองทันที เฉินตงก็แซ่เฉิน ท่านหลงเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉินเรียกเฉินตงว่าคุณชาย

อย่างนั้น………เฉินตง…………..

ความคิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นหัวของกู้โก๋ฮั้ว ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

“อืม เรากลับบ้านกันเถอะ”

เฉินตงยิ้มมองกู้ชิ่งหยิ่งแวบหนึ่ง

กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ทันใดนั้นเขย่งเท้าขึ้น ลมหายใจอุ่นของเธอถูกพ่นใส่ที่หูของเฉินตง ในขณะที่กระซิบ “พ่อแม่ของฉันยังอยู่ที่นี่เลย อนาคตฉันต้องกลับบ้านกับคุณอย่างแน่นอน”

ยัยเด็กน้อย……..

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ถูจมูกเบาๆ

เขาพยักหน้าให้กับหลี่หวั่นชิงกับกู้โก๋ฮั้วที่อึ้งอยู่ “คุณอาทั้งสอง พิธีเสร็จสิ้นแล้ว พวกเรากลับก่อนนะครับ วันนี้มีผลกระทบค่อนข้างใหญ่มาก ใต้ภูเขายังรายล้อมไปด้วยสื่อสำนักใหญ่ๆ โปรดยกโทษในความไม่สะดวก พรุ่งนี้ขอเชิญคุณอาทั้งสองไปที่บ้าน เพื่อไปกินเลี้ยงที่บ้าน”

“ได้ๆ พรุ่งนี้พวกเราจะไปให้ตรงเวลาเลยจ้า” หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพยักหน้า

วันนี้ทำเรื่องเอิกเกริกขนาดนี้

ใต้เขาเทียนซานได้ถูกล้อมรอบไปด้วยกล้องเล็กและกล้องใหญ่ของสำนักข่าวต่างๆ หากยังมีงานกินเลี้ยงในคืนนี้ต่อ จะต้องถูกกล้องใหญ่และกล้องเล็กวิ่งไล่ตามอย่างแน่นอน คงจะวุ่นวายน่าดู

เฉินตงให้สั่งการให้เสี่ยวหม่าจัดการที่เหลือให้เรียบร้อย

จากนั้นเขาก็นั่งรถโรลส์-รอยซ์กับแม่และท่านหลง มีคุนหลุนเป็นคนขับรถ มุ่งหน้าลงเขา

บนเวที

กู้โก๋ฮั้วที่นิ่งงันเป็นไก่ไม้ ใบหน้าแดง นิ่งไม่ขยับเลย

มองดูรถโรลส์-รอยซ์จากไป

สีหน้าของหลี่หวั่นชิงจึงได้หดลงมา “ไอ้กู้ คนเป็นพ่ออย่างคุณ เมื่อกี้ทำไมจึงเสียมารยาทนัก?”

กู้โก๋ฮั้วเหมือนไม่ได้ยิน ทันใดนั้นก็พูดพึมพำ “เขยมังกร………..เป็นเขยมังกรของตระกูลกู้จริงๆ…………”

“พ่อคะ พ่อพูดเพ้อเจ้ออะไรคะ?” กู้ชิงหยิ่งมองกู้โก๋ฮั้วทั้งอายทั้งตกใจ เธอรู้ว่าเขยมังกรที่พ่อตัวเองพูดถึงนั้นคือเฉินตง แต่พูดแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยนะ?

อย่างไรก็ตาม

กู้โก๋ฮั้วจู่ๆก็หันหน้าไปทางหลี่หวั่นชิง จ้องมองเธอด้วยตาทั้งคู่ “เมียจ๋า ตบผม!”

บทที่ 164 ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต

“เสี่ยวหยิ่ง ขอบคุณที่คุณไม่ไปจากผม”

จนกระทั่งน้ำเสียที่อ่อนโยนของเฉินตงดังขึ้น

ร่างที่บอบบางของจึงสั่น แล้วได้สติกลับมา

บนท้องฟ้าท่ามกลางดอกไม้ไฟและสายฝนดอกไม้ เธอค่อยๆก้มหน้าลง มองเฉินตงที่กำลังคุกเข่าด้วยขาหนึ่งข้าง

เวลานี้ กู้ชิงรู้สึกว่าบนโลกนี้มีเพียงเธอกับเฉินตง

แม้แต่เสียงคำรามของเฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำที่อยู่เหนือศีรษะ ก็หายโดยปริยาย

“การที่คุณรอผมสามปี ผมจะไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง”

เฉินตงจริงจังมาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนมาก

น้ำเสียงไพเราะ เต็มไปด้วยแรงดึงดูด แต่มันโดนใจของกู้ชิงหยิ่งโดยตรง

“ผมเคยพูดแล้ว คุณใช้ทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน ผมจะยอมให้คุณแพ้ได้อย่างไร?”

“ต่อไปนี้ ผมหวังว่าข้างกายผมจะมีคุณอยู่ด้วยตลอดเวลา!”

เมื่อคำพูดสุดท้ายได้พูดออกมาแล้ว เฉินตงก็ได้หยิบแหวนเพชรที่ได้เตรียมไว้นานแล้วออกมา

ภายใต้แสงที่สาดส่อง เขาค่อยๆเปิดกล่องแหวนออก

ทันใดนั้น แสงสีแดงสดใส ก็สะท้อนออกมา

กู้ชิงหยิ่งตกตะลึงไปแล้ว ถูกแหวนที่อยู่ในมือของเฉินตงนั้นดึงดูดไปโดยสิ้นเชิง

แสงสีแดงแพรวพราวที่แทงตา ดูเหมือนจะมีอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายเท่านั้น

และในไม่ไกล

สีหน้าท่าทีของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาเดียวกัน

กู้โก๋ฮั้วถึงกับโพล่งออกมา: “เพชรสีเลือด? โอ้พระเจ้า เพชรสีเลือดที่เม็ดใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยหลายร้อยล้าน ไอ้เด็กเฉินตงคนนี้ บ้าไปแล้วหรือ?”

“บ้าเหรอ?เห่อ!”

ท่านเมิ่งยิ้มๆ “เงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านจะแค่ไหนเชียว ต่อไปพันล้าน ก็ไม่มีอะไรน่าตกใจเลย”

สีหน้าของกู้โก๋อั้วแดงก่ำ ไม่ว่าจะคิดยังไม่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

และในเวลานี้

บนเวที เฉินตงที่ถูกแสงสาดส่อง ในที่สุดก็ค่อยพูดคำพูดประโยคนั้นออกมา

“กู้ชิงหยิ่ง ได้โปรดแต่งงานกับผมด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะจับมือกันไปจนแก่เฒ่า จนแก่ก็ไม่เสียใจ คุณสัญญากับผมว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน ผมสัญญากับคุณเราจะอยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต!”

โครม!

กู้ชิงหยิ่งรู้เพียงแต่ว่าในหัวสมองนั้นดังด้วยเสียงที่สนั่นหวั่นไหว

ทันใดนั้น ดวงตาที่สวยงามก็ขุ่นมัว

รอคอย

สามปีที่รอคอย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอนั้นฝันถึงช่วงเวลานี้มาโดยตลอด

ตอนนี้จินตนาการได้กลายเป็นความจริงแล้ว ในที่สุดอารมณ์ทั้งหมดก็ปะทุออกมาในขณะนี้

ไม่มีความลังเลเลย

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ยื่นมือขวาออกไป

เฉินตงยิ้มจางๆ หยิบแหวนเพชรที่อยู่ในกล่องออกมา กำลังจะสวมให้กับกู้ชิงหยิ่ง

ทันใดนั้น

ท้องฟ้ายามค่ำคืนในระยะไกล

ดังขึ้นด้วยเสียงที่เกือบจะทำให้คนหูหนวก

เสียงนั้นดังมาก ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพื้นดิน

ราวกับว่ากองกำลังนับพัน ถูกกวาดไปในอากาศ

เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ไม่เพียงแต่สะท้อนทั่วภูเขาเทียนซาน แต่เสียงนี้ยังส่งผลกระทบไปทั่วเมือง

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทันใดนั้น บนยอดเขาเทียนซาน ทุกคนล้วนตกตะลึงกันไปหมด

แม้แต่เฉินตงก็ยังมึนงง

พอดีในเวลานี้ ท่านหลงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ตะโกนผ่านโทรโข่ง

“คุณชาย………นี่คือของขวัญเล็กน้อยที่นายท่านเตรียมให้คุณ”

คุณพ่อ?!

เฉินตงตกใจอย่างมาก มือที่กำลังจะสวมแหวนเพชรให้กับกู้ชิงหยิ่งนั้น อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักไปทันที

ก็ในเวลานี้ ท่านเมิ่งที่อยู่ไม่ไกลสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

พร้อมกับอุทาน “เครื่องบินรบ! นี่มันเป็นเสียงของเครื่องบินรบ!”

อะไรนะ?!

เมื่อได้ยินเสียงอุทานนี้

ทุกคนเหมือนถูกฟ้าผ่า ต่างตกตะลึงกันอยู่ในนี้

ขอแต่งงาน………ทำไมถึงมีเครื่องบินรบมาร่วมด้วยละ?

ด้วยเสียงคำรามของเครื่องบินรบ แทบจะไม่กะพริบตากันเลย มันได้บินมาถึงบนท้องฟ้าของเขาเทียนซานแล้ว ซึ่งอยู่สูงกว่าเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ก่อนหน้านี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็อาศัยแสงนี้ มองดูเงาของเครื่องบินรบขนาดใหญ่

ทั้งหมด…….ยี่สิบลำ!

โครม!

วินาทีต่อมา เครื่องบินรบยี่สิบลำบินขึ้นในแนวดิ่ง เปลวไฟหางที่แทงตาสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า

และเมื่อเครื่องบินรบไต่ขึ้น หางของเครื่องบินรบทุกลำก็ได้ปล่อยแถบแสงที่แตกต่างกันออกมา เมื่อแสงรวมตัวกัน หากเทียบกับสายรุ้ง งดงามและชวนฝันยิ่งกว่า

แสงยี่สิบแถว ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า สว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน

มันเป็นเหมือนม่านแสง แสงที่สดใสได้ปกคลุมภูเขาเทียนซานทั้งลูก

ว้าว……….

คนที่อยู่ในงานต่างก็อุทานด้วยความตะลึง

ภาพดังกล่าว เมื่อเทียบกับภาพก่อนหน้านี้ทั้งหมด มันเจ๋งกว่ามาก

แสงที่แพรวพราว เจิดจรัสไปทั่วฟ้าดิน

“คุณชาย…….ยังรออะไรอีกครับ?”

ภายใต้แสงที่เจิดจรัส ท่านหลงได้เตือนสติเฉินตงที่ตกอยู่ในภวังค์

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม รีบสวมแหวนเพชรไปที่นิ้วนางของกู้ชิงหยิ่ง

หลังจากลุกขึ้น เขาได้กอดกู้ชิงหยิ่งเข้ามาในอ้อมกอด ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็เป็นของผมแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งที่เหมือนฝันมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ทุกสิ่งอย่างในค่ำคืนนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนฝัน

เสียงของเครื่องบินรถ แถบแสงที่วิเศษ

เมื่อรวมตัวกัน เหมือนเมฆสีรุ้ง

ภาพดังกล่าว เธอเคยจินตนาการในความฝัน

เธอจินตนาการว่าคนที่เธอรักจะสวมชุดเกราะสีทอง และเหยียบอยู่บนเมฆสีรุ้ง เพื่อมาขอเธอแต่งงาน

บัดนี้ กลับกลายเป็นความจริงแล้ว!

เฉินตงไม่ได้สวมชุดเกราะสีทอง แต่ก็สวมชุดสูทรองเท้าหนัง

แต่ว่าเมฆสีรุ้งที่อยู่ตรงหน้า กลับมีอยู่จริง

เมื่อจินตนาการกลายเป็นความจริง แม้ว่าจะเป็นจริงเพียงครึ่งหนึ่ง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้กู้ชิงหยิ่งซึ้งจนน้ำตาไหล

เธออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง มองไปที่แถบไฟหลากสีบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น แล้วกล่าวพึมพำ “ขอบคุณค่ะ…….”

แถบสีรุ้ง อยู่อย่างนั้นไปเกือบสิบนาที

ในที่สุด เครื่องบินรบยี่สิบลำก็คำรามอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน

แถบแสงหายไป เครื่องบินรบยี่สิบลำก็กลับลำในเวลาเดียวกัน ก็ได้หายไปจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน

บนยอดเขาเทียนซาน กลับมาสลัวเหมือนเมื่อกี้อีกครั้ง

แต่การปรากฏตัวของเครื่องบินรบ ได้ทิ้งความประทับใจที่ลบไม่ออกในใจของทุกคน

ไม่เพียงแต่พนักงานของไท่ติ่งที่ตกตะลึง

แม้แต่ท่านเมิ่งที่เคยเห็นโลกกว้าง กู้โก๋ฮั้วและคนอื่นๆ ก็ตะลึงกันทั้งนั้น อึ้งกันไปหมด

“เครื่องบินรบ เฉินตง……..ไปเชิญเครื่องบินรบมาจากไหน?”

กู้โก๋ฮั้วปากอ้าตาค้าง บ่นพึมพำ

เครื่องบินรบ นั้นเป็นอาวุธสงคราม!

มันใช่สิ่งที่การขอแต่งงานจะสามารถนำมาใช้ได้เหรอ?

และแล้ว

ท่านเมิ่งกลับยิ้มอย่างเรียบเฉย “หากนายเคยเห็นครอบครัวของเฉินตงเดินทาง มีเครื่องบินรบคอยคุ้มกัน ก็จะไม่อุทานแบบนี้แล้ว”

เครื่องบินคุ้มกัน?!

กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา ผู้อำนวยการหลิวกับเจิ้งโก๋โส่วล้วนมองท่านเมิ่งอย่างตกตะลึง

เวลานี้

ท่านหลงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที

หลี่หลานที่อยู่ภายใต้การพยุงของฟ่านลู่ ก็ค่อยๆเดินตามไป

“แม่ครับ ท่านหลง”

เฉินตงพากู้ชิงหยิ่งเดินไปด้านหน้า

“ดีๆๆ ต่อไปนี้ก็เป็นคนบ้านเดียวกันแล้วนะ ตงเอ๋อหากลูกกล้าทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจ อย่าหาว่าคนเป็นแม่ไม่ยุติธรรมละ!”

หลี่หลานยิ้มอย่างอ่อนโยน จับมือของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวหยิ่งจ๋า ขอบคุณที่หนูไม่ทิ้งตงเอ๋อ ตงเอ๋อสามารถแต่งงานกับหนู ถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง”

“ขอบคุณคุณน้า” กู้ชิงหยิ่งยิ้มกล่าวด้วยความเขินอาย

แม้ว่าจะเคยเจอหลี่หลานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ ให้ความรู้สึกกับเธอไม่เหมือนก่อนเลย

“พ่อแม่หนูละ? ต่อไปก็เป็นญาติกันแล้ว ต้องเจอกันหน่อย” หลี่หลานยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยน

กู้ชิงหยิ่งเงยหน้ามองไปอีกฟากของเวที “พวกท่านอยู่ตรงนั้นค่ะ”

ขณะที่พูด เธอก็ได้กวักมือเรียกพ่อแม่

แต่ในเวลานี้กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา ยังคงจมอยู่ในความตกตะลึงกับคำพูดของท่านเมิ่งในเมื่อกี้

ไม่ได้สังเกตเห็นสัญญาณที่กู้ชิงหยิ่งส่งมาเลย

แต่เป็นท่านเมิ่งที่ตบบ่าของกู้โก๋ฮั้ว “ไอ้กู้ ขึ้นไปเถอะ จำไว้เดี๋ยวอย่าตื่นเต้นให้มากละ”

“เห่อ ก็แค่เจอหน้าฝ่ายชายเอง มีอะไรน่าตื่นเต้นละ?” กู้โก๋ฮั้วเลิกคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ท่านเมิ่งกลับยิ้มๆ “คืนนี้นายถึงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด”

กู้โก๋ฮั้วไม่ได้สนใจเลย จับมือของหลี่หวั่นชิง ค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที

เพียงแต่ เมื่อระยะเริ่มใกล้กันเข้ามา

สายตาที่มองเห็นชัดเจน

สายตาของกู้โก๋ฮั้วกลับไปหยุดอยู่บนร่างของท่านหลง โดยไม่อาจจะละสายตาออก

คิ้วได้ขมวดแน่นขึ้น

ความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง………..

บทที่ 163 แสงที่เจิดจรัส สำหรับผู้หญิงสวยเท่านั้น

กู้ชิงหยิ่งแก้มแดงระรื่น

เมื่อความเข้าใจผิดได้รับความกระจ่าง หลุมที่อยู่ในใจก็ได้หายไปแล้ว

เหลือเพียงแต่ ภาพการขอแต่งงาน

เธอรอภาพนี้ มาสามปีแล้ว

สามปีก่อน เธอเป็นเพื่อนเจ้าสาว เป็นคนส่งเฉินตงกับหวางหนันหนันเข้าไปในห้องโถงที่จัดพิธีแต่งงาน

วันที่สอง เธอก็ข้ามมหาสมุทรไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง

สามปีมานี้ ภาพนั้นยังคงอยู่ในความคิดของเธอ ทำให้เธอปฏิเสธลูกคนรวยเป็นจำนวนมาก

บัดนี้………ในที่สุดก็สมดั่งปรารถนาแล้ว

“เสี่ยวหยิ่ง…….เดี๋ยวลูกต้องสงวนท่าทีบ้างนะ อย่าทำให้ตระกูลกู้ต้องขายหน้าละ” จู่ๆกู้โก๋ฮั้วก็กล่าวขึ้น

หลี่หวั่นชิงที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวอย่างต่อว่า คุณนี่มันเป็นพ่อประสาอะไร? ชั่วชีวิตลูกก็มีแบบนี้เพียงครั้งเดียว อะไรคือสงวนท่าที? คุณพูดแบบนี้ ก็เพราะเมื่อกี้ต่อว่าเฉินตง ตอนนี้ก็เลยไม่รู้จะทำหน้ายังไง?

คำพูดเพียงประโยคเดียวก็ทำลายความคิดของกู้โก๋ฮั้ว

กู้โก๋ฮั้วเกาหัว ก้มหน้ายิ้มเจื่อนๆ

บนยอดเขาเทียนซาน

เวลานี้สว่างไสวไปด้วยดวงไฟ

จุดศูนย์กลาง เวทีได้จัดเตรียมเสร็จนานแล้ว

พนักงานของไท่ติ่งก็ได้รวมกลุ่มไว้ด้วยกัน

และมีแขกจำนวนมากที่เฉินตงเชิญมา

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รถของเฉินตงเคลื่อนตัวออกไป ทุกคนก็มองหน้ากันและกัน เหมือนกับคาดไม่ถึง

คืนนี้เป็นพิธีขอแต่งงานของเฉินตง

ทำไมนางเอกถึงไม่มา พระเอกก็มาจากไปเสียแบบนี้?

“ไอ้เมิ่ง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” เจิ้งโก๋โส่วที่สีหน้าตกตะลึง “ไม่ใช่เพราะไอ้กู้โรคดื้อรั้นกำเริบหรอกนะ?

“เหี้ย แกนึกว่าไอ้กู้มันมีนิสัยที่ดื้อรั้นเหมือนแกเหรอ?” ผู้อำนวยการหลิวเหลือบมองเจิ้งโก๋โส่วแวบหนึ่ง

ท่านเมิ่งที่มองด้วยสายตาลึกๆ ถอนหายใจกล่าวอย่างเบาๆ “ตอนนี้รอเพียงโชคชะตา หวังว่าไอ้กู้คงจะไม่พลาดโอกาสนี้”

ได้ยินแบบนี้

ผู้อำนวยการหลิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ส่วนเจิ้งโก่โส่วนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

พวกเขาสามคน ล้วนเป็นคนที่เฉินตงเชิญมา

ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของกู้โก๋ฮั้ว และก็ยังเป็นผู้อาวุโสที่กู้ชิงหยิ่งเคารพ

ภาพในคืนนี้ ก็ต้องมีพวกเขาอยู่ในนี้ด้วย

“มาแล้ว!”

ทันใดนั้น ในกลุ่มคนก็มีคนตะโกนขึ้น

บนทางขึ้นเขา รถโรลส์-รอยซ์ขับมาพร้อมไฟที่สว่าง

“ทุกคนประจำที่!”

เสี่ยวหม่ารีบสั่งการ

พนักงานไท่ติ่งทุกคนก็กระจายตัว เตรียมพร้อมประจำที่

และด้านข้าง ท่านหลงกับหลี่หลาน และฟ่านลู่ยืนอยู่ในมุมมืด

มองดูรถโรลส์-รอยซ์และรถเบนซ์จิ๊บขับเข้ามา

ท่านหลงแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รีบส่งข้อความออกไป คุณชาย ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมแล้วครับ

เอี๊ยด!

เมื่อรถหยุดลง

เฉินตงนั้นลงจากรถก่อน แล้วรีบก้าวเดินไปเปิดประตูรถเบนซ์จิ๊บอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวหยิ่ง ตามผมมา!”

เขายื่นมือขวาออกไป จับมือกู้ชิงหยิ่งลงรถ

จากนั้นทั้งสองคนค่อยๆเดินไปบนเวที

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงก็ลงรถตาม แวบเดียวก็เห็นท่านเมิ่งสามคนที่ขอบเวที

ทั้งสองคนก็ก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว กู้โก๋ฮั้วกล่าวด้วยความตกใจ “พวกนาย ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้?”

“ก็ต้องมาเป็นพยานน่ะสิ” ท่านเมิ่งยิ้มๆ กล่าวอย่างจริงจัง “คืนนี้ นายอาจจะเป็นคนที่ยิ้มอย่างมีความสุขมากที่สุด”

กู้โก๋ฮั้วยกมือห้ามอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าพูดถึงมันอีกเลย เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างล่างโกรธมากเลย”

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะถาม

บนเวที แสงไฟก็ได้สว่างไสวขึ้น

เฉินตงพากู้ชิงหยิ่งเดินไปตรงกลางเวที

“เตรียมพร้อมหรือยัง?” เฉินตงถามอย่างยิ้มๆ

กู้ชิงหยิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า

“ดูหน้าจอ!”

เฉินตงเงยหน้ามองหน้าจอที่อยู่บนเวที

ในเวลาเดียวกัน หน้าจอก็สว่างขึ้นด้วยแสง

จากนั้นก็มีภาพถ่ายปรากฏขึ้นมา ภาพสลับไปมาอย่างช้าๆ

เมื่อมองไปที่ภาพบนหน้าจอ กู้ชิงหยิ่งนั้นอึ้งไปเป็นอันดับแรก

ตามมาด้วย เธอก็เซอร์ไพรส์ทันที ใช้มือที่เรียวสวยกุมปากเอาไว้

“นี่ นี่มันเป็นรูปถ่ายสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเรา?”

“ผมหามันมาหมดแล้ว!”

เฉินตงพยักหน้าอย่างจริงจัง

กู้ชิงหยิ่งตกตะลึงไปเลย มองภาพแต่ละภาพบนจอ มีความรู้สึกเหมือนฝันไป

รูปบางรูป แม้แต่ตัวเธอเองยังจำไม่ได้แล้ว

กว่าเฉินตงจะรวบรวมรูปภาพเหล่านี้จนครบ คงต้องใช้พละกำลังที่เยอะพอสมควร!

พิธีขอแต่งงานที่เธอต้องการ ไม่ใช่พิธีที่สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน เหมือนแบบนี้ที่เป็นความทรงจำเล็กน้อย อ่อนโยนเหมือนสายน้ำ

ด้วยการสลับภาพ “คนที่นั่งข้างโต๊ะอย่างคุณ” ดังขึ้นทางซ้ายและขวาของเวที

ชั่วพริบตาเดียว เสียงเพลงก็ได้ดึงกู้ชิงหยิ่งกลับไปยังสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย

เปิดแฟ้มแห่งความทรงจำ

ภาพแต่ละภาพในอดีต เหมือนกับรูปภาพบนจอ ผุดขึ้นที่หัวสมองของเธออย่างต่อเนื่อง

เดิมเบ้าตาที่แดงและบวม ค่อยๆคอลขึ้นด้วยน้ำตาอีกครั้ง

เฉินตงยกมือขึ้น ค่อยๆเช็ดหางตาที่เปื้อนน้ำตาของกู้ชิงหยิ่ง “ยัยโง่ แค่นี้เอง ก็จะร้องไห้แล้วเหรอ?”

“นี่ยังไม่พออีกเหรอ?” กู้ชิงหยิ่งถามกลับ

รูปภาพบางรูปแม้แต่เธอยังจำไม่ได้แล้ว แค่คิดก็รู้ เฉินตงหากอยากจะคิดรวบรวมจนครอบ ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน?

แต่

เฉินตงยิ้มจางๆ “เธอเป็นผู้หญิงของผมเฉินตง ให้คุณแค่นี้ จะพอได้อย่างไร?”

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด

โครม!

ในระยะไกล พลุก็ได้พุ่งขึ้นไปสู่บนท้องฟ้า

เมื่อดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน มันก็คำรามอีกครั้ง และระเบิดเป็นดอกไม้ไฟทั่วท้องฟ้า

ตามติดมาด้วย

โครม! โครม! โครม!

……

รอบๆเวที พลุได้พุ่งทะยานสู่บนท้องฟ้า

ท้องฟ้าในยามค่ำคืน กลายเป็นกลุ่มดอกไม้ที่พร่างพราว

กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า

ภูเขาเทียนซานทั้งลูกสว่างไสวราวกับกลางวัน

แสงที่เจิดจรัส สำหรับผู้หญิงสวยเท่านั้น!

เฉินตงกอดกู้ชิงหยิ่งยืนอยู่บนเวที เงยหน้ามองพลุดอกไม้ไฟที่กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า

ท่าทีที่ตะลึงของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เธอเข้าสู่ห้วงแห่งพลุดอกไม้ไฟที่งดงาม

และคนที่อยู่ในงาน ภายใต้แสงที่เจิดจรัสเปล่งประกายนี้ ก็ทำให้เกิดเสียงอุทานออกมาเป็นระยะ

ไม่เพียงเท่านี้

ที่ด้านล่างเขาเทียนซาน เพราะการควบคุม ดังนั้นสื่อทุกสำนักไม่สามารถขึ้นมาทำข่าวได้

แต่ด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สว่างไสวเหมือนกลางวัน

สื่อทุกสำนักต่างบ้าคลั่งกันแล้ว

เลนส์กล้องยาวและเลนส์กล้องสั้นทั้งหมดต่างมุ่งเป้าไปที่ยอดเขาเทียนซานบันทึกภาพที่งดงามนี้

ในเวลาเดียวกัน

การเคลื่อนไหวบนภูเขาเทียนซาน สร้างความตกใจให้กับคนทั้งเมืองที่อยู่ใต้ภูเขา

เพราะการควบคุมที่เข้มงวดของภูเขาเทียนซาน มันได้ดึงดูดความสนใจของคนในเมืองนานแล้ว

ตอนนี้แสงเจิดจรัสเปล่งประกายที่เกิดขึ้นบนเขาเทียนซาน ยิ่งทำให้คนในเมืองแตกตื่น

ทุกคนต่างพากันสงสัย คืนนี้ที่เขาเทียนซาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

จนกระทั่ง มาถึงพลุดอกไม้ไฟ ที่เต็มทั่วท้องฟ้า

จนสุดท้ายมันกลายเป็นลูกศรขนาดใหญ่ปักเข้าที่หัวใจ

ร้อนระอุไปทั้งเมืองแล้ว

ขอแต่งงาน!

นี่มีคนกำลังขอแต่งงาน!

โอ้พระเจ้า ใครกันนะที่ขอแต่งงานบนภูเขาเทียนซาน?

ไม่เพียงแต่ปิดภูเขา ยังยังคงอวดให้โลกได้รับรู้ถึงความรวยและมือเติบ?

บนยอดเขาเทียนซาน

กู้ชิงหยิ่งมองไปสิ่งที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยความประหลาดใจ และลูกศรปักหัวใจที่เจิดจรัส

เวลานี้ ใจเธอเต้นแรงมาก ราวกับจะทะลุออกมาอย่างนั้น

“เร็วแบบนี้เหรอ ก็เข้าสู่ภาพนี้แล้ว?”

แม้ว่าเธอนั้นได้เตรียมความพร้อมมาแล้ว แต่เมื่อเห็นลูกศรปักกลางหัวใจ และรู้ถึงภาพที่จะตามมานั้น ก็ยังคงประหม่าเล็กน้อย

แต่ ข้างหูกลับดังขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนของเฉินตง

“ยังไม่เพียงเท่านี้ คุณชอบดอกกุหลาบ จะขาดมันได้อย่างไร?”

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด

โครม……….

ท้องฟ้าในระยะไกล เสียงคำรามของใบพัดดังมาแต่ไกล

เฮลิคอปเตอร์ห้าลำ บินเข้ามาเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว

ลำแสงห้าดวงพุ่งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ปกคลุมร่างของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งที่อยู่บนเวที

วินาทีต่อมา

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ โปรยปรายลงมา

กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้าและพื้น พลิ้วไหวสวยงาม

ทั้งหมดนี้ เหมือนอยู่ในความฝัน

ทุกคนต่างอุทานขึ้นอีกครั้ง

และกู้ชิงหยิ่ง ก็เงยหน้ามองดอกไม้ที่เต็มท้องฟ้า จนตกอยู่ในภวังค์

เธอนั้นไม่รู้ตัวเลย เฉินตงที่อยู่ข้างกาย ค่อยๆคุกเข่าด้วยขาข้างเดียวลงบนพื้น……….

บทที่ 162 ขอให้พวกคุณมีความสุขนะ

“เสี่ยวหยิ่ง………”

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนอย่างมาก หัวใจเหมือนจะหลุดออกมา

เขารีบวิ่งตามไป

แต่รถเบนซ์จิ๊บนั้นวิ่งได้เร็วมาก มองดูมันลับตาไปในความมืด

ทันใดนั้น บนถนนบนภูเขาในระยะไกล มีลำแสงที่แรงสองดวงส่องมา

เอี๊ยด!

เฉินตงตกใจจนสะดุ้ง รีบวิ่งไปดู แต่เมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นคนที่ลงมาจากรถนั้น

ก็ตะลึงไปเลย

หลังจากตะลึงไปชั่วครู่ ความโกรธที่ค้างคาอยู่ในอกของเขา ก็ระเบิดออกมา

ชั่วพริบตาเดียว

เฉินตงเหมือนกินสัตว์ป่าเข้าไป ดวงตาแดง ได้พุ่งตัวเข้าไปในเงาคน

และเวลานี้ กู้ชิงหยิ่งที่อยู่บนรถเบนซ์จิ๊บก็ได้ก้าวลงมาจากรถ

กู้ชิงหยิ่งที่มีท่าทีห่อเหี่ยว ใบหน้าที่ซีดเซียวมองเงาคนที่อยู่ด้านหน้า

หล่อนยิ้มอย่างขมขื่น “เธอทำสำเร็จแล้ว!”

คนที่ลงมาจากรถ ก็คือหวางหนันหนัน!

หวางหนันหนันที่ปล่อยผมสหยาย มองกู้ชิงหยิ่งด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

เธอกำลังจะพูด

เฉินตงก็ได้วิ่งมาถึงด้านหน้าแล้ว

มองหวางหนันหนัน ไฟโกรธทั้งหมดของเฉินตงเหมือนน้ำท่วมที่สะสมรวมกันอยู่ ทะลักออกมาอย่างแรง

การวางแผน การสมรู้ร่วมคิด

เพียงต้องการให้ความพยายามทั้งหมดของเขาสูญเปล่า

ถึงขั้นอาจทำให้เขาสูญเสียกู้ชิงหยิ่งไป

นี่มันไม่ใช่แค่เพียงล้ำเส้นของเขาเท่านั้นแล้ว

แต่ว่าได้ทำลายเส้นที่เขากำหนดไว้อย่างแหลกละเอียดอย่างไร้เหตุผล!

“หวางหนันหนัน เธอวางแผนได้ชั่วร้ายมาก ตอนนี้มาที่นี่ เพื่อมาดูละครเหรอ?”

เฉินตงจับไหล่ของหวางหนันหนันเอาไว้ ภายใต้แรงที่มาก ทำให้หวางหนันหนันรู้สึกเจ็บ จนต้องขมวดคิ้ว

“เฉินตง ปล่อยเดี๋ยวนี้”

กู้ชิงหยิ่งที่น้ำตานองหน้ากล่าวอย่างดุดัน

เฉินตงตัวสั่นเล็กน้อย หันหน้ามาทันที มองไปที่กู้ชิงหยิ่งอย่างว่างเปล่า

ตามมาด้วย เขาจึงได้สติ

ก็รีบอธิบาย “เสี่ยวหยิ่ง เรื่องราวมันไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด เมื่อกี้ที่ผมวู่วามมันเป็นความผิดของผม แต่คุณต้องเชื่อผมนะ”

ขณะที่พูด ตาที่แดงของเขา มองไปทางหวางหนันหนัน

“ตระกูลหวางของคุณทำร้ายผมมาสามปีแล้ว ยังอยากที่จะทำร้ายต่อไปเรื่อยๆเหรอ? ผมนั้นถอยให้พวกคุณมาโดยตลอด ทำไมยังต้องทำแบบนี้อีก?”

เวลานี้ เฉินตงลนแล้ว

เขาดูลนลาน ถึงขั้นไม่รู้จะรับมือยังไง

แม้ว่าไท่ติ่งที่เจอวิกฤตหนักครั้งใหญ่ จวบจนจะอวสาน เขาก็ไม่เคยลนสวนแบบนี้

เพราะในใจเขา กู้ชิงหยิ่งเมื่อเทียบกับไท่ติ่ง สำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ในชีวิตของเขา!

เห็นหวางหนันหนันเงียบ เฉินตงก็ตะโกนพูด “ขอร้องคุณละช่วยอธิบายกับเสี่ยวหยิ่งหน่อย ขอร้องคุณอย่ามาทำร้ายผมแบบนี้……..”

ในระยะไกล คุนหลุนที่นั่งอยู่ในรถโรลส์-รอยซ์ที่เห็นภาพนี้ ก็ตกตะลึง

นี่ใช่คุณชายจริงๆเหรอ?

ในความทรงจำของเขา เฉินตงไม่ใช่แบบนี้!

และแล้ว

กู้ชิงหยิ่งกลับเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อดึง เช็ดน้ำตาที่หางตา

“พอได้แล้ว เฉินตงคุณทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้ฉันขยะแขยง นี่มันไม่ใช่เฉินตงคนที่อยู่ในใจฉันเลย…………”

เฉินตงอึ้งไปเลย คำพูดของกู้ชิงหยิ่ง เหมือนมีดที่คม ได้ปักลงที่หัวใจของเขา

เขาปล่อยหวางหนันหนันออกอย่างหดหู่ เซไปด้านหลังสองก้าว

เวลานี้ เหมือนกับวิญญาณได้ออกจากร่าง

สองตาว่างเปล่าของเขามองไปที่หวางหนันหนันอย่างเงียบๆ ตาแดงแล้ว น้ำตาคลอเบ้า

เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง แต่กลับทำอะไรไม่ได้

เวลานี้ หวางหนันหนันที่นิ่งเงียบก็ขยับในที่สุด

เธอยิ้มๆ แล้วมองเฉินตงอย่างอ่อนโยน “ขอโทษ เป็นฉันที่ทำผิดต่อคุณ ฉันมา ก็เพื่อจะอธิบายและขอโทษ”

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง

จู่ๆร่างกายของหวางหนันหนันก็อ่อนลง ได้คุกเข่าลงบนพื้น

น้ำเสียงของเธอนั้นเรียบเฉยมาก กลับแฝงไปด้วยความลำบากใจและคำขอโทษที่ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง

“เป็นฉันที่ผิดต่อพวกคุณ เพราะการร่ำลาที่ธรรมดาเพียงครั้งเดียว กลับถูกคนในครอบครัวของเอาไปใช้ประโยชน์ เกือบจะทำลายพิธีการขอแต่งงานของพวกคุณ พวกคุณโปรดอภัยให้ฉันด้วย รูปถ่ายนั้นเป็นรูปที่แม่กับน้องชายฉันแอบถ่าย ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาจะใช้เรื่องนี้มาทำร้ายคุณ”

“คืนนี้ที่มาที่นี่ ก็เพื่อเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น และมาขอให้พวกคุณยกโทษให้ฉัน”

เดิมที เธอนั้นจะไปจากที่นี่จริงๆ

วันนั้นเมื่อรู้ความจริง ก็ได้สงบล้มลงไปทันที

เมื่อตื่นขึ้นมา เธอจึงล้มเลิกความคิดที่จะจากไปชั่วคราว เพราะเธอรู้ว่า หากเธอไปแล้วจริงๆ พิธีขอแต่งงานที่เฉินตงตั้งใจเตรียมให้กู้ชิงหยิ่งนั้น ต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

อาจถึงขึ้น เพราะความวู่วามชั่วขณะของแม่เธอ ทำให้ระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเกิดความร้าวฉาน

หลังตื่นจากฝัน เธอได้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เตรียมตัวต้อนรับอนาคดใหม่

กับเฉินตง ก็ไม่ได้เกลียดเหมือนแต่ก่อนแล้ว มีเพียงความรู้สึกผิด!

ดังนั้น ที่เธออยู่ต่อ ก็เพราะคืนนี้ต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง

เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งอึ้งไปพร้อมกัน

เฉินตงก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคืนนี้ที่หวางหนันหนันมา ก็เพื่อมาช่วยเขาอธิบาย และมาขอโทษ

นี่มันใช่หวางหนันหนันที่เคยหยิ่งผยองราวกับเจ้าหญิงจริงๆเหรอ?

สิ่งที่กู้ชิงหยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ความจริงนั้นเหมือนอย่างที่เฉินตงพูดเมื่อกี้!

ตามที่หวางหนันหนันคุกเข่านี้ ความสงสัยเคลือบแคลงใจก่อนหน้านี้ก็หายไปหมดเลย!

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเข้าใจนิสัยของหวางหนันหนันดี หากไม่ใช่เพราะหวางหนันหนันรู้สึกผิดต่อเรื่องนี้ ต่อให้หวางหนันหนันปรากฏตัวตรงนี้ ก็ยังคงเชิดหน้าชูคางอย่างหยิ่งผยอง

เวลานี้ หวางหนันหนันค่อยๆลุกขึ้น เบ้าตาเธอบวมแดงเล็กน้อย มองกู้ชิงหยิ่งแล้วกล่าวอย่างจริงใจ “เสี่ยวหยิ่ง เธอโชคดีมากจริงๆ”

พูดจบ เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอให้พวกคุณมีความสุขนะ”

จากนั้น เธอก็หันหลังขึ้นรถ รถก็ได้มุ่งหน้าลงสู่เขา

มองดูรถที่แล่นด้วยความเร็วภายใต้ความมืดจนลับตาไป

ความโกรธในใจของเฉินตงในที่สุดก็สงบลง

การปรากฏตัวของหวางหนันหนันเป็นที่สิ่งเขาคาดไม่ถึง แต่บทสรุปนั้นถูกพัฒนาไปในทางที่ดี

“ดังนั้น…….มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดจริงๆเหรอ?”

เสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้น พูดอย่างออดอ้อน ไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อกี้แล้ว

เฉินตงกางมือสองข้าง

“ไม่อย่างนั้นล่ะ? พูดตามจริงก็คือ เป็นเรื่องที่ถูกวางแผนเอาไว้ มันเป็นการเจอกันเพื่อกล่าวคำลาจริงๆ หน้าหลังไม่เกินห้านาที”

เพื่อจะสิ้นเสียงพูด

กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็โผเข้ามาในอ้อมอกของเฉินตง พร้อมกับด้วยเสียงร้องไห้ “ฮืมๆ………เจ้าทึ่ม ฉันกลัวมากเลย กลัวว่าคุณจะไม่ต้องการฉันแล้ว”

ช่วงเวลานี้ เพราะเรื่องของรูปถ่าย กู้ชิงหยิ่งอยู่ในช่วงที่ทุกข์ทรมานมาก ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้รับความกระจ่างแล้ว ความคับข้องใจทั้งหมดก็ถูกระบายออกมาทันที

รับรู้ได้ถึงร่างกายที่บอบบางที่กำลังสั่นอยู่ในอ้อมกอด

เฉินตงรู้สึกผิด เขากล่าวอย่างปวดใจ “ผมไม่มีวันที่จะทรยศคุณ อย่าลืมคำสัญญาของผม”

ลมกลางคืนเย็นเล็กน้อย

ภาพที่ทั้งสองคนกอดกัน ตกอยู่ในสายตาของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงที่นั่งอยู่ในรถเบนซ์จิ๊บ

สองสามีภรรยาจึงได้โล่งใจพร้อมกัน

หลี่หวั่นชิงมองกู้โก๋ฮั้วอย่างต่อว่า “คุณดูตัวเองสิ เมื่อกี้คุณวู่วามเกินไปแล้ว”

“โทษผมเหรอ? คนเป็นพ่ออย่างผมสงสารลูกผิดด้วยเหรอ?” ใบหน้าของกู้โก๋ฮั้วแดงเล็กน้อย มองด้วยหางตา

ครู่ใหญ่

เฉินตงค่อยๆผลักกู้ชิงหยิ่งออก ยิ้มแล้วก็ชี้ไปที่ยอดเขาเทียนซาน

“ดังนั้น ตอนนี้คุณยินดีที่จะขึ้นไปบนเขากับผม ให้ผมขอคุณแต่งงานแล้วใช่มั้ย?”

กู้ชิงหยิ่งเขินอายจนหน้าแดง ก้มหน้าลง พยักหน้าเล็กน้อย

ทันใดนั้นเฉินตงก็ดีใจ จูงมือกู้ชิงหยิ่ง พาเธอขึ้นไปนั่งรถเบนซ์จิ๊บ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ทุกสิ่งทุกอย่างในคืนนี้ ได้เตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะ !”

บทที่ 161 อธิบาย? ไปจากที่นี่!

“ถึงแล้ว กำลังลงเขา”

ในสาย เสียงของกู้ชิงหยิ่งเรียบเฉยมาก

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย และสงสัย

ตามมาด้วย ในสาย เสียงที่เรียบเฉยของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นอีกครั้ง

“คุณจะขอฉันแต่งงานจริงๆเหรอ?”

คิ้วของเฉินตงยิ่งลึกลงไปอีก ยิ้มกล่าว “ก็ต้องจริงสิ เพื่อวันนี้แล้ว ผมเตรียมการไปตั้งนานแหนะ”

เพิ่งจะเริ่มพูด

ในสาย จู่ๆก็ดันขึ้นด้วยเสียงของกู้โก๋ฮั้ว

“เฉินตง เรื่องรูปถ่ายมันยังไงกันแน่?”

โครม!

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า พริบตาเดียวก็จมดิ่งไปใต้เหว ด้านหน้านั้นมองเห็นแต่ความมืด

เกิดเรื่องแล้ว!

ชั่วพริบตาเดียว เขาเต็มไปด้วยความหดหู่ และลุกโชนด้วยไฟโกรธ

พวกกู้ชิงหยิ่งรู้เรื่องนี้แล้ว มีเพียงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

หวางหนันหนัน………..ไม่ได้ทำตามสัญญา ที่จะทำลายรูปถ่าย!

แต่ได้เปลี่ยนมือเอารูปถ่ายของเขาส่งไปให้กู้ชิงหยิ่ง!

เฉินตงพูดอย่างรีบร้อน “คุณอา พวกท่านรอผมสักครู่ ผมจะไปหาเดี๋ยวหานี้”

หลังจากวางสาย เฉินตงก็รีบเรียกคุนหลุนมาขับรถ เหลือไว้เพียงสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน รถแล่นลงเขาด้วยความเร็วสูง

ตลอดทาง เฉินตงสีหน้าบึ้งตึง และดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยไฟโกรธ

สองมือกำหมัดแน่น จนเห็นเส้นเอ็นของหลังมืออย่างชัดเจน

เขาคิดไม่ถึงเลย เพราะตัวเองที่คิดมากไม่กล้าจัดการกับความโลภของตระกูลหวาง ในที่สุดในเวลาสำคัญที่ใกล้จะสำเร็จแบบนี้ กลับล้มเหลว

เพื่อการขอแต่งงานครั้งนี้ เขาเตรียมการมานานมาก ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ก็จัดการด้วยตัวเอง

เขาจะไม่ยอมให้เกิดความคลาดเคลื่อนใด ๆ ในขณะเขากำลังจะได้ลงเอยกับกู้ชิงหยิ่ง

ถนนบนเขา

รถเบนซ์จิ๊บสีดำได้จอดอยู่ข้างทางอย่างเงียบๆ

หลังจากรอดพ้นจากการปิดล้อมของผู้สื่อข่าว รอบข้างนั้นก็เงียบมาก

กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่แถวหลังด้วยสีหน้าที่อ้างว้าง มองไปนอกหน้าต่าง ดวงตาบวมแดง

เธอคิดอยากที่จะขึ้นไปบนเขาโดยตรง ยอมรับการของแต่งงาน อย่างน้อยควรที่จะให้เสร็จสิ้นพิธีของแต่งงานก่อน จึงค่อยถามข้อสงสัยที่เก็บไว้ในใจมานาน

แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เขาก็ไม่สามารถที่จะพูดให้ตัวเองทำตามได้

เรื่องรูปถ่าย มันเป็นเหมือนกับหลุม ที่เธอก้าวข้ามมันไปไม่ได้!

“เสี่ยวหยิ่งยังไม่ได้พูด คุณก็ไปพูดแทรกทำไม?” หลี่หวั่นชิงมองต่อว่ากู้โก๋ฮั้วอย่างตำหนิ

กู้โก๋ฮั้วที่ท่าทีเคร่งขรึม กำลังจะเอ่ยปาก

กู้ชิงหยิ่งกลับยกมือขึ้นห้าม “แม่คะ ไม่เป็นไรค่ะ ถึงพ่อไม่พูด หนูก็ถามอยู่ดี”

แววตาเธอเป็นประกาย ริมฝีปากแดงอ้ำๆอึ้งๆ “ในเมื่อเขาจะขอหนูแต่งงาน หนูต้องการให้เป็นการของแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากให้ต่อไปเมื่อคิดถึงมัน เหมือนมีหนาม คอยทิ่มแทงใจ”

ในเมื่อเป็นการขอแต่งงาน เธอก็อยากให้การของแต่งงานเป็นการของแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ ต่อไปในภายภาคหน้า ทุกความทรงจำ ก็จะปรากฏแต่รอยยิ้มของความสุข

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น นิ่งเงียบไม่พูด

มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำความเข้าใจเสียก่อน มีผลดีกับทุกคน!

ลูกสาวของตัวเอง ไม่สามารถที่จะยอมลำบากใจทั้งๆที่ไม่เข้าใจเรื่องราว!

กู้โก๋ฮั้วกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ “ลูกรักของพ่อ มีพ่อกับแม่อยู่ ไม่มีใครสามารถมารังแกลูกได้!”

ในระยะไกล รถโรลส์-รอยซ์แล่นมาด้วยความเร็วสูง

กู้โก๋ฮั้วพูดอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “แค่พอจะมีผลงาน ก็เริ่มผยองขนาดนี้แล้วเหรอ?”

ยังไงก็ยังเป็นเด็ก หลี่หวั่นชิงถอนหายใจ

เอี้ยด!

รถโรลส์-รอยซ์ก็ได้หยุดลง

เฉินตงลงจากรถอย่างรวดเร็ว วิ่งไปทางรถเบนซ์จิ๊บ

บนรถ กู้ชิงหยิ่งและครอบครัว กำลังทยอยกันลงรถ

กู้โก๋ฮั้วมาขวางไว้ก่อน เอารูปถ่ายที่อยู่ในมือ ฟาดไปที่ใบหน้าของเฉินตง

“เฉินตง เรื่องนี้ นายจะอธิบายยังไง?”

มองดูรูปถ่ายที่ตกกระจายเต็มพื้น เฉินตงนั้นโกรธจนตาจะถลนออกมา ไฟโกรธเต็มทรวง

แต่เขารู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาโกรธ แต่เป็นเวลาที่ต้องอธิบายให้กู้ชิงหยิ่งเข้าใจ

“คุณอา ขอโทษด้วย นี่เป็นเพียงการพบหน้ากันปกติและเป็นเวลาที่สั้นมาก ผมไม่รู้เลยว่ามันจะถูกคนอื่นวางแผนหลอกใช้”

สีหน้าของเฉินตงจริงจังมาก พูดอย่างตั้งใจที่สุด

“เห่อๆ ถูกหลอกใช้?” กู้โก๋ฮั้วหัวเราะอย่างเย็นชา “ถูกใครหลอกใช้ หรือนายจะบอกฉันว่า เป็นหวางหนันหนันที่จะหลอกใช้นาย นัดเจอนาย จงใจถ่ายรูป เพื่อที่จะแยกนายออกจากเสี่ยวหยิ่งได้ง่ายขึ้น?”

เฉินตงกะพริบตา แล้วก็พูดไม่ออก

แม้ว่าความจริงจะเป็นแบบนี้

แต่ปฏิกิริยาของกู้โก๋ฮั้ว ถึงแม้เขาพูดออกไป ก็ไม่มีทางที่จะเชื่อ!

“เสี่ยวหยิ่ง……..”

เฉินตงเดินไปทางกู้ชิงหยิ่ง แต่กลับถูกกู้โก๋ฮั้วยกมือมาขวางเอาไว้

“คุณอา ให้ผมผ่านไปหน่อยได้มั้ย?” เฉินตงกล่าวขอร้อง

“มีเรื่องอะไร ก็พูดตรงนี้แหละ” กู้โก๋ฮั้วนั้นแข็งกร้าวมาก

หากไม่ใช่เพราะลูกสาวห้ามเอาไว้ วันนั้นวินาทีแรกที่เห็นรูปถ่าย เขาก็มาถามเฉินตงแล้ว

ด้วยสถานะทางบ้านของตระกูลกู้ ยังไม่เคยต้องอดทนอะไรแบบนี้มาก่อน!

“ผม……..

เฉินตงไม่รู้จะพูดอะไร มองกู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยน “เสี่ยวหยิ่ง คุณก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันเหรอ?”

“เฉินตง ฉันต้องการให้คุณอธิบาย!” กู้ชิงหยิ่งเม้มปากที่แดงๆเอาไว้ ดวงตาที่บวมแดงคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง

“ตระกูลหวางทำร้ายผมหนักขนาดนั้น หวางหนันหนันเกือบจะทำให้แม่ของผมตาย ผมจะกลับไปหาเธอได้ยังไง?”

ในใจของเฉินตงมีความเกลียด ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อหวางหนันหนัน มีต่อตระกูลหวาง เหลือเพียงความแค้น!

“วันนั้นที่เจอกัน เป็นเพราะหวางหนันหนันเธอจะไปจากเมื่องนี้ ดังนั้นจึงอยากเจอผมเป็นครั้งสุดท้าย ผม……..”

“อ้อ? เจอครั้งสุดท้าย ดังนั้นนายก็เลยไป?”

กู้โก๋ฮั้วหัวเราะ “พูดอยู่เต็มปากว่าตระกูลหวางทำร้ายนายอย่างแสนสาหัส นายมันใจกว้างมากเลยน้อ บอกว่าเจอครั้งสุดท้าย ก็ไปเจอจริงๆเหรอ?”

ขณะนี้เฉินตงร้อนใจแล้ว

ท่าทีกู้โก๋ฮั้วเหมือนให้เขาอธิบายกับกู้ชิงหยิ่งตรงไหน?

เห็นได้ชัดว่ากำลังเติมน้ำมันในกองไฟ!

แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันกล่าว “คุณอาทั้งสอง ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ผมนึกว่าเป็นการเจอกันธรรมดาเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องราวมาจะรุนแรงแบบนี้”

“ได้โปรดเชื่อผม ผมนั้นจริงใจต่อเสี่ยวหยิ่ง ผมไม่มีทางที่จะทรยศเสี่ยวหยิ่ง”

ขณะที่พูด ก็ได้ชี้ไปยังบนยอดเขาเทียนซาน

“ที่ตรงนั้น คืนนี้จะเป็นที่ที่ผมจะให้คำมั่นสัญญากับเสี่ยวหยิ่ง!”

“นายนี่มันพูดเก่งชะมัดเลยนะ ในเมื่ออยากจะให้คำมั่นสัญญากับเสี่ยวหยิ่ง ทำไมต้องไปเจอหวางหนันหนัน? กู้โก๋ฮั้วไม่ยอมอ่อนข้อ ยังคงความโกรธ”

กู้ชิงหยิ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่จนมันไหลลงมา อยู่ในอ้อมแขนของมารดา

เผชิญหน้ากับเฉินตง กู้ชิงหยิ่งที่โกรธพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “เฉินตง แค่ให้คุณอธิบาย มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ถูกกู้โก๋ฮั้วนั้นประชดประชัน ตอนนี้ยังมาได้ยินคำพูดแบบนี้ของกู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงแทบทรุดตัวลงทันที

เขาที่ตาแดง พูดขอร้องกู้ชิงหยิ่ง “ผมอธิบายมาตลอด คุณเชื่อมั้ยละ? ให้คุณเชื่อแค่ครั้งเดียว มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“นี่เป็นการอธิบายอะไรของนาย? กู้โก๋ฮั้วกล่าวอย่างโมโห “พูดปากเปล่า ใครมาเป็นพยานให้นายได้?”

เพิ่งจะพูดออกมา

ร่างกายของเฉินตงก็สั่น ตะโกนอย่างเสียงดัง “คุณอาพอได้แล้ว ตกลงคุณอาให้ผมอธิบาย หรืออยากจะทำให้ผมกับเสี่ยวหยิ่งเลิกกัน?”

โครม!

คำพูดที่เหมือนสายฟ้า

ทำให้กู้โก๋ฮั้วอึ้งไปเลย

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วจนสุด

กู้ชิงหยิ่งนั้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วกล่าว “เฉินตง คุณพูดกับพ่อฉันแบบนี้เหรอ?”

ทันใดนั้นเฉินตงจึงได้สติ

รู้ว่าตัวเองพูดผิด เขาก็รีบขอโทษ “ขอโทษครับคุณอา ผมไม่ควรใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับคุณอา”

“พอแล้ว! พ่อคะแม่คะ เรากลับกันเถอะ”

คำพูดของกู้ชิงหยิ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ด้านหน้าของเฉินตงกลายเป็นความมืดมน ความรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหว

รอจนกว่าเขาได้สติกลับคืนมา ครอบครัวตระกูลกู้ก็ได้กลับเข้าไปในรถแล้ว

รถเบนซ์จิ๊บกลับรถ กำลังจะขับลงเขา

บทที่ 160 ปลายเดือนแล้ว……

แสงแดดจ้า

ต่อให้เป็นฤดูร้อนที่มีแสงแดดแผดเผา แต่เขตวิลล่าเขาเทียนซานก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่า ทำให้รู้สึกสดชื่นและร่มเย็น

ท่านหลงนั่งไกวตัวเบาๆ อยู่บนชิงช้าในสวนดอกไม้อย่างสบายใจ

ส่วนคุนหลุนยังอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้เขาจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอีกสักระยะถึงจะออกจากโรพยาบาลได้

ฟ่านลู่ยังคงอยู่ดูแลในโรงพยาบาลเป็นอย่างดี

หลังจากหลี่หลานรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ออกจากบ้านไป

ท่าหลงรู้ดีว่าหลี่หลานไปที่ไหน แต่เพราะเป็นเพียงคนรับใช้ เขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปขัดขวาง และไม่กล้านำเรื่องนี้ไปบอกเฉินตง เพราะเขารู้ดีว่าหลี่หลานจะใช้ความตายในการขู่บังคับเขา

วิลล่าที่ใหญ่โต กลับเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว

ทำให้รู้สึกอ้างว้างเล็กน้อย

แต่ว่าท่านหลงเองกลับไม่ได้สนใจ เขายังคงใช้ชีวิตอย่างสบายใจ

ท่านหลงวางกาน้ำชาที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็เอนตัวลงบนชิงช้าอย่างผ่อนคลาย

แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามา ทำให้ความสบายใจของเขาต้องสิ้นสุดลง

ชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์คือ “นายท่าน” ท่านหลงมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นในทันที

“นายท่าน มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับ ?”

“นายบอกว่า ปลายเดือนนี้เฉินตงจะขอผู้หญิงแต่งงานอย่างนั้นหรือ ?”

เรื่องนี้ ตอนแรกหลังจากที่เฉินตงตัดสินใจแล้ว ท่านหลงก็รีบรายงานให้เฉินเต้าหลินรู้ในทันที

ตอนนี้ลองนับดูแล้ว ก็ห่างจากปลายเดือนอีกเพียงไม่กี่วัน

“นายท่าน การขอแต่งงานจะมีขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนครับ” ท่านหลงพูด

“อืม ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของเฉินตง ควรจะทำอะไรสักหน่อย”

ในสายโทรศัพท์ เสียงของเฉินเต้าหลินแสดงออกถึงความรู้สึกผิดไม่น้อย : “ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันไม่ได้อยู่ดูเขาเติบโตขึ้นมา ไม่ได้อยู่ร่วมในการแต่งงานครั้งแรกของเขา ตอนนี้เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ดูเหมือนว่าจะยังทันอยู่ จึงควรชดเชยอะไรให้กับเขาบ้าง”

“นายท่าน เรื่องนี้กระผมจะจัดการให้เรียบร้อย ขอให้ท่านอยู่ในตระกูลเฉินอย่างสบายใจ ถ้าหากเข้ามาใกล้ชิดกับคุณชายมากเกินไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าคุณหญิงใหญ่……” ท่านหลงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

แต่ ยังไม่ทันจะพูดจบ

ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงโมโหของเฉินเต้าหลินดังขึ้น

ท่านหลงเคร่งขรึมขึ้นทันที

หลังจากนั้น เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า : “พวกเขาคิดว่าฉันยังเป็นเฉินเต้าหลินคนเก่าอยู่ แต่กลับมองไม่เห็นเลยว่าที่ตระกูลเฉินมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร ! ถ้าหญิงชราคนนั้นยังกล้าก่อเรื่องอีกล่ะก็ ฉันจะใช้อำนาจของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เชิญให้เธอเข้าไปอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ ให้ลูกหลานตระกูลเฉินกราบไหว้บูชา !”

เป็นการแสดงออกถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงและน่ากลัว

แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

“นายไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว เรื่องการขอแต่งงานของเฉินตง ขอให้นายตั้งใจจัดการอย่างเต็มที่ ส่วนการเตรียมการของฉัน นายเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล”

ตู๊ดๆ

ปลายสายวางโทรศัพท์ไป

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหยหา : “แม้แต่นายท่านก็เตรียมที่จะช่วยคุณชายขอแต่งงานแล้ว วันสุดท้ายของเดือนวันนั้น การขอแต่งงานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ ?”

ท่านหลงเอามือลูบคาง มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาอย่างชัดเจนขึ้น : “กู้โก๋ฮั๋วปรารถนาที่จะก้าวเข้าไปในตระกูลเฉิน เพื่อที่จะขอร้องให้ตระกูลเฉินช่วยเหลือเขาในการขยายอาณาจักรธุรกิจอีกครั้ง ถ้าหากเขาล่วงรู้ว่า ความปรารถนาอันแรงกล้าที่เขามีมากว่าครึ่งชีวิต สำเร็จได้เพียงเพราะการรอคอยเป็นเวลาสามปีของลูกสาว ทำให้ได้แต่งงานกับผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ชายชราคนนั้นจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันนะ ?”

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ท่านหลงถึงขนาดจินตนาการไปถึงท่าทางของกู้โก๋ฮั๋วขณะที่ล่วงรู้ความจริง

รอบยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งดูแปลกประหลาด เขาเอนตัวลงบนชิงช้าอย่างสบายใจ จากนั้นจึงแกว่งชิงช้าเบาๆ : “พรหมลิขิต……เป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ !”

ตอนนี้เอง

ประตูของวิลล่าเปิดออก

หลี่หลานกลับมาแล้ว

ท่านหลงหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว เขาขมวดคิ้วทันที เขารู้สึกตงิดใจเล็กน้อย

หลังจากหลี่หลานเดินเข้ามาในลาน ก็เดินก้มหน้าก้มตาด้วยความรวดเร็ว

แต่ท่านหลงก็ยังคงสังเกตเห็นว่า บนใบหน้าของหลี่หลานมีรอบฝ่ามือสีแดงปรากฏอยู่ !

“คุณผู้หญิง คุณถูกทำร้ายมาหรือครับ ?”

ท่านหลงลุกขึ้น แล้วเขาไปขวางหลี่หลานที่เพิ่งกลับมาบ้านเอาไว้

“อย่าทายุ่ง” หลี่หลานพยายามเดินเลี่ยงท่านหลง แล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปยังบ้าน : “ท่านหลง ขอร้องนายอย่าบอกเรื่องนี้กับเฉินตง เรื่องนี้ฉันสามารถจัดการได้แน่นอน”

“แต่รอยฝ่ามือบนหน้าของคุณ……” ท่านหลงทำใจไม่ได้

“ฉันบอกว่า ห้ามบอกตงเอ๋อ !”

จู่ๆ หลี่หลานก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอทั้งสองข้างบวมแดง เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา !

เธอกัดฟันอย่างดื้อรั้น แล้วค่อยๆ พูดว่า : “ฉันทำให้ต้องเอ๋อต้องเหนื่อยมานานแล้ว เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันเป็นห่วงเขา เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว !”

ท่านหลงสีหน้าเศร้าหมองและพูดด้วยความจนใจ : “แต่กระผมคิดว่า คุณผู้หญิงไม่มีทางจัดการกับเรื่องนี้ได้ ก่อนหน้านี้เคยพูดว่า ต้นไม้ใหญ่ยังไหวเอนตามแรงลมได้ ตอนนี้ต้นไม้ใหญ่อย่างคุณชายได้เติบโตขึ้นมาแล้ว แม้แต่คุณผู้หญิงเองก็ยังหลบซ่อนอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นนี้ แล้วคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองจะจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?”

“พอแล้ว !” หลี่หลานตะคอกอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่หลงเหลือท่าทีที่อ่อนโยนและมีเมตตาเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป

ท่านหลงมองดูหลี่หลานเดินเข้าไปในบ้าน ความปรารถนาดีของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น

เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา : “หมาจิ้งจอกที่หิวกระหายและเสือที่ดุร้าย จะไปเข้าใจความดีงามในหัวใจของมนุษย์ได้อย่างไร ? การได้กินเนื้อและดื่มเลือดต่างหาก ถึงจะเป็นธรรมชาติของพวกมัน ทำไมคุณผู้หญิงถึงไม่ยอมเข้าใจ ?”

……

เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ

สำหรับเฉินตงแล้ว ทุกๆ วันผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่กลับทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง

ทางด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

ด้วยระยะเวลาและแรงดึงดูดที่มากขึ้น ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี ก็เติบโตขึ้นถึง 50% อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอีกด้วย

สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก

เมื่อราคาของอสังหาริมทรัพย์เกิดเสถียรภาพแล้ว ไท่ติ่งก็จะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้

เฉินตงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากที่ปฏิรูปพื้นที่ทางภาคตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ความสามารถของเขาอาจจะสูงเกินกว่าที่จะพูดถึงตระกูลเฉินอีกก็เป็นได้

แต่เขาจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ถูกตระกูลเฉินกดขี่ข่มเหงและบงการชีวิต !

ขอเพียงแค่เขาสามารถพาตัวเองออกมาจากความช่วยเหลือของพ่อและท่านหลงที่คอยประคับประคองเขาเอาไว้ได้เมื่อนั้น จึงจะถือว่าเป็นเวลาที่เขาสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างแท้จริง !

การขอแต่งงานถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้การวางแผนอย่างรอบคอบของเฉินตง

เพื่อการขอแต่งงานครั้งนี้ เฉินตงยอมทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มี มากยิ่งกว่าที่ทุ่มเทให้กับไท่ติ่งเสียอีก

เขาอยากให้การขอแต่งงานในครั้งนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นความทรงจำที่งดงามที่สุดในชีวิตของกู้ชิงหยิ่ง

รายละเอียดทุกอย่างต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

เวลาที่คนคนหนึ่งทุ่มเทกับความรัก เขาจะยอมอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี

กู้ชิงหยิ่งยอมกลับมาอยู่ข้างกายเขาในช่วงเวลาที่เขาลำบากมากที่สุด ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกคุ้มค่าที่จะยอมทำทุกสิ่ง

หลังจากที่เขากลับถึงบ้านด้วยความอ่อนล้าในทุกๆ วัน

เฉินตงก็จะส่งข้อความเพื่อพูดคุยกับกู้ชิงหยิ่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะตอบกลับมาเพียงไม่กี่คำ เป็นเฉินตงที่ “พูดเองเออเอง” เสียส่วนใหญ่ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่กู้ชิงหยิ่งกำลังรอคอยด้วยความคาดหวัง เพื่อรอการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

ก่อนหน้านี้กู้ชิงหยิ่งก็เคยบอกเฉินตงแล้วว่า จะไม่พบหน้ากัน ก็เพื่อที่จะสร้างความประหลาดใจให้เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่หรือ ?

เรื่องนี้ เฉินตงไม่นึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย

เพียงพริบตาเดียว

วันสุดท้ายของเดือนก็มาถึง

วันนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งไม่เปิดทำการ

ถึงขึ้นที่ว่าตึกที่ทำการขายทั้งสี่แห่งก็หยุดทำการไปด้วย นี่ทำให้ผู้คนภายนอกคาดเดากันไปต่างๆ นานา

ภายใต้คำสั่งของเฉินตง พนักงานทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ไม่เพียงแต่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของของเขาเทียนซานเท่านั้น

แต่ยังเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาเทียนซาน ที่ถูกได้รับการพัฒนามานานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองนี้

เมื่อมองลงมา จะเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งเมือง

ตั้งแต่เช้าตรู่ การมาถึงของเฉินตงและพนักงานของเขา ทำจุดชมวิวบนภูเขาเทียนซานถูกปิดบริการเช่นกัน

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของสื่อภายในเมืองนี้เป็นอย่างมาก

รู้ไหมว่า ตั้งแต่ที่จุดชมวิวภูเขาเทียนซานเปิดให้บริการมา ยังไม่เคยปิดให้บริการมาก่อน !

แต่ไม่ว่าสื่อมวลชนจะพยายามสอบถามเช่นไร ก็ไม่มีข่าวรั่วไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย

ประชาชนภายในเมืองค่อยๆ มีการแสดงความคิดเห็นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

สายตาของคนทั้งเมืองต่างกำลังจับจ้องไปที่จุดชมวิวบนเขาเทียนซาน ภายใต้การดึงดูดของสื่อ

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

เฉินตงยืนอยู่ตรงถนนบนภูเขาแล้วมองลงไป จากจุดนี้สามารถมองลงไปเห็นถนนหลวงที่อยู่เชิงภูเขาได้พอดิบพอดี เมื่อมองไกลออกไป ก็จะเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมือง

เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วยิ้มเล็กน้อย : เสี่ยวหยิ่ง พวกคุณมาถึงกันหรือยัง ?”

บทที่ 159 กู้ชิงหยิ่งผู้เก็บซ่อนความผิดเอาไว้ในใจ

เมื่อได้ยินเสียงกู้โก๋ฮั๋วโมโห

กู้ชิงหยิ่งกับหลี่หวั่นชิงก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

สองแม่ลูกเห็นกู้โก๋ฮั๋วกำลังกำรูปถ่ายเอาไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“พ่อ……”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกใจแป้วทันที ซองจดหมายและรูปถ่ายที่ดูคุ้นตาเหล่านั้น ทำให้มีความคิดที่น่ากลัวอย่างที่สุดเกิดขึ้นมาในสมองของเธอทันที

ถูกเปิดเผยเสียแล้ว !

สองวันมานี้เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอย ไม่กินข้าวกินปลา จริงๆ แล้วเป็นเพราะถูกเรื่องของรูปถ่ายทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ

แต่ที่เธอไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ เป็นเพราะเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จนไม่สามารถกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก

อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าขณะนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้โมโหขนาดนี้ ?”

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้ว แล้วเดินก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“คุณดูนี่ ไอ้สารเลวเฉินตง เห็นว่าลูกสาวของพวกเรารังแกได้ง่ายๆ หรืออย่างไร ?” กู้โก๋ฮั๋วยื่นรูปถ่ายให้หลี่หวั่นชิงด้วยความโมโห

เมื่อหลี่หวั่นชิงเห็นรูปถ่าย ใบหน้าที่งดงามและมีเสน่ห์ของเธอก็ถูกปกคลุมด้วยความเยือกเย็นในทันที

เมื่อครู่เธอเพิ่งจะเข้าไปในห้องของกู้ชิงหยิ่งได้เพียงไม่นาน จึงยังไม่ทันที่จะได้เริ่มต้นพูดคุยอะไรนัก

แต่รูปถ่ายที่เห็นอยู่ตรงหน้า กลับให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เธอแล้ว !

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองวันมานี้ลูกสาวของเธอจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ !

ถ้าหากเป็นตัวเธอเอง เธอก็คงรับไม่ได้เช่นกัน

พ่อแม่ทุกคน มีใครบ้างที่จะไม่รักลูก ?

และยิ่งกู้ชิงหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลด้วยแล้ว ก็เปรียบเสมือนไข่ในหินสำหรับพวกเขา !

ตั้งแต่เล็กจนโต สองสามีภรรยาประคบประหงมกู้ชิงหยิ่งมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม

ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ชิงหยิ่งยืนกรานที่จะอยู่กับเฉินตงให้ได้ ต่อให้มีท่านเมิ่งคอยสนับสนุนอยู่ พวกเขาสองสามีภรรยาก็คงไม่คิดจะชายตามองด้วยซ้ำ

การแต่งงานครั้งที่สอง !

เป็นปัญหาที่ไม่อาจมองข้ามได้จริงๆ !

“ไอ้หมอนี่ พวกเราไม่รังเกียจที่เขาแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ผมอุตส่าห์สนับสนุนเขา แต่เขากลับไปแอบพบกับภรรยาเก่า” กู้โก๋ฮั๋วโกรธจนตัวสั่น ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไฟแค้น “เขาคิดว่าผม กู้โก๋ฮั๋วโกรธใครไม่เป็นหรืออย่างไร ? ไอ้บ้าเอ๊ย !”

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้ว ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอค่อยๆ หยิบรูปขึ้นมาดูทีละรูปๆ ความโกรธของเธอค่อยๆ เดือดดาลมากขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชิงหยิ่งได้ยินเสียงตะคอกด้วยความโกรธของพ่อ ก็เรียกสติกลับมาได้ทันที เธอรีบเดินขึ้นไปด้านหน้าแล้วพูดว่า : “พ่อคะ แม่คะ ทั้งสองคนช่วยใจเย็นๆ กันหน่อย ไม่แน่ว่า……ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่เหมือนกับที่เราคิดก็ได้”

“แล้วเป็นแบบไหนล่ะ ? แต่ไม่ว่าพวกเราจะคิดแบบไหน แต่ในเมื่อเจ้าหมอนี่ตัดสินใจที่จะขอลูกแต่งงานแล้ว เขาก็ไม่ควรที่จะแอบพบกับภรรยาเก่าของเขาอีก !”

กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก ความโกรธของเขายากที่จะสงบลงได้ : “เสี่ยวหยิ่งเอ๋ย ลูกเองก็มองลองในแง่ดีเกินไป ไม่ว่าจะหายใจเข้าหายใจออกก็อยากจะอยู่กับเขา แต่การที่เขายังแอบนัดพบกับภรรยาเก่าอยู่เช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาเป็นพวกโง่ดักดาน ยังถูกครอบครัวของภรรยาเก่าทำร้ายไม่สาแก่ใจ !

สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งค่อยๆ ซีดเผือด

ริมฝีปากแดงระเรื่องของเธอขยับ แต่ไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้

กลับเป็นหลี่หวั่นชิงที่วางรูปถ่ายลง และหันมองกู้โก๋ฮั๋วด้วยท่าทีจริงจัง : “คุณกู้ คุณพูดอะไรระวังหน่อย”

“ผม……” กู้โก๋ฮั๋วคิดที่จะโต้เถียง

ด้วยฐานะของเขา ตำแหน่งของเขา นิสัยของเขา ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เหตุการณ์เหมือนในรูปถ่ายนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด

เขารักลูกสาว จึงสามารถมองข้ามการแต่งงานครั้งที่สองของเฉินตงได้

แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโมโหไม่เป็น !

เวลาที่ลูกสาวถูกทำร้าย เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองสูญสิ้นทุกสิ่ง และต้องการระบายความโกรธแค้นที่มีออกมาเพื่อลูกสาวของเขา !

ดังนั้น กู้โก๋ฮั๋วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วหันหลังเดินจากไป : “ผมจะไปหาไอ้หมอนั่น !”

“พ่อคะ……” กู้ชิงหยิ่งตกใจมาก เธอรีบเดินเข้าไปขวางกู้โก๋ฮั๋วเอาไว้ : “หนู หนูไม่ยอมให้พ่อไปหาเขาเป็นอันขาด !”

เธอรู้จักนิสัยของพ่อตัวเองดี ถ้าปล่อยให้พ่อไปแล้วล่ะก็ เรื่องทุกอย่างจะต้องบานปลายใหญ่โตอย่างแน่นอน !

“เด็กน้อย ลูกจะปล่อยให้พ่อนั่งมองดูลูกโศกเศร้าเสียใจอยู่อย่างนี้หรือ ?” กู้โก๋ฮั๋วโกรธจนหน้าแดง

“คุณกู้ คุณใจเย็นลงหน่อยเถอะ !”

หลี่หวั่นชิงเดินตามมา เธอหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน : “เสี่ยวหยิ่ง หลายวันมานี้ลูกกินไม่ได้นอนไม่หลับก็เพราะเรื่องนี้ ร่างกายซูบผอมลงไปมาก พ่อกับแม่เป็นห่วงลูก เรื่องนี้ลูกเองก็คงจะเข้าใจดี”

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าเบาๆ ดวงตาแดงก่ำเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

“ถ้าอย่างนั้น บอกความคิดของลูกให้พ่อกับแม่ฟังหน่อยสิ !” หลี่หวั่นชิงถามอย่างตรงไปตรงมา

มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนี้ ต่อให้เธอจะใจดีมีเมตตาแค่ไหน ก็ยากที่จะข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ได้

ดังนั้นเหตุผลเดียวที่เธอเลือกจะพิจารณาก็คือความคิดเห็นของลูกสาว

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความลังเล

มือทั้งสองข้างประสานกัน ในหัวมีแต่ความคิดที่สับสนวุ่นวายเต็มไปหมด

เรื่องนี้ เธอคิดมาสองวันแล้ว

ในตอนแรก เธอเองก็รู้สึกโกรธและเสียใจพอๆ กับพ่อแม่

แต่หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าเฉินตงไม่ใช่คนประเภทนั้น

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เฉินตงกับหวางหนันหนันหย่าร้างกัน ทุกการกระทำที่เขาปฏิบัติต่อหวางหนันหนัน เธอก็เห็นด้วยตาตนเองมาแล้วทั้งสิ้น

ถึงขั้นที่ว่า ก่อนหน้านี้ที่เธออยู่ห่างจากเฉินตงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็เป็นเพราะเฉินตงต้องการแสดงให้คนของตระกูลหวางเห็น

อีกทั้ง ในรูปถ่าย ก็มีเพียงแค่รูปที่เฉินตงนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับหวางหนันหนันเท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำที่ดูเกินเลย

กู้ชิงหยิ่งสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “หนูคิดว่า จะรอดูจนถึงปลายเดือนนี้ค่ะ”

“ปลายเดือน ?”

กู้โก๋ฮั๋วเลิกคิ้ว : “เด็กโง่เอ๋ย นี่ลูกยังจะรอให้ไอ้หมอนั่นมาขอลูกแต่งงานตอนปลายเดือนนี้อีกอย่างนั้นหรือ ? รูปถ่ายพวกนี้ ทำให้พ่อคิดว่าปลายเดือนพวกเขาสองคนอาจจะกลับไปคืนดีกันแล้วก็ได้ !”

เขาชี้นิ้วไปยังรูปถ่ายที่อยู่ในมือของหลี่หวั่นชิง

“พ่อ !”

กู้ชิงหยิ่งกระทืบเท้าของเธอ : “พ่อคิดถึงความรู้สึกของหนูสักนิดได้ไหม ? หนูบอกว่าปลายเดือนก็คือปลายเดือน หนูจะรอดูว่า เขาจะทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้ได้หรือไม่ !”

พูดจบ เธอก็ร้องไห้แล้ววิ่งกลับเข้าห้องนอนไป

กู้ชิงหยิ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลมากกว่าใคร

เธอรู้ดีว่า หากปล่อยให้พ่อกับแม่ของเธอออกหน้าแล้วล่ะก็ เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

คนที่ปากแข็งเช่นเธอ เพื่อเฉินตงแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องวิธีนี้ !

“เสี่ยวหยิ่ง……”

กู้โก๋ฮั๋วหันหลับไปตะโกนด้วยความโมโห

“พอแล้ว เลิกโวยวายได้แล้ว”

หลี่หวั่นชิงพูดปลอบใจทันที : “เคารพการตัดสินใจของลูก ถ้าหากปลายเดือนนี้ เรื่องทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้ เราก็จะให้หมอนั่นได้ชดใช้ทั้งต้นทั้งดอก !”

น้ำเสียงที่เย็นชาจนหนาวเข้าไปในกระดูกและทรงพลัง

เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของผู้หญิงที่มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยนและมีเมตตาอย่างหลี่หวั่นชิง

ในดวงตาของกู้โก๋ฮั๋วคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้น เขากำหมัดแน่น : “ได้ ! ถ้าอย่างนั้นก็รอดูปลายเดือนนี้ ถ้าหากเจ้าหมอนี่คิดไม่ซื้อจริงๆ ก็อย่าโทษว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน ลูกสาวของตระกูลกู้ ไม่ใช่พวกกระจอกอย่างเขาจะมารังแกได้ง่ายๆ !”

“ถ้าเขากล้ารังแกแก้วตาดวงใจของผม กู้โก๋ฮั๋วแล้ล่ะก็ ผมจะทำให้เขารู้จักว่าฟ้าถล่มมันเป็นอย่างไร !”

……

เฉินตกลับไปถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

แผนการของหวางหนันหนันทำให้เขารู้สึกเครียดและหดหู่เป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน เขาเองก็กำลังลังเลว่าเรื่องนี้จะรู้ถึงหูของกู้ชิงหยิ่งหรือไม่

ยิ่งเขารักมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น ยิ่งกลัวการสูญเสีย เขาก็ยิ่งระมัดระวัง

เฉินตงโทรศัพท์หากู้ชิงหยิ่ง

แต่หลังจากเสียงเรียกดังขึ้นหนึ่งครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายทิ้ง

เฉินตงขมวดคิ้ว เขารีบโทรกลับไปอีกสองครั้ง แต่ก็เป็นเช่นเดิมคือ เมื่อมีเสียงเรียกดังขึ้นหนึ่งครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายทิ้งทันที

“เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”

ขณะที่เฉินตงกำลังกดต่อสายอีกครั้ง ก็มีข้อความจากกู้ชิงหยิ่งส่งเข้ามาในวีแชท

“ทำไมคุณถึงไม่รับโทรศัพท์ ?” เฉินตงถาม “คืนนี้ว่างไหม ? ออกไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ได้เจอคุณนานแล้ว ผมคิดถึงคุณ”

“ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่ เตรียมที่จะแต่งหน้าให้สวย ไม่เช่นนั้นจะกล้าให้คุณมาขอแต่งงานปลายเดือนนี้ได้อย่างไร ?”

กู้ชิงหยิ่งตอบกลับ เพียงครู่เดียวก็มีข้อความอีกฉบับตอบกลับมาอีก

“ คนโง่ หลังจากนี้ฉันจะไม่พบกับคุณแล้ว ฉันจะรอจนถึงปลายเดือน รอให้คุณมาขอฉันแต่งงานแล้วค่อยพบกับคุณ คุณเองก็ห้ามมาเจอฉันเช่นกัน !”

เมื่อเฉินตงเห็นข้อความก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

แววตาของเขาเป็นประกาย และแน่วแน่อย่างที่สุด : “ปลายเดือนนี้ ผมจะขอคุณแต่งงานในแบบที่คุณไม่มีวันลืมได้ลงไปตลอดชีวิต !”

บทที่ 158 กล้ารังแกลูกสาวฉัน เฉินตง นายสมควรตาย !

หวางหนันหนันยืนอึ้งไป

หวางเต๋อและหวางเห้าเองก็หน้าถอดสี

ต่อให้เป็นพวกเขาสองคน ก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่จาวซิ่วจือพูดออกมานั้นเกินไปจริงๆ !

“แม่ ทำไมถึงพูดกับพี่แบบนี้ ?” หวางเห้าพูดเตือนสติ

แต่จางซิ่วจือกลับเงยหน้าแล้วพูดด้วยท่าทีหยิ่งผยองว่า : “หรือแกจะบอกว่าที่ฉันพูดไปทั้งหมดนั้นไม่ถูก ? หลังจากที่เธอแต่งงานกับเฉินตง ได้เงินมาสักเท่าไหร่กัน ? สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้มากน้อยแค่ไหนกัน ? แม้แต่เรื่องที่แกจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ เธอยังช่วยไม่ได้เลย พอมาตอนนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะคิดหาวิธีให้เธอได้เงินชดเชยในการหย่าร้างกลับมา แต่กลับกลายเป็นความผิดของฉันแล้วอย่างนั้นหรือ ?”

พูดจบ จางซิ่วจือก็หันไปเหลือบมองหวางหนันหนัน

“อยู่กับสัตว์ร้ายอย่างเฉินตงมันจะมีประโยชน์อะไร ? ไม่สู้อยู่กับเทียนเซิง นอนกับเขาแล้ว อย่างน้อยก็ยังได้ค่าเหนื่อยอีกหลายล้าน !”

“คุณพอได้แล้ว !”

หวางเต๋อตัวสั่น เขายกมือขึ้นแล้วฟาดลงไป

เผียะ !

เขาใช้ฝ่ามือตบลงไปอย่างสุดพลัง

จนเกิดเสียงดังสนั่น

จางซิ่วจือเดินโซเซไปข้างหลัง ใบหน้าซีกหนึ่งของเธอบวมขึ้นในทันที

ผู้หญิงที่มีนิสัยหยิ่งผยองและบ้าอำนาจอย่างเธอ แน่นอนว่าคิดจะด่ากลับในทันที แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาเกรี้ยวกราดราวกับจะกินคนได้ของหวางเต๋อ เธอก็รู้สึกใจเต้นด้วยความตกใจกลัว และพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้

หวางเต๋อยืนตัวสั่น กัดฟันด้วยความโมโหและจ้องมองจาวซิ่วจือตาเขม็ง : “จางซิ่วจือคุณยังมีความเป็นคนอยู่อีกไหม ? คุณพยายามจะฆ่าลูกหรืออย่างไร ? คุณมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับทรัพย์สินเงินทองจนถึงขั้นที่ไม่สนใจลูกสาวแล้วอย่างนั้นหรือ ?”

“พ่อ……”

เมื่อได้ยินว่าพ่อปกป้องตนเอง หวางหนันหนันก็ร้องไห้โฮออกมาแล้วโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางเต๋อในทันที

หวางเต๋อตบหลังของหวางหนันหนันเพื่อปลอบใจไปพลาง ก็จ้องมองจาวซิ่วจือด้วยความโมโหไปพลาง : “ผม ผมทนคุณไม่ไหวอีกแล้ว บางครั้งผมถึงขั้นที่คิดจะหย่ากับคุณ ถึงขั้นคิดที่จะฆ่าคุณให้ตายเสียด้วยซ้ำ !”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ฆ่าเลยสิ !” จางซิ่วจือเองก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เธอถือบัตรธนาคารเอาไว้แน่น : “แต่อย่างไรเสียตอนนี้ฉันก็มีเงินแล้ว หากหย่ากันจริงๆ ฉันก็จะพาลูกชายไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นอกเสียจากว่าคุณจะฆ่าฉัน !”

“คุณ……” หวางเต๋อโกรธจนพูดไม่ออก

“พ่อ อย่าทะเลาะกันอีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก พูดไปแม่ก็ไม่มีวันเข้าใจ”

หวางหนันหนันร้องไห้และเข้าไปขวางผู้เป็นพ่อเอาไว้ เธอรู้ดีว่า ถ้าแม่ของเธอคิดได้จริงๆ เพียงสักนิด ครอบครัวคงไม่ต้องมีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้

ในเมื่อถูกกล่าวหาไปแล้ว ก็ปล่อยให้ถูกกล่าวหาไป !

เธอแค่อยากจะอยู่เงียบๆ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่

ความคิดเช่นนี้เรียกได้ว่า “ถูกทำให้เจ็บปวดจนกระทั่งรู้สึกชินชา” หรือจะพูดว่าเหมือนแก้วที่หล่นลงไปแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หวางหนันหนันไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ดังนั้นจึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน : “ไปกันเถอะค่ะ พวกเราไปจากที่นี่กัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินตงอีกแล้ว ปลายเดือนนี้เขาก็จะขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานแล้ว ตระกูลหวางของเรากับเฉินตง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

อย่างไรก็ตาม

จู่ๆ จางซิ่วจือก็หัวเราะเยาะออกมา : “ขอแต่งงานหรือ ? เขาคงฝันไปล่ะสิ !”

หวางหนันหนันตัวสั่นและหยุดเดินอย่างกะทันหัน

หวางเต๋อหันหลังกลับไปในทันที : “คุณ คุณสร้างปัญหาอะไรอีก ?”

“สร้างปัญหาหรือ ? นี่ฉันกำลังช่วยหนันหนันแก้แค้นอยู่ต่างหาก ! คิดว่าลูกสาวของฉันสามารถรังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ?”

จางซิ่วจือพูดอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “รูปถ่ายกองโต ฉันได้ส่งไปให้นังเด็กกู้ชิงหยิ่งนั่นแล้ว ตอนนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ปลายเดือนนี้เฉินตงคิดจะขอเธอแต่งงานอย่างนั้นหรือ ? รอดูเฉินตงถูกกู้ชิงหยิ่งสลัดทิ้งก็แล้วกัน !”

เปรี้ยง !

ใบหน้าของหวางหนันหนันซีดเผือดจนมองไม่เห็นเส้นเลือดแม้สักเส้นเดียวในทันที

จนสุดท้าย ร่างกายของเธอก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง ล้มลงไปอยู่ในอ้อมแขนของหวางเต๋อ

ณ ลานป่าไผ่ ในคลับสี่ยิ่น

สองวันมานี้ กู้ชิงหยิ่งเอาแต่นั่งเหม่อลอย ไม่ยอมกินข้าวกินปลา

ในหัวมีแต่เรื่องรูปถ่ายวนเวียนอยู่

เธอพยายามที่จะทำความเข้าใจเฉินตงด้วยตัวของเธอเอง แต่รูปถ่ายกลับเป็นหลักฐานที่แน่นหนา ที่เข้ามาทำลายคำพูดโน้มน้าวจิตใจของตัวเธอเองครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียงบรรเลงเปียโนที่ไพเราะดังก้องกังวาน

กู้ชิงหยิ่งนั่งพิงอยู่ที่หน้าต่าง นั่งมองพุ่มดอกไม้และน้ำพุที่อยู่ภายในลานเล็กๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำและบวมเล็กน้อย

เธอยังคงตั้งตารอการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

เธอถึงขั้นมีความปรารถนาที่ไร้เดียงสา ที่จะได้เห็นเฉินตงสวมใส่ชุดเกราะสีทอง เดินผ่านสายรุ้งและก้อนเมฆลงมาจากบนท้องฟ้าเพื่อขอเธอแต่งงาน

แต่ทว่าตอนนี้ ภาพความฝันและความปรารถนาทั้งหมด จู่ๆ เหมือนจะถูกโยนลงไปในถ้ำน้ำแข็ง แปลเปลี่ยนกลายเป็นความหนาวเหน็บและเย็นชา

ก๊อก ก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้วลูก” กู้โก๋ฮั๋วยืนตะโกนอยู่ด้านนอก

กู้ชิงหยิ่งเช็ดคราบน้ำตา : “พ่อคะ หนูไม่หิว พ่อกับแม่ทานเถอะค่ะ”

“เจ้าลูกคนนี้ ไม่กินข้าวมาสองวันแล้ว ถ้าหิวจนเป็นลมเป็นแล้งไปจะว่าอย่างไร ?” น้ำเสียงของกู้โก๋ฮั๋วเริ่มแสดงความโมโห แต่นั่นเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่อลูกสาว

กูชิงหยิ่งพูดด้วยความรำคาญว่า : “โถ่ พ่อคะ หนูโตแล้วนะ อย่าคิดว่าหนูยังเป็นเด็กอยู่อีกจะได้ไหม ?”

“เสี่ยวหยิ่ง ลูกมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ? บอกพ่อได้นะ หรือว่าเฉินตงรังแกอะไรลูก ?”

เสียงของกู้โก๋ฮั๋วที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นระส่ำ

เธอรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า : “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ ! คนโง่อย่างเฉินตงจะรังแกอะไรหนูได้ ? ถ้าเขากล้ารังแกหนู หนูชกเขาทีเดียวเขาก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว”

“อืม……อย่างนั้นก็ดี” กู้โก๋ฮั๋วถอนหยายใจ จากนั้นด้านนอกก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ อีก

กู้ชิงหยิ่งกำลังกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอเอาไว้แน่น จากนั้นจึงพูดพึมพำว่า : “เป็นเพราะคนโง่คนนั้นรังแกหนู……”

ในห้องอาหาร

กู้โก๋ฮั๋ซเดินมานั่งลงข้างๆ หลี่หวั่นชิงด้วยใบหน้าที่หดหู่ : “ดูๆ ไปแล้วเสี่ยวหยิ่งกับเฉินตงคงจะมีเรื่องทะเลาะกันจริงๆ”

ที่เขาเอ่ยถามไปเมื่อครู่ เพราะต้องการหยั่งเชิงดู

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะพยายามปิดบังอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยประสบการณ์ของกู้โก๋ฮั๋วแล้ว เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงก็พอจะฟังออกแล้ว

“เฮ้อ……ไม่ง่ายเลยที่เด็กสองคนนี้จะมาอยู่ด้วยกันได้ ปลายเดือนนี้ก็จะขอแต่งงานแล้ว แล้วยังมีเรื่องทะเลาะอะไรกันอีก ?” หลี่หวั่นชิงถอนหายใจ เธอหันมองกับข้าวที่วางอยู่เต็มโต๊ะ และสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอีก : “จะไม่เข้าไปยุ่งก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าปล่อยให้เสี่ยวหยิ่งกินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นนี้ต่อไป คิดว่าร่างกายคงจะรับไม่ไหวแน่นอน”

เธอพูดกับกู้โก๋ฮั๋วว่า : “ฉันจะเอาข้าวไปให้เสี่ยวหยิ่ง แล้วจะลองเอ่ยถามดู ส่วนคุณก็ทานข้าวของคุณไป ห้ามตามไปแอบฟังที่ประตูเด็ดขาด”

“เชอะ……ผมเป็นถึงประธานของบริษัทชิงหยิ่น มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำไมจะต้องไปคอยแอบฟังคนอื่นด้วย ?” กู้โก๋ฮั๋วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

หลี่หวั่นชิงเหลือบมองอย่างตำหนิหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหยิบจานขึ้นมาแล้วเลือกตักอาหารที่กู้ชิงหยิ่งชอบกิน แล้วเดินตรงไปที่ห้องของกู้ชิงหยิ่ง

หลังจากได้ยินเสียงเรียก ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็เปิดประตูให้ผู้เป็นแม่เข้าไปในห้อง

เมื่อกู้โก๋ฮั๋วเห็นประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง เขาก็รู้สึกน้อยใจ : “พอแม่เรียกยอมเปิดประตู แต่พอพ่อเรียกกลับไม่กิน น่าโมโหจริงๆ”

ขณะที่กำลังทานอยู่นั้น กู้โก๋ฮั๋วก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีก เขาคีบกับข้าวใส่ลงไปในถ้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปที่ประตูห้องของกู้ชิงหยิ่ง แล้วเอาหูแนบที่ประตูเพื่อแอบฟัง

แต่เขายังไม่ทันที่จะฟังรู้เรื่อง ประตูลานก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

“คุณกู้ครับ มีจดหมายส่งมาถึงพวกคุณครับ !”

จดหมาย ?

กู้โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว เขาถือถ้วยข้าวและตะเกียบเดินตรงไปที่ลานอย่างรวดเร็ว แล้วรับจดหมายมาจากมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ซองจดหมายหนามาก ด้านบนซองระบุชื่อผู้รับว่า : กู้ชิงหยิ่ง

แต่ตอนนี้ภรรยากับลูกสาวกำลังพูดคุยเปิดใจกันอยู่ภายในห้อง

บวกกับท่าทีที่ผิดปกติของลูกสาวตลอดสองวันที่ผ่านมา ทำให้กู้โก๋ฮั๋วฉีกซองจดหมายออกดูด้วยความอยากรู้

เมื่อเห็นรูปถ่ายแต่ละรูปที่อยู่ในซองจดหมาย กู้โก๋ฮั๋วก็อึ้งไปในทันที

เขาจ้องตาเขม็ง และยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากยิ่งขึ้น

ความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ถึงขั้นที่เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว !

เพล้ง !

กู้โก๋ฮั๋วโยนถ้วยข้าวและตะเกียบที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง เขากัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ : “เฉินตง นายกล้ารังแกลูกสาวของฉัน นายสมควรตาย”

บทที่ 157 นี่คือค่าชดเชยในการหย่าร้างที่แม่ให้กับลูก !

เช้าตรู่

เฉินตงมาถึงท่าเทียบเรือตามที่นัดหมายกันไว้

ครอบครัวของหวางหนันหนันตั้งใจที่จะเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่

หลังจากผ่านสองวันแห่งความทรมานมา ทำให้ร่างกายของเฉินตงรู้สึกเหนื่อยล้า และอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลจนถึงขีดสุด

ความโลภของตระกูลหวาง ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้

เฉินตงกุมบัตรธนาคารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาเอาไว้ ด้วยท่าทีเย็นชา

ขอเพียงแค่เงินหนึ่งร้อยล้านนี่ สามารถจบปัญหาทุกอย่างได้ เขาก็ยินดีที่จะจ่าย

ปลายเดือนเป็นเวลาที่เขาจะขอกู้ชิงหยิ่งแต่งงาน ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นในช่วงเวลานี้เป็นอันขาด

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

หวางหนันหนันโทรเข้ามา

เฉินตงรับโทรศัพท์ด้วยท่าทีเย็นชา : “อยู่ที่ไหน ?”

“ท่าเทียบเรือหมายเลข 1”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉินตงก็เดินตรงไปยังท่าเทียบเรือหมายเลข 1

เขามองเห็นหวางหนันหนันซึ่งสวมใส่ชุดกระโปรงสีดำ ยืนอยู่ในที่ไกลๆ ด้านข้างหวางหนันหนันยังมีกระเป๋าเดินทางอีกหลายใบ

มีลมโชยอ่อนพัดมา ทำให้เส้มผมและกระโปรงของหวางหนันหนันพลิ้วไหว

รอยยิ้มจางๆ และใบหน้าที่งดงาม ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้รู้สึกถึงสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ถึงแม้จะยืนอยู่ที่นั่นเฉยๆ ก็สามารถดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ไม่น้อย

แต่ในสายตาของเฉินตงแล้ว กลับเป็นภาพที่ดูสงบนิ่งจนถึงขั้นที่ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บ

“เฉินตง ทางนี้ค่ะ !” เมื่อหวางหนันหนันเห็นเฉินตง ก็ยิ้มและกวักมือ

หลังจากที่เฉินตงเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “ขอบคุณมากที่มาส่งฉัน”

เฉินตงมีท่าทีเย็นชา แววตาของเขาดูไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย

เขาถามด้วยท่าทีเฉยเมยว่า : “ของล่ะ ?”

เขาทักทายอย่างตรงไปตรงมา ไม่คิดที่จะเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย

ตระกูลหวางโลภจนน่าเกลียดเช่นนี้ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไว้หน้าอีกต่อไป

“ของอะไร ?” หวางหนันหนันผงะไป

“เชอะ !”

เฉินตงหัวเราะออกมาทันที และแววตาของเขาเป็นประกาย : “หวางหนันหนัน คุณแกล้งโง่กับผมเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร ? คุณไม่คิดว่าทำแบบนี้มันน่ารังเกียจไปหน่อยหรือ ?”

หวางหนันหนันตัวสั่น ใบหน้าขาวผ่องของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึง

ริมฝีปากสีแดงระเรื่องของเธอเริ่มขยับ และพูดออกมาด้วยความงุนงง : “ฉัน ฉันแกล้งโง่อะไรกัน ? เฉินตง คุณหมายความว่าอย่างไร ?”

เผียะ !

เฉินตงฟาดบัตรธนาคารลงบนมือของหวางหนันหนัน : “นี่คือเงินร้อยล้านที่คุณต้องการ ส่วนรหัสคือเลข 0 หกตัว

เปรี้ยง !

หวางหนันหนันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ตัวเธอเอง……ต้องการเงินร้อยล้านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?

ไม่ช้า หวางหนันหนันก็เรียกสติกลับคืนมาได้ ระหว่างเขาและเธอจะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ดวงตาของเธอแดงก่ำ : “คุณเห็นฉันเป็นอะไร ? ฉันแค่อยากจะให้คุณมาส่งฉัน ให้ฉันได้มีโอกาสบอกลาอดีต”

น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้นและแผ่วเบา

หลังจากที่หย่าร้างกับเฉินตงแล้ว การเผชิญหน้ากันหลายครั้ง ทำให้เธอตระหนักได้ในทันทีว่า จริงๆ แล้วระยะเวลาสามปีที่ใช้ชีวิตร่วมกับเฉินตง ถึงจะเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด

แต่เธอรู้ดีว่า ทุกอย่างไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้แล้ว

ในที่สุดเธอก็สามารถผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาได้ เธอเตรียมตัวที่จะบอกลากับอดีต และต้อนรับอนาคตที่จะเกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ

แต่ทว่าตอนนี้ เฉินตงกลับทำให้เธอรู้สึกสูญสิ้นทุกสิ่ง !

“แค่มาส่งอย่างนั้นหรือ ?”

เฉินตงหัวเราะด้วยความโมโห จากนั้นเขาก็หยิบรูปที่อยู่ในซองจดหมายออกมา : “นี่คือสิ่งที่คุณพูดว่าแค่มาส่งอย่างนั้นหรือ ? หรือจะบอกว่า ที่คุณได้ไปร้อยล้านมันยังน้อยไป อยากจะโก่งราคาอีกหรืออย่างไร ?”

หวางหนันหนันอึ้งไปทันที ดวงตาของเธอเบิกโพลง สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เธอไม่ได้โง่ เมื่อเห็นรูปถ่าย เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเพราะเหตุใดเฉินตงถึงได้โมโหขนาดนี้ และเงินร้อยล้านที่อยู่ในมือหมายความว่าอะไร !

ทันใดนั้น หวางหนันหนันก็ส่ายหัวด้วยความงุนงงในทันที เธอพึมพำออกมาด้วยความร้อนรน : “ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ……”

“เหอะๆ น่าขำ !”

ในดวงตาของเฉินตงฉาบไปด้วยประกายของความโกรธแค้น

หวางหนันหนันรีบดึงแขนของเฉินตงเอาไว้ : “เฉินตง คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉัน ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ที่นัดเจอกับคุณครั้งนั้น เพราะต้องการที่จะบอกลาจริงๆ ส่วนรูปถ่ายนี่ ฉันไม่รู้เรื่องด้วยเลย !”

“ไม่รู้เรื่อง !”

เฉินตงหยิบกระดาษโน๊ตออกมา จากนั้นจึงยื่นให้หวางหนันหนันอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นกระดาษโน๊ตนี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอย่างนั้นหรือ ?”

เขาไม่ได้ทำตามความต้องการบนกระดาษโน๊ต ที่ระบุให้โอนเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านเข้าบัญชีของหวางหนันหนัน แต่กลับทำบัตรธนาคารขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งใบ

หวางหนันหนันรับกระดาษโน๊ตมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่ด้านบน ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดและพูดไม่ออกในทันที

เฉินตงหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส : “คุณบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณไม่ใช่หรือ ? หวางหนันหนัน ชาตินี้ผมผิดเองที่หลงเชื่อตระกูลหวางของพวกคุณ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคำมั่นสัญญาที่คุณมีให้กับผมล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น คุณอาจทำให้คนอื่นต้องรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนี้ แต่ไม่เคยทำให้ผมต้องผิดหวัง”

คำพูดของเขาดังก้อง เสียดแทงเข้าไปในหัวใจ

ดวงตาอันงดงามของหวางหนันหนันแดงก่ำ และเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

คำพูดของเฉินตง เหมือนกับมีดอันแหลมคมที่ถูกเผาจนร้อน ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของเธอ

หวางหนันหนันกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอเอาไว้แน่น เธอหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ และยังคงส่ายหัวไม่หยุด

“หวังว่าคุณจะไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

เฉินตงรู้สึกผิดหวังและหันหลังกลับ : “คุณเองก็ควรที่จะขอบคุณ ปลายเดือนนี้ผมจะขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงาน หวังว่าในช่วงนี้จะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น มิเช่นนั้นเพียงแค่เรื่องที่ครอบครัวของคุณขู่กรรโชกทรัพย์จากผม ก็คงไม่สามารถรองรับความโกรธของผมได้แล้ว !”

มองเฉินตงเดินจากไป

ดวงตาของหวางหนันหนันเริ่มมืดลง รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

ทันใดนั้น เธอรู้สึกเหมือนกับโลกหมุน

เดิมทีเธอสามารถดึงความกล้าหาญออกมาเพื่อที่จะใช้ปล่อยวางอดีตได้แล้ว และกำลังจะกลับมามีความมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง

แต่ทว่าตอนนี้ แค่คำว่าขู่กรรโชกทรัพย์ กลับทำให้เธอรู้สึกอับอายเหมือนถูกจับเปลื้องผ้า

“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันไม่ได้เป็นคนทำเรื่องพวกนี้……”

หวางหนันหนันร้องไห้พลางพูดพึมพำ จนในที่สุดเธอก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมา : “เฉินตง ฉันไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆ !”

แต่เฉินตงที่อยู่ในที่ไกลๆ กลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เฉินตงเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน

หวางหนันหนันก็ร้องไห้และคุกเข่าลงกับพื้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษโน๊ตเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ถือบัตรธนาคารเอาไว้แน่น

ทันใดนั้น ก็มีคนสามคนรีบวิ่งเข้ามาจากที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

เมื่อจางซิ่วจือเห้นบัตรธนาคารที่อยู่ในมือของหวางหนันหนัน ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นในทันที

จางซิ่วจือยื่นมือออกไปแย่งยัตรธนาคารที่อยู่ในมือของหวางหนันหนันมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความละโมบ แล้วพูดว่า : “ร้อยล้าน นี่มันเงินร้อยล้านจริงๆ ! ชาตินี้ฉันยังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย ต่อไปครอบครัวของเราก็จะสบายกันแล้ว !”

“แม่ ในที่สุดครอบครัวของเราก็มีเงินแล้ว รอให้ถึงบ้านหลังใหม่ก่อน ผมอยากจะซื้อรถหรูสักคัน ต่อไปสู่ขอภรรยาก็ไม่ต้องอายใครแล้ว” หวางเห้าเองก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับจางซิ่วจือ

ส่วนหวางเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่ตกใจจนอ้าปากค้าง

ส่วนหวางหนันหนันที่นั่งอยู่บนพื้น ก็เหมือนมีเสียงดังสนั่นก้องอยู่ในหัวของเธอ

ในที่สุดเธอก็เรียกสติกลับมาได้

แม่เป็นคนทำนี่เอง !

น้องชายเป็นคนทำนี่เอง !

ว่าแล้วเชียว !

ว่าแล้วเชียวว่าทำไมตอนที่เธอบอกว่าจะไปพบกับเฉินตง แม่กับน้องชายถึงได้รั้งพ่อเอาไว้ไม่ให้ตามมาด้วย !

“จางซิ่วจือ !”

หวางหนันหนันลุกขึ้นด้วยความโกรธ แล้วตะคอกใส่จางซิ่วจือ : “แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกสาวอีกไหม ? ทำไมแม่ถึงได้ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ ? ทำไมแม่ถึงต้องใช้ชื่อของหนูไปขู่กรรโชกทรัพย์จากเฉินตงด้วย ? แม้กระทั่งศักดิ์ศรีครั้งสุดท้ายที่แม่จะหลงเหลือไว้ให้กับหนูก็ไม่มีเลยอย่างนั้นหรือ ?”

คำถามถูกโพล่งออกมาเป็นชุดอย่างบ้าคลั่ง

หวางเต๋อตกใจ เกรงว่าลูกสาวจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน

เขารีบเข้าไปปลอบ แต่หวางหนันหนันกลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องหมองจางซิ่วจือด้วยสายตาของคนที่กำลังบ้าคลั่งที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

จางซิ่วจือกับหวางเห้าต่างก็อึ่งไป

ทั้งสองหน้าถอดสี

จู่ๆ จางซิ่วจือก็รู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและพูดว่า : “ฉันเป็นแม่ของแกนะ ! หวางหนันหนัน ผู้หญิงที่มีตำหนิอย่างแก นี่คือวิธีที่ฉันพยายามคิดออกมาอย่างยากลำบาก เพื่อที่จะให้เฉินตงชดใช้เงินในการหย่าร้างให้กับแก ! หรือว่าแกแต่งงานกับเขาตั้งสามปี ได้แค่สองแสนก็ยอมหย่ากับเขา ถ้าอย่างนั้นไม่เท่ากับว่าปล่อยให้เขานอนกับแกฟรีๆ หรอกหรือ ?”

หลังจากตะคอกจบ จางซิ่วจือก็ก้มลงมองบัตรธนาคารที่ถืออยู่ในมือ แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองว่า : “สมัยนี้ ต่อให้เป็นโสเภณี เวลาสามปีก็ยังทำเงินได้มากกว่าสามแสนเลย”

บทที่ 156 ถ้าไม่ยอมปิดบังมันเพื่อฉัน ฉันก็จะยอมตาย !

เฉินตงรู้สึกว้าวุ่นใจตลอดทั้งบ่าย

ตอนนี้ในสมองของเขา มีแต่ภาพที่เขากับหวางหนันหนันพบหน้ากันในวันนี้ปรากฏอยู่เต็มไปหมด

เขาเพียงแค่เห็นแก่ความสัมพันธ์เป็นครั้งสุดท้าย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความรู้สึกดีๆ ครั้งสุดท้ายที่เขามีให้ จะถูกหวางหนันหนันนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์เช่นนี้

นังอสรพิษ

ความโลภของตระกูลหวาง ทำให้เขาตาสว่างอีกครั้ง !

การพบหน้ากันเพื่อกล่าวลาธรรมดาๆ กลับถูกใช้เป็นหลักฐานเพื่อนำมาขู่กรรโชกเขา !

สำหรับเฉินตงแล้ว นี่ถือเป็นความอัปยศอดสูจริงๆ

อารมณ์โกรธของเขาคุกรุ่น จนยากที่จะสงบลงได้

แต่เขาก็กลัวว่าหากเขาตอบโต้คนเลวพวกนี้ จะกระทบกระเทือนถึงคนอื่นไปด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าระบายความแค้นกับตระกูลหวางโดยตรง

ในเมื่อตระกูลหวางกล้าขู่กรรโชกเงินจากเขาหนึ่งร้อยล้าน นั้นหมายความว่าพวกเขาก็กล้าที่จะส่งรูปพวกนี้ไปให้กับกู้ชิงหยิ่งเช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่ง จะถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์ในปลายเดือนนี้แล้ว

ในระหว่างนี้ เขาจะยอมปล่อยให้มีปัญหาเข้ามากระทบไม่ได้เด็ดขาด !

หลังจากเลิกงานในช่วงเย็น

เฉินตงออกจากบริษัทโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ก็ต่อสายโทรศัพท์หากู้ชิงหยิ่ง

ไม่ช้า ปลายสายก็รับโทรศัพท์

“คนโง่ ในที่สุดคุณก็รู้จักโทรหาฉันแล้วหรือ ?” ในสายเป็นเสียงบ่นของกู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงรู้สึกโล่งใจ เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ในเมื่อคุณไม่หาผม ผมก็จำเป็นจะต้องหาคุณเองแล้ว”

“เชอะ……ฉันก็กำลังรอให้คุณมาขอฉันแต่งงานตอนปลายเดือนอยู่นี่ไง” กู้ชิงหยิ่งพูดพลางหัวเราะ

“วางใจเถอะ ปลายเดือนนี้ผมจะทำให้คุณจำไปจนวันตายเลย !”เฉินตงพูด

“รู้แล้ว คุณรีบพักผ่อนเถอะ อย่าหักโหมเกินไป จุ๊บๆ”

หลังจากพูดจบ กู้ชิงหยิ่งก็วางสายโทรศัพท์

เฉินตงรู้สึกสงบลงเล็กน้อย เขามั่นใจว่ากู้ชิงหยิ่งยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ทำให้เขารู้สึกเบาใจไม่น้อย

อย่างน้อย เอาก็สามารถใช้เงินร้อยล้านเพื่อจัดการเรื่องนี้ได้

อย่างน้อยก็จะไม่มีผลกระทบกับการขอกู้ชิงหยิ่งแต่งงานในช่วงปลายเดือนนี้ !

แต่สิ่งที่เฉินตงไม่รู้ก็คือ

ขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับด้วยท่าทีที่มีความสุขอยู่นั้น ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งกลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และทั้งตัวของเธอก็สั่นเทา

ในสายโทรศัพท์ เธอเพียงแค่บังคับตัวเองให้แสร้งทำเป็นมีความสุขเท่านั้น

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็ไม่สามารถทนฝืนได้อีกต่อไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอเอาหัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความรู้สึกน้อยใจ

ด้านนอก มีเสียงอันแสนอบอุ่นของผู้เป็นแม่ดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง ออกมาทานข้าวเย็นได้แล้วลูก”

“แม่คะ หนูไม่หิว พ่อกับแม่ทานเถอะค่ะ” กูชิงหยิ่งพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วตอบกลับไปหนึ่งประโยค

ด้านนอก

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น เธอครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงเดินไปยังห้องอาหาร

กู้โก๋ฮั๋วซึ่งกำลังนั่งรออยู่ เมื่อเห็นด้านหลังของหลี่หวั่นชิงไม่มีกู้ชิงหยิ่งเดินตามมา ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เสี่ยวหยิ่งไม่กินข้าวหรือ ?”

“เธอไม่หิว” ใบหน้าของหลี่หวั่นชิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“ผมจะไปเรียกเอง ถ้าหิวจนเป็นลมเป็นแล้งไปจะทำยังไง”

กู้โก๋ฮั๋วลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้องอาหารทันที : “เด็กคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต เวลามีเรื่องไม่สบายใจก็จะไม่ยอมกินข้าว แล้วยังคิดว่าจะปิดบังพวกเราได้อีก”

“คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ !” หลี่หวั่นชิงกระทืบเท้าแล้วพูดออกมาด้วยความโมโห

“ลูกต้องมีเรื่องปิดบังเราอยู่แน่นอน ถ้าปล่อยให้เธอเก็บงำเอาไว้เช่นนี้ จะต้องสติแตกแน่ๆ” กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกไม่เต็มใจนัก

“กินข้าว !” หลี่หวั่นชิงลากกู้โก๋ฮั๋วกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ภาในห้องรับแขกบรรยากาศเงียบสงัด

ฟ่านลู่ยังคงดูแลหลุนคุนอยู่ที่โรงงพยาบาลลี่จิง

ภายในบ้านมีเพียงท่านหลุนกับหลี่หลาน

ทั้งสองนั่งแยกกันอยู่บนโซฟา ต่างคนต่างก็นิ่งเงียบ

มีเพียงแววตาของท่านหลุนที่เอาแต่จับจ้องอยู่ที่หลี่หลานซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน

หลี่หลานมีท่าทีงุนงง เธอก้มหน้าก้มตา ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน

ในที่สุด

หลี่หลายตัดสินใจทำลายบรรยากาศของความเงียบภายในห้องรับแขก : “ท่านหลง เรื่องนี้อย่าบอกให้เฉินตงรู้นะ”

“แต่คุณชายสังเกตเห็นความผิดปกติของคุณผู้หญิงแล้ว อีกทั้งยังกำชับให้กระผมไปตามสืบมาอีกด้วย”

ท่านหลงยิ้มอย่างขมขื่น : “กระผมคิดไม่ถึงเลยว่า หลายวันมานี้คุณผู้หญิงต้องกระวนกระวายใจเพราะเรื่องนี้”

“ถ้าอย่างนั้นนายก็บอกเฉินตงไปนะว่าไม่สามารถสืบอะไรได้ ฉันไม่อยากให้เขาต้องเป็นกังวลเพราะเรื่องของฉัน”

หลี่หลานเงยหน้าขึ้นจ้องมองท่านหลง แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ : “เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉัน ฉันสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง”

ท่านหลงถอนหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน : “กระผมเคยเตือนคุณผู้หญิงเอาไว้นานแล้ว กระผมเชื่อว่าคุณผู้หญิงจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตนเองได้ แต่คุณผู้หญิงครับ แม้แต่ต้นไม่ใหญ่ก็ยังถูกลมพัดให้สั่นไหวได้ ดังนั้นผมจึงคิดวว่าควรที่จะบอกเรื่องนี้แก่คุณชาย อย่างน้อยคุณชายจะได้เตรียมใจเอาไว้ !”

ปัง !

จู่ๆ หลี่หลานก็เอามือตบโต๊ะด้วยความโมโห แรงสั่นสะเทือนทำให้ได้ยินเสียงกระทบของแก้วน้ำชาบนโต๊ะ

ตอนนี้เอง ใบหน้าที่โอบอ้อมอารีของหลี่หลาน ก็กลับกลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง และเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ

ถ้าหากเฉินตงมาเห็นเข้าล่ะก็ คงจะต้องรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

เป็นเพราะตั้งแต่เล็กจนโต น้องครั้งที่เขาจะเห็นแม่มีสีหน้าท่าทางเช่นนี้

“ในเมื่อนายเรียกฉันว่าคุณผู้หญิง แล้วยังคิดที่จะขัดคำสั่งของฉันอีกหรือ ?” หลี่หลานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาดุดัน จ้องเขม็งไปที่ท่านหลง

“ท่าทางของคุณผู้หญิงในตอนนี้ ทำให้กระผมนึกย้อนไปถึงสมัยก่อน”

ท่านหลงอยู่ในท่าทีที่สงบ และไม่คิดที่จะหลบสายตา : “แต่อย่างไรเสีย ทุกสิ่งที่กระผมทำก็เป็นเพราะหวังดีต่อคุณชาย”

เพล้ง !

หลี่หลานหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา แล้วโยนลงไปบนพื้น จากนั้นจึงก้มลงเก็บเศษแก้วขึ้นมา แล้วจ่อไปที่คอ : “ถ้านายไม่ช่วยฉันปิดบังเรื่องนี้กับตงเอ๋อแล้วล่ะก็ ฉันก็จะขอตายให้ดู !”

“คุณผู้หญิง……” ท่านหลงหน้าถอดสีในทันที เขาตกใจและรีบลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินเข้าไปหา

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !”

หลี่หลานตะคอก : “ฉันบอกแล้วว่า ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบตงเอ๋อเป็นอันขาด ฉันสามารถจัดการมันได้แน่นอน !”

ท่านหลงยืนนิ่งไปชั่วขณะ จนในที่สุดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา : “กระผมยอมรับปากแล้วครับ !”

เมื่อได้ยินดังนั้น

หลี่หลานก็มีสีหน้าท่าทีที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย เธอวางเศษแก้วที่อยู่ในมือลง แล้วก้มหน้าพูดอย่างจนใจ : “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็ผ่านไปแล้ว แต่วันนี้มันกำลังจะหวนกลับมา ในเมื่อได้มองสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดมรดกให้แก่ตงเอ๋อแล้ว เช่นนั้นตงเอ๋อก็ควรจะได้ใช้พลังใจพลังกายทั้งหมดที่มี ไปกับการทำหน้าที่ผู้สืบทอดมรดก ไม่ควรจะต้องมาเหนื่อยด้วยเรื่องวุ่นวายพวกนี้”

น้ำเสียงที่ฟังดูแผ่วเบา สะท้อนให้เห็นถึงความโศกเศร้าและความรู้สึกจนใจ

ทำให้ท่านหลงเองก็พลอยหดหู่และว้าวุ่นใจไปด้วย

เรื่องของคุณผู้หญิง ถือเป็นเรื่องซับซ้อนจริงหรือ ?

ถ้าหากสามารถจัดการได้เรียบร้อยจริง แล้วทำไมในตอนนั้นถึงสับสนวุ่นวายนัก ?

เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ท่านหลงไม่กล้าพูดออกมา หลี่หลานใช้แผนการขั้นเด็ดขาดในการบังคับให้เขาปิดปากเงียบแล้ว

ตอนนี้เอง ประตูบ้านถูกเปิดออก

เฉินตงเดินเข้ามา เมื่อเห็นแก้วน้ำชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่หลาน จากนั้นก็หายวับไปในทันที เธอรีบก้มลงไปเก็บเศษแก้วที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

“แม่ครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง” เฉินตงรีบเดินเข้าไปหา

“ให้แม่เก็บเองเถอะ” หลี่หลานยิ้ม “แม่ไม่ระวังจนทำแก้วน้ำชาหล่นแตก แก้วใบนี้คงจะแพงน่าดู น่าเสียดายจริงๆ”

“ที่ไหนกันครับ” เฉินตงหัวเราะร่า

เมื่อหลี่หลานเก็บเศษแก้วเรียบร้อย ก็ปล่อยให้เฉินตงไปพักผ่อนสักพัก ส่วนตัวเธอเองก็เข้าไปทำอาหารในห้องครัวตามลำพัง

เฉินตงมองตามผู้เป็นแม่เดินเข้าห้องครัวไป จากนั้นจึงได้เอ่ยปากถามท่านหลงว่า : “ท่านหลง เรื่องที่ให่ไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง ?”

ท่านหลงรับปากหลี่หลานแล้ว จึงต้องแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง และยิ้มพร้อมกับพูดว่า : “คุณชาย อาจเป็นเพราะพวกเราเข้าใจคุณผู้หญิงผิด เธอออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายเท่านั้นจริงๆ”

“จริงหรือ ?” เฉินตงเลิกคิ้ว จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพึมพำ : “หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ดี ฉันกลัวว่าแม่จะมีเรื่องอะไรที่กลัวจะเกี่ยวพันถึงตัวฉันแล้วทำให้ฉันต้องเหนื่อย ดังนั้นถึงได้จงใจที่จะปิดบังเอาไว้”

ริมฝีปากของท่านหลงขยับ แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

แต่ทว่า เฉินตงกลับไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านหลง

เรื่องของหวางหนันหนันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและโมโห จนยากที่จะรู้สึกสงบลงได้

เขาทักทายกับท่านหลงเพียงคำเดียว จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน

ตอนนี้ เขาหวังว่าจะใช้เงินจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้ และรีบส่งครอบครัวของหวางหนันหนันให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการจบปัญหาเรื่องนี้

เป็นเพราะถูกขู่กรรโชก ทำให้วันรุ่งขึ้น เฉินตงก็ยังคงรู้สึกหดหู่อยู่ เป็นการยากที่เขาจะสามารถสงบสติอารมณ์และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้

วันที่ดูสับสนหนึ่งวันค่อยๆ ผ่านพ้นไป เมื่อกลับถึงบ้าน เฉินตงก็นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง ยากที่จะข่มตาหลับลงได้

เขาอดหลับอดนอนจนกระทั่งฟ้าสว่าง

เฉินตงลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้า วันนี้……เป็นวันที่ครอบครัวของหวางหนันหนันจะออกไปจากเมืองนี้

บทที่ 155 ขู่กรรโชก

ภายในลาน

สายลมโชยอ่อน มีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลอยู่

แต่กู้ชิงหยิ่งกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเธอไม่ได้ส่องแสงเป็นประกายเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป

สีหน้าของเธอเศร้าหมอง แววตาเหม่อลอย

ของที่อยู่ในซองจดหมาย เหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาในวันที่อากาศแจ่มใส เพียงแค่เปรี้ยงเดียว ก็ทำให้ภาพความงดงามและความปรารถนาที่เธอวาดฝันเอาไว้ทั้งหมด พังทลายลงในชั่วพริบตา

นี่คือรูปถ่ายหนึ่งรูป

บนรูปถ่าย เป็นภาพของเฉินตงและหวางหนันหนันที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันในร้านอาหาร Blue Enchantress

พวกเขาทั้งสองคน กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งอย่างนั้นหรือ ?

ถ้าเช่นนั้นทำไมเขาถึงต้องขอฉันแต่งงาน ?

ขณะนั้น ในใจของกู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวาย สมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก

เธอสอดรูปถ่ายกลับเข้าไปในซองจดหมาย จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความเศร้าหมอง

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงที่นั่งจิบชาและคอยเฝ้าดูกู้ชิงหยิ่งอยู่ตลอด รู้สึกตกใจพร้อมๆ กัน

สองสามีภรรยาเห็นพนักงานคนหนึ่งของคลับสี่ยิ่นนำซองจดหมายมามอบให้

จากนั้นก็เห็นว่า หลังจากที่ลูกสาวของตนเห็นสิ่งที่อยู่ในซองจดหมายแล้วก็หน้าถอดสีทันที

“เสี่ยวหยิ่ง ของข้างในมันคืออะไร ?” กู้โก๋ฮั๋วเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน

กู้ชิงหยิ่งที่เดินเข้ามาอย่างโศกเศร้ายืนตัวสั่นเทา รีบนำซองจดหมายไปซ่อนเอาไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองพ่อกับแม่แล้วส่ายหน้า พยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า : “ไม่มีนี่คะ ไม่มีอะไรค่ะพ่อ”

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนไป

ภาพที่เกิดขึ้น จะรอดพ้นจากสายตาของกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาไปได้อย่างไร ?

เดิมทีกู้โก๋ฮั๋วตั้งใจจะตามไปถามให้รู้เรื่อง แต่กลับถูกหลี่หวี่นชิงดึงเอาไว้

“ลูกก็บอกแล้วนี่คะว่าไม่มีอะไร” หลี่หวั่นชิงพูด

กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกร้อนใจขึ้นในทันที : “เสี่ยวหยิ่งเป็นขนาดนั้นแล้ว ยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก คุณเชื่อที่เธอพูดหรืออย่างไร ?”

“ลูกโตแล้วนะคะ !” หลี่หวั่นชิงส่ายหัวด้วยความจนใจ “เธอไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กๆ ที่คุณจะกอดเอาไว้ในอ้อมอกอีกต่อไปแล้ว เรื่องบางเรื่อง หากเธอไม่ยินดีที่จะเล่า หากคุณไปเค้นถาม ก็จะยิ่งทำให้เธอลำบากใจ”

กู้โก๋ฮั๋วผงะไป ได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความจนใจ

หลังจากกลับเข้าไปในห้องแล้ว กู้ชิงหยิ่งหยิบรูปถ่ายใบนั้นออกมาอีกครั้ง แล้วนั่งดูอย่างเหม่อลอย

ดวงตาของเธอค่อยๆ แดงก่ำ

เธอรู้สึกคัดจมูกเล็กน้อย ถึงแม้จะพยายามฝืนทน แต่ในที่สุดน้ำตาของกู้ชิงหยิ่งก็ไหลออกมา

กู้ชิงหยิ่งรีบล้มตัวลงบนเตียง จากนั้นจึงใช้หมอนกดหัวของตัวเองเอาไว้ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้จนมิดชิด

เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ และทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเป็นห่วง

และเป็นเวลาที่กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเสียใจและสับสนเป็นอย่างมาก

ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

กูหลังเองก็ถือซองจดหมายขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเฉินตง

“ใครส่งมา ?” เฉินตงถาม

กูหลังส่ายหัว : “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกใหญ่เก็บขึ้นมาจากพื้นครับ มีชื่อของคุณเขียนเอาไว้ จึงได้นำมาส่ง”

“ต่อไปจดหมายพวกนี้ ให้โยนทิ้งให้หมด”

เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แล้วโบกมือให้กูหลังออกไป

เขาลังเลอยู่สักพัก จึงได้ฉีกซองจดหมายออกดู

เป็นรูปถ่ายหนึ่งรูปพร้อมด้วยกระดาษโน๊ตหนึ่งแผ่นหล่นลงมาพร้อมกัน

ตอนที่เห็นรูปถ่าย มีเสียง “ฟ้าผ่า” ดังขึ้นในหัวของเฉินตง

ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวในทันที

เส้นเลือดที่หางตาของเขาปูดขึ้นมาและกระตุกอย่างรุนแรง

ในรูปถ่าย เป็นตอนที่เขานัดพบกับหวางหนันหนัน เป็นภาพที่ทั้งสองนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน

นี่เป็นเพียงแค่ภาพของ “การบอกลา” ธรรมดาๆ เท่านั้น !

แต่ภาพนี้เมื่อถูกถ่ายออกมา บรรยากาศภายในภาพกลับดูเกินจริงไปมาก

ขณะที่กำลังโมโหอยู่นั้น เฉินตงก็ก้มลงเก็บกระดาษน๊ตขึ้นมา แล้วเขาก็กัดฟันด้วยความโกรธในทันที เขาใช้นิ้วหัวแม่มือของเขาบีบกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นอย่างแรง

ในกระดาษโน๊ตมีเพียงข้อความสั้นๆ

“ถ้าไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งรู้เรื่อง เอาเงินมาให้ฉันร้อยล้าน !”

ด้านล่างของข้อความ ยังมีเลขที่บัญชีเขียนเอาไว้ด้วย

เมื่อเห็นเลขที่บัญชี เฉินตงก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวและเดือดดาลขึ้นทันที

เขากัดฟันพูดว่า : “วางแผนที่แล้วใช่ไหม ? จงใจที่จะขู่กรรโชกใช่ไหม ?”

เมื่อเฉินตงเห็นหมายเลขบัญชีนี้แล้วก็รู้สึกไม่แปลกตาเลย

เพราะตลอดสามปีที่ผ่านมา เงินของเขา พูดฝากเข้าไปในหมายเลขบัญชีนี้นับครั้งไม่ถ้วน !

เพื่อใช้ตอบสนองความต้องการของตระกูลหวาง !

บัญชีนี้……เป็นของหวางหนันหนัน !

“หวางหนันหนัน ดี คุณใจร้ายจริงๆ ! ตระกูลหวางของคุณ โหดร้ายจริงๆ !”

เฉินตงตัวสั่นเทา กำกัดฟันและเดือดดาลด้วยความโกรธ ตอนนี้เหมือนมีภูเขาไฟลูกใหญ่มาสุมอยู่ในอกของเขา : “ร้อยล้าน ? มันก็แค่ร้อยล้านมิใช่หรือ ผมจะให้คุณ ผมจะยอมจ่ายให้คุณ !”

เขาไม่ได้สนใจเงิน

ครั้งหนึ่งเขาเคยสนใจเงินมาก่อน แต่ตอนนี้ เงินสำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น

อย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย ต่อให้เป็นพันล้าน เขาก็ยินดีที่จะจ่าย

ขอเพียงแค่สามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ให้ได้เท่านั้น !

ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เขาจึงเห็นคุณค่าอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่กู้ชิงหยิ่งทำให้กับเขา หรือแม้กระทั่งสิ่งที่พ่อและแม่ของกู้ชิงหยิ่งทำให้กับเขา ล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งสิ้น

ถ้าหากรูปถ่ายใบนี้ตกไปอยู่ในมือของกู้ชิงหยิ่งแล้วล่ะก็ เรื่องที่เขาเตรียมที่จะขอแต่งงานตอนปลายเดือน คงจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

อีกทั้ง ในเมื่อหวางหนันหนันคิดวางแผนเอาไว้นานแล้ว คงจะไม่ได้มีเพียงแค่รูปถ่ายธรรมดาๆ รูปนี้เพียงแค่ใบเดียวหรอกกระมัง ?

ถ้าหากหลังจากนี้จะมีรูปถ่ายที่ทำให้คนอื่นยิ่งรู้สึกเข้าใจผิดปรากฏออกมา เฉินตงก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตนเอง

ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เหมือนกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกินคนเข้าไป มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มของความชั่วร้ายออกมา จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความส่งให้หวางหนันหนันหนึ่งฉบับ

“มะรืนนี้ ผมจะไปส่งคุณด้วยตัวเอง ! ส่งคุณทั้งครอบครัว !”

ปัง !

โทรศัพท์ถูกทุบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง เสียงภายในบ้านเงียบสงัด

บ้านตระกูลหวาง

หวางหนันหนันซึ่งเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว เอนหลังลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างหน้าต่าง จากนั้นจึงหันมองห้องนอนที่ว่างเปล่า ในแววตาเต็มไปด้วยภาพความทรงจำ

ดวงตาของเธอค่อยๆ แดงก่ำ

เมื่อผ่านประสบการณ์มาแล้ว ถึงได้เข้าใจ

เมื่อสูญเสียไปแล้ว ถึงได้เข้าใจ

ความฝันพังทลายลงแล้ว คนตื่นขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อเฉินตงที่เคยครอบงำจิตใจเอาไว้ ตอนนี้กลับสูญสลายกลายเป็นควันไปหมดสิ้นแล้ว

หวางหนันหนันบิดขี้เกียจแล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ : “ในที่สุดก็จะต้องไปจากที่นี่แล้ว ฝันร้ายในครั้งนี้ คงจะค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับชีวิตที่ต้องเดินก้าวไปข้างหน้าสินะ ?

ตึ๊ง ตึ๊ง !

เสียงเตือนข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น

หวางหนันหนันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นก็ความที่เฉินตงส่งเข้ามา

แววตาของเธอเต็มไปด้วยความงุนงง แต่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ

เธอวางโทรศัพท์ลง แล้วยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ถ้าอย่างนั้น ก็บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ”

ส่วนด้านนอกห้อง

หวางเต๋อกำลังเก็บของที่ระลึกใส่กระเป๋าเดินทางทีละชิ้นๆ ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาหยิบภาพถ่ายครอบครัวที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างหดหู่ สุดท้ายก็เก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง

บ้านมีเจ้าของใหม่รออยู่แล้ว มีการทำเรื่องโอนย้ายในวันพรุ่งนี้

ถึงเวลานั้น ครอบครัวหนึ่งครอบครัวย้ายไปอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ ไม่แน่ว่า……บ้านหลังนี้อาจจะสงบสุขขึ้นก็ได้

เมื่อคิดถึงตอนนี้ หวางเต๋อก็หันไปมองที่ห้องของหวางหนันหนัน แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

สุดท้ายเขาก็หันไปมองที่ห้องนอนใหญ่ของเขากับจางซิ่วจือด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เขาเป็นอาจารย์ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหน้าตา

แต่ตอนนี้ เพื่อรักษาหน้าเอาไว้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลาออกก่อนกำหนด และออกจากเมืองนี้ไป

“เฮ้อ……” หวางเต๋อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงก้มหน้าลงไปเก็บของต่อ

ภายในห้องนอนใหญ่

หวางเห้าและจางซิ่วจือนั่งอยู่ด้วยกัน

หวางเห้าพูดขึ้นมาด้วยความลังเลว่า : “แม่ ต้องเอาถึงร้อยล้านเชียวหรือ ? นี่มันจะมากเกินไปหรือเปล่า ?”

“มากเหรอ ? เฉินตงไม่ได้สนใจเงินร้อยล้านนี้ด้วยซ้ำ สิ่งที่เขามีก็คือเงิน” ใบหน้าของจางซิ่วจือเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

หวางเห้าส่ายหัว : “ไม่ ผมรู้ว่าเขามีเงินมากมาย แต่ผมกลัวว่า เขาจะไม่ยอมให้น่ะสิ”

“ไม่ให้ ?”

จางซิ่วจือขมวดคิ้ว แล้วแสดงท่าทีมั่นใจ อีกทั้งยังยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ : “ถ้าเขาไม่ให้ล่ะก็ เขาก็รอที่จะเลิกกับกู้ชิงหยิ่งได้เลย แม่มีรูปภาพพวกนี้อยู่ในมือ ก็จัดการเขาได้อยู่หมัดแล้ว”

“เขาทำลายตระกูลหวางของเราจนย่อยยับขนาดนี้ คิดที่จะสูบเลือดสูบเนื้อของเราจนหมด แล้วเฉดหัวตระกูลหวางของเราออกจากเมืองนี้อย่างนั้นหรือ ? ฝันไปเถอะ ถ้าไม่ได้กัดเขาให้จมเขี้ยวสักครั้ง แม่คงนอนตายตาไม่หลับ !”

“ร้อยล้าน……” ใบหน้าของหวางเห้าเต็มไปด้วยความโหยหา

ส่วนจางซิ่วจือกลับมีแววตาที่โหดร้าย พร้อมกับรอยยิ้มที่แปลกประหลาด

สิ่งที่เธอต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่กัดเฉินตงให้จมเขี้ยวเท่านั้น !

บทที่ 154 เชื่อ !

โจวเย่นชิวเป็นทั้งวีรบุรุษและทรราช

คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาอย่างโจวจุนหลงจะเทียบได้

ถึงแม้ในสายตาของโลกภายนอก ทั้งสองคนจะเป็นคู่ต่อสู้กันมาตลอด แต่ในใจของโจวเย่นชิว มีความรู้สึกว่าโจวจุนหลงคือคู่ต่อสู้มากน้อยแค่ไหนกัน ?

การจัดการกับคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ก็ต้องทำเพียงแค่ใช้ชีวิตมาเป็นเครื่องต่อรอง หรือใช้ผลประโยชน์ในการหลอกล่อก็เพียงพอที่จะควบคุมคนพวกนี้ได้แล้ว

แต่การจัดการกับทรราชนั้น ใช้แค่สองสิ่งนี้คงจะน้อยเกินไป

ที่ทรราชเป็นทรราช ก็เป็นเพราะมีเล่ห์เหลี่ยมที่ยากจะคาดเดา และมีความระแวงสงสัย ทำให้รู้จักที่จะแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย และสามารถแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้แก่ตัวเองจากการทำงานทุกอย่าง

เขามีความหยิ่งผยองและรักศักดิ์ศรีในตนเอง

หยิ่งทระนงจนกระทั่งถึงขั้นว่าสามารถมองทุกคนรอบตัวเป็น “คู่ต่อสู้” ไปเสียหมด

สิ่งที่นำให้กระดูกสันหลังของเขามีความยืดหยุ่นมากกว่าคนที่ตรงไปตรงมาอย่างโจวจุนหลง

ดังนั้น ในทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ต่อให้โจวเย่นชิวจะทรยศหักหลัง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงยืนเหยียบเหลือสองแคมได้อย่างปลอดภัย

ถึงขั้นว่า ตอนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ขึ้น เขาก็ยังมีใจที่จะเข้ามาซื้อที่ดิน เพื่อผูกมิตรกับเฉินตง

เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ การรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางเช่นนี้ กระดูกที่รู้จักยืดหยุ่นเช่นนี้

ทำให้เฉินตงรู้ดีว่า เขาไม่อาจให้โจวเย่นชิวเข้ามายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาอย่างง่ายดายได้

วิธีที่ดีที่สุด คือการตีกระดูกสันหลังของโจวเย่นชิวให้หัก ให้เขายอมละทิ้งความหยิ่งผยองและศักดิ์ศรีของตัวเองลง ให้เขารู้ว่าใครคือลูกน้อง และใครคือเจ้านาย

มิเช่นนั้น เฉินตงกล้ารับประกันได้เลยว่า ต่อให้ตอนนี้โจวเย่นชิวจะยอมก้มหัวให้กับเขา แต่ในอนาคต หากเฉินเทียนเซิงกลับเข้ามาในเมืองนี้อีก โจวเย่นชิวก็จะต้องหักหลังเขาอย่างแน่นอน

เมื่อครู่ที่โจวเย่นชิวคุกเข่าลง ถือว่าเขายอมละทิ้งความหยิ่งผยองและศักดิ์ศรีจนหมดสิ้นแล้ว กระดูกสันหลังของเขาหักลงแล้ว

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก็จะสามารถควบคุมเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว !

“คิดไม่ถึงเลยว่าโจวเย่นชิวจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ รู้สึกคลื่นไส้จริงๆ กินไม่ลงแล้ว”

ในหัวของเฉินตงมีภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครู่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “กระผมเองก็รู้สึกเช่นนี้”

เฉินตงมองดูท่านหลงที่ยังคงกินข้าวต้นที่อญุ่ในมือของตนเองอย่างไม่สะทกสะท้าน ถึงขั้นว่าหยิบตีนไก่พะโล้ที่แม่ของเขาทำเอาไว้ขึ้นมาแทะ เขาจึงเริ่มรู้สึกสงสัยในสิ่งที่ท่านหลงพูด

ตอนนี้เอง

หลี่หลานเดินเข้ามาในบ้าน

เธอมีท่าทีเคร่งขรึม แววตาดูซับซ้อน เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“แม่ครับ”

เฉินตงสังเกตเห็นหลี่หลาน และยิ่งไปกว่านั้นคือสังเกตเห็นสีหน้าท่าทีของหลี่หลานด้วย แต่ก็ยังคงแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า : “เช้าขนาดนี้ ไปไหนมาหรือครับ ?”

“แม่ออกไปเดินเล่นหน่ะ”

ท่าทีของหลี่หลานอ่อนโยนลง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “เมื่อกี้แม่เจอโจวเย่นชิวที่ด้านนอก เขามาที่บ้านของเราหรือ ?”

“ครับ” เฉินตงพยักหน้า แล้วชี้ไปที่อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ : “แม่ครับ ผมกินอิ่มแล้ว ขอตัวไปบริษัทก่อนนะครับ”

เมื่อออกจากบ้านไป เฉินตงก็ส่งข้อความกลับมาให้ท่านหลง เพื่อให้ท่านหลงสืบดูสถานการณ์ของแม่ให้กระจ่าง จากนั้นให้รีบรายงานเขาทันที

ขณะที่เฉินตงกำลังจะไปบริษัท จู่ๆ ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา

เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักนั้น

เฉินตงก็ขมวดคิ้วแน่นทันที หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักนี้ ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะเคยรับสายแล้วครั้งหนึ่ง

เป็นเบอร์ของหวางหนันหนัน !

“สวัสดีครับ” ในที่สุดเฉินตงก็ตัดสินใจที่จะรับสาย

“มะรืนนี้ฉันก็จะไปแล้ว”

หวางหนันหนันหัวเราะพลางพูดว่า : “ไม่ต้องถามนะว่าฉันจะไปไหน”

เฉินตงพูดว่า : “ผมเองก็ไม่อยากถาม มีธุระอะไรหรือเปล่า ?”

บทสนทนาในสายโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง

หวางหนันหนันจึงพูดขึ้นว่า : “มะรืนนี้มาส่งฉันได้ไหม ?”

“ขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลา”

ตู๊ด !

เฉินตงวางสายโทรศัพท์อย่างไม่แยแส

อดีตมันผ่านไปแล้ว หากในขณะที่ยังมีรอยบาดแผลอยู่เต็มตัว การกลับไปรื้อฟื้นนึกถึงมันอีกครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับว่ากำลังทำให้บาดแผลฉีกขาดขึ้นมาอีกครั้ง

เรื่องบางเรื่อง คนบางคน ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้อีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน

ที่คลับสี่ยิ่น

ในลานป่าไผ่ ดอกไม้กำลังเบ่งบาน มีสีสันที่สวยสดงดงาม

กู้ชิงหยิ่งสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กำลังฮัมเพลงไปพลาง พร้อมทั้งตัดแต่งและรดน้ำต้นไม้ด้วยความละเอียดลออไปพลาง

แสงอาทิตย์สาดส่องมา

ทำให้ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า สวยงามราวกับภาพวาด

หลังจากที่ได้ล่วงรู้ถึงการวางแผนของเฉินตงแล้ว หลายวันมานี้กู้ชิงหยิ่งก็อารมณ์ดีไม่น้อย

เธอไม่ได้ติดต่อกันเฉินตง เพราะเกรงว่าตัวเธอเองจะอดไม่ได้ที่จะพลั้งปากเอ่ยถามถึงรายละเอียดในการขอแต่งงานของเฉินตง

หากเป็นเช่นนี้ อาจทำให้ความประหลาดใจต้องลดน้อยลง

ในใจของกู้ชิงหยิ่งนั้น เฝ้ารอการขอแต่งงานอย่างใจจดใจจ่อ

ภายในบ้านที่มีกลิ่นอายแบบโบราณ และมีกลิ่นหอมของไม้จันทน์โชยอ่อน

กู้โก๋ฮั๋วกำลังนั่งจิบชาและชื่นชมดอกไม้อย่างผ่อนคลายอยู่กับหลี่หวั่นชิง

โดยปกติแล้วการที่ทั้งสามคนจะได้พักผ่อนอย่างสงบร่วมกันนั้นถือว่ายาก

“ที่รัก คืนนั้นผมเมาจนไม่ได้สติเลยหรือ ?” หลังจากสร่างเมาแล้ว สองสามวันมานี้ยังคงมีภาพที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ปรากฏขึ้นมาในหัวของกู้โก๋ฮั๋วเป็นครั้งคราว

แต่เพียงแค่ภาพไม่กี่ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้น ก็พอจะทำให้เขาหน้าแดงและหัวใจเต้นเร็วได้แล้ว

เขาพยายามอดทนมานาน แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้นมา

หลี่หวั่นชิงเลิกคิ้วแล้วหันมองเขาด้วยความประหลาดใจ : “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ ? จริงๆ แล้วเฉินตงตั้งใจที่จะมาหาคุณเพื่อแสดงความขอบคุณ และเพียงแค่ต้องการใช้โอกาสในคืนนั้น เป็นการพบปะกับผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก แต่คุณกลับดื่มจนเมา กระทั่งว่าเอาแต่พูดบังคับให้เขาตกลงเรื่องการแต่งงานอยู่ตลอดเวลา”

“ผม นั่นเป็นเพราะผมคิดว่าเจ้าหมอนั่นมาก็เพื่อที่จะนำเงินไม่กี่ร้อยล้านมาให้เท่านั้น”

กู้โก๋ฮั๋วเกาหัวแล้วพูดแย้งว่า : “คุณลองคิดดูสิ เงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านนั่นมีความหมายอะไรกับครอบครัวเรา แต่สำหรับฐานะครอบครัวของตงเอ๋อแล้ว ไม่กี่ร้อยล้านก็ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตอนนั้นผมปากไวไปสักหน่อย ใครจะไปคิดว่าความหวังดีของผมจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายกันล่ะ ?”

“เป็นเพราะคุณดื่มมากจนขาดสติ”

หลี่หวั่นชิงทำสีหน้าเบื่อหน่าย ท่าทีของเธอยังคงสง่างาม และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ถ้าคืนนั้นไม่ใช่เพราะฉันขวางเอาไว้ล่ะก็ คำพูดพวกนั้นของคุณ คงจะต้องทำให้ลูกสาวของเราเสียใจไม่น้อย ในฐานะที่คุณเป็นพ่อ ตรงไหนที่แสดงออกถึงความเป็นพ่อของคุณกัน”

กู้โก๋ฮั๋วหน้าแดงก่ำ เขาเกาหัวแล้วยิ้มออกมา แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากโต้เถียงอีก

จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “แล้วคุณปลอบเสี่ยวหยิ่งอย่างไร ? สองสามวันมานี้เด็กคนนี้ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้ !”

หลี่หวั่นชิงยิ้มเล็กน้อย : “ตงเอ๋อคนนี้เป็นคนรู้จักคิด ถ้าอาศัยเพียงแค่ฉันคนเดียว มีหรือที่จะปลอบใจเสี่ยวหยิ่งได้ง่ายดายขนาดนี้ เป็นเพราะตงเอ๋อส่งข้อความมาหาเสี่ยวหยิ่งหนึ่งฉบับ บอกว่าปลายเดือนนี้เขาจะขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงาน”

“ขอแต่งงาน ? ปลายเดือน ?”

สีหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้วแน่น : “ถ้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราจะต้องอยู่ที่นี่จนกระทั่งถึงปลายเดือนหรอกหรือ ? แล้วเรื่องที่ตระกูลเฉินจะทำเช่นไร ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่หวั่นชิงหายไปในทันที และมีใบหน้าของความโกรธเข้ามาแทนที่

ปัง !

กาน้ำชาดินเผาที่อยู่ในมือถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง

หลี่หวั่นชิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “มัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตระกูลเฉิน ธุรกิจของคุณสำคัญขนาดนี้เลยหรือ ? หรือตอนนี้พวกเรามีเงินไม่พอใช้หรืออย่างไร อีกหน่อยจะเอาใส่โลงไปด้วยหรืออย่างไร ? ฉันขอบอกคุณเอาไว้เลยนะว่า ลูกสาวของเราต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่ตระกูลเฉินก็ต้องหลีกทางให้ !”

“ตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องจัดการให้เรียบร้อยก็คือ จัดการเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวเราให้เรียบร้อย เด็กคนนี้ถ่วงเวลามาหลายปีแล้ว พูดได้ว่าเป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แล้วคุณผู้ซึ่งเป็นพ่อยังกล้าเมินเฉยอีก คืนนี้อย่ามาโทษฉันก็แล้วกันนะถ้าหากฉันจะให้คุณนอนที่โซฟา !”

“โธ่ ผมจะไปกล้าได้อย่างไร ผมเพียงแค่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยที่จะได้รับโอกาสเข้าพบตระกูลเฉินสักครั้งหนึ่ง ถ้าหากต้องพลาดโอกาสไปเช่นนี้ก็ต้องรู้สึกเสียดายเป็นธรรมดา”

กู้โก๋ฮั๋วดึงมือของหลี่หวั่นชิงเพื่อขอความเห็นใจ เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หวั่นชิงยังเต็มไปด้วยความโมโห เขาก็พูดด้วยท่าทีจริงจัง : “ได้ๆๆ เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน รอให้เฉินตงขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยไปกัน”

ขณะที่พูด เขาก็ตบหน้าผากของเขา : “อย่างไรก็ยังรู้สึกไม่ยุติธรรมกับเสี่ยวหยิ่งอยู่ดี อุตส่าห์รอมาตั้งสามปี พยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่สุดท้ายกลับเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเฉินตงเสียนี่”

“หุบปาก !” หลี่หวั่นชิงทำสีหน้าเย็นชา “ถ้ายังพูดถึงเรื่องการแต่งงานครั้งที่สองอีกล่ะก็ ฉันจะให้คุณนอนนอกบ้าน !”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกัน

ที่ด้านนอกลานป่าไผ่ มีพนักงานของคลับสี่ยิ่นคนหนึ่ง กำลังเดินจ้ำอ้าวมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากเคาะประตูแล้ว

ไม่ช้า กู้ชิงหยิ่งก็เปิดประตูให้

“คุณหนูกู้ ด้านนอกมีคนฝากของสิ่งนี้มาให้คุณครับ”

พนักงานยื่นซองจดหมายให้แก่กู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัย จึงเปิดซองจดหมายออก

เมื่อเห็นของที่อยู่ในซองจดหมาย รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปไข่ของเธอก็จางหายไปในทันที เปลี่ยนเป็นใบหน้าของความโศกเศร้าอย่างสุดแสน

บทที่ 153 ดัดหลังโจวเย่นชิว

การคิดบัญชีตามปกติของโรงยิมมวยใต้ดินเพียงครั้งเดียว

แต่กลับทำให้โจวเย่นชิว ซึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังต้องรู้สึกตื่นตระหนก และกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หลังจากฝึกฝนร่างกายเสร็จ เฉินตงไม่ได้เข้าไปที่บริษัทในทันที

เขากำลังขอให้โจวเย่นชิวมาขอโทษเขาด้วยตนเองอยู่

คุนหลุนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล เคราะห์ดีที่เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา

ฟ่านลู่คอยอยู่ดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้นอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งคืน

บัญชีเลือดในครั้งนี้ ถ้าหากใช้ชีวิตของลูกสมุนกระจอกๆ เพียงไม่กี่คนมาชดใช้ ก็สามารถจบเรื่องทั้งหมดนี้ลงได้ เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าชีวิตของพี่น้องเขาด้อยค่าหรอกหรือ ?

เมื่อกลับไปถึงบ้าน บนโต๊ะมีอาหารที่เพิ่งปรุงสุกใหม่ๆ วางอยู่

สิ่งที่ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก็คือ เขาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของแม่แล้ว

“คุณผู้หญิงออกไปแล้วครับ”

ท่านหลงเดินลงมาจากชั้นบน เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ : “เธอสั่งให้พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว ให้วางถ้วยวางตะเกียบเอาไว้ เดี๋ยวเธอจะกลับมาจัดการเก็บกวาดเองครับ”

“ไปไหน ?”

เฉินตงเอ่ยถาม

ท่านหลงส่ายหัว : “กระผมสั่งให้คนสะกดรอยตามไปแล้วครับ”

ขณะที่เฉินตงและท่านหลงกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น

ด้านนอกของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน มีรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำแล่นเข้ามา

“ทำความเคารพ !”

พรึ่บ !

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าประตู ต่างลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อทำความเคารพ

ส่วนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสไม่ได้หยุดวิ่งแต่อย่างใด ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปในเขตวิลล่าเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว

“น่าแปลก ทำไมประธานโจวถึงมาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกสงสัย

คนที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดแสดงความเคารพได้เช่นนี้ก็คือ โจวเย่นชิวซึ่งนั่งมาในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำ

เพียงแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดรู้ก็คือ โจวเย่นชิวมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือจำนวนมาก เขตวิลล่าเขาเทียนซานเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น

ปกติแล้ว โจวเย่นชิวเข้ามาพักอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซานน้อยครั้งมาก

การที่เขาเข้ามาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรก

“ระวังคำพูดหน่อย !” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด : “พวกเรามีหน้าที่เฝ้าประตู ก็เฝ้าประตูให้ดีก็พอแล้ว จะไปนั่งเดาเหตุผลของประธานโจวทำไม”

เอี๊ยด !

รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสหยุดอย่างกะทันหันที่บริเวณด้านนอกวิลล่าบ้านซาน

โจวเย่นชิวเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในมือถือกล่องไม้ใบหนึ่งเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนล้า

แต่แววตาของเขา กลับเป็นประกายและส่องสว่างอย่างน่าประหลาดใจ

หลังจากที่นอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนคิดออกถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาได้แล้ว โจวเย่นชิวก็ตัดสินใจที่จะยึดมั่นในความคิดที่จะมากล่าวขอโทษด้วยตัวเอง

ไม่แน่ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอาจจะทำให้เขาต้องอับอาย

แต่สำหรับเขาแล้ว การรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด !

เรื่องของเฉินเทียนเซิง เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะหักหลังเฉินเทียนเซิง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง

หลังจากการจากไปของเฉินเทียนเซิง เฉินตงก็ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน เมื่อเขาขี่หลังเสือแล้วก็ยากที่จะลงมาได้ จึงทำได้เพียงต้องเลือกที่จะเหยียบเรือสองแคม

ตอนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตงเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ เขาก็มั่งเลที่จะซื้อที่ดินในภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แปลงหนึ่ง เพื่อที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อเฉินตง และหวังว่าจะมีที่ยืนในฝั่งของเฉินตงเหลืออยู่ให้กับตัวเอง

แต่การแสดงความเป็นมิตรของเขานั้น เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้รับการตอบสนองจากเฉินตงเลยแม้แต่น้อย

ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกข้องใจอีกล่ะก็ เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่า เฉินตงจะต้องลงมือกับเขาอย่าแน่นอน

ต่อให้เป็นจุดจบที่ดีที่สุด เขาก็คงต้องไปเดินตามรอยเท้าของโจวจุนหลง

อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เป็นคู่ต่อสู้กันมาเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ความสามารถจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าห่างกันเท่าไหร่นัก

ภายใต้จักรพรรดิตัวจริง ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน

ติ๊งต่อง !

เสียงกดกริ่งที่ประตูดังขึ้น

โจวเย่นชิวยืนรอด้วยท่าทีกระสับกระส่าย มือทั้งสองข้างของเขาจับกล่องไม้เอาไว้แน่น

ด้านใน เป็นสิ่งของแทนน้ำใจที่เขาต้องการนำมาแสดงความขอโทษต่อเฉินตง !

ยังคงมี……ความอุ่นเหลืออยู่

รออยู่นาน ในที่สุดประตูก็เปิดออก

เมื่อเห็นท่านหลง โจวเย่นชิวตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดด้วยท่าทีอ่อนน้อมว่า : “ท่านหลง ผมมาแสดงความขอโทษและมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”

“อืม”

ท่านหลงหลีกทางให้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณชายกำลังรับประทานอาหารอยู่”

โจวเย่นชิวเข้าไปในวิลล่า โดยมีท่านหลงเดินนำไปอย่างรวดเร็วจนถึงห้องอาหาร

ภาพที่เห็นคือ เฉินตงกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างสงบอยู่ที่โต๊ะอาหาร

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ตกกระทบลงบนตัวของเฉินตง

ท่าทีที่สุขุมเยือกเย็น ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา เมื่อโจวเย่นชิวเห็นแล้ว ทำให้เขารู้สึกประหม่า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่

ใครจะไปคิดว่า ภายในบริษัทบำนาญที่เขาสร้างให้แก่น้องชายของภรรยาเขา จะเคยมีจักรพรรดิตัวจริงเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วย ?

เมื่อคิดถึงช่วงเวลาก่อนหน้า โจวเย่นชิวก็รู้สึกเสียใจและนึกเสียดาย เมื่อเดินผิดเพียงก้าวเดียว ก็จะผิดไปทุกก้าว

ถ้าเขายืนหยัดที่จะยืนอยู่ข้างเฉินตงตั้งแต่แรก ตอนนี้คงจะไม่มีภาพที่เขาต้องมาแสดงความขอโทษด้วยตัวเองเช่นนี้เกิดขึ้น ?

“ประธานโจว มาเช้าเหมือนกันนะ”

เฉินตงถือชามข้าวต้มอยู่ แล้วพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “นั่งลงสิ ทานอะไรด้วยกันก่อน คุณคงจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้ามาล่ะสิ”

ถึงแม้จะดูเป็นการเชื้อเชิญ แต่เขากลับไม่เหลือบมองโจวเย่นชิวเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ล่ะครับ ผมมานี่เพื่อที่จะมาขอรับผิดชอบความผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น”

โจวเย่นชิวยิ้มแหยแล้วส่ายหัว เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจริงๆ เขานอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน นั่งรอเวลาจนกระทั่งฟ้าสางก็รีบตรงมาที่นี่ทันที

“หืม ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว แล้วกินข้าวต้มต่ออย่างไม่แยแส

บรรยากาศภายในห้องอาหารเงียบสงัด

โจวเย่นชิวรีบยื่นกล่องไม้ที่ถืออยาในมือ ไปวางไว้บนโต๊ะที่เฉินตงนั่งรับประทานอาหารอยู่

แล้วเปิดกล่องไม่ออกด้วยความเคารพ พร้อมกับพูดว่า : “คุณเฉิน เรื่องเมื่อคืนนี้ ถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่ของผม ตอนนี้พวกสารเลวพวกนั้น ได้ชดใช้ความผิดในสิ่งที่ทำไว้แล้ว”

ขณะที่กล่องไม้กำลังถูกเปิดออก และเฉินตงได้เหลือบไปเห็นของที่อยู่ด้านใน

ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็ผงะไป รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

ของที่อยู่ในกล่องไม้ก็คือ……มือ !

เพล้ง !

เฉินตงกระแทกถ้วยที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง แล้วพูดออกมาด้วยความโมโห : “ประธานโจว มารบกวนเวลาอาหารของผมตั้งแต่เช้าแบบนี้ นี่นะหรือคือสิ่งที่คุณเรียกว่าเป็นการแสดงความขอโทษ ?”

โจวเย่นชิวเหมือนถูกฟ้าผ่า เขารีบปิดกล่องไม้ทันที

เมื่อคืนเขาจัดการเรื่องราวทุกอย่างจนเรียบร้อย ของที่อยู่ในกล่อง คือสิ่งที่เขาต้องการนำมาแสดงเป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความขอโทษต่อเฉินตง

แต่เขา เขาเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง !

“เหอะๆ……ประธานโจว ความรู้สึกสำนึกผิดของคุณนั้น ผมพอจะสัมผัสได้ สิ่งที่คุณนำมาแสดงความขอโทษนี้ ถือว่าไม่เลว !”

เฉินตงลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าของเขาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

โจวเย่นชิวรู้สึกขนลุกซู่ในทันที เหงื่อกาฬไหลอาบอยู่ทั่วหน้าผากของเขา

ขณะที่เขากำลังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นั้น แววตาของเขากลับแสดงความแน่วแน่ออกมา

เขากัดแก้มทั้งสองข้างเอาไว้แน่น จากนั้นจึงคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปนั่งอยู่บนพื้น

“คุณเฉิน……ได้โปรดยกโทษให้ด้วย !”

“เป็นความผิดของผมเอง เป็นเพราะผมเลอะเลือน จึงคิดหักหลังทรยศ !”

“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณเฉินด้วย ได้โปรดให้อภัยผมด้วย”

คำวิงวอนขอร้องดังต่อเนื่องออกมาจากปากของโจวเย่นชิวไม่หยุด

ถ้าหากคนอื่นมาเห็นเข้า คงจะต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

วีรุบุรุษของเมืองนี้ กลับต้องมาอยู่ในสภาพที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ?

แต่โจวเย่นชิวกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย

เขารู้ดีว่า การที่เฉินตงให้เขามาขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะต้องการจะคิดบัญชีเรื่องนี้เท่านั้น !

เฉินตงจ้องมองโจวเย่นชิวที่นั่งอยู่บนพื้นในท่าทีตื่นตระหนก ด้วยแววตาที่เย็นชา

พักใหญ่

เขาโบกมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “พอแล้ว เอาของของคุณกลับไป แล้วออกไปจากที่นี่ได้แล้ว !”

“คุณเฉิน……” โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยความตกใจลังเล

ใบหน้าของเฉินตงยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับลมที่พัดออกมาจากป่าลึก : “ผิดครั้งสองครั้งพอให้อภัยได้ แต่อย่าให้มีครั้งที่สามอีก !”

“ขอบคุณครับคุณเฉิน !”

โจวเย่นชิวรีบอุ้มกล่องไม้เดินกลับออกไปด้วยท่าทีที่ยินดีปรีดา

หลังจากเขากลับไปแล้ว

ท่านหลงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มออกมา แล้วหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

“คุณชาย ตอนนี้กระดูกสันหลังของเขา ถูกคุณตีจนหักเรียบร้อยแล้ว !”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส : “ถ้าหากสุนัขจะแว้งกัดเจ้านาย ก็จะต้องตีกระดูกสันหลังของมันให้หัก มันถึงจะรู้ตัวว่า ใครคือสุนัข ใครคือเจ้าของ !”

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “การคุกเข่าของโจวเย่นชิวในครั้งนี้ คิดว่าต่อไปคงจะไม่กล้าขัดขืนคุณชายอีกแล้ว”

บทที่ 152 เขาเป็นตัวอะไร !

กูหลังโค้งคำนับ ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาตระหนักได้ในทันที กูหลังจากไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่อีกครั้ง ?

เขาได้ยินเหตุผลในการจากไปของกูหลังมานานแล้ว

หรือว่า……

ความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในสมองของเขาในทันที

ชายวัยกลางคนเหลือบมองไปที่เฉินตงอย่างไม่เชื่อในความคิดของตนเอง เขารู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด

“ว่ายังไง ? !”

เฉินตงเลิกคิ้ว

กูหลังรีบอธิบาย : “พวกเขาเป็นพวกโรงยิมมวยใต้ดิน โรงยิมมวยมีหลายระดับ ถึงแม้ผมจะอยู่ในโรงยิมมวยใต้ดินไม่นานนัก แต่ถ้าวัดกันตามระดับแล้วก็ถือเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา”

“โรงยิมมวยใต้ดินว่างขนาดถึงจะมายุ่งเรื่องนี้เหรอ ?”

เฉินตงหัวเราะเยาะ จากนั้นจึงหันมองกูหลัง : “ฉันกำลังดูแลพี่น้องของฉันและน้องสาวของฉันอยู่ นายคิดเอาเองก็แล้วกันว่าควรจะทำอย่างไร”

พี่น้อง ?

น้องสาว ?

กูหลังผงะไป เขาเหลือบตาขึ้นมองฟ่านลู่และคุนหลุนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่

ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที

เขาย่อตัวลงไป แล้วดึงมีดผีเสื้อที่ปักอยู่บริเวณต้นขาของชายวัยกลางคนออกมา

เลือดสีแดงสดสาดกระจาย

ชายวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า : “พี่กูหลัง ผม ผมไม่รู้จริงๆ ผมแค่มาคิดบัญชีเท่านั้น พี่ พี่เห็นแก่หน้าของเจ้านายเถอะ……”

เพล้ง !

มีดผีเสื้อปักลงมา ทำให้เอ็นร้อยหวายบนขาด้านที่ได้รับบาดเจ็บของชายวัยกลางคน ถูกตัดจนขาด

เลือดสีแดงสดและชั้นผิวหนังที่ถูกเปิดออก

ทำให้ลูกสมุนอีกหกคนที่ยืนอยู่ที่ไกลๆ หน้าถอดสีทันที พวกเขารู้สึกกลัวจนตัวสั่น

ส่วนชายวัยกลางคนกำลังส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ตาเหลือกจนแทบจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด

กูหลังปักมีดผีเสื้อลงบนพื้น ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “แม้แต่เจ้านายเองก็จะต้องชดใช้ความผิดและขอโทษคุณเฉินด้วยเช่นกัน แล้วแกมันเป็นแค่ตัวอะไร ?”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาเฉินตง

หลังจากรับคุนหลุนมาจากมือของเฉินตง เขาก็โค้งคำนับ จากนั้นจึงแบกคุนหลุนขึ้นบนหลัง แล้วรีบวิ่งลงจากภูเขาไป

เฉินตงประคองฟ่านลู่ด้วยความสงสาร

เขาหันไปมองพ่อของฟ่านลู่ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฟ่านลู่เป็นคนของตระกูลเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเธอ ตัดขาดกันเสียตั้งแต่วันนี้ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเธออีก……”

เฉินตงหันไปชี้ที่ชายวัยกลางคน : “เขา คือจุดจบที่คุณจะได้รับ !”

พ่อของฟ่านลู่ตกใจจนตัวสั่น สีหน้าซีดเผือด และส่ายหน้าด้วยความกลัว : “ไม่ ไม่กล้าแล้ว ฉันไม่กล้าอีกแล้ว”

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงหันไปพูดกับฟ่านลู่อย่างเยือกเย็น

เมื่อความสัมพันธ์ไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้อีก

จึงต้องใช้วิธีที่เด็ดขาด จึงจะจะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้อย่างหมดสิ้น

วิธีการของคุนหลุนและฟ่านลู่ก่อนหน้านี้ ยังคงคำนึงถึงความรู้สึกอยู่ เป็นวิธีที่นุ่มนวลเกินไป

มิเช่นนั้นก็คงไม่ต้องเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นวันนี้

ฟ่านลู่ไม่คิดที่จะโต้แย้งเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคนคนหนึ่งถูกทำร้ายจบบอบช้ำไปทั่วทั้งร่างกาย ก็ถึงเวลาแล้วที่ควรจะต้องปล่อยวางทุกสิ่งเสียที

ขณะที่เดินผ่านชายวัยกลางคน เฉินตงแสยะยิ้ม : “กลับไปแล้ว ไปบอกกับเจ้านายของแกด้วยว่า ให้เจ้านายของแกไปเชิญโจวเย่นชิวมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง !”

เปรี้ยง !

ชายวัยกลางคนที่เกือบจะหมดสติ กลับตาสว่างขึ้นมาในทันที

เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังโรงยิมมวยใต้ดิน คือโจวเย่นชิว !

ตอนนี้เอง คำพูดขอบเฉินตง ทำให้เขารู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา !

ถึงขั้นลืมความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาไปเสียสนิท

ฝนที่กำลังโปรยปราย จู่ๆ ก็กลายเป็นพายุฝนลูกใหญ่ซัดเข้ามาแทน

ขณะที่วิ่งลงจากภูเขาจนกระทั่งถึงรถที่จอดอยู่เชิงเขา คุนหลุนก็หมดสติไปแล้ว

กูหลังจะขับรถออกไปแต่ถูกเฉินตงขวางเอาไว้ เฉินตงขึ้นนั่งตรงที่คนขับด้วยตัวเอง

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน รถโรลส์-รอยซ์ขับมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลลี่จิงอย่างรวดเร็ว

คุนหลุนถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

ส่วนฟ่านลู่นั่งลงตรงพื้นด้านหน้าประตูด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ราวกับคนเสียขวัญ จ้องมองดวงไฟสีแดงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเหม่อลอย

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้

โดยมีกูหลังที่กำลังร้อนใจและเป็นกังวลยืนอยู่ข้างๆ

ตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากเฉินตง ก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

ด้วยฐานะของเขา การที่เฉินตงหาเขาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างแน่นอน มีแนวโน้มว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

ดังนั้นเขาถึงได้รีบมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังคงมาช้าไปหนึ่งก้าว

และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งคาดไม่ถึงก็คือ อีกฝ่ายยังเป็นคนคุ้นเคยสมัยที่เขายังอยู่ในโรงยิมมวยใต้ดินอีกด้วย

เสียงเรียกว่าพี่ใหญ่ ทำให้กูหลังรู้สึกกลัวจับใจ

เหลือบมองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิท

กูหลังสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดว่า : “คุณเฉิน……”

“ไม่เกี่ยวกับนาย” เฉินตงพูด

กูหลังกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมากลับลงท้องไป แล้วแอบถอนหายใจหนึ่งครั้ง

เฉินตงถูจมูกไปมา : “นายว่า โจวเย่นชิวจะยอมมาขอโทษฉันด้วยตัวเองไหม ?”

เปรี้ยว !

กูหลังเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา

โจวเย่นชิวคือใคร ?

นั่นคือฮีโร่ตัวจริงของเมืองนี้ เป็นหัวมังกรที่แท้จริงของที่นี่ !

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทุกที่ แอบควบคุมโรงยิมมวยใต้ดินเอาไว้ทั้งนั้น

การดำรงอยู่เช่นนี้ หากมีการกระทบกระเทือนถึงผลประโยชน์ขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจจำเป็นจะต้องก้มหัวเพื่อแสดงความขอโทษ

การแสดงความขอโทษถือเป็นมารยาท

อีกทั้งการไปขอโทษด้วยตัวเองถึงที่ ถือเป็นการยอมลดสถานะของตนเอง เป็นการยอมก้มหัวให้ และเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย !

“ด้วยภูมิหลังทางฐานะของโจวเย่นชิวแล้ว ผมว่าคงเป็นไปไม่ได้” กูหลังพูดความคิดเห็นส่วนตัวออกมา

“ภูมิหลังทางฐานะ ?”

เฉินตงหรี่ตา แล้วยิ้มเยาะออกมา : “เขาเป็นตัวอะไร !”

คำพูดที่แสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามและเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทำให้กูหลังหันมองเฉินตงด้วยความตกตะลึง และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

นี่……คือเฉินตงที่เขารู้จักคนนั้นจริงหรือ ?

คืนนี้

เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยพายุฝน

ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

เมืองทั้งเมืองซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าและสายฝนด้วยความเงียบสงัด

ภายในห้องนอนอันโอ่โถงและหรูหรา

โจวเย่นชิวซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่ ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์

หลังจากได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูดจบแล้ว โจวเย่นชิวก็หน้าถอดสีทันที มีความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นในแววตาของเขา

ตุ๊บ !

เขาโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ไอ้พวกสารเลวเอ๋ย ! ไอ้พวกสารเลวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ !”

ใบหน้าของโจวเย่นชิวแดงก่ำไปจนถึงใบหู เขาโกรธจนตัวสั่น : “เขาเป็นใครรู้ไหม ? พวกแกกินหัวใจหมีเข้าไปหรือยังไง ถึงได้กล้าไปหาเรื่องเขาแบบนี้ ? แล้วยังจะกล้าก่อเรื่องร้ายแรงขนาดนี้อีก ?”

เสียงของความโมโหดังก้องอยู่ภายในห้องที่มืดสนิท

โจวเย่นชิวเปิดไฟ จากนั้นจึงจุดซิการ์หนึ่งมวน แล้วเดินไปเดินภายในห้องด้วยความกระสับกระส่าย

“คุณคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ?”

ด้านนอกห้องนอน มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เป็นเสียงภรรยาของโจวเย่นชิว

โจวเย่นชิวมักจะทำงานในช่วงกลางคืน ดังนั้นในช่วงที่เขารีบเร่งทำงาน เขาก็มักจะแยกห้องกันนอนกับภรรยา

“ไปให้พ้น ! อย่ามากวนฉัน !”

มือขวาของโจวเย่นชิวคีบซิการ์ขึ้นมาสูบด้วยความโมโห แล้วจึงตะโกนด่าออกไป

เสียงด้านนอกเงียบลงในทันที

ฟิ้ว……ฟิ้ว……

โจวเย่นชิวสูบซิการ์อย่างหนัก ในปากของเขามีแต่กลิ่นควันคละคลุ้งอยู่

“ไปขอโทษด้วยตัวเอง ? จะให้ฉันไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง ? นี่มันต่างกับให้ฉันไปคุกเข่าต่อหน้าเขาตรงไหนกัน ?”

สักพักใหญ่

จู่ๆ โจวเย่นชิวก็หันหลังกลับ และหยิบโทรศัพท์สำรองออกมาจากลิ้นชัก

จากนั้นจึงกดหมายเลขโทรศัพท์

เมื่อต่อสายได้แล้ว

เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “จัดการเก็บไอ้พวกสวะที่ก่อเรื่องคืนนี้ให้หมด อย่าให้เหลือซาก !”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ ความโมโหของเขาก็ทุเลาลงเล็กน้อย

ความโกรธที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น เป็นเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งนัก

แต่ตอนนี้ เขากลับเริ่มชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น

จนในที่สุด โจวเย่นชิวหัวเราะออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงอย่างหมดอาลัย

“ช่างมันเถอะ นี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นได้ ถ้าหากพรุ่งนี้ไม่ยอมไปขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ยอมถอดหัวโขนที่ตัวเองสวมอยู่แล้วล่ะก็ เกรงว่าเมืองนี้จะไม่มีที่ยืนสำหรับโจวเย่นชิวคนนี้อีกต่อไป”

เขาไม่ใช่คนโง่ !

ด้วยภูมิหลังที่เฉินตงมี และด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ที่ไม่อาจพึ่งพิงเฉินเทียงเซิงและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้อีก

การที่จะเขี่ยเขาให้กระเด็กออกไปจากเมืองนี้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก !

บทที่ 151 พี่ใหญ่ ? !

ขณะที่มีเสียงปรากฏขึ้น

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจ และหันมองตามที่มาของเสียง

มือของฟ่านลู่เองก็หยุดลงเช่นกัน เธอหันมองไปทั้งน้ำตา

คุนหลุนซึ่งอยู่บนพื้น ยิ่งยินดีและตื่นเต้นยิ่งกว่า เขาตะโกนเสียงดัง : “คุณชาย !”

ภายใต้แสงสว่าง มีร่างของคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินมาตามทางของภูเขา

คือเฉินตงนั่นเอง !

เขาตกลงกับกูหลังเอาไว้ว่าจะมาพร้อมกัน แต่ตอนที่มาถึงหมู่บ้านหม่าเถียน กูหลังยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงนำหน้าไปยังที่ทิ้งศพก่อน

ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว การตัดสินใจเมื่อครู่ถือว่าถูกต้องแล้ว !

ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง มือทั้งสองข้างของเขาสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เป็นเพราะแสงสว่างของไฟค่อนข้างจ้า ดวงตาของจึงหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว

สายฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้เขาเปียกปอนไปทั้งตัว

เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ร่างกายแผ่ซ่านรังสีของความอำมหิตออกมา

“แกคือคนที่รับโทรศัพท์เมื่อกี้หรือ ?”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างแรง : “โธ่เว้ย มาได้ตรงเวลาจริงๆ ขัดจังหวะสนุกของเราหมด”

พูดจบ เขาหันไปมองฟ่านลู่ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว และรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก

จากนั้นเขาก็หันไปตะคอกเฉินตงว่า : “ไหนล่ะเงินห้าล้าน ?”

“ไม่ได้เอามา”

เฉินตงยกยักไหล่ของเขาพร้อมกับมีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เปรี้ยง !

พวกของชายวัยกลางคนเมื่อได้ยิน ก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้น สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ดูดุร้ายขึ้นในทันที เขาจ้องตาเขม็ง : “แกอยากตายหรือยังไง ? ฉันให้แกเอาเงินห้าล้านมาเพื่อชดใช้ความผิดและแสดงความขอโทษ หรือแกอยากจะเห็นพวกมันตาย ?”

หลังจากพูดจบ

ลูกสมุนที่อยู่โดยรอบอีก 12 คน ก็พุ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงทันที

“เหอะ……พวกเศษสวะอย่างพวกแก มีสิทธิ์อะไรที่จะให้ฉันไปขอโทษ ?”

เฉินตงจ้องตาเขม็ง ดวงแววตาที่อำมหิต

ทันใดนั้นเอง เขาเหมือนเสือที่เพิ่งกระโจนออกจากถ้ำ ใช้เท้าเตะโคลนที่อยู่ใต้เท้า แล้วสะบัดโคลนใส่หน้าลูกสมุนสองคนที่อยู่ใกล้ตนเองมากที่สุด

จากนั้น เขาก็พุ่งเข้าใส่ในทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทำให้ฟ่านลู่ตกใจจนกรีดร้องออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงรีบกลับไปหลบอยู่ข้างๆ คุนหลุนอย่างรวดเร็ว เธอกอดคุนหลุนเอาไว้แน่น เพราะเกรงว่าก่อนต่อสู้จะบานปลายมาถึงตัวคุนหลุน

“ไม่ ไม่เป็นไร ฝีมือระดับคุณชาย สามารถรับมือพวกสวะพวกนี้ได้สบาย !”

คุนหลุนยกมือขึ้น แล้วตบหลังฟ่านลู่เบาๆ แล้วพูดด้วยความปวดใจ : “ทำไมคุณถึงโง่อย่างนี้ ? ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วย !”

ฟ่านลู่ไม่ตอบอะไร เอาแต่ร้องไห้เงียบๆ

“โอ๊ย !”

ลูกสมุนคนหนึ่งถูกเฉินตงเตะเข้าตรงกระดูกซี่โครงจนหัก แล้วเตะกระเด็นออกไป

เฉินตงยังไม่คิดที่จะหยุด เขาพุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้พุ่งตรงเข้าไปหาลูกสมุนตัวเล็กๆ อีกคนหนึ่ง

เขาไม่เคยคิดจะชดใช้ ขอโทษหรือสร้างความสมานฉันท์กับพวกเศษสวะที่สามารถขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของผู้อื่นได้พวกนี้

ต่อให้ต้องเจรจากับคนพวกนี้จริงๆ อย่างน้องก็คงต้องให้คนพวกนี้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นก่อน ถึงจะยอมพูดคุยด้วย !

เฉินตงซึ่งได้รับการฝึกฝนร่างกายมาจากคุนหลุน ไม่ว่าจะด้านพละกำลังของร่างกายหรือด้านทักษะการต่อสู้ พวกสมุนตัวเล็กๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางเทียบชั้นได้

ในการต่อสู้ เฉินตงหลบหลีกและพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เขาปล่อยหมัดที่แข็งแกร่งราวกับสายฟ้าฟาดลงบนตัวของลูกสมุนทุกคนเหมือนเป็นการทักทายอย่างซึ่งหน้า

เพียงเวลาสิบกว่าวินาที มีหกคนจากสิบสองคนที่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

ทั้งหกคนนอนจมอยู่ในโคลน แล้วร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด

หากไม่ใช่ขาหักแขนหัก ก็กระดูกซี่โครงหัก ไม่มีใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว ทำให้หมดสภาพที่จะสู้ต่อ

ทันในนั้น คุนหลุนที่จับตาดูการต่อสู้มาโดยตลอด ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา

เฉินตงสามารถจัดการกับคนหกคนได้ภายในเวลาเพียงแค่สิบกว่าวินาที ทำให้การต่อสู้หลังจากนี้ ไม่น่าวิตกกังวลอีกต่อไป

ทันใดนั้นเอง รูม่านตาของคุนหลุนหดลงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

“คุณชาย ระวัง !”

เปรี้ยง !

ราวกับเสียงฟ้าผ่าทะลุผ่านอากาศลงมา

ย่า !

มีแสงสะท้อนส่องเข้าในดวงตาของเฉินตง เป็นแสงที่ฉาบไปด้วยความรู้สึกที่น่ากลัว

ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนพุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเขาถือมีดผีเสื้อที่ฉาบไปด้วยลำแสงเย็นเยือกที่น่ากลัวเอาไว้ มีดพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา !

“แกตายซะเถอะ !”

เฉินตงหน้าถอดสี เรื่องอันตรายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น เขายกมือทั้งสองข้างไปตรงหน้าอก

ซวบ !

มือขวาของเขาจับใบมีดของมีดผีเสื้อเอาไว้แน่น ความเจ็บปวดแล่นผ่านเข้ามา ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเบิกโพลง

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา

ชั่วพริบตาเดียว

มือซ้ายของเขาก็บีบข้อมือของชายวัยกลางคนเอาไว้แน่นในทันที จากนั้นจึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ แล้วจึงออกแรง

ย่า !

ด้วยแรงที่แข็งแกร่งทำให้กระดูกข้อมือของชายวัยกลางคนหักในทันที

ขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเหมือนกับหมูถูกเชือดอยู่นั้น

เฉินตงก็จับมีดผีเสื้อเอาไว้ แล้วแทงลงไปด้านล่างทันที

สวบ !

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา

มีดผีเสื้อปักลงไปที่ต้นขาของชายวัยกลางคนจนมิดด้าม

ชายวัยกลางคนล้ม “พรึ่บ” ลงไปอยู่ในโคลน ใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

เฉินตงกลับมายืนหยัดอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีเย็นชา

เขาสะบัดเลือดที่ติดอยู่ที่ฝ่ามือด้านขวาออกอย่างลวกๆ แล้วเหลือบตาไปมองลูกสมุนอีกหกคนที่เหลือ

“ถ้าใครอยากจะสู้อีกล่ะก็ ฉันเองก็ยินดีที่จะช่วยทำให้พวกแกพิการเอง !”

ทั้งหกคนหันมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก

“สู้กับมันสิ ฉันบอกให้สู้กับมัน”

ชายวัยกลางคนพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

ตุ๊บ !

เฉินตงเหยียบลงบนมีดที่ปักอยู่ตรงต้นขาของชายวัยกลางคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย : “แกลองเดาดูซิว่าถ้าฉันเหยียบลงไป ขาของแกจะถูกมีดเล่มนี้เฉือนเอาหรือไม่ ?”

ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปาก ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีก

ความเจ็บปวดทำให้เขาเหงื่อไหลไปทั่วตัว เมื่อเห็นแววตาที่น่ากลัวของเฉินตง เขาไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิดว่าเฉินตงจะทำเช่นนี้ได้จริง

เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากคมมีดของมีดผีเสื้อ บาดลึกลงไปในชั้นผิวหนังขงเขาเรียบร้อยแล้ว

ด้วยความรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด ทำให้เขาไม่แม้แต่จะกล้าส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา

เฉินตงค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองทั้งหกคน : “ว่ายังไง ?”

แค่คำง่ายๆ แต่ทำให้รับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่า และแสดงความดูถูกออกมาอย่างชัดเจน

ทั้งหกคนส่ายหัวพร้อมกัน แล้วจึงค่อยๆ เดินถอยหลังไปสามก้าว

เฉินตงหันกลับไปจ้องมองชายวัยกลางคน ใช้มือด้านขวาที่เปื้อนเลือดตบลงไปบนหน้าของชายวัยกลางคน

“ถ้าจะให้ฉันชดใช้หรือว่าขอโทษ ฉันคงไม่มีวันทำ แต่ตอนนี้พี่น้องของฉันกับน้องสาวของฉันถูกพวกนายรังแกหนักขนาดนี้ นายจะต้องคุกเข่าเพื่อขอโทษพวกเขา !”

ชายวัยกลางคนผงะไป เขารู้สึกถึงความอัปยศอดสูอย่างรุนแรง

เขาเม้มปาก ทำทีท่าว่าจะโต้กลับ

แต่จู่ๆ เฉินตงกลับหัวเราะออกมา

เป็นการหัวเราะที่ทำให้คนรู้สึกกลัว

ทำให้ชายวัยกลางคนกลืนคำพูดที่ตนเองจะพูดออกมากลับเข้าไปดังเดิม

จากนั้น

เฉินตงยกมือขึ้นชี้ไปยังหลุมศพที่ถูกขุดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วพูดว่า : “ฉันไม่ได้กำลังปรึกษากับแกอยู่ ถ้าแกไม่ยอมชดใช้ด้วยการขอโทษล่ะก็ ฉันจะจับแกฝังลงไป !”

เฉินตงขู่ด้วยท่าทีที่ไม่แยแสเลยสักนิด

แต่กลับทำให้ความดุร้ายในตัวของชายวัยกลางคนปะทุขึ้นมา

เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น : “ทำไมต้องขอโทษด้วย ? ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่มีทางขอโทษเด็ดขาด ! ถ้าแกฆ่าฉันจริงๆ ล่ะก็ แกเองก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ต่อไม่ได้เหมือนกัน ! พวกพี่ใหญ่ของฉัน จะต้องตามฆ่าแกไปทั่วเมืองอย่างแน่นอน !”

เฉินตงเงียบไป

แต่เจตนาฆ่าของเขายังคงรุนแรงอยู่

แต่ทันใดนั้นเอง

มีร่างร่างหนึ่งวิ่งตรงเขามาจากทางบนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ทุกคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ได้ในทันที

เมื่อร่างคนนี้วิ่งเข้ามาอยู่ภายใต้แสงสว่าง ก็หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน

คนที่มาคือกูหลังนั่นเอง !

ยังไม่ทันที่กูหลังจะเอ่ยปากพูดอะไร

จู่ๆ ชายวัยกลางคนที่อยู่ที่พื้นก็แววตาเป็นประกาย เขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ : “พี่ใหญ่ !”

มุมปากของเฉินตงกระตุก เขาเหลือบมองชายวัยกลางคนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ จากนั้นจึงหันมองกูหลังด้วยความประหลาดใจ

บังเอิญ……ขนาดนี้เลยหรือ ?

กูหลังถูกเฉินตงจ้องมองอยู่ จนทำให้มีเหงื่อไหลออกมาทั่วตัว

เขาเดินตรงเข้ามาหาเฉินตงและชายวัยกลางคนด้วยท่าทีอึดอัดใจ

ชายวัยกลางคนเมื่อเห็นกูหลังก็รู้สึกดีใจราวกับได้เกิดใหม่ เขาหัวเราะออกมาเสียงดังและตะโกนเยาะเย้ยเฉินตง : “นี่ นี่คือหนึ่งในพี่ใหญ่ของฉัน แก แกเสร็จแน่ !”

ทันทีที่พูดจบ

กูหลังหันไปโค้งคำนับเฉินตง : “คุณเฉิน กรุณาฟังผมอธิบายก่อน”

บทที่ 150 เธอยอม เขารอด! เธอไม่ยอม เขาตาย!

ได้ยินเสียงร้องไห้ของฟ่านลู่

เสียงโครมดังขึ้นที่หัวสมองของเฉินตงหนึ่งที พริบตาเดียวสมองก็ว่างเปล่า

กินเวลาไปหนึ่งวินาที เขาจึงได้สติ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าปกคลุมด้วยความเย็นชา กล่าวด้วยเสียงที่ต่ำ “อยู่ไหน?”

เพิ่งจะพูดออกมา ในสายจู่ๆก็ดังขึ้นด้วยเสียงร้องที่เจ็บปวดของฟ่านลู่

ตามมาด้วย เสียงหัวเราะที่ดุร้ายของชายคนหนึ่ง

“ทำร้ายพี่น้องของฉัน ติดหนี้พนันเป็นล้าน อยากให้มันสองคนปลอดภัย ก็รีบเอาเงินห้าล้านมาที่ทิ้งศพท้ายหมู่บ้านหม่าเถียนเพื่อมาขอโทษ”

พรึบ!

เสียงวางสายที่เด็ดขาด

ในห้องนอนที่สลัว เฉินตงนั่งตัวตรง มือขวากำโทรศัพท์เอาไว้ กลับดังขึ้นด้วยเสียงกึกๆกักๆ

หลายวินาทีผ่านไป

เขาลุกขึ้น เดินออกไปนอกห้อง

“แทงน้องชายฉัน ยังอยากจะให้ฉันขอโทษ?” เห่อ~”

ไม่ได้ทำให้ท่านหลงและแม่ตื่น

เฉินตงขับรถโรลส์-รอยซ์ออกไปจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหม่าเถียน

สิ่งเดียวที่ทำในระหว่างทาง ก็คือโทรศัพท์ไปหากูหลัง

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

เฉินตงมาถึงหมู่บ้านหม่าเถียน ได้จอดรถไว้หน้าหมู่บ้าน เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยความมืด

ท้องฟ้าเหมือนหมึกสีดำ

บนท้องฟ้าดำทะมึน ปกคลุมไปด้วยเมฆดำ

ฝนใกล้จะตก

หลังเขาที่ทิ้งศพ ควรจะเต็มไปด้วยความลับและความเศร้าหมองในยามค่ำคืน

แต่ในเวลานี้ ไฟกลับสว่างไสว มุมเต็มไปด้วยผู้คน

มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิง

ในฝูงชน ฟ่านลู่กอดคุนหลุนที่หน้าซีดนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้อย่างหนัก

และตรงท้องของคุนหลุน มีมีดสั้นด้ามหนึ่งเสียบอยู่ เลือดไหลไม่หยุด ย้อมเสื้อของคุนหลุนจนเป็นสีแดง และก็ไหลเต็มพื้น

ไม่ไกลนัก มีป้ายสุสานป้ายหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ดินหลุมฝังศพกองอยู่รอบ ๆ หลุม

ชายร่างผอมมองไปที่คุนหลุนที่อยู่ในอ้อมแขนของฟ่านลู่อย่างตัวสั่น พูดด้วยความกังวล

“พี่ชาย นี่มันจะตายมั้ยเนี่ย?”

เพี้ย!

ชายวัยกลางคนในวัยสามสิบที่อยู่ข้างกายเขา จู่ๆก็ตบหน้าชายร่างผอมไปหนึ่งที แรงตบทำให้ชายร่างผอมล้มลงบนพื้นโดยตรง

“ใครเป็นพี่น้องกับแก?”

ชายวัยกลางคนก้าวไปข้างหน้า และตะโกนอย่างดุเดือด “ทำร้ายพี่น้องของฉัน ถ้าฉันจะฆ่ามันแล้วจะทำไม? ตอนนี้แกไปคิดดูให้ดีๆไอ้หมอนั่นมันจะเอาเงินห้าล้านมาหรือเปล่า!”

ในขณะที่เขาพูด เขาชี้ไปที่หลุมฝังศพที่ถูกขุดไปครึ่งหนึ่ง และพูดด้วยเจตนาฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว

“หากมันไม่มา พวกแกสามคนก็เตรียมตัวลงไปฝังพร้อมกับบรรพชนของพวกแกเลย!”

ชายวัยกลางคนตื่นตกใจกลัว จนไม่กล้าพูดอะไร

เขาเล่นการพนันที่บ่อนของหวางเทียนป้ามานานหลายปี ก็ได้ยินอำนาจที่อยู่เบื้องหลังต่างๆนาๆมาบ้าง

ในใจเขา ไม่สงสัยคำพูดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

ฆ่าคน พวกเขานั้นทำได้จริงๆ!

ชายวัยกลางคนได้ถ่มน้ำลายลงไปบนตัวพ่อของฟ่านลู่ จากนั้นก็หันหลังเดินไปตรงหน้าของฟ่านลู่ นั่งลง

บนใบหน้าที่โหด ปรากฏขึ้นรอยยิ้มที่เย็นชา

“ร้องไห้ ร้องไห้ เอาแต่ร้องไห้ อีทอม หากไม่ใช่เพราะแก พี่น้องของกูก็ไม่ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาล?”

ขณะที่คำรามด้วยความโกรธนั้น ผู้ชายคนนี้ก็ได้ยกมือจะตบไปหน้าของฟ่านลู่

พรึบ!

พริบตาเดียว มือที่ใหญ่ก็ได้มาคว้าข้อแขนของชายคนนี้เอาไว้

ชายวัยกลางคนที่ท่าทีเย็นชา ก้มหน้ามองหน้าคุนหลุน “แก………..กล้าขวางฉันเหรอ?”

“เธอ เป็นผู้หญิงของฉัน”

คุนหลุนที่หน้าซีด มีเสียงแต่ไร้แรง

แต่มือขวาของเขา เหมือนเหล็กที่ยึดข้อแขนของชายวัยกลางคนไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ชายวัยกลางคนขยับไม่ได้

ฟ่านลู่จ้องมองคุนหลุนที่อยู่ในอ้อมแขนพร้อมน้ำตา ค่อยๆเงยหน้าขึ้น จู่ๆสายตาก็เกิดความแน่วแน่

เธอที่กำลังสะอื้น กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ขอร้องละ ได้โปรดปล่อยพี่คุนหลุน………..”

“เสี่ยวลู่……….ฉัน ฉันไม่ต้องการให้ใครมาปล่อย”

ดวงตาของคุนหลุนเปล่งประกายออกมา พยายามสูดลมหายใจเข้า คำรามด้วยความโกรธ: “เมื่อกี้หากไม่ใช่พวแกเล่นสกปรก ฉันไม่มีทางที่จะเป็นแบบนี้”

ความโกรธที่รุนแรง เต็มไปด้วยแรงอาฆาต

เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เขานั้นเป็นทหารรับจ้างสู้รบที่มีฉายาว่าราชาทหาร เป็นปีศาจที่คลานออกมาจากกองศพที่นับไม่ถ้วน

ให้ก้มหัวให้กับศัตรู นั่นถือเป็นการลบหลู่เขาอย่างมาก!

เมื่อกี้ หากไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างพ่อของฟ่านลู่ ถูกคนเหล่านี้ใช้เป็นเหยื่อล่อ ล่อให้ฟ่านลู่มันเป็นตัวประกันแล้วก็ข่มขู่เขา

เขาไม่มีทางที่จะถูกคนเหล่านี้จู่โจมสำเร็จ!

“พี่คุนหลุน พี่ทำเป็นฉันมามากพอแล้ว ฉันไม่สามารถที่จะเป็นตัวถ่วงของพี่อีก ไม่สามารถทำร้ายพี่ได้อีก”

ฟ่านลู่ร้องไห้พูด สายตาที่มองชายวัยกลางคน ยิ่งอยู่ยิ่งแน่วแน่ “ขอร้องแกละปล่อยเขาไป ขอเพียงแกปล่อยเขาไป ฉันยอมทุกอย่าง!”

น้ำเสียงที่เศร้า กลับแน่วแน่มาก

อยู่ในความมืดมนตั้งแต่เล็กจนโต จนกระทั่งมาเจอกับคุนหลุน ฟ่านลู่ถึงรับรู้ได้ถึงแสงสว่าง

ทุกสิ่งอย่างในคืนนั้น ทำให้ฟ่านลู่สัมผัสถึงความรู้สึกที่มีที่พึ่งและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทั้งหมด ทำให้ฟ่านลู่นั้นหัวใจสลายแล้วจริงๆ

บางที……..ชั่วชีวิตนี้ของฉันคงไม่อาจที่จะหลบหนีเคราะห์กรรมนี้ได้มั้ง?

นี่คือสิ่งที่ฟ่านลู่คิดในใจ

เธอถูกชีวิตแบบนี้ทรมานจนจะไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถที่จะทนดูคุนหลุนต้องตกลงไปในกองไฟนี้พร้อมกับเธอ ถึงขึ้นต้องเสียชีวิต

“ยอมทุกอย่าง?”

ชายวัยกลางคนยิ้มๆ ลุกขึ้นมา มองไปพี่น้องที่อยู่รอบๆ ยิ้มด้วยสีหน้าที่หื่นกาม “หน้าตาเธอนั้นไม่เลว ไม่แปลกที่พวกเทียนป้าจะคิดไม่ดีกับเธอ คืนนี้ฉันมีพี่น้องทั้งหมดสิบสองคน รวมฉันเป็นสิบสามคน ก็แค่นี้”

น้ำเสียงที่เย็นชาของชายวัยกลางคนค่อยๆดังขึ้น ได้ชี้ไปที่คุนหลุน

“เธอยอม เขารอด เธอไม่ยอม เขาตาย!”

โครม!

เมฆดำที่สะสมมานาน ในที่สุดก็ท่วมท้น

แสงฟ้าแลบฉีกท้องฟ้ายามค่ำคืนออกจากกัน

“ไม่ เสี่ยวลู่…….อย่าตกลงนะ ฉัน ฉันไม่ต้องการให้เธอช่วย………”

คุนหลุนตื่นตระหนก พยายามที่จะลุกขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเพราะเสียเลือดมาก แรงนั้นได้หมดไปนานแล้ว ได้ล้มลงไปที่อ้อมแขนของฟ้านลู่อีกครั้ง

“พอแล้ว! พี่คุนหลุน ฉันไม่คู่ควร!”

ฟ่านลู่ตะโกนพูด จากนั้นก็ยิ้มเศร้าๆ “ได้ ฉันตกลง”

โครม!

ท้องฟ้ายามค่ำคืน ฟ้าก็ได้แลบขึ้นมาอีกครั้ง

ฝนก็ได้โปรยปรายลงมา

ร่างกายที่แข็งแรงของคุนหลุนสั่นเทา ตามด้วยเสียงฟ้าร้อง หัวสมองของเขาก็ดังขึ้นด้วยเสียงโครม

เวลานี้ ในสายตาของเขา มีเพียงรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยของฟ่านลู่

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมีดปัก ความเจ็บปวดที่แหลมคม

รอบ ๆ ชายวัยกลางคนและพี่น้องของเขาต่างก็หัวเราะขึ้นมา

เสียงหัวเราะนั้นน่ารังเกียจ และบ้าบิ่น

และพ่อของฟ่านลู่นั้น กลับล้มอยู่บนพื้น หดตัวเป็นก้อน ไม่แม้กระทั่งที่จะกล้าหายใจแรง ขี้ขลาดเหมือนหมาแก่

ภาพนี้ อยู่ในสายตาของฟ่านลู่ สายตาของเธอนั้นโกรธแค้นอย่างมาก “ชาติหน้า ต่อให้ฉันต้องเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่ขอเป็นลูกสาวของพ่ออีก”

“ไม่ ไม่นะ………เสี่ยวลู่”

คุนหลุนยกมืออย่างอ่อนแรง จับข้อแขนของฟ่านลู่เอาไว้ ส่ายหัวอย่างหวาดกลัว

ปีศาจนับรบที่ดุร้ายในสนามรบ เป็นครั้งแรกที่แสดงท่าทีที่หวาดกลัวแบบนี้ออกมา

เขากล่าวอย่างอ่อนแรง “เดี๋ยวคุณชายก็มา เขาต้องมาอย่างแน่นอน เขา เขาต้องมาช่วยพวกเรา………..”

“ขอโทษด้วย พี่คุนหลุน”

ฟ่านลู่ยิ้มอย่างเศร้าๆ ค่อยๆลุกขึ้น

ภายใต้การจ้องมองของทุกคนและแสงไฟ เธอค่อยๆยกมือขึ้น พร้อมน้ำตาที่ไหลริน และค่อยๆปลดกระดุมเสื้อ …

คุนหลุนที่อยู่บนพื้นโกรธจนลูกตาจะถลนออกมาแล้ว ความโกรธได้ลุกเหมือนไฟ

เขาอยากจะลุกขึ้น อยากปกป้องฟ่านลู่ให้ไปอยู่ด้านหลังของเขา

แต่เขาในเวลานี้ ไม่สามารถที่จะทำได้!

ครู่เดียว กระดุมเสื้อก็ถูกปลดหมด ในขณะที่ฟ่านลู่จะถอดเสื้อออกนั้น

น้ำเสียงที่เย็นชา แฝงไว้ด้วยความตำหนิ ดังมาจากถนนบนเขาที่ไม่ไกลนัก

“ยัยเด็กโง่ คุนหลุนก็บอกว่าคุณชายอย่างฉันจะมา คุณชายอย่างฉันจะยอมทอดทิ้งน้องชายและน้องสาวเหรอ?”

บทที่ 149 ขุดหลุมศพของบรรพชน?

สายลมเบาๆและแสงแดดที่อบอุ่น

ทางเดินเล็กๆ มวลดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง

เฉินตงที่นอนพักไปสองชั่วโมง ได้มาฝึกฝนวิชาปีศาจกับคุนหลุนแต่เช้า

ไม่ใช่เพราะเขาไม่ง่วง

แต่เขานั้นเข้าใจว่าตัวเองยังห่างจากผู้เก่งกาจเหล่านั้นของตระกูลเฉิน อยากจะชนะ นอกจากทุ่มเทเต็มร้อย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเลย

นี่คือคติประจำใจที่เขาใช้มาตั้งแต่เล็กจนโต

เงยหน้ามองภูเขา ก้มหน้าเดิน พยายามให้เต็มที่ นอกเหนือจากนั้นก็แล้วแต่สวรรค์

เมื่อฝึกฝนเสร็จ เขาที่เหงื่อท่วมตัวก็นั่งหมดแรงอยู่ตรงเก้าอี้สวนสวนสาธารณะ หายใจหอบ

การฝึกปีศาจหนึ่งรอบลงมา ทำให้เขาใช้พลังเกือบหมดตัว

แต่นี่คือจุดประสงค์ในการฝึกของเขา มีเพียงแต่ขั้นตอนการฝึกที่ใช้พลังมากในครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายถึงจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

คุนหลุนก็เหงื่อท่วมตัวเหมือนกัน เพียงแต่ท่าทางนั้นดีกว่าเฉินตงมาก

ร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่า กล้ามเนื้อที่เหมือนดั่งทองสัมฤทธิ์ ถูกส่องด้วยแสงอาทิตย์ เหมือนมันกำลังเปล่งประกาย

“คุณชาย……..” จู่ๆคุนหลุนก็เอ่ยปากขึ้น

เฉินตงเลิกคิ้ว มองไปที่คุนหลุน

คุนหลุนลังเลไปหลายวินาที แล้วกล่าว “ผมอยากจะช่วยฟ่านลู่”

จู่ๆเฉินตงก็ยิ้มขึ้นมา

คุนหลุนก็ส่ายหัว “ไม่ ผมหมายความว่า ผมอยากจะให้ครอบครัวกับเธอ ครอบครัวที่ไม่มีญาติมาเป็นตัวถ่วง”

ตัดขาดจากครอบครัว?

เฉินตงขมวดคิ้วขึ้นมา เรื่องนี้ “ฟ่านลู่ว่ายังไงบ้าง?”

เขาไม่มีเคยเจอเรื่องแบบฟ่านลู่ และก็ไม่เคยรู้สึกว่าถูกญาติพี่น้องถ่วงความเจริญ

แต่เมื่อรู้อดีตของฟ่านลู่แล้ว ก็ไม่มีความสงสัยเลย ฟ่านลู่นั้นถูกพ่อที่ใจร้ายของเธอถ่วงความเจริญของเธอจริงๆ

ตามหลักแล้ว หากฟ่านลู่นั้นตัดขาดจากพ่อที่ใจร้าย มันเป็นวิธีการปกป้องฟ่านลู่ที่ดีที่สุด

แต่มันเกี่ยวพันกับครอบครัว มันไม่ใช่สิ่งที่เหตุผลจะชี้ขาดได้?

เธอได้ตัดสินใจแล้ว

คุนหลุนกล่าวด้วยแววตาที่แน่วแน่

“มีอะไรต้องการให้ฉันช่วยมั้ย?”

เฉินตงไม่มีความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ถามอย่างตรงๆ

ไม่ว่ายังไง ในฐานะพ่อ เพื่อต้องการใช้หนี้ กลับมัดลูกสาวตัวเองไว้บนเตียง ให้เจ้าหนี้มาหาความสุข ความสัมพันธ์แบบนี้ ฟ่านลู่ตัดสินใจแบบนี้ ไม่มีอะไรน่าตำหนิ และก็ไม่น่าแปลกใจอะไร

“ตอนนี้ยังไม่มีครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ ควรจะต้องบอกคุณชายก่อน”

เฉินตงพยักหน้า “งั้นนายก็ไปช่วยฟ่านลู่จัดการละกัน มีอะไรที่ต้องให้ฉันช่วยเหลือ พูดออกมาได้เลย คนบ้านเดียวกันอย่าปิดบังกัน”

พักผ่อนพอประมาณแล้ว เฉินตงก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่บ้าน

เหลือคุนหลุนไว้ ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิมด้วยความงุนงง บ่นพึมพำ “คนบ้านเดียว………….”

ภายใต้แสงแดด ใบหน้าของคุนหลุนปรากฏด้วยรอยยิ้มที่สดใส

จากนั้นก็ก้าวตามเฉินตงไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากทานอาหารเช้า เฉินตงก็ได้ไปที่บริษัทไท่ติ่ง

วันนี้ราคาบ้านของฝั่งตะวันตกขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ไท่ติ่งต้องทำรอให้มันสะสม หมักหมมได้ที่ก่อน ได้เวลาที่เหมาะสม ยกเลิกข้อ จำกัดในการซื้อ แล้วขายทั้งหมด

ดังนั้นงานในมือของเขาน้อยลงไปมาก

หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ราคาบ้านฝั่งตะวันตกยังคงได้รับความเปลี่ยนแปลงและราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทชิงหยิ่นกับยี่เคอ กรุ๊ปเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวลาเดียวกัน ทำให้คนในเมืองแทบคลั่ง

แม้ก่อนหน้านี้ราคาที่อยู่อาศัยจะทรงตัวและดิ่งลง แต่ก็ยังไม่แสดงสัญญาณของการลดลง และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พนักงานทุกคนของไท่ติ่งทุกคน ท่ามกลางความวุ่นวายของราคาที่บ้านที่สูงขึ้นนี้ ทุกคนมีแรงจูงใจอย่างเต็มที่ มีขวัญกำลังใจในการทำงานอย่างสูง

ทุกวันเวลาเข้างาน สิ่งที่เพื่อนร่วมงานคุยกันมากที่สุด ก็คือราคาบ้านเพิ่มขึ้นมากี่เปอร์เซ็นต์!

ภายใต้การควบคุมโดยเจตนาของเฉินตง โครงการทั้งสี่โครงการยังคงขายได้ห้าสิบหลังต่อวัน

ทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่ามันเงียบสงบมาก คล่องตัวไปหมด

ในคืนนี้

หลังจากยุ่งมาทั้งวันเฉินตงก็กลับถึงบ้าน

สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ แม่ของเขานั้นไม่อยู่บ้าน

เวลานี้เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว แม่จะไปไหนได้นะ?

ถามท่านหลงกับฟ่านลู่แล้ว ก็ได้คำตอบที่ไม่รู้อะไรเลย

เฉินตงก็ไม่ได้สงสัยต่อ แม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว อาจจะเพราะอารมณ์ดีก็เลยไปเดินเล่น ก็ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร

เหมือนกับเรื่องของฟ่านลู่ เปอร์เซ็นต์จะเกิดในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน เกิดขึ้นได้น้อยมาก

หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จ เฉินตงได้เรียกคุนหลุนขึ้นไปที่ดาดฟ้าพร้อมกัน

ลมโชยไปมา เฉินตงถามขึ้น “เรื่องของฟ่านลู่ จบหรือยัง?”

“ถือว่าจบแล้วมั้ง”

คุนหลุนรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ “ให้เงินพ่อเธอไปสองล้าน ตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง”

เฉินตงพยักหน้า ก็ไม่ได้ถามต่อ

สองล้านไม่ถือว่าเยอะ แต่สำหรับพ่อของฟ่านลู่แล้ว มันเป็นเหมือนเงินที่ช่วยชีวิต!

นักพนันที่ถูกเจ้าหนี้บีบบังคับจนหมดหนทาง ไม่สามารถคาดหวังว่าเขาจะยึดมั่นในคำพูด

เพียงแต่ น้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจของเฉินตง ทำให้เฉินตงนั้นเข้าใจ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวมันไม่สามารถที่จะตัดกันง่ายๆ

ทันใดนั้น

“พี่คุนหลุน!”

เสียงตะโกนเรียกของฟ่านลู่ ทำให้เฉินตงกับคุนหลุนหันหน้ากลับไปพร้อมกัน

ฟ่านลู่ที่แก้มแดง วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก จับแขนของคุนหลุนเอาไว้ “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องกับพ่อฉันแล้ว!”

เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย

น้ำเสียงของเฉินตงกลับต่ำลง “เธอได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? ต่อไปหากเขาติดหนี้อีก ก็จะไม่เกี่ยวกับเธอ”

คำพูดที่ตรงๆ นั้นกำลังเตือนสติฟ่านลู่

ภาพเมื่อสองสามวันก่อน ทำให้คุนหลุนโกรธอย่างบ้าคลั่ง

เขาไม่สงสัยเลย หากคืนนั้นไปช้าเพียงก้าวเดียว ชีวิตของฟ่านลู่ก็คงถูกเขียนรูปแบบใหม่

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น”

ฟ่านลู่รู้สึกกังวลพร้อมกับน้ำตาคลอ “พ่อของฉันไม่เพียงแต่เสียเงินที่คุณให้ไปเท่านั้น แต่ยังติดหนี้เพิ่มอีกหนึ่งล้านกว่าหยวน ตอนนี้คนกลุ่มนี้มาทวงหนี้จากเขา พวกเขาต้องการบังคับให้ฉันไป จึงจะขุดหลุมศพของคุณปู่และคุณย่าของฉัน! ”

โครม!

คำพูดที่เหมือนสายฟ้า

เวลานี้ แม้แต่สีหน้าของเฉินตงก็ยังมืดมนลง

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ควรเหลือหนทางไว้ให้ตัวเองบ้าง อย่าให้มันเกินไป

คนพวกนั้นเพื่อต้องบีบให้คุนหลุนกับฟ่านลู่ปรากฏตัว ถึงขนาดไปขุดหลุมศพของบรรพชน?

นี่ไม่แม้แต่จะให้ความสงบสุขแก่บรรพชนเลยเหรอ?

“ไป!”

ขณะนี้คุนหลุนก็ได้จับมือของฟ่านลู่วิ่งลงบันไดไป

มองดูทั้งสองคนที่จากไป เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น บ่นพึมพำ “ คนพวกนี้ ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ ขุดหลุมฝังศพของบรรพชนเป็นเรื่องขาดคุณธรรมอย่างมาก ครั้งที่แล้วพวกเขายังไม่เข็ดกับการสั่งสอนของคุนหลุนอีกเหรอ?”

ส่ายหัว เฉินตงก็ลุกขึ้นเดินลงไปด้านล่าง

เมื่อมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นแม่กลับมาพอดี

“แม่ครับ ดึกป่านนี้ไปไหนมาครับ?” เฉินตงยิ้มพร้อมกับถาม

เป็นเพียงคำพูดที่ห่วงใยธรรมดาคำพูดหนึ่ง แต่เมื่อเขานั้นเห็นท่าทีของแม่แล้ว หัวใจก็รู้สึกหน่วงๆ

สีหน้าของหลี่หลานนั้นแปลกมาก มีความหดหู่เล็กน้อย และเห็นได้ถึงความอ่อนเพลีย

เธอตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วยิ้มๆ “ออกไปเดินเล่นมา แม่กลับห้องไปนอนก่อนแล้วนะ ตงเอ๋อลูกก็พักผ่อนแต่หัวค่ำละ อย่าเหนื่อยมากนัก”

ขนาดที่พูด หลี่หลานก็เดินผ่านร่างของเฉินตงไปโดยตรง เดินขึ้นไปนอน

ไปเดินเล่นเท่านั้น?

เฉินตงขมวดคิ้วอยู่ที่เดิม กับแม่ที่พึ่งพากันมายี่สิบกว่าปี แม้อยู่ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด แม่ก็จะยิ้มให้เขาเสมอ

แต่ท่าทีของตอนนี้ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน!

ลังเลไปครู่หนึ่ง เฉินตงก็หันกายเดินไปห้องนอนของท่านหลง เพื่อให้ท่านหลงคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของแม่แต่ตัวเอง

เมื่อกลับถึงห้อง เฉินตงก็เอียงกายนอนลงบนเตียง หัวสมองยังคงรอบล้อมไปด้วยท่าทีที่ประหลาดของแม่เมื่อกี้ คิดไปคิดมา

เวลานี้ โทรศัพท์จู่ๆก็ดังขึ้น

เป็นฟ่านลู่ที่โทรมา

หรือว่าจะเกิดเรื่อง?

เฉินตงคำนวณเวลา ตอนนี้เฉินตงกับฟ่านลู่น่าจะเพิ่งไปถึงหมู่บ้านหม่าเถียน

เพิ่งจะรับสาย

ในสายก็ดังขึ้นด้วยเสียงร้องไห้ที่หวาดกลัวของฟ่านลู่

“ฮืมๆ……..คุณ คุณเฉิน……พี่คุนหลุนถูกแทง!”

บทที่ 148 อดีตของฟ่านลู่

รถโรลส์รอยซ์กำลังเล่นอยู่บนท้องถนน

เฉินตงขับรถอย่างเงียบๆ ท่านหลงนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ

คุนหลุนที่กอดฟ่านลู่ไว้แน่นๆนั่งอยู่ข้างหลัง ปลอบโยนด้วยเสียงที่อ่อนโยน

น้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้คนนั้นจินตนาการได้ยากมาก ท่าทางกระหายเลือดที่คุนหลุนแสดงออกมาเมื่อกี้

ฟ่านลู่ขดตัวอยู่ในอ้อมอกของคุนหลุน น้ำตานองหน้า

บางทีอาจจะเพราะร้องไห้จนเหนื่อย ไม่มีเสียงแล้ว มีเพียงน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด

และสองมือของเธอ กลับจับแขนเสื้อของคุนหลุนไว้อย่างแน่นๆ

ท่านหลงเห็นภาพจากหน้าจากกระจกหลัง มุมปากก็มีรอยยิ้ม

“แก่แล้วไม่รู้จักอาย”

เฉินตงหัวเราะ ก็ได้ปรับกระจกหลัง

จากนั้นเขาก็กดแผ่นกั้นด้านหน้าและด้านหลังลง โดยแบ่งแยกให้เป็นโลกส่วนตัวของเขาสองคน

ท่านหลงเลิกคิ้ว “ดูหน่อยก็ไม่ได้เหรอ?”

“คุณกำลังสอดแนมความเป็นส่วนตัวของคนอื่น” เฉินตงกลอกตาใส่เขา “คุณไปหาผู้หญิงอายุเจ็ดถึงแปดสิบปีมาหนึ่งคน แล้วผมก็เฝ้ามองอยู่ข้างๆ คุณจะขยะแขยงมั้ย?”

ท่านหลงยิ้มอย่างเหยียบหยาม “กระผมนั้นชอบอายุสิบแปด”

ความตลกนี้ ทำให้ความโกรธที่กดทับไว้ในใจของเขาทั้งสองคนผ่อนคลายลง

ท่านหลงยิ้มๆ กลับหันหน้าไปทางเฉินตง ตบที่บ่าของเฉินตงเบาๆ ชี้ไปที่ด้านหลัง

เห็นได้ชัด เพื่อจะถามว่าจะจัดการกับเรื่องของฟ่านลู่ยังไง?

เฉินตง ยิ้มๆ “เธอนั้นเป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่ผม”

ท่านหลงพยักหน้า ไม่ถามต่อ

กลับมาถึงในเมือง

เป็นเวลาตีสามแล้ว

เฉินตงนั้นไม่ได้กลับไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานทันที

แต่ได้หาร้านกาแฟที่ใกล้ๆ

เขาไม่มีทางที่จะทิ้งฟ่านลู่ แต่เรื่องบางเรื่อง ตอนนี้ควรที่ถามให้ละเอียดชัดเจน

เพียงแต่ เขาก็ได้โทรแม่ก่อน เพื่อรายงานความปลอดภัยแล้ว

ในสาย ได้ยินว่าหาตัวฟ่านลู่เจอแล้วนั้น น้ำเสียงของหลี่หลานฟังออกว่าโล่งใจแล้ว กำชับให้รีบกลับบ้าน

ในร้านกาแฟ เงียบสงบมาก

ดวงไฟไม่กี่ดวง ทำให้ร้านดูสลัวๆ

เวลานี้เป็นเวลาใกล้รุ่งแล้ว แต่ยังคงมีคนสองสามคนนั่งมุมต่างๆของร้าน เสพสุขกับบรรยากาศที่เงียบสงบยามกลางคืน ใส่หูฟังไว้ทำงานอย่างเงียบๆ อารมณ์ของฟ่านลู่ได้สงบลงมาบ้างแล้ว

ถือถ้วยกาแฟที่ร้องๆ พิงอยู่ในมุมกำแพง

เธอในเวลานี้ ตานั้นบวมมาก หน้าก็ซีดเล็กน้อย

ภาพนี้ ทำให้เฉินตงสามคนมองแล้วรู้สึกสงสารจับใจ

พูดตามจริง หน้าตาของฟ่านลู่นั้นไม่ได้แย่ แม้ว่าจะเทียบรูปลักษณ์ที่งดงามอย่างกู้ชิงหยิ่งไม่ได้ แต่ก็ถือว่าสวยสดใส

ปกติที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ฟ่านลู่ก็สดใสร่างเริงเป็นประจำ

แต่ตอนนี้ กลับเหมือนมะเขือที่ถูกลูกเห็บตกใส่ แววตามืดมน

“ฮู้……..ขอบคุณคุณเฉิน ท่านหลงและพี่คุนหลุน”

ในที่สุด ฟ่านลู่ก็เป็นคนคลายความเงียบที่อยู่บนโต๊ะ เธอยิ้มเล็กน้อย “หากไม่มีพวกคุณ วันนี้ฉันคงตายไปแล้ว”

การตายนี้ มันไม่ใช่การตายแบบนั้น

กลับน่ากลัวยิ่งกว่าความตาย

“เธอเป็นคนของเรา ทำไมต้องขอบคุณ?” เฉินตงยิ้มๆ

ฟ่านลู่ก้มหน้าลง จากนั้นก็ค่อยๆเล่าเรื่องของตัวเองขึ้นมา

เฉินตงทั้งสามคนนั่งฟังอย่างเงียบๆ

ที่แท้ ชีวิตวัยเด็กของฟ่านลู่ เพราะว่าพ่อเป็นผีพนันและขี้เมา เมื่อแพ้พนันเมื่อดื่มเหล้า ก็จะทำร้ายแม่ของเธอ แม่ของเธอทนไม่ไหว จนทิ้งฟ่านลู่เอาไว้ แล้วหนีไป

หลังจากที่แม่ไปแล้ว พ่อก็เอาความผิดทั้งหมด มาลงที่ตัวของฟ่านลู่

ตั้งแต่เล็กจนโต ฟ่านลู่นั้นมีชีวิตอยู่ในเงามือของพ่อ แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ต่อความหวังในอนาคต เธอมีความเชื่อว่าขอเพียงพยายาม สุดท้ายก็จะสามารถเห็นแสงสว่าง

ความจริงก็ไม่ได้ผิดต่อความพยายามของเธอ พ่อที่เอาแต่เล่นพนันดื่มเหล้า แต่คนในหมู่บ้านก็ช่วยกันส่งเสียเธอเรียน ตอนอายุสิบขวบ ในโรงเรียนคัดเลือกนักกีฬาเพื่อไปฝึก

ฟ่านลู่โชคดีมากที่ถูกเลือกเป็นนักกีฬาชกมวยสากล เธอพยายามทีละขั้น เหมือนกับหอยทาก ถึงแม้จะช้าแต่ยังคงพยายามคลานไปด้านหน้า

เมื่อเธอเป็นนักกีฬาตัวแทนของเขต แข่งขันหลายครั้ง ก็ได้แชมป์มาทุกครั้ง

เธอเชื่อว่า ความพยายาม จะทำให้มีพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

ตอนที่เธอกลายเป็นนักกีฬาแล้ว พ่อของเธอยิ่งเล่นยิ่งหนัก มีครั้งหนึ่งที่ติดหนี้แล้วไม่ชดใช้ ถูกเจ้าหนี้มาทวง เธอได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำลายอาชีพนักกีฬาของเธอโดยตรง จึงต้องออกอย่างจำยอม

ฟ่านลู่ยังคงไม่ยอมแพ้ ไม่มีความชำนาญอะไรเลย แต่เธอรู้ว่าเธอมีแรง ดังนั้นจึงเข้าไปทำงานในไซต์งานก่อสร้าง ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน มาใช้หนี้แทนพ่อ

เธอกระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนงานมาโดยตลอด ดังนั้นจึงได้มีใบสมัครที่สมัครเป็นพี่เลี้ยงในบริษัทจัดหางาน

โชคดี เธอนั้นถูกเฉินตงเลือก ในที่สุดก็ได้ออกจากไซต์งานก่อสร้าง

แต่เพิ่งจะชีวิตที่มีความสุขได้ไม่กี่วัน ฝั่งพ่อของเธอก็ติดหนี้พนันก้อนใหญ่อีกครั้ง ก็เลยมีภาพที่เกิดขึ้นในคืนนี้

หลังจากพูดจบ หน้าของฟ่านลู่ยิ่งก้มต่ำกว่าเดิมมาก ร่างกายสั่นเทา หยดน้ำตาร่วงลงสู่พื้น

เฉินตงกับคุนหลุน ท่านหลง ล้วนอึ้งกันไปหมด

ฟ่านลู่พูดได้สั้นมาก เพราะจงใจต้องการปกปิดความเจ็บปวด แต่พวกเขายังสัมผัสความรู้สึกนั้นจากคำพูดสั้นๆนี้ได้

ไม่มีที่พึ่ง เจ็บปวด สิ้นหวัง แม้ว่าเขาจะมีชีวิตขึ้นมาจากความสิ้นหวัง แต่พ่อของเขา กลับทำให้เขาเข้าสู่ความมืดในชีวิตอีกครั้ง

เฉินตงที่สายตาลอยไปลอยมา ในเวลานี้ เขาก็คิดถึงภาพที่เห็นฟ่านลู่ครั้งแรก มือของฟ่านเต็มไปด้วยแผลที่หยาบกระด้าง

ฟ่านลู่กับเขาอายุไล่เลี่ยกัน ผู้หญิงคนหนึ่ง กลับต้องบีบตัวเองให้เหมือนผู้ชาย!

นี่…….มันต้องมีความอดทนที่มากแค่ไหน?

“คุณเฉิน………” ฟ่านลู่จู่ๆก็เงยหน้าขึ้น มองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ในแววตาเต็มไปด้วยความกลัว

เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไปเถอะ กลับบ้านแล้ว แม่เราตุ๋นซูปรอเรากลับบ้านแล้ว”

ฟ่านลู่ตัวแข็งทันที ในหัวดังขึ้นด้วยเสียงโครม รีบลุกขึ้นมา โค้งคำนับ “ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณคุณเฉิน……….”

เฉินตงไม่ได้สนใจ เขาได้ส่งสัญญาณให้คุนหลุนพยุงฟ่านลู่ แล้วเขากับท่านหลงก็เดินออกไปจากร้านกาแฟก่อน

ลมกลางคืนที่เย็นเล็กน้อย

ถนนที่ว่างเปล่า

เฉินตงสูดลมหายใจเข้า แล้วหายใจออกมาจนสุด หัวเราะอย่างขมขื่น

“ต่างเป็นคนมืดมนทั้งนั้น ผมเพิ่งจะพบว่า ผมนั้นโชคดีกว่าฟ่านลู่มาก อย่างน้อยผมยังมีแม่ที่ร่วมฝ่าฟันด้วยกัน วิ่งไปหาแสงสว่างโดยไม่ลังเล แต่ฟ่านลู่กลับถูกพ่อเธอถ่วง ทุกครั้งที่จะเห็นแสงสว่าง ก็จะถูกกระชากกลับไปในมุมมืด”

“ชีวิตคนมีหลายร้อยรูปแบบจริงๆ” ท่านหลงก็ถอนหายใจยาวๆ

หลังจากกลับถึงบ้าน

เป็นเวลาตีสี่แล้ว

สิ่งที่ทำให้เฉินตงคิดไม่ถึงก็คือ แม่เขายังไม่ได้นอน

แต่กลับนั่งอยู่ในห้องรับแขก รออย่างเงียบๆ

เมื่อเห็นเฉินตงและคนอื่นกลับมา หลี่หลานที่ตาแดง ลุกขึ้นเดินผ่านเฉินตง วิ่งไปตรงหน้าของฟ่านลู่ พูดอย่างห่วงใย “ไอ้หยา ลูกเอ๊ย วันนี้ทำให้น้าใจหายจริงๆ ไม่เป็นไรใช่มั้ย บาดเจ็บตรงไหนมั้ย?”

เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของฟ่านลู่และเบ้าตาที่บวมแดง หลี่หลานก็มองสำรวจอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า พวกคุณเฉินมาได้ทันเวลา ก็เลยช่วยหนูเอาไว้ได้” แม้ว่าฟ่านลู่จะยิ้ม แต่น้ำตาก็อดไมได้ที่จะไหลลงมา

ไม่ร้องนะ เด็กน้อยไม่ร้องนะ

หลี่หลานได้ช่วยฟ่านลู่เช็ดน้ำตา กอดฟ่านลู่ จากนั้นก็จูงมือไปฟ่านลู่ไปที่ห้องอาหาร “น้าตุ๋นซุปเอาไว้ ยังอุ่นๆอยู่เลย ดื่มให้มันรู้สึกดีขึ้นหน่อยนะ ลูกเอ๊ย วันนี้น้าตกใจจริงๆ หากหนูเกิดเรื่อง น้าจะอยู่ยังไง”

เฉินตงยื่นอึ้งอยู่ที่เดิม บ่นพึมพำ “ท่านหลง คุนหลุน ผมทำไมรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกไปแล้วล่ะ?”

คุนหลุนกับท่านหลงมองสบตากันแล้วยิ้ม

ไม่รอคำตอบ

“ไม่สนแล้ว ไปดื่มน้ำแกงก่อนค่อยว่ากัน ผมจะบอกพวกคุณนะ น้ำแกงที่แม่ผมตุ๋นนั้นอร่อยที่สุด”

เฉินตงบิดขี้เกียจ ยิ้มแล้วเดินไปที่ห้องอาหาร “แม่ ตักให้ผมด้วย”

บทที่ 147 คุนหลุนที่โกรธเหมือนสายฟ้าระเบิด!

เมื่อคุนหลุนมาถึงกลางห้องบ้านดินนั้น

ไอ้ห้าคนที่อยู่ด้านนอก ก็ได้เข้ามาข้างในแล้ว

เมื่อเห็นคุนหลุน ทั้งห้าคนตกใจพร้อมกัน

หัวหน้าเป็นคนที่ใบหน้าเจ้าเนื้อ ชายหัวโล้นที่พุงโต

เขากล่าวด้วยเสียงที่ดุดัน “พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”

“หวางเทียนป้า ไอ้ห่าพวกนี้มันคิดอยากจะแย่หนวดเสือ!”

ชายที่ถูกเฉินตงเหยียบอยู่บนพื้นกล่าวด้วยเสียงแหลม

เฉินตงก้มตัวลง มองชายคนนี้ด้วยสายตาที่บีบคั้น “ไอ้เดรัจฉาน”

เพี้ย!

ตบไปที่บ้องหูอย่างเต็มแรง

พริบตาเดียวก็ทำให้ใบหน้าครึ่งหน้าของชายคนนี้บวมขึ้นมา

และตั้งแต่ต้นจนจบ ฟ่านลู่ยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง แก้มอาบไปด้วยน้ำตา

“เห่อ! แหย่หนวดเหรอ?”

ชายหัวโล้นที่เต็มไปด้วยความหื่น หัวเราะอย่างเย็นชา กล่าวกับคุนหลุน “ไอ้ร่างใหญ่ นายก็ควรจะสืบฉายาของฉันหวางเทียนป้าก่อนนะ ไอ้ฟ่านสวะคนนี้มันติดหนี้ฉันห้าแสน ฉันพาลูกน้องมานอนกับลูกสาวมันหนึ่งคืนเพื่อใช้หนี้ พวกมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก”

ขณะที่พูด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ยกมือก็มาผลักคุนหลุนทันที

“ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นก็อยู่ดูพี่น้องของแสดงหนังให้พวกแกดู”

ในขณะที่มือของชายหัวโล้นสัมผัสไหล่ของคุนหลุน

คุนหลุนโมโหทันที

แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

ทันทีทันใด

เขายกศอกขาวขึ้นมา ศอกด้วยความแรงทันที

ตู๊ม!

ดังขึ้นด้วยเสียงอู้อี้

มาพร้อมกับเสียงกระดูกหัก.

“อ้า!”

หวางเทียนป้าหน้าเปลี่ยนสีทันที ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือด เดินโซซัดโซเซ ตาที่เหมือนจะถลนออกมาได้มองไปที่แขนขวาของเขา

แขนกลายเป็นส่วนโค้งงอที่แปลก ๆ กระดูกสีขาวแทงทะลุผิวหนัง ลอยอยู่กลางอากาศ เลือดหยดแหมะๆ สหยดสยองน่ากลัว

ลงมืออย่างเด็ดขาด พริบตาเดียวทำให้พี่น้องทั้งสี่คนของหวางเทียนป้าตกตะลึงกันทุกคน

ในบ้าน ดังสะท้อนไปด้วยเสียงร้องที่โหยหวนเหมือนถูกหมูเชือดของหวางเทียนป้า

คุนหลุนก้าวเดินไปข้างหน้า เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น “ฟ่านลู่ เป็นผู้หญิงของฉัน ดูถูกผู้หญิงของฉัน พวกแกมันสมควรตาย!”

“ซ้อมมันเลย เอามันให้ตายไปเลย!”

ภายใต้ความเจ็บที่แสนสาหัส หวางเทียนป้ายังตะโกนพูด

และแล้ว

ยังไม่ทันที่ทั้งสี่พี่น้องเดินขึ้นมาด้านหน้า

ร่างสูงตระหง่านของคุนหลุนราวกับหอคอยเหล็กก้าวเดินมาอย่างอุกอาจ และพุ่งเข้าไปทำลายพวกเขาต่อหน้าโดยตรง

ตุ๊บตั๊บ!

หมัดเหล็กที่เหมือนค้อน ได้จู่โจมหวางเทียนป้าที่แขนหักจนกระเด็นออกไป

หลังจากนั้น คุนหลุนก็ขยับตัว โบกมือเหมือนเสือกระหายเลือด วิ่งเข้าไปในฝูง

วัยรุ่นสี่คนนั้นถือว่าตอบสนองเร็ว ได้กำหมัดจู่โจมเข้าหาคุนหลุน

แกระ

แกระ

แกระ

แกระ

สั้นๆเพียงไม่กี่วินาที เสียงกระดูกหักดังติดต่อกันสี่ครั้ง

วัยรุ่นสี่คนหน้าซีดในเวลาเดียวกัน ร้องถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

ไม่มีใครรอดไปได้เลย แขนของทุกคนล้วนกลายเป็นรูปโค้งงอ กระดูกร้าว ทะลุผิวหนัง เลือดไหลแหมะๆ

ร้องโหยหวนเหมือนเสียงฆ่าหมู พริบตาเดียวดังสะท้อนไปทั่วบ้าน

คร่ำครวญเหมือนคนพลัดถิ่น ไม่มีอะไรที่น่าสังเวชไปกว่านี้แล้ว

ในบ้าน

เฉินตงยิ้มอย่างดูถูก ส่ายหัวเบาๆ

อันธพาลทั้งห้าคน อวดเก่งต่อหน้าคนธรรมดานั้นได้ แต่ต่อหน้าคุนหลุนที่รอดพ้นมาจากความตายแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงมือเลยด้วยซ้ำ!

ชายที่นอนอยู่บนพื้นอึ้งไปอย่างแท้จริง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

คน คนเหล่านี้มาจากไหนกันเนี่ย?

โหดเหมือนปีศาจเลยจริงๆ!

แท้จริงแล้ว คุนหลุนนั้นเป็นปีศาจจริงๆ

เป็นทหารรับจ้างต่อสู้ในสมรภูมิ คลานออกมาจากกองศพนับครั้งไม่ถ้วน ได้สมญานามราชาแห่งทหาร ไม่ใช่ปีศาจแล้วจะคืออะไร?

“ไอ้สวะ แกมาจากไหนกันแน่? ทำไมถึงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น?”

หวางเทียนป้าเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่คุนหลุนก็ได้ลงมือหักแขนลูกน้องสี่คนของเขา ทำให้เขาตกใจจนเสียสติ “ห้าแสน มันเป็นเงินที่ไอ้ฟ่านติดกู มันเป็นสิ่งที่เราตกลงกันแล้ว เกี่ยวอะไรกับแก!”

“เห่อ!”

คำพูดเยาะเย้ยกระหายเลือดปรากฏอยู่ที่มุมปากของคุนหลุน ร่างสูงตระหง่านก้าวเท้ามาอย่างช้าๆ ตกลงกันเหรอ? ใช้ผู้หญิงของฉันมาใช้หนี้แทนเขา พวกแก…….ใจกล้ามากนัก!”

ความกดดันที่มหาศาล ทำให้หวางเทียนป้าเหมือนมีก้อนหินมาอุดที่ลำคอ หยุดหายใจไปชั่วขณะ

พอดีในเวลานี้

ฝ่ามือที่กว้างใหญ่ของคุนหลุน ก็ได้ตบลงไป

ม่านตาของหวางเทียนป้าหดตัวลง รู้สึกเหมือนท้องฟ้านั้นมืดมน

เพี้ย!

เสียงตบหู ดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าผ่า

จนใบหน้าของหวางเทียนป้าเอียงไปข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก็บวมขึ้นมาทันที และได้กระอักเลือกออกมา

ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่ เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบที่ใบหน้า ราวกับว่าคนทั้งคนกำลังจะลอยออกไปข้างนอก

คุนหลุนยกมือซ้ายขึ้น กระชากคอเสื้อของเขาโดยตรง

จากนั้นก็ใช้มือขวาตบหน้าของหวางเทียนป้าไปมา “ไอ้นักเลงกระจอก ก็กล้าที่จะคิดไม่ดีกับผู้หญิงของฉัน!”

เพี้ย!

“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เทียบหมูกับหมายังไม่ได้เลย!”

เพี้ย!

“ผู้หญิงของฉัน จะสามารถแกมาจัดการได้ง่ายๆเหรอ?”

เพี้ย!

มาพร้อมกับคำพูดที่เย็นชาของคุนหลุน

ตบใบหน้าซ้ำๆอย่างเต็มกำลัง

ใบหน้าของหวางเทียนป้าบวมเหมือนหัวหมู เลือดพุ่งไม่หยุด เจ็บจนร้องไม่ออก

ภาพนี้ เห็นแล้วน่าสังเวชมาก

เลือดสด โดนกระทำด้วยความรุนแรง!

ทำให้พี่น้องทั้งสี่คนของหวางเทียนป้าไม่กล้าส่งเสียง ถึงขั้นพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจากแขนที่หัก โดยไม่กล้าส่งเสียงร้อง

ในบ้าน

ฟังเสียงตบหน้าที่ต่อเนื่องและดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่า

เฉินตงบีบจมูก “ท่านหลง คุณเคยเห็นคุนหลุนโกรธขนาดนี้มั้ย?”

ท่านหลงส่ายหัว “ไม่เคยเห็นครับ คุนหลุนหวั่นไหวแล้ว!”

และชายที่อยู่บนพื้น ขวัญก็ได้กระเจิงไปนานแล้ว

ในสายตาของเขา เฉินตงทั้งสามคนกลายเป็นปีศาจนานแล้ว

เสียงตบบ้องหูนั้น สั่นสะเทือนจนอวัยวะภายในปั่นป่วน

บนเตียงไม้ นั่งอยู่ด้วยฟ่านลู่ที่น้ำตานองหน้า แต่แสงสว่างเล็กๆก็ปรากฏขึ้นในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

คุนหลุนไม่เพียงแต่ทำร้ายคน แต่ว่าได้ตบหนึ่งทีแล้วพูดหนึ่งประโยค

ทุกคำพูดเข้าไปในหูของเธอ เหมือนกับค้อนที่หนัก ทุบเข้าไปที่หัวใจของเธออย่างดุเดือด

หลายปีมานี้ เธอเสียสละไปเยอะมาก

เธอที่อยู่ในอายุที่ไม่ควรจะรับผิดชอบ ต้องแบกภาระรับผิดชอบทั้งหมด

หากใจมีที่พึ่งพิง มีผู้หญิงคนไหนจะยินดีแบกรับทุกอย่าง มีชีวิตเหมือนผู้ชายล่ะ?

ใครบ้างที่ไม่อยากจะเป็นคนอ่อนโยน มีมือที่สวยงาม

ตู๊ม!

ในที่สุด ด้านนอกดึงขึ้นด้วยเสียงที่ดังสนั่นหนึ่งเสียง

คุนหลุนได้โยนหวางเทียนป้าออกไป

ชายวัยรุ่นสี่คนจู่ๆก็ตื่นจากความกลัว รีบวิ่งไปด้านหน้า กลับพบว่าหวางเทียนป้านั้นได้สลบไปแล้ว ร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือด

“แก แกมันสมควรตายแล้ว แกจบแล้ว วันนี้ถือว่าได้เดินเข้าไปในนรกแล้ว!” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งตะโกน แต่พวกเขากลับยกร่างของหวางเทียนป้าจากไปอย่างรวดเร็ว

ผู้ชายที่ถูกเฉินตงเหยียบไว้ใต้เท้า ในที่สุดเวลานี้ก็ได้สติคืนมา จู่ๆ ก็ร้องไห้เสียงดัง

“จบแล้ว……จบแล้ว…..ลูกพี่หวางเทียนป้าคนนี้ ขึ้นชื่อว่า ไอ้สวะอย่างพวกแก ตัวเองอยากตายก็ไม่ว่า ทำไมต้องเอากูไปเป็นที่รองศพด้วย?”

“ที่รองศพ?”

เฉินตงหัวเราะ “ฉันไม่ใช้สัตว์เดรัจฉานมาเป็นที่รองศพหรอก”

เวลานี้

คุนหลุนเดินเข้ามาในบ้าน ท่าทางที่ดุร้ายเมื่อเห็นฟ่านลู่ พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลายเป็นอ่อนโยน

เขานั่งยองๆโดยหันหลังให้ฟ่านลู่ กล่าวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวลู่ ฉันพาเธอกลับบ้าน”

ฟ่านลู่ที่น้ำตาไหล มองแผ่นหลังที่กว้างหนาที่อยู่ตรงหน้าอย่างน้ำตาไหล

เวลานี้ น้ำตาของเธอกลับไหลแรงขึ้น

กัดริมฝีปากเอาไว้ โผเข้าไปที่แผ่นหลังของคุนหลุน

“ฟ่านลู่ ไอ้กะหรี่แกไปได้ แกทิ้งฉันไม่ได้ หากแกไปแล้ว แกจะให้ฉันเอาอะไรไปใช้หนี้? พวกเขาต้องฆ่าฉันอย่างแน่นอน แกอย่าใจดำแบบนี้ จะมาฆ่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!”

ฟังชายคนนี้เอะอะโวยวาย

สีหน้าของฟ่านลู่เจ็บปวด ได้เอาหน้าซุกเข้าไปในหลังของคุนหลุน ร้องไห้พูด “พี่คุนหลุน ไป รีบไป……….”

บทที่146 เสื้อถึงร้ายก็ไม่กินลูกของตัวเอง

“เสี่ยวลู่!”

คุนหลุนตะโกนไปหนึ่งที ทันใดนั้นร่างที่สูงเหมือนหอคอย ก็ชนประตูที่เหลือเพียงบานเดียว และพุ่งตรงเข้าไปในบ้านที่สร้างด้วยดิน

ภาพที่เห็นนั้น ทำให้เฉินตงกับท่านหลงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก

เมื่อทั้งสองวิ่งมาถึงลานบ้านนั้น คุนหลุนได้ไปถึงหน้าประตูบ้านดินแล้ว

ตู๊ม!

ใช้เท้าถีบประตูที่เก่าๆ ออก คุนหลุนก็พุ่งตัวเข้าไปในบ้าน

จากนั้น

“เหี้ย ไอ้ชาติชั่ว!”

เสียด่าของคุนหลุนดังผ่านผนังดิน

ใจของเฉินตงนั้นจมดิ่ง ความทรงจำที่รู้จักคุนหลุนมานั้น นี่เป็นครั้งแรกที่คุนหลุนบ้าคลั่งขนาดนี้!

ทำให้ท่านหลงก็ตกใจกลัว

วินาทีต่อมา

ตามมาด้วยเสียงร้องที่โหยหวน

คนคนหนึ่งเหมือนกระสอบทราย ได้กระเด็นออกไปจากบ้านดินโคลน กระแทกกับพื้นอย่างแรง ตกอยู่ตรงหน้าของเฉินตงกับท่านหลงพอดี

ผู้ชายที่ลักพาตัวฟ่านลู่

เป็นพ่อของเธอ!

“แก แกเป็นใครกันแน่?”

ชายที่ล้มอยู่บนพื้น มุมปากมีเลือดออก ตะโกนอย่างหวาดกลัว

“คุณที่แกล่วงเกินไม่ได้!”

เฉินตงใช้เท้าถีบชายคนนี้ไปหนึ่งที แล้วก็วิ่งเข้าไปในบ้านพร้อมกับท่านหลง

เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในบ้านดินแล้ว ทันใดนั้นก็ตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า

ห้องที่ทรุดโทรม และรกเหมือนกองขยะ มีซองบุหรี่และขวดเหล้ากองเต็มไปหมด

ในอากาศ ยังมีกลิ่นเหม็นที่น่าขยะแขยงลอยอยู่

ในห้องนอน ค่อนข้างที่มืด

บนเตียงไม้ที่เก่าๆ ผ้าห่มนั้นดำเป็นก้อน เต็มไปด้วยเถ้าบุหรี่

นี่มันใช่สถานที่ที่คนอยู่จริงเหรอ?

และฟ่านลู่ในเวลานี้ กำลังขดตัวอยู่บนเตียง สองมือถูกมัดไว้ด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำ ร่างกายที่บอบบางกำลังสั่นเทา ร้องไห้เสียงเบา น้ำตานองหน้า

“เสี่ยวลู่ ไม่ต้องกลัว…..ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่แล้ว”

สายตาของคุนหลุนเหมือนจะกินคนเลย พลางปลอบประโลมฟ่านลู่ พลางช่วยฟ่านลู้แก้มัด

เฉินตงกับท่านหลงยืนอยู่ตรงที่เดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยไฟโกรธ

เมื่อคิดถึงเสียงร้องตะโกนที่ดังไปข้างนอกของฟ่านลู่ เมื่อกี้เกือบจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เดาได้ไม่ยากเลย

และแล้วท่านหลงก็กำหมัดแน่น หลังมือเด่นชัดด้วยเส้นเอ็น กัดฟันแล้วกล่าว เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง เสือถึงร้ายก็ไม่มีทางกินลูกตัวเอง…….ในชีวิตนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแก!”

“สมควรตายจริงๆ!”

ใบหน้าของเฉินตงเยือกเย็นมาก คำพูดถูกเบียดออกมาจากซอกฟัน

ในเวลานี้ เชือดของฟ่านลู่ในที่สุดก็ถูกคุนหลุนแก้ออกแล้ว

ฟ่านลู่ลุกขึ้น ร้องไห้เสียงดัง โผเข้าไปในอ้อมอกของคุนหลุน “พี่คุนหลุน…..ฉันกลัว ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย……..”

เสียงร้องไห้ที่บาดหู บีบคั้นหัวใจมาก

ในฐานะที่เป็นผู้หญิง เจอกับเรื่องแบบนี้ ความเจ็บปวดที่เผชิญ เป็นเรื่องที่คนปกติยังไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลย!

แขนที่กำยำของคุนหลุน ได้กอดฟ่านลู่ไว้อย่างแนบแน่น น้ำเสียงที่หนาเต็มไปด้วยความสงสาร “ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ คุณชายก็อยู่ ท่านหลงก็อยู่ ไม่เป็นไรแล้วนะ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว……..”

ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพูด

ผู้ชายที่ถูกคุนหลุนถีบออกไปเมื่อกี้ จู่ๆก็เข้าในบ้าน

“พวกแกเป็นใครกันแน่? บุกรุกบ้านคนอื่น มันผิดกฎหมายนะ!”

เข้ามาในบ้าน ผู้ชายคนนี้ก็ตะโกนพูดทันที พลางคิดที่อยากจะจู่โจมไปตรงหน้าของฟ่านลู่

ภาพนี้ ทำให้ฟ่านลู่ตกใจจนร้องเสียงดัง กอดคุนหลุนไว้แน่นๆ

พรึบ!

เฉินตงยกมือขึ้น จับคอเสื้อของผู้ชายคนนี้เอาไว้ ยกมันลอยขึ้นกลางอากาศโดยตรง

ด้วยร่างกายของเขา ยกชายที่ผอมจนหนังหุ้มกระดูกนั้น ไม่ใช่เรื่องอยากอะไร

เฉินตงค่อยๆพูดขึ้น น้ำเสียงเย็นเฉียบ ราวกับเสียงพัดของสายลมที่มาจากแดนไกล “แกมันหมูสกปรก สัตว์เดรัจฉาน ฉันทำผิดกฎของสำนักไหนเนี่ย?”

ชายคนนี้หน้าซีดด้วยความตกใจ เขาทุบมือขวาของเฉินตงอย่างสุดชีวิต พลางกัดฟันแล้วพูดว่า: “ปล่อยกู ปล่อยกู นี่เป็นเรื่องในครอบครัวกู กะหรี่ฟ่านลู่คนนี้เป็นลูกสาวของกู กูเป็นคนเป็นคนให้กำเนิดและเลี้ยงดูมัน จะจัดการมันยังไงก็เป็นเรื่องของกู คนนอกอย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์มายุ่ง! ”

ให้กำเนิดเธอเลี้ยงเธอ ก็สามารถที่จะทำอะไรเธอก็ได้งั้นเหรอ?

จู่ๆเฉินตงก็หัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะนั้นเย็นชามาก ดวงตาค่อยๆหรี่ลง

เขานั้นถูกตรรกะของชายคนนี้ทำให้อยากหัวเราะ

เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง ผู้ชายคนนี้กลับมีความคิดแบบนี้กับลูกสาวตัวเอง ยังไม่ให้คนนอกมายุ่งอีก?

หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสามคนมาทันเวลา หากไม่ใช่เพราะฟ่านลู่มีไหวพริบของความช่วยเหลือกับแม่ของเขา เวลานี้สิ่งที่ฟ่านลู่ต้องเผชิญ เฉินตงไม่กล้าที่จะคิดเลย!

ตูบ!

จู่ๆเฉินตงที่คว้าคอเสื้อของชายคนนี้ไว้ สองมือก็ได้จับคอเสื้อไว้อย่างรุนแรง แล้วเหวี่ยงออกไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เสียงที่ดังสนั่น เสื้อผ้าของชายคนนั้นฉีกขาด ร่างได้กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง กระอักเลือดออกมาทันที

ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น

ตูบ!

เฉินตงก็ใช้เท้าเหยียบหลังของเขาเอาไว้ กล่าวอย่างเย็นชา “หากแกกล้าลุกขึ้นมา ฉันก็จะฆ่าแก!”

น้ำเสียงนั้นเฉียบขาด อุณหภูมิในห้องดูเหมือนจะลดลงหลายองศา

ชายคนนี้หวาดกลัว หัวใจเต้นอย่างรุนแรง ไม่กล้าที่จะต่อต้านอีก

แต่กลับตะโกนด่าฟ่านลู่ที่อยู่ในอ้อมกอดของคุณหลุน “ฟ่านลู่ ไอ้นางกะหรี่ ยังเห็นฉันเป็นพ่อแกอยู่มั้ย? ยังเห็นฉันเป็นพ่อแกอยู่มั้ย?”

“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”

เฉินตงยกเท้าขึ้น ถีบซ้ำอีกครั้ง

ตูบ!

อย่างเต็มกำลัง

ทำให้ชายคนนี้ร้องโหยหวนเหมือนหมูที่ถูกเชือด

ฟ่านลู่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาก็ออกมาจากอ้อมกอดของคุนหลุน “ร้องไห้อย่างเจ็บปวด พ่อเป็นพ่อหนู แต่หนูก็เป็นลูกสาวของพ่อนะ หนูเคยช่วยพ่อมาตั้งกี่ครั้งแล้ว? เพื่อช่วยพ่อ หนูถึงกลับต้องทิ้งอนาคตของตัวเอง! ครั้งนี้พ่อไปเล่นอีก พ่อเพื่อต้องการใช้หนี้ของตัวเอง ทำไมต้องเอาหนูไปชดใช้?”

โครม!

คำพูดประโยคเดียวช็อตกันไปหมด

เฉินตง คุนหลุน ท่านหลงล้วนอึ้งกันไปหมด

ภาพเมื่อกี้ ไม่ใช่ว่าพ่อของฟ่านลู่จะทำอะไรฟ่านลู่?

แต่เพราะ……….

ผู้ชายคนนี้ต้องการนำตัวฟ่านลู่ ไปให้กับใครบางคน เพื่อชดใช้หนี้?

ในบ้าน ดังไปด้วยเสียงร้องไห้ที่สะท้อนของฟ่านลู่ ท่าทีที่สิ้นหวัง เฉินตงที่ดูอยู่ก็ปวดใจ

มันต้องโหดขนาดนั้น?

ในสมองเขาก็คิดถึงภาพของแม่ตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน แม่ลูกสองคนก็พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อความอยู่รอด

ในสภาพที่เหมือนกัน เมื่อมาเกิดกับฟ่านลู่และพ่อของเขา กลับกลายเป็นสถานการณ์อีกแบบหนึ่ง

“ก็เพราะแก เป็นลูกสาวฉัน หนี้ของพ่อลูกชดใช้ เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ใช้ครั้งแรกของเธอมาใช้หนี้ห้าแสน เรานั้นคุ้มค่ามากกว่าไหนๆ!”

ชายที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนพูดอย่างไร้ยางอาย “ขอเพียงใช้หนี้ครั้งนี้ รอให้พรุ่งนี้กูโชคดี ชนะพนันได้เงินก้อนใหญ่ ต้องให้แกใช้แน่นอน ฟ่านลู่เอ๊ย ช่วยพ่อเถอะ ก็แค่นอนครั้งเดียวเอง แกก็แค่หลับหูหลับตา ทำเหมือนถูกผิดอำ!”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!”

คุนหลุนโกรธมาก ใบหน้าดุร้าย ดวงตาแดงก่ำ ราวกับเป็นสัตว์ป่าที่จะกินคน

ร่างกายที่สูงเหมือนหอคอย ทันใดนั้นก็มองชายคนชายนี้อย่างกดดัน

ทำให้ชายคนนี้หวาดกลัวจนปิดปาก

ในเวลานี้

ด้านนอกบ้าน ก็ดังขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ

“ฮ่าๆ………ไอ้ฟ่าน งานที่แกเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง? กูพาพี่น้องมาสี่คน คิดคนละหนึ่งแสน แค่ผ่านคืนนี้ไป แกกับฉันก็ไม่ติดหนี้กันแล้ว!”

เสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยตัณหา

ทำให้คุนหลุนที่โกรธสุดขีดไม่อาจทนต่อไปได้

เฉินตงที่ใบหน้าเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “คุนหลุน ลงมือ!”

เห็นคุนหลุนที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตเดินออกไปด้านนอก

ท่านหลงก็ขมวดคิ้ว “ไอ้พวกที่ไม่รู้จักความตาย”

แต่คำตอบของเฉินตง กลับทำให้ท่านหลงนิ่งไปทันที

เฉินตงกล่าวอย่างเย็นชา “ตายแล้ว ฉันรับผิดชอบเอง!”

บทที่ 145 ฟ่านลู่เกิดเรื่อง!

“เธอหายไปนานแค่ไหนแล้ว?”

เฉินตงถามอย่างซีเรียส

หลี่หลานคิดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ประมาณสิบกว่านาทีแล้ว”

เฉินตงรีบกล่าวทันที “คุนหลุน ท่านหลง พวกคุณไปตามหาในชุมชนก่อน ผมจะไปขอดูกล้องกับนิติ”

“ตงเอ่อ แม่ไปกับลูกด้วย”

หลี่หลานเร่งฝีเท้าจนตามเฉินตงทัน สองมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าลนลาน “เสี่ยวลู่ เธอห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาดนะ”

“แม่ คงไม่มีไรหรอก” เฉินตงปลอบแม่

เพียงแต่เขาก็รู้ การปลอบแม่แบบนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร

ฟ่านลู่เป็นคนเก่งมาก และมีความอดทนสูง ตลอดเวลาที่ดูแลแม่เขาดูแลได้อย่างดี แม่เขานั้นก็เห็นฟ่านลู่เหมือนลูกสาวคนหนึ่ง

ที่ห้องทำงานของนิติในวิลล่า

ผู้จัดการฝ่ายนิติหลังจากที่ทราบเรื่อง ก็รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่ผลสุดท้าย กลับทำให้ต้องผิดหวัง

ภาพในกล้องวงจรปิด ไม่มีภาพของฟ่านลู่เลย

ซึ่งก็หมายความว่าฟ่านลู่นั้นไม่ได้ออกไปจากประตูใหญ่

ในความเป็นจริง เขตวิลล่าเขาเทียนซานระบบความปลอดภัยนั้นสูงมาก ไม่ใช่คนที่พักอาศัยอยู่ในวิลล่า หรือได้รับการอนุญาตจากเจ้าของวิลล่า คนนอกนั้นไม่มีทางที่จะเข้ามาได้เลย

ก่อนหน้านั้นตระกูลหวางก็เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่ง!

“ในวิลล่า ยังมีถนนเส้นอื่นมั้ย?” เฉินตงขมวดคิ้วถาม

ในขณะที่ผู้จัดการฝ่ายนิติกำลังครุ่นคิดนั้น คุนหลุนกับท่านหลงก็มาถึงในเวลาพร้อมกัน

“คุณชาย โทรศัพท์มือถือของฟ่านลู่”

คุนหลุนนำโทรศัพท์ที่พังแล้วยื่นให้กับเฉินตง “เก็บได้ตรงด้านข้างขอบทะเลสาบของวิลล่ากลางเขา”

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา

ผู้จัดการฝ่ายนิติก็สะดุ้งจนสติคืนมา “ใช่ ตอนที่จะพัฒนาทะเลสาบนั้น เพราะราคามันค่อนข้างที่จะสูง ดังนั้นจึงได้เก็บมันไว้คงเดิม ให้มันเป็นจุดชมวิวของวิลล่า ทะเลสาบที่กว้างใหญ่ขนาดนั้นล้อมรอบวิวล่า ดังนั้นเมื่อเวลาตรวจเวรยาม ส่วนใหญ่จะละเลยพื้นที่ส่วนนี้ไป”

“ไป!”

เฉินตงไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง หันหลังพาคนออกไปจากห้องนิติทันที

ทะเลสาบที่ถูกละเลยในการตรวจเวร คนปกติไม่มีทางที่จะหาทางเข้ามาในวิลล่าจากตรงนี้อย่างแน่นอน แต่คนที่ลักพาตัวฟ่านลู่ไปไม่ใช่คนปกติ ไม่อย่างนั้นฟ่านลู่ก็คงไม่ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ

หลังจากที่ส่งแม่กลับบ้านแล้ว

ท่านหลงจึงได้กล่าวขึ้น “คุณชาย ตอนนี้ฟ่านลู่ถูกคนพาออกไปจากวิลล่าแล้ว ที่พวกเราตามหา มันก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร”

“ต่อให้จะเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร ก็ต้องงม!”

น้ำเสียงที่หนักแน่นของเฉินตง แฝงด้วยไว้ความโกรธ “ฟ่านลู่เข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน ก็เป็นคนของบ้านฉัน ห้ามให้เธอได้รับอันตรายเด็ดขาด ไปตรวจดูกล้องวงจรปิดทุกตัว ต่อให้มันหนีเข้าไปในดิน ก็ต้องเอาตัวมันมาให้ได้!”

น้ำเสียงดังสนั่น ไม่มีอะไรจะแน่วแน่ไปกว่านี้แล้ว

รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนตัวออกไปจากเขตวิลล่า

ตามมาด้วยท่านหลงก็ได้ส่งรูปภาพของฟ่านลู่ออกไป ภาพของกล้องวงจรปิดแต่ละกล้องก็ได้ส่งภาพกลับมาที่โทรศัพท์มือถือ

ขณะที่รถกำลังลงเขานั้น จู่ๆท่านหลงก็ตาลุกวาว

“คุณชาย มีภาพคนที่ลักพาตัวฟ่านลู่ไปแล้วครับ เป็นผู้ชาย”

เฉินตงรับโทรศัพท์มาดูภาพที่หน้าจอ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ภาพในคลิปเป็นกล้องที่บันทึกภาพถนนที่ลงเขาของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ในคลิป ชายวัยกลางคนที่รูปร่างผอมคนหนึ่งกำลังเลซ้ายแลขวา เห็นได้ชัดว่าระมัดระวังตัวอย่างดี

และฟ่านลู่ก็เดินตามหลังของเขา

เขาทั้งสองนั้นไม่ได้กระชากลากถูกกัน ความรู้สึกที่ฟ่านลู่ให้เขานั้น เหมือนยอมจำนวน

อีกอย่างรูปร่างของทั้งสองคนนั้นไม่ได้แตกต่างมากนัก ฟ่านลู่เป็นอดีตนักมวยทีมชาติ หากมีอันตรายจริง ด้วยฝีมือของเธอก็สามารถที่จะหนีเอาตัวรอดได้

แต่เธอกลับส่งข้อความให้แม่ของเขาช่วย!

“ด้วยฝีมือของเสี่ยวลู่ ผู้ชายคนนี้จะสามารถทำอันตรายเธอได้เหรอ?”

ความสงสัยเดียวกัน ก็ได้เกิดขึ้นที่ใจของท่านหลง

“ไล่ตรวจตามไปจากคลิปๆนี้ หาคนเจอแล้วค่อยว่ากัน”! เฉินตงกล่าวด้วยเสียงต่ำ

ในเมื่อขอความช่วยเหลือ งั้นฟ่านลู่ก็ต้องมีอันตราย สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือหาคนให้เจอ

สำหรับอดีตของฟ่านลู่ เฉินตงนั้นยังไม่ได้ทำความเข้าใจเลย

แม้ว่าตอนนั้นฟ่านลู่จู่ๆก็ได้วิ่งมาจากไซต์งานก่อสร้าง ถูกคุนหลุนกับโจวเห้าและคนอื่นๆปิดล้อมเอาไว้นั้น หลังจากที่เขาตัดสินใจแล้วก็ไม่ซักไซ้ต่อ

แต่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน กลับเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว!

ในระหว่างทาง รถโรลส์-รอยซ์ขับด้วยความเร็วสูง

ในรถ กลับเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหลุ่น

คุนหลุนกำลังขับรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ๆ มองไปที่เฉินตงและท่านหลง แต่มือเขากลับพวงมาลัยไว้แน่น และค่อยๆเหยียบคันเร่งใต้เท้าของเขาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

“หาเจอแล้ว อยู่หมู่บ้านหม่าเถียนที่อยู่ฝั่งตะวันตก!”

ท่านหลงจู่ๆก็อุทานขึ้นมา “รถของชายที่รูปร่างผอมคนนั้นได้พาฟ่านลู่ เข้าไปในหมู่บ้านหม่าเถียน ก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย”

หมู่บ้านหม่าเถียน?

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น เขาจำได้ลางๆ ตอนแรกที่ฟ่านลู่เข้ามาทำงานนั้น ประวัติที่บริษัทจัดหางานให้มานั้น บ้านของฟ่านลู่ก็อยู่ที่หมู่บ้านหม่าเถียน!

เอี๊ยด……..

ในเวลาเดียวกัน รถโรลส์ – รอยซ์ที่เบรกกะทันหันก็ทำให้เกิดเสียงดังที่แสบหู

คุนหลุนหมุนพวงมาลัยอย่างกะทันหัน และทำให้โรลส์ – รอยซ์ลอยลำ

เฉินตงและท่านหลงที่ไม่ทันตั้งตัว ก็เอียงตัวและล้มลงบนเบาะ

“คุนหลง……….” ท่านหลงลุกขึ้นอยากจะต่อว่าทันที

แต่กลับถูกเฉินตงยกมือห้าม เห็นคุนหลุนที่กำลังขับรถ เผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา

“ขอโทษครับคุณชาย ท่านหลง”

คุนหลุนพลางเร่งความเร็ว พลางกล่าวขอโทษ

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง

รถโรลส์ – รอยซ์ก็พุ่งไปที่ทางเข้าหมู่บ้านหม่าเถียน

เฉินตงให้คุนหลุนนั้นหยุดรถ ทั้งสามคนจึงได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกัน

หมู่บ้านหม่าเถียนห่างจากตัวเมืองระยะทางประมาณหนึ่ง แม้ว่าการเดินทางจะสะดวก แต่หมู่บ้านเก่า คนหนุ่มสาวล้วนออกไปทำงานในเมือง เหลือไว้เพียงคนชราหรือคนวัยกลางคนที่ขี้เกียจ เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้กลายเป็นหมู่บ้านที่ข่าวสารเคลื่อนไหวช้า

แสงจันทร์ที่สว่างไสว

ช่วงฤดูร้อน ชาวบ้านมักจะนอนดึก ดึกแล้วคนยังมาอาศัยลมเย็นนอกบ้าน รอให้อุณหภูมิลดลงถึงจะกลับเข้าไปนอน

ต้นไทรขนาดใหญ่ที่อยู่ประตูทางเข้า

มีคนชราหลายคนกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น คุยเรื่องสัพเพเหระ

ท่านหลงก้าวเดินไปด้านหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวทั้งหลาย ขอถามอะไรพวกท่านหน่อยสิ บ้านฟ่านลู่อยู่ตรงไหน พวกท่านรู้มั้ย?”

“ฟ่านลู่? บ้านหลังเดียวที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน”

หญิงชราที่เรียบง่ายชี้ทางให้เขา แต่สีหน้าของเธอดูแปลก ๆ “เธอเพิ่งกลับมากับพ่อของเธอ ถ้าพวกคุณต้องการพบเธอก็รีบไปหาเธอเลย ถ้าหากไปช้ามันจะยุ่ง”

ไม่ว่าจะเป็นท่านหลง หรือเฉินตงกับคุนหลุนที่อยู่ไม่ไกล เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

คนที่ลักพาตัวฟ่านลู่ คือพ่อของเธอ?

แล้วการขอความช่วยเหลือ…….มันหมายความว่ายังไง?

คุนหลุนสีหน้าเคร่งขรึม ขณะนั้นก็ได้วิ่งเข้าไปข้างในหมู่บ้าน

เฉินตงกับคุนหลุนก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ด้านหลัง ก็ดังมาด้วยเสียงพูดคุยกันของพวกคนชรา

“เสี่ยวลู่เด็กคนนี้ชีวิตช่างลำบากนัก ที่มีครอบครัวแบบนี้”

“ใช่สิ เด็กคนนี้เมื่อก่อนเก่งขนาดไหน? แต่กลับถูกที่บ้านถ่วงเอาไว้”

“หวังว่าคนพวกนี้จะสามารถช่วยเธอนะ ดูรถที่แพงขนาดนั้น คนเหล่านี้ก็น่าจะเป็นคนที่มีเงิน”

……

“คุณชาย” ท่านหลงมองเฉินตง อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“คุณอยากจะบอกว่า นี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว?”

เฉินตงหัวเราะหนึ่งที แววตากะพริบ “ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ร้องขอความช่วยเหลือกับคนนอก คุณยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัว?”

ท่านหลงก็ตกใจ จู่ๆก็เข้าใจทันที

บ้านของฟ่านลู่ เป็นบ้านหลังเดียวที่อยู่ในท้ายหมู่บ้าน

มันเป็นบ้านดินมีปูหลังคาด้วยกระเบื้องสีดำ ด้านนอกยังได้ใช้ดินๆล้อมรอบทำเป็นลานเล็กลานหนึ่ง ทรุดโทรมอย่างมาก แม้แต่ประตูไม้เก่าก็พังไปหนึ่งบาน

เมื่อเฉินตงทั้งสามคนไปถึงนั้น ก็ถูกภาพนี้ทำให้ช็อตไปเลย

โดยปกติฟ่านลู่เป็นคนเฮฮา ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องของครอบครัวเลย

ใครจะไปคิด บ้านของเธอจะจนถึงขนาดนี้?

ในขณะที่ทั้งสามคนเดินไปถึงลานบ้านนั้น

“อ้า! อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา……..หนู หนูเป็นลูกสาวพ่อนะ!”

ฟ่านลู่ตะโกนร้องไห้เสียงดัง เสียงได้ดังออกมาจากผนังดิน

บทที่ 144 รอคอยสามปี จะไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง

กู้โก๋ฮั้วนั้นเมาแล้วจริงๆ

เมาหนักมากด้วย

เฉินตงไม่กล้าจะอยู่นาน ก็จากไปอย่างเศร้าๆ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการพบเจอการดีๆแบบนี้ เพราะความเมาของกู้โก๋ฮั้วทำให้เรื่องวุ่นวาย จนกลายเป็นการสู่ขอ

ว่าที่พ่อตาคนนี้……..ทำไมช่างดีแบบนี้?

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ของหลักร้อยล้านนี้มันไม่เยอะจริงๆ!

หากเป็นการสู่ขอจริง เขาต้องเตรียมของขวัญที่เป็นทางการกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นของขวัญล้ำค่าที่ท่านหลงพูดถึง

สิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้จะทำยังไงก็คือ ภาพสถานการณ์เมื่อกี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งเสียใจ

สถานการณ์ได้ถูกกู้โก๋ฮั้วทำให้วุ่นจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว ต่อให้มีร้อยปากก็พูดกันไม่เข้าใจแล้ว

บนรถโรลส์-รอยซ์ เฉินตงมีท่าทีที่เซ็งๆ มีความลำบากใจแต่พูดไม่ออก

ท่านหลงกับคุนหลุนใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

“คุณชาย มีเรื่องในใจเหรอครับ?” ท่านหลงถาม

เฉินตงยิ้มอย่างเซ็งๆ “ของขวัญราคาหลักล้านที่มอบให้เขา หลังจากที่คุณอาเมาแล้ว นึกว่าผมนั้นไปสู่ขอลูกสาว”

ทันใดนั้นท่านหลงก็ยิ้มขึ้นมา

“ของขวัญแค่หลักร้อยล้านก็ถือว่าสู่ขอ ช่างดูถูกตระกูลเฉินจริงๆเลย”

เฉินตงยกมือขึ้น “ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ก็ได้พูดตามความจริง แต่คุณอาไม่เชื่อ เสี่ยวหยิ่งก็โกรธแล้ว การเจอหน้ากันที่ดีๆ สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าแยกจากกันอย่างไม่มีความสุข”

ท่านหลงยิ้มอย่างมีความหมาย “อันที่จริง อายุของคุณชายก็ได้เวลาแล้ว อีกอย่างตอนนี้คุณชายก็โสด เสี่ยวหยิ่งก็โสด ทั้งสองคนต่างมีใจให้กัน ก็ได้เวลาคิดแล้วนะครับ”

“แต่ตอนนี้ผมอยากที่จะทำให้ไท่ติ่งมั่งคงเสียก่อน”

แววตาของเฉินตงเป็นประกาย

วิกฤตใหญ่ของไท่ติ่ง ทำให้เขาเห็นถึงความร้ายกาจของตระกูลเฉิน

ต่อให้ตอนนี้เขามีความสามารถ อยู่ต่อหน้าตระกูลเฉิน ก็เป็นไม่ต่างจากมดตัวเล็กตัวหนึ่ง ใช้นิ้วดีดก็ตาย

ความรู้สึกเหมือนถูกคนเอามีดมาจี้คอเอาไว้ ได้เพียงแต่รอความตาย เขานั้นไม่อยากที่จะประสบกับมันอีก

“คุณชาย คุณชายรอได้ แล้วเสี่ยวหยิ่งจะรอได้มั้ย?”

ท่านหลงยิ้มแล้วพูด “น้ำเสียงนั้นต่ำเป็นพิเศษ “เธอรอคุณชายมาสามปีแล้ว หญิงสาวคนหนึ่ง จะมีสามปีที่ให้รอกี่ครั้ง?”

คำพูดเพียงประโยคเดียว มันเหมือนมีที่คมกรีบ เสียบลงกลางใจของเฉินตง

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า หัวใจกระตุกอย่างแรงไปหนึ่งที

พริบตาเดียว เฉินตงอึ้งอยู่แบบนั้น สายตาล่องลอย

รู้สึกผิดอย่างมาก ความรู้สึกพรั่งพรูออกมา

ความสาวสามปี กู้ชิงหยิ่งใช้เวลาสามปีเต็มในการรอเขา เขากลับคิดว่าจะแต่งงานกับเธอหลังจากที่ประสบความสำเร็จ?

แบบนี้มันคืออะไร?

ผิดต่อเธอ!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฉินตงอยู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา “ใช่ ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของผม ผมน่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อเธอ แค่แสดงความรักมันไม่พอ ผิดที่ให้เธอรอ!”

ขณะที่พูด สายตาของเฉินตงก็มีความแน่วแน่มาก

“เตรียมตัวให้เรียบร้อย ไปสู่ขอเธอ!”

ท่านหลงยิ้มพยักหน้า “ดีครับ รอให้วันที่คุณชายไปสู่ขอ กระผมจะเป็นคนจัดสินสอดที่ล้ำค่าให้ตระกูลกู้ด้วยตัวเอง!”

……

บ้านในลานป่าไผ่

กู้โก๋ฮั้วเมาจนหลับไปนานแล้ว

กู้ชิงหยิ่งที่พิงอยู่หน้าต่าง สัมผัสลมกลางคืน ใบหน้านั้นแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า

เวลาสามปี!

ที่เธอรอ!

กลับคิดไม่ถึง คำตอบที่ได้ในคืนนี้กลับเป็นแบบนี้!

ภาพเมื่อกี้ มันได้ถูกฉายอย่างซ้ำๆ ทำให้กู้ชิงหยิ่งนั้นทรมานมาก

แม้ว่า เธอรู้ว่าพ่อของเธอนั้นเมาแล้ว ทำให้เฉินตงที่ขี่หลังเสือแล้วลงยาก

แต่คำตอบของเฉินตง กลับทำให้เธอเสียใจ เจ็บปวดที่หัวใจ

“เสี่ยวหยิ่ง ดึกมากแล้ว นอนได้แล้ว ลมมันเย็น ระวังจะไม่สบาย” หลี่หวั่นชิงมองดูลูกสาวด้วยความสงสาร

ในฐานะที่เป็นแม่ เลี้ยงดูอบรมกู้ชิงหยิ่งตั้งแต่เด็ก

ความรู้สึกของกู้ชิงหยิ่ง เธอนั้นเข้าใจดี

“แม่คะ………”

กู้ชิงหยิ่งพยายามกดเสียงที่จะร้องไห้เอาไว้ กล่าว “เมื่อกี้เขาทำไมไม่ยอมรับว่าเป็นเรื่องสู่ขอ?”

หลี่หวั่นชิงยิ้มๆแล้วพูดอย่างเซ็งๆ “คุณพ่อหนูนั้นเมาแล้ว หนูก็เมาด้วยเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเฉินตงเมื่อกี้นั้นถูกพ่อของลูกบังคับก่อน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

“แต่เขาแค่ยอมรับก็หมดเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ?” กู้ชิงหยิ่งไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วเดินเข้าไปข้างกายของกู้ชิงหยิ่ง นำเสื้อคลุมตัวหนึ่งคลุมให้กับกู้ชิงหยิ่ง

กอดกู้ชิ้งหยิ่งจากด้านหลัง เธอจึงได้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “หนูรักเขามั้ย?”

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า

“แล้วเขารักหนูมั้ย?”

กู้ชิงหยิ่งอึ้งไปสักพัก แต่ก็พยักหน้า

หลี่หวั่นชิงเลิกคิ้ว “งั้นก็ไม่ถูกแล้ว ตราบใดที่ความรักของทั้งสองยังคงไม่เปลี่ยนแปลง งั้นจะไปโลภในความสุขทำไม? ลูกต้องรู้ เมื่อเรารักใครซักคน จึงมองคนนั้นเหมือนดั่งของล้ำค่า ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้ ขาดการเตรียมพร้อมไปเพียงนิดเดียว ก็จะรู้สึกผิดมาก”

กู้ชิงหยิ่งหันหน้ากลับมามองหลี่หวั่นชิง “แม่หมายถึง เมื่อกี้เฉินตงนั้นยังไม่ได้เตรียมพร้อม ดังนั้นจึงพูดว่าไม่ใช่มาสู่ขอ?”

แต่เมื่อคำพูดประโยคนี้ถูกพูดออกมา เธอรู้สึกไม่ค่อยถูกนัก

ได้เตรียมของขวัญหลักร้อยล้านมาแล้ว แม้กระทั่ง《ผิงอันเถี่ย》ของหวางซีจือก็ได้มอบให้แล้ว แบบนี้ยังเรียกว่าเตรียมไม่พร้อมอีกเหรอ?

หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างจำยอม “บางทีเรารู้สึกว่าพอแล้ว ตงเอ๋อรู้สึกว่ามันไม่พอล่ะ?”

ประจวบเหมาะในเวลานี้

วีแชทของกู้ชิงหยิ่งก็ดังขึ้น

เธอหยิบขึ้นมาดู เฉินตงเป็นคนส่งมา

ข้อความที่เรียบง่าย การรอคอยสามปี จะไม่มีทางทำให้คุณผิดมาก ผมจะเตรียมพิธีขอแต่งงานที่ไร้ที่ติ เพื่อสู่ขอคุณแต่งงานในวันสุดท้ายของเดือน

ร่างที่บอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง

เธอยกมือที่เรียวงามมากุมปากเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

เวลานี้ เธอตื่นเต้นจนใจเต้นระรัว ดีใจจนยื่นข้อความที่เฉินตงส่งมาให้ของเธอแม่ดู

“แม่คะ เหมือนกับที่แม่พูดเลยค่ะ!”

หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตงเอ๋อไม่มีทางที่จะทำให้ลูกผิดหวัง เขารักลูก ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีตำหนิเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคืนนี้ยังถูกพ่อที่เมาของลูกบีบบังคับ”

“ขอบคุณค่ะแม่”

กู้ชิงหยิ่งปัดความเศร้าเมื่อกี้ออกไป กอดหลี่หวั่นชิงอย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเขาก็ก้มหน้าถือโทรศัพท์เอาไว้ ยิ้มแล้วมองดูข้อความที่เฉินตงส่งมา ในใจนั้นอบอุ่นมาก เต็มไปด้วยความรู้สึกเฝ้ารอ

แต่แล้วหลี่หวั่นชิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วสงสัย “ตงเอ๋อเด็กคนนี้ ไม่เห็นเงินหลักร้อยล้านอยู่ในสายตา สิ้นเดือนพิธีขอแต่งงานของลูก มันจะอลังการขนาดไหน?”

สองมือของกู้ชิงหยิ่งกอดโทรศัพท์ไว้ แววตาเปล่งประกายวาววับ พูดอย่างรอคอย “แม่คะ แม่ว่าเขาจะเหมือนซุนหงอคงมั้ย สวมชุดเกราะทอง ขี่ก้อนเมฆสีรุ้งมาขอแต่งงานกับหนู?”

หลี่หวั่นชิงใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าผากของกู้ชิงหยิ่งอย่างเคืองๆ

“เจ้าลูกคนนี้ เมื่อกี้ยังร้องไห้ฟูมฟายอยู่เลย ทำไมตอนนี้เหมือนกับพ่อที่เมาของหนูเลยละ เพ้อฝันไปใหญ่แล้ว?”

กู้ชิงหยิ่งเกาหัวตัวเอง แกล้งทำเหมือนเจ็บแล้วพูดว่า ”เจ็บจังเลย”

อีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อเฉินตงกับท่านหลุงคุนหลุนกลับถึงบ้านนั้น

ในห้องรับแขก ไฟยังคงสว่างไสว

เวลานี้คุณแม่ยังไม่นอน?

เฉินตงสงสัย เดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นหลี่หลานกำลังกำโทรศัพท์เอาไว้ ร้อนรนเดินวนอยู่ในห้องรับแขก

“แม่ครับ ทำไมยังไม่นอน?”

เมื่อเห็นเฉินตง หลี่หลานก็วิ่งเข้าไปหาทันที พูดอย่างรีบร้อน “ตงเอ๋อ เสี่ยวลู่หายไป!”

“เสี่ยวลู่ก็โตขนาดนั้นแล้ว น่าจะแค่ออกไปเดินเล่นมั้ง?” คุนหลุนกล่าว

“เวลาห้าทุ่มแบบนี้นายจะออกไปเดินเล่นมั้ย?” ท่านหลงขมวดคิ้วประชดคุนหลุน

“ไม่ ไม่ใช่เดินเล่น”

หลี่หลานส่ายหัว ยื่นโทรศัพท์ให้กับเฉินตง “นี่คือข้อความที่เสี่ยวลู่ส่งมาให้แม่เมื่อกี้ เมื่อกี้เธอยังอยู่ในบ้าน”

เฉินตงดูวีแชทแล้ว ก็นิ่งไปสักพัก

ในวีแชทเสี่ยวลู่ส่งมาแค่ตัวอักษรสองตัว

ช่วยด้วย!

เห็นได้ชัดว่า ข้อความนี้ไม่สมบูรณ์

หรือฟ่านลู่ จะเกิดเรื่องแล้วจริง!

บทที่ 143 เหมือนหัวใจพังทลายลงเลย!

ในงานเลี้ยง ผลักกันดื่ม พูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุข

บรรยากาศอบอุ่นมีความสุข

เผชิญหน้ากับกู้โก้ฮั้ว ท่านเมิ่งและเจิ้งโก๋โส่ว เฉินตงก็ไม่ได้มีความประหม่าหรือกลัวใดๆ

พูดคุยอย่างมีไหวพริบ ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม

เมื่อมองดูภาพนี้ทำให้กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยากับเจิ้งโก๋โส่วพยักหน้ากันซ้ำ ชื่นชมอยู่ในใจ

ต้องรู้ว่า ทั้งสามคนล้วนมีตำแหน่งที่อยู่ในระดับสูง

ปกติพวกเขาร่วมโต๊ะกับคนร่ำรวยที่อำนาจ คนรอบกายยังเอาใจประจบสอพลอ

และเช่นเดียวกับเฉินตง ที่เป็นคนรุ่นใหม่ สามารถปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่โอ้อวด ไม่ลนลานและใจเย็น อายุแค่นี้สามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจ

ดื่มกินกันพอสมควรกับเวลาแล้ว

เจิ้งโก๋โส่วลุกขึ้นด้วยความมึนเมา “หลานชาย อาดื่มให้นายหนึ่งแก้ว ครั้งที่แล้วที่อาดูภาพไม่ละเอียดเข้าใจนายผิด ขอใช้เหล้าแก้วนี้ ขอโทษนาย!”

เขาไม่โง่ แต่กลับฉลาดมาก

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรม มีชื่อเสียงระดับสากล การสื่อสารกับกลุ่มคนจำนวนมาก ได้ฝึกฝนจนความคิดความอ่านจนชำนาญแล้ว

ก่อนหน้านั้นเพราะนิสัยกับฐานะ ทำให้เขาปล่อยวางไม่ได้ที่จะขอโทษเฉินตง

แต่เพราะ《ผิงอันเถี่ย》แผ่นเดียวก็ทำให้เขายอมจำนวนทั้งกายทั้งใจ

《ผิงอันเถี่ย》ที่มีมูลค่าสามร้อยล้าน ไม่ใช่ภาพ《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ของถังป่อหู่จะสามารถเทียบได้ คนที่สามารถประมูลสมบัติล้ำค่าแบบนี้ได้ ไม่ใช่แค่จะมีฐานะหรืออำนาจบารมี แต่ต้องเป็นผู้มีอิทธิพลที่ทรงอำนวจอย่างแน่นอน

เฉินตงสามารถหา《ผิงอันเถี่ย》ที่ผ่านการประมูลมาได้ มอบให้กับกู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา มันก็เป็นหลักฐานที่เพียงพอแล้ว

อย่างน้อย เขาที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรม ไม่มีทางที่จะประมูลมันมาได้!

สมบัติล้ำค่าระดับนี้ การประมูลในบางครั้ง ไม่ใช่จะอาศัยเงินอย่างเดียว!

เฉินตงยกแก้วเหล้าขึ้น ยิ้มพร้อมกับพูด คุณอาเจิ้งเป็นผู้อาวุโส จะมาดื่มให้ผมได้อย่างไร เรื่องครั้งก่อน เฉินตงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คุณอาเจิ้งดื่มตามสบาย ผมจะดื่มให้คุณอาสามแก้ว

เพียงคำพูดเดียว มันไม่เพียงแต่ได้แสดงความในใจ แต่ยังทำให้เจิ้งโก๋โส่วได้หน้า แสดงความเคารพอย่างชัดเจน

“ดี!”

เจิ้งโก๋โส่วตาสว่างขึ้นมาทันที หัวเราะเสียงดัง ตบบ่าของกู้โก๋ฮั้วด้วยความเมา “ไอ้กู้ ว่าที่ลูกเขยของนาย ฉันว่าโอเคเลยละ!”

ขณะที่พูด เขาก็ดื่มเหล้าหมดในอึกเดียว

เฉินตงก็ดื่มกลับสามแก้ว

ในห้องอาหาร บรรยากาศอบอุ่น เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะที่มีความสุข

เจิ้งโก๋โส่วเพราะคำพูดของเฉินตง ดีใจอย่างมาก ดื่มเหล้าไปไม่น้อย ไม่นานนัก ก็ฟุบอยู่บนโต๊ะ ถูกท่านเมิ่งเรียกคนมาหามออกไป

ในห้องโถง เหลือเพียงแต่เฉินตงกับครอบครัวของกู้ชิงหยิ่ง

“ฮู้………”

เฉินตงถอนหายใจมีกลิ่นเหล้าลอยออกมา ดื่มไปไม่น้อย เวลานี้ก็เมาเหมือนกัน

“หวั่นชิง พาเสี่ยวหยิ่งไปทางโน้น ผมมีเรื่องจะคุยกับตงเอ๋อ”

กู้โก๋ฮั้วลูบหน้าตัวเอง เพราะว่าเมา ทำให้ลิ้นแข็งเล็กน้อย

“พ่อ……”

กู้ชิงหยิ่งตกตะลึง

หลี่หวั่นชิงกลับยิ้มๆ “เอาล่ะ เสี่ยวหยิ่ง ไปรอทางโน้นกับแม่สักครู่”

กู้ชิงหยิ่งแม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ก้มหน้าเดินตามหลี่หวั่นชิงไปด้านข้าง

พลางเดิน พลางหันหน้ากลับไปกำชับกับเฉินตง “ไม่ต้องดื่มแล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

เฉินตงยิ้มให้เป็นคำตอบ ยกชาร้อนขึ้น จิบชาขึ้นมา

ห้องอาหารเงียบจนแม้แต่เข็มหล่นลงพื้นยังได้ยิน

กู้โก๋ฮั้วใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ สายตากะพริบๆ กำลังครุ่นคิด

เฉินตงที่ถือแก้วชาไว้ในมือ รออยู่เงียบๆ

“ตงเอ๋อ ของขวัญวันนี้มันใหญ่เกินไปนะ!”

ในที่สุด กู้โก๋ฮั้วก็ทำลายบรรยากาศที่เงียบงัน

“คุณอา นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของผม สำหรับบุญคุณที่คุณอาช่วยชีวิตในครั้งนี้ เฉินตงยังรู้สึกไม่พอเลย”

เฉินตงกล่าวด้วยความจริงใจ จริงใจอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นเพราะกู้ชิงหยิ่ง หรือจะเป็นเพราะบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ คำพูดประโยคนี้ของเขาไม่มีความเท็จเลยแม้แต่นิดเดียว

“เฮ้ย……..”

กู้โก๋ฮั้วชำเลืองมองเฉินตง ถอนหายใจ “มีเรื่องอะไร พูดมาเถอะ อาก็เป็นคนที่มีเหตุผล ไม่ทำให้นายลำบากใจหรอก”

เฉินตงอึ้งไปทันที

เห็นเฉินตงเงียบไป กู้โก้ฮั้วก็ยิ้มๆ ราวกับว่าได้มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งนานแล้ว สายตาที่ล้ำลึกกำลังยิ้มอยู่

“ใครไม่เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนล่ะ? พูดออกมาอย่างกล้าหาญเลย ให้อาฟังหน่อย!”

เฉินตงยิ่งอึ้งกันไปใหญ่

จู่ๆเขาก็ว้าวุ่นเล็กน้อย

ฉันควรจะพูดอะไรนะ?

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เฉินตงก็พูดขึ้น คุณอา คุณอาดื่มเยอะไปแล้ว ผมพยุงคุณอาไปพักผ่อน”

“ฉันไม่ได้ดื่มเยอะ ยังดื่มเหล้าเหมาไถได้อีกสองขวดเลย เอ่อ……..”

กู้โก๋ฮั้วยกมือที่ใหญ่ขึ้นมา ที่แฝงด้วยความโกรธเล็กน้อย “นายมาเพราะมีเรื่อง เรื่องแบบนี้นายไม่เอ่ยปาก หรือจะให้ฉันเป็นคนพูดเหรอ?”

เฉินตง “ห๊า?”

เมื่อเห็นเฉินตงตกตะลึง กู้โก๋ฮั้วส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ยังคงยิ้มเหมือนกับว่าได้อ่านทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่งนานแล้ว

“วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ ขี้อาย ตอนที่ฉันอายุเท่านาย หนังหน้านี้สามารถเอามากันกระสุนได้แล้ว!”

ขณะที่พูด เขาก็ทุบไปที่โต๊ะหนึ่งที

แรงจมลงอย่างหนัก จนทำให้จานบนโต๊ะเกิดเสียง

“หนุ่มน้อยเอ๊ยหนุ่มน้อย นายก็พูดออกมาสิ? ส่งของขวัญเยอะแยะแบบนี้ ความคิดของนาย อามองออกนานแล้ว!”

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหัน

ทำให้เฉินตงตกใจจนม่านตาหด

กู้ชิงหยิ่งกับหลี่หวั่นชิงที่อยู่ด้านนอกห้องอาหารก็สะดุ้งตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาหาร

“พ่อ………..พ่อทำอะไร?” กู้ชิงหยิ่งมองกู้โก๋ฮั้วด้วยความโกรธ อุทานออกมา

กู้โก๋ฮั้วโกรธจนหน้าแดง กัดฟันไปมา ชี้ไปที่เฉินตง “ไอ้หมอนี่วันนี้นำของขวัญมาเยอะขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามาคุยเรื่องสู่ขอ แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่พูดออกมา ทำไม หรือจะให้คนเป็นพ่อเป็นคนเอ่ยเหรอ?”

สู่ขอ?!

โครม!

หัวของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเกิดเสียงที่ดังสนั่นพร้อมกัน

ทั้งสองมองสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนอึ้งกันไปเลย

พริบตาเดียว ใบหน้าที่แดงระรื่นของกู้ชิงหยิ่ง เหมือนเลือกจะซึมออกมาแล้ว

เธออายจนก้มหน้าลง กระทืบเท้าเบาๆ กล่าวอย่างต่อว่า “พ่อคะ พ่อกำลังพูดอะไร?”

เฉินตงก็รีบยกมือขึ้น อธิบาย “คุณอา ผม ผมมานำของขวัญมาเพื่อขอบคุณจริงๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสู่ขอเลย”

ร่างที่บอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย เงยหน้ามองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ

สีหน้าของกู้โก๋ฮั้วเคร่งขรึมทันที “ไม่ได้คิดถึงเรื่องสู่ขอ? ไอ้หมอนี่หมายความว่าไง? ให้ของขวัญราคาหลักร้อยล้าน ยังไม่อยากสู่ขอลูกสาวฉัน? หรือว่ารู้ว่าลูกสาวฉันไม่คู่ควรกับนาย? ห๊า………..”

คำถามมาเป็นชุด ทำให้เฉินตงตื่นตระหนก

ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริง!

แค่หลักร้อยล้านเอง ทำไมต้องดึงมาเกี่ยวกับเรื่องสู่ขอด้วย?

ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบาย

สายตาของกู้โก๋ฮั้วเหมือนไฟ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ยอมรับมาเถอะ อารับรู้ความรู้สึกของนายมานานแล้ว ฐานะนายก็แค่นั้น หากบอกว่าเป็นของขวัญการพบหน้าหรือขอบคุณที่ช่วยชีวิต ทำไมถึงได้มอบของขวัญหลักร้อยล้านล่ะ?”

“นายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา วันนี้ฉันก็จะเห็นด้วยกับคุณอย่างใจกว้าง!”

เมื่อคำพูดประโยคนี้ได้ถูกพูดออกมา สายตาของกู้ชิงหยิ่งก็ได้มองไปทางเฉินตง สองมือกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าเหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างอยู่

หลี่หวั่นชิงกะพริบตาที่สวยงาม ลูบหลังของลูกสาวโดยสัญชาตญาณ

เฉินตงไม่รู้จะทำยังไง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อธิบายกล่าว “คุณอา หลักร้อยล้านมันไม่มากจริงๆ ผมนั้นเพื่อขอบคุณจริงๆ แสดงความจริงใจของผม”

ตูบ!

กู้โก๋ฮั้วโกรธจนตบโต๊ะไปหนึ่งที ฟาดขวดเหล้าไปหนึ่งขวด จากนั้นหน้าแดง พูดกับกู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาที่มึนเมา “เสี่ยวหยิ่ง ลูกดูไอ้หมอนี่ มันรู้สึกว่าลูกไม่คู่ควรกับมัน ฮึ่ม………”ในตอนท้าย มีอาการสะอึกแอลกอฮอล์ที่รุนแรงมากอีกครั้ง

ร่างที่บอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามก็แดงขึ้นมา มองเฉินตงอย่างลึกๆแวบหนึ่ง หันกายเดินออกไปจากห้องอาหาร

“เมื่อดื่มเหล้า แม้แต่ตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้แล้วเหรอ?”

หลี่หวั่นชิงถอนหายใจ จ้องมองกู้โก๋ฮั้วอย่างโกรธเคือง แล้ววิ่งตามออกไป

เฉินตงจ้องมองกู้ชิงหยิ่งที่วิ่งออกไปอย่างสิ้นหวัง

เขาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้

ทำไม………เหมือนหัวใจพังทลายลงเลย!

บทที่ 142 เตรียมของขวัญ

เมื่อเฉินตงเดินเข้ามาในห้องโถง

ก็เห็นกู้ชิงหยิ่งและคนอื่นๆยืนรออยู่กลางห้องโถง

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน เดินเข้าไป คล้องแขนของเฉินตงเอาไว้ “เจ้าทึ่ม มาช้าจัง พวกคุณพ่อรอคุณอยู่นะ”

ดูเหมือนกำลังต่อว่า เธอนั้นเข้าใจดี ไท่ติ่งเพิ่งจะผ่านวิกฤต เป็นช่วงเวลาที่งานของเฉินตงกำลังหนัก

ที่พูดแบบนี้ ก็เพื่อหาทางลงให้กับเฉินตง

เฉินตงยิ้มอย่างขอโทษให้กับกู้โก๋อั้วและคนอื่นๆ “ขอโทษด้วยครับคุณอา คุณลุงเมิ่ง คุณอาเจิ้ง บริษัทมีเรื่องงานให้จัดการเยอะมาก ก็เลยทำให้มาช้าไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คนมาครบแล้ว ทุกคนนั่งลงกันเถอะ”

กู้โก๋ฮั้วยิ้มอย่างเบิกบานใจ มองท่านเมิ่งอย่างสงสัยแวบหนึ่ง

ท่านเมิ่งก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปต้อนรับที่กลางห้องโถง จึงทำให้พวกเขาเดินตามกันออกมา

กล่าวทักทายกัน

ท่านเมิ่งเห็นกู้โก๋ฮั้วที่บอกให้ทุกนั่ง เขาจึงได้เดินเข้าไปยิ้มทักทาย ยื่นมือขาวออกไป “เฉินตง เจอกันอีกแล้ว”

“คุณลุงเมิ่ง”

เฉินตงยิ้มแล้วยื่นมือออกไปจับมือกับท่านเมิ่ง

เพียงแค่การทักทาย กลับทำให้กู้โก๋ฮั้ว หลี่หวั่นชิงกับเจิ้งโก๋โส่วอึ้งกันไปเลย

การทักทายของท่านเมิ่ง ดูเหมือนสุภาพ

แต่คนที่สนิทกับเขาต่างก็รู้ คนที่สามารถทำให้ท่านเมิ่งไปทักทายได้ นั้นเห็นได้น้อยมาก

โดยเฉพาะเจิ้งโก๋โส่ว สายตาที่มองเฉินตงนั้นยิ่งสับสนมากกว่าเดิม

เฉินตงกลับพูดขึ้น “คุณอาทั้งสอง ครั้งที่แล้วมาอย่างรีบร้อน เตรียมตัวไม่พร้อม วันนี้จึงได้เตรียมของขวัญมาเล็กน้อย เพื่อเป็นการขอโทษคุณอาทั้งสอง”

ทุกคนได้หยุดฝีเท้าลง

หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ครั้งที่แล้วก็ได้บอกนายแล้ว คนมาก็พอแล้ว ทำไมยังสิ้นเปลืองไปซื้อของขวัญอีกล่ะ?”

เฉินตงยิ้มอย่างอบอุ่น “ต้องครับ พวกท่านเป็นพ่อแม่ของเสี่ยวหยิ่ง ต้องมีพิธีรีตองกันหน่อย”

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงนั้นมองสบตากัน ก็ไม่ได้พูดต่ออีก

เฉินตงมีน้ำใจต่อพวกเขา พวกเขาก็ไม่ควรที่จะมองข้าม

พรึบๆ…..

เฉินตงปรบมือ

พริบตาเดียว ลานด้านนอกห้องโถง ก็ดังขึ้นด้วยเสียงฝีเท้า

ผู้คนจำนวนมากเดินเข้ามาก พลังนั้นดูยิ่งใหญ่อลังการ

และด้านหลังของผู้คน ท่านหลงกับคุนหลุนก็เดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ท่านหลงที่ถือรายการของขวัญ แล้วอ่านอย่างเสียงดัง

“โสมพันปีหนึ่งคู่!”

“ปะการังเลือดพันปีหนึ่งคู่!”

“หินนำโชคธิเบต18ตาหนึ่งอัน!”

……

ในลาน ดังด้วยเสียงอ่านรายการของท่านหลง

จากนั้นก็ได้เปิดกล่องของขวัญที่ยกเข้ามา ของขวัญมากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจได้โดนตาของทุกคนในทันที

โครม!

แม้แต่กู้โก๋ฮั้วและคนอื่นๆที่เคยเห็นโลกกว้างมาแล้ว ยังเหมือนถูกฟ้าผ่า อึ้งกันเป็นแถว

นี่…….คือของขวัญเล็กน้อยเหรอ?

ของขวัญในรายการ มีชิ้นไหนที่ราคาไม่สูงลิบลิ่ว?

หากนี่เป็นของขวัญเล็กน้อย งั้นภาพวาด《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ครั้งที่แล้วคืออะไร?

เสียงอ่านรายการของขวัญ ดังอย่างต่อเนื่อง

อีกอย่าง ยิ่งท้ายๆ ของขวัญยิ่งมีราคา

“ยันต์แท้ของเทพอักษรหวางซีจือ《ผิงอันเถี่ย》หนึ่งแผ่น!”

โครม!

เมื่อท่านหลงอ่านรายการของขวัญชิ้นสุดท้ายนั้น

เสียงเหมือนท้องฟ้าคำราม ดังสนั่นหวั่นไหว

ในห้องโถง ครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งกับท่านเมิ่งอึ้งกันไปหมดทุกคน

ช่วงเวลาที่เจิ้งโก๋โส่วได้ยินคำว่า《ผิงอันเถี่ย》นั้น ใบหน้าก็แดงมากขึ้น ร่างกายสั่นเทา

“《ผิงอันเถี่ย》ของแท้? ตอนนั้น มันถูกประมูลออกไปในราคาสามร้อยล้านนะ!”

เสียงอุทานอย่างเบาๆ แต่ทุกคนที่อยู่ในนี้กลับได้ยินอย่างชัดเจน

ยันต์แผ่นเดียว สามร้อยล้าน?

นี่มันของขวัญเล็กน้อยตรงไหน?

“จบรายการของขวัญ!”

น้ำเสียงของท่านหลงดังสะท้อน เก็บใบรายการของขวัญ หันกายเดินจากไป

คนกลุ่มนี้ก็ได้เดินออกไปจานลานป่าไผ่ เหลือเพียงกล่องขนาดใหญ่ที่มีของกำนัลมากมาย

ระยะเวลาในการอ่านรายการของขวัญ จะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น

แม้ว่าท่านหลงและคนอื่นๆเดินจากไปแล้ว คนที่อยู่ในห้องโถงสติยังไม่กลับคืนมา

ครู่ใหญ่

เจิ้งโก๋โส่วที่ตัวสั่นได้พุ่งตัวเข้าไปด้านหน้ากล่องของขวัญ หยิบกล่องใบเล็กที่อยู่บนสุด

ด้านในนั้นก็คือ《ผิงอันเถี่ย》

มองดูอย่างละเอียด ร่างกายที่สั่นของเจิ้งโก่โส่วกลับสั่นเพิ่มความรุนแรงขึ้น หายใจหอบ “เป็น…เป็นผิงอันเถี่ยที่ราคาสามร้อยล้านจริงๆ”

คำอุทานเพียงคำเดียว ก็ทำให้กู้โก๋ฮั้วและคนอื่นๆได้สติในที่สุด

กู้ชิงหยิ่งใช้มือกุมปากเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยากับท่านเมิ่ง ต่างมองเฉินตงด้วยความตกตะลึง

“ลูกเอ๊ย…….นี่ ของขวัญเหล่านี้มันเท่าไหร่แล้ว? นี่ยังว่าเป็นของขวัญเล็กน้อยอีกเหรอ?”

น้ำเสียงของกู้โก๋ฮั้วสั่นเล็กน้อย แผ่นอักษรแผ่นเดียวก็สามร้อยล้าน บวกกับของขวัญอื่นๆ มูลค่าล้นฟ้าแล้ว!

ด้วยฐานะของเขา หลักร้อยล้านนั้นเป็นเพียงเป้าหมายเล็กๆของเขา แต่ให้ของขวัญกับคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องมอบเป้าหมายเล็กๆออกไปมั้ง

สี่ร้อยแปดสิบล้าน!

ในใจเฉินตงนั้นมีตัวเลข เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจเลย และพอใจกับของขวัญที่ท่านหลงเตรียมให้

เขาไม่ขาดแคลนเงินทอง ตระกูลเฉินยิ่งไม่ขาดแคลนเงินทอง!

เพียงแค่สี่ร้อยแปดสิบล้าน กับพ่อที่คุยกันไม่รู้เรื่องก็จะมอบบ่อน้ำมันให้คนอื่นเทียบกันแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงนั้นเป็นพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่ง อยู่ในใจเขา แค่เงินสี่ร้อยแปดสิบล้านไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย

ของขวัญนั้นมีมูลค่า แต่น้ำใจนั้นประเมินค่าไม่ได้!

เฉินตงยิ้มๆ กล่าวอย่างใจเย็น “ คุณอา ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อย”

หางตาของกู้โก๋ฮั้วกระตุกอย่างแรง สายตาที่มองเฉินตงก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว

หลี่หวั่นชิงถึงกลับรีบพูด “เฉินตง น้ำใจของนายพวกเราซาบซึ้งแล้ว แต่ว่าของขวัญพวกนี้มันแพงเกินไป ตอนนี้ธุรกิจของนายเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่ควรที่จะมือเติบแบบนี้”

เงินหลักร้อยล้านสำหรับตระกูลกู้แล้ว ก็ไม่เท่าไหร่

แต่ในความคิดของหลี่หวั่นชิง เงินก้อนนี้เมื่ออยู่ในมือของเฉินตงต้องถือเป็นเงินก้อนใหญ่

เมื่อเทียบกับการมอบให้พวกเขา เห็นได้ชัดว่าเอาไปลงทุนทางธุรกิจ นั้นจะดีกว่า!

“น้ำใจที่คุณอาทั้งสองมีต่อผม มันคือบุญคุณที่ช่วยชีวิต แค่ของขวัญเล็กน้อย เฉินตงยังรู้สึกน้อยเลย ไม่มากหรอกครับ” เฉินตงส่ายหัว

บริษัทชิงหยิ่นเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้ ทั้งหมดก็เพื่อช่วยไท่ติ่งของเขา

มูลค่าของขวัญที่เขามอบให้นั้น เมื่อเทียบกับความเสียสละของบริษัทชิงหยิ่น มันเทียบกันไม่ได้เลย

“คุณมันโง่จริงๆเลย!” หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งได้สติ สายตาที่มองเฉินตงก็เปลี่ยนไปเลย

“เสี่ยวหยิ่ง อย่าพูดไปเรื่อย!” หลี่หวั่นชิงจ้องมองด้วยดวงตาที่สวยงาม ทำให้กู้ชิงหยิ่งตกใจจนอ้ำๆอึ้งๆ

เห็นกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงยังจะโต้แย้งอีก ท่านเมิ่งจึงได้กล่าวขึ้น “ไอ้กู้ เฉินตงเขามีใจอยากจะตอบแทนนาย พวกนายรับไว้ก็พอแล้ว”

“แต่……….” กู้โก๋ฮั้วขยับริมฝีปากไปมา

ท่าทีที่จริงจังของท่าเมิ่ง “นายเสียเงินไปหลายร้อยล้าน ถือว่าเอาคืนจากเฉินตง ก็ไม่เป็นไรแล้ว”

ได้ยินเช่นนี้ เฉินตงกับกู้โก๋ฮั้วก็หัวเราะพร้อมกัน

กู้โก๋ฮั้วยกมือ ก็เท่ากับว่าได้รับของขวัญไว้แล้ว แต่สายตาที่มองเฉินตงนั้น เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ของขวัญที่มีราคาแพงขนาดนี้ คืนนี้เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องมีเรื่องอื่นอย่างแน่นอน!

เพียงแต่ สายตาที่ล้ำลึกของกู้โก๋ฮั้วมองไปด้านนอกห้องโถง ก็ขมวดคิ้วแน่น

เมื่อกี้เสียงที่อ่านรายการของขวัญ ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมาก

แต่เพราะระยะห่างและสาเหตุของแสงไฟ สุดท้ายเขาก็เห็นไม่ชัด

“พ่อคะ อึ้งอยู่ทำไม กลับไปนั่งพร้อมกันเถอะ” เสียงแรกของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้สติของกู้โก๋ฮั้วกลับมา

“ตกลงเคยเจอกันที่ไหนนะ?” กู้โก๋ฮั้วหัวเราะอย่างเจื่อนๆ หันกายเดินเข้าไปในห้องอาหาร

และเจิ้งโก๋โส่ว ในเวลานี้พลางเดิน พลางถือกล่อง《ผิงอันเถี่ย》ไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง

เวลานี้ เขาถึงขั้นมีความรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาด้านนอก

เมื่อเขาเดินไปถึงยังห้องอาหาร ก็เงยหน้ามองเฉินตงอย่างจริงจัง พร้อมสายตาที่แน่วแน่!

บทที่ 141 งานเลี้ยง

หลังจากที่เฉินตงรับสายของหวางหนันหนันแล้ว

ใจก็ไม่ได้อยู่ที่งานเลย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ถึงขนาดที่ว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นออกไปจากบริษัทยังไง

หลังจากที่ได้สติแล้ว ก็ได้มายืนอยู่ที่ด้านนอกร้านอาหารBlue Enchantressแล้ว

ภาพที่คุ้นเคย ภาพยังคงเหมือนเดิมแต่คนนั้นได้เปลี่ยนไปนานแล้ว

เขายิ้มๆ รอยยิ้มนั้นแฝงไว้ด้วยความขมขื่น

เฉินตงเดินเข้าไปในร้านอาหาร แต่ไกลเฉินตงก็มองเห็นหวางหนันหนันที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับหน้าต่าง

ลมพัดเบาๆ แสงแดดที่อบอุ่น ทุกอย่างกำลังดี

หวางหนันหนันที่สวมกระโปรงสีขาวกำลังนั่งอยู่อย่างเงียบๆ ผมยาวที่ปล่อยสหยายอยู่บนหลัง สงบนิ่งๆ

“มาแล้วเหรอ?”

เมื่อเห็นเฉินตง หวางหนันหนันก็ยิ้มๆ

เฉินตงก็พยักหน้า หลังจากนั่งลงแล้ว ก็ถามอย่างใจเย็น “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“วันนี้ฉันก็จะย้ายบ้านแล้ว”

หวางหนันหนันเอียงกายบิดขี้เกียจ ยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ไปจากเมืองนี้ ที่ตรงนี้มีเรื่องราวที่น่าเศร้าใจมากเกินไป”

“ก็ดี เปลี่ยนที่อยู่เปลี่ยนการดำเนินชีวิตอีกแบบ” เฉินตงพูดอย่างใจเย็น

“ขอโทษ”

หวางหนันหนันจู่ๆก็กล่าวขึ้น “หลังจากเลิกกับคุณ ฉันถึงได้รู้ความดีที่คุณเคยมีต่อฉัน เป็นฉันที่ไม่คู่ควรกับคู่ เป็นฉันที่ทิ้งคุณเอง”

เฉินตงรู้สึกตกใจ และคาดไม่ถึง

หวางหนันหนันนั้นถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ความหยิ่งผยองนั้นซึมลึกเข้าไปในกระดูก จินตนาการไม่ออกเลย ว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเธอ

อีกอย่าง มันยังออกมาจากจริงใจ

เมื่อสบตากับหวางหนันหนัน ราวกับเวลามันได้หยุดเดิน

ครู่ใหญ่

เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น “ทุกอย่างมันไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปได้อีกแล้ว”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก

หวางหนันหนันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเฉินตงที่เดินจากไป ดวงตาที่สวยงามน้ำตาก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมา

เขายกมือขึ้น เช็ดน้ำตา บ่นพึมพำ “หนันหนัน ไม่ร้อง”

ได้กล่าวลาในขณะที่ทั้งสองคนเจอกันเพียงไม่กี่นาที ในซอยของด้านนอกร้านอาหาร มีใครคนหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์เอาไว้ แอบถ่ายทุกอิริยาบถของเขาทั้งสอง

……

กลับถึงบริษัท เฉินตงก็ปรับอารมณ์ให้กลับสู่ปกติ แล้วก็มุ่งมั่งสู่การทำงาน

หวางหนันหนันนั้นเป็นเพียงอดีต

สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ควรใส่ใจเเละอยู่กับปัจจุบันที่เป็นอยู่ดีกว่า

เขานั้นถ่อมตัวมาก แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือความได้คืบจะเอาศอกของตระกูลหวาง

บทสรุปของตัวตระกูลหวางในวันนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโทษที่มาจากการกระทำของตัวเอง

สามวันให้หลัง

การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของบริษัทชิงหยิ่นกับยี่เคอกรุ๊ป ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และได้รับการผลักดัน

ราคาบ้านอยู่ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น

และไท่ติ่ง ก็จะยังคงจำกัดการซื้อ ปริมาณการส่งมอบอยู่ที่วันละห้าสิบหลัง การซื้อบ้านแบบนี้ทำให้ผู้ซื้อแทบคลั่ง

ยิ่งทำให้คนที่คืนบ้านก่อนหน้านั้น เจ็บใจอย่างมาก ถึงขนาดทุบอกกระทืบเท้า

ทุกคนรู้ดีว่าไท่ติ่งนั้นกำลังชะลอราคาบ้าน เพราะต้องการรอจนกว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการพรีเซลล์ขนาดใหญ่

แต่สิ่งที่แปลกคือ

สิ่งที่เสี่ยวหม่ากังวลเกี่ยวกับความคิดของประชาชน กลับไม่เกิดขึ้นเลย

ไม่ใช่ว่ามันไม่ได้ถูกส่งต่อไปในหมู่ประชาชนของเมืองนี้ แต่ … เพราะมันไม่สามารถสร้างความคิดเห็นในสื่อสาธารณะได้

ในเวลาสามวัน การรายงานข่าวของสื่อสำนักใหญ่ๆแต่ละสำนักในเมืองนี้ มุ่งเน้นไปที่การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของ บริษัทชิงหยิ่นและยี่เคอกรุ๊ป

สำหรับราคาบ้านฝั่งตะวันตกของไท่ติ่ง นั้นรายงานน้อยมาก!

คืนนี้

เฉินตงเลิกงานแต่เช้า

เมื่อเดินไปถึงใต้ตึกบริษัทนั้น รถโรลส์-รอยซ์ก็ได้จอดรถอยู่ที่ข้างทางแล้ว

เมื่อขึ้นรถ เฉินตงก็ถาม ท่านหลง “ของขวัญเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“ตามที่คุณชายสั่ง ได้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ” ท่านหลงยิ้มๆ

คนที่ขับรถคือคุนหลุนก็พูดติดตลก “คุณชาย ของขวัญที่มีมูลค่ามากขนาดนี้ ไปสู่ขอสาวเหรอ?”

“พูดให้น้อยๆหน่อย”

เฉินตงยิ้มๆ กล่าว “ครั้งนี้พ่อของเสี่ยวหยิ่งช่วยฉันมากขนาดนี้ ไม่น้อยไปกว่าการช่วยชีวิตเลย ของขวัญแค่นี้จะแค่ไหนเชียว?”

คืนนี้ เป็นงานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นเพื่อขอบคุณบุญคุณของกู้โก๋ฮั้วที่ช่วยชีวิต

วิกฤตครั้งนี้ของไท่ติ่ง เหมือนตึกที่กำลังจะถล่ม

ต่อให้สุดท้ายพ่อของเขาจะเอาคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอยู่หมัด แล้วให้ยี่เคอกรุ๊ปเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้

แต่กู้โก๋ฮั้วสามารถช่วยเขาในขณะที่เขากำลังจะหมดลมหายใจ ในสถานการณ์ที่กำลังจะตายไม่ตายแบบนี้ ยื่นมือมาช่วยเขา บุญคุณนี้ จำเป็นต้องตอบแทน บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร

ยิ่งไปกว่านั้นมันคือบุญคุณการช่วยชีวิต!

จากนั้น

ท่านหลงยิ้มๆ กล่าวด้วยสายตาที่ลึกๆ “เพียงแต่ หากคุณชายจะไปขอสาวจริง กระผมสามารถช่วยคุณชายเตรียมของขวัญอย่างดี อีกอย่างของขวัญที่กระผมเตรียมนั้นต้องทำให้ตระกูลกู้ชอบใจอย่างแน่นอน”

“ของขวัญอะไร?” เฉินตงสงสัย

ท่านหลงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ หันไปพูดกับคุนหลุน “คุณหลุน ยังไม่ขับรถอีก? ดูเหมือนคุณชายมีความคิดที่อยากจะสู่ขอลูกสาวของตระกูลกู้แล้ว?”

คำพูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เฉินหน้าแดง

คุนหลุนที่ขับรถอยู่ก็หัวเราะขึ้นมา

คลับสี่ยิ่น

ในลานป่าไผ่ สว่างไสวด้วยแสงไฟ

เสียงเปียโนดังก้อง ไม้จันทน์หอมระเหย

ในห้องอาหาร ครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งกับท่านเมิ่ง เจิ้งโก๋โส่วได้นั่งประจำที่แล้ว

กู้ชิงหยิ่งมองออกไปด้านนอกเป็นระยะ ตั้งหน้าตั้งตารอ

หลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างกายเธอ จับมือเธอเอาไว้ นั่งฟังกู้โก๋ฮั้วกับเพื่อนที่คุยกันอย่างเงียบๆ

“ไอ้เมิ่ง ฉัน ฉันต้องก้มหัวขอโทษจริงๆเหรอ?” เจิ้งโก๋โส่วที่มีสีหน้าลังเล ยังคงมีความไม่เต็มใจอยู่เล็กน้อย

เขาเป็นปรมาจารย์จิตรกรรมจีน มีชื่อเสียงในระดับสากล และสถานะที่โดดเด่น

โดยปกติ ต่อให้ไปงานเลี้ยงของครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจ เจ้าภาพยังต้องให้ความเคารพ เชิดชูให้อยู่ในที่สูง เพลิดเพลินกับคำเยินยอของผู้คนรอบข้าง

ให้เขาก้มหัวขอโทษ ยังต้องขอโทษเด็กที่อายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง ในใจเขานั้นยังคงทำใจไม่ได้

แม้ว่า รู้ว่าตัวเองนั้นผิดก็ตาม

ได้ยินเช่นนี้

กู้โก๋ฮั้วก็ขมวดคิ้วมองท่านเมิ่ง ไอ้เมิ่ง “คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้ง? ไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันกับเสี่ยวหยิ่งพูดแทนไอ้เจิ่ง”

กู้ชิ่งหยิ่งที่ได้สติ ก็พยักหน้ากล่าว “ใช่ค่ะคุณอาเมิ่ง เฉินตงเป็นคนใจกว้างมากค่ะ”

เธอนั้นรู้ฐานะอายุของเจิ่งโก๋โส่ว ให้เขาขอโทษเฉินตง มันเป็นการฝืนใจจริงๆ

ท่านเมิ่งนั่งอย่างสง่าผ่าเผย ยิ้มๆ “สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว ไอ้เจิ้ง ฉันหวังดีกับนาย นายก็ชั่งใจเองละกัน ภาพ《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ด้วยสถานะของเฉินตงนั้นสามารถมอบของขวัญแบบนี้จริงๆ เพียงแต่เรื่องบางเรื่อง สิ่งที่นายเห็นอาจจะไม่ใช่ความจริง”

ใบหน้าของเจิ้งโก๋โส่วแดงก่ำ ก้มหน้าครุ่นคิด

กู้โก๋ฮั้วที่ท่าทีแปลกๆ ก็กล่าวขึ้น “ไอ้เมิ่ง นายกับไอ้หลิวเป็นอะไรกันแน่? แต่ละคนท่าทางแปลกๆมีอะไรซ่อนอยู่ มีอะไรที่ไม่สามารถพูดกันต่อหน้าเหรอ?”

ท่านเมิ่งเหลือบตามองกู้โก๋ฮั้วแวบหนึ่ง ยิ้มแบบไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับ

พูดกันต่อหน้า?

พูดกันต่อหน้า ฉันกล้าพูด พวกนายจะกล้าเชื่อมั้ย?

หากไม่ใช่เห็นกับตา เขาก็ไม่กล้าเชื่อชาติตระกูลของเฉินตง

ในความเป็นจริง ด้วยกำลังของท่านเมิ่ง หากอยากจะตรวจสอบ มันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

แต่ในเอกสารเห็นได้ชัด เฉินตงตั้งแต่เกิดมานั้นเป็นเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตกับแม่สองคน ฐานะยากจน ก้าวเดินมาทีละก้าวจนมาถึงวันนี้

การแต่งงานที่โชคร้าย เกือบจะทำให้แม่ของเฉินตงเสียชีวิต

จากนั้นก็การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง สิ่งที่ประสบมาในช่วงระยะเวลานี้ ทำให้ท่านเมิ่งนั้นประหลาดใจอย่างมาก

ไม่รอให้กู้โก๋ฮั้วถามต่อ เจิ้งโก๋โส่วก็ถอนหายใจไปหนึ่งที “ฉัน ฉันลองดูละกัน”

พอดีในเวลานี้

ด้านนอกประตู ก็มีเสียงๆหนึ่งดังเข้ามาข้างใน

“เจ้านาย เฉินตงมาถึงแล้ว”

ได้ยินเช่นนี้

ท่านเมิ่งก็ลุกขึ้นมากะทันหัน ราวกับโดยไฟฟ้าช็อต

ภาพนี้ ทำให้คนที่อยู่ในนี้ล้วนตกใจ

ปฏิกิริยาแบบนี้……โอเวอร์ไปหรือเปล่า?

บทที่ 140 แย่ง ?

“จางซิ่วจือ เธอปล่อยลูกเดี๋ยวนี้นะ !”

หวางเธอพูดด้วยความโกรธ เขาโยนก้นบุหรี่ลง แล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ

เผียะ !

เขาตบหน้าจางซิ่วจืออย่างแรง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า : “ในครอบครัวมีสภาพแบบไหนแล้ว ? ต้องโทษตัวเธอทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ครอบครัวจะมีสภาพเช่นนี้หรือ ? หนันหนันเป็นแบบนี้แล้ว เธอซึ่งเป็นแม่ยังคิดที่จะลงมือได้อีกหรือ ?”

ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้จางซิ่งจือและหวางเห้าที่ยืนอยู่ด้านนอก ต่างตื่นตกใจ

แต่ไหนแต่ไรมา หวางเต๋อเป็นคนที่ดูซื่อสัตย์ อดทนอดกลั้นและดูอ่อนแอมาโดยตลอด

“คุณตะโกนอะไรใส่ฉันกันนักกันหนา ?” หลังจากที่จางซิ่วจืออึ้งไปสักพัก ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“คุณยังจะร้องอีกหรือ ? คุณเชื่อไหมว่าวันนี้ผมสามารถตีให้คุณตายคามือได้ ?” หวางเต๋อง้างมือขึ้นจะตบ ทำให้จางซิ่งจือตกใจจนหัวหด

หวางเห้าเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้าไปห้ามปราม : “พ่อ ทำไมถึงตบแม่อย่างนี้ล่ะครับ ?”

“แม่แกจะตีพี่สาวแกให้ตายอยู่แล้ว จะไม่ให้ฉันเข้าไปช่วยได้ยังไง ?”

หวางเต๋อตาแดงก่ำ หันกลับไปมองด้วยความโกรธ

หวางเห้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบเข้าไปลากจางซิ่วจือกลับเข้าห้องไป

หวางเต๋อหันมองหวางหนันหนันที่นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่

หวางหนันหนันนั่งคุดคู้อยู่บนพื้น บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือสีแดง แต่แววตาของเธอกลับยังคงว่างเปล่า เอาแต่ถูร่างกายไม่หยุด

ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า : “สกปรก……สกปรก……”

ภาพที่เห็น ทำให้หวางเต๋อรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดเข้าที่หัวใจ

พรึ่บ !

เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมา : “นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรกัน ? หนันหนัน……พ่อเองที่ทำผิดต่อลูก”

จู่ๆ ร่างกายของหนันหนันก็หยุดสั่น

ทันใดนั้น

“พ่อ……”

หวางหนันหนันโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางเต๋อ แล้วร้องไห้โฮออกมา

สองพ่อลูกกอดคอกันร้องไห้ หวางเต๋อเอาแต่กล่าวขอโทษและตบหลังเพื่อปลอบใจหนันหนันไม่หยุด

……

เมื่อแสงแรกของแดดยามเช้าส่งกระทบลงมายังพื้นโลก

เฉินตงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ด้วยความรู้สึกสดชื่น หนึ่งวันที่ผ่านพ้นไป ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

เขาเสร็จสิ้นการฝึกร่างกายกับคุนหลุนตั้งแต่เช้า

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยรัศมี และรอยยิ้มที่ดูสดใส

ตอนนี้ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะถึงเวลาเข้างาน

แต่ทุกคนกลับมาถึงที่ทำงานแต่เช้า

ถึงขั้นว่า เสี่ยวหม่าและพนักงานระดับกลาง ต่างก็รีบมาถึงบริษัททันทีที่ฟ้าสาง

“พวกคุณดูข่าวเมื่อคืนแล้วหรือยัง ? สวรรค์ ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองฝันไปแล้วจริงๆ !”

“เกินคาดจริงๆ ยี่เคอ กรุ๊ปจะกลับมาปักหลักอีกครั้ง ในหมู่บ้านของผมมีคนที่เคยเข้ามาซื้อบ้านที่ภาคตะวันตกกับเราเอาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้ตลอดทั้งคืน”

“บริษัทชิงหยิ่นกับยี่เคอ กรุ๊ป สอบริษัทยักษ์ใหญ่จะเข้ามาปักหลัก ราคาอสังหาริมทรัพย์มนภาคตะวันตก จะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะต้องสูงกว่าเมื่อก่อนด้วย”

……

พนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก

มีเพียงเสี่ยวหม่าเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เขาเป็นคนที่มาถึงบริษัทเร็วที่สุด เมื่อคืนหลังจากที่การรายงานข่าวภาคค่ำจบลง เขาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน

แต่ตอนนี้ เขากลับไปรู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย

ในสมองของเขา เหมือนกำลังฉายภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมา

จนในที่สุด ภาพก็ไปหยุดอยู่ที่เฉินตง

“พี่ตงไม่แสดงอาการตื่นเต้นตกใจเลยตั้งแต่ต้นจนจบ หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนานแล้ว ?”

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น รูม่านตาของเสี่ยวหม่าก็หดลงทันที หัวใจของเขาเต้นแรง

หรือว่า……นี่จะเป็นแผนของพี่ตง ?

ยิ่งคิด ความกลัวในจิตใจของเสี่ยวหม่าก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

เขาเป็นคนที่เฉินตงปั้นขึ้นมากับมือ หลังจากเขามาทำงานในบริษัทก็คอยติดตามเฉินตงมาโดยตลอด เขาจึงเข้าใจเฉินตงมากที่สุด

ถ้าเฉินตงไม่ได้มีแผนการแต่เนิ่นๆ ทำไมภายในเวลาทั้งสองวันนั้น เฉินตกถึงมีท่าทีที่สงบและไม่สะทกสะท้านเช่นนั้นได้ ?

หลังจากที่คิดออกแล้ว เสี่ยวหม่าก็หันมองบรรดาเพื่อนร่วมงานที่พูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

ยังไงเสียในบริษัทนี้ ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่เข้าใจพี่ตงที่สุด !

พวกนายยังมัวแต่สงสัยสาเหตุที่ยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่นต่างก็เสนอตัวเข้ามา แต่กลับไม่รู้เลยว่าพี่ตงได้วางแผนเรื่องพวกนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว !

คิดวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ สมแล้วที่เป็นพี่ตง !

ในเวลานี้ ภาพของเฉินตงที่อยู่ในใจของเสี่ยวหม่านั้น ส่งแสงเป็นประกายและแข็งแกร่ง

เขาไม่พยายามคิดว่าทำไมเฉินตงถึงได้ร่วมมือกับยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่น นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขา ซึ่งเป้นเพียงพนักงานควรคิด สิ่งที่เขาคิดก็คือ จะต้องคอยติดจามเฉินตงอย่างไม่ลดละ !

เมื่อเฉินตงมาถึงบริษัท ก็หันมองบรรดาพนักงานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส เขาก็ยิ้มออกมาทันที

แปะ แปะ แปะ……

เสียงปรบมือดึดดูดความสนใจของทุกคน

“ประธานเฉิน !”

พนักงานตะโกนเรียกโยพร้อมเพรียงกัน

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม : “เรื่องเมื่อคืนคงรู้กันแล้วสินะ ? วันนี้ควรจะทำอย่างไร ก็ให้ทำซะ !”

บรรดาพนักงานหัวเราะร่าออกมา จากนั้นจึงทุ่มเททำงานด้วยความกระตือรือร้น

ในขณะเดียวกัน

หลังจากผ่านพ้นไปหนึ่งคืน คนทั้งเมืองก็แทบจะบ้าคลั่ง

บ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งแรกที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่าจะเข้ามาปักหลักเสียอีก

ในสายตาของทุกคน ภาคตะวันตกของเมืองกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองไปเสียแล้ว

ถ้าไม่ซื้อบ้าน ไม่เท่ากับว่าเป็นคนโง่หรอกหรือ ?

ฟ้ายังไม่ทันสว่าง บริเวณด้านหน้าของที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่ง ก็มีการต่อแถวกันยาวเหยียด

เหมือนกับเมื่อวานและเมื่อวานซืน ทุกคนต่างมีท่าทีแข็งกร้าว ดวงตาแดงก่ำ

แต่สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ก่อนหน้านี้มาเพื่อขายบ้านคืน แต่ตอนนี้มาเพื่อแย่งซื้อบ้าน !

ภายในเวลาคืนเดียว ใจของคนได้เปลี่ยนไปแล้ว !

แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ

ขณะที่ประตูของศูนย์กลางที่ทำการขายถูกเปิดออก

ภายในศูนย์กลางที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ต่างขึ้นป้ายเหมือนกันโดยไม่มีข้อยกเว้น

“ทุกวันจำกัดสิทธิ์ผู้ซื้อเพียง 50 สิทธิ์ !”

เปรี้ยง !

ผู้ซื้อที่เตรียมความพร้อมจะมาแย่งซื้อบ้นทั้งหมด ต่างรู้สึกเหมือนตนเองถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

บริเวณด้านหน้าของหลงถิงฮัวหยวน ชายหัวโล้นมองดูแผ่นป้ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “มีสิทธิ์อะไรมาจำกัดผู้ซื้อ ? ทำไมจะต้องจำกัดปริมาณการซื้อด้วย ? ก่อนหน้านี้ผมก็เคยมาที่นี่เพื่อซื้อบ้านกับพวกคุณนะ !”

“คุณผู้ชายครับ แต่ก่อนหน้านี้คุณได้ขายคืนบ้านไปแล้ว เมื่อขายคืนแล้ว ตอนนี้ก็จำเป็นจะต้องซื้อใหม่ ถ้าต้องการซื้อใหม่ ก็จะเป็นต้องยึดตามกฎการจำกัดสิทธิ์เพื่อมาซื้อ”

ผู้จัดการฝ่ายขายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และยืนตัวตรงพร้อมผายมือออกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงพูดอย่างจนใจว่า : “เป็นเพราะสองวันมานี้บริษัทของเราดำเนินขั้นตอนการรับซื้อคืนบ้านในจำนวนที่มากเกินไป จึงยังไม่อาจจัดการให้แล้วเสร็จได้ ดังนั้นการจำกัดจำนวนการซื้อ ก็เพื่อที่จะจัดการกับเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อยกระดับบริการที่ดีแก่ทุกท่าน”

ชายหัวโล้น : “…..”

เผียะ !

เขาตบตัวเองแรงๆ หนึ่งครั้ง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เสี่ยวหม่าเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยความประหลาดใจ : “พี่ตง จะต้องจำกัดปริมาณการซื้อจริงหรือครับ ? หากทำเช่นนี้กลัวว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนะครับ !”

“ก็ปล่อยให้วิจารณ์กันไปเถอะ”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “จำเอาไว้ประโยคหนึ่งนะว่า อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย อะไรที่ควรได้ก็ต้องได้ ตอนที่ขายบ้านคืน ฉันยินดีที่จะแบกรับภาระเอาไว้คนเดียวทั้งหมด อยากจะคืนก็คืน แต่เวลาที่ขาย อะไรที่ฉันควรได้ ฉันก็ต้องได้ เมื่อวานนายเป็นคนทิ้งเงินก้อนโตไปเอง มาวันนี้จะมาร้องห่มร้องไห้ เช่นนี้เขาเรียกว่าทำอะไรก็ได้อย่างนั้น !”

เสี่ยวหม่าอึ้งไป จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ

หลังจากรอให้เสี่ยวหม่าออกไปจากห้องทำงานแล้ว

เฉินตงก็ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก ภายใต้การผลักดันของยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง กำลังพุ่งทะยานขึ้นไปไม่หยุด สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา !

สิ่งที่ทำให้เขามีความมั่นใจ และไม่ถูกคนอื่นกดดันเอาได้ง่ายๆ !

แต่ทว่า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน

เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย

เฉินตงขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกดวางสาย

แต่หมายเลขนั้นก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้งในทันที

เขากดรับสายโทรศัพท์อย่างเลี่ยงไม่ได้

“คุณยังชอบกดวางโทรศัพท์ของฉันเหมือนเดิมเลยนะ”

ในสายโทรศัพท์ มีเสียงหัวเราะที่หดหู่ดังขึ้น

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น เขานิ่งเงียบไม่พูดจา

จากนั้นก็มีเสียงากปลายสายดังขึ้นว่า : “เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายได้ไหม ? ตอนเที่ยงที่ร้านอาหาร Blue Enchantress ฉันจะไปจากมืองนี้แล้ว”

หางตาของเฉินตงกระตุก

ร้านอาหาร Blue Enchantress……นั้นเป็นร้านอาหารที่เขาและหวางหนันหนันออกเดทกันเป็นครั้งแรก

บทที่ 139 ความสุขสองเท่า

ตอนที่เฉินตงกลับถึงบ้าน

บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความสุข

ใบหน้าของทุกคนต่างฉาบไปด้วยรอยยิ้ม

ฟ่านลู่และแม่ของเขา จัดเตรียมอาหารชั้นเลิศเอาไว้มากมายเต็มโต๊ะ รวมไปถึงไวน์แดง เพื่อเป็นการแสดงความยินดี

“ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้วหรือ ?”

ที่เฉินตงรีบร้อนกลับมา ประการแรกก็เพื่อที่จะเตรียมวางแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ของไท่ติ่ง ส่วนอีกประการหนึ่งคือต้องการที่จะมาบอกข่าวดีกับทุกคน

“สั่นสะเทือนไปทั้งเมืองแล้ว รู้ตั้งนานแล้ว”

หลี่หลานยิ้มและพูดกระตุ้นว่า : “ครั้งนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตงเอ๋อ ลูกช่าโชคดีจริงๆ มัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปล้างมือเร็วเข้า”

“ใช่แล้วๆ คุณชาย คุณผู้หญิงกับเสี่ยวลู่ง่วนอยู่ในครัวตลอดทั้งบ่ายเลยนะ” คุนหลุนพูดเสริม

เฉินตงเพิ่งจะกินข้าเย็นมา แต่เมื่อเห็นคนในบ้านกำลังมีความสุข เขาจึงไม่ปฏิเสธ ยิ้มแล้วเดินเข้าไปล้างมือในห้อครัว จากนั้นทั้งครอบครัวก็นั่งร่วมโต๊ะกันอย่างมีความสุข

ท่านหลงยกแก้วขึ้นมาก่อน เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ความสุขสองเท่า ฉลอง !”

ขณะที่ทุกคนกำลังชนแก้วกันนั้น เฉินตงกลับเลิกคิ้ว : “ความสุขสองเท่า ? ยังมีเรื่องน่ายินดีอะไรอีกหรือ ? ไม่ใช่ว่าฉลองเรื่องที่เราสามารถรักษาบริษัทเอาไว้ได้หรอกหรือ บริษัทชิงหยิ่นยื่นมือเข้ามาช่วยให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของเรามีเสถียรภาพ ?”

พวกหลี่หลานหันมองหน้ากัน จากนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกประหลาด

หลังจากนั้นท่านหลงก็วางแก้วลงแล้วลุกขึ้น จากนั้นจึงพูดว่า : “คุณชาย เชิญมากับกระผมหน่อยครับ ผมจะให้คุณดูเรื่องน่ายินดีอีกเรื่อง”

เฉินตงเดินตามท่านหลงไปยังห้องรับแขกด้วยความสงสัย

มีรอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่านหลงตั้งแต่ต้นจนจบ

ท่านหลงหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมา จากนั้นจึงกดเปิดโทรทัศน์

ตอนนี้เอง เป็นเวลานำเสนอข่าวภาคค่ำของเมืองนี้พอดี

ข่าวใกล้จะจบแล้ว

เมื่อเห็นการรายงานข่าวข่าวหนึ่ง ก็มีเสียงดัง “เปรี้ยง” เกิดขึ้นในหัวของเฉินตง

“ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะเริ่มดำเนินแผนการลงทุนทางภาคตะวันตกของเมืองที่งับเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่อไป”

มีเพียงเนื้อหาข่าวสั้นๆ ที่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร

มีความยาวเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น !

แต่กลับไม่กระทบถึงอานุภาพอันร้ายแรงของข่าวนี้เลยแม้แต่น้อย

ต่อให้เป็นเฉินตงเอง ก็รู้สึกสั่นสะเทือนไปพักใหญ่ จากนั่นจึงค่อยๆ ตั้งสติกลับมาได้

เขาหันมองท่านหลงด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ : “ชนะ……แล้ว ?”

“คุณชายชนะแล้ว” ท่านหลงยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “กระผมเองก็เพิ่งได้ข่าวเมื่อช่วงบ่าย”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า หัวใจของเขาเต้นระส่ำจนไม่เป็นจังหวะ

ใบหน้าของเขาเริ่มแดง จังหวะการหายใจเริ่มเร็วขึ้น ลำคอเคลื่อนไหวรุนแรง

ด้วยนิสัยพื้นฐาน ตอนนี้ในใจของเขาเหมือนกำลังมีคลื่นซัดถาโถมอยู่ และเป็นการยากที่จะสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้

ในช่วงวิกฤตที่ไท่ตงกำลังจะพังพินาศลง

บริษัทชิงหยิ่นได้ยืนมือเข้ามาช่วยเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์เอาไว้

แต่ตอนนี้ยี่เคอ กรุ๊ปกลับขว้างระเบิดลงในเมืองอีกครั้ง คิดที่จะกลับเข้ามาปักหลักใหม่

นี่หมายถึงอะไร เฉินตงรู้ดีกว่าใคร !

ฝั่งหนึ่งเป็นบริษัทระดับนานาชาติ ส่วนอีกฝั่งเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของประเทศ

สองยักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งต้องการที่จะเข้ามาปักหลักในภาคตะวันตกพร้อมกัน ราคาอสังหาริมทรัพย์……จะต้องพุ่งทะยานอย่างแน่นอน !

สำหรับเฉินตงแล้ว การที่บริษัทชิงหยิ่นเข้ามาปักหลัก ทำให้เขาและไท่ติ่งสามารถปีนขึ้นมาจากขุมนรกได้

ส่วนตอนนี้ การที่ยี่เคอ กรุ๊ปเข้ามาปักหลัก ทำให้เขาและไท่ติ่งสามารถบินขึ้นไปบนสวรรค์ได้ !

“ฉลอง ต้องฉลองจริงๆ !”

ตาของเฉินตงแดงก่ำแล้ว สองวันมานี้ เขาต้องแบกรับแรงกดดันที่มหาศาล

ความรู้สึกเหมือนไร้ซึ่งความสามารถ ทำได้เพียงลุ้นว่าจะต้องรอคอยความตายหรือจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง ถึงขั้นทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

มาวันนี้ กลับเกิดเรื่องน่ายินดีขึ้นเป็นสองเท่า

ทำให้เขารู้สึกหายใจทั่วท้องและโล่งอกจริงๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า……ต้องฉลอง !” ท่านหลงหัวเราะร่า รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับเฉินตง

ทั้งครอบครัวร่วมแสดงความยินดีพร้อมกันอย่างมีความสุข

หลังจากดื่มฉลองและทานอาหารร่วมกันแล้ว

เฉินตงเริ่มเมามาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีแม่คอยปรามอยู่ เขาเองก็คงจะดื่มเพื่อเฉลิมฉลองต่อไปเรื่อยๆ

วันนี้ถือเป็นวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นจริงๆ

หลี่หลานและฟ่านลู่ง่วนอยู่กับการจัดเก็บโต๊ะอาหาร

ส่วนเฉินตงนั้นเดินโซเซไปยังระเบียงพร้อมกับท่านหลงและคุนหลุน

“ท่านหลง คุนหลุน พวกนายรู้ไหม ? สองวันมานี้ ฉันถึงขั้นเตรียมใจที่จะก้าวลงสู่นรกแล้ว”

เฉินตงนอนลงบนเก้าอี้ สายลมยามค่ำคืนพัดมา เขายิ้มอย่างมีความสุข : “คิดไม่ถึงเลยว่า สวรรค์จะไม่ใจร้ายกับคนอย่างฉัน เฉินตง เกิดเรื่องยินดีขึ้นสองเท่า ทำให้ฉันยังพอมีคุณสมบัติที่จะไปแข่งขันกับพวกหัวกะทิของตะกูลเฉินเหล่านั้นได้ มารอดูว่าท้ายที่สุดแล้ว ใครจะได้เป็นพระราชาตัวจริงกันแน่ !”

ท่านหลงและคุนหลุนต่างก็หัวเราะ ทั้งสองก็ดื่มเหล้าไปไม่น้อยเช่นกัน

ยิ่งมีสายลมยามค่ำคืนพัดมา ยิ่งทำให้เมามายยิ่งขึ้น

“คุณชาย บริษัทชิงหยิ่นเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ ?” จู่ๆ ท่านหลงก็ถามขึ้นมา

คนทั่วไปไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีกว่าใคร

จู่ๆ บริษัทใหญ่ระดับนานาชาติก็ประกาศว่าจะเข้ามาลงทุนในเมืองนี้ เพียงเพื่อที่จะให้ประธานบริษัทตอบแทนบุญคุณบ้านเกิดเท่านั้นหรือ ?

นั่นมันฟังดูไร้สาระสิ้นดี !

บริษัทชิงหยิ่นมาเพื่อที่จะช่วยไท่ติ่ง !

เฉินตงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดด้วยความเมา : “ข้าวนุ่ม……หอมจริงๆ”

“กู้ชิงหยิ่ง ?” ท่านหลงผงะไป จากนั้นจึงยิ้มออกมาแล้วส่ายหัว : “น่าอาย น่าอายจริงๆ……กระผมคิดไม่ถึงเลยว่า ครอบครัวของหญิงสาวคนนี้จะมีชื่อเสียงขนาดนี้ !”

……

ขณะที่พวกของเฉินตงกำลังยืนตากลมอยู่ที่ระเบียง

หลังจากการายงานข่าวภาคค่ำสิ้นสุดลง ก็มีลมพายุพัดไปทั้งเมืองอีกครั้ง

เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทั้งเมือง !

ทุกคนต่างตกตะลึงไปหมด

ใครจะไปคิดว่ายี่เคอ กรุ๊ปที่ประกาศระงับโครงการแล้ว จู่ๆ จะกลับลำหันมาปักหลักในภาคตะวันตกของเมืองนี้อีกครั้ง ?

บริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ กำลังคิดที่จะเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ ?

หลังจากความตื่นตระหนกผ่านพ้นไป ทุกคนก็ตระหนักได้ถึงความจริงข้อหนึ่ง

ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก……จะพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง !

ภายในระยะเวลาสองวันสั้นๆ ตั้งแต่การกรูกันไปขายบ้านคืน ทุกคนต่างพูดด้วยความโศกเศร้า มาบัดนี้ราคากลับพุ่งทะยานขึ้นเหมือนกับจรวด !

ไม่มีใครเข้าไปวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า เพราะเหตุใดบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสองถึงได้เข้ามาปักหลักในภาคตะวันตก

ตอนนี้ความสนใจของทุกคนต่างรวมอยู่ที่ภาคตะวันตกของเมือง

ตอนนี้สถานที่แห่งนี้ถือเป็นบ่อทองจริงๆ !

ในสายตาของนักเก็กำไร ภาคตะวันตกกลายเป็นสถานที่ทำเงินไปเสียแล้ว

หากคว้าบ้านมาได้สักหลัง ก็เพียงพอที่จะทำกำไรก้อนโตได้แล้ว

อีกทั้งตอนนี้โครงการปฏิรูปย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองอยู่ในมือของเฉินตง ไท่ติ่งจึงมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาคตะวันตกมากที่สุด

คนทั้งเมืองต่างตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลาฟ้าสาง เพื่อที่จะรีบมุ่งหน้าไปยังภาคตะวันตกของเมืองในทันที

ส่วนบรรดาผู้ซื้อที่เดิมทีกำลังมีความสุขอยู่กับการคืนบ้านได้สำเร็จ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว เหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆ ติดๆ กันถึงสองครั้ง ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาจริงๆ

บางคนเพียงแค่รู้สึกเสียดายและโกรธตัวเอง รู้สึกเสียใจจนแทบอยากจะตบหน้าตัวเอง และตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า

ส่วนอีกเกือบ 10 % ที่เหลือที่ยังไม่ได้ขายบ้านคืน ตอนนี้กลับหัวเราะร่าออกมา และกำลังเปิดแชมเปญฉลอง

ค่ำคืนนี้ มีทั้งคนที่มีความสุขและคนที่มีความทุกข์

หากมีเสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าดังออกมา

เพื่อนบ้านก็พอจะรู้ได้ทันทีเลยว่า นั่นเป็นเสียงของคนที่ขายบ้านคืน

ที่บ้านตระกูลหวาง

บรรยากาศกลับดูเยือกเย็น

โทรทัศน์เปิดอยู่

หวางเต๋อกำลังก้มหน้าสูบบุหรี่ ที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ ยังมีหลายมวนที่ยังหลงเหลือควันอยู่

จางซิ่วจือนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ ปากเอาแต่บ่นพึมพำไม่หยุด

“เพราะอะไร ? เพราะอะไร ? เฉินตงควรจะล้มละลายและฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมเขาถึงพลิกฟื้นกลับมาได้อีก ? ควรตาย……ควรจะตายไปซะถึงจะถูก……”

หลังจากทั้งสองดูข่าวจบ ในใจก็ไม่อาจสงบลงได้อยู่เป็นเวลานาน

ในความเป็นจริงแล้ว ที่ตระกูลหวางเกิดเรื่องขึ้นในช่วงนี้ ภายในครอบครัวเองก็ได้รับความกดดันไม่น้อย

และความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้จางซิ่วจือโยนความผิดไปให้กับเฉินตง

นอกเหนือจากการสาปแช่งแล้ว แม้กระทั่งประตูใหญ่ของคฤหาสน์เฉินตง พวกเขาเองก็ไม่สามารถเข้าไปได้

ตอนที่รู้ว่าทั้งเมืองกำลังเทขายบ้านคืน จางซิ่งจือรู้สึกว่าการแก้แค้นสำเร็จแล้ว ตื่นเต้นถึงขนาดเปิดเหล้าฉลองกันภายในบ้าน

เธอถึงขนาดจินตนาการว่าเฉินตงจะต้องล้มละลายและฆ่าตัวตายในที่สุด สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

แต่ชั่วพริบตาเดียว เฉินตงกลับพลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง !

ไม่เพียงแต่พลิกฟื้นกลับมาได้เท่านั้น แต่กลับมั่งคั่งกว่าแต่ก่อนเสียด้วย

สิ่งนี้ทำให้จางซิ่วจือรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดที่หัวใจ โกรธจนไม่สามารถสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้

แอ๊ด……

ประตูเปิดออก หวางเห้ากลับมาแล้ว

เมื่อเห็นพ่อแม่อยู่ในอาการโศกเศร้า หวางเห้าจึงไม่กล้าถามอะไรมาก ทำเพียงแค่เหลือบมองเข้าไปในห้องแล้วพูดว่า : “พ่อ แม่ แล้วพี่ล่ะ ?”

“เด็กนั่นอาบน้ำอยู่อีกแล้ว !”

จางซิ่วจือโกรธจนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

ภาพที่เกิดขึ้นทำให้หวางเต๋อและหวางเห้าตกใจเป็นอย่างมาก

ทั้งสองคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับไม่สามารถขวางได้

ปัง !

จางซิ่งจือใช้เท้าถีบประตูห้องน้ำจนเปิดออก จากนั้นจึงตรงเข้าไปกระชากผมของหวางหนันหนันออกมาแล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าของหวางหนันหนันอย่างแรง

“ผู้หญิงไร้ราคาอย่างแก จะอาบอะไรกันนักกันหนา ? ค่าน้ำไม่ต้องเสียหรือยังไง ? ดูเรื่องงามหน้าที่แกทำเอาไว้สิ เฉินตงทั้งมีความสามารถทั้งรวยขนาดนั้น ทำไมตอนนั้นแกถึงต้องหย่ากับเขาด้วย ? หา ?”

ขณะที่เสียงกรีดร้องดังขึ้น ภายในห้องน้ำยังคงมีเสียงร้องของหวางหนันหนันดังก้องอยู่

บทที่ 138 เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นทั้งเมือง !

บริษัทชิงหยิ่นถือเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมทางด้านการค้าระหว่างประเทศรวมถึงการก่อสร้างขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่

แต่ทำไมเฉินตงจึงนึกไม่ถึงเลยว่า เจ้านายของกู้ชิงหยิ่ง ที่แท้ก็คือประธานของบริษัทชิงหยิ่น !

อีกทั้ง เขาเองไม่คิดว่ากู้โก๋ฮั๋วจะรู้สึกระลึกถึงบ้านเกิด ถึงได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนเหมือนที่นำเสนออยู่ในข่าว

การที่กู้โก๋ฮั๋วยังคงเก็บบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เอาไว้ ก็ถือเป็นการระลึกถึงบุญคุณได้อย่างดีแล้ว

ถ้าคิดที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองนี้จริง ด้วยศักยภาพของบริษัทชิงหยิ่นแล้ว ทำไมถึงมาเอาตอนนี้ ?

อีกทั้งในเมืองนี้ก็มีที่ทำเลดีมากมาย ด้วยความสามารถของบริษัทชิงหยิ่น ถ้าคิดที่จะลงทุน มีหรือที่จะสรรหาที่ทำเลดีในเมืองนี้ไม่ได้ ?

แล้วทำไมถึงได้บังเอิญมาเลือกเอาพื้นที่ที่กำลังจะล่มสลายอย่างภาคตะวันตกของเมืองกัน ?

เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นการจงใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยไท่ติ่งของเขา

นำสิ่งที่ยี่เคอ กรุ๊ปทำไม่ได้ มาทำให้สำเร็จ

และบริษัทชิงหยิ่นจะสามารถยกระดับภาคตะวันตกของเมืองขึ้นได้อย่างแน่นอน

“มั่งคงแล้ว ตอนนี้พวกเรามั่นคงแล้ว !”

เสี่ยวหม่าไม่อาจระงับสติอารมณ์ได้อีก เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง : “พี่ตง ผม ผมจะรีบออกไปบอกทุกคนเดี๋ยวนี้ !”

เสี่ยวหม่าวิ่งออกไปได้ไม่นาน ด้านนอกห้องทำงาน ก็มีเสียงตะโกนโห่ร้อด้วยความยินดีดังขึ้น

ไม่มีใครนึกสงสัยเลยว่า บริษัทชิงหยิ่นจะสามารถรักษาเสถียรภาพของภาคตะวันตกเอาไว้ได้หรือไม่

อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ ขอแค่รักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้ได้ ไท่ติ่งก็จะกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง !

เฉินตงที่กำลังฟังเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีอยู่นั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มดูซับซ้อนและแปลกประหลาด เขาอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก ด้วยนิสัยของเขา ไม่ชอบพึ่งพาผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร

แต่ครั้งนี้……

เฉินตงหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจที่สามารถยกภูเขาออกจากอกได้แล้ว เขาลูบจมูกไปมา : “ข้าวนุ่มๆ นี่……ช่างหอมจริงๆ”

หลังจากที่มีการแถลงข่าวของบริษัทชิงหยิ่น เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมทันที

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนมีพายุลูกใหญ่เกิดขึ้นทั่วเมือง

ราวกับมีระเบิดนิวเคลียร์ลูกใหญ่พุ่งเข้าถล่มเมือง

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า จู่ๆ บริษัทชิงหยิ่นจะประกาศเรื่องการลงทุนในภาคตะวันตกของเมืองนี้ออกมา !

อีกทั้ง ยังเป็นการสานต่อโครงการที่ยี่เคอ กรุ๊ประงับไปแล้วอีกด้วย

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ราคาอสังหาริมทรัพย?ในภาคตะวันตกจะไม่มีทางดิ่งลงอย่างแน่นอน !

ด้วยศักยภาพของบริษัทชิงหยิ่น แม้แต่ยี่เคอ กรุ๊ปก็ไม่อาจเทียบได้

เพราะอย่างไรเสีย บริษัทหนึ่งก็เป็นถึงบริษัทระดับนานาชาติ ส่วนอีกบริษัทหนึ่งเป็นเพียงแค่บริษัทระดับแนวหน้าในประเทศเท่านั้น

เป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน !

อีกทั้ง บรรดาผู้ซื้อที่กำลังดีใจอยู่กับการขายบ้านคืนได้สำเร็จก่อนหน้านี้เพียงแค่ครู่เดียวเหล่านั้น ตอนนี้เหมือนถูกยิงแสกเข้าไปตรงกลางหน้าผาก จนผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไม่ได้สติ

เมื่อยี่เคอ กรุ๊ปจากไป บริษัทชิงหยิ่นก็เข้ามาทันที บริษัทยักษ์ใหญ่พวกนี้เขาเล่นอะไรกัน ?

ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่มีทางดิ่งลงแล้ว แล้วสัญญาการขายบ้านคืนที่อยู่ในมือล่ะ ?

ชั่วพริบตาเดียว บรรดาผู้ซื้อที่สามารถขายห้องคืนได้สำเร็จก็รู้สึกเสียใจและตีอกชกตัวในทันที

ถึงขั้นว่ามีบางคนเรียกสติกลับมาได้เร็ว จึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังศูนย์กลางที่ทำการขายใหม่อีกครั้ง แต่กลับพบว่าศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งของไท่ติ่งนั้น ปิดให้บริการไปนานแล้ว

เมื่อนำข้อมูลของศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งมารวมกันพบว่า ยังมีผู้ซื้ออีกประมาณ 10 % ที่ยังไม่ได้มาทำเรื่องขายบ้านคืน

อีกทั้งในขณะที่มีการรายงานข่าวเรื่องนี้ออกมา คนที่ต้องการขายบ้านคืนทั้งหมด ก็หายไปโดยพร้อมเพรียงกันทันที

ถึงขั้นว่า บางคนที่กำลังดำเนินการขายบ้านคืนอยู่นั้น ยอมที่จะฉีกสัญญา และหันหลังเดินจากไป

คนที่ยังขายบ้านคืนไม่สำเร็จ ต่างก็กำลังแอบดีใจกับตัวเองอยู่

พวกเขารู้ดีว่า หากบริษัทชิงหยิ่นเข้ามาปักหลัก บ้านที่อยู่ในมือของพวกเขาไม่มีวันที่จะราคาตกอย่างแน่นอน สิ่งที่ควรจะได้นั้นยังคงอยู่ !

อีกทั้งเมื่อส่งลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ก็ปิดบริการลทันที

นี่ทำให้คนที่ต้องการจะซื้อบ้านกลับคืนมาเหล่านั้น ต่างทุบอกชกตัวด้วยความเสียใจ ร้องโฮออกมาด้วยความเสียดาย

เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงบ่าย

บริษัทชิงหยิ่นเข้ามาปักหลัก เหมือนกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้หัวใจของทุกคนในเมืองพลอยสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปด้วย

อีกทั้งความคิดเห็นของสาธารณชนทั้งหมด ที่ก่อนหน้านี้พูดถึงภาคตะวันตกในแง่ลบ มาตอนนี้กับเยินยอในด้านดีอีกครั้ง

ประกอบกับในช่วงเช้า สื่อแขนงต่างๆ ได้ปักหลักอยู่ที่ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่ง ได้นำเสนอภาพข่าวของบรรดาผู้ซื้อชุดสุดท้ายที่ยังดำเนินการขายบ้านคืนไม่เรียบร้อย ต่างตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ทำให้การพูดถึงภาคตะวันตกของเมืองในแง่ดีมีเพิ่มมากขึ้นอย่างทวีคูณ

บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

ผู้ช่วยเปิดประตูห้องทำงานของโจวจุนหลงเข้ามาอย่างตื่นเต้น

“ประธานโจว พุ่งแล้ว ราคาหุ้นของบริษัทเราพุ่งแล้ว !

โจวจุนหลงมีสีหน้าที่ซับซ้อน ไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจมากนัก

ตอนนี้ คำพูดที่ท่านหลงพูดกับเขาก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาทันที

เขาโบกมือให้ผู้ช่วยออกไป

โจวจุนหลงลูบใบหน้าของเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่ แล้วพึมพำว่า : “ลมหายใจเดียวกัน นี่ฉันถูกผูกติดกับเฉินตงแล้วจริงหรือ……เรื่องของโชคชะตา ช่างอยู่เหนือการคาดเดาของคนเสียจริงๆ”

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานอันโอ่โถง

โจวเย่นชิวกำลังมองหน้าจอโทรทัศน์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่ขยับเขยื้อน

แต่แววตาของเขา กลับแสดงออกให้รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

ผ่านไปพักใหญ่

โจวเย่นชิวหยิบซิการ์ขึ้นมาค่อยๆ จุดไฟ หลังจากสูบแล้ว กลับรู้สึกว่ารสชาติของควันที่ลอยคลุ้งอยู่ในปากนั้น ช่างขมจนยากจะหาอะไรเปรียบได้

เขาวางซิการ์ลง จากนั้นจึงบ่นพึมพำเสียงเข้มว่า : “ยี่เคอ กรุ๊ปไป บริษัทชิงหยิ่นก็มา มีเทวดาคอยคุ้มครองจริงๆ ทั้งตระกูลเฉิน ทั้งบริษัทชิงหยิ่น เฉินตงเอ๋ย เฉินตง……เบื้องหลังชีวิตมังกรของนาย มีเทวดาคอยคุ้มครองอยู่กี่องค์กันแน่ ?”

โจวเย่นชิวเอามือลูบหน้า แววตาเป็นประกายออกมา : “มุมหนึ่งของเมืองนี้ ทำไมถึงได้มีมังกรอย่างนายแอบซ่อนตัวอยู่ ? ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฉินกับนายเป็นอย่างไรกันแน่ ? แล้วที่ฉันยอมซื้อที่ดินภาคตะวันตกเพื่อค้ำชูนายในช่วงที่เกดิวิกฤติ นายจะยอมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนเพราะที่ดินผืนนี้ไหม ?”

คำถามที่ประเดประดังเข้ามาในหัว ทำให้โจวเย่นชิวยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น

ครั้งหนึ่งเฉินตงเคยเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และนั่นคือที่ที่เขาให้น้องชายของภรรยาเอาไว้พักอาศัยยามแก่ชรา

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เฉินตงจะทำให้เขาต้องแปลกใจครั้งแล้วครั้งเล่า

หรืออาจพูดได้ว่า……ตกใจ !

บางครอบครัวมีความสุข บางครอบครัวโศกเศร้า

ข่าวเพียงแค่ข่าวเดียว สามารถส่งผลกระทบไปได้ทั้งเมือง

ทำให้ทั้งเมืองเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

ช่วงบ่าย เสียงแสดงความคิดเห็นของประชาชนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

ถึงขั้นมีบางคนเริ่มเชื่อว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน

หากเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้บรรดาผู้ที่สามารถขายบ้านคืนได้สำเร็จเหล่านั้น ต่างรู้สึกอยากตายไปตามๆ กัน บางคนถึงขั้นว่ายอมมุ่งหน้าไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เพื่อต้องการที่จะซื้อบ้านกลับคืนมาในทันที

แต่เฉินตงให้บริษัทปิดพักร้อนเรียบร้อยแล้ว

เข้ามอบหมายให้เสี่ยวหม่าพาเหล่าพนักงานไปผ่อนคลายสักพัก

ใน่ช่วงระยะเวลาสองวันสั้นๆ นี้ ทุกคนในไท่ติ่งคือคนที่จับมือกับเขาก้าวผ่านขุมนรกมาด้วยกัน !

ตอนนี้บริษัทชิงหยิ่นยื่นมือเข้ามาแล้ว ไท่ติ่งก็เหมือนฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง จึงควรจะเป็นเวลาที่ทุกคนได้แสดงความยินดีร่วมกัน

ส่วนตัวเขาเอง ปลีกตัวไปยังคลับยี่สิ่นตามลำพัง

ข้าวนุ่มช่างหอมอร่อย แต่สิ่งที่ควรขอบคุณก็ควรขอบคุณ

ถ้าไม่ใช้เพราะก็โก๋ฮั๋วยื่นมือเข้ามาช่วยเขาในเวลาคับขันเช่นนี้ เขาคงไม่อาจแน่ใจได้ว่า เขาจะสามารถถ่วงเวลาไปจนกระทั่งถึงผลการตัดสินระหว่างพ่อและคุณหญิงใหญ่ออกมาได้

เมื่อเห็นก็ชิงหยิ่ง เฉินคงก็ตรงเข้าไปสวมกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้แน่น

เขารู้ดีว่านี่คือผลงานของกู้ชิงหยิ่ง !

หลังจากที่ทานข้าวร่วมกับกู้ชิงหยิ่ง และกู้โก๋ฮั๋วพร้อมทั้งภรรยา เพื่อแสดงความขอบคุณแล้ว เฉินตงก็กลับไป เพราะเขายังกลับไปเตรียมแผนการดำเนินงานของไท่ติ่งหลังจากนี้อีก

เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สิ่งที่เขาควรจะเตรียมพร้อมก็ยังไม่ได้เตรียม แต่เขาแน่ใจว่าจะต้องจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความขอบคุณต่อกู้โก๋ฮั๋วอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้ กู้โก๋ฮั๋วและภรรยากลับไปได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ที่ไม่เหมาะสมอะไร

ตอนที่เฉินตงกลับไป ฟ้าก็มืดลงพอดี

กู้โก๋ฮั๋วและภรรยา หันมองกู้ชิงหยิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงยิ้มออกมาด้วย

“เจ้าเด็กคนนี้ ผ่านมาสองวันแล้ว ในที่สุดก็เห็นรอยยิ้มออกมาจนได้” หลี่หวั่นชิงพูดด้วยความเอ็นดู

กู้โก๋ฮั๋วพยักหน้า : “ลูกสาวเมื่อโตแล้ว ไม่ควรจะเก็บเอาไว้ข้างตัวจริงๆ ดูสิ พอมีแฟนขึ้นมา ก็ใช้เงินพ่อไปหลายพันล้าน”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ กู้ชิงหยิ่งก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แล้วเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อ : “ขอบคุณค่ะพ่อ ขอบคุณค่ะแม่ หนูรักพ่อกับแม่ที่สุดเลย”

กู้โก๋ฮั๋วและภรรยาหัวเราะร่าออกมา

“พ่อจะไปดูข่าวสักหน่อย” กู้โก๋ฮั๋วลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์

ทุกๆ วันเขาจคอยดูข่าวอยู่ตลอด เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

แต่ในขณะที่เขากดเปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมา จู่ๆ ตัวของเขาก็สั่น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากในทันที

เวลาเดียวกันนี้

ลูกระเบิดอีกลูกที่เหมือนอุกกาบาตกำลังตกลงสู่พื้นดิน

ถึงจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ แต่กลับมีพลังมากพอที่จะสั่นสะเทือนทั้งเมืองได้อีกครั้ง

บทที่ 137 เกาะผู้หญิงกิน ?

ไม่มีคำพูดใดๆ ตลอดทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มีการต่อแถวยาวเหยียดบริเวณด้านหน้าศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งอีกครั้ง

สื่อมวลชนที่มารออยู่ตั้งแต่เช้า ต่างจัดเตรียมอุปกรณ์ทำข่าวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

วิกฤตการณ์คืนบ้านของไท่ติ่ง ดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง

นี่คือข่าวใหญ่ที่ไม่ควรพลาดแม้แต่วินาทีเดียว !

ในศูนย์กลางที่ทำการขายของหลงถิงฮัวหยวน พนักงานกลุ่มหนึ่งของไท่ติ่ง กำลังมองแถวยาวเหยียดด้านนอกด้วยความหดหู่

พวกเขาถึงขั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่า ผู้ซื้ออีก 30 % ที่เหลือจากเมื่อวาน จะต้องมาคืนบ้านในวันนี้อย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่หลงถิงฮัวหยวนสามารถขายหมดภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ทุกคนแทบไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกโศกเศร้าเอาไว้ได้เลย

หลังจากที่ผ่านพ้นวันนี้ไป ไท่ติ่งไม่เพียงแต่จะต้องร่วงลงไปสู่จุดเดิมเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นต้องจมดิ่งลงไปในเหวอีกด้วย !

“เฮ้ พวกคุณจะเปิดทำการเมื่อไหร่เนี่ย ?”

ยังไม่ถึงเวลาทำงาน บรรดาคนที่ต่อคิวอยู่ต่างก็เร่งเร้าด้วยความร้อนใจ

“ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ยังคิดจะถ่วงเวลาอะไรอีก ? ไท่ติ่งของพวกคุณคงไม่ได้กำลังนึกเสียใจอยู่หรอกใช่ไหม ?”

“ประธานเฉินของไท่ติ่งรับปากกับพวกเราด้วยตัวเองว่าจะรับคืน แล้วตอนนี้จะไม่ยอมให้คืนแล้วหรือยังไง ?”

“สื่อมวลชนทั้งหลาย พวกคุณรีบมาถ่ายเร็วเข้า รีบเปิดโปงความผิดของไท่ติ่งออกไป พวกเขาจะไม่ยอมให้พวกเราขายบ้านคืนแล้ว”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงชนที่กำลังรอขายบ้านคืนอยู่ บรรดาสื่อมวลชนต่างก็ฝืนยิ้ม

นี่มันเกี่ยวอะไรกันด้วยเนี่ย ?

ยังไม่ถึงเวลาทำการ บรรดาพนักงานมาถึงแล้วก็ต้องเตรียมการทำงานล่วงหน้าก่อน

แล้วทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นว่าไม่ยอมให้คืนบ้านไปได้ ?

คนที่ยืนอยู่หน้าสุดของแถว เป็นชายสูงอายุหัวโล้นคนหนึ่ง

เมื่อเห็นพนักงานที่อยู่ในศูนย์กลางที่ทำการขายไม่ขยับเขยื้อน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

เขาเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงชูกำปั้นขึ้นแล้วเริ่มทุบประตู

ปัง ปัง ปัง……

“พวกแกนี่มันกินเสียข้าวสุกกันหรือยังไง ? ยังจะให้พวกเรารออีกนานเท่าไหร่ ? ถ้าไม่ยอมให้คืนบ้านก็พูดมาตรงๆ พวกเราจะได้ไปดำเนินการทางกฎหมาย !”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ก็มีเสียงของคนในแถวทั้งหมดดังสมทบขึ้นมา

ภายในศูนย์กลางที่ทำการขายหลงถิงฮัวหยวน

พนักงานขายและพนักงานอื่นๆ อีกหลายคน ต่างก็หันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่ง

“หัวหน้า จะทำอย่างไรดี ?”

ชายหนุ่มก้มหน้าถอนหายใจ : “เปิดเถอะ ยังไงเสียประธานเฉินก็มีคำสั่งลงมาแล้วว่า คนที่ต้องการจะขายคืนให้รับไว้ทั้งหมด ยอดขายของพวกเราหลงถิง เป็นเพราะได้รับการอวยพรจากประธานเฉิง จึงสามารถทำเงินได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้ประธานเฉินต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ สิ่งที่พวกเราพอจะทำได้ก็คือพยยามทำงานอย่างสุดความสามารถ”

พนักงานขายสองคนพยักหน้า จากนั้นจึเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ประตูเพิ่งเปิดออก ชายหัวโล้นก็เดินอวดเบ่งเข้ามาด้านใน จากนั้นจึงเหลือบมองพนักงานขายทั้งสองคน : “ถ้าไม่อาละวาดเสียบ้าน พวกแกคงคิดว่าผู้ซื้ออย่างพวกเราไม่รู้อีโหน่อีเหน่ล่ะสิ ?”

ยังไม่ทันจะพูดจบ

คนที่ต้องการขายบ้านคืนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังต่างก็กรูกันเข้ามาเหมือนนกกระจอกแตกรังทันที

เสียงดังอึกทึกคึกโครมและเบียดเสียดแออัดกันไปหมด

ทำให้บรรยากาศในศูนย์กลางที่ทำการขายเหมือนกับตลาดนัดยามเช้าในทันที

ไม่ช้า ชายหัวโล้นก็ดำเนินการขายบ้านคืนจนแล้วเสร็จ เขาถือสัญญาคืนบ้านเอาไว้ แล้วพยายามแทรกตัวออกจากฝูงชน

ขณะที่เดินออกจากศูนย์กลางที่ทำการขาย เขาใช้แรงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วหัวเราะพลางพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า : “ให้ตายเถอะ รอดแล้ว ในที่สุดก็รอดแล้ว คนอย่างฉันเอาเงินมาซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น จะปล่อยให้ขาดทุนได้อย่างไร ? ประธานเฉินของไท่ติ่งนั่นแหละที่โง่ โง่กว่าเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์พวกนั้นเสียอีก !”

ขณะที่ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งกำลังรับคืนบ้านอยู่นั้น

ภายในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งก็อยู่ในบรรยากาศหดหู่

พนักงานทั้งหมดไร้ซึ่งชีวิตชีวา และวิตกกัวงวล

บางคนมีเส้นเลือดสีแดงปรากฏขึ้นในดวงตาเต็มไปหมด แสดงให้เห็นว่าไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

เสี่ยวหม่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเป็นคนที่เฉินตงสนับสนุนขึ้นมา และเป็นเพราะเฉินตง เขาถึงประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้

เขาจึงมีความผูกพันลึกซึ้งกับทั้งไท่ติ่งและเฉินตง

แต่ตอนนี้ ไท่ติ่งเกิดวิกฤตครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้น ทำให้ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจของเขา คงจะเป็นรองเพียงแค่เฉินตงคนเดียวเท่านั้น

เสี่ยวหม่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานของเฉินตง

สิ่งที่เสี่ยวหม่าคิดไม่ถึงก็คือ เฉินตงกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และคอยตรวจสอบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ด้วยท่าทีที่ไม่ยินดียินร้าย และไม่สะทกสะท้านเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด

“พี่ตง……” เสี่ยวหม่าตะโกนเรียกเบาๆ “พี่สามารถพูดกับผมได้นะ แบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียวแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพของพี่เอง”

เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวหม่าไม่คิดว่าเฉินตงจะเป็นอย่างเช่นเมื่อก่อน ที่มีแผนการอยู่ในใจ จึงได้แสดงท่าทีสงบนิ่งออกมา

แต่สิ่งที่แสดงออกมาตอนนี้ เพียงเพื่อต้องการให้จิตใจสงบเท่านั้น และเพื่อต้องการแบกรับเรื่องทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง

“เหลืออีกแค่ 10% แล้ว”

เฉินตงชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่

เสี่ยวหม่าพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ไม่เป็นไรครับพี่ตง อย่างมากพวกเราก็แค่ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่ ยังไงเสียผมก็ยังอยู่กับพี่ !”

ใบหน้าของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความสงสัย

นี่พี่ตงกดดันจนกระทั่งอารมณ์แปรปรวนไปแล้วหรืออย่างไร ?

ตัวอย่างเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยมีให้เห็น หลังจากที่คนรับแรงกดดันจนถึงขีดจำกัด อารมณ์ก็จะแปรปรวนอย่างรุนแรง

เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนโอ่งที่ระเบิดออก

แต่หลังจากที่ถูกเฉินตงจ้องมอง เขาจึงค่อยๆ นั่งลงข้างๆ อย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูข่าว

ยิ่งดู คิ้วของเสี่ยวหม่าก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น และเกิดความทุกข์ขึ้นในใจ

ข่าวทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับไท่ติ่งทั้งหมด !

ถึงขั้นว่า ไม่เพียงแค่สื่อในเมืองนี้เท่านั้น แม้กระทั่งโซเชียลมีเดียระดับประเทศอย่างเว่ยป๋อ ก็มีภาพของไท่ติ่งปรากฏอยู่ด้วย

มีทั้งคำพูดเสียดสี มีทั้งคำพูดเยาะเย้ย มีคำพูดที่แสดงให้เห็นว่ากำลังมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น รวมไปถึงมีคนจำนวนมากที่ก่นด่าว่าเจ้าของบริษัทไท่ติ่งนั้นโง่สิ้นดี

เสี่ยวหม่าเลื่อนข่าวเพื่ออ่านไปพลางและกัดฟันด้วยความโมโหไปพลาง

ทันใดนั้น

มีข่าวใหม่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

เสี่ยวหม่าตัวสั่นทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนถึงขีดสุด !

หนึ่งในข่าวที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ มีข่าวหนึ่งที่ถูกเน้นข้อความสีแดงและจัดไว้ด้านบนสุด

“บริษัทชิงหยิ่นออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประธานกู้โก๋ฮั๋วระลึกถึงบ้านเกิด จึงต้องการที่จะเข้ามาลงทุนทางภาคตะวันตกของเมืองนี้ !”

นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ ?

เสี่ยวหม่าหน้าถอดสี หัวใจเต้นระส่ำไม่เป้ฯจังหวะ

บริษัทชิงหยิ่น ถือเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ !

ถ้าหากไม่ใช่เพราะในข่าวมีการนำเสนอชื่อของประธานบริษัทชิงหยิ่นเอาไว้บนหัวข้อข่าวแล้วล่ะก็ เสี่ยวหม่าคงจะถึงขั้นที่คิดว่าบริษัทชิงหยิ่นที่พูดถึงนี้ คงจะไม่ใช่บริษัทชิงหยิ่นที่เขารู้จักบริษัทนั้นแน่นอน !

ขณะที่กำลังตื่นเต้นอยู่นั้น เสี่ยวหม่าก็รีบเปิดเข้าไปดูเนื้อหาข่าวโดยเร็ว

แววตาของเขาเป็นประกาย กวาดสายตาอ่านเนื้อหาข่าวอย่างรสดเร็ว

ยิ่งอ่าน แววตาของเขาก็ยิ่งเป็นประกายมากขึ้น จังหวะการหายใจของเขาก็เร็วขึ้น ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ถึงขั้นว่า สุดท้ายร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น

“เสี่ยวหม่า นายเป็นอะไรไป ?” เฉินตงเห็นเสี่ยวหม่ามีท่าทีแปลกๆ จึงขมวดคิ้วถาม

ตุ๊บ !

ตัวของเสี่ยวหม่าสั่นเทา จนโทรศัพท์หล่นลงไปอยู่ที่พื้น

แต่แทนที่เขาจะก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ เขากลับลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

แล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจว่า : “พี่ พี่ตง…… บริษัท บริษัทของพวกเรามีทางรอดแล้ว !”

มีทางรอดแล้ว ?

เฉินตงทำหน้าสงสัย ตอนนี้ทางฝั่งตระกูลเฉินยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา

เขากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยื้อเวลาเอาไว้

แล้วไท่ติ่งจะมีทางรอดได้อย่างไร ?

เสี่ยวหม่าเห็นเฉินตงมีท่าทีสงสัย จึงรีบก้มเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยความตื่นเต้น

“ดูนี่สิ บริษัทชิงหยิ่น……พวกเขา พวกเขาวางแผนที่จะเข้ามาลงทุนทางภาคตะวันตกของเมือง ! อีกทั้งยังเหมือนกับที่ยี่เคอ กรุ๊ปเคยประกาศเอาไว้ตอนต้นอีกด้วย คือจะสร้างศูนย์รวมการค้า CBD ขนาดใหญ่ ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกของเรา……รักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้แล้ว !”

เป็นเพราะเสี่ยวหม่ารู้สึกตื่นเต้นจนเกินไป แม้กระทั่งเสียงของเขาก็พลอยสั่นไปด้วย

เปรี้ยง !

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า

จู่ๆ สมองของเขาก็ว่างเปล่า

บริษัทชิงหยิ่น ถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มาก !

แต่เมื่อเขาเห็นชื่อประธานบริษัทปรากฏขึ้นบนเนื้อข่าวแล้วนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มดูซับซ้อนและแปลกประหลาดขึ้นมาทันที

นี่……เหมือนเขากำลังเกาะผู้หญิงกินเลย ?

บทที่ 136 สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลง

เฉินตงที่เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ นอนหลับไปอย่างสนิท

จนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่แม่ยกอาหารเช้าเข้ามาให้เขาที่เตียง ถึงได้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา

เมื่อเห็นอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็ยิ้ม : “แม่ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ทำไมยังยกอาหารมาให้ผมถึงมืออีก ?”

หลี่หลานยิ้มแล้วพูดว่า : “ในสายตาของแม่ ลูกยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ”

เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงหยิบอาหารเช้าขึ้นมารับประทาน

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เข้าก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง

ในห้องรับแขก ท่านหลงและคุนหลุนกำลังนั่งดูข่าวช่วงเช้าอยู่

เมื่อเห็นเฉินตง ท่านหลงก็โบกมือ และพูดพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ : “คุณชาย รีบมาดูข่าวนี้เร็วเข้า น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ”

เฉินตงเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นข่าว เขาก็ผงะไป : “โจวเย่นชิวเองก็ซื้อที่ในภาคตะวันตกแปลงหนึ่งด้วย ?”

“น่าสนใจใช่ไหมล่ะครับ ?” ท่านหลงยิ้มด้วยความประหลาดใจ

เฉินตงส่ายหัว : “จิ้งจอกเฒ่ามีแผนสำรอง”

คุนหลุนถามด้วยความสงสัย : “คุณชาย ท่านหลง นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?”

ท่านหลงอธิบายอย่างอดทน : “ครั้งก่อนโจวเย่นชิวเลือกมที่จะเข้าข้างเฉินเทียนเซิง ก็เท่ากับว่ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณชาย ต่อมาเขาล้มเลิกการคว่ำบาตรวัสดุ เท่ากับว่าตนเองกำลังเหยียบเรือสองแคมอยู่

ขณะที่กำลังพูด ท่านหลงก็ชี้ไปยังข่าวโทรทัศน์ : “ครั้งนี้ การที่เขารีบซื้อที่ดินตามบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงในทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาตั้งใจที่สนับสนุนทางฝั่งไท่ติ่งของคุณชายด้วยหนึ่งทาง เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังมองสถานการณ์ภายในตระกูลเฉินไม่ออก ดังนั้นจึงจงใจที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้”

“ประการแรกเพื่อที่จะแสดงให้คุณชายเห็นว่า เขาเต็มใจที่จะสนับสนุนคุณชาย ประการที่สอง ที่ดินเพียงแค่ผืนเดียวไม่อาจชี้นำทิศทางของสถานการณ์ได้ หากทางฝั่งเฉินเทียนเซิงคิดที่จะสอบสวนขึ้นมา ก็คงไม่สามารถสอบสวนอะไรได้มากนัก”

คุนหลุนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ : “เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ ถือว่าฉลาดหลักแหลมจริงๆ”

“ฉันจะไปบริษัทก่อน”

เฉินตงพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วเดินออกไปด้านนอก

คุนหลุนรีบตามไปติดๆ เมื่อวานเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ช่วงนี้เขาจึงจำเป็นต้องตามติดเฉินตงทุกฝีก้าว

ท่านหลงดูข่าวในโทรทัศน์ จากนั้นจึงหรี่ตาแล้วยแสยะยิ้มออกมา : “จับปลาสองมือ เกรงว่าสุดท้ายจะหลุดมือไปทั้งคู่นะสิ คนเราช่างไม่รู้จัดพอเสียจริงๆ !”

หลังจากโจวเย่นชิวซื้อที่ทางภาคตะวันตกของเมือง ข่าวก็แพร่สะพัดขึ้นอีกครั้ง

เดิมที การรายงานข่าวเมื่อคืนเรื่องที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงซื้อที่ดิน ก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยแล้ว

มาตอนนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองของเมืองต่างก็ยื่นมือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

คนฉลาด แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า ต้องการที่จะสนับสนุนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตง ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

เหล่าบรรดาผู้ซื้อที่แต่เดิมตั้งใจที่จะคืนบ้าน มาตอนนี้มีบางคนเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาแล้ว

บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองเข้าซื้อที่ดินพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าภาคตะวันตกของเมืองยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้ บ้านของตนเองก็มีโอกาสที่จะทำเงินได้

แต่แน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดที่จะคืนบ้าน

น่าขำจริงๆ !

ต่อให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองจะยื่นมือเข้ามา ก็ยังเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปไม่ได้อยู่ดี

ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นยักษ์ใหญ่ของธุรกิจนี้ทั้งหมด !

ยี่เคอ กรุ๊ประงับโครงการแล้ว ในความคิดของคนที่แน่วแน่ในการคืนบ้านนั้น ก็ยังคงรู้สึกว่ายังไงเสียราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองจะต้องลดฮวบลงอย่างแน่นอน ถึงขนาดลดลงไปเท่าราคาเฉลี่ยเดิม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถช่วยเมืองนี้เอาไว้ได้

อีกทั้งยังไม่สามารถค้ำจุนไท่ติ่งเอาไว้ได้อีกด้วย !

เหตุการณ์ในครั้งนี้อาจถึงขึ้นที่ทุกอย่างต้องพังทลายลง ไท่ติ่งอาจต้องล้มละลายจนปิดกิจการ ส่วนบ้านของพวกเขาเองก็ต้องพินาศไปด้วย หากไม่ให้ถอยตอนนี้แล้วจะให้ถอยตอนไหน ?

มีความคิดเห็นมากมายเกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอกๆ ต่อเนื่องกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงมีคนสงสัยเรื่องที่ไท่ติ่งรับปากที่จะให้คืนบ้าน ว่าอาจเป็นการพยายามถ่วงเวลาเพื่อเตรียมหาทางหนีทีไล่ !

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสับสน ทำให้เกิดการปิดล้อมตึกใหญ่ของไท่ติ่งอีกครั้ง

แต่ในครั้งนี้ เฉินตงไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไปแล้ว เข้าแจ้งกับผู้ที่หน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ว่าให้ไปตักเตือนผู้หวังดี ว่าการที่เขารับปากที่จะให้คืนบ้านอย่างง่ายดายนั้น

ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นอ่อนแอ ถึงขั้นถูกบีบคั้นและกดดันในภาวะวิกฤตได้ง่ายๆ !

พริบตาเดียว วันที่เฉินตงนัดแนะกับเหล่าผู้ซื้อก็มาถึง

ศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายตึกทั้งสี่แห่ง ภายในเวลาสามวัน ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้วเสร็จ

เช้าตรู่ ด้านหน้าของศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายทุกแห่ง มีการต่อแถวยาวเหยียด

เรียกได้ว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ !

คึกคักยิ่งกว่าการเปิดขายตึกทั้งสามตึกล่วงหน้า ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียอีก !

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากเช่นนี้ แน่นอนว่ามีสื่อนำไปรายงานข่าวมากมาย

“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายท่านนี้ เลือกที่จะคืนบ้านจริงๆ หรือคะ ?”

นักข่าวสาวคนหนึ่งเข้าไปสัมภาษณ์หนึ่งในคนที่กำลังต่อคิวเพื่อคืนบ้านอยู่

“ถ้าไม่คืนจะให้เก็บเอาไว้ฉลองปีใหม่หรือยังไง ?”

นักข่าวสาวยิ้มแล้วถามต่อว่า : “อะไรที่ทำให้คุณแน่ใจว่าต้องการจะคืนบ้านคะ ? มีรายงานว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งของเมืองนี้ได้เข้าไปซื้อที่ดินทางภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์……”

ยังไม่ทันที่นักข่าวสาวจะพูดจบ ผู้ชายที่ถูกสัมภาษณ์ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า : “บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งนั้น นำมาเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปได้หรือ ? คุณกำลังพูดเรื่องตลกระดับชาติอยู่หรือยังไง ? ถ้าไม่มียี่เคอ กรุ๊ป ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกจะต้องดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าของไท่ติ่งยินดีจะรับคืน แล้วทำไมพวกเราจะไม่คืนล่ะ ?”

นักข่าวสารรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จากนั้นจึงถามต่อว่า : “นี่ถือเป็นการคืนบ้านครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเมืองนี้ นี่พอจะบ่งชี้ได้ว่าไท่ติ่งอาจจะมีโอกาสล้มละลายจนต้องปิดกิจการ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ ?”

ชายผู้นี้แสยะยิ้มออกมา : “ไท่ติ่งล้มละลายแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย ? เขาเจ๊งของเขา ส่วนผมก็รอดของผม ขอแค่เงินของผมยังอยู่ครบก็พอแล้ว !”

ทันใดนั้น

บริเวณหัวแถวมีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า : “ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์เปิดแล้ว !”

ทันใดนั้นเอง แถวที่ต่อกันอย่าเป็นระเบียบ จู่ๆ ก็กระจัดกระจาย เหมือนกับฝูงผึ้งแตกรังที่กรูกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขาย

นักข่าวสาวดึงตัวชายคนนั้นเอาไว้เพราะต้องการจะสัมภาษณ์ต่อ แต่ชายคนนั้นกลับสะบัดนักข่าวสาวออกทันที

“พวกคุณนี่มันน่ารำคาญไหม ? ผมจะรีบไปคืนบ้าน อย่ามาขวางทาง !”

นักข่าวหญิงคนนั้นเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น แขนของเธอมีแผลถลอกจนเลือดไหล

ส่วนคนที่ต้องการคืนบ้านที่อยู่โดยรอบ พยายามเบียดเสียดกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขายพลาง ต่อว่านักข่าวสาวคนนี้ไปพลาง

“สาวน้อย ทำไมเธอถึงได้น่ารำคาญอย่างนี้นะ ? รีบออกไปเร็ว อย่ามาขวางทาง !”

“จะสัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์ไปสิ แต่อย่ามาทำให้เสียเรื่อง สมควรแล้วที่ล้มลงไป”

……

เช้าตรู่ สื่อทุกแขนงของเมืองนี้ ต่างก็ไปประจำการอยู่ด้านหน้าที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่งด้วยอุปการณ์ครบมือ เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่หลงถิงฮัวหยวนเปิดขายล่วงหน้าเสียอีก !

หากนำเหตุการณ์ก่อนหน้าและตอนนี้มาเปรียบเทียบกัน ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์ดูจะเลวร้ายลงทุกวัน และกำลังที่จะพังทลายลง

ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังพูดถึงไท่ติ่ง

ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนปากเสียคอยพูดจาเสียดสี เยาะเย้ย กร่นด่า

ในเหตุการณ์วิกฤติเช่นนี้ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก็ดิ่งลงทันที 20% !

แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติง ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเฉินตง กลับยังคงคืนเงินให้กับผู้ซื้อทั้งหมดต็มจำนวน ถึงขั้นที่แม้แต่ภาษีจากการซื้อบ้าน ไท่ติ่งก็รับผิดชอบแบกรับภาระเอาไว้ทั้งหมด !

การกระทำเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่โง่มากในสายตาของทุกคน !

แม้แต่โจวจุนหลงและโจวเย่นชิวเอง เมื่อรู้เรื่องนี้เข้าต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

เฉินตง……บ้าไปแล้วจริงๆ หรือ ?

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เสี่ยวหม่ามองดูข้อมูลที่ส่งมาจากที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก มือของเขาสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด : “พี่ตง เงินในบัญชีของบริษัทเรากำลังไหลออกสู่ข้างนอกอย่างรวดเร็วแล้ว”

“อืม ไม่เป็นไร ฉันจะโอนเงินเข้าบริษัทให้”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างใจลอย จากนั้นจึงโอนเงินจำนวนหนึ่งพันล้านออกจากบัตรธนาคารชงโค เข้าไปสู่บัญชีของบริษัท

ต่อให้ขาดทุน เขาก็ต้องอดืทนเอาไว้ !

เงินแค่พันล้าน เขายอมขาดทุนได้ !

แต่เวลาต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ !

การคืนบ้านยังคงดำเนินต่อไปตนถึงเวลาสองทุ่ม

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งจึงเงียบสงบลง

พนักงานทุกคนต่างดูไร้ชีวิตชีวาและเศร้าหมอง

เวลานี้ ฟ้าถล่มลงมาแล้วจริงๆ !

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงแรก บวกกับการคืนบ้านครั้งมหาศาลนี้ หากไม่ใช่เพราะเฉินตงโอนเงินจำนวนพันล้านมาค้ำจุนบริษัทเอาไว้ ไท่ติ่งคงล้มลงนานแล้ว !

ในห้องทำงาน

ในดวงตาของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาพูดว่า : “พี่ พี่ตง ภายในวันเดียว บ้านที่เปิดขายไปล่วงหน้า ถูก……ถูกขายคืนกลับมา 70 % แล้ว !”

“ไม่เป็นไร !”

เฉินตงบิดเอวของเขาด้วยความเมื่อยล้า : “ถ้าหากพรุ่งนี้ยังมีคนต้องการขายบ้านคืนอีก ก็ให้รับคืนต่อ ยังไงเสียฉันก็ยังพอมีเงินอีกหลายร้อยล้าน”

เสี่ยวหม่ารู้สึกลังเลที่จะพูดออกมา เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

นี่เป็นเพียงแค่การคืนเงินเท่านั้นหรือ ?

นี่มันคือผ่านผลักไท่ติ่งให้ไปตายอย่างรวดเร็วต่างหากล่ะ !

และค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ ยังหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการที่ไท่ติ่งเลือกที่จะล้มละลายตอนที่เซ็นสัญญาราคาสูงเสียดฟ้าเมื่อครั้งก่อนเสียอีก !

“ทุกคนยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”

เฉินตงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง : “เสี่ยวหม่า ช่วยไปบอกทุกคนแทนฉันทีว่า ไท่ติ่งอาจล้มละลาย แต่ฉัน เฉินตง จะไม่มีวันทอดทิ้งทุกคนเด็ดขาด”

……

คลับสี่ยิ่น

กู้ชิงหยิ่งนั่งดูคลิปวิดีโอด้วยความหดหู่ ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเกี่ยวกับการคืนบ้านของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งทั้งสิ้น

การพูดคุยของคนในโลกออนไลน์ เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง

เธอดูจนรู้สึกโกรธ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ทำให้เธออยากที่จะติดต่อกับเฉินตง

แต่สองสามวันนี้ เธอรู้ดีว่าเฉินตงเองคงร้อนใจและวิตกกังวลกว่าเธอแน่นอน เวลาเช่นนี้ การคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ คงจะเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดสำหรับเฉินตง หากตนเองถามมากไป ก็ยิ่งจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้แก่เฉินตง

คลิปวิดีโอที่เธอกำลังดู หนึ่งในนั้นมีคลิปที่นักข่าวสารถูกผลักจนล้มลงขณะทำการสัมภาษณ์ และด้านล่างของคลิป ยังมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า ภายในวันเดียวมีคนไปขายบ้านคืนกับบริษัทไท่ติ่งเกินกว่า 70 % แล้ว

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย คนโง่เฉินตง ไม่คิดที่จะคำนึงถึงตัวเองสักนิดเลยหรืออย่างไร ?

ก๊อก ก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง พ่อขอเข้าไปหน่อยได้ไหม ?” เสียงของกู้โก๋ฮั๋วดังขึ้น

“ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งพยายามกลั้นน้ำตา แล้วขานรับ

กู้โก๋ฮั๋วเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม : “เสี่ยวหยิ่ง อยากฟังข่าวดีไหม ?”

กูหลังหน้าถอดสี

มีประกายของความดุดันฉาบขึ้นในแววตาทันที จากนั้นจึงเดินจ้ำอ้าวไปยังประตูใหญ่

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

เฉินตงตะโกนด้วยความโมโห

“คุณเฉิน……”

กูหลังหันกลับไป กำลังจะอธิบาย แต่เมื่อสบตากับเฉินตง เขาก็รีบกลืนคำพูดกลับลงท้องไปในทันที

ตอนนี้บนใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยเลือด

แต่เขากลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย เขาทำสีหน้าเย็นชา ในแววตาดูลึกล้ำและสงบกว่าปกติ

แววตาเช่นนี้ ต่อให้เป็นกูหลังก็ยังรู้สึกเสียวสันหลัง

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้บรรดาผู้ซื้อที่กำลังแตกตื่นต่างก็สงบลงไปด้วยเช่นกัน

“ทุกท่าน ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับแผนการที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ เป็นสิ่งที่ผมเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเมืองนี้ อีกทั้งยังทำให้ทุกท่านต้องคอยเป็นกังวลว่า เงินที่ทุกท่านหามาได้อย่างยากลำบากนั้น จะเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่”

น้ำเสียงของเฉินตงสงบนิ่ง แต่กลับพยายามตะโกนให้เสียงดัง เพื่อให้ทุกคำพูดทุกตัวอักษร ดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน

“สำหรับเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของไท่ติ่ง ผมเองต้องขออภัยทุกท่านเป็นอย่างสูง ผมขอเป็นตัวแทนของพนักงานในไท่ติ่งทุกคน กล่าวขอโทษทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย !”

เฉินตงพูดพลาง โน้มตัวคำนับ

ภาพที่เห็น ทำให้กูหลังและบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปิดภัย ต่างมีความรู้สึกที่ซับซ้อน

ประธานบริษัท ต้องถูกบังคับให้โค้งคำนับเพื่อกล่าวขอโทษต่อหน้าสาธารณชน นี่มันช่างน่าขมขื่นแค่ไหนกัน ?

ยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยในสายตาของคนทั่วไป เรื่องของยี่เคอ กรุ๊ป อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไท่ติ่ง อีกทั้งไท่ติ่งเอง ก็ถือเป็นผู้เสียหายด้วย

ตอนนี้ภาพที่ปรากฏคือ ผู้เสียหายคนหนึ่ง กำลังหันไปกล่าวขอโทษกับผู้เสียหายคนอื่นๆ เพื่อเป็นการขอความเห็นใจจากผู้เสียหายรายอื่นให้กับผู้เสียหายรายนี้ !

แต่ทว่า มนุษย์นั้นมีมากมายหลายแบบ

ในขณะที่สถานการณ์กำลังเงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้น

“แค่ขอโทษจะมีประโยชน์อะไร ? ถ้าหากต้องการแสดงความจริงใจจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็คืนเงินที่พวกเราหามาอย่างยากลำบากให้กับพวกเราสิ ส่วนบ้าน พวกเราไม่ซื้อแล้ว !”

เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงมา

ทันใดนั้น เสียงของฝูงชนก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“ถูกต้อง ! ตอนแรกพวกเราเห็นราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกทะยานสูงขึ้นถึงได้ตัดสินใจซื้อ แต่ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่ขยับขึ้นอีกแล้ว แล้วพวกเราจะมาทนอาศัยอยู่ในที่โทรมๆ อย่างภาคตะวันตกเช่นนี้ทำไมกัน ?”

“ยี่เคอ กรุ๊ปไม่เข้ามาปักหลักแล้ว แล้วทำไมเราต้องมาพลอยสูญเสียเงินไปกับเมืองที่ยากจนข้นแค้นอย่างภาคตะวันตกด้วย ?”

“ถูกต้อง ! ในเมื่อคุณต้องการแสดงความจริงใจ เช่นนั้นก็ให้คืนบ้านสิ ?”

……

คำพูดที่รุนแรง

กูหลังกับบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยิน ต่างก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนด้านในทางเดินของตึกที่ห่างออกไป เสี่ยวหม่ากับเหล่าพนักงาน ต่างก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าต่างตกใจกับคำพูดของคนเหล่านั้น !

“ได้ ผมรับปากพวกคุณ !”

สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ เฉินตงจะรับปากอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ตูม !

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง

สถานการณ์ที่วุ่นวาย เงียบสงบลงในทันที

มีบางคนแคะหูเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน คิดว่าตนเองนั้นหูฝาด

เฉินตงยืนตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย : “ในเมื่อทุกท่านต้องการที่จะคืนบ้าน ไท่ติ่งก็ยินดีที่จะตอบสนองความต้องการจองทุกท่าน !”

จริงหรือ ให้คืนจริงหรือ ?

บรรดาผู้ซื้อที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างอึ้งไป

พวกเขาสร้างความวุ่นวายขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังปิดล้อมทางเข้าเอาไว้ ก็เพื่อที่จะบีบให้ไท่ติ่งยอมให้พวกเขาคืนบ้าน เพื่อรักษาเงินลงทุนของพวกเขาเอาไว้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง จะยอมรับปากอย่างง่ายดายเช่นนี้ !

ข่าวการคืนบ้านของบรรดาผู้ซื้อที่ผ่านๆมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ง่ายดายเช่นนี้มาก่อน !

บริเวณทางเข้าของทางเดิน พนักงานทั้งหมดของไท่ติ่งต่างตกใจจนหน้าถอดสี

“พี่เสี่ยวหม่า รีบเข้าไปเตือนเร็วเข้าสิ พี่ตงรับปากง่ายๆ แบบนี้ การคืนบ้านพร้อมกันจำนวนมาก กระแสเงินสดในบริษัทของเราไม่มีทางหมุนเวียนได้ทันแน่ !”

“ใช่แล้ว เหตุการณ์แบบนี้เพิ่มจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก คนหนึ่งซื้อคนหนึ่งขาย แล้วจะมานึกสียใจภายหลังได้อย่างไร ?”

“นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการบังคับให้ประธานตง ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวหรอกหรือ ?”

……

เสี่ยวหม่าแสดงสีหน้าหดหู่ และยิ้มออกมาอย่างจนใจ

เขารู้ดีว่าไม่อาจเตือนเฉินตงได้ !

เฉินคงเหลือบมองฝูงชนที่กำลังยืนนิ่งอยู่ จากนั้นจึงฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ไท่ติ่งจะคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อที่มีความประสงค์จะขายบ้านคืนเต็มจำนวน ขอเวลาให้ผมสามวัน ผมจะขอซ่อมแซมจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งให้อยู่ในสภาพเดิม ถึงเวลานั้นทุกท่านสามารถนำหนังสือสัญญามายังจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อดำเนินการ”

พูดจบ เฉินตงก็หันหลังเดินกลับไป

เขายอมถึงขั้นนี้แล้ว

เรื่องที่จะตามมาหลังจากนี้ พวกของกูหลังคงจะสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี

เมื่อเฉินตงเดินไปถึงทางเข้าลิฟต์ พวกเสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าทางเดิน ต่างก็รีบวิ่งกรูกันออกมา

“พี่ตง พี่ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้จริงๆ หรือ ?” เสี่ยวหม่าเป็นคนในบริษัทที่สนิทสนมกับเฉินตงมากที่สุด ตอนนี้เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาก่อน

เขาถามพลาง หยิบกระดาษทิชชูออกมายื่นให้เฉินตงซับเลือดบนใบหน้าไปพลาง

เฉินตงรับกระดาษทิชชูมา แล้วนำไปปิดบาดแผลบนศีรษะเอาไว้ และยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเวลา !”

เวลา ?

พนักงานทุกคนต่างยืนนิ่ง

ประตูลิฟต์เปิดออก

เฉินตงก้าวเข้าไปในลิฟต์

ยังไม่ทันที่จะรอให้เสี่ยวหม่าเข้ามา เขาก็กดหมายเลขชั้นและกดปุ่มปิดประตูลิฟต์เสียก่อนแล้ว

ภายในลิฟต์แคบๆ ที่ปิดสนิท เฉินตงยืนพิงผนังลิฟต์อย่างเหนื่อยล้า

“เวลาสามวัน จะพอรู้ผลหรือยังนะ ?”

ศึกภายในของตระกูลเฉิน ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสามารถของเขาแล้ว

แม้แต่เฉินเทียนเซิงและเฉินเทียนหย่างที่เป็นผู้สืบทอดมรดกเช่นเดียวกัน ก็ยังไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ !

นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของตำแหน่ง !

ถ้าหากระยะเวลาสามวัน ยังไม่เพียงพอที่จะให้พ่อควบคุมคุณหญิงใหญ่เอาไว้ได้ เช่นนั้นเขาเองก็คงทำได้เพียงเดินไปถึงจุดสิ้นสุด

เฉินตงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโจวจุนหลง

“คืนนี้ให้ปล่อยข่าวที่คุณซื้อที่ออกไป !”

เฮ้อ !

หลังจากวางสาย เฉินตงก็ถอนหายใจออกมา : “หวังว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง คงพอจะทำให้ผู้ซื้อเหล่านั้นลังเลและลองพิจารณาดูใหม่ได้บ้างนะ”

ด้วยความสามารถที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงมีนั้น ไม่มีทางที่จะกู้สถานการณ์ของภาคตะวันของเมืองกลับมาได้ทั้งหมด

แต่สิ่งที่เฉินตงคาดหวังก็คือ ต้องการสั่นคลอนความคิดที่แน่วแน่ของผู้ที่ต้องการขายบ้านคืนเหล่านั้น ให้พวกเขาเกิดความลังเลและลองพิจารณาดูใหม่ และเลื่อนเวลาการคืนบ้านออกไป

เช่นนี้ เขาก็พอจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรอ !

ช่วงบ่าย ข่าวเรื่องที่บริษัทไท่ติ่งรับปากที่จะรับซื้อบ้านคืน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพายุ จนทำให้ทุกคนต่างตกใจจนอ้าปากค้าง

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนยิ่งสับสนมากขึ้นก็คือ ในภาพบันทึกเหตุการณ์นั้น เฉินตงยอมรับปากอย่างไม่ลังเล

ไม่มีความเสแสร้ง และยิ่งไปกว่านั้นไม่มีการแสดงความรู้สึกหรือให้เหตุผลใดๆ

ภาพที่ปรากฏก็คือ หากคุณต้องการคืน ผมก็จะยอมคืนเงินให้คุณอย่างง่ายดาย !

แต่ทว่า สิ่งที่กลับทำให้เกิดความยินดีปรีดาขึ้นในจิตใจของผู้ซื้อที่ต้องการคืนบ้าน

พวกเขาต่างตัดสินใจว่า สามวันให้หลัง พวกเขาจะต้องรีบไปที่จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อดำเนินเรื่องคืนบ้าน !

แต่พอถึงช่วงเย็น กลับมารายงานข่าวออกมาว่า

(บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ประสบความสำเร็จในการซื้อที่ดินทางภาคตะวันตกของเมืองจำนวนสองแปลง มีรายงานว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงจะเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาภาคตะวันตกของเมือง !)

ข่าวนี้ทำให้ความคิดของคนทั้งเมืองปั่นป่วนอีกครั้ง

ในตอนแรกที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์โอนหุ้นให้แก่เฉินตง ก็เคยมีกระแสข่าวออกมาแล้ว

หรือนี่ เฉินตงกำลังพยายามช่วยเหลือตัวเองอยู่ ?

คิดที่จะยืมมือของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเอาไว้ ?

มีคนคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนก็กำลังลังเล บางคนก็ยังคงมีความคิดที่แน่วแน่ที่จะขายบ้านคืน

เฉินตงกลับถึงบ้านก็หมดเรี่ยวแรงทันที บนศีรษะของเขายังคงมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่

หลี่หลานผู้เป็นแม่ตุ๋นซุปให้ด้วยความเป็นห่วง จากนั้นจึงนำไปยื่นให้ที่มือของเขาโดยไม่ถามอะไรมาก ทำเพียงแค่พูดออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนว่า : “กินข้าวเสร็จก็รีบไปพักผ่อนซะ อย่าหักโหมเกินไป”

“แม่ ผมขอตัวกลับห้องก่อน”

เมื่อดื่มซุปเสร็จ เฉินตงไม่รู้สึกหิว เขาจึงเดินกลับเข้าห้องไป

เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ทันใดนั้นข้อความก็กู้ชิงหยิ่งก็ส่งเข้ามา

“คุณนี่มันโง่จริงๆ เลย ทำไมจะต้องยอมออกมายืนให้คนทำร้ายด้วยนะ ? คุณเคยคำนึงถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม ?”

เฉินตงรู้สึกอบอุ่นในใจ ใบหน้าที่เหนื่อยล้ากลับปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นมา

“ไม่เป็นไร เป็นแผลเล็กน้อยเท่านั้น”

“อะไรที่เรียกว่าไม่เป็นไร ? ในภาพที่บันทึกไว้มีเลือดไหลออกมาตั้งเยอะ คุณยังจะบอกฉันว่าไม่เป็นไรอีก ? ถ้าตอนบ่ายไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบถึงคุณล่ะก็ ฉันคงจะไปหาคุณด้วยตัวเองแล้ว !”

“ไม่เป็นไรจริงๆ”

เฉินตงถ่ายภาพตนเองทำท่ามินิฮาร์ดส่งไปให้กู้ชิงหยิ่งหนึ่งภาพ จากนั้นจึงส่งข้อความไปหนึ่งประโยค : “เสี่ยวหยิ่ง ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะ”

คลับสี่ยิ่น

หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งแน่ใจว่าเฉินตงไม่เป็นอะไรมากก็รู้สึกโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก

เธอหันมองพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ

กู้โก๋ฮั๋วกลับยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “เสี่ยวหยิ่ง พ่อเองก็รีบช่วยเฉินตงอยู่ แต่ลูกก็รู้ดีว่า โครงการนี้ไม่ใช่ว่าพ่อแค่ออกไปยืนพูดต่อหน้าสื้อเพียงแค่ประโยคเดียวแล้วทุกอย่างจะสำเร็จได้ในทันที ต้องค่อยเป็นค่อยไป !”

บทที่ 134 ต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ภายในห้อง กลิ่นของไม้จันทน์โชยอ่อน

กู้โก๋ฮั๋วนั่งลง และรออย่างเงียบๆ

แววตาของเขาดูลึกซึ้ง

แอ๊ด……

ประตูเปิดออก

“ท่านเมิ่ง ในที่สุดพี่ก็มา” กู้โก๋ฮั๋วลุกขึ้นพูด

ท่านเมิ่งสีหน้าเคร่งขรึม มีความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบริเวณหว่างคิ้วของเขา เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นจึงรินน้ำชามาหนึ่งแก้วแล้วรีบดื่มอย่างรวดเร็ว

จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “ไม่ต้องพูดแล้ว ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการที่จะเข้ามาปักหลัก ทำให้ภาคตะวันตกในขณะนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งของเขยมังกรของนายล้วนถูกทุบทำลายแล้ว ! ตอนนี้ผมก็กำลังพยายามรีบช่วยเหลืออยู่ !”

“ที่ผมหาพี่ก็เพราะเรื่องนี้” กู้โก๋ฮั๋วกล่าว

ท่านเมิ่งเลิกคิ้ว : “ลองว่ามาซิ”

กู้โก๋ฮั๋วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า : “เรื่องที่ว่าเฉินตงเป็นเขยมังกร มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?”

“พูดไม่ได้” ท่านเมิ่งส่ายหัวแล้วตอบปฏิเสธ

กู้โก๋ฮั๋วร้อนใจ : “พี่กับไอ้หลิวคำก็เขยมังกร สองคำก็เขยมังกร แล้วตอนนี้ยังมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เสี่ยวหยิ่งร้อนใจ ผมเองก็ร้อนใจ”

ทันทีที่ได้ยิน

แววตาของท่านเมิ่งก็เป็นประกายขึ้นมา

เขายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงหันมองกู้โก๋ฮั๋วแล้วพูดว่า : “ท่านกู้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายนะ เรื่องของเฉินตง นายจำเป็นต้องช่วย !”

ท่านเมิ่งเจตนาหยุดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง จากนั่งจึงเปลี่ยนไปนั่งในท่าที่สบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยพูดต่อ

“ด้วยกำลังทรัพย์ที่นายมี การที่จะลงทุนสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรในเมืองนี้สักแห่งนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น ขอแค่นายยื่นมือเข้ามาช่วย ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก็จะเกิดเสถียรภาพขึ้นทันที บริษัทของเฉินตงเองก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ต่อไป นี่ถือซะว่าเป็นสิ่งที่นายลงทุนกับเฉินตง !”

“อีกทั้ง ฉันรับประกันได้เลยว่า การลงทุนของนายครั้งนี้ ไม่มีทางสูญเปล่าอย่างแน่นอน ส่วนจะทำกำไรได้เท่าไหร่นั้น ก็ต้องคอยดูจากขีดจำกัดในการเติบโตของเขยมังกรนายแล้ว !”

“ขีดจำกัดในการเติบโต ?”

กู้โก๋ฮั๋วดวงตาเป็นประกาย เขาจับคำพูดที่สำคัญมากได้หนึ่งคำ

ท่านเมิ่งพูดว่า “ขึดจำกัดในการเติบโต” คำคำนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจมาก

เฉินตงที่เขาเคยเห็น ถือว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง

แต่นี่ก็ยังคงห่างไกลจากคำนิยามที่ท่านเมิ่งพูดว่า “เขยมังกร” อีกไกลนัก เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ท่านเมิ่งปิดบังเขาอยู่อีกส่วนหนึ่งนั้น ถึงจะเป็นภูมิหลังที่แท้จริงของเฉินตง

กู้โก๋ฮั๋วสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นแววตาก็ปรากฏความแน่วแน่ขึ้นมาในทันที : “ได้ ลงทุนก็ลงทุน”

“ฮ่าๆๆ”

ท่านเมิ่งหัวเราะออกมาทันที เขาหันไปคารวะกู้โก๋ฮั๋ว : “ขอบใจเพื่อนเก่าที่ช่วยเหลือ หลังจากที่ภาคตะวันตกของเมืองมีเสถียรภาพแล้ว ผู้มีอำนาจอย่างฉันก็คงโล่งใจไปได้เปราะใหญ่”

กู้โก๋ฮั๋วนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าในทันที เขาหัวเราะแล้วด่าว่า : “จิ้งจอกเฒ่า นี่พี่เตรียมเรื่องที่จะให้ผมลงทุนมาเรียบร้อย ตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้วใช่ไหม ?”

หากภาคตะวันตกของเมืองล่มสลาย คนที่มีอำนาจและอยู่ในระดับสูงอย่างท่านเมิ่งเอง ก็ต้องรู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน

ถ้าหากไม่สามารถทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เกิดเสถียรภาพขึ้นได้ สำหรับท่านเมิ่งแล้ว ก็ถือเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งเช่นกัน

ท่านเมิ่งหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดว่า : “เฮ้อ……แต่มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วนี่ ความสัมพันธ์ฉันมิตรตลอดสิบกว่าปีของเรา ยังมีประโยชน์ไม่เท่ากับลูกเขยในอนาคตของนายเลย”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มกว้างออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเห็นแก่ลูกสาวหรือเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนเก่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เงินลงทุนจำนวนนี้ก็จำเป็นจะต้องยอมชักออกมาแล้ว

……

สองวันให้หลัง สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ความคิดเห็นของประชาชนที่ถาโถมเข้ามายิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ล้วนแล้วแต่มุ่งโจมตีไปที่ไท่ติ่ง

ส่วนราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก ก็ลดลงถึง 20% ภายในระยะเวลาสองวัน !

ราคาที่ลดฮวบลงอย่างน่ากลัวเช่นนี้ ยิ่งทำให้บรรดาผู้ที่เข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก่อนหน้านี้ ต่างก็ตระหนกตกใจและโกรธแค้น

บวกกับความพยายามในการจงใจใส่ร้ายทางอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นควบคู่กัน ยิ่งทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนี้ลุกลามบานปลายไปใหญ่โตจนยากที่จะควบคุม

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตกใจ

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงลดลงไปมากกว่านี้ โครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองที่อยู่ในมือของไท่ติ่ง จะเข้ามากดดันไท่ติ่งอย่างสมบูรณ์

ถึงขึ้นว่าอาจเลวร้ายยิ่งกว่าการล้มละลายในตอนนั้นเสียอีก !

ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นของคู่กันเสมอ ในช่วงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ไท่ติงเองก็กินเสียจนพุงกาง แต่ทันทีที่ความเสี่ยงถูกเปิดเผยออกมา ไท่ติ่งก็จะไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้อีกตลอดไป

ในห้องทำงาน เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบสงบ

เขาได้รับรายงานจากท่านหลงเรียบร้อยแล้วว่า โจวจุนหลงจะซื้อที่ในภาคตะวันตกเอาไว้สองแปลง ถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ถ้าพอจะถ่วงเวลาได้สักระยะ ก็ควรจะถ่วงเวลาเอาไว้

อีกทั้งสิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็คือ พยายามถ่วงเวลาที่จะเกิด “ฟ้าร้องระเบิด” ขึ้นในภาคตะวันตกของเมืองให้ได้นานที่สุดเท่านั้น

ส่วนผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย ยังไงเสียคงจะต้องรอดูสถานการณ์ในตระกูลเฉินว่า ท้ายที่สุดแล้วพ่อหรือคุณหญิงใหญ่คนนั้น ใครจะเป็นผู้ชนะ !

การสู้กันครั้งนี้ เป็นศึกภายในของตระกูลเฉิน

ไม่ใช้สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ด้วยมือเดียวอีกต่อไป

ต่อให้เฉินตงจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ตระกูลเฉินก็ยังคงเป็นท้องฟ้า

และตอนนี้ ท้องฟ้าได้เปลี่ยนไปแล้ว !

สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็คือ รอให้ท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนส่งคำตัดสินลงมาให้ เพื่อเป็นการต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย !

ถ้าหากพ่อสามารถใช้ความเด็ดขาดจัดการกับคุณหญิงใหญ่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของตัวเองได้ มือใหญ่ที่โบกมาแค่หนึ่งครั้ง ก็สามารถทำให้ภาคตะวันตกของเมืองสงบสุขลงได้แล้ว

แต่ถ้าหากพ่อไม่สามารถควบคุมคุณหญิงใหญ่เอาไว้ได้ หรือถูกคุณหญิงใหญ่ถ่วงเวลาเอาไว้นานเกินไป การต่อสู้ครั้งนี้ก็ถือว่าเขาเป็นผู้แพ้ !

เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

ท่านหลงเป็นคนส่งมา

เฉินตงกดเปิดดู จากนั้นจึงขมวดคิ้ว

มีเพียงข้อความสั้นๆ : “คุณชาย ตระกูลเฉินส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ !

จดหมาย ?

ต่อให้เป็นเฉินตงก็ยังรู้สึกแปลกใจ

นี่ถือเป็นคำตัดสินที่มาจากตระกูลเฉินหรือไม่ หรือว่ามีความหมายอย่างอื่น ?

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับข้อความของท่านหลง จู่ๆ กูหลังก็ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา

“คุณเฉิน แย่แล้วครับ”

กูหลังอยู่ในอาการตื่นตกใจ เสื้อผ้ารกรุงรัง : “บรรดาผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์มารวมตัวกันอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทแล้ว ต้องการที่จะบุกเข้ามาในบริษัทเพื่อมาถามความชัดเจนจากคุณ ตอนนี้เกือบจะขวางไว้ไม่อยู่แล้วครับ”

“เหรอ ?”

เฉินตงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลงไปพบพวกเขา”

“อะไรนะ ?” กูหลังผงะไปทันที

ด้านล่างมีแต่ฝูงชนที่ตื่นตระหนกมารวมตัวกันอยู่อย่างเนืองแน่น จนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

ถึงขั้นว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งถูกผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุบตีจนศีรษะแตกด้วยความโมโห แล้วคุณเฉินยังจะลงไปพบคนเหล่านั้นอีกหรือ ?

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากหนี ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ พังพินาศเร็วขึ้น !”

เฉินตงยิ้มอย่างหดหู่ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพยายามถ่วงเวลา ต่อให้เป็นการต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็จำเป็นต้องกัดฟันทนเพื่อถ่วงเวลาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้

“ผม ผมเข้าใจแล้วครับ”

กูหลังพยักหน้า แล้วรีบเดินนำไป

บริเวณชั้นล่างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงชนที่แน่นขนัดจนแทบจะหายใจไม่ออก

มีทั้งเสียงก่นด่า สาปแช่ง ดังก้องเข้ามาในหู

ถึงขนาดว่ามีคนชูป้ายและพยายามพุ่งชนเข้ามาในตึกใหญ่อย่างบ้าคลั่ง

ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกใหญ่เท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไท่ติ่ง ก็ต้องช่วยกันสกัดกั้นประตูใหญ่เอาไว้อย่างสุดความสามารถ จนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเต็มไปหมด

ส่วนบริเวณรอบนอก มีผู้สังเกตการณ์จำนวนไม่น้อยที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้ รวมไปถึงยังมีสื่ออีกจำนวนมากที่คอยรายงานสถานการณ์อยู่ !

ขณะที่เฉินตงและกูหลังเดินลงมาถึงชั้นล่างของตึก

ฝูงชนที่กำลังบ้าคลั่งก็ตะโกนโห่ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที

“เฉินตงมาแล้ว !”

ทันใดนั้นเอง บรรดาผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่เดิมทีก็พยายามจะพังประตูเข้ามาในตึกใหญ่อย่างสุดชีวิตอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

“คุณเฉิน คุณ คุณรีบไปก่อนสิครับ……”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไท่ติ่งคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดัง

เผียะ !

เพิ่งจะพูดจบ ก็มีคนที่อยู่ในฝูงชนตบเข้าที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างแรง จนทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาและเปื้อนอยู่เต็มใบหน้า

เฉินตงหันมองบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามขวางประตูไว้อย่างสุดความสามารถ ด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวัง

เขาพูดขึ้นมาเสียงดังว่า : “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ฉันจะจัดการอธิบายให้พวกเขาฟังเอง”

ฟิ้ว !

หลังจากสิ้นเสียงพูด ก็มีขวดเบียร์ขวดหนึ่งลอยออกมาจากฝูงชน

ตุ๊บ !

ขวดเบียร์หล่นกระแทกบนศีรษะของเฉินตง และแตกเป็นเสี่ยงๆ หล่นกระจัดกระจายลงบนพื้น

ส่วนบนหน้าผากของเฉินตง ก็มีเลือดสีแดงสดไหลอาบลงมาตามใบหน้า แล้วหยดลงบนพื้น

“ไอ้บ้าเอ๊ย ! ฉันไม่ต้องการให้แกอธิบาย ฉันต้องการให้แกคืนเงิน !”

บทที่ 133 ความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

ปัง !

ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรง

เฉินตงที่กำลังเป็นกังวลอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความโกรธทันที

เสี่ยวหม่าวิ่งตรงเข้ามา แล้วพูดด้วยนำเสียงเคร่งเครียด : “พี่ตง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่ง กำลังถูกผู้ซื้อทุบทำลายอยู่ครับ !”

รูม่านตาของเฉินตงหดตัวลง หางตาของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว

การฆ่าให้สิ้นซาก……เริ่มต้นขึ้นแล้ว !

“ให้ผมไปจัดการไหม ?” คุนหลุนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆพูด

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ฝูงชนกำลังแตกตื่น ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกหล่นฮวบลงจริง พวกเขาเองก็ถือเป็นผู้เสียหาย”

เฉินตงถูขมับของเขาอย่างเหนื่อยล้า

เดิมทีสาเหตุที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกสูงขึ้นได้ก็ด้วยแรงผลักดันจากเขา ถ้าหากราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกสามารถทรงตัวอยู่เช่นนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ

แต่ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์หล่นฮวบแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งที่เหมือนฟ้าถล่มลงมาเท่านั้น แม้แต่บรรดาผู้ซื้อเองก็จะกลายเป็นผู้เสียหายไปด้วย

เขาเหลือบตาขึ้นมองเสี่ยวหม่า : “นายพาคนไปช่วยสงบสติอารมณ์ของบรรดาผู้ซื้อก่อน ส่วนการเปิดขายล่วงหน้าของทั้งสามตึก ตอนนี้ให้ระงับการขายไว้ชั่วคราวก่อน”

“พี่ตง……” เสี่ยวหม่าแสดงสีหน้าวิตกกังวล “เรื่องที่ยี่เคอ กรุ๊ประงับโครงการที่จะเข้ามาปักหลักเอาไว้ชั่วคราวนั้น ถือว่ามีผลกกระทบมากมายหมาศาลจริงๆ ถ้าไม่เท่าให้เรื่องทุกอย่างสงบโดยเร็วแล้วล่ะก็ ภาคตะวันตกจะต้องพังทลายอย่างแน่นอน”

“ฉันจะต้องคิดหาวิธีได้แน่” เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

คุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบโบกมือ : “ออกไปก่อนเถอะ ประธานเฉินจะต้องคิดหาวิธีได้แน่นอน”

หลังจากที่เสี่ยวหม่าออกไปแล้ว

คุนหลุนถึงจะพูดขึ้นว่า : “คุณชาย หรือจะให้ท่านหลงกลับไปสังเกตการณ์ที่ตระกูลเฉินตอนนี้ดีไหมครับ ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณท่านไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เขารู้ดีว่าพ่อไม่มีทางยอกนั่งดูอยู่เฉยๆ แน่นอน

มิเช่นนั้นตอนที่อยู่ลานป่าไผ่ของคลับสี่ยิ่น พ่อคงไม่กล้าเอ่ยปากให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินฆ่าตนเอง เพื่อปกป้องเขาอย่างแน่นอน

เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการฆ่าเขาให้สิ้นซาก จึงได้นำดาบมาจ่อที่คอของเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ต่อให้พ่อคิดจะช่วยเหลือเขา คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็จะลากพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อเป็นการถ่วงเวลา

แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งในตอนนี้ ไม่อาจรอเวลาได้อีกแล้ว !

เฉินตงถูใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง แล้วจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นบีบให้จนมุมเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก

“หรือว่าจะให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงช่วยดีครับ ?” คุนหลุนเสนอความเห็น

“ไม่มีประโยชน์หรอก” เฉินตงส่ายหัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า : “ความสามารถของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ยังเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปไม่ติด ไม่สามารถทำให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์มั่นคงยั่งยืนได้”

ในขณะที่จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งกำลังถูกทุบทำลายอยู่นั้น

ภาพข่าวการทุบทำลายตึกศูนย์กลางที่ทำการขายก็ทยอยเผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว

ในยุคที่สื่อบันเทิงถูกพัฒนาไปได้ก้าวไกลเช่นนี้ ไม่มีความลับใดที่จะสามารถปกปิดเอาไว้ได้

ทั้งเมืองกำลังพูดคุยถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

และด้วยความคิดเห็นของสาธารณชนในเวลานี้ ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเกิดความสั่นคลอน

เมื่อความฝันของทุกคนถูกทำลายลง ความโกรธจึงถาโถมเข้ามาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งซึ่งถือเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

ในขณะเดียวกัน

ในห้องทำงานที่โอ่โถง

โจวเย่นชิวกำลังดูข่าวพลางขมวดคิ้วแน่น แววตาดูลึกซึ้ง

ปัง !

หลังจากปิดข่าว เขาก็ค่อยๆ จุดซิการ์

“ตระกูลเฉินเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการสูดดมกลิ่นที่เข้มข้นของซิการ์ โจวเย่นชิวก็กำลังครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ว่า : “ใช้ยี่เคอ กรุ๊ปช่วยเฉินตงในการผลักดันราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก่อน แล้ววันนี้กลับใช้วิธีจัดการแบบถอนรากถอนโคน หรือว่า……เฉินเทียนเซิงคิดจะให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับเจ้าบ้านตระกูลเฉินขัดแย้งกัน ?”

เรื่องที่คนทั่วไปไม่รู้ โจวเย่นชิวซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำชั้นแนวหน้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ รู้ดีแก่ใจว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกขึ้นมาได้อย่างไร

และยิ่งเข้าใจชัดเจนว่าความปั่นป่วนระลอกใหญ่ที่เกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์ในสายตาของคนทั่วไปนั้น จริงๆ แล้วเป็นเพียงแค่การต่อสู้กันภายในของตระกูลเฉินเท่านั้น

นี่ทำให้โจวเย่นชิวที่เดิมทีตั้งใจจะเหยียบเรือสองแคม ต้องรู้สึกสั่นคลอนอีกครั้ง

ช่วย ? หรือว่าไม่ช่วย ?

หรือพูดง่ายๆ ว่า ควรจะอยู่ข้างใครดี ?

เรื่องนี้ทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก

หากเลือกถูกข้าง เขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากเลือดผิด คงไม่เหมือนคราวก่อนที่เขายังพอมีโอกาสที่จะถอยออกมา เพื่อเลือกที่จะเหยียบเรือสองแคมได้อีกแล้ว

บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

โจวจุนหลงกำลังดูข่าวที่ค่อยๆ ผ่านไปทีละข่าวๆ ด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย เกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมืองนี้

แต่การปรากฏขึ้นตัวของเฉินตง กลับเอาหุ้นส่วนใหญ่ของเขาไปโดยไม่ได้รับความยินยอมสักคำ นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นยิ่งกว่าการเข่นฆ่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียอีก

“ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการ ภาคตะวันตกไม่มียักษ์ใหญ่อย่างยี่เคอ กรุ๊ปเข้ามาปักหลัก ต่อให้มีการปฏิรูปที่พัก ก็ยังคงเป็นภาคตะวันตกอย่างเช่นแต่ก่อนอยู่ดี”

โจวจุนหลงบ่นพึมพำ : “นกฟีนิกซ์ที่ขนร่วงก็ไม่ต่างอะไรกับไก่ หากราคาอสังหาริทรัพย์ของภาคตะวันตกหล่นฮวบลง เฉินตงเอ๋ย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของนาย มีหวังต้องจบเห่แน่นอน !”

ขณะที่เพิ่งพูดจบ

ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก

โจวจุนหลงขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

ยังไม่ได้รับอนุญาติจากเขา ใครกล้าเข้ามาในห้องทำงานของเขาโดยพลการเช่นนี้ ?

ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความโกรธ เมื่อเห็นคนที่เดินขึ้นมา เขาก็ระงับความโกรธในทันที

“ขอโทษด้วยครับที่เข้ามาโดยไม่ทันแจ้งให้ทราบเสียก่อน” ท่านหลงนั่งลง

เฉินตงได้รับหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้ามาควบคุมบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง แต่เขาก็ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ท่านหลงจะเข้ามาจึงไม่มีใครกล้าขวาง

“เหอะๆ……ไม่ต้องเกรงใจ หากท่านหลงอยากจะมาที่นี่ก็มาได้ตามสบาย ฉันยินดีต้อนรับเสมอ” โจวจุนหลงยิ้มอย่างเก้อเขิน

ท่านหลงหันมองหน้าจอโทรทัศน์ แล้วจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ไท่ติ่งเกิดเรื่องขึ้น คุณดีใจไหม ?”

โจวจุนหลงผงะไป

ท่านหลงยิ้มพลางส่ายหัว : “ผมไม่สนใจว่าคุณจะดีใจหรือไม่ แต่ที่วันนี้ผมมาหาคุณ เพื่อให้คุณทำเรื่องเรื่องหนึ่ง !”

“เรื่องอะไร ?” โจวจุนหลงถาม

“ใช้ชื่อของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ไปนำที่ดินทางภาคตะวันตกมาสองแปลง !” ท่านหลงกล่าว

“ท่านหลงต้องการให้ฉันช่วยไท่ติ่งรักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์เอาไว้ใช่ไหม ?” โจวจุนหลงเข้าใจได้ในทันที เขาพูดออกมาอย่างลำบากใจ : “อาศัยแค่ความสามารถของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ไม่พอที่จะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้หรอก”

“แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ท่านหลงลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก “ตั้งแต่ที่คุณชายได้รับหุ้นของบริษัทคุณ คุณกับคุณชายก็ถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากไท่ติ่งตกที่นั่งลำบาก คุณก็คอยจับตาดูตลาดหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงของคุณเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน !”

“ผมรู้ดีว่าคุณไม่เต็มใจนัก แต่ถ้าหากตลาดหุ้มยังไม่สามารถทำให้คุณยอมยื่นมือเข้ามาช่วยได้ ถ้าเช่นนั้นผม……”

ขณะที่เดินไปถึงประตู ท่านหลงก็หยุดเดินกะทันหัน น้ำเสียงของเขาค่อยๆ เย็นชา : “จะส่งคุณไปสวรรค์เอง !”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงและเปิดเผย

ท่าทีสงบนิ่งราวกับว่ากำลังพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

แต่เมื่อเข้าหูของโจวจุนหลง กลับเหมือนลมหนาวที่พัดมาจากส่วนลึกของจิ่วโยว เหน็บหนาวเสียจนน่ากลัว

เขาไม่รู้สึกสงสัยในความสามารถของท่านหลงที่จะทำเรื่องนี้ได้เลยแม้สักนิดเดียว !

ดังนั้น โจวจุนหลงจึงพยักหน้า : “เข้าใจแล้ว”

คลับสี่ยิ่น

“พ่อคะ ขอร้องล่ะ ช่วยเฉินตงหน่อยได้ไหมคะ ครั้งนี้เขาเจอกับปัญหาใหญ่เข้าจริงๆ แล้ว”

กู้ชิงหยิ่งจับแขนของกู้โก๋ฮั๋วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ แล้วกล่าวอ้อนวอน : “เรื่องนี้สำหรับพ่อแล้ว น่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ใช่หรือคะ ?”

“เรื่องเล็กน้อย ?”

กู๋โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว “ลูกรัก ถ้าพ่อคิดจะช่วยเฉินตง พ่อจำเป็นจะต้องสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรเหมือนของยี่เคอ กรุ๊ปที่ภาคตะวันตกของเมืองนี้ นี่เรียกว่าเรื่องเล็กน้อยหรือ ?”

ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าอย่างไร้ข้อกังขา !

ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรที่ใด ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่นั่นก็จะพุ่งทะยานขึ้นทันที

แต่การก่อสร้างทุกครั้ง ต้องใช้ทุนในการก่อสร้างไม่น้อย ไม่ใช้เพียงแค่ร้อยสองร้อยล้านก็จะสามารถทำได้

ยิ่งไปกว่านั้น อีกทั้งศูนย์กลางทางธุรกิจของกู้โก๋ฮั๋วเอง ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองนี้นานแล้ว

“แต่ตอนนี้มีแต่พ่อที่ช่วยเขาได้นะคะ”

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ จู่ๆ เธอก็นั่งคุกเข่าลงไปที่พื้น แล้วกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา : “ถ้าหากว่าพ่อไม่ช่วยเขา ครั้งนี้ไท่ติ่งจะต้องจบเห่แน่ๆ”

ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้นะ ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า !” กู้โก๋ฮั๋วรีบประคองเธอขึ้นมา

“ถ้าพ่อไม่ช่วยเขา หนูก็จะไม่ยอมลุกขึ้น !” กู้ชิงหยิ่งยืนยันเสียงแข็ง

หลี่หวั่นชิงรู้สึกร้อนใจ จึงหันไปพูดกับกู้โก๋ฮั๋วว่า : “โก๋ฮั๋ว คุณก็ช่วยหน่อยเถอะ เงินแค่ไม่กี่พันล้าน สำหรับคุณแล้วถือว่าเรื่องเล็ก รู้ว่าคุณไม่สงสารลูกสาวบ้างเลยหรือยังไง ? อีกอย่าง คุณก็อย่าลืมสิ่งที่พวก ท่านเมิ่งพูดกับคุณสิ !”

เปรี้ยง !

กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า

เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยแววตาที่ซับซ้อน แล้วพูดว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ลูกลุกขึ้นก่อนเถอะ เรื่องนี้ พอจะต้องไปปรึกษากับลุงเมิ่งของลูกดูเสียก่อน”

บทที่ 132 ผู้คนต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์และตื่นตระหนก

มองดูท่านหลงที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

ถึงแม้จะไม่ได้รับคำตอบกลับมา แต่แววตาที่ท่านหลงแสดงออกมานั้น ก็พอจะให้คำตอบกับหลี่หลานได้

ดวงตาของหลี่หลานเริ่มเป็นสีแดง

หลายปีมานี้ ความพยายามของลูกชาย เธอเห็นด้วยตาตัวเองทั้งหมด

ตลอดระยะเวลาสามปี เริ่มตั้งแต่เป็นนักศึกษาจบใหม่ มานะบากบั่นจนกระทั่งได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธาน นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ถึงความสามารถที่ลูกชายของเธอมี

ถ้าหากได้มองเห็นแสงสว่างแล้ว แต่สุดท้ายต้องกลับเข้าไปอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง

ถึงแม้ตัวเธอเองจะเป็นแม่ของเฉินตง แต่ก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า สิ่งนี้จะทำร้ายเฉินตงหนักหนาสาหัสเพียงใด

สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ใครจะไม่นึกสงสารลูกชายตัวเองบ้าง ?

ทันใดนั้น ก็มีความคิดที่บ้าบิ่นเกิดขึ้นในสมองของหลี่หลาน

เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม : “ท่านหลง ฉันอยากกลับไปตระกูลเฉิน !”

“คุณผู้หญิง ไม่ได้นะครับ !” ท่านหลงหน้าถอดสีทันที

หากให้หลี่หลานกลับตระกูลเฉินตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับเรื่องนี้โดยไม่ต้องสงสัย

ท่านหลงรีบพูดอธิบายว่า : “คุณผู้หญิงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไปแล้วหรือครับ ?”

หลี่หลานผงะไป จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง : “ฉัน ฉันเองก็ร้อนใจเสียจนเลอะเลือนไปแล้ว คุณหญิงใหญ่นั่น อยากจะเห็นฉันกับตงเอ๋อตายอยู่แล้ว ต่อให้ฉันกลับไป ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

ยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ มีน้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของเธอ : “แล้วตอนนี้ควรจะทำอย่างไรกันแน่ ? ฉันพอจะทำอะไรเพื่อตงเอ๋อได้บ้าง ?”

“แม่……”

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ฟังดูอบอุ่นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

หลี่หลานสะดุ้ง หันกลับไปมองเห็นเฉินตงและคุนหลุนกำลังยืนอยู่ด้านนอกห้องรับแขก

“ตงเอ๋อ……”

เฉินตงเดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วสวมกอดหลี่หลาน จากนั้นจึงตบหลังของหลี่หลานเบาๆ

เหมือนกับตอนที่เขายังเด็ก เวลาที่เขารู้สึกกลัว แม่ก็จะคอยปลอบโยนเขาเช่นนี้เหมือนกัน

เขายิ้มพลางพูดว่า : “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจัดการได้แน่นอน แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้สิ่งเดียวที่แม่ควรทำก็คือดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีๆ”

“แต่ว่า……” อารมณ์ของหลี่หลานค่อยๆ สงบลงเล็กน้อย

“ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี แม่ยังต้องรออุ้มหลานอีกนะครับ”

เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน แววตาแน่วแน่มั่นคง : “แม่สามารถแบกรับผืนฟ้าทั้งผืนเพื่อให้ผมเติบโตขึ้นมาได้ จนตอนนี้ผมสามารถชูผืนฟ้านี้ได้ด้วยตัวของผมเองแล้ว !”

หลี่หลานนิ่งเงียบไป หันมองเฉินตงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน

ครู่หนึ่ง

เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างเศร้าหมอง : “จริงสิ ตงเอ๋อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

“ทานข้าวค่ะ”

ตอนนี้เอง ฟ่านลู่เดินออกมาจากในครัว

“แม่ ทานข้าวก่อนเถอะครับ”

เฉินตงร้อนใจมาก มากกว่าใครทั้งหมด แต่เห็นสภาพของแม่ในตอนนี้ เขาจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีที่สงบออกมา

หลังจากที่พยายามข่มอารมณ์กินข้าวกับคนในครอบครัวจนเสร็จ เฉินตงก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับคุนหลุน

ทันทีที่ขึ้นรถ สีหน้าของเฉินตงก็เคร่งเครียดในทันที เขาพูดกับคุนหลุนว่า : “รีบไปที่บริษัทให้เร็วที่สุด !”

……

ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ตอนนี้กำลังเป็นเวลาเข้างานพอดี

พนักงานต่างมารวมตัวกันด้วยความตื่นตกใจ

ข่าวเพียงแค่ข่าวเดียว กลับมีพลังอันมหาศาล จนทำให้พนักงานทั้งหมดของไท่ติ่งเกิดความโกลาหลขึ้นได้

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ขณะที่เมื่อวานทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับการเปิดขายล่วงหน้า และปรึกษากันเรื่องจัดงานเลี้ยงฉลองว่าควรจะจัดอย่างไรหลังจากการขายสิ้นสุดลง

แต่เช้าตรู่วันนี้ แค่ลืมตาขึ้นมา กลับพบว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว !

“พี่เสี่ยวหม่า เฉินตงจะมาเมื่อไหร่ ? เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะเอายังไงกันดีล่ะ ?”

“ฉันเองก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แค่หลับไปตื่นเดียว ทำไมจู่ๆ ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการชั่วคราวเสียแล้ว ?

การระงับโครงการชั่วคราวในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มดำเนินการต่อเมื่อไหร่กัน ?”

“เหลวไหล ! คำแก้ตัวของบริษัทใหญ่ๆ หากพูดว่าระงับชั่วคราวก็หมายความว่าไม่มีอีกแล้ว เพียงแค่พูดให้สละสลวยเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงก็คือความรู้สึกของลูกค้าที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองเหล่านั้น รวมไปถึงราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกว่าจะยังทรงตัวได้อยู่หรือจะตกฮวบ !”

……

คำว่า “ตกฮวบ” ที่พนักงานคนหนึ่งพูดออกมา ทำให้ทุกคนต่างยืนนิ่งไปในทันที

ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกสูงขึ้น เพราะอาศัยปัจจัยจากข่าวที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศจะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ตั้งแต่ต้น

แต่ตอนนี้เมื่อมีข่าวออกมาว่ามีการระงับโครงการชั่วคราว ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกจะต้องเกิดความผันผวนอย่างหนักแน่นอน

เพราะเดิมทีภาคตะวันตกของเมืองเองก็ไม่ได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่อยู่แล้ว

ตอนที่มีข่าวว่ายี่เคอ กรุ๊ปจะเข้ามาปักหลัก ทำให้ทุกคนต่างกระตือรือร้น

ส่วนตอนนี้ หลังจากที่ทุกคนต่างก็สงบลงแล้ว พวกเขาจะมีทัศนคติอย่างไรต่อภาคตะวันตกล่ะ ?

ตอนนี้เอง

มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ประตูบริษัท

ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงที่ฟังดูสงบนิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เช้าตรู่นี่ งานที่รับผิดชอบอยู่ในมือทำเสร็จกันแล้วหรือยัง ?”

ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาต่างก็หันไปจับจ้องที่เฉินตง

“พี่ตง ในที่สุดคุณก็มาเสียที !”

เสี่ยวหม่ารีบเข้าไปต้อนรับ

เฉินตงจ้องมองเสี่ยวหม่า : “มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าทำไม การเปิดขายล่วงหน้าของทั้งสามตึกในภาคตะวันตกยังจัดการไม่เรียบร้อย พาทุกคนกลับไปทำงานเร็วเข้า !”

น้ำเสียงฟังดูเย็นชา ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนปกติ

นี่ทำให้เสี่ยวหม่าผงะไป แต่ก็ยังคงหันกลับไปเรียกทุกคนให้ไปกลับไปทำงาน

ขณะที่พนักงานแต่ละคนแยกย้ายกลับไปประจำที่ของตนเอง ต่างก็แอบมองไปที่เฉินตง

เมื่อเห็นเฉินตงเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยท่าทีที่สงบ ทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ฟ้าถล่มลงมาขนาดนี้แล้ว เจ้านายยังสงบอยู่เช่นนี้ได้อีกหรือ ?

“พี่เสี่ยวหม่า หรือว่าประธานเฉินจะรู้เรื่องนานแล้ว และได้เตรียมวิธีรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ?” พนักงานคนหนึ่งที่สนิทสนมกับเสี่ยวหม่าเอ่ยถาม

ตั้งแต่เฉินตงรับผิดชอบหน้าที่ดูแลบริษัท ก็เกิดวิกฤตต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง แต่เฉินตงก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

ภาพลักษณ์ของเฉินตงที่ปรากฏอยู่ในใจของเหล่าพนักงานนั้น ถือว่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงมาก

ทุกครั้งที่เห็นเฉินตงมีท่าทีที่สงบเยือกเย็น ก็เหมือนกับมีเสาหลักคอยค้ำจุนอยู่ ทำให้รู้สึกว่าเรื่องต่างๆ อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

เสี่ยวหม่าเองก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ เขาเกาหัว : “ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ?”

น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก แต่กลับสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานได้ ไม่ช้าพนักงานก็กลับเข้าไปทำงานในตำแหน่งของตน

ภายในห้องทำงาน

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาดึงผมของตนเองไม่หยุดด้วยความสิ้นหวัง

เขารู้ดีว่าเจ้าของบริษัทก็เป็นเหมือนเสาหลักของบริษัท

เขารู้ดีว่าหากตนเองแสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมาต่อหน้าพนักงานแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้เท่านั้น แต่จะยิ่งส่งผลกระทบต่อทั้งบริษัทด้วย

ดังนั้นเมื่อครู่ขณะที่เขาเดินเข้ามา จึงต้องแสร้งทำท่าทีสงบ

ที่ทำท่าที่เฉยเมยต่อเสี่ยวหม่า เป็นเพราะต้องการลดเวลาที่จะต้องพูดอธิบายกับทุกคนให้น้อยลง ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงที่ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมา

ตอนนี้ในห้องทำงานมีเพียงแค่เขากับคุนหลุน จึงสามารถแสดงความวิตกกังวลออกมาได้

เฉินตงถูใบหน้าของเขา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “คุนหลุน เวลาที่มีคนเอาดาบมาจ่อคอนาย นายจะทำอย่างไร ?”

คุนหลุนตอบว่า : “ฆ่ามันให้ตายครับ !”

เฉินตงนิ่งไป จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างหมองเศร้า

ด้วยพลังการต่อสู้ของคุนหลุนแล้ว ต่อให้มีคนเอาดาบมาจ่อที่คอของเขา เขาก็สามารถโต้กลับได้อย่างง่ายดาย

แต่เขาทำไม่ได้ !

ครั้งนี้ คนที่เขาต้องเผชิญหน้าคือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

การฆ่าให้สิ้นซากครั้งนี้ ก็เท่ากับทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งฟ้าถล่มลงมาจริงๆ เป็นการจัดการเขาแบบถอนรากถอนโคน

แล้วเขาควรโต้กลับเช่นไรดี ?

ขณะที่เฉินตงกำลังเป็นกังวลและยังไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้

เมืองทั้งเมืองก็กำลังมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น

นี่คงจะเป็นสิ่งที่สามารถบรรยายได้เหมาะสมที่สุดถึงความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่ขึ้น

เพราะว่า ในขณะที่มีการรายงานข่าวนั้น ทุกคนต่างไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ต่างก็นิ่งไปกันหมด

ภายในชั่วพริบตา บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งและโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ก็ถูกผลักให้ขึ้นไปเผชิญกับพายุพร้อมกัน

เรื่องสำคัญที่แทบจะทุกคนนำมาพูดคุยกันในตอนนี้ก็คือเรื่องนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะยี่เคอกรุ๊ปเตรียมที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกของเมืองไม่มีทางสูงขึ้นได้ และไม่มีทางที่จะมีผู้ซื้อจำนวนมากมายขนาดนั้น เข้าไปแย่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ ยี่เคอ กรุ๊ปได้ระงับโครงการแล้ว บรรดาผู้คนที่นิ่งสงบลง ต่างก็กำลังนึกย้อนไปถึงสภาพอันน่ารังเกียจของภาคตะวันตกในอดีต

ในขณะเดียวกันนี้

มีคนกลุ่มใหญ่กำลังไปรวมตัวกันอยู่ที่หลงถิงฮัวหยวนซึ่งอยู่ด้านหน้าตึกทั้งสามที่มีการเปิดขายไปล่วงหน้า

ใบหน้าของคนเหล่านี้เต็มไปด้วยความโมโห พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปภายในจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งด้วยความโกรธ…..

บทที่ 131 ฟ้าถล่มแล้ว

หลังกลับจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงก็ได้รับโทรศัพท์ตามมาอีกสองสาย ซึ่งได้แก่สายจากผู้อำนวยการหลิวและสายจากท่านเมิ่ง

ทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักที่คบหากันมานานของเจิ้งโก๋โส่ว เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จึงเกรงว่าหากเฉินตงทำการสืบสวนเข้า ด้วยอำนาจที่เขามีจะต้องเป็นการทำลายชีวิตที่เหลืออยู่ของเจิ้งโก๋โส่วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดที่จะโทรมาเพื่อขอความเมตตาให้กับเจิ้งโก๋โส่ว

หลังจากที่เฉินตงแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่คิดที่จะติดใจเอาความ ทั้งสองถึงได้โล่งใจ

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ถือว่าทุกอย่างก็สงบลง

เฉินตงล้มตัวลงนอนด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขามีฐานะของคุณชายเฉินตงคอยค้ำคออยู่ เห็นทีว่าในคืนนี้ ภาพวาดของจริงซึ่งเป็นฝีมือถังป่อหู่ คงจะถูกเจิ้งโก๋โส่วกล่าวหาว่าเป็นของปลอมอย่างแน่นอน เขาเองก็คงยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนได้

คำว่าชาติกำเนิดช่างเป็นคำที่น่ารังเกียจและน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี

ถ้าหากเจิ้งโก๋โส่วรู้ฐานะของเขาตั้งแต่ต้น ต่อให้ภาพที่เขานำไปจะเป็นของปลอม เขาก็สามารถพูดจนกระทั่งกลายเป็นของจริงได้ ?

สองวันหลังจากนั้น ทุกอย่างอยู่ในความสงบ

การเปิดขายบ้านล่วงหน้าทั้งสามตึกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เป็นไปตามที่เฉินตงคาดการณ์เอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากทั่วทั้งเมือง แต่การเปิดขายให้หมดภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากสักเท่าไหร่นัก

นี่คือสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด ตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งยังถือว่ามีขนาดที่เล็กมากเกินไป

หากไม่นับรวมถึงหุ้นที่มีอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมีอย่างมากสุดก็แค่ มีโอกาสได้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเมืองนี้เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วยังถือว่าห่างไกลมากกับอันดับที่หนึ่งของเมือง

โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เดิมทีเป็นโครงการที่ยืดเยื้อกันมานาน แต่เพราะเขาได้รับการเอื้ออำนวยจากตระกูลเฉิน จึงสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้

ถ้าหากยอดขายอสังหาริมทรัพย์สามารถขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดได้อีกครั้ง ก็คงจะทำให้คนในวงการเดียวกันที่เหลือ ต่างก็ต้องรู้อิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอน

ถ้าหากมีใครคิดอย่างได้ส่วนแบ่งจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากพอตัว

เขาสามารถพึ่งพาอำนาจของตระกูลเฉินเพื่อทำให้เขามั่นคงได้ แต่เขาเองก็รู้ดีว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น มีเพียงแค่การพัฒนาและเติบโตของตัวเขาเองเท่านั้น ถึงจะทำให้เขาสามารถเดินเข้าไปในตระกูลเฉินได้อย่างเต็มภาคภูมิ และทำให้แม่ของเขาได้รับความรุ่งโรจน์กลับคืนมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น จึงจะเป็นเวลาที่เขาสามารถครอบครองอำนาจของตระกูลเฉินเอาไว้ในมือได้อย่างแท้จริง

ก่อนจะถึงเวลานั้น ด้วยความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนและความขัดแย้งอย่างลับๆ ที่มีอยู่ภายในตระกูลเฉิน เขาคงไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเฉินทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้น

หากในระหว่างนี้ มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในตระกูลเฉิน ประกอบกับการที่มีคนในแวดวงเดียวกันคอยอิจฉาริษยาอยู่ สำหรับเขาแล้วคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่พอดู

การที่เขาค่อยๆ พยายามอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงค่อยสร้างความประหลาดใจให้ปรากฏแก่สายตาของทุกคน สิ่งนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่เขายินดีที่จะเห็นและยินดีที่จะลงมือทำมากที่สุดในตอนนี้

สองวันมานี้ กู้ชิงหยิ่งเองก็มาหาเขาอยู่หลายครั้ง เขาเองก็ตอบรับด้วยความอดทน เกรงว่าสาวน้อยคนนี้จะคิดว่า เขายังคงโกรธเรื่องที่เกิดในผับสี่ยิ่นคืนนั้น

ในความเป็นจริงแล้วกู้ชิงหยิ่งเองก็คิดเช่นนี้จริงๆ ไม่ว่าเฉินตงจะอธิบายเช่นไร สาวน้อยคนนั้นก็ไม่ยอมเชื่อ

ถึงขั้นว่าต้องการจะมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งด้วยตนเอง แต่ถูกเฉินตงปฏิเสธเสียก่อน

หลายวันมานี้ เขาจดจ่ออยู่กับเรื่องของการเปิดขายบ้านล่วงหน้าทั้งสามตึกเท่านั้น จึงไม่สามารถแยกตนเองออกไปทำเรื่องอื่นได้อีก

ยังดีที่ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็ยอมละทิ้งความคิดที่จะมาบริษัท หลังจากได้ฟังคำพูดโน้มน้าว

เช้าตรู่ของวันนี้

ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง

ขณะที่เฉินตงกำลังฝึกฝนร่างกายอยู่กับคุนหลุน ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา

“พี่ตง รีบดูข่าวเร็วเข้า เกิดปัญหาใหญ่แล้ว !” ในสายโทรศัพท์เป็นเสียงของเสี่ยวหม่าที่กำลังพูดด้วยความร้อนใจเป็นอย่างมาก

“ฟ้าถล่มเหรอ ?” เฉินตงพูดหยอกล้อ

เสี่ยวหม่าเงียบไปเสี้ยววินาที จากนั้นจึงตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ : “อืม !”

เฉินตงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ในหัวของเขาเหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้น

เขารีบถามเสี่ยวหม่ากลับไปทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เสี่ยวหม่าพูดว่า : “ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่า จะระงับแผนการที่จะย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองของเราเอาไว้ชั่วคราวก่อน”

เปรี้ยง !

เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นตอนกลางวันแสกๆ

เฉินตงตัวสั่นไปหมด จู่ๆ สมองก็ว่างเปล่า

ถึงขั้นว่า เหมือนตัวเขาจะขาดการติดต่อกับโลกใบนี้ไปชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นเสี่ยวหม่าที่อยู่ปลายสายพูดอะไรต่ออีกนั้น เขาไม่ได้ยินเลยสักนิด

“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ ?”

น้ำเสียงร้อนใจและเป็นกังวลของคุนหลุนที่ดังขึ้นในหู ทำให้เฉินตงกลับมาสู่ของโลกของความเป็นจริงทันที

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”

เขาพยายามระงับความโกรธแล้ววางสายสนทนากับเสี่ยวหม่า

มือข้างขวาของเฉินตงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นไม่ยอมวางลง มีเสียงดังกรอบขึ้นในมือ และมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หลังมือ

และในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

ความโกรธที่ดูสงบนี้ ทำให้คุนหลุนยิ่งรู้สึกหวาดกลัว

“การแก้แค้นครั้งสุดท้าย ? คิดที่จะถอนรากถอนโคนสินะ !” เฉินตงกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ

หลังจากความตกใจและความโมโหชั่วขณะผ่านไปแล้ว เขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูลเฉิน เริ่มแรกท่านหลงเป็นคนช่วยจัดการเรื่องปล่อยข่าว นี่ถึงทำให้สถานการณ์ของโครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเปลี่ยนไป เมื่ออาศัยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของยี่เคอ กรุ๊ป ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แถบภาคตะวันออกของเมืองเขยิบสูงขึ้นมา

หากพูดกันตามหลักความจริงแล้ว ขอแค่ยี่เคอ กรุ๊ปไม่ปล่อยข่าวที่เป็นไปในทิศทางตรงข้ามเช่นนั้นออกมา ราคาอสังหาริมทรัพย์แถบภาคตะวันตกของเมืองนี้จะไม่มีวันตกลงอย่างแน่นอน

แต่ทว่าตอนนี้ จู่ๆ ยี่เคอ กรุ๊ปก็ประกาศว่าจะระงับแผนการย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ไว้ชั่วคราว ทำให้เฉินตงนึกถึงคนที่จะมีศักยภาพมากพอที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น !

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

ในตระกูลเฉินทั้งตระกูล มีเพียงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคนเดียวเท่านั้นที่จะกล้าคิดต่างกับคุณพ่อ สั่งให้ยี่เคอ กรุ๊ปปล่อยข่าวที่สร้างความเสียหายเช่นนี้

ก่อนหน้านี้เฉินเทียนหย่างและเฉินเทียนเซิงเอง ก็คงจะรู้วิธีจัดการให้สิ้นซากในคราวเดียวแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่เคยใช้วิธีนี้คงเป็นเพราะ เขาไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับยี่เคอกรุ๊ป

นี่ถือเป็นวิธีจัดการกับปัญหาแบบถอนรากถอนโคน เป็นเหมือนการใช้ดาบแทงเข้าไปที่คอของเฉินตงในคราวเดียวอย่างโหดร้าย

หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกทั้งหมด ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ถึงขั้นว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งต้องล้มละลาย !

สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งแล้ว นี่ถือว่าฟ้าถล่มจริงๆ !

“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?” คุนหลุนเห็นท่าทีโมโหของเฉินตงก็รู้สึกร้อนใจขึ้นทันที

“ไม่มีอะไร วันนี้ยกเลิกการฝึกไปก่อน กลับบ้านกัน”

เฉินตงสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

ในห้องรับแขก กำลังถ่ายทอดข่าวเช้าอยู่

ท่านหลงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนหลี่หลานที่นั่งอยู่ด้านข้างก็สีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน

ฟ่านลู่ยังคงจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว โดยปกติแล้วในช่วงเวลานี้ของทุกวัน ทุกคนในบ้านจะตั้งตารอคอยอาหารเช้าฝีมือฟ่านลู่

แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครรู้สึกหิวเลยสักคน

แม้แต่หลี่หลานที่เห็นฟ่านลู่เป็นเหมือนลูกสาว ก็ยังรู้สึกกินไม่ลงด้วยเช่นกัน

“ท่านหลง เรื่องครั้งนี้ตงเอ๋อจะสามารถผ่านมันไปได้ไหม ? น้ำเสียงของหลี่หลานเคร่งเครียดเล็กน้อย

ข่าวเช้าในโทรทัศน์ กำลังนำเสนอข่าวที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่าจะระงับแผนการที่จะย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองของเราเอาไว้ชั่วคราว

หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง จึงรู้ดีว่าข่าวทำนองนี้ จะส่งผลกระทบมากมายมหาศาลเท่าไหร่ต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง !

ถ้าจะพูดว่าเป็นการฆ่าให้ตายในคราวเดียวก็คงไม่เกินไปนัก

ท่านหลงส่ายหัว ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกจนปัญญา : “นี่มันรุนแรงเกินไปจริงๆ ข่าวนี้จะสั่นสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเมืองนี้ รวมถึงจะเป็นการล้างไพ่ของภาคตะวันตกใหม่ทั้งหมด ครั้งนี้ถือว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งต้องตกอยู่ในวิกฤตจริงๆ !”

ต่อให้การเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกอย่างต่อเนื่องทั้งสองครั้ง จะได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย

แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดขายล่วงหน้าที่ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น หรือแม้แต่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกที่สูงขึ้น ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลมาจากการที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้

หลังจากที่สูญเสียยักษ์ใหญ่อย่างยี่เคอ กรุ๊ปไปแล้ว สภาพทั้งหมดของภาคตะวันตกก็จะเหมือนถูกถอดเสื้อคลุมออก ต้องกลับคืนสู่สภาพเดิมในระยะเวลาอันสั้นอย่างรวดเร็ว

“ท่านหลง ให้เขาจัดการด้วยตัวเองเถอะ” หลี่หลานจ้องมองด้วยแววตาแน่วแน่ “เต้าหลินไม่มีทางปล่อยให้ตงเอ๋อ ตกลงไปในเหวโดยที่ตนเองเอาแต่มองดูอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยอย่างแน่นอน !”

ท่านหลงยิ้มอย่างหดหู่ : “คุณผู้หญิง นายท่านทราบเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งตัวกระผมเองก็เชื่อว่า ตอนนี้คุณท่านกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคิดหาวิธีช่วยคุณชายอยู่ ครั้งนี้พวกเขาหวังที่จะจัดการกับคุณชายให้สิ้นซาก เพียงพอที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณชายพยายามสั่งสมมาทั้งหมด ดังนั้นนายท่านไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน”

“ถ้าแม้แต่เขาก็ยังช่วยไม่ได้ ไม่เท่ากับว่า……”

หลี่หลานร้อนใจเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างบีบกันแน่น : “ไม่เท่ากับว่าครั้งนี้ตงเอ๋อจะต้องตกลงไปในขุมนรกหรอกหรือ ?”

บทที่ 130 ปีนสูงแล้ว!

เจิ้งโก๋โส่วตัวสั่น มีท่าทีสับสน

เขาเป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน เขาที่อยู่ในสาขาอาชีพของตัวเองที่อยู่ในระดับที่สูงสุด

ก็ต้องมีความหยิ่งผยองและศักดิ์ศรีของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ ก็เป็นแขกที่เจ้าภาพเคารพนับถือ

คนที่อยู่ในฐานะอย่างเขา คำว่าขอโทษได้หายไปจากพจนานุกรมของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องไปขอโทษคนที่มีอายุน้อยกว่า

เห็นเจิ้งโก๋โส่วยืนอึ้งไม่ขยับ

ผู้อำนวยการหลิวที่คันไม้คันมือ “ไอ้แก่หัวรั้น นายไม่เชื่อฉันหรือว่าไม่เชื่อเหล่าเมิ่ง?”

ท่านเมิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “ไปเถอะ ไม่ถือว่าเสียหน้าหรอก”

ในฐานะที่เป็นลูกชายแท้ๆของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน สามารถทำให้เจ้าบ้านตระกูลเฉินอกตัญญูต่อผู้ใหญ่ จะรับคำขอโทษของปรมาจารย์ด้านภาพวาดจีนไม่ได้เลยเหรอ?

ดวงตาของเจิ้งกั๋วโส่วมืดลงในทันที

คำพูดของผู้อำนวยการหลิวเขาจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้แม้แต่ท่านเมิ่งก็พูดเช่นนี้แล้ว

ต่อให้เขาจะรั้นแค่ไหน ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแล้ว!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เจิ้งโก๋โส่วก็ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว

ความเข้าใจผิดถูกไขความกระจ่างแล้ว สำหรับเธอ ก็คือวินาทีหนึ่งคือนรกอีกวินาทีหนึ่งก็กลายเป็นสวรรค์

ในฐานะที่เป็นลูกสาว ใครจะไม่อยากจะให้พ่อแม่ของตัวเอง ชอบคนที่เราชอบล่ะ?

เจิ้งโก๋โส่วอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าในการเดิน

ในห้องโถง เงียบจนแม้แต่เข็มตกลงพื้นยังสามารถได้ยิน

กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยายังมึนงงอยู่เล็กน้อย

เรื่องทั้งหมดของคืนนี้ เปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก

จากความยินดี มาถึงความโกรธ จนมาถึงความหวาดกลัว

สองสามีภรรยาแค่อยากชวนเพื่อนเก่ามาสังสรรค์ ในเวลาเดียวกันก็ช่วยลูกสาวดูว่าพี่ลูกเขย ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ได้?

คิดถึงท่าทีเมื่อกี้ของเฉินตง แก้มของสองสามีภรรยารู้สึกร้อนขึ้นเล็กน้อย

กู้โก๋ฮั้วสายตามองลอยไปทางท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิว

“เป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว พวกนายยังจะปิดบังเรื่องนี้อีก?”

เห็นได้ชัด ว่าหมายถึงเฉินตง!

“พูดไม่ได้”

ท่านเมิ่งส่ายหัว พูดด้วยสายตาที่ลึกๆ “เหล่ากู้ นายรู้สึกใช่มั้ยว่าวันนี้ตัวนาย ร่ำรวยมั่งคั่ง อยู่ต่างประเทศธุรกิจก็ไปได้ดีมาก?”

กู้โก๋ฮั้วนิ่งไปสักพัก จึงพยักหน้า

เขาไม่ใช่คนที่ดูถูกตัวเอง ความมั่งคั่งของตัวเองในต่างประเทศ เป็นดั่งที่ท่านเมิ่งพูดจริงๆ ไม่อย่างนั้นคู่ที่เขาจัดให้กู้ชิงหยิ่งไปนัดบอด ก็คงจะไม่ใช่พวกผู้ประกอบการน้ำมัน ลูกหลานซิลิคอนวัลเลย์หรอก

มีเพียงแต่ทุกคนยืนในเวทีเดียวกัน จึงจะสามารถคบกันได้!

ไม่อย่างนั้น ใครจะให้เกียรติเขา?

ท่านเมิ่งยิ้มๆ แฝงด้วยความดูถูกเล็กน้อย “ต่อให้นายมีเงินมาก ก็ไม่มากเท่าเขา!”

พรึบ!

กู้โก๋ฮั้วอึ้งไปทันที หน้าแดงหูแดง

คำพูดของท่านเมิ่ง แค่เพียงคำพูดเดียวก็ได้พูดโดนใจเขาในความรู้สึกแรกที่เขาเจอเฉินตง เหมือนเสียงตบที่ดังสนั่น ได้ตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง

ไม่รอที่ให้กู้โก๋ฮั้วจะตั้งสติได้ ผู้อำนวยการหลิวก็พยักหน้า “เหล่าเมิ่งพูดถูก”

พรึบ!

รูม่านตาของกู้โก๋ฮั้วหดลง ราวกับว่าถูกตบที่บ้องหูอีกครั้ง

“อาทั้งสอง ช่วยไขความกระจ่างหน่อย” แม่ของกู้ชิงหยิ่งกล่าวขึ้น

ท่านเมิ่งส่ายหัว มองกู้โก๋ฮั้ว “รักษาไว้ให้ดี เสี่ยวหยิ่งปีนสูงไปแล้ว จะสามารถเข้าบ้านเขยมังกรหรือเปล่า ก็มาดูตระกูลกู้ของแกจะเกิดเรื่องหรือเปล่า!”

พูดจบ เขากับผู้อำนวยการหลิวก็จากไปพร้อมกัน ทิ้งกู้โก๋ฮั้วกับภรรยาที่กำลังสับสน กำลังครุ่นคิด

เฉินตงส่งสัญญาณไม่ให้พวกเขาพูด เขาสองคนสามารถพูดมาถึงขนาดนี้ ก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์หลายสิบปี

ครู่ใหญ่

แม่ของกู้ชิงหยิ่งจึงค่อยๆพูดขึ้น “โก๋ฮั้ว คุณเชื่อมั้ย?”

กู้โก๋ฮั้วยิ้มอย่างขมขื่น ถอนหายใจออกมาอย่างแรง “เหล่าเมิ่งกับเหล่าหลิวไม่มีทางที่จะเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น”

“แล้วเฉินตง………เมื่อกี้ท่าทีที่เรามีต่อนายเฉินตง ไม่ดีเลยนะ” หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วที่โก่งเล็กน้อย

เดิมเป็นงานที่พบกันดีๆงานหนึ่ง เพราะความเข้าใจผิดของภาพหเพียงภาพเดียว เลยทำให้มันกลายเป็นแบบนี้

กับเฉินตง ในใจเธอรู้สึกผิด

นิ่งไปครู่หนึ่ง หลี่หวั่นชิงก็กล่าว “เอางี้ดีมั้ย เราก็อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน หาเวลาจัดงานเลี้ยงใหม่เพื่อพบเฉินตงใหม่ และขอโทษเขา มาคลายความเข้าใจผิดนี้? ”

“ขอโทษ?” กู้โก๋ฮั้วขมวดคิ้วจนเป็นเส้นตรง เราขอโทษเขา มันเหมาะสมเหรอ?

หลี่หวั่นชิงพูดอย่างโกรธเคือง “งั้นคุณจะทนดูเสี่ยวหยิ่งที่อยู่ตรงกลางต้องลำบากใจเหรอ? คุณเป็นพ่อนะ เวลาสำคัญแบบนี้ทำไมไม่ใส่ใจลูกสาวบ้าง?”

“เอาล่ะ” กู้โก๋ฮั้วถอนหายใจ ถือว่ารับปากแล้ว พูดอย่างสบายๆ “เพียงแค่เสียเวลาตรงนี้สองสามวัน เกรงว่าเมื่อติดต่อกับตระกูลเฉิน ก็ต้องเสียเวลาอีก”

พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

“ฉันรู้ว่าคุณต้องการอาศัยอำนาจของตระกูลเฉิน เพื่อขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ฉันก็เห็นด้วย อีกอย่างฉันก็สนับสนุนคุณอย่างมาก”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของหลี่หวั่นชิง แววตาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “แต่โก๋ฮั้ว เรามีเสี่ยวหยิ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ความสำเร็จของคุณมีคนมากมายที่อยากจะได้ เงินพอใช้ก็พอแล้ว ความสุขของเสี่ยวหยิ่ง จึงจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของเรา!”

“แต่ว่า……….” กู้โก๋ฮั้วยังอยากที่จะโต้แย้ง

“ฉันไม่อยากให้การตัดสินใจผิดของเรา ทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียความสัมพันธ์ที่ดีไป ไม่พูดถึงเรื่องชาติตระกูลของเฉินตง ตอนนี้การงานเขาก็กำลังไปได้ดี หากเสี่ยวหยิ่งกับเฉินตงต้องแยกจากกันเพราะเรา คนที่เป็นพ่ออย่างคุณจะเสียใจมั้ย?”

น้ำเสียงที่พูดจาของหลี่หวั่นชิงสูงขึ้นเล็กน้อย “บางทีคุณอาจจะคิดว่า เสี่ยวหยิ่งอาจจะสนใจพวกผู้ประกอบการน้ำมัน หรือลูกหลานของซิลิคอนวัลเลย์เหรอ?”

กู้โก๋ฮั้วท่าทางห่อเหยี่ว ยิ้มอย่างขมขื่น

จากนั้น เขาก็กล่าวอย่างองอาจ “เอาอย่างนี้ วันมะรืนเรายังอยู่ จัดงานเลี้ยงใหม่ ขอโทษเฉินตง ก็คือเป็นการเจอผู้ใหญ่อย่างแท้จริงละกัน?”

“แบบนี้ถึงจะเป็นพ่อที่ดี!” หลี่หวั่นชิง ยิ้มอย่างอ่อนโยน

……

เมื่อกู้ชิงหยิ่งกับเหล่าเจิ้งวิ่งไปถึงลานจอดรถของคลับสี่ยิ่น เฉินตงได้จากไปนานแล้ว

เห็นเพียงรถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งแล่นตัวออกไปทางด้านนอกคลับสี่ยิ่น

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว

เหล่าเจิ่งรีบเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาถาม

เมื่อรู้ว่าเฉินตงนั่งรถโรลส์-รอยซ์ออกไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นมาทันที

ในสมอง ก็ปรากฏขึ้นด้วยคำพูดและท่าทีของท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิว ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น

กู้ชิงหยิ่งได้ยินที่เหล่าเจิ้งคุยกับพนักงานรักษาความปลอดภัย

เขารีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินตง

เพิ่งจะดังหนึ่งครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกรับสาย

“ฮาโหล เฉินตง! ไอ้คนโง่ ทำไมไปเร็วแบบนี้? อย่าโกรธเลยได้มั้ย?”

เมื่อโทรติด กู้ชิงหยิ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร

“ผมไม่ได้โกรธ” ปลายสาย เฉินตงหัวเราะพูด

ไม่โกรธ?

เป็นไปได้ยังไง!

กู้ชิงหยิ่งอธิบาย “ความเข้าใจผิดได้ถูกไขความกระจ่างแล้ว “คุณอาเจิ้งได้ดูภาพอีกรอบ ยืนยันว่าภาพเป็นภาพจริง เขากำลังตามหาคุณเพื่อขอโทษคุณ อย่าเพิ่งไปได้มั้ย ฉันขอโทษแทนพ่อกับแม่ของฉันด้วย”

สถานการณ์ตอนนั้น เป็นใครก็ลำบากใจทั้งนั้น

เขาที่ไม่พอใจแทนเฉินตง แต่เธอก็ไม่สามารถที่เปลี่ยนแปลงมัน

วันนี้ความเข้าใจผิดได้รับกระจ่าง เขาไม่อยากให้เฉินตงเข้าใจพ่อแม่ตัวเองผิด

“เอาล่ะ ยัยโง่ สถานการณ์ตอนนั้น ถ้าผมไม่ออกมาแล้วอยู่ต่อมันจะทำให้คุณลำบากใจทั้งสองฝ่าย ผมไม่เป็นไรจริงๆ พักผ่อนเร็วๆละ” เฉินตงพูดจบ ก็วางสายทันที

บนรถโรลส์-รอยซ์

ท่านหลงมองดูเฉินตงที่วางสาย ยิ้มๆ “คุณชายไม่โกรธจริงเหรอ?”

“เสี่ยวหยิ่งมาอยู่ข้างกายผมในตอนที่ผมอับจนที่สุดโดยไม่ลังเลเลย เธอใช้ทั้งชีวิตของเธอเป็นเดิมพัน”

เฉินตงส่ายหัว ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เรื่องแค่นี้ผมจะไปโกรธพ่อแม่ของเธอทำไม?”

พูดจบ ท่าทางของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา “สิ่งที่ไม่สบอารมณ์ ก็คือคุณ ภาพวาดราคายี่สิบกว่าล้าน ผมแค่มาทานข้าวกับท่านเมิ่งเท่านั้น คุณก็ให้ผมมอบของขวัญราคายี่สิบกว่าล้าน? รู้จักผิดชอบชั่วดีหรือเปล่า?”

เผชิญหน้ากับเฉินตงที่จู่ๆก็โกรธขึ้นมา ท่านหลงทำหน้าไม่รู้เรื่อง “ยี่สิบล้านเยอะเหรอ?”

“ไม่เยอะเหรอ?” เฉินตงถาม

ท่านหลงยักไหล่ พ่อของคุณเวลาที่ให้ของขวัญราคาไม่ต่ำกว่าเก้าหลัก ครั้งที่แล้วที่ไปทานข้าวกับผู้ประกอบการน้ำมันฝั่งตะวันตก พ่อของคุณยังไม่ได้มอบบ่อน้ำมันให้เขาหนึ่งบ่อ

เฉินตง “…….

บทที่129 นั่นไม่ใช่หนุ่มที่มีความสามารถธรรมดา เขาคือเขยมังกร!

คำพูดนี้พูดออกมา

ในห้องโถงเหมือนกับเวลานั้นได้หยุดเดินทันที

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวตื่นตกใจ หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

เหล่าเจิ้งนั้นกลับมองอย่างมีอำนาจ จ้องมองเฉินตงด้วยความรังเกียจ

ตรงหน้าของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนเป็นสีดำชั่วขณะ และร่างกายของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

พ่อแม่โกรธแล้ว การเจอผู้ใหญ่ครั้งแรกพังอย่างยับเยินแบบนี้!

แล้วต่อไปนี้ เธอกับเฉินตงควรจะทำยังไง?

ริมฝีปากแดงขยับไปมา กู้ชิงหยิ่งค่อยๆเอ่ยปากขึ้น “เฉินตง……….”

เพิ่งจะพูดออกมา

จู่ๆเฉินตงก็ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนสายลม

ในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความหดหู่ กดดันอย่างมาก

《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ของถังป่อหู่ท่านหลงเป็นคนเอาให้เขา เขามั่นใจว่าท่านหลงไม่มีทางที่จะเอาภาพปลอมมาให้เขา

ต่อให้ภาพนี้เดิมทีจะมอบให้ท่านเมิ่ง ก็ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอม

คนที่ทำให้ใจเขารู้สึกหดหู่นั้นเป็นท่าทีของเจิ้งโก๋โส่ว อาศัยแค่ดูแวบเดียว ก็ฟันธงว่าภาพเขียนเป็นของปลอม นี่หรือคือผู้เชี่ยวชาญ ดูมั่วหรือเปล่า!

เป็นเพราะการตัดสินที่ผิดพลาดของเหล่าเจิ้ง ทำให้การเจอผู้ใหญ่ที่มีความสุขอย่างวันนี้ พังยับเยินโดยสิ้นเชิง!

ได้ยินเสียงของกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงยิ้มพูดกับเธอ “ชิงหยิ่ง ผมไม่เป็นไร งั้นผมไปก่อนนะ”

สถานการณ์ถูกกำหนดแล้ว ถ้าเขายังอยู่ต่อ มันเพียงแต่จะทำให้กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงกลางจะลำบากใจ

กู้ชิงหยิ่งกลับมาอยู่ข้างกายเขา ในขณะที่เขากำลังมีปัญหา สำหรับความสัมพันธ์ที่ได้มาไม่ง่ายนี้ เขานั้นทะนุถนอมมันเป็นพิเศษ

เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ลำบากใจ มันเพียงแต่จะทำให้เฉินตงนั้นปวดใจ

“เฉินตง……….”

กู้ชิงหยิ่งอยากจะร้างเขาเอาไว้

แต่กู้โก๋ฮั้วได้ดึงตัวเธอเอาไว้ “เสี่ยวหยิ่ง หรือว่าลูกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

“พ่อคะ………..พ่อจะให้หนูเข้าใจอะไร?” ดวงตาที่สวยงามคลอไปด้วยน้ำตา เม้มริมฝีปากเอาไว้

“หลานสาว ชายคนนี้อาจถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถในเมืองนี้ แต่ครั้งแรกที่เจอกันก็ใช้ภาพวาดปลอมมาเป็นของขวัญ ของขวัญนั้นไม่ต้องมีราคาแพงแต่ต้องเป็นของจริง ไม่มีความจริงใจ นิสัยแบบนี้ใช้ไม่ได้!”

เหล่าเจิ้งกล่าวกับกู้ชิงหยิ่งด้วยคำพูดที่ชอบธรรมและมีเหตุผล “พ่อของหนูเรียกพวกอามาช่วยหนูทดสอบทองคำชิ้นนี้ ถือว่าได้เรียกถูกคนแล้ว ไฟกองนี้อย่างอา ก็ได้เผาท่าแท้ของเขาออกมาแล้ว”

กู้โก๋ฮั้วและสาวสวยมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจพร้อมกัน

ด้วยฐานะของตระกูลกู้ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจว่าเฉินตงจะมีเงินมากแค่ไหน เพราะในสายตาของกู้โก๋ฮั้ว ต่อให้เขาจะมีเงินก็ไม่มีทางมากกว่าของตระกูลกู้

สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือจิตใจของเฉินตง หากเฉินตงจริงใจต่อกู้ชิงหยิ่งจริงๆ

ดังนั้นต่อให้จะรู้ว่าเฉินตงเคยผ่านการหย่าร้าง แต่กู้โก๋ฮั้วก็ยินดีที่จะพบเขาสักครั้ง อีกทั้งเมื่อรู้ข่าวว่าเฉินตงพีรเซลล์โครงการพร้อมกันสามโครงการ ก็ชื่นชมโดยที่ไม่ปิดบัง

ถึงขึ้น เขากับภรรยาได้แอบตัดสินใจกันแล้ว หากเฉินตงเป็นคนที่ไม่เลวจริงๆ ก็จะไม่เข้มงวดมากนัก

ไม่ว่ายังไง……..ก็เป็นคนที่ลูกสาวชอบ

แต่เมื่อทดสอบแล้ว กลับได้ผลลัพธ์แบบนี้!

“เหล่าเจิ้ง วันนี้ต้องขอบคุณนายแล้ว”

กู้โก๋ฮั้วทำท่าคารวะเพื่อแสดงความขอบคุณเจิ้งโก๋โส่ว จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วพูดกับกู้ชิงหยิ่งอย่างเคร่งขรึม: “เสี่ยวหยิ่งอนาคตพ่อแม่นั้นไม่ได้ขอให้หนูร่ำรวยล้นฟ้า ต่อให้เฉินตงจะไม่มีอะไร แต่เงินของครอบครัวเราก็เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตของพวกเธอในคนาคต”

แต่พ่อกับแม่อยากให้ลูกมีความสุข การแต่งงานขึ้นอยู่กับคนที่เรารัก แต่เรื่องของวันนี้ หนูรู้สึกว่าเฉินตงคนนี้จะเป็นสามีที่ดีเหรอ?

กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น ดวงตาที่บวมแดงเต็มไปด้วยน้ำตา นิ่งเงียบและไม่พูด

ในเวลานี้

“ไอ้เจิ้งหัวรั้น นายมันไอ้สารเลวที่มีตาแต่ไร้แวว นายมีตาแต่ไม่รู้จักหยกฝังทองนะ!” ผู้อำนวยการหลิวที่จู่ๆก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทุบที่อบหน้า ด่าเหล่าเจิ้งขึ้นมา

ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำให้ครอบครัวของกู้โก๋ฮั่วกับเหล่าเจิ้งตะลึงไปทันที

เหล่าเจิ้งกำลังจะโต้เถียง จู่ๆผู้อำนวยการหลิวก็กัดฟันอย่างแรง แล้วใช้มือผลักหน้าอกของเหล่าเจิ้ง ผลักจนเหล่าเจิ้งเซไปข้างหลัง

“นายมันไอ้หัวรั้น เมื่อกี้เราก็ห้ามนายไม่ได้เลย!”

“ไอ้หลิว นายหมายความว่ายังไง? อยากจะต่อยกันใช่มั้ย?” ทันใดนั้นเหล่าเจิ้งก็โมโหขึ้นมาทันที

พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนกันมานาน ต่างคนต่างเป็นผู้สูงสุดในสาขาอาชีพของตัวเอง ก็ต้องมีอารมณ์เป็นธรรมดา

ปกติทุกคนคุยกันอย่างมีความสุข แต่เมื่อถึงเวลาลงมือ มันก็ไม่มีใครยอมใครเลย!

ตาของผู้อำนวยการหลิวแดงแล้ว ก็กัดฟันด่า “นายมันเป็นไอ้หัวรั้นที่หวังดี เรื่องชกต่อยนายคิดว่าฉันกลัวนายเหรอ? ฉันแพ้ฉันก็ส่งตัวเองไปโรงพยาบาล ถ้านายแพ้ ยังต้องขอร้องให้ฉันรักษา!”

“นาย…….” เหล่าเจิ้งหน้าแดงหูแดง โกรธอย่างมาก

สถานการณ์ ก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที

ใบหน้ากู้โก๋ฮั้วมีความตื่นกลัว รู้สึกประหลาดใจ

ทำไมเพื่อนรักของตัวเองจู่ๆก็ทะเลาะกันเองล่ะ?

ประจวบเหมาะในเวลานี้

ท่านเมิ่งก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว มองเหล่าเจิ้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย “เหล่าเจิ้งนะเหล่าเจิ้ง ครั้งนี้เป็นเพราะนายเลอะเลือนแล้วจริงๆ ที่เหล่าหลิวด่านายนั้นไม่ผิดเลยจริงๆ”

“เหล่าเมิ่ง นายทำไมก็………..”

เหล่าเจิ้งแข็งทื่อไปทันทัน สีหน้าตกตะลึง

ตามมาด้วยดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เหมือนจะรู้ตัวแล้ว

คนที่อยู่ในนี้ ท่านเมิ่งเป็นคนที่หนักแน่นที่สุด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถที่จะมีตำแหน่งที่สูงแบบนี้

“เหล่าหลิว เหล่าเมิ่ง นายสองคนหมายความว่ายังไง?” กู้โก๋ฮั้วร้อนใจแล้ว จึงเอ่ยปากถาม

สาวสวยกับกู้ชิงหยิ่งมองท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวอย่างไม่เข้าใจ

ผู้อำนวยการหลิวนิสัยใจร้อนกว่า กระทืบเท้าอย่างแรงไปหนึ่งที แล้วชี้ไปที่《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》แล้วกล่าวกับเหล่าเจิ้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

“นายช่วยดูภาพนี้โดยละเอียดอีกครั้ง หากภาพที่เฉินตงมอบให้นั้นเป็นภาพปลอม วันนี้กูจะกินภาพนี้เข้าไป!”

โครม!

เหล่าเจิ้งเหมือนโดนฟ้าผ่า อึ้งไปทันที

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวทวงความยุติธรรมให้กับเฉินตงพร้อมกัน

หรือว่า…….ตัวเองนั้นจะดูผิดไปจริงๆ?

ขณะนั้น เหล่าเจิ้งจึงได้หยิบ《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ออกมากางบนโต๊ะ ถึงขั้นหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เพื่อมาส่องดูอย่างละเอียด

เมื่อเทียบกับเมื่อกี้ ดูเคร่งขรึมและจริงจังกว่ามาก

ในห้องโถง เงียบจนเข็มหลุนยังสามารถได้ยิน

ครอบครัวกู้โก๋ฮั้วนั้นร้อนใจยิ่งกว่า

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวรู้สึกอับอายและไม่พอใจ

เตรง………

ทันใดนั้น แว่นขยายที่อยู่ในมือของเหล่าเจิ้งก็หลุนลงบนพื้น

เขาเบิกตากว้าง ค่อยๆเงยหน้าขึ้นโดยไม่อยากจะเชื่อ “จริง……..ของจริง………ภาพนี้เป็นของถังป่อหู่จริง!”

น้ำเสียงที่สั่นเครือ เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ที่ถูกผู้ลึกลับประมูลไปเมื่อสามปีก่อน ทำไมถึงมาอยู่ในมือของเด็กหนุ่มคนนี้ได้?

โครม!

คำพูดนี้ได้เข้าไปในหูของครอบครัวกู้โก๋ฮั้ว พริบตาเดียวมันก็ดังเหมือนเสียงสายฟ้าคำราม

ทันใดนั้นสีหน้าของกู้โก๋ฮั้วกับสาวสวยก็เปลี่ยนอย่างมาก

ทันใดนั้นดวงตาแดงที่เต็มไปด้วยน้ำตาของกู้ชิงหยิ่งก็เบ่งบานขึ้นมา เธอก็จับแขนพ่อแม่ของเธอทันที “พ่อคะแม่คะ มันเป็นของจริง! หนูก็พูดแล้ว เฉินตงไม่ทางโกหกพวกท่าน!”

กู้โก๋ฮั้วกับสาวสวยในใจรู้สึกสับสน สีหน้ากระอักกระอ่วน

หากภาพวาดนี้เป็นของจริง เมื่อกี้ก็เท่ากับว่าพวกเขาใส่ร้ายเฉินตงหรอกเหรอ?

“เฮ้ย………”

ท่านเมิ่งเดินไปตรงหน้ากู้โก๋ฮั๋วที่อึ้งอยู่ กล่าวอย่างมีเลศนัย “เหล่ากู้ เรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถที่จะพูดออกมาตรงๆ แต่ว่าที่ลูกเขยที่เสี่ยวหยิ่งเลือกนั้น ไม่ใช่แค่เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถเท่านั้น แต่เป็นถึงเขยมังกรเชียวนะ”

เมื่อคิดถึงภาพที่เห็นกับตาที่เจ้าบ้านตระกูลเฉิน กล้าไล่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไปตายเพื่อเฉินตง ท่านเมิ่งก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเศร้าใจ

กู้โก๋ฮั้วนั้นรวยจริง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเฉิน ห่างกันราวฟ้ากับดิน!

เป็นเพราะความสะเพร่าชั่วครู่ของเหล่าเจิ้ง จึงได้ขับไล่มังกรตัวจริงที่แฝงตัวอยู่ในเมืองนี้ออกไป และเขากับผู้อำนวยการหลิวได้รับปากเฉินตง ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ในเวลานี้ทำได้พูดเตือนอย่างอ้อมๆ

อารมณ์ของกู้โก๋ฮั้วนั้นสับสน แววตาล่องลอย กำลังจะเอ่ยปากพูด

ผู้อำนวยการหลิวที่อยู่ด้านข้างก็กระทืบเท้าด้วยความแรงหนึ่งที กัดฟันและตักเตือนเหล่าเจิ้งเหอที่ห่อเหี่ยว

“เหล่าเจิ้ง เราที่เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี เราหวังดีกับนายทั้งนั้น หากนายยอมฟัง ก็รีบตามไปขอโทษเลย ไม่อย่างนั้นหายนะมาเยือนนายอย่างแน่นอน”

บทที่ 128 คนไม่จริงใจ? เชิญนายออกไปจากที่นี่!

โครม!

คำพูดนี้ทำให้คนตะลึงกันไปหมด

พริบตาเดียวบรรยากาศในห้องโถงเหมือนจะเกาะตัวเป็นก้อน

ท่าทีของกู้โก๋ฮั้วก็ดูเย็นชา

สีหน้าแม่ของกู้ชิงหยิ่งก็ไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติแล้ว

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“คุณอาเจิ้ง เฉินตงไม่มีทางที่จะเอาภาพเขียนปลอมมาเป็นของขวัญ” กู้ชิงหยิ่งรีบพูดแทนเฉินตง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินตงมาพบคุณแม่คุณแม่

ด้วยฐานะของเธอ พ่อแม่นั้นไม่ได้ใส่ใจของขวัญที่เฉินตงมอบให้นั้นต้องมีราคาแพง ถ้าหากของขวัญเป็นของปลอม ก็มีความหมายที่แตกต่างออกไป!

นี่ไม่กลายเป็นการคนที่ไม่จริงใจและไม่ให้เกียรติเหรอ?

“ใช่ เหล่าเจิ้ง นายช่วยดูให้มันละเอียดๆหน่อย อย่าพูดไปเรื่อย” ผู้อำนวยการหลิวก็ได้พูดต่อจากกู้ชิงหยิ่ง

เขานั้นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินตง คนที่มีฐานะแบบนี้ จะให้ของปลอมได้อย่างไร?

ต้องเป็นเจิ้งโก๋โส่วที่ดูผิดอย่างแน่นอน!

ท่านเมิ่งก็พูดขึ้น “เหล่าเจิ้ง เมื่อกี้แกมองไปแค่แวบเดียวเอง นายต้องดูผิดอย่างแน่นอนเลย นายมันเป็นคนดื้อรั้น เวลาใจร้อนเคยฟังใครที่ไหน?”

“ใครเป็นคนพูด?”

เจิ้งโก๋โส่วถลึงตาใส่ท่านเมิ่ง

แต่เขาเป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมเลยนะ เป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แค่ภาพหนึ่งภาพก็สามารถประมูลได้ในตัวเลขเจ็ดหลักขึ้นไป

เขาหมกมุ่นอยู่กับการวาดภาพมานานหลายสิบปี และได้ศึกษาเกี่ยวกับการเขียนอักษรจีนและภาพวาดโบราณนับไม่ถ้วน

ภาพเขียนตัวอักษรโบราณธรรมดาๆ เขาที่มองแค่แวบเดียวอาจจะเกิดความผิดพลาดได้

แต่ว่านี่เป็นภาพเขียนของถังป่อหู่《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》เขาแยกความแตกต่างระหว่างจริงของปลอม แค่แวบเดียวก็เพียงพอแล้ว!

“นาย……..”

ท่านเมิ่งหนังตากระตุกอย่างแรง เหลือบมองเฉินตงโดยไม่รู้ตัว พูดกับเจิ้งโก๋โส่ว “นายมันไอ้คนดื้อรั้น วันนี้เป็นวันที่เสี่ยวหยิ่งพาแฟนมาเจอผู้ใหญ่ นายเป็นบ้าอะไร?”

ลูกชายเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จะมอบภาพปลอมได้อย่างไร?

ล้อเล่นอะไรกัน!

หากเรื่องนี้ทำให้เฉินตงโกรธ ตระกูลเฉินมีคำสั่งลงมา ต่อให้เหล่าเจิ้งจะเป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรม ก็ต้องหยุดงาน!

“เหล่าเมิ่ง ทำไมนายมาโทษฉันล่ะ?”

เจิ้งโก่วโส่วพูด้วยสีหน้าที่จริงจัง “นายเห็นฉันเจิ้งโก่วโส่วทำให้ฟรีเหรอ? ฉันดูถูกไอ้หมอนี่เจอเหล่ากู้สองสามีภรรยาก็ให้ภาพปลอม มีคำพูดที่ว่าของขวัญไม่ได้อยู่ที่แพงแต่อยู่ที่ใจ ไม่มีปัญญาให้คนแพง งั้นก็มอบของที่มีราคาถูกหน่อยก็ได้!”

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวร้อนใจเหมือนมดที่อยู่บนเตาไฟ ใจตื่นแรงมาก

ทั้งสองคนสบตากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

เห็นได้ชัดว่าเหล่าเจิ้งกำลังทำเรื่องที่อันตรายต่อตัวเอง หาเรื่องตาย!

แต่เขาสองคนนั้นรู้นิสัยที่ดื้อรั้นของเหล่าเจิ้งดี หากมันมีความเกี่ยวข้องกับภาพวาด มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านไปได้!

ทันใดนั้น

“คุณอาเจิ้ง โปรดชี้แนะด้วย” เฉินตงยิ้มแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่สงบ

ภาพวาดภาพนี้ท่านหลงเป็นคนเตรียมให้เขา ตอนที่ได้มันมา เขาก็ไม่ได้เปิดออกมาดู

แต่เขาเชื่อว่า ของที่ท่านหลงเอาให้ ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอม!

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวก็นิ่งไปพร้อมๆกัน

“เห่อ!ความสามารถในการรับมือกับเรื่องแบบนี้เก่งไม่เบาเลยนะ”

เจิ้งโก๋โส่วหัวเราะอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและกล่าวว่า “ก็ดี ฉันจะทำให้นายตายอย่างชัดเจน นายเอาภาพปลอมมาเล่นต่อหน้าฉัน มันก็เหมือนคนที่อวดเก่งต่อหน้าคนที่เก่งกว่า!”

พูดจบ เขาก็ได้ทำท่าคารวะไปทางกู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา

“เหล่ากู้ ขออภัยด้วย”

กู้โก๋ฮั้วยิ้มๆ แล้วพยักหน้า

จากนั้น สายตาที่เขามองไปทางเฉินตงก็มีความเย็นชา

เดิมทีสถานะของเฉินตง ก็ทำให้ความประทับใจในตัวเขานั้นถูกลดลง

ต่อให้วันนี้เฉินตงจะบริหารไท่ติ่งจนมีชื่อเสียง ชื่อเสียงเพียงแค่นี้ มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของกู้โก๋ฮั้ว

นอกจากความคิดอ่านของเฉินตง ที่ทำให้กู้โก๋ฮั้วพอจะชื่นชมอยู่บ้าน

แต่ภาพปลอมภาพนี้ กลับทำให้ความรู้สึกดีๆที่มีต่อเฉินตงหมดไปเลย

กู้ชิงหยิ่งกลัวอย่างมาก จับมือของเฉินตงเอาไว้แน่นๆ ฝ่ามือของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ

เธออยากจะอธิบาย แต่เรื่องราวมันได้บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถช่วยได้แล้ว!

เหล่าเจิ้งหยิบ《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง พูดอย่างมีหลักการ “《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》เป็นผลงานของถังป่อหู่ ด้วยชื่อเสียงของถังป่อหู่ในแวดวงการภาพเขียน เมื่อสามปีก่อนราคาตลาดของภาพเขียนนี้อยู่ที่ยี่สิบสี่ล้านหกแสนสี่หมื่นหยวน! ”

โครม

คำพูดนี้พูดออกมา คนที่อยู่ในห้องโถงล้วนตกตะลึงกันไปหมด

แม้ว่าทุกคนจะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาพวาดที่เก็บสะสม

ด้านภาพเขียนอักษร ยิ่งไม่มีใครที่จะเข้าใจได้เหมือนกับเหล่าเจิ้งที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีนอีกแล้ว

ภาพหนึ่งภาพราคายี่สิบกว่าล้าน หากเป็นของจริง ของขวัญนี้ก็ใหญ่เกินไปแล้ว!

ก็ทำให้เฉินตงตกใจเหมือนกัน ท่านหลงก็ใจกว้างเกินไปแล้ว เอาของขวัญที่ให้เขามอบให้กับคนอื่น ในราคายี่สิบกว่าล้าน!

จากนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมา “คุณอาเจิ้ง ตอนนี้แม้ว่าผมยังประสบความสำเร็จไม่เท่ากับคุณอาที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ว่าของยี่สิบล้าน ผมก็สามารถมอบให้ได้อยู่”

“อายุน้อยๆ คุยโวเก่งเหมือนกันนะ!”

คิ้วของเหล่าเจิ้งคว่ำลง ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาดูดุร้ายและโกรธเล็กน้อยในเวลานี้

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหว เมื่อคิดถึงสถานะของเฉินตง ยี่สิบล้านมันก็ไม่เท่าไหร่จริงๆ

ขณะที่เธอกำลังจะช่วยเฉินตงพูดนั้น

จู่ๆเหล่าเจิ้งก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วถามเฉินตง “หรือว่านายได้ยินไม่ชัดเจน ราคาภาพเขียนที่ฉันพูดถึงเมื่อกี้คือราคาของเมื่อสามปีก่อน?”

“ได้ยินชัดเจนแล้ว” เฉินตงพยักหน้าอย่างใจเย็น

“ตัวเลขราคายี่สิบสี่ล้านหกแสนสี่หมื่นหยวน นายคิดว่าฉันรู้ได้อย่างไร?”

ดวงตาของเหล่าเจิ้งกะพริบๆ เขายิ้มอย่างเย็นชา พูดอย่างเฉียบขาด “นั่นเป็นเพราะตอนที่ภาพนี้ถูกประมูล ฉันอยู่ในที่เกิดเหตุ มันถูกประมูลไปในราคายี่สิบหกล้านสี่แสนหยวน มันถูกผู้ลึกลับท่าหนึ่งประมูลไป !”

“อีกอย่าง ภาพเขียนนี้เมื่อสามปีก่อนที่ถูกประมูลไป ก็ไม่เคยปรากฏอีกเลย นายที่อายุยังน้อย หรือนายจะบอกฉันว่า ตอนนั้นคนที่ประมูลภาพนี้คือนาย?”

โครม!

ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้าน สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เมื่อสามปีที่แล้ว…….พอดีเป็นปีที่เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน

เฉินตงในตอนนั้น จะมีเงินยี่สิบกว่าล้านมาซื้อรูปภาพภาพนี้ได้อย่างไรกัน?

หรือว่า……..มันจะเป็นของปลอมจริงๆ?

พริบตาเดียว กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกหน้ามืด ใจเหมือนโดนควักออกไปแล้ว รู้สึกว่างเปล่าที่ไม่รู้จะพูดยังไง

การแสดงออกของกู้โก๋ฮั้วก็เย็นชามาก

เขาไม่สงสัยคำพูดของเหล่าเจิ้งเลย

เหล่าเจิ้งเป็นปรมจารย์ด้านจิตรกรรม เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เขาก็ได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่ปลอมได้ยังไง?

“เฉินตง อาคิดไม่ถึงเลยว่านายจะเป็นคนที่หน้าซื่อใจคดแบบนี้!”

กู้โก๋ฮั้วกล่าวด้วยเสียงที่ต่ำ “ตอนนั้นที่อาเจอนายนั้น นายยังเป็นเด็กที่จริงใจและฉลาดอยู่เลย!”

“คุณอากู้……..” ท่าทีของเฉินตงลนลานเล็กน้อย

“นายยังมีอะไรอยากจะพูดอีก?”

กู้โก๋ฮั้วโบกมือด้วยความโกรธ “เสี่ยวหยิ่งชอบนาย ดังนั้นฉันจึงรับปากกับแม่ของเธอเพื่อมาเจอนายสักครั้ง ด้วยฐานะของฉันกู้โก๋ฮั้ว ฉันไม่ได้สนใจมูลค่าของของขวัญที่นายให้ แต่ขอแค่จริงใจ นายเอาของแบบนี้มา ต้องการอะไร? เพื่ออยากจะบอกฉันว่าความรู้สึกที่นายมีต่อเสี่ยวมันเป็นความรู้สึกจอมปลอมงั้นเหรอ?”

“เหล่ากู้ พูดให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าหากเป็นเพราะเฉินตงไม่ทันระวังแล้วดูผิดไปล่ะ?” ผู้อำนวยการหลิวรีบช่วยพูด

ท่านเมิ่งสะกิดเหล่าเจิ้งเบาๆ แล้วก็ขยิบตาให้เขา “เหล่าเจิ้ง นายดูไปเพียงแวบเดียว มันจะดูแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ ลองดูอีกครั้งซิ ดูให้ละเอียดๆ ถ้าหากนายดูพลาด แล้วเป็นการใส่ร้ายเฉินตงล่ะ?”

เขารู้ฐานะของเฉินตง ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เห็นภาพที่เจ้าบ้านตระกูลเฉินพูดว่าจะเชิญป้ายวิญญาณของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไปไว้ในห้องโถงไหว้ป้ายบรรพชนของตระกูล

หากเป็นคนอื่นที่มอบภาพนี้ ท่านเมิ่งต้องเลือกที่จะเชื่อเหล่าเจิ้งอย่างแน่นอน

แต่คนที่ให้ภาพเขียนนั้นเป็นเฉินตง ภาพนี้จะปลอมได้อย่างไร?

ทั่วทุกมุมโลก ไม่มีภาพวาดที่ตระกูลเฉินจะหามาไม่ได้?

“เหล่าเมิ่ง นายกำลังสงสัยฉัน อย่ามาโทษที่ฉันโกรธนายละ!” เหล่าเจิ้งก้าวร้าว มองท่านเมิ่งอย่างโกรธเคือง “ของปลอม ฉันบอกแล้วไงว่าภาพนี้มันเป็นของปลอม ไม่มีทางที่จะจริงอย่างแน่นอน!”

ท่านเมิ่งสมองว่างเปล่าทันที ทนไม่ได้จนต้องตบหน้าอกตัวเอง

ในเวลานี้

กู้โก๋ฮั้วก็กล่าวด้วยความโกรธ

“เฉินตง เชิญนายออกไปจากที่นี่!”

บทที่ 127 เจอผู้ใหญ่กะทันหัน

ในลานป่าไผ่

เสียงพูดคุยหัวเราะ ทำลายความเงียบสงบและความสง่างามของป่าไผ่

กู้ชิงหยิ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยที่ได้เห็นพ่อคุยและหัวเราะกับเพื่อนเก่าสองสามคน

นอกจากข้าราชการชั้นสูง ยังมีปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน แพทย์ที่มีแต่คนนับหน้าถือตา

คนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในประเทศ แม้ในระดับโลก ก็จัดอยู่ในอันดับของโลก

และคนเหล่านี้ ล้วนเป็นเพื่อนที่ดีของคุณพ่อ

เดี๋ยวเฉินตงมาถึง จะเป็นอย่างไร?

“เหล่าหลิว ไม่เจอกันหลายปี นายที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลี่จิง เป็นหมอที่มีชื่อในระดับสากลแล้วนะ!”

ชายวัยกลางคนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองชายวัยกลางคนที่ผมหงอก อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “วารสารทางการแพทย์ต่างประเทศ มักจะรายงานข่าวของแกเป็นประจำ”

“ฮ่าๆๆ………อย่าชมฉันเลย มันคือสิ่งที่ฉันพยายามจนหัวหงอกเพื่อจะได้มันมา”

ผู้อำนวยการหลิวหัวเราะกล่าว “เมื่อพูดถึงชื่อเสียงระดับนานาชาติ เจิ้งโก๋โส่วถึงจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับสากลอย่างแท้จริง”

ชายวัยกลางคนหน้าตาอ่อนโยนอีกคนหนึ่งที่สวมแว่น ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันก็เป็นแค่นักวาดภาพที่ไม่เอาไหน จะเป็นคนที่มีชื่อระดับสากลได้ยังไง คนชื่อเสียงในระดับสากลก็คือไอ้หมากู้ คนที่คลุกคลีกับผู้ประกอบการน้ำมันและซิลิคอนวัลเลย์ ”

“อย่าพูดกันไปมาอีกเลย เหล่ากู้เรียกพวกเรามา มีเรื่องที่เป็นทางการ”

ท่านเมิ่งกล่าวอย่างจริงจัง “มาช่วยเขาดูว่าที่ลูกเขยในอนาคต”

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้อำนวยการหลิวกับเจิ้งโก๋โส่วต่างดีใจพร้อมกัน ทยอยกันถามกู้โก๋ฮั๋วว่าที่ลูกเขยในอนาคตเป็นใคร?

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มแต่ไม่พูด เอาแต่พูดว่าเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก

ผู้อำนวยการหลิวอดไม่ได้ที่จะพูด คิดไม่ถึงเลย เมื่อก่อนเหล่ากู้ร่ำรวยในเมืองนี้ วันนี้ลูกเขยที่หาได้ก็อยู่เมืองนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่มีความสามารถคนไหน สามารถทำให้หลานสาวหลงหัวปักหัวปำ

“เดี๋ยวมาแล้วก็จะรู้เองแหละ กู้โก๋ฮั๋วยิ้มๆ สายตากลับมองไปที่กู้ชิงหยิ่ง พอดีเลยจะได้อาศัยเพื่อนของฉันช่วยทดสอบดูว่าไอ้หนุ่มคนนี้เป็นทองแท้หรือเปล่า!”

กู้ชิงหยิ่งประสานมือเข้าด้วยกัน ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้น

คุณอาทั้งหลายต่างเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีสถานะที่ยอดเยี่ยม

สำหรับคำว่าชื่อเสียง ก็ให้ความสำคัญกับมันมาก

และเฉินตงที่ผ่านการหย่าร้างมา อยู่ต่อหน้าพวกเขา ถูกลดคะแนนลงอย่างแน่นอน

“อย่ากังวลเลย ในใจพ่อหนูมีลิมิตอยู่แล้ว”

สาวสวยมองเห็นความกังวลของกู้ชิงหยิ่ง เอามือไปวางบนหลังมือของกู้ชิงหยิ่ง ปลอบอย่างอ่อนโยน

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า “ขอบคุณค่ะแม่”

……

ด้านนอกคลับสี่ยิ่น

รถโรลส์-รอยซ์ที่แล่นมา หลังจากที่ยื่นเทียบเชิญที่ประตูแล้ว ก็เข้าไปข้างในคลับโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง

หลังจากจอดรถ เฉินตงหยิบของขวัญลงจากรถ ให้ท่านหลงกับคุนหลุนรออยู่ในรถ

อย่างไรก็ถามท่านเมิ่งเป็นคนเชิญ สถานะที่พิเศษของเขา เจอกันเจอตัวต่อตัวจะดีที่สุด

ภายใต้การนำทางของบอดี้การ์ด ก็ได้มาถึงยังลานป่าไผ่

เสียงหัวเราะได้ถูกส่งมา

ไม่ได้มีเพียงท่านเมิ่งคนเดียว?

เฉินตงขมวดคิ้วสงสัย

แต่กลับไม่ได้สนใจ ถือของขวัญเดินตามบอดี้การ์ดเข้าไป

“เจ้านาย คุณเฉินมาแล้วครับ”

เข้าไปในลานป่าไผ่ บอดี้การ์ดก็เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว หยุดเพื่อรายงาน

ในห้องโถง ทันใดนั้นก็เงียบสงบทันที

“รีบให้เขาเข้ามา!”

น้ำเสียงที่ตื่นเต้นได้ดังขึ้น

เสี่ยวหยิ่ง?!

เฉินตงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีทันที

เขาไม่มีทางที่ฟังเสียงของกู้ชิงหยิ่งผิด

แต่ว่าคืนนี้ท่านเมิ่งเป็นคนเชิญไม่ใช่เหรอ?

ตกใจและสงสัย

ในสายตาของเขา ที่ทางเข้าห้องโถง มีร่างที่สวยงามปรากฏขึ้น และมองเขาด้วยรอยยิ้ม

ไม่ใช่กู้ชิงหยิ่ง แล้วจะเป็นใครได้อีก?

“เจ้าทึ่ม! อิอิ…….คิดไม่ถึงใช่มั้ยล่ะ?”

คำพูดของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เฉินตงที่มีอาการตกใจกลับมาเป็นสู่ปกติ

เวลานี้เฉินตงตื่นตระหนกเล็กน้อย

กู้ชิงหยิ่งอยู่ที่นี่ งั้นพ่อแม่ของเธอ……

ก้มหน้ามองของขวัญในมือ เฉินตงก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที

เขานึกว่าท่านเมิ่งเป็นคนเชิญ ดังนั้นจึงได้เตรียมของขวัญพิเศษให้กับท่านเมิ่งเพียงชิ้นเดียว

ใครมันจะไปรู้ว่าจู่ๆก็กลายเป็นการเจอพ่อแม่ของฝ่ายหญิงล่ะ?

ครั้งแรกที่เจอกัน แม้กระทั่งของขวัญที่จะมอบให้กับพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งยังไม่มีเลย!

“คุณยังมัวอึ้งอยู่ทำไมล่ะ?”

เห็นเฉินตงที่ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม กู้ชิงหยิ่งก็ขมวดคิ้ว เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จับแขนของเฉินตงเอาไว้

“คุณ คุณกลับมาแล้ว ทำไมไม่บอกผมล่วงหน้าละ?” เฉินตงพูดอย่างกระอักกระอ่วน

“พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้บอกคุณก่อนนี่นา ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนี่?” กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“แต่ผมนึกว่าเป็นท่านเมิ่งเป็นคนเชิญ ดังนั้นจึงได้เตรียมของขวัญมาเพียงชิ้นเดียว ครั้งแรกที่เจอพ่อแม่ของคุณ ผมมามือเปล่า แบบนี้มันเสียมารยาทมาเลยนะ!”

เฉินตงประหม่าจนพูดจาสะดุดเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร พ่อกับแม่อยากจะเจอคุณพร้อมกับคุณอาทั้งหลาย พวกเขาไม่ใส่ใจหรอก” กู้ชิงหยิ่งยิ้มแล้วดึงตัวเฉินตงเข้าไปในห้องโถง

เฉินตงไม่มีหนทางอื่นแล้ว ทำได้เพียงเข้าไปเจอผู้ใหญ่อย่างหน้าด้านๆ

ในเวลาเดียวกัน

กู้โก๋ฮั๋วและเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในห้องโถงต่างมองสบตากัน

“วางใจเถอะ ไอ้หมากู้ เดี๋ยวจะช่วยแกทดสอบทองแผ่นนี้เอง” ท่านเมิ่งที่มีอำนาจและบารมี และดูน่าเกรงขามกล่าว

ผู้อำนวยการหลิวกับเจิ้งโก๋โส่วก็ทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วย

“เหล่ากู้ วางใจเถอะ เราที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ในเมื่อแกเชิญเรามา ยังไงก็ต้องช่วยแกดูให้ดีอย่างแน่นอน”

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ตกลงเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถคนไหนของเมืองนี้ ที่สามารถพิชิตใจของลูกสาวเหล่ากู้ได้”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มๆ ได้ยกมือคารวะทั้งสามคน

ในเวลานี้ กู้ชิงหยิ่งที่ควงเฉินตงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจื่อนๆเดินเข้ามา

เมื่อเห็นเฉินตง

ใบหน้าของท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวต่างแสดงความรู้สึกตกใจออกมา รูม่านตาหดลง หนังตากระตุกอย่างแรง

ในหัวสมองก็มีเสียง โครม ดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว!

คน…….คนนี้ก็คือว่าที่ลูกเขยของเหล่ากู้?

โอ้มายก็อต!

ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่มีอำนาจบารมี ในเวลานี้คลื่นลูกใหญ่ก็เกิดขึ้นในใจของเขา

แผ่นทองที่ใหญ่ขนาดนี้ คืนนี้ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนเผาใครแล้ว?

ท่านเมิ่งนั้นรู้ฐานะที่แท้จริงของเฉินตง

และผู้อำนวยการหลิวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลี่จิง แม้ว่าตอนที่เฉินตงพาแม่ไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลนั้น เขาจะไม่ได้ปรากฏตัว

แต่ฟังจากการรายงานของคุณหมอจาง สำหรับเรื่องของเฉินตง เขากู้รู้ไม่น้อย!

“เหล่ากู้ คนนี้ก็คือคนที่แกจะให้เราช่วยดูเหรอ?” ผู้อำนวยการหลิวก็พูดออกมา

ท่านเมิ่งที่ตั้งใจมองอยู่ด้านข้าง ก็มองผู้อำนวยการหลิวด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทันที ผู้อำนวยการหลิวก็น่าจะรู้ฐานะของเฉินตงแล้ว!

ความจริง ตอนที่เฉินตงเข้ามาในห้องโถง เขาก็งงเล็กน้อย

เขานึกไม่ถึงว่าคืนนี้ที่มาเจอผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง กลับมีคนที่มีชื่อเสียงหลายคนอยู่ในนี้ด้วย

ไม่เพียงแต่ท่านเมิ่งที่อยู่ ยังมีผู้อำนวยการหลิวของโรงพยาบาลลี่จิงอีก

ตอนแรกที่เขาอยู่ดูแลแม่ที่โรงพยาบาลนั้น เขาเคยเห็นรูปถ่ายของผู้อำนวยการหลิวมาแล้ว

มีเพียงชายวัยกลางคนที่หน้าตาอ่อนโยนคนนั้นที่เขาไม่รู้จัก แต่สามารถที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิว จะเป็นคนธรรมดาได้เหรอ?

ได้ยินเสียงพูดของผู้อำนวยการหลิว เฉินตงก็ตกใจทันที รีบร้อนส่งสัญญาณไปทางท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิว

คืนนี้เป็นคืนที่เขาเจอกับพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่ง ไม่ได้เอาของขวัญมาก็อึดอัดมากพอแล้ว เขาไม่อยากให้ฐานะของเขา มาทำให้เสียบรรยากาศ

ท่านเมิ่งเป็นคนแรกที่เข้าใจ แล้วก็กล่าวกับกู้โก๋ฮั้วแบบไม่มีพิรุธ “เหล่ากู้ นายยังไม่รีบแนะนำอีกเหรอ?”

ทันใดนั้นผู้อำนวยการหลิวก็เข้าใจทันที รีบแสร้งทำเป็นเหมือนปกติแล้วพูดว่า “ใช่ แนะนำเลย”

ภาพนี้ กินเวลาไปเพียงสั่นๆ กู้โก๋ฮั๋วไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไร

ถูกท่านเมิ่งเปิดหัวข้อสนทนา ก็เป็นไปโดยธรรมชาติ กู้โก๋ฮั๋วก็ยิ้มแล้วแนะนำขึ้นมา

“มาๆๆ ฉันขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อย คนนี้เป็นแฟนลูกสาวฉัน เฉินตง”

“สวัสดีครับคุณอาทั้งหลาย”

เฉินตงยิ้มพยักหน้าทักทายตอบ จากนั้นก็ได้มอบของขวัญให้กับกู้โก๋ฮั้วกับภรรยา พูดอย่างประหม่าเขินอาย “คุณอาทั้งสอง ต้องขอโทษด้วย ผมไม่รู้จริงๆว่าคืนนี้จะเจอกับพวกท่าน ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ภาพวาดอักษรจีนโบราณภาพนี้ถือเป็นการแสดงน้ำใจ ครั้งหน้าผมต้องชดเชยให้อย่างแน่นอน”

ของขวัญที่เตรียมมาให้กับท่านเมิ่ง ก็ต้องใช้มันมามอบให้กับพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งก่อนแล้ว

“ฮ่าๆ……..เจ้าทึ่มเอ๊ย เรื่องแบบนี้ยังมีการชดเชยอีกเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งที่ยิ้มพูดติดตลก ปกติไม่ว่าสถานการณ์อะไรคุณก็สามารถใจเย็นได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเมื่อมาเจอพ่อแม่ฉันคุณก็ประหม่าแล้ว?”

คำพูดประโยคนี้ทำให้กู้โก๋ฮั้วและคนอื่นหัวเราะพร้อมกัน

“เรื่องนี้ต้องโทษอาทั้งสอง ตอนที่ส่งเทียบเชิญให้นายไม่ได้ระบุชื่อผู้เชิญ ทำให้นายไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน นายก็ไม่ต้องตื่นเต้น คืนนี้ก็แค่มาทานข้าวร่วมกันเท่านั้น”

กู้โก๋ฮั้วยิ้มอย่างเบิกบานใจ ก็ชี้ไปทางท่านเมิ่งกับคนอื่นๆแล้วแนะนำให้กับเฉินตงรู้จัก

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวยิ้มให้กับเฉินตงอย่างเข้าใจ

ในเมื่อเฉินตงไม่ต้องการให้พวกเขาเปิดเผยตัวตนของเขา พวกเขาจึงต้องแสร้งทำเหมือนเจอกันครั้งแรก

แต่กลับเป็นเจิ้งโก๋โส่ว ที่ได้ยินว่าเฉินนั้นได้มอบ ภาพเขียนอักษรโบราณ ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที

ถูฝ่ามือของเขา พูดกับเฉินตง หลานชาย “ฉันคนนี้ก็เป็นคนวาดภาพที่ไม่ค่อยได้เรื่องคนหนึ่ง ได้ยินคำว่าภาพเขียนโบราณ จะสามารถให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย?”

“ได้ครับคุณอา” เฉินตงยิ้มพร้อมกับพูด

เจิ้งโก๋โส่วก็รีบมองกู้โก๋ฮั้วอย่างตาละห้อย

กู้โก๋ฮั้วก็ไม่ได้ใส่ใจ ยิ้มแล้วก็ได้ยื่นรูปภาพให้กับเจิ้งโก๋โส่ว

เจิ้งโก๋โส่วรีบเปิดกล่องภาพเขียนออก หยิบภาพเขียนออกมา

“《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ของถังป่อหู่?”

เมื่อดูภาพเขียน เจิ้งโก๋โส่วก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เย็นชาลงทันที

“หลานชาย อายุยังน้อยโกหกคนนั้นไม่ดีเลยนะ!”

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้บรรยากาศเย็นลงมา

กู้โก๋ฮั้วใบหน้าเต็มไปด้วยความงง “เหล่าเจิ้ง แกเป็นอะไร?”

เจิ้งโก๋โส่วได้นำภาพเขียน 《ภาพการท่องเที่ยวแม่น้ำเฉียนถัง》ยื่นให้กับกู้โก๋ฮั้ว “กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เจ้าหนุ่มคนนี้เอาภาพเขียนนี้มาให้คนอื่นเป็นของขวัญ หมายความว่ายังไง?”

บทที่ 126 เทียบเชิญ!

เรื่องครั้งที่แล้ว หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งกลับบ้าน เธอต้องใช้พลังงานมากในการค่อยๆสงบอารมณ์ให้กลับมาปกติ

เธอก็เข้าใจเฉินตงแล้วด้วย

และครั้งนี้พาคุณพ่อกับคุณแม่เจอเฉินตง เธอกลับกระวนกระวายมาก

ตอนนี้เฉินตงแม้ว่าจะมีผลงานออกมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของเธอ มันยังห่างไกลกันมาก

กู้ชิงหยิ่งไม่ใช่เจ้าหญิงที่โง่ เธอรู้ดี “ฐานะทางบ้านที่เหมาะสมกัน” มันสำคัญแค่ไหน

ไม่อย่างนั้น เวลาสามปีในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร พ่อของเธอคงไม่ต้องวุ่นกับการจัดการนัดบอดของเธอกับลูกชายของเศรษฐี ของผู้ประกอบการน้ำมัน และลูกชายของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซิลิคอนวัลเลย์

เพราะใจเธอนั้นอยู่ที่เฉินตง ดังนั้นจึงปฏิเสธไปหมด

แต่ตอนนี้พาพ่อแม่มาเจอคนรักของเธอ ต่อให้เธอจะไม่ถือสาฐานะของเฉินตง แล้วพ่อแม่?

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินตงยังเคยผ่านการหย่าร้างมาอีก!

ในสายตาคนรุ่นก่อน มันเหมือนหยามหนามที่ทิ่มอยู่บนตา เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้เลย!

ตอนนี้อาศัยที่พ่อแม่ชื่นชมเฉินตง เสนอให้เจอกัน บางทีอาจจะช่วยเพิ่มคะแนนความประทับใจให้กับเฉินตงได้บ้าง

หากยืดเยื้อไปอีก ความชื่นชมที่พ่อมีต่อเฉินตงนั้นหายไป แล้วค่อยเจอกับเฉินตง อาจจะไม่เหลือคะแนนความประทับใจเลยก็ได้

เป็นเช่นนั้นจริง!

ชายวัยกลางคนเก็บรอยยิ้ม แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวหยิ่ง ลูกตัดสินใจแล้วจริงๆเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งตกใจ กะพริบตา ริมฝีปากแดงไม่รู้จะพูดอะไร

ในความเป็นจริง ตอนที่ตัดสินใจกลับมาเจอเฉินตง พ่อแม่ก็ไม่เคยหยุดพูดถึงเรื่องนี้เลย

เคยแต่งงานแล้ว!

เป็นความจริงที่ไม่สามารถลบล้างได้!

“ลูกต้องเข้าใจ เขาเคยแต่งงานแล้ว แต่ลูกยังเป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์ ไม่พูดถึงการแต่งงานของเขากับอดีตเพื่อนซี้หวางหนันหนันของลูก ลูกต้องการใช้ทุกอย่างของตัวเองเดิมพันบนตัวเขาเหรอ?”

น้ำเสียงของชายวัยกลางคนใจเย็นมาก กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจ

เหมือนกับมีดทื่อเล่มหนึ่ง มันค่อยๆกรีดไปหัวใจของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เธอทรมานอย่างมาก

“เสี่ยวหยิ่ง ลูกเป็นเหมือนมุกราตรีที่อยู่ในมือของพ่อแม่ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่นั้นเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ แต่เรื่องบางเรื่อง พวกเราอยากให้ลูกคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน” สาวสวยที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงไม่ได้ดุดัน เป็นขั้นเป็นตอน อ่อนโยนและมีเหตุผล

ในความเป็นจริง นี่มันเป็นการสื่อสารใจชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้

“หากลูกแต่งงานกับเขา อนาคตยังมีหนทางที่ยาวไกลให้พวกเธอต้องเดิน ต้องเจออุปสรรคอีกนับครั้งไม่ถ้วน อาจถึงขั้นสูญเสียทุกอย่างที่เคยมี”

น้ำเสียงของสาวสวยงามนั้นต่ำลงเล็กน้อย และสายตาที่มองตามกู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสารและทนไม่ได้ “ลูกมีชาติตระกูลที่ดีแบบนี้ ลูกสามารถมีคนที่ดีกว่าได้ และเฉินตงเขาเป็นคนที่เคยหย่าร้าง ตอนนี้แม้ว่าจะมีบริษัทก่อสร้างเล็กๆ แต่มันยังไม่สามารถที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยกับลูกได้”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน

เธอรู้ว่าพ่อแม่นั้นกำลังคิดแทนเธอ

แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นคนที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ

ไม่เช่นนั้น แยกจากกับเฉินตงสามปี เธอก็คงไม่กลับมาหาเฉินตงอย่างหุนหันพลันแล่น หลังจากที่เขาหย่าทันที

บางทีอาจจะเรียกมันว่าอาลัยอาวรณ์ความรักครั้งเก่า หรือเรียกว่ารักฝังใจ

ในรถ บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย

พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งไม่ได้บีบบังคับให้กู้ชิงหยิ่งแสดงท่าทีออกมา

มันเกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิตของลูกสาว พวกเขาจำเป็นต้องให้เวลาลูกสาวเพียงพอในการคิดตัดสินใจ

“คุณพ่อ คุณแม่”

กู้ชิงหยิ่งจู่ๆก็เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยิ้มอย่างสวยงาม “เขาเคยบอกค่ะ ว่าจะไม่ให้หนูแพ้”

“คุณใช้ทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน ผมจะยอมให้คุณแพ้ได้ยังไง?”

ชายวัยกลางคนพึมพำด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกาย “คืนนี้เราก็เจอเขาละกัน พอดีเลยก็จะได้ชวนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เห็นมาหลายปีมาสังสรรค์กัน”

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

กู้ชิงหยิ่งดีใจจนโผเข้าไปในอ้อมอกของชายวัยกลางคน

สาวสวยดุชายวัยกลางคนด้วยสายตา

ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย “ก็ลูกสาวเราชอบน่ะ”

จากนั้น เขาผลักกู้ชิงหยิ่งออก แล้วพูดอย่างจริงจัง “เพียงแต่เจอกันเท่านั้น พ่อคุยกับลูกไว้ก่อนเลย งานเลี้ยงในคืนนี้มีไว้เพื่อให้พ่อกับแม่ช่วยลูกคัดเลือกสามีในอนาคต เฉินตงคนนั้นจะเป็นทองแท้หรือเปล่า ยังต้องผ่านการเผาก่อน เมื่อถึงเวลานั้นลูกห้ามออกหน้าปกป้องเขา”

“พ่อคะ พ่อคิดจะทำอะไร?” กู้ชิงหยิ่งตื่นเต้นเล็กน้อย

ชายวัยกลางคนไม่ได้ตอบ แต่กลับพูดต่อ “หากลูกไม่ตกลง งั้นพ่อกับแม่ก็จะไม่เจอเขา ก็จะไปทันที”

“ตกลง หนูตกลง”

กู้ชิงหยิ่งไม่กล้าถามให้มากความ ตอบตกลงอย่างรีบร้อน

ในเวลาเดียวกัน

เฉินตงที่อยู่ในบริษัทไท่ติ่งที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้

เขาไม่เคยคิดเลยว่ากู้ชิงหยิ่งจะกลับมาในวันแรกของเดือน!

ตามข้อมูลตัวเลขที่ถูกส่งมาแบบเรียลไทม์ของโครงการทั้งสามโครงการ ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีไว้ตลอด ตามแนวโน้มการพรีเซลล์ในวันแรกโครงการที่ขายออกในครั้งนี้ น่าจะขายหมดในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์

นี่สำหรับเขา มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว

ภายใต้การไม่โชว์ศักยภาพนั้น สามารถเห็นผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

เย็นนี้เวลาห้าโมงเย็น เฉินตงได้ให้เสี่ยวหม่าจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองเอาไว้แล้ว

แต่มีเทียบเชิญใบหนึ่งได้ถูกส่งที่โต๊ะทำงานของเขา ทำให้แผนการที่เขาวางเอาไว้ต้องล้มเลิก

เมื่อเห็นอักษรสี่ตัวบนเทียบเชิญ เฉินตงก็ขมวดคิ้วแน่น ทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ

อักษรที่น่าประทับใจบนเทียบเชิญคือ คลับสี่ยิ่น

เป็นเทียบเชิญของคลับสี่ยิ่น บัตรที่ใช้เข้างาน!

“ใครเป็นคนส่งมา?” เฉินตงมองกูหลัง

กูหลังส่ายหัว “เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง เอาเทียบเชิญให้ผมแล้วบอกว่าให้เอาให้คุณ ก็จากไปโดยตรง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย”

เฉินตงหัวเราะอย่างอดไม่ได้

เทียบเชิญนี้เป็นของจริง ไม่ว่ายังไงเบื้องหลังของคลับสี่ยิ่นก็แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีใครกล้าปลอมแปลงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเทียบเชิญก็ยังสามารถเรียก “การ์ดเชิญ” กล่าวคือเจ้าภาพขอให้คลับสี่ยิ่นออกเทียบเชิญ เพื่อเชิญแขกที่ต้องการเชิญ

และบนเทียบเชิญนี้ ไม่ได้มีชื่อของคนเชิญ

หรือ…..จะเป็นท่านเมิ่ง?

เฉินตงเลิกคิ้ว ด้วยสถานะที่พิเศษของท่านเมิ่ง หากจะส่งเทียบเชิญ ก็ไม่มีทางที่จะใส่ชื่อของตัวเองอยู่แล้ว

“เสี่ยวหม่า วันนี้นายเป็นตัวแทนฉันในการดื่มฉลองนะ ฉันจะไปตามนัดหมาย”

เฉินตงชูเทียบเชิญขึ้นมา กล่าวกับเสี่ยวหม่า

หากเป็นเทียบเชิญของท่านเมิ่ง เขาไม่สามารถที่จะหักหน้าของอีกฝ่าย

เทียบเชิญที่เรียบง่ายแบบนี้ มันเป็นเทียบเชิญที่มีค่ามากกว่าสมบัติ ที่พวกโจวเย่นชิว โจวจุนหลง อยากจะได้มาก!

วันนี้อีกฝ่ายได้ส่งมันมาถึงมือของเขา หากเขาไม่ถนอมน้ำใจนี้ไว้ ไม่เท่ากับเป็นคนไม่ฉลาดหรอกเหรอ?

เมื่อตกกลางคืน

คลับสี่ยิ่นยังคงมีความลึกลับและความเคร่งขรึมเป็นเอกลักษณ์

ในลานป่าไผ่

สว่างไสวด้วยแสงไฟ เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ

คนนอกรู้ว่าคลับสี่ยิ่นนั้นลึกลับ ไม่มีเทียบเชิญนั้นไม่สามารถจะเข้ามาได้

มีเพียงแต่แขกประจำของคลับสี่ยิ่นที่จะเข้าใจ พื้นที่คลับสี่ยิ่นทั้งหมด มีเพียงลานป่าไผ่เท่านั้นที่จะเป็นสถานที่ที่มีเกียรติอย่างแท้จริง

สวยงามและเงียบสงบ

แตกต่างจากบรรยากาศสุดอลังการในส่วนอื่นของคลับสี่ยิ่น

เหมือนสวรรค์ ไม่เปื้อนฝุ่นของโลกมนุษย์

ถ้าไม่ใช่แขกระดับสูง นอกจากเจ้าของคลับที่จะพักอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ได้

ครั้งก่อน คือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน

และครั้งนี้ คือตระกูลกู้!

“เมิ่งหัวเหล็ก หลายปีที่ฉันไม่อยู่ แกก็กลายเป็นข้าราชการชั้นสูงแล้วเหรอ?”

ชายวัยกลางคนใช้หมัดชกไปที่หน้าอกของชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวอย่างอารมณ์ดี

ภาพนี้ หากคนนอกมาเห็นเข้า ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก

วันนี้ ต่อให้เป็นนักธุรกิจที่พอมีชื่อเสียงอย่างโจวเย่นชิว เมื่ออยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว ยังต้องก้มหน้าประจบ หัวเราะเป็นเพื่อน

อยู่ในเมืองนี้ สามารถที่จะพูดและกระทำแบบนี้ หาคนที่สองไม่เจอแล้วอย่างแน่นอน!

“ไอ้หมากู้ นายอย่าเฉไฉ ไปก็นานหลายปีเลย วันนี้เชิญเพื่อนพวกไหนมาบ้าง? ฉันจะบอกนายนะ คลับสี่ยิ่นวันนี้ปิดคลับขอบคุณลูกค้า หากไม่ทำให้นายเมา กูจะไม่แซ่เมิ่ง” ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวหัวเราะอย่างมีความสุข

ท่านเมิ่งที่เป็นแบบนี้ เวลาปกติไม่มีทางที่จะได้เห็น!

ทั้งสองคนไม่ได้จริงจังเหมือนกันวันปกติ เหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต หัวเราะและทะเลาะกัน ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว

“ฮ่าๆๆๆ……ไอ้เฒ่าทารก!”

ชายวัยกลางคนหัวเราะด่าไปหนึ่งคำ ชี้ไปที่กู้ชิงหยิ่ง แล้วกล่าว “วันนี้ให้พวกแกมาช่วยหลานสาวดูหลานเขย เดี๋ยวพวกแกอย่าแสดงอะไรโง่ๆออกมาล่ะ!”

เมื่อท่านเมิ่งเห็นกู้ชิงหยิ่ง ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

เขามีความรู้สึกเหมือนเคยเจอ อดไม่ได้จึงถาม “หลานสาว พวกเราเคยเจอกันมั้ย?”

ยังไม่ทันที่กู้ชิงหยิ่งจะตอบ ชายวัยกลางคนก็มาขัดอย่างติดตลก “เฮ้ย ไอ้เฒ่าทารก ใครก็คุ้นเคยไปหมดเลยนะ”

กู้ชิงหยิ่งกะพริบตา มองท่านเมิ่งไปแวบหนึ่ง หากพูดว่าเคยเจอกัน น่าจะเป็นเพราะข่าวครั้งก่อนที่เฉินตงแสดงความรักต่อเธอ ทำให้ท่านเมิ่งเคยเห็นมั้ง?

“ไปไกลๆเลย!” ท่านเมิ่งถลึงตาใส่ชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เอาล่ะ เดี๋ยวจะช่วยแกดู ไอ้หมอนั่นเป็นใครกันแน่?”

ชายวัยกลางคนทำเป็นเรื่องลับลมคมใน แล้วยิ้มๆ “เดี๋ยวแนะนำให้พวกแกรู้จัก!”

บทที่ 125 เสี่ยวเฉินตงนั้นไม่เลว!

“ตื่นเต้น?” ท่านหลงถาม

เฉินตงยิ้มๆ “คุณทายดู?”

ท่านหลงลูบคางเบาๆ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “คุณชาย ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเจอกันอยู่ดี”

เฉินตงหน้าดำคร่ำเครียด ไม่มีคำพูด

เพียงแต่ หากพูดว่าไม่ตื่นเต้น มันก็โกหกแล้ว

แม้ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย จะเคยเห็นพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งก็ตาม

แต่ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว

ตอนนั้นเจอในฐานะของเพื่อน แต่วันนี้เจอในฐานะของแฟน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังผ่านการหย่าร้างมาอีก

มันเพียงพอที่จะทำให้ภาพเขาที่อยู่ในใจของพ่อแม่กู้ชิงหยิ่ง ถูกหักคะแนนไปมาก

ครั้งที่แล้วที่กู้ชิงหยิ่งจากไป ทั้งสองคนก็คุยสื่อสารกันน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้เจอมากัน ยังต้องเจอพ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งด้วย

ครั้งนี้ มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างอีก?

เฉินตงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย

ขายโครงการอสังหาริมทรัพย์พร้อมกันทั้งสามโครงกัน เฉินตงสามารถรักษาความสงบในใจได้

แต่การเจอกู้ชิงหยิ่งอีกครั้ง กลับทำให้ใจเขาไม่สามารถสงบลงมาได้

ท่านหลงที่อยู่ด้านข้างมองเฉินตงที่ขมวดคิ้ว ท่าทางที่ตื่นเต้น หัวเราะพูด

“คุณชายท่าทางตอนนี้ของคุณ เหมือนกับสมัยที่พ่อของคุณตอนไปเจอครอบครัวของแม่คุณเลย”

“พ่อแม่ของฉัน?”

เฉินตงมองไปท่านหลง

ท่านหลงตกใจ แววตาเปล่งประกายไปครู่เดียว จากนั้นก็ยิ้มแล้วยกมือห้าม “ล้วนเป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง”

ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงจริงเหรอ?

ในใจเฉินตงมีความสงสัย

เพราะไม่มีพ่อตั้งแต่เด็ก สำหรับอดีตของพ่อแม่ น้อยมากที่จะไปทำความเข้าใจ

ท่านหลงพูดถึง ทันใดนั้นก็ทำให้เขาสนใจขึ้นมา

แต่ท่านหลงนั้นได้หยุดหัวข้อสนทนานี้ทันที เห็นได้ชัดว่ามันมีความหมายที่ลึกซึ้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น

ความสนใจของคนทั้งเมือง ล้วนอยู่ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่ฝั่งตะวันตกของเมือง

หลังจากผ่านกันโฆษณามาระยะหนึ่ง คนที่อยู่ในเมืองต่างก็รู้นานแล้วว่าไท่ติ่งที่อยู่ฝั่งตะวันตกของเมืองจะขายโครงการอสังหาริมทรัพย์สามโครงการพร้อมกัน

ครั้งที่แล้วที่โครงการหลงถิงฮัวหยวนขายหมดในวันเดียว ภาพยังคงชัดเจน

วันนั้นเพิ่งจะผ่านไปไม่นานเอง?

ก็จะมีการพรีเซลล์อีกครั้งแล้ว อีกอย่างมันคือสามโครงการ!

วันนี้ราคาบ้านของฝั่งตะวันตกของเมือง ต่อให้ขายพร้อมกันสามโครงการ ก็ไม่มีผลกระทบต่อกระแส

ครั้งที่แล้วหลงถิงฮัวหยวนขายหมดในวันเดียว มันทำให้คนที่เตรียมตัวจะซื้อบ้าน ต้องผิดหวังกลับบ้าน

และครั้งนี้ พรีเซลล์สามโครงการพร้อมกัน ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ที่ผิดหวังเลือดในตัวกลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง

การมาซื้อบ้านของทุกคน เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ฟรี

เพียงแต่ มันเหมือนกับสิ่งที่พวกของเฉินตงคาดการณ์เอาไว้เลย

พรีเซลล์โครงการทั้งสามโครงการในเวลาเดียวกัน มันก็ทำให้ความสนใจถูกกระจายตัวออกไปจริงๆ

สิ่งนี้ยังนำไปสู่ความจริงที่ว่า โครงการทั้งสามแห่งได้รวบรวมผู้ซื้อและผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก แต่บรรยากาศของโครงการทั้งสามแห่งเทียบไม่ได้กับการต่อคิวยาวเหยียดที่หน้าหลงถิงฮัวหยวนในครั้งที่แล้ว

หลังจากจบพิธีตัดริบบิ้น เฉินตงกลับไปที่บริษัทไท่ติ่งโดยตรง

นั่งอยู่นั่งจอคอมพิวเตอร์ ใส่ใจกับข้อมูลการขายแบบเรียลไทม์ที่ส่งมาจากโครงการทั้งสามแห่ง

แม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะไม่ระเบิด แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสภาวะนี้การขายแบบนี้ การขายหมดก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

“พี่ตง กระแสครั้งนี้เทียบไม่ได้กับหลงถิงฮัวหยวนจริงๆ คาดว่านักข่าวก็คงไม่รู้จะสร้างกระแสข่าวยังไงแล้ว”

เสี่ยวหม่ารู้สึกเซ็งเล็กน้อย เมื่อคิดถึงบรรยากาศการพรีเซลล์ที่ร้อนแรงที่ได้รับความสนใจจากคนทั้งเมืองครั้งที่แล้ว ใจเขาก็รู้สึกเคว้งคว้างเล็กน้อย

เดิมหากพรีเซลล์ครั้งละหนึ่งโครงการ บรรยากาศที่ร้อนระอุก็จะสามารถเกิดขึ้นได้อีกหลายครั้ง!

นี่เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการโชว์ศักยภาพของไท่ติ่งในเมืองนี้!

“การโชว์ศักยภาพเพียงครั้งเดียวก็พอแล้ว”

เฉินตงยิ้มอย่างอิสระ และชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “ตัวเลขการขาย ถึงจะเป็นสิ่งที่ต้องไขว่คว้า ร่ำรวยอย่างเงียบๆ คือวิถีแห่งราชา”

เสี่ยวหม่าก็ได้ตามเฉินตงสังเกตข้อมูลตัวเลข สำหรับสถานการณ์การพรีเซลล์โครงการทั้งสามแห่งก็เป็นที่น่าพอใจ

เพียงแต่คำพูดของเฉินตง เขายังมีจุดที่ไม่ค่อยเข้าใจ “แต่ว่าการที่ให้ไท่ติ่งโชว์ศักยภาพอีกสักสองสามครั้ง ให้สื่อรายงานข่าวเยอะหน่อย มันน่าจะเอื้อให้ภาพลักษณ์ของไท่ติ่งของเราถูกฝังรากลึกในใจของผู้คนไม่ใช่เหรอ?”

“ต้นไม้ใหญ่ง่ายต่อการถูกลมโค่น!”

เฉินตงเอ่ยคำพูดประโยคนี้ด้วยดวงตาที่ลึกๆ จากนั้นก็ดูข้อมูลตัวเลขในคอมพิวเตอร์ต่อไป

และเสี่ยวหม่าก็ก้มหน้าอย่างครุ่นคิด

ก็อยู่ในช่วงเวลาของการพรีเซลล์ของโครงการทั้งสามแห่ง

ด้านหน้าหนึ่งในโครงการ รถเบนซ์จิ๊บสีดำค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามา บนถนนที่ไม่ไกลจากตัวโครงการ รถก็ได้หยุดลง

เมื่อกระจกรถถูกเลื่อนลงมา ชายวัยกลางคนผมหงอก หวีผมไปด้านหลังทั้งหมด ใบหน้าที่แลดูน่าเกรงขาม ยื่นหัวออกมา

มองดูสำนักงานขายที่เต็มไปด้วยผู้คน

ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “เจ้าหมอนี่ บริหารจัดการได้ไม่เลวเลย”

“พ่อคะ อะไรไม่เลวเหรอ เฉินตงครั้งนี้ทำเรื่องโง่ๆแล้ว”

ในรถ น้ำเสียงที่ต่อว่าก็ดังขึ้น “พรีเซลล์ครั้งก่อนได้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน คราวนี้กลับไม่ใช้โอกาสตีเหล็กในขณะที่กำลังร้อนอยู่ ยังจะมีพรีเซลล์โครงการสามโครงการในเวลาเดียวกัน นี่ไม่ใช่เพราะโลภเหรอ? ถ้าเราสามารถทำพรีเซลล์ให้ได้กระแสร้อนแรงซ้ำอีกครั้ง ไท่ติ่งของเขาก็จะเป็นที่จดจำของคนทั้งเมือง ”

“อ้อ คลิปดูวิดีโอนั้นพ่อเคยดูทางอินเทอร์เน็ตแล้ว การแสดงความรักกับลูกน้อยที่น่ารักของพ่ออย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้น มันดังไปทั้งเมืองแล้วจริงๆ”

ชายวัยกลางคนหัวเราะและพูดติดตลก “มันใช่พรีเซลล์ที่ดังในเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกสาวของพ่อที่ดังไปทั้งเมือง!”

“พ่ออะ……..”

น้ำเสียงที่ความโกรธนั้นไม่รู้จะทำยังไงดี

“คุณนี่มันหน้าไม่อายจริงๆเลย มีที่ไหนกันล้อเล่นกับลูกสาวแบบนี้เหรอ?” มีเสียงที่อ่อนโยนแฝงด้วยความโกรธเล็กน้อยดังขึ้น

ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง เลื่อนกระจกรถขึ้นมาอีกครั้ง

รถเบนซ์จิ๊บค่อยๆถูกสตาร์ทขึ้น

และในรถ ชายวัยกลางคนก็ได้หยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาดู

ยิ่งดู รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น

พยักหน้าเป็นระยะ

ด้านข้าง มีผู้หญิงสองคนมองอยู่เงียบๆ

หนึ่งในนั้น ที่น่าประหลาดใจมันคือ……….กู้ชิงหยิ่ง

และคนที่อยู่ข้างกายกู้ชิงหยิ่ง ก็คือสาวสวยคนหนึ่ง มีเสน่ห์น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตาซึ่งไม่มีริ้วรอยของกาลเวลาหลงเหลือไว้เลย

หากคนอื่นมาเห็น ไม่คิดว่าเขาทั้งสองเป็นแม่ลูกอย่างแน่นอน กลับคิดว่าเขาสองคนเป็นพี่น้องกัน

ในความเป็นจริง เมื่อคืนกู้ชิงหยิ่งและพ่อแม่ของเธอได้กลับมาถึงเมืองนี้แล้ว

เพียงเพราะอยู่กับพ่อแม่ บวกกับเฉินตงกำลังยุ่งการเรื่องพรีเซลล์ ดังนั้นกู้ชิงหยิ่งก็เลยไม่ได้บอกเฉินตงทันที

เช้านี้ เป็นคุณพ่อที่เสนอ อยากจะมาดูสถานการณ์การพรีเซลล์ในโครงการของเฉินตง

จากนั้น ก็เลยมีภาพอย่างในตอนนี้

“พ่อคะ ทำไมพ่อถึงชื่นชมเจ้าทึ่มนั่นจัง?” กู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เพราะความโลภมาก จึงยอมทิ้งความคิดเห็นแรงผลักดันของคนทั้งเมืองที่มีต่อไท่ติ่ง ในมุมมองของเธอ วิธีการทำงานของเฉินตงนั้นโง่มาก

เค้กชิ้นใหญ่ขนาดนี้อย่างเมืองฝั่งตะวันตก ค่อยๆปล่อยออกมาทีละนิด ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องยอดขายเลย ในทางกลับกันมันสามารถทำให้ไท่ติ่งค่อยๆซึมเข้าไปในใจของคนในเมืองนี้

ธุรกิจหากอยากให้มันเติบโตในระยะยาว การยอมรับของคนในสังคมและมีภาพลักษณ์ที่ดี ต่างก็ขาดไม่ได้เลย

แต่แล้ว ปฏิกิริยาของคุณพ่อ ทำไมจึงไม่ค่อยปกตินัก?

“เจ้าลูกโง่!”

ชายวัยกลางคนลูบผมของกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยน แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต้นไม้ใหญ่ดึงดูดลม ปืนก็จะยิงนกที่โผล่หัวออกมา การโชว์ศักยภาพที่มากเกิน กลับจะนำหายนะมาสู่ตัวเอง”

เขาชี้ไปที่โครงการที่กำลังขายกันอย่างดุเดือดที่อยู่ด้านนอก แล้วกล่าว “ฝั่งตะวันตกของเมืองตอนนี้ก็คือเค้กที่หอมกรุ่น มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยากได้มัน ถ้าหากทำให้เป็นมันเป็นที่สนใจครั้งแล้วครั้งเล่า มันเพียงแต่จะทำให้คนที่อยากได้เกิดความอิจฉา ไม่กลัวโจรมันขโมยของแต่กลัวโจรมันฝังใจ

“สนามธุรกิจก็เหมือนกับสนามรบ คนที่คอยจะแทงข้างหลังนั้นมีมากมาย ลูกว่าการโชว์ศักยภาพนั้นดี หรือว่าเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเงียบๆดีกว่าละ?”

พูดจบ ชายวัยกลางคนก็ลูบที่คาง แล้วยิ้มๆ

“เสี่ยวเฉินตงคนนี้ไม่เลว เมื่อก่อนตอนที่พ่อเห็นเขา ทำไมถึงไม่รู้สึกว่าเด็กคนนี้จะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขนาดนี้?”

เมื่อได้ยินพ่อของเธอชื่นชมเฉินตง กู้ชิงหยิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง มีความรู้สึกมีความสุขและเป็นเกียรติ

เธอกะพริบตา แล้วพูดว่า “แล้วพ่อกับแม่ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเจอเขาเมื่อไหร่?”

บทที่ 124 ไม่ซื่อสัตย์เพียงครั้งเดียว ก็จะไม่ร่วมงานอีกเลย

เมื่อเฉินตงถูกคุนหลุนกับท่านหลงพยุงเดินออกไปจากลานป่าไผ่นั้น

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว กำลังยืนรออยู่ที่สะพานข้ามลำธาร

“รีบพาคุณชายเฉินไปส่งที่โรงพยาบาลเถอะ”

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวพูดอย่างใจเย็น

“คุณครับท่าน”

เฉินตงยิ้มให้กับชายวัยกลางคนพร้อมกับพยักหน้า “คืนนี้รบกวนแล้ว”

คนนี้เป็นคนที่แม้แต่โจวเย่นชิวยังต้องให้เกียรติและเชื่อฟัง เขาไม่อยากที่จะล่วงเกิน มีเพื่อนเพิ่มขึ้นหนึ่งคนย่อมมีดว่ามีศัตรูเพิ่มขึ้นหนึ่งคน

มองดูทิศทางที่เฉินตงทั้งสามคนเดินจากไป ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวค่อยๆมองลึกลงไป

ผ่านไปสักพัก เขาก็ยิ้มๆ “ไม่เคยคิดว่าก่อน สถานที่อันคับแคบของฉัน กลับได้ซ่อนมังกรน้อยของตัวนี้ของตระกูลเฉินเอาไว้ ด้วยท่าทีของเจ้าบ้านตระกูลเฉินวันนี้ มังกรน้อยอีกไม่นานก็จะกลายเป็นมังกรผงาดฟ้าแล้วมั้ง?”

หลังจากออกมาจากคลับสี่ยิ่น

คุนหลุนที่ขับรถโรลส์-รอยซ์ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถสปอร์ตอยู่

เมื่อกี้เสียเวลาอยู่ที่ลานป่าไผ่ไม่น้อยเลย บาดแผลของเฉินตงมีเลือดไหลตลอด เวลานี้ใบหน้าซีดไปหมดแล้ว หากไม่รีบไปรักษาที่โรงพยาบาล เกรงว่าจะมีผลดีมากว่าผลเสีย

เดิมคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคิดที่อยากจะสวดหนึ่งร้อยจบ 《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》เพื่อให้เฉินตงเสียเลือดมากแล้วเสียชีวิต ไม่พูดว่าโหดไม่ได้แล้ว!

ยังดีหลังจากที่ถึงโรงพยาบาลแล้ว ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา เฉินตงก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

ในห้องผู้ป่วย เฉินตงที่ร่างกายอ่อนแอมองท่านหลงกับคุนหลุนที่ตึงเครียด แล้วยิ้มๆ “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ทั้งสองคนทำไมยังทำหน้าเศร้าอีก?”

ท่านหลงกับคุนหลุนสบตากัน แต่ไม่ได้พูดอะไร

เฉินตงรู้ว่าสถานะของเขาพิเศษ หากเขาเกิดเรื่อง ต่อให้ท่านหลงกับคุณหลุนจะได้รับความไว้วางใจจากพ่อ ก็จะได้รับผลกระทบ

ดังนั้นเขาเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้ “พวกคุณว่า เรื่องนี้มันถือว่าจบแล้วหรือยัง?”

การปรากฏตัวของพ่อในคืนนี้ ได้ใช้อำนาจเผด็จการไล่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไป

เผด็จการจนไม่สนใจกฎของตระกูล ถึงขั้นได้กล่าวคำข่มขู่ว่าจะส่งคุณหญิงใหญ่ไปดี

แต่สำหรับคนในตระกูลเฉิน เฉินตงนั้นมองไม่ทะลุจริงๆ

คนหนึ่งมีเงินมีอำนาจอยู่เหนือชีวิตคนอื่น คนหนึ่งสามารถเพิกเฉยต่อกฎระเบียบ เห็นชีวิตของคนธรรมดาเหมือนการดำรงอยู่ของมด

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจะยอมยกธงขาวเพราะคำข่มขู่ของพ่อจริงๆเหรอ?

“กระผมว่ายังไม่น่าจะจบ”

แววตาท่านหลงจ้องมองไปลึกๆ ท่าทีเคร่งขรึม “ตระกูลเฉินมีฝักฝ่ายที่ซับซ้อน ด้านบนมีคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่อยู่นอกเหนือคนอื่น ด้านล่างมีผู้เก่งกาจที่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดต่างตั้งหน้าตั้งตารอตำแหน่งเจ้าบ้าน ตรงกลางยังมีฝ่ายต่างๆที่คอยถ่วงสมดุลซึ่งกันและกัน ”

เป็นเช่นนี้จริงๆ!

เฉินตงยิ้มอย่างเบื่อหน่าย

ขณะที่เหม่อลอย จู่ๆเขาก็มีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ

ตระกูลเฉินซับซ้อนถึงขนาดนี้ ตอนแรกพ่อก็ยังคงให้ท่านหลงมา

ไม่เพียงแต่มาช่วยแม่ ยังทำให้เขามีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดอีก

ข้างในนี้ มันต้องไม่ง่ายอย่างแน่นอน

……

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

โจวเย่นชิวที่ถือซิการ์เอาไว้ ยืนอยู่ตรงหน้าต่างราวกับรูปปั้น กำลังมองวิวกลางคืนที่อยู่ด้านนอก

ควันลอยฟุ้งขึ้น มาจากซิการ์ที่ถูกเผาไหม้

บนพื้นยังได้กระจัดกระจายไปดด้วยเถ้าซิการ์

เขาที่อยู่ในท่านี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

ก๊อกๆ!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ทำให้อารมณ์ความคิดของโจวเย่นชิวกลับมาสู่ความเป็นจริง

คุณท่าน คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้นั่งเครื่องกลับไปแล้ว ด้านนอกประตู ดังขึ้นด้วยเสียงของพ่อบ้าน

“ไปแล้วเหรอ?!”

สีหน้าของโจวเย่นชิวเปลี่ยนอย่างมาก รีบถาม “เฉินตงเป็นยังไงบ้าง?”

“เฉินตงก่อนเข้าไปในคลับสี่ยิ่นได้แทงตัวเองด้วยความจงใจ ตอนนี้ได้ออกจากคลับสี่ยิ่น ไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว” พ่อบ้านกล่าว

โครม

โจวเย่นชิวเหมือนถูกฟ้าผ่า

เขาถอดแว่นทองออก ใช้แรงขยี้ตา แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหรอ? “แบบว่า……ร่างกายของเฉินตงมีอาการบาดเจ็บอย่างอื่นอีกมั้ย?”

ด้วยประสบการณ์ของเขา เขารู้ดีว่าการที่เฉินตงแทงตัวเองก่อนที่จะเข้าคลับสี่ยิ่นมันหมายความว่ายังไง

ถ้าหากเข้าไปแล้วเวลาที่ออกมา ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นๆ ความหมายแฝงนี้ยิ่งทำให้เขาตกตะลึง

พ่อบ้านกล่าว “ไม่มี”

“เป็นไปไม่ได้!”

โจวเย่นชิวตกใจจนเบิกตากว้าง ร่างกายอ่อนปวกเปียก ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ “มันจะเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีทางเป็นไปได้……….”

บ่นพึมพำซ้ำๆอยู่แบบนี้ ราวกับคนเป็นโรคประสาท

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินมาที่เมืองนี้พร้อมกับศึกครั้งใหญ่ ยังมีเฉินเทียนเซิงที่ได้บอกให้เขาเตรียมตัวต้อนรับล่วงหน้า

เห็นได้ชัดว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินมาเพื่อถามหาความผิดกับเฉินตง ออกหน้าแทนเฉินเทียนเซิง

แต่ตอนนี้ เฉินตงกลับไปโรงพยาบาลโดยปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกลับจากไปอย่างรีบร้อน

ล้อเล่นหรือเปล่า!

“คุณท่าน ได้ยืนยันข้อมูลหลายรอบแล้วครับ ไม่ผิดอย่างแน่นอน” คำพูดพ่อบ้าน เหมือนกับน้ำเย็น ทำให้โจวเย่นชิวสงบลงมาได้อย่างจริงจัง

ภายใต้แสงไฟ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาที่ลึกของเขาเหมือนกับหลุมดำ

ครู่ใหญ่ เขาจึงได้ยิ้มอย่างขมขื่น ใส่แว่นตาทองอีกครั้ง “ครั้งนี้ เป็นฉันที่คิดผิดไปแล้ว?”

เขาตะโกนออกไปด้านนอกห้อง “สั่งการลงไป ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ยกเลิกการคว่ำบาตรไท่ติ่ง!”

……

สองสามวันมานี้ คลื่นลมสงบ

ทุกอย่างกำลังดำเนินการไปอย่างมีระเบียบ

เพียงแต่วัสดุก่อสร้างของเมืองได้ยกเลิกคว่ำบาตรไท่ติ่ง มันกลับทำให้เฉินตงจะหัวเราะก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง

เฉินตงก็เข้าใจ นี่คือการยอมจำนนของโจวเย่นชิว ผลจากเลือกข้างผิด

เขาก็ไม่ใส่ใจ โจวเย่นชิวอยากเลือกข้างไหนก็เลือกไปเถอะ ขอเพียงอย่าให้โจวเย่นชิวมาเหยียบสถานที่ของเขาของพอแล้ว

เพียงหนึ่งครั้งที่ไม่ซื่อสัตย์ ก็จะไม่ร่วมงานกันอีกเลย

เมื่อก่อนเขาเคยรู้สึกซึ้งใจและขอบคุณของโจวเย่นชิว โจวเย่นชิวก็เคยช่วยเขาจริงๆ

การปรากฏตัวของเฉินเทียนเซิง ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะแม่ เขายอมที่จะเสี่ยงอันตรายเพื่อบีบให้เฉินเทียนเซิงออกไป

อนาคตหากเฉินเทียนเซิงยังมาตอแยกับเขาในเมืองนี้ โจวเย่นชิวไม่มีทางที่จะใจอ่อนต่อเขาอย่างแน่นอน

ตามที่ยกเลิกการคว่ำบาตร ซัปพลายเออร์นอกพื้นที่ที่โจวเย่นชิวช่วยหามาก่อนหน้านั้นได้มาที่ไท่ติ่งอีกครั้ง

เพียงแต่เฉินตงได้ให้เสี่ยวหม่าปฏิเสธไปโดยตรง และได้ประกาศข้อความในเว็ปไซด์ของบริษัท

ประกาศว่าวัสดุก่อสร้างทั้งหมด ที่ใช้ในการก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองมีบริษัทบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เป็นผู้จัดส่งเท่านั้น!

ด้วยวิธีนี้ ก็จะสามารถช่วยขจัดความโลภของพ่อค้าวัสดุที่โอนเอียงตามสายลมเหล่านั้นออกไปอย่างสิ้นเชิง

พริบตาเดียว ก็มาถึงวันสุดท้ายของเดือน

ในห้องผู้ป่วย

เสี่ยวหม่าที่หอบเอกสารกองใหญ่ของบริษัท กำลังรายงานความคืบหน้าของงาน

“พี่ตง พี่ตัดสินใจจริงๆแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้เราจะพรีเซลล์โครงการทั้งสามโครงการพร้อมกัน?”

หลังจากรายงานเสร็จ เสี่ยวหม่าก็ถามอย่างกังวล

ไม่ใช่ว่าบริษัทหนึ่งบริษัทจะขายโครงการหลาย ๆ แห่งในเวลาเดียวกันไม่ได้

แต่ที่เหมือนกับไท่ติ่ง ที่มีโครงการอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ประกาศขายโครงการสามโครงกันพร้อมกัน นั้นเห็นได้น้อยมากจริงๆ

อีกอย่างมันมีความเสี่ยงสูงมาก ในเวลาเดียวกันมันก็จะกระจายความสนใจของลูกค้าทำให้กระแสของแต่ละโครงการถูกกระจายกันไป

“แน่ใจแล้ว”

เฉินตงพยักหน้า “ที่ขายในเวลาเดียวกันเพราะต้องการให้ได้เงินทุกกลับมาพร้อมกัน แม้ว่ามันกระแสมันจะถูกลดลง มันจะไม่เหมือนกับหลงถิงฮัวหยวนที่จะขายหมดภายในวันเดียว ฉันก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว ตอนนี้ไท่ติ่งที่อยู่ในเมืองที่มีกระแสมาแรง ก็คงไม่ลดลงมามากนัก”

“ได้ครับ”

เสี่ยวหม่าไม่ถามมากความอีก มองอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเฉินตง “แล้วพิธีตัดริบบิ้นเปิดงานของพรุ่งนี้……..”

เฉินตงก้มหน้ามองท้องตัวเอง ยิ้มในขณะที่พูด “แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ออกงานตรงเวลา นายกลับบไปก่อนเถอะ”

รอให้เสี่ยวหม่าจากไปแล้ว

เฉินตงขมวดคิ้ว เหมือนคิดอะไรอยู่

“คุณชาย คิดอะไรอยู่ครับ?” ท่านหลงถาม

เฉินตงเลิกคิ้ว “พรุ่งนี้ก็ต้นเดือนแล้ว เสี่ยวหยิ่งก็น่าจะพาพ่อแม่กลับมาแล้ว”

บทที่ 123 พ่อผมดุมาก!

ในห้องโถง เสียงของเฉินเต้าหลินดังสะท้อนทั่วห้อง

น้ำเสียงที่เรียบผิดปกติ กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะโต้แย้ง

ท่าทางที่น่าเกรงขามแบบนี้ มีเพียงเจ้าบ้านตระกูลเฉินเท่านั้น!

สีหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขุ่นมัว ร่างกายที่ค่อนข้างผอมสั่นเทา กัดฟันเอาไว้

เฉินเต้าหลินถึงจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน แต่ก็เป็นรุ่นหลานของเธอ

คนที่อายุน้อยกว่า เถียงเธอที่เป็นผู้อาวุโส มันหมายความว่ายังไง?

แบบนี้มันทำให้เธอไม่มีทางลงเลย และได้ขยี้หน้าของเธอแหลกละเอียดเป็นผุยผง

ท่านหลงกับคุนหลุนตื่นเต้นดีใจ ดวงตาที่แดงได้มองไปเงาคนที่อยู่ด้านหลังลานป่าไผ่

คำพูดของเฉินเต้าหลิน เห็นได้ชัดว่าต้องการปกป้องเฉินตง!

แต่เป็นชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว ในเวลานี้สีหน้าก็ปรากฏด้วยความประหลาดใจ

เฉินตงนั้นรอดแล้ว

จู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้

พ่อคนนี้ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน…….ดุขนาดนี้เลยเหรอ?

“เฉินเต้าหลิน ในฐานะที่นายเป็นเจ้าบ้าน พูดกับผู้อาวุโสด้วยน้ำเสียงแบบนี้เหรอ?”

น้ำเสียงที่ออกมาจากซอกฟันของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน “ความกตัญญูของตระกูลเฉิน นายเอาไปไว้ที่ไหนแล้ว?”

“น้าสามมีอะไรจะแนะนำมั้ย?” ทันใดนั้นเสียงของเฉินเต้าหลินก็เผยให้เห็นถึงความล้อเล่น

“ลูกสวะคนนี้ ต่อต้านและเถียงฉัน ดื้อรั้นอกตัญญู แกที่เป็นเจ้าบ้านไม่ปฏิบัติตามกฎของบ้าน กลับปกป้องความผิด ต่อไปจะทำให้คนอื่นเชื่อฟังได้อย่างไร”

ทันใดนั้นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ชี้ไปที่เฉินตง พลังที่ทรงอำนาจของเธอพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

ในบ้านตระกูลเฉิน กฎของครอบครัวนั้นเข้มงวดมาก ความกตัญญูเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้

นี่คือสิ่งสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเฉินดำรงอยู่มาเป็นเวลานาน ตั้งตระหง่านโดยไม่ล้ม อยู่ในที่สูงสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

“ความดื้อรั้นนี้มาจากไหน? หากไม่ใช่เพราะคุณบีบบังคับ ลูกชายผมจะกล้าเถียงคุณ? เขานั้นแทงตัวเองแล้วมาขอให้คุณอภัย คุณในฐานะผู้อาวุโส ทำอะไรลงไป?”

ทันใดนั้นน้ำเสียงอของเฉินเต้าหลินเคร่งขรึม

รูม่านตาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเปล่งประกายด้วยแสงแปลกๆ เขามองชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวอย่างรังเกียจ

ชายวัยกลางคนมีท่าทีที่อึ้งเล็กน้อย รีบก้มหัวลง

ในห้องโถง อากาศเหมือนกับถูกจับตัวเป็นก้อน

บรรยากาศตึงเครียดมาก

เฉินตงก็ไม่พูดแทรกอีก เขาเข้าใจ การถามหาความผิดครั้งนี้ เป็นศึกของพ่อกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินแล้ว

และแล้ว วินาทีต่อมา คำพูดเดียวของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน กลับทำให้หัวใจของเฉินตงเหมือนถูกหยิกอย่างแรง

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกัดฟันพูด “หากวันนี้ฉันต้องลงโทษลูกสวะคนนี้ให้ได้ล่ะ?”

แรงอาฆาตที่ดุเดือด

น้ำเสียงเหมือนสายลมหนาวที่พัดมาจากแดนไกล

คำพูดนี้พูดออกมา อุณหภูมิในห้องเหมือนถูกลดลงไปหลายองศา

“เห่อๆ!”

เฉินเต้าหลินหัวเราะ “น้าสามคิดว่าผมยังคงเป็นเต้าหลินเมื่อหลายปีก่อน ถูกบีบบังคับจนต้องทิ้งลูกทิ้งบ้านเพื่อกลับบ้านตระกูลเฉินอีกเหรอ? น้าสาม ตระกูลเฉินในวันนี้……..ผมถึงจะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์พูดสิทธิ์ในการตัดสินใจ!”

“ในเมื่อผมเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จะยอมให้คุณมาทำร้ายลูกเมียผมอีกเหรอ?”

น้ำเสียงเผด็จการ ไม่ยอมแม่แต่น้อย

ตู๊ม!

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโกรธถึงสุดขีด จึงตบโต๊ะด้วยความโมโห

“เฉินเต้าหลิน วันนี้ฉันจะให้นายมองดูลูกสวะคนนี้ตายอยู่ตรงหน้าของนาย!”

พูดจบ คุณหญิงใหญ่ก็ได้ตะโกนไปทางประตู “เด็กๆ มาฆ่าเฉินตงลูกสวะคนนี้ซะ!”

พริบตาเดียว

คนรับใช้ที่สนิทของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่รออยู่ในสวนก็พุ่งเข้ามาในห้องโถง

“คุนหลุน!”

เฉินเต้าหลินตะโกนอย่างเสียงดัง

ในความเป็นจริง ก่อนที่เฉินเต้าหลินจะพูด ร่างสูงตระหง่านคล้ายหอคอยของคุนหลุนก็ได้ยืนตระหง่านอยู่ที่หน้าประตูห้องโถงแล้ว

ความกดดันจากร่างที่สูงใหญ่ ทำให้คนรับใช้ที่สนิทสามคนของของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินหยุดนิ่งไปทันที

“เฉินเต้าหลิน!”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินสั่นไปทั้งตัว จ้องมองด้วยแววตาที่โกรธแค้น ไม่เหลือคราบความสง่างามอย่างปกติอีกเลย

“ฉัน ยังไม่ตาย!”

เสียงโกรธที่สะท้อน แสบหูอย่างมาก

“น้าสาม เฉินตงเป็นลูกของผม!”

เฉินเต้าหลินค่อยๆพูดขึ้น “หากคุณยืนยันที่จะทำแบบนี้ ผมก็ไม่ถือสาที่วันนี้ในห้องไหว้บรรพชนของตระกูลเฉิน จะมีป้ายวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอัน!”

น้ำเสียงเย็นเฉียบ ดังเหมือนเสียงฟ้าผ่า

ใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยความสยดสยอง และมีคลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นในใจของเขา

คนโหด!

พ่อผมดุมากจริงๆ!

คำพูดนี้ พูดเพื่อที่จะฆ่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโดยตรง!

ได้มองข้ามกฎของตระกูลเฉินไปแล้วทั้งหมด!

พริบตาเดียว ทุกคนล้วนอึ้งกันไปหมด

ใครก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเต้าหลินจะพูดคำพูดที่เผด็จการแบบนี้ออกมา

“ฉัน…………” คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพยายามอั้นความโกรธเอาไว้ หน้าอกกระพือขึ้นลงอย่างรุนแรง

แต่ไม่รอให้เธอพูดจบ

เสียงของเฉินเต้าหลินก็ดังขึ้น “น้าสาม น้ากับผมก็ไม่ได้เป็นญาติที่สนิทกันขนาดนั้น หากคุณทำตามข้อสรุปที่เราคุยกันในบ้าน ผมเฉินเต้าหลินยังคงนับถือคุณน้าเหมือนเดิม หากคุณยังดึงดันต่อ เชงเม้งปีหน้า ผมที่เป็นผู้นำตระกูลเฉินก็จะไปจุดธูปให้คุณที่สุสาน!”

โครม!

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโกรธอย่างมาก ลูกตาแทบกระเด็นออกมา ทุบโต๊ะด้วยความโมโห แล้วก็ด่าขึ้นมาทันที

“ได้ เฉินเต้าหลิน ไม่เสียทีที่นายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!”

“ลูกสวะที่เย่อหยิ่งป่าเถื่อนแบบนี้ ช่างเหมาะที่จะเป็นผู้สืบทอดของนายจริงๆ!”

“เมื่อก่อนฉันตาบอดเอง ถึงได้ให้นายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!”

……

เสียงด่าที่เกรี้ยวกราดแสบหู ทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเหมือนคนที่ไร้เหตุผลด่าคนตามท้องถนน

ทำให้คนที่มองอยู่ต่างตกตะลึง ไม่กล้าที่จะเชื่อ

เวลาครู่ใหญ่

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็สะบัดมืออย่างโมโห “พวกเราไป!”

จ้องมองเฉินตงอย่างดุดันแวบหนึ่ง เดินออกไปจากห้องโถงด้วยความโกรธ พาคนรับใช้ที่สนิทสามคนเดินจากไป

“พวกน้าๆ……..คิดว่าฉันเฉินเต้าหลินกินเจจริงเหรอ?” เฉินเต้าหลินที่อยู่ด้านหลังลานป่าไผ่หัวเราะหนึ่งที

ตามมาด้วย

ในห้องโถงก็กลับสู่ความเงียบสงบ

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวยิ้มเล็กน้อย หันหน้ายกมือคารวะไปทางเฉินเต้าหลินที่อยู่หลังลานป่าไผ่

“เจ้าบ้านเฉิน ผมของตัวก่อนแล้ว”

“ขอบคุณท่านเมิ่งที่มาในวันนี้”

“ที่ไหนกัน สามารถรับใช้เจ้าบ้าน เป็นบุญของผม”

ชายวัยกลางคนนที่มีจอนผมสีขาวยิ้มแล้วส่ายหัว จริงๆแล้วเฉินเต้าหลินได้มาถึงที่คลับสี่ยิ่นนานแล้ว เขาก็รู้ เพียงแต่ได้ทำตามที่เฉินเต้าหลินกำชับ จึงไม่ได้บอกให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทราบ

จึงได้มีภาพที่เฉินเต้าหลินรออยู่ที่หลังลานไผ่ ทำให้เห็นเรื่องราวทั้งหมดได้ชัดเจน

ชายวัยกลางคนหันกายเดินจากไป ขณะที่เดินเฉียดกับเฉินตงนั้น ดวงตาที่ลึกๆของเขา ยิ้มและทำท่าคารวะให้กับเฉินตง

“ขอบคุณครับ” ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฉินตงปรากฏด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าเป็นการตอบ

หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไปแล้ว ในห้องโถงก็เงียบสงบอีกครั้ง

อารมณ์ที่สับสนซับซ้อนของเฉินตงมองไปเงาคนที่อยู่ด้านหลังลานป่าไผ่

เงาคน ที่ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย

แต่กลับใช้คำพูดที่เผด็จการที่สุด มองข้ามกฎของตระกูล ไล่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินออกไป

ภาพแบบนี้ เฉินตงเคยคาดหวัง

อีกทั้งคาดหวังมาตั้งยี่สิบกว่าปี!

ครู่ใหญ่

เฉินตงก็ยิ้มขึ้นมา “ไม่ออกมาเหรอ?”

“ฉันไปก่อนละ”

เฉินเต้าหลินจู่ๆก็กล่าวขึ้น ก้าวเท้าเดินไปทางนอกห้องโถง

ทันใดนั้นภาพนี้ ก็ทำให้เฉินตงอึ้งไปทันที

ใบหน้าของท่านหลงกับคุนหลุนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

มาก็มาแล้ว จะไม่เจอกันหน่อยเลยเหรอ?

“ฉันหวังว่าการเจอกับนายครั้งแรก จะเป็นวินาทีที่นายเดินเข้ามาในบ้านตระกูลเฉิน!”

น้ำเสียงของเฉินเต้าหลินดังมาจากระยะไกล จบแล้วตามมาด้วยเสียงไอที่รุนแรง

“คุณท่าน สุขภาพของคุณ………”

สีหน้าของท่านหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วถาม

“ไม่เป็นไร!”

เสียงของเฉินเต้าหลินยิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไป

สายตาที่ลึกๆของท่านหลง หันมามองเฉินตง

เมื่อหันมามอง เขาก็อึ้งไปทันที

เฉินตงในเวลานี้ ดวงตาบวมแดงเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า

เขาไม่ได้วิ่งออกตามออกไป แต่กลับตั้งใจมองท่าทางของเฉินเต้าหลิน

และยืนอยู่ตรงที่เดิม พร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครือ บ่นพึมพำไปหนึ่งประโยค “สารเลว!”

บทที่ 122 เขาเป็นลูกชายของผม!

โครม!

ท่านหลงกับคุนหลุนเหมือนถูกฟ้าผ่า ตกใจจนสุดขีด

ท่านหลงนั้นน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ทีนี้………..มันจบสิ้นแล้วจริงๆ!

“แก……….”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโกรธจนถึงสุดขีด

ไอ้ลูกสวะคนหนึ่ง ก็กล้าทำแบบนี้กับเธอ?

มันช่างเหลวไหลสิ้นดี!

เธอที่ควบคุมอำนาจทั้งหมดของตระกูลเฉิน ฐานะนั้นสูงกว่าทุกอย่าง ต่อให้เป็นหัวหน้าของตระกูลก็ยังต้องเคารพเธอ

ในใจเธอ ต่อให้เฉินตงเป็นลูกของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

ในขณะที่เธอพอใจ ยังพอที่จะเรียกเฉินตงว่าไอ้ลูกสวะ

หากไม่พอใจ เฉินตงนั้นอะไรก็ไม่ใช่?

ลูกสวะก็ยังไม่ใช่เลย!

และแล้ว

เฉินตงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เวลานี้ ท่าทางน่าเกรงขาม สายตาที่กดขี่

“ผมเคารพคุณ เพราะคุณเป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน หากผมไม่เคารพคุณ ผมก็ไม่ใช่อะไรเลยงั้นเหรอ?”

คำพูดที่สะท้านเหมือนสายฟ้า ทำให้สีหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลแดงก่ำ

ด้วยนิสัยของเธอ เวลานี้หัวใจปั่นป่วน ไฟโกรธเต็มทรวง ใบหน้าแดงก่ำ กัดฟันอย่างแน่น

แต่ เฉินตงยังคงไม่ถอยหลัง

ยังคงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว

“คุณมาถามหาความผิด ผมให้เกียรติคุณ แทงตัวเอง ใช้เลือดเพื่อแลกให้คุณยอมถอยหนึ่งก้าว”

“ผมหวังว่าคุณจะยอมถอยหนึ่งก้าว ไม่ใช่ให้คุณมาบีบบังคับผมทุกก้าว ยังสวด《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》บทสวดที่สวดให้คนตายให้กับผม!”

น้ำเสียงราวกับเสียงฟ้าคำราม แม้กระทั่งคนหูหนาวยังได้เยิน

เฉินตงไม่ใช่คนอ่อนแอ และไม่ใช่คนโง่

เมื่อเจอกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำของเธอ เห็นได้ชัดว่ามาถามหาความผิดโดยไม่ให้พ่อเขารู้ เพื่อจะได้ตบเขาให้ตายคาฝ่ามือ!

เขาสามารถยอมถอย ยอมอดทน ถึงขั้นสามารถที่จะคุกเข่า

แต่จะให้เขารอตาย เขาทำไม่ได้!

ในห้องโถง อากาศจับตัวเป็นก้อนจนหายใจไม่ออก

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวขมวดคิ้วจนลึก สายตาที่มองเฉินตงที่ยิ่งอยู่ยิ่งคมเฉียบ

ท่านหลงกับคุนหลุนที่ใบหน้าเศร้าหมอง น้ำตาคลอเบ้า

ใครๆก็รู้ ถังดินปืนนั้นระเบิดแล้ว

ระเบิดโดยสิ้นเชิง!

ใบหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินดำคล้ำ หายใจหอบอย่างต่อเนื่อง สายตาที่มองเฉินตง อยากที่จะกลืนกินมันลงไปทันที

สถานะและอำนาจของตระกูลเฉิน ทำให้เธอที่ตั้งแต่เข้ามาตระกูลเฉิน ก็อยู่ในที่สูงส่งตลอด เหมือนนั่งอยู่บนเมฆ

ไม่ว่าจะมองใคร ก็เหมือนเทพเจ้าที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนกับมด

ชินกับการอยู่ในที่สูง วันนี้จู่ๆก็เจอคนโง่ที่กล้าฉุดเธอลงมาจากที่สูง ทำให้เธอยากที่จะใจเย็น

ทันใดนั้น คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้

จ้องมองเฉินตงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ กัดฟันแล้วกล่าว “หนุ่มน้อย อย่าโอหังให้มันมากนัก!”

ข่มขู่ อย่างเปิดเผย!

แต่เฉินตงกลับหัวเราะออกมา

แล้วก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว กล่าวอย่างบังอาจ “ไม่โอหัง จะยังเรียกว่าหนุ่มน้อยได้เหรอ?”

โครม!

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเหมือนถูกฟ้าผ่า

อกของเธอกระพือขึ้นลงอย่างแรง เกือบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว

“แก แกมันไอ้ลูกสวะ…….วันนี้ฉันจะทำให้แกตายโดยไม่มีที่ฝัง ต่อให้พ่อแกเป็นหัวหน้าของตระกูล ก็ไม่สามารถที่จะปกป้องแกได้!”

ความอาฆาตที่รุนแรง

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่เคยมีความคิดที่อยากจะฆ่าคนแบบสุดๆแบบนี้มาก่อน

วันนี้เมื่อเจอกับเฉินตง ทุกคำพูดทุกการกระทำของเฉินตง กลับทำให้ศักดิ์ศรีที่เธอสั่งสมมาหลายสิบปี ถูกถอดถอนออกจนหมด

“คุณแน่จริงก็ลองดู?”

เฉินตงเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองลึกๆ แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ตอนนี้ผมห่างจากคุณ แค่สามก้าว!”

เต็มไปด้วยแรงฆ่าเหมือนกัน

ข่มขู่อย่างเปิดเผยเหมือนกัน

ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน ก็ต้องสู้สุดชีวิต!

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาที่แบกคำว่าลูกสวะเอาไว้ เดินออกมาจากในมุมมืดทีละก้าวจนมาถึงวันนี้

ถ้าคิดแต่ในมุมของตัวเอง เขามั่นใจว่าตัวเองนั้นได้มามากพอแล้ว!

ดังนั้น ต่อให้เป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ก็ต้องเป็นที่รองศพให้กับเขา!

สำหรับคุณแม่และคนอื่นๆ มีพ่อปกป้อง ก็คงไม่มีเรื่องอะไร

เป็นจริงเช่นนั้น

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินใบหน้ากระด้าง รูม่านตาหดลงอย่างสุดขีด

พลังอำนาจของเธอ ถูกสร้างขึ้นโดยอำนาจบารมีทั้งหมดของเธอ

ร่างกายที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ห่างกันแค่สามก้าว หากเฉินตงเดินเข้ามาจริง ใช้เพียงมือเดียวก็สามารถบีบคอเธอตาย

ไม่ว่าจะเป็นเฉินเทียนเซิงหรือเฉินเทียนหย่าง ล้วนเป็นผู้เก่งกาจของตระกูล เคยได้รับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้อย่างเป็นระบบ แต่พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินตง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ไม่ได้หวังว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายเธอจะสามารถคุ้มกันเธอได้

อีกอย่าง เธอไม่สงสัยคำพูดของเฉินตง

ลูกสวะที่คนโง่ๆคนหนึ่ง มีเรื่องอะไรที่จะทำไม่ได้เหรอ?

ในห้องโถง เหมือนกับเวลาได้หยุดเดิน

ทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้

ท่านหลงกับคุนหลุนหัวสมองว่างเปล่าไปนานแล้ว รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มแล้ว

ชายวัยกลางคนสองที่มีจอนผมสีขาว ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย เป็นเพียงผู้เฝ้าดูเหตุการณ์

เฉินตงกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมใคร

หากภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ต้องสะเทือนไปทั้งเมืองอย่างแน่นอน

ตระกูลเฉิน เป็นตระกูลที่สูงส่งมากด้วยอำนาจบารมีที่ไม่มีใครสามารถมาเทียบได้!

ไม่ว่าจะเป็นเทพแห่งสงคราม ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ก็ยังต้องก้มหัวให้กับตระกูลเฉิน

แต่ตอนนี้ หนุ่มน้อยคนหนึ่ง จะปลิดชีวิตคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินภายในสามก้าว ให้เลือดกระเด็นไปสามฟุต!

เวลาค่อยๆผ่านไป

ด้านนอกห้องโถง ดังขึ้นด้วยเสียงน้ำไหลของลำธาร

ทันใดนั้น

เสียงที่ทุ้มเสียงหนึ่ง ที่แฝงความเย็นชาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดังมาจากหลังลานป่าไผ่ที่อยูด้านหลังของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและชายวัยกลางคน

“คุณน้าสาม เขาเป็นลูกชายผม!”

คำพูดง่ายๆเพียงคำพูดเดียว มันเหมือนกับเสียงคำรามของสายฟ้า

ทุกคนล้วนตกตะลึงพร้อมมัน

“คุณ คุณท่าน……..เป็นคุณท่าน!”

แววตาของท่านหลงเปล่งประกายทันที ราวกับว่าคนที่กำลังจะตายได้คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้

คุนหลุนก็ตื่นเต้นดีใจ กำมือแน่นทั้งสองข้าง

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ลุกขึ้นมาอย่างรีบร้อน คารวะอย่างสุขภาพ

“คำนับเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!”

“ท่านเมิ่งมากพิธีไปแล้ว!”

หลังลานป่าไผ่ น้ำเสียงที่หนาและทุ้มต่ำ ตอบกลับวัยกลางคนอย่างสบายๆ

“ฮึ่ม!”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ทำเสียงฮึ่มหนึ่งที หัวเราะอย่างโกรธเคือง “เต้าหลิน นายมาได้เร็วเหมือนกันนะ!”

“ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าน้าสามนะ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มมากขึ้น ยกมือขึ้นชี้ไปทางเฉินตง “นายมาดูหน่อย ลูกสวะที่ดื้อรั้นเช่นนี้ มีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับคนเก่งกาจของตระกูลเฉิน? ยิ่งไปกว่านั้นมีสิทธิ์อะไรมาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน?”

ปกป้องชีวิตของเฉินตงไว้ได้แล้ว

พริบตาเดียว ในใจนั้นสับสนถึงสุดขีด

สายตาจ้องมองไปด้านหลังลานป่าไผ่

ระหว่างนั้น เขามองเห็นเงาดำที่ไม่ชัดเจนยืนอยู่ตรงนั้น

ยี่สิบกว่าปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเขาหลังจากที่เขาเกิด!

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง พยายามกดลูกตาตัวเอง อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายที่อยู่ด้านหลังลานป่าไผ่

แต่ว่าที่ตรงนั้นมันมืดมาก มืดจนไม่สามารถที่จะมองเห็นมัน!

ตามมาด้วย เสียงของเฉินเต้าหลินค่อยๆดังขึ้นมา

“น้าสาม เขาทำอะไรผิดเหรอ?”

ประโยคที่ถามกลับ ทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตัวแข็งทื่อไปเลย เฉินเต้าหลินก็ได้พูดต่อ “เขาไม่ใช่ลูกสวะ แต่เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมเฉินเต้าหลิน!”

โครม!

เฉินตงเหมือนโดนฟ้าผ่า ร่างกายกระตุกอย่างแรง

“เลือดเนื้อเชื้อไข” สี่คำนี้ เหมือนกับค้อนที่หนัก ได้ทุบลงบนหัวใจของเขา

เสียงของเฉินเต้าหลินยังไม่หยุด ยังคงพูดต่อ จังหวะจะโคนน้ำเสียงที่ชัดเจน

เฉกเช่นเดียวกับเฉินตงเมื่อกี้ น่าเกรงขาม องอาจไม่มีใครเหมือน!

“เขาไม่ใช่ดื้อรั้นทะนงตน ไม่ว่าใครที่ถูกกดไว้บนเขียง ก็ต้องสู้สุดชีวิต ไม่ว่าใครที่ทำให้แม่เขาอับอาย เขาก็ต้องเอาคืน เลือดเนื้อของเขา ไม่เสียทีที่เป็นลูกของผมเฉินเต้าหลิน!

“ในเมื่อเขาเป็นลูกของผม เหตุใดถึงจะไม่มีสิทธิ์ที่จะแข่งขันกับผู้เก่งกาจคนอื่นของตระกูลเฉินเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด? เฉินเทียนหย่างผู้ที่เก่งกาจ วันนี้ยังรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาอยู่ที่บ้าน เฉินเทียนเซิงหากไม่ถูกจำกัดโดยกฎของบ้าน วันนี้ก็ได้ฝังไปแล้ว คุณว่าลูกผมเทียบไม่ได้กับผู้เก่งกาจเหล่านั้น?”

“น้าสาม ผมถึงจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ในตระกูลเฉิน ผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์พูดสิทธิ์การตัดสินใจ!”

บทที่ 121 คุกเข่า!

น้ำเสียงที่เย็นเฉียบ ดังสะท้อนในห้องโถง

พริบตาเดียวทำให้อากาศในห้องเหมือนจะยึดเกาะติดกัน

วัยกลางคนที่มีจอนสีขาวม่านตาหด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ท่านหลงกับคุนหลุนก็ตกใจกลัวจนหน้าซีด

ท่านหลงรีบพูดกับเฉินตง: “คุณชาย ห้ามเสียมารยาท!”

พูดจบ เขาก็รีบพูดกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน: “คุณหญิงใหญ่ กระผมขอโทษท่านแทนคุณชาย ท่านโปรดอภัยด้วย”

“เห่อ!”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาไปหนึ่งที มองก็ไม่มองท่านหลงที่อยู่บนพื้น แต่กลับจ้องตากับเฉินตง ค่อยๆหรี่ตาลง

มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าของเฉินตงนอกจากความเย็นชา ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นๆเลย

สำหรับการจ้องตากับคุณหญิงใหญ่ ก็ยิ่งไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

ตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องโถง ก็ได้ยินบทสวดที่คุณหญิงใหญ่กำลังสวดนั้นเป็นบทสวดมนต์ดั้งเดิมที่สวดให้กับคนตาย 《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》

แต่เขาที่โอ้อวดว่าเป็นคนที่มีความผิด มาเพื่อขอความเมตตา เพื่อให้คุณหญิงใหญ่ยอมถอยหนึ่งก้าว ดังนั้นจึงทนระงับความโกรธเอาไว้

แต่ว่าคุณหญิงใหญ่กลับสวดมนต์ตลอดเวลา ให้เขายืนเจ็บอยู่ตรงนี้ หากไม่ใช่เพราะท่านหลงมาขัด ไม่แน่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอาจจะสวดหนึ่งร้อยจบจริงๆก็ได้《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》

ระยะเวลาในการสวดหนึ่งร้อยจบ เพียงพอที่จะให้เขาเสียเลือดมากจนอาจถึงขึ้นเสียชีวิต

เขานั้นมาขอความเมตตาจริง

แต่เขาไม่ใช่คนที่จะมารักแกได้ง่ายๆ และไม่ใช่ว่าไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อน

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังสวดบทคนตายให้กับเขา เขาจะอดทนทำไม?

ท่านหลงร้อนรนเหมือนกับมดที่อยู่บนเตา มองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ตาก็แดงหมดแล้ว

ตอนที่เข้ามาในบ้าน ทำไมเขาจะฟังไม่ออกละว่าคุณหญิงใหญ่สวดบทสวดให้คนตาย?

แต่เขาไม่กล้าห้าม!

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นอาการของเฉินตงยิ่งอยู่ยิ่งแย่ คนที่เป็นคนรับใช้อย่างเขา จะกล้าพูดได้อย่างไร?

แต่คิดไม่ถึง เฉินตงนั้นก็ฟันออกว่ามันคือบทสวดที่สวดให้คนตาย อีกอย่างยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เปิดเผยโดยตรง

แบบนี้ถือเป็นการลบหลู่อย่างมาก!

เวลานี้ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินค่อยๆลุกขึ้น เดินไปด้านหน้าคอมพิวเตอร์ ปิดบทสวดมนต์ ก็หยุดทันที

ในห้องโถง เงียบเหมือนป่าช้า

ไม่ว่าจะเป็นท่านหลงหรือคุนหลุน หรือชายวัยกลางคนมีจอนผมสีขาว ต่างก็มองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอย่างอกสั่นขวัญแขวน ถึงขึ้นเกือบจะหยุดหายใจ

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา: “ดีมาก ดีมาก ไม่เสียทีที่เป็นลูกของเต้าหลิน คาดเดาได้ยาก มีความกล้า ฉันมันคนแก่ที่ใช้การไม่ได้แล้ว ถึงได้ถูกแกเถียง”

แม้ว่าจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ทุกคนก็สามารถรับรู้ได้ว่าคำพูดที่ออกมานั้นเชือดเฉือนมากแค่ไหน

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ทันใดนั้นคุณหญิงใหญ่ก็หันมา สายตาเปล่งแสงออกมา จ้องบีบบังคับเฉินตงโดยตรง

“ในเมื่อแกยังรู้จักแทงตัวเองให้บาดเจ็บ เพื่อมาขอให้ฉันถอยหนึ่งก้าว งั้นฉัน ทำไมจะไม่สามารถสวดบทสวดคนตายให้แก?”

รูม่านตาของเฉินตงหดลง

เวลานี้ การเผชิญหน้ากับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เขารู้สึกว่าเหมือนถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง

เป็นเพราะเดาได้ว่าผมจะเปิดบาดแผล ดึงนั้นจึงจงใจสวดบทสวดสำหรับคนตาย?

ปีศาจจิ้งจอกชัดๆ!

“คุกเข่าลง!”

ทันใดนั้นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยอำนาจ

เฉินตงขมวดคิ้ว ลังเลไม่แน่ใจ

สายตานั้นสับสนอย่างมาก มือขวาอดไม่ได้ที่จะกดแผลให้แน่น โกรธจนอยากที่จะสอดนิ้วเข้าไปในแผล

เข่าของลูกผู้ชายนั้นเหมือนมีทองคำ มีไว้คุกเข่าให้ฟ้าให้พ่อแม่เท่านั้น

หากเขาคุกเข่า ก็จะกลายเป็นคนที่ก้มหัวให้กำกับอำนาจของตระกูลเฉิน ไปโดยสิ้นเชิง!

และคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้น มาเพื่อถามหาความผิดกับเขา!

“คุณชาย……รีบคุกเข่าลง”

ท่านที่หลงตาแดง กล่าวกับเฉินตงด้วยน้ำเสียงที่สั่งเครือ

ต่อให้ท่านหลงที่ปกตินั้นเป็นคนที่สงบเยือนเย็น เวลานี้ก็ไม่สามารถปกปิดสีหน้าที่หวาดกลัวไว้ได้

อยู่ในตระกูลเฉิน ฐานะคุณหญิงใหญ่สูงที่สุด

เวลานี้คุณท่านไม่อยู่ หากทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ ต่อให้คุณท่านมา ก็จะไม่สามารถที่จะพลิกมันกลับมาได้อีก

เมื่อถึงเวลานั้น หากเฉินตงถูกคัดออกจากสิทธิ์ของผู้สืบทอด ทั้งหมดก็จะสูญเปล่า!

“คุณชาย……….”

คุนหลุนอยากจะพูดแต่แล้วก็ไม่พูด ทำตากะพริบๆ

“ฮู้……….”

เฉินตงถอนหายใจอย่างแรง บนใบหน้าที่เยือกเย็นก็ได้ปรากฏขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ได้ ผมจะคุกเข่า!”

ตามมาด้วย เขาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่แสนสาหัสจากแผลฉีกขาดที่หน้าท้อง

เวลานี้ ราวกับว่าเวลามันได้หมุนช้าลง

ใบหน้าที่ซีดซิวเซียวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตา กลับเปล่งประกายเจิดจ้า

สองมือของเขา กำแน่นโดยไม่รู้ตัว จนเห็นเส้นเอ็นได้อย่างชัดเจน

ถึงขั้น กัดฟันแน่น จนเกิดเสียง

นี่คือการเหยียบหยาม!

เพราะการเกิดของเขาเทียบกับเฉินเทียนเซิงไม่ได้จึงได้นำมาซึ่งความอัปยศนี้

ต่อให้เขาไม่ยินยอมจะก้มหัวคุกเข่า แต่ไม่คุกเข่าก็ไม่ได้

คุกเข่าแล้ว ยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้ชนะ

หากไม่คุกเข่า สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความพ่ายแพ้ หรืออาจจะแย่กว่านั้น

พรึบ!

เข่าได้กระทบกับพื้น ทำให้หัวใจของเฉินตงสั่นสะเทือนไปหนึ่งที

เวลานี้ เฉินตงรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ

“ฉันนึกว่าแกเป็นคนกระดูกแข็ง เป็นคนที่มีความทระนง ที่แท้เข่าของแก็สามารถงอได้ด้วย?

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่มองลงมาจากข้างบน มองเฉินตงโดยรอบ สายตาที่เต็มเป็นไปด้วยความดูถูก “ทำร้ายหลานรักของฉัน แกควรจะถูกลงโทษยังไง?”

ท่านหลงร้อนรน “คุณหญิงใหญ่ เรื่องนี้ได้ตัดสินกันไปที่บ้านแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ฮึ่ม!”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยกมือขึ้นห้าม ใบหน้าที่วางอำนาจ “รังแกหลานรักของฉันที่เกิดมาก็เป็นคนดีมีเมตตา แล้วยังอยากทำให้เรื่องวุ่นวายอีก คิดว่าฉันตายแล้วใช่มั้ย? ร่างกายที่แข็งแรงของหลานฉัน กลับถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าแค่แทงตัวเองหนึ่งแผลก็สามารถจบเรื่องนี้ได้?”

คนดี?

มีเมตตา?

เฉินตงหัวเราะอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

ลำเอียงแบบนี้ ยังจะมาถามหาความผิด!

“คุณหญิงใหญ่ คุณชายเฉินตงก็ได้แทงตัวเองไปแล้วหนึ่งแผลแล้ว อาการบาดเจ็บนี้ คุณมองไม่เห็นเลยเหรอ?”

ท่านหลงที่ตาแดง ทวงความเป็นธรรมให้กับเฉินตงด้วยร่างกายที่สั่นเทา

“บังอาจ แค่คนรับใช้ แกมีสิทธิ์พูดเหรอ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคิ้วคว่ำลง ทำตาถลน เหลือบมองเฉินตงแวบหนึ่ง: “มันที่เป็นเพียงลูกสวะ มีสิทธิ์อะไรที่จะมาเรียกร้องความเสมอภาค? ครั้งที่แล้วเป็นเทียนหย่าง ครั้งนี้เป็นเทียนเซิง ไอ้ลูกสวะอย่างแก เก่งเหลือเกิน!”

รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของเฉินตงยิ่งชัดขึ้น

ลูกสวะเหรอ?

ใช่ลูกสวะจริงๆ!

“คุณหญิงใหญ่ คุณชายเฉินตงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณท่าน เขาก็เป็นสายเลือดที่มีสิทธิ์ของตระกูลเฉินเหมือนกัน!” ท่านหลงตอนนี้ลืมห่วงฐานะที่ต่ำต้อยของตัวเองไปแล้ว

คำพูดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน มันไม่ใช่ว่าเข้าข้างใครแล้ว และยิ่งไม่ใช่คนที่จะมาถามความผิดแล้ว

แต่อยากจะบีบเฉินตงให้ตายโดยตรง!

ในฐานะที่เป็นคนรับใช้ หากปกป้องเจ้านายไม่ได้ ยังจะเป็นคนรับใช้ได้อย่างไร?

“สถานะของตระกูลเฉินคืออะไร? เขาคืออะไร?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจ้องมองท่านหลง มือเรียวยาวที่เหี่ยวแห้งชี้ไปที่เฉินตง มันก็แค่ลูกสวะที่เกิดกับนางแพศยาคนนั้น จะเป็นสายเลือดที่มีสิทธิ์โดยตรงของกูลเฉินได้อย่างไร?

“แต่………”

ท่านหลงอยากจะโต้แย้ง

คุนหลุนที่คุกเข่าอยู่ก็โกรธอย่างมาก ก็อยากที่จะโต้แย้ง

ในห้องโถง บรรยากาศตึงเครียดมา

แรงอาฆาตที่ดุเดือด

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวกลับขมวดคิ้วอย่างแน่น มองเฉินตงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

“พูดได้ดี!”

เฉินตงตะโกนพูด

พริบตาเดียว คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็อึ้งไปเลย ท่านหลงกับคุนหลุนก็อึ้งไปด้วย

จากนั้น ภายใต้สายตาของผู้คน

เฉินตงที่กุมบาดแผลไว้ ค่อยๆลุกขึ้นมา: “คุณพูดถูก กระดูกของลูกสวะ เป็นกระดูกเหล็ก ไม่สามารถที่จะงอได้!”

“แก…….แกคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้นคุณหญิงใหญ่โกรธจนตาจะถลนออกมาแล้ว

อยู่ในตระกูลเฉิน ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เคารพเธอแบบนี้มาก่อน!

อยู่ด้านนอก ยิ่งไม่มีใครกล้าล่วงเกินเธอเลย!

“ในเมื่อไม่ยอมรับผม เห็นผมเป็นลูกสวะ ดูถูกแม่ผมเป็นคนชั้นต่ำ แล้วกู……..ทำไมต้องคุกเข่าให้มึงด้วย?”

เฉินตงที่เต็มไปด้วยไฟโกรธ สายตาคมเหมือนมีด

เวลานี้ มีพลังน่าเกรงขาม

บทที่ 120 ท่องบทสวดมนต์จนพ้นทุกข์

เฉินตงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากบาดแผล

เขาพิงลงบนที่นั่ง แล้วออกแรงสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ยังคงรู้สึกเจ็บปวดจนยากจะต้านทานไหว

เสียงของเขาสั่นเครือ เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ในเมื่อเธอต้องการที่จะมากล่าวตำหนิในความผิด ถ้าหากฉันไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอโดยไม่เป็นอะไรเลย เช่นนั้นโทษจะไม่หนักหรอกหรือ ?”

ท่านหลงอึ้งไป

รู้สึกมีความหดหู่จุกอยู่ในอกอย่างรุนแรง

การทำแบบนี่ที่เฉินตงทำ ในสายตาของเขา ถือเป็นสิ่งที่จำต้องทำโดยไม่มีทางเลือก จึงได้เจตนาที่จะใช้อาการบาดเจ็บนี้แสดงออกให้คุณหญิงใหญ่ได้เห็น

หากคนที่ได้รับบาดเจ็บคือเฉินเทียนเซิง คงไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้

ในตระกูลเฉิน เฉินเทียนเซิงถือเป็นหลานชายคนโปรดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน หากได้รับบาดเจ็บ ก็ทำแค่เพียงคุกเข่าร้องครวญครางต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็พอแล้ว เพียงเท่านี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็จะถามหาความยุติธรรมกลับมาให้แก่เขาให้ได้อย่างแน่นอน

ส่วนเฉินตงนั้น กลับต้องใช้วิธีทำให้บาดแผลที่กำลังจะสมานจนหายดี กลับมาปริออกอีกครั้ง เพียงเพื่อร้องขอความเมตตาให้คุณหญิงใหญ่ยอมถอยให้หนึ่งก้าวเท่านั้น !

เป็นคนของตระกูลเฉินเหมือนกัน แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

“ไม่เป็นไร ท่านหลง”

เฉินตงยิ้มแล้วพูดปลอบใจท่านหลง แล้วหันไปพูดกับคุนหลุนที่ขับรถอยู่ว่า : “ไม่ต้องดูแล้ว รีบเข้าไปเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวเลือดจะแห้งเสียก่อน”

คุนหลุนยืนยิ้มออกมา แล้วขับรถโรลส์-รอยซ์ไปต่อ มีเพียงแค่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่ยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่และจนใจ

เพียงแค่คำว่าชาติกำเนิด ก็สามารถทำให้คนไม่เท่าเทียมกันได้

ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิด คลับสี่ยิ่นหลบซ่อนอยู่กลางป่าที่อยู่มุมภูเขา เป็นสถานที่ที่ราวกับฝังเอาไว้อยู่ตรงมุมของภูเขา

ในฐานะที่เป็นคลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองนี้ แม้แต่คนที่มีอำนาจอย่างโจวเย่นชิวหรือโจวจุนหลงเอง ยังต้องทำเรื่องขอถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปได้ ดังนั้นเศรษฐีที่อยู่ในระดับธรรมดานั้นยิ่งยากที่จะได้เข้าไป

นี่ทำให้ความลึกลับและชื่อเสียงของคลับสี่ยิ่นไม้เป็นที่ปรากฏมากนัก

ถึงขนาดที่เฉินตงเองก็ยังไม่รู้

ประตูบานใหญ่ที่โออ่า ตกแต่งด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณ กำแพงสูงและลานขนาดใหญ่ โอบล้อมคลับไว้อย่างแน่นหนา

หน้าประตูใหญ่ มีแผ่นป้ายเขียนว่า “คลับสี่ยิ่น” แขวนเอาไว้อยู่ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษสองดวงถูกแขวนอยู่สูงลิ่ว ส่องแสงว่างสีแดงออกมา

ทำให้บรรยากาศยิ่งดูเคร่งขรึมและลึกลับ

ส่วนด้านนอกคลับ ก็มีแสงไฟกระพริบเป็นระยะๆ มีหน่วยลาดตระเวนของคลับคอยขับรถลาดตระเวนไปมา

เฉินตงมองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

ไม่ช้า รถโรลส์-รอยซ์ก็เคลื่อนมาจากตรงหน้าประตูใหญ่ของคลับ

“ขอดูบัตรผ่านด้วยครับ”

“บัตรผ่าน ?” คุนหลุนขมวดคิ้ว

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “คลับสี่ยิ่น ไม่ต้อนรับแขกที่ไม่มีบัตรขออนุญาตครับ”

ท่านหลงยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่อยู่ในคลับ ให้มาเข้าพบเป็นกรณีพิเศษ”

พูดพลางก็หันไปแนะนำให้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังรู้จัก : “ท่านนี้คือคุณชายของตระกูลเฉิน”

ได้ยินดังนั้น

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที แม้กระทั่งท่าทางการยืนก็ดูไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมื่อครู่

“ขออภัยด้วยครับ ผมจะรีบไปตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้”

ท่านหลงสีหน้าเคร่งขรึม : “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณชายของตระกูลเฉินจะเข้าไปในคลับเล็กๆ เช่นนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบอีก ?”

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังรู้สึกลังเล

ต่อให้เป็นโจวเย่นชิวมาอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็สามารถเอ่ยปากถามถึงบัตรอนุญาตได้อย่างไม่ต้องเกรงใจ

แต่เขาก็เคยเห็นท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนของเจ้าของคลับที่แสดงออกต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินด้วยตาของเขาเองแล้ว

“เชิญด้านในครับ” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังหลีกทางให้

รถโรลส์-รอยซ์ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในคลับ ส่วนชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังก็รีบขึ้นไปนั่งบนรถลาดตระเวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงขับนำทางไป

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างแปลกใจ ขอเพียงแค่มีความสามารถมากพอ กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นเพียงแค่ของปลอมเท่านั้น

ภายในคลับกว้างใหญ่มาก มีศาลาและมีธารน้ำไหล

รถโรลส์- รอยซ์ขับตามรถลาดตระเวนมาทางด้านหลัง ค่อยๆ ขับเข้าไปในที่ที่อยู่ไกลออกไป

บริเวณโดยรอบไม่มีสายน้ำไหล ไม่มีศาลา มีเพียงแค่ป่าไผ่เขียวชอุ่มและธารน้ำวนที่เงียบสงบ

“ทั้งสามท่าน เชิญลงมาจากรถแล้วเดินไปด้านหน้าครับ ฮูหยินใหญ่ตระกูลเฉินนั่งรออยู่ที่ศาลาในป่าไผ่ครับ” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังพูดขึ้นหลังลงจากรถ

เฉินตงเอามือกุมบาดแผลเอาไว้แล้วลงจากรถ โดยมีท่านหลงและคุนหลุนคอยประคองอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในป่าไผ่

ทุกย่างก้าวที่เดินไป ก็จะเกิดความเจ็บปวดอย่างมาขึ้นที่บริเวณบาดแผล นี่ทำให้ท่าทางของเฉินตงดูทุกข์ทรมานอย่างมาก

เดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็ปรากฏตึกหลังเล็กๆ อยู่ห่างออกไปจากสายตาไม่ไกลนัก

เป็นตึกที่ดูเรียบง่าย ไม่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของคลับสี่ยิ่นเอาเสียเลย

“คุณหญิงใหญ่ คุณชายเฉินตงมาขอพบครับ”

ท่านหลงเดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตะโกนโดยใช้เสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย

“เข้ามาสิ”

มีสียงหนึ่งดังออกมาจากภายในตึก

เฉินตงเดินเข้าไปในตึดอย่างทุกข์ทรมาน โดยมีท่านหลงและคุนหลุนคอยประคองอยู่

ท่านหลงเดินไปพลาง บ่นพึมพำเบาๆ ไปพลางว่า : “คุณชาย อดทนเอาไว้นะครับ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างหดหู่

ดวงตาเปล่งประกายออกมา ส่วนมือขวาก็ไม่ลืมที่จะกุมบาดแผลที่ท้อเอาไว้แน่น

ถ้าหากเข้าไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้แล้วล่ะก็ เขาจะยอมทำให้บาดแผลที่กำลังจะหายดีปริออกด้วยมือของตนเองหรือ ?

เขาก้าวเดินออกมาจากที่มืดมิด จึงรู้ดีว่า บางครั้ง การยอมก้มหัวในเวลาที่เหมาะสม ก็เพื่อที่จะให้ตนเองขึ้นไปได้สูงยิ่งขึ้นในอนาคต

แอ๊ด……

ประตูของตึกเล็กถูกเปิดออก

ชายในชุดสูททั้งสามคนที่ไปเชิญตัวเฉินตงมาเข้าพบในช่วงเที่ยง ต่างอยู่ในตึกทั้งหมด

คนที่เป็นหัวหน้า ทำท่าทีเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน : “คุณหญิงใหญ่อยู่ในห้องพระครับ”

ภายในห้องพระเปิดไฟสว่างไสว

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของธูปลอยมา

พร้อมกับเสียงสวดมนต์

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั่งปิดตาอยู่บนอาสนะหลัก มือขวาค่อยๆ นับลูกประคำพร้อมกับส่งเสียงสวดมนต์ออกมา

ส่วนข้างๆ มีชายวัยกลางขนที่จอนผมทั้งสองข้างเป็นสีขาวกำลังนั่งตัวตรงอยู่ เพื่อคอยคุ้มกันอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นเฉินตงเข้ามาในห้อง ชายวัยกลางคนก็กระซิบเบาๆ ว่า : “คุณหญิงใหญ่ เฉินตงมาแล้วครับ”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น ยังคงนับลูกประคำพร้อมกับสวดมนต์ต่อไป

ชายวัยกลางคนเข้าใจในทันทีว่า จึงหันไปส่งสัญญาณให้พวกของเฉินตงทั้งสามคนรอก่อน

เฉินตงกุมบาดแผลเอาไว้ แล้วหันไปพยักหน้ากับชายวัยกลางคน

ชายผู้นี่ เป็นคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำให้เขาต้องรู้สึกลำบากใจ เขาเองก็ไม่โง่พอที่จะหักหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน

เพียงแต่ว่าเมื่อมองไปที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่กำลังนั่งสวดมนต์อยู่ แววตาของเฉินตงกลับปรากฏความเย็นชาขึ้น และแสยะยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แววตาของท่านหลงเองก็มีความรู้สึกประหลาดใจปรากฏขึ้น

เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป

เสียงสวดมนต์ดังก้องกังวานอยู่ภายในห้องพระ

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสวด

แต่บาดแผลของเฉินตงนั้น กลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสดเป็นวงกว้าง ถึงกระทั่งว่ามีเลือดไหลออกมาระหว่างร่องนิ้วแล้วหยดลงบนพื้น

ใบหน้าของเขาซีดลง และร่างกายค่อยๆ อ่อนแรง

คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น สภาพของเฉินตงตอนนี้ คุนหลุนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ค่อยดี

คุนหลุนอดไม่ได้ที่จะหันส่งสัญญาณกับท่านหลง

ท่านหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองเฉินตงที่มีสภาพอ่อนแอ จากนั้นจึงตัดสินใจออกมาอย่างแน่วแน่

“คุณหญิงใหญ่ครับ คุณชายเฉินตงมาขอพบท่านครับ……”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนน้อมถ่อมตน

หลังจากพูดจบ

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่กำลังปิดตาสวดมนต์อยู่ ก็หยุดลงทันที จากนั้นจึงขมวดคิ้วแน่นแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ในแววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโมโห

“บทสวดมนต์บทนี้ ยิ่งสวดยิ่งยากจริงๆ แกเป็นเพียงแค่คนรับใช้ กล้าพูดแทรกระหว่างที่ฉันสวมมนต์อย่างนั้นหรือ ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตบลูกประคำลงบนโต๊ะ แล้วขมวดคิ้วด้วยความโมโห : “แกรู้ไหมว่าทุกวันฉันจะต้องสวดมนต์หนึ่งร้อยจบเพื่อขอพรให้ตระกูลเฉิน แล้วแกกล้าดียังไงมาขวางฉัน ?”

ท่านหลงหน้าถอดสีทันที แล้วรีบคุกเข่าลงไปบนพื้น

“ขอให้คุณหญิงใหญ่ได้โปรดอภัยด้วย อันที่จริงแล้วเป็นเพราะกระผมเห็นอาการบาดเจ็บของคุณชายเฉินตงนั้นสาหัสนัก ถ้าหากให้รอต่อไป เกรงว่าจะสูญเสียเลือดมากเกินไป จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ”

“หึ !”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลิกคิ้ว กำลังจะอ้าปากพูด

จู่ ๆเฉินตงก็หัวเราะพรวดออกมา

เสียงหัวเราะนี้ เป็นการตัดบทคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน

จากนั้นเฉินตงก็ก้มหน้าลงมองท่านหลงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยความกลัว

“ฉันเสียเลือดมากเกินไปจนต้องตายแล้วจะเป็นอะไรไป ?”

ขณะที่กำลังพูด ใบหน้าของเฉินตงค่อยๆ ปกคลุมไปด้วยความเย็นชา และขุ่นเคืองใจ แววตาจ้องเขม็งไปที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ไม่ใช่ว่าคุณย่ากำลังสวดมนต์บท 《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》 หรอกหรือ ? ถ้าหากผมตายที่นี่ ก็คงจะส่งผมไปสู่สุคติพอดี”

บทที 119 ประณามความผิดของอีกฝ่าย

แสงอาทิตย์แรกสาดส่องมายังพื้นในช่วงเช้าตรู่

เฉินตงก็ลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่าในห้องพักผู้ป่วยมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน

ท่านหลงเอนกายอย่างเหนื่อยล้าอยู่บนโซฟาในห้องพักผู้ป่วย โดยใช้มือทำเป็นหมอนแล้วหลับตาพักผ่อนอยู่

เฉินตงรู้สึกยินดีขึ้นมาทันที

รีบหันไปส่งสายตาถามกูหลังที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า

“ท่านหลง คุณเฉินตื่นแล้ว”

กูหลังกลับตะโกนเรียกออกมาทันที

เฉินตงขมวดคิ้ว ที่เขาหันไปมองกูหลังเป็นเพราะไม่ต้องการรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านหลง

ท่านหลงปรากฏตัวขึ้นในห้องพักผู้ป่วยแต่เช้าเช่นนี้ แสดงว่าจะต้องรีบเดินทางกลับมาโดยไม่ได้หยุดพักตลอดทั้งคืน

ท่านหลงลืมตาขึ้น เขาหันมองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณชาย ผมเป็นคนสั่งกูหลังเองว่า หากคุณตื่นแล้ว ให้ปลุกผมทันที”

เฉินตงพยักหน้า เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า : “ที่ตระกูลเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ?”

เรื่องของกฎตระกูล แน่นอนว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว

แต่ความวุ่นวายที่จะตามมาหลังจากนี้ ก็คงจะมีไม่น้อยเช่นกัน

ยังไงเสียเฉินเทียนเซิงก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ส่วนตัวเขานั้นเป็นเพียงแค่ “ลูกนอกคอก” ในสายตาของคนตระกูลเฉินเท่านั้น

ถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงอย่างง่ายดายเพียงเพราะการช่วยกันกวนน้ำให้ขุ่นของพ่อกับท่านหลงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเฉินเทียนเซิงก็คงไม่มีค่าพอที่จะอยู่ในฐานะของผู้สืบทอดมรดกหรอก

เมื่อได้ยิน

ท่านหลงก็ยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “ผมรีบเดินทางข้ามวันข้ามคืนกลับมาก็ด้วยสาเหตุนี้ เมื่อคืนคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเดินทางมาที่เมืองนี้”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ?

เฉินตงอึ้งไป ม่านตาของเขาหดลง

หลังจากตื่นตกใจแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินออกโรงเองมาแล้ว ฐานะของเฉินเทียนเซิงในตระกูลเฉินถือว่าไม่ธรรมดาเลย”

ม่านหลงก็รู้สึกจนใจและหดหู่จนหาที่เปรียบไม่ได้

ในตระกูลเฉิน ฐานะของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมีอำนาจเปรียบประดุจดั่งไทเฮาที่คอยชักใยอยู่หลังม่าน

เธอไม่ได้เป็นผู้ควบคุมตระกูลเฉิน แต่ต่อให้เจ้าบ้านเอง ก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้แก่เธออย่างมาก

เพราะเจ้าบ้านเอง มีคำว่ากตัญญูค้ำคออยู่

ท่านหลงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพูดว่า : “ดังนั้นนายท่านจึงสั่งให้ผมเดินทางข้ามวันข้ามคืนกลับมา เพราะเป็นห่วงว่าคุณชายจะไม่สามารถรับมือกับคุณหญิงใหญ่ได้”

“เหอะ !”

เฉินตงหัวเราะเยาะออกมา : “การประณามความผิดของอีกฝ่าย เกรงว่าท่านหลงเองก็อาจจะรับมือไม่ไหวเช่นนี้ ?”ท่านหลงหัวเราะเยาะตัวเอง และไม่ได้โต้แย้งอะไร

เขาเป็นเพียงแค่คนรับใช้ของตระกูลเฉิน คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเดินทางมาเมืองนี้เพื่อประณามความผิดของอีกฝ่าย เขาเองก็ยากที่จะรับมือได้จริงๆ และไม่มีสิทธที่จะรับมือด้วย”

ที่เดินทางข้ามวันข้ามคืนกลับมานั้น ก็เพื่อที่จะมาอยู่เคียงข้างเฉินตง เกรงว่าเฉินตงจะทำเรื่องรุนแรงเกินกว่าเหตุจนทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนยากจะแก้ไข

ท่านหลงพูดว่า : “นายท่าน……อาจจะตามมาด้วย”

คุณพ่อ ? !

เฉินตงผงะไป จู่ๆ ก็มีความคิดซับซ้อนวุ่นวายเกิดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด

จู่ๆ ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด

ทั้งลังเล วิตกกังวล โกรธแค้น……ความรู้สึกทุกอย่างรวมเข้าด้วยกัน

ถ้าหากเขามาจริงๆ ฉัน……ควรจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี ?

ในใจของเฉินตกตอนนี้ ก็รู้สึกวิตกกังวลจนทำอะไรไม่ถูก

“คุณชาย ยังไงเสียก็จะต้องพบกัน”

ท่านหลงมองความคิดของเฉินตงออก จึงยิ้มอย่างอ่อนโยน : “เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ นายท่านเองก็กลัวว่าคุณจะไม่สามารถรับมือกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้”

“เขาจะมาถึงเมื่อไหร่ ?” เฉินตงถาม

“น่าจะเป็นคืนนี้” ท่านหลงตอบ “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตัดสินใจได้เมื่อคืน และออกเดินทางในทันที ตระกูลเฉินใหญ่โตเช่นนั้น เจ้าบ้านจึงจำเป็นจะต้องจัดการเรื่องทุกอย่างภายในบ้านเอาไว้ให้เรียบร้อยทั้งหมดเสียก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถไปไหนตามอำเภอใจได้เหมือนกับคุณหญิงใหญ่”

เฉินตงพยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้ ห้ามให้กระทบกระเทือนไปถึงคุณแม่โดยเด็ดขาด”

ตอนนี้แม่ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลได้สติขึ้นมาแล้ว คุนหลุนอยู่ที่นั่น จึงสามารถมั่นใจได้ว่าตอนนี้แม่จะไม่เป็นอะไร

แต่การกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหลังจากที่เวลาร่วงเลยไปกว่ายี่สิบปีแล้วนั้น สำหรับแม่แล้วเขาไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจกันแน่

“เข้าใจแล้วครับ” ท่านหลงพยักหน้า

หลังจากพูดจบ

ประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก

มีผู้ชายสวมใส่ชุดสูทสีดำสามคนเดินเข้ามา

ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ทำให้กูหลังขมวดคิ้วแน่น และเริ่มระมัดระวังตัวขึ้นมา

คนที่เป็นหัวหน้าพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า : “เฉินตง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเรียกให้คุณไปพบ”

น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชา เป็นการแสดงออกถึงท่าทีว่าอยู่เหนือกว่า

มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? !

เฉินตงและท่านหลงรู้สึกตกใจพร้อมกัน

“เรียกให้ไปพบ ?”

เฉินตงหัวเราะ แววตาที่ลึกซึ้งมองไปที่ชายที่อยู่ในชุดสูททั้งสามคน : “พวกนายคิดว่าอาการบาดเจ็บของฉันในตอนนี้ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างนั้นหรือ ? เธอมาหาฉันเองได้”

ท่านหลงหางตากระตุก คำพูดนี้ของเฉินตงถือเป็นการท้าทายคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอยู่

ที่บอกว่า “เรียกให้ไปพบ” เป็นวิธีที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจะใช้แสดงฐานะและตัวตนของเธอ แม้แต่ในตระกูลเฉิน เจ้าบ้านเองก็ยังต้องถูกเธอเรียกให้ไปพบ !

“เหอะ ! ตราบใดที่ยังไม่ตาย คุณก็จำเป็นต้องไปเข้าพบ” ชายในชุดสูทหัวเราะเยาะออกมา : “แต่ถ้าหากตายแล้วแต่คุณหญิงใหญ่ยังอยากพบอีกล่ะก็ ต่อให้พวกเราจะต้องหามโลงศพของคุณไปเข้าพบก็ต้องทำ”

เฉินตงหรี่ตาทั้งสองข้างลง รู้สึกเกิดความมืดหม่นขึ้นในจิตใจ

ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ท่านหลงกลับชิงยกมือขึ้นคารวะเสียก่อน จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “เวลาสองทุ่ม ผมจะเป็นคนพาคุณชายไปเข้าพบคุณหญิงใหญ่เอง”

“คลับสี่ยิ่นนอกเมือง”

ชายในชุดสูททิ้งที่อยู่เอาไว้ให้ จากนั้นจึงพาคนกลับไป

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่พูดอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้เลยสักคำ

ท่าทีสูงส่งและหยิ่งผยอง ไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น

แม้แต่กับท่านหลงก็ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

“ท่านหลง นายนี่เป็นคนรับใช้ที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่เลยนะ แม้แต่เด็กหนุ่มสามคนยังไม่ไว้หน้านายเลย” เฉินตงพูดติดตลก

เขาไม่เคยคิดที่จะหลีกหนีมาก่อน ในเมื่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเองก็มาถึงเมืองนี้แล้ว ต่อให้คิดจะหลบก็คงหลบไม่พ้น

ปฏิกิริยาเมื่อครู่ เป็นเพราะท่าทีของชายในชุดสูททั้งสามคน ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

ท่านหลงลูบคางอย่างจนใจ : “พวกเขาเป็นคนรับใช้คนสนิทของคุณหญิงใหญ่ อยู่ในตระกูลเฉินก็มีหน้าที่รับใช้คุณหญิงใหญ่โดยเฉพาะ ผมเป็นคนรับใช้คนสนิทของนายท่าน แน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าผม โครงสร้างภายในตระกูลเฉินนั้นสลับซับซ้อนจนยากเกินจะเข้าใจ”

ตอนนี้เอง แววตาของกูหลังซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็เป็นประกายขึ้นมาทันใด

“คุณเฉิน คลับสี่ยิ่นนี่……”

เฉินตงเลิกคิ้ว แล้วหันมองกูหลังด้วยความสงสัย

“นายจะบอกว่าคลับสี่ยิ่นนี้คือคลับส่วนตัวที่ผู้ชายที่มีอำนาจที่สุดในเมืองนี้คนนั้นเป็นคนเปิดใช่ไหม ?” ท่านหลงพูดพลางยิ้มออกมา

เขาถูกนายท่านส่งมาให้ช่วยสนับสนุนคุณชาย ตอนที่มาถึงนี่นี่ เขาก็ทำความเข้าใจกับสภาพต่างๆ และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นอย่างชัดเจนในทันที”

หากอาศัยเครือข่ายที่ตระกูลเฉินมี เพื่อทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเลยสักนิด !

“ถูกต้อง !”

กูหลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ตอนแรกที่ผมยังอยู่ในโรงยิมมวยใต้ดิน เคยบังเอิญได้ยินเจ้าของโรงยิมมวยพูดว่า คลับสี่ยิ่นถือเป็นสุดยอดของคลับที่อยู่ในเมืองนี้ เกรงว่ามีเพียงแค่คนที่มีอำนาจอย่างโจวเย่นชิว โจวจุนหลงเท่านั้น ที่จะมีสิทธทำเรื่องขอเข้าไปข้างในได้”

“แม้แต่พวกของโจวเย่นชิวยังต้องทำเรื่องขอเข้าไปข้างในเลยหรือ ?”

เฉินตงหัวเราะออกมาอย่างประหลาดใจ โจวเย่นชิว โจวจุนหลงถือว่ายิ่งใหญ่ค้ำฟ้าในเมืองนี้ แต่ภายใต้คำว่า “ใหญ่ค้ำฟ้า” นั้น ก็ยังต้องผ่านขั้นตอนการทำเรื่องขอด้วยหรือ?

แต่ทว่า ไม่ช้า สีหน้าของเฉินตงก็เคร่งขรึมขึ้นทันที ในแววตามีความคิดที่เป็นปรปักษ์ปรากฏขึ้น

“ถ้าหากอยู่ในนั้น การประณามความผิดของฝ่ายตรงข้าม ก็คงจะทำได้ยากแล้ว”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ”

ท่านหลงพยักหน้า ใบหน้าปรากฏความรู้สึกที่ซับซ้อน : “ถ้าหากคนผู้นั้นมีอคติต่อคุณชายเพราะคุณหญิงใหญ่แล้วล่ะก็ ต่อไปธุรกิจของไท่ติ่งก็จะเจริญเติบโตในเมืองนี้ได้ยาก

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น แล้วพูดอย่างมีนัยว่า : “ถ้าหากโจวเย่นชิวเป็นคนรับหน้าที่นี้ ก็คงจะจัดการได้ง่ายกว่า”

ถ้าหากเป็นโจวเย่นชิว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวเลยสักนิด เพียงแค่ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีรับมือกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็พอแล้ว

แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่มังกรผู้ยิ่งใหญ่มาเท่านั้น แต่ยังมีไส้เดือนคอยสนับสนุนอยู่ด้วย หากเฉินตงถูกกดดันจากทั้งสองฝ่ายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ คงทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย

“ผมจะไปติดต่อนายท่าน” ท่านหลงรีบเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

……

เวลาหนึ่งทุ่ม

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง

เฉินตงและท่านหลงขึ้นรถโรลส์-รอยซ์พร้อมกัน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังคลับสี่ยิ่นที่อยู่นอกเมือง

คุนหลุนรับหน้าที่ขับรถ ส่วนกูหลังไม่ได้ตามมาด้วย

ฐานะของกูหลังไม่เหมาะที่จะพามาด้วย อีกทั้งจุดหมายที่มาในคืนนี้ก็เพื่อที่จะให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตำหนิความผิด หากมีคนเยอะเกินไปคงไม่ใช่เรื่องดีนัก

ระหว่างทาง บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความกดดัน

สีหน้าของเฉินตงและท่านหลงเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ในมือของท่านหลงถือโทรศัพท์เอาไว้ แล้วคอยก้มหน้าลงไปมองเป็นระยะๆ

ทันใดนั้น คุนหลุนที่กำลังขับรถอยู่ก็ส่งเสียงออกมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด

“คุณชาย ท่านหลง ใกล้จะถึงคลับสี่ยิ่นแล้วครับ”

“ดี”

เฉินตงขานรับ จากนั้นจึงนั่งตัวตรง แล้วจู่ๆ ก็ยกหมัดขวาขึ้นมา

ตุบ !

เขาออกแรงต่อยไปที่บาดแผลที่ถูกพันเอาไว้อยู่

ใบหน้าของเฉินตงบิดเบี้ยว และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ผ้าพันแผลที่พันปิดบาดแผลเอาไว้อาบไปด้วยเลือดสีแดงสด

“คุณชาย นี่คุณทำอะไรของคุณ ?”

ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้ท่านหลงตกใจจนหน้าซีด

บทที่ 118 ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงโจวเย่นชิว !

ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

เสียงของเครื่องบินรบดังกระหึ่มไปทั่ว

ลมพัดแรงเหมือนกับมือใหญ่ที่มองเห็น

เครื่องบินที่ใช้สำหรับออกรบ บัดนี้กลับทำหน้าที่เป็นเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน

ภาพที่ปรากฏอยู่นี้ จะบอกว่าไม่น่าตื่นเต้นก็คงไม่ได้

ถ้าอิงตามประสบการณ์ที่โจวเย่นชิวมี เวลาเช่นนี้ก็คงยากที่จะระงับความรู้สึกได้

อีกทั้งคนทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงผู้โดยสาร ต่างก็ถูกดึงดูดความสนใจด้วยภาพที่ปรากฏอยู่นี้

ภายในโถงผู้โดยสาร เต็มไปด้วยความโกลาหล

ทุกคนต่างตื่นตกใจ

ฟิ้ว……

พลังเสียงมหึมาดังก้องตามหลังเครื่องบินรบ

เครื่องบินส่วนตัวค่อยๆ บินลดระดับลงมาที่รันเวย์ แล้วเริ่มเบรก

หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวจอดสนิทแล้ว บนท้องฟ้าก็ปรากฏเสียงดังมหึมาของเครื่องบินรบทั้งสิบลำโดยพร้อมเพรียงกัน

ราวกับเสียงฟ้าผ่า

เป็นเสียงที่มีพลังอย่างมาก

จากนั้นเครื่องบินรบทั้งสิบลำก็จัดขบวนเป็นครึ่งวงกลมแล้วเลี้ยวหัวกลับฐานทัพ หายไปท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ต่อให้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถทิ้งภาพความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือนให้กับทุกคนที่พบเห็นได้

“คุณท่าน……ผู้หวังดีในโถงมีโดยสารนั้นมีไม่น้อย” พ่อบ้านกระซิบบอก

โจวเย่นชิวได้สติกลับมา เขายิ้มเล็กน้อย : “มังกรที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงอย่างเช่นตระกูลเฉิน มีเครื่องบินขับไล่สิบลำบินมาส่งนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แล้วทำไมจะต้องไปดูหมิ่นเรื่องที่ดีเช่นนี้ด้วย ?”

พูดจบ เขารีบพาคนเดินไปที่เครื่องบินส่วนตัวอย่างรวดเร็ว

แววตาของโจวเย่นชิวค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น มีความคิดเกิดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาเข้าใกล้เครื่องบินส่วนตัว สีหน้าของเขาก็ยิ่งแดงก่ำ หัวใจยิ่งเต้นเร็วขึ้น ราวกับว่ากำลังจะหลุดออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น

อาวุธในการรบถูกนำมาใช้บินคุ้มกัน เช่นนี้ก็พอจะบ่งบอกได้ถึงฐานะของคนที่อยู่ในเครื่องบินส่วนตัวได้อย่างชัดเจนแล้ว

หากอาศัยความเข้าใจที่เขามีต่อตระกูลเฉิน คนที่จะสามารถปรากฏตัวขึ้นมาราวกับพระราชานั้น ในตระกูลเฉินมีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น !

คนหนึ่งคือเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ส่วนอีกคนหนึ่งคือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในสายตาของโจวเย่นชิว ล้วนแล้วแต่เป็นมังกรที่ผงาดง้ำค้ำฟ้าทั้งสิ้น

ส่วนตัวเขาเป็นแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น การที่มีโอกาสได้ต้อนรับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถือเป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว เป็นความโชคดีเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง !

ในฐานะที่เป็นผู้นำของห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ โจวเย่นชิวที่ปกติแล้วสามารถนั่งดูพายุที่โหมกระหน่ำได้อย่างสงบนิ่ง มาบัดนี้ ขณะที่เดินเข้าไปยังเครื่องบินส่วนตัว กลับมีความประหม่าเกิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สนามบินนอกเมืองดูเหมือนจะถูกตรึงอาไว้แล้ว

เครื่องบินส่วนตัวที่เคลื่อนลงมาจอด ดูราวกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่มหึมาที่ยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้า

ขณะที่โจวเย่นชิวรีบพาคนไปยังเครื่องบินส่วนตัวนั้น ประตูเครื่องก็เปิดออกพอดี

“ยินดีต้อนรับครับ !”

โจวเย่นชิวนำคนอีกสิบกว่าคนโค้งคำนับแล้วตะโกนออกมา

ดังราวกับเสียงคลื่น

“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงของหญิงชราดังขึ้น

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

มีความชัดเจนปรากฏขึ้นในใจของโจวเย่นชิว เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง

สิ่งที่เขาเห็นคือ หญิงชราที่มีผมขาวเป็นประกายสีเงิน ในมือถือไม้เท้าเอาไว้ มีคนคอยประคองค่อยๆ เดินลงมาจากบันไดเครื่องบิน

สวมใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงเข้ม เผยให้เห็นความสดใสของหญิงชราได้อย่างเมตตา

ใบหน้าที่ดูสดใสเปล่งปลั่ง ดวงตาเปล่งประกายประดุจดวงดาว ผมขาวเป็นประกายสีเงินที่ถูกจัดแต่งทรงอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผู้ที่พบเห็นยากที่จะคาดเดาอายุที่แท้จริงของหญิงชราได้ และทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความเปล่งประกายของชนชั้นสูง

ถ้าหากไม่ได้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง ที่สามารถมองข้ามทุกคนไปได้ ก็คงไม่อาจสร้างความรู้สึกเช่นนี้ให้ปรากฏออกมา

“กระผมโจวเย่นชิว รับหน้าที่มาคอยต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโดยเฉพาะครับ”

โจวเย่นชิวค่อยๆ โค้งคำนับ แล้วรีบเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า ตากนั้นจึงยกมือขึ้นมาหนึ่งข้าง เตรียมที่จะประคองคุณหญิงใหญ่ลงมาจากเครื่องบิน

“ฉันไม่รู้จักคุณ และไม่อยากจะถามคุณด้วยว่าทำไมคุณถึงรู้ว่าฉันจะมาถึงที่นี่คืนนี้”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดออกมาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่กลับแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามของผู้ที่สูงส่งกว่าออกมา : “แยกย้ายเถอะ”

โจวเย่นชิวนิ่งอึ้งไปทันที

ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ รู้สึกตื่นตระหนกจนทำตัวไม่ถูก

เขาได้รับคำสั่งจากเฉินเทียนเซิงให้มาต้อนรับคุณหญิงใหญ่ แต่กลับไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดภาพเช่นนี้ขึ้น

“ครับ ? !”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลิกคิ้ว แล้วใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือเคาะลงไปที่พื้น

โจวเย่นชิวตกใจจนตัวสั่น รีบพูดอธิบายว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเทียนเซิงของคุณ เทียนเซิงรู้ว่าคุณจะมาเมืองนี้ ก็เลยสั่งให้ผมมาคอยต้อนรับ อาศัยความสามารถของผมที่มีในเมืองนี้ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ครับ”

เวลาคับขันเช่นนี้ โจวเย่นชิวจึงจำเป็นต้องหยิบเอาเฉินเทียนเซิงขึ้นมาอ้าง

การที่ได้พบกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ สำหรับโจวเย่นชิวแล้ว ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

ที่เขาลังเลว่าควรจะเลือกช่วยเหลือเฉินตงดี หรือควรจะช่วยเหลือเฉินเทียนเซิงดี นั่นไม่ใช่เป็นเพราะต้องการแสวงหาโอกาส เพื่อที่จะยกระดับตนเองขึ้นไปหรอกหรือ ?

ถ้าหากตอนนี้ เขาสามารถทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกประทับใจในตัวเขาได้ล่ะก็ ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเขาอย่างมากจนไม่อาจจินตนาการได้เลย

ห้างสรรพสินค้าทั่วทุกสารทิศ จำเป็นจะต้องใช้การตัดใจอย่างเด็ดขาด โจวเย่นชิวจึงไม่ใช่คนที่ทำอะไรเหยาะแหยะ

คำพูดหนึ่งประโยคที่พูดออกมา สามารถบอกคุณหญิงใหญ่ให้รับรู้ได้ถึงมิตรภาพระหว่างเขาและเฉินเทียนเซิง อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่มีในเมืองนี้ได้อีกด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้ติดตามรับใช้คุณหญิงใหญ่ได้

“หลานเทียนเซิง ?”

เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเทียนเซิง ใบหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย ไม่มีท่าทีเย็นชาเช่นเมื่อครู่อีก แต่กลับปรากฏรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นขึ้นมาแทน

ในตระกูลเฉิน ฐานะของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าบ้าน แต่เจ้าบ้านเองยังต้องคำนึงถึงคำพูดและการกระทำของเธอ

ส่วนเฉินเทียนเซิงนั้น ถือเป็นหนึ่งในบรรดาคนรุ่นใหม่ของตระกูลที่ได้รับเอ็นดูที่หาได้ยากยิ่งจากคุณหญิงใหญ่

คนที่ช่างสังเกตอย่างโจวเย่นชิว เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ยังไม่ทันจะรอให้เขาอ้าปากพูด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็โบกมือเสียก่อน : “ช่างเถอะ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทของเทียนเซิง ฉันก็จะไม่ถือสา แต่ทว่าหนุ่มน้อย ความสามารถของเธอนั้นยังไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเท่าไหร่ เธอพาคนของเธอกลับไปเถอะ”

เปรี้ยง !

เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาที่โจวเย่นชิวซึ่งกำลังยินดีปรีดา

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองพ่ายแพ้ในทันที

ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดกับโจวเย่นชิวเช่นนี้ โจวเย่นชิวคงจะหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน

เพราะในเมืองนี้ ความสามารถของโจวเย่นชิวนั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ !

แต่คนที่พูดประโยคนี้ออกมากลับเป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

โจวเย่นชิวรู้ตัวดีว่า ในสายตาของคุณหญิงตระกูลเฉิน เขาอาจจะเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เขาเรียกว่าความสามารถทั้งหมดนั้น อาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลยด้วยซ้ำ

คำพูดนี้ ทำให้เขารู้สึกพูดไม่ออก หมดทางที่จะโต้แย้งได้

ประจวบเหมาะกับเวลานี้

มีเสียงเครื่องยนต์ของรถดังกระหึ่มมาจากที่ไกลๆ

พร้อมด้วยลำแสงสว่างจ้าที่สาดส่องเข้ามากระทบตา

ซึ่งสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้ทันที

โจวเย่นชิวหรี่ตาแล้วหันมองไปทางที่แสงส่องมา

รถฮัมเมอร์คันยาว ที่ชวนให้นึกถึงสัตว์ร้าย กำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางนี้

“หนุ่มน้อย นี่ถือว่าเป็นความสามารถที่เหนือความคาดหมายใช่ไหม”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับโจวเย่นชิว

โจวเย่นชิวขมวดคิ้ว

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นแค่รถฮัมเมอร์คันยาวคันเดียว มาต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เช่นนี้……ไม่ถือเป็นการดูถูกกันเกินไปหน่อยหรือ ?

นี่มันเทียบกับที่เขาเตรียมมาได้ที่ไหนกัน ?

เอี๊ยด !

รถฮัมเมอร์แล่นเข้ามา แล้วจอดลงตรงด้านหน้าของทุกคน

จากนั้น ประตูรถก็เปิดออก ชายวัยกลางคนที่จอนผมทั้งสองข้างเป็นสีขาวเดินลงมาจากรถ

ตูม !

โจวเย่นชิวที่กำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ สมองของเขาก็ว่างเปล่าทันที ลืมตาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เขามีอำนาจค้ำฟ้าในเมืองนี้

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดว่า “เป็นความสามารถที่เหนือความคาดหมาย” จริงๆ แล้วคือเขา……คุณพระช่วย !

“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ขออภัยด้วยที่มาช้า” ชายวัยกลางคนกล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้มพร้อมยกมือขึ้นคารวะ

“เรื่องเล็ก ไปกันเถอะ”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นจึงเดินนำหน้าไปยังรถฮัมเมอร์

ชายวัยกลางคนรีบเดินนำขึ้นไปด้านหน้า แต่เปิดประตูรถให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังยื่นมือไปบังขอบด้านบนของประตูรถเอาไว้ด้วย

ท่าทางของเขานอบน้อมเป็นอย่างมาก

ส่วนโจวเย่นชิวก็ยืนดูนิ่งด้วยความตกตะลึง

แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเขาที่คอยเยินยอชายวัยกลางคนผู้นี้มาโดยตลอด แต่เขากลับไม่เคยเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้เยินยอผู้อื่นเลย !

กว่าที่เขาจะได้สติกลับมา รถฮัมเมอร์ก็แล่นออกไปไกลแล้ว

และตั้งแต่ต้นจนจบ ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับว่าไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้น

รถฮัมเมอร์แล้วไปด้วยความเร็ว โดยไม่ได้สนใจระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

ไม่ช้าก็วิ่งออกไปถึงถนนใหญ่

ภายในรถ

ชายวัยกลางคนพูดอย่างนอบน้อมว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ที่ท่านให้ผมไปสืบเรื่องของเฉินตงมานั้น ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จะไปหาเขาตอนนี้เลยไหมครับ ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้ม แล้วพูดว่า : “เธอเคยเห็นฉันลดตัวลงไปเข้าพบคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ ?”

ชายวัยกลางคนผงะไป เมื่อเขารู้ตัวว่าพูดผิดไป แววตาจึงแสดงออกถึงความตื่นตระหนกออกมา

จึงรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า : “เชิญท่านพักผ่อนก่อน ผมจะจัดการให้เฉินตงมาเข้าพบท่านเองครับ”

บทที่ 117 เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน “จักรพรรดิตัวจริง”มาถึงแล้ว

เมื่อเห็นคุนหลุนและกูหลังสำลักจนไอออกมา เฉินตงก็มาสามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้

พันล้านก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองตื่นตกใจได้ขนาดนี้ แต่สำหรับเขาแล้วเทียบไม่ได้กับข้อความที่เขาได้รับหลังจากเรื่องของเงินพันล้านนี้เลย

ครั้งนี้……ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเขาแล้ว !

สิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดนั้น ในที่สุดพ่อและท่านหลงก็ไม่ทำให้เขาต้องเสียแรงเปล่า

ส่วนเรื่องอื่น เขาไม่รู้สึกกังวลเลย

ขอแค่ตนเองยังคงยืนอยู่ในกระดานหมากรุก ไม่ได้ถูกออกจากการประลอง เช่นนั้นเขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าแข่งขันต่อไปได้ !

เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วยิ้ม จากนั้นจึงพูดว่า : “กูหลัง ออกไปซื้ออาหารเช้ามาหน่อย ฉันรู้สึกหิวแล้ว”

“ได้ครับคุณเฉิน”

หลังจากที่กูหลังเดินออกไปแล้ว คุนหลุนเองถึงจะนึกออก เขายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ : “คุณชาย การเจ็บตัวครั้งนี้ถือว่าไม่ได้เจ็บฟรี นายท่านกับท่านหลงทำสำเร็จแล้ว”

“อืม แต่หลังจากนี้ก็คงจะยังมีเรื่องวุ่นวายอีกไม่น้อย”

เฉินตงถูจมูกไปมา แววตาลึกซึ้ง : “เรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ เช่นนี้อย่างแน่นอน เฉินเทียนเซิงเองก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

คุนหลุนพยักหน้า เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นจึงโทรหาท่านหลงอีกครั้ง

แต่หลังจากที่กดเปิดลำโพง ระบบก็ยังคงแจ้งว่าเครื่องปิดอยู่

“ไม่ต้องรีบร้อน ถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆ ท่านหลงจะต้องติดต่อพวกเรากลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอน” เฉินตงพูดอย่างสบายใจ

เฉินตงยังคงอยู่รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลหลังจากนั้นอีกหลายวัน

มีเพียงกูหลังที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ส่วนคุนหลุนต้องไปที่โรงพยาบาลลี่จิงเพื่อคอยปิดบังเรื่องของเขาไม่ให้แม่รู้

ครั้งนี้แม่ป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หากมารับรู้เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บอีกล่ะก็ คงจะเป็นการทำลายสุขภาพของแม่เพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนเรื่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เขาได้ออกคำสั่งจากระยะไกลเพื่อให้เสี่ยวหม่าไปดำเนินการ

บวกกับที่มีโจวจุนหลงจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

อีกทั้งเขาเองยังมีความสามารถในการควบคุมหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถึงแม้จะได้มาอย่างไม่ถูกต้องนัก เพราะได้มาจากการที่โจวจุนหลงถูกท่านหลงบังคับให้นำออกมา แต่โจวจุนหลงเองก็คงไม่กล้าประมาทเกี่ยวกับเรื่องนี้

มิเช่นนั้นสิ่งที่โจวจุนหลงจะต้องสูญเสียอาจจะไม่เพียงแค่ส่วนเล็กน้อยนี้

ถึงแม้จะยังไม่สามารถติดต่อท่านหลงได้ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่สงบแล้ว

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้ว แต่โจวเย่นชิวกลับยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

จริงๆ แล้ว หลายวันมานี้เขาแทบจะไม่ยอมกินอะไรเลย มีความคิดที่สับสนวุ่นวายอยู่เต็มสมอง

จู่ๆ เฉินเทียนเซิงก็จากไป ทำให้แผนการที่เขาตั้งใจจะย้ายข้างไปอยู่กับเฉินเทียนเซิงก่อนหน้านี้ล้มเหลวลงทันที

อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็ได้ยินจากฝ่ายส่วนกลาง เขตวิลล่าเขาเทียนซานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เฉินตงพาคนเข้ามาบุกบ้านของเฉินเทียนเซิง หลังจากที่เฉินตงกลับไปแล้ว เฉินเทียนเซิงก็จากไปด้วยร่างกายที่บาดเจ็บไปทั่วตัว

ข้อความเพียงแค่สั้นๆ ทำให้เขาไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่ตามที่เขาเข้าใจตระกูลเฉินแล้วนั้น นี่คงไม่ใช่การต่อสู้ที่จะจบลงง่ายๆ ภายในครั้งเดียวแน่ ดังนั้นการที่เฉินเทียนเซิงจากไปก็คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ทางฝั่งหนึ่งคือเฉินเทียนเซิงที่จากไปอย่างกะทันหัน

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือเฉินตงที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล

สุดท้ายแล้วควรจะอยู่ข้างใครกันแน่ ทำให้โจวเย่นชิวคิดไม่ตกจริงๆ

เครดิตในการช่วยจักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น

ถึงแม้โจวเย่นชิวจะเป็นผู้นำของห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ถ้าหากยังคงเป็นมังกรอยู่ ยังไงเสียก็ยังคงถูกเรียกว่าเป็นผู้มีความสามารถ

แต่หากเมื่อไหร่ที่กลายเป็นแมลงขึ้นมา เมื่อนั้นก็จะไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้ไปตลอดกาล

ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น !

“ไสหัวไป ! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการจะพบใครทั้งนั้น !”

โจวเย่นชิวตะโกนออกมาด้วยความโมโห

ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขา ปกติแล้วจะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมเช่นนี้ขึ้นได้เลย

แต่ตอนนี้ เรื่องของตระกูลเฉินทำให้เขาคิดไม่ตก

“คุณท่าน มีโทรศัพท์โทรมาหาคุณครับ ปลายสายเป็นคุณชายแซ่เฉินท่านหนึ่ง”

มีเสียงของชายชราดังมาจากด้านนอก

“โทรศัพท์ ?”

โจวเย่นชิวอึ้งไป จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขารีบเดินไปเปิดประตู แล้วเดินไปยังห้องทำงานของตนเอง

เมื่อได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงของเฉินเทียนเซิง เขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที

“คุณเฉิน ทำไมจู่ๆ คุณถึงหายไปล่ะ ?” โจวเย่นชิวถามถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนทรมานอยู่หลายวันออกมา

“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?”

เฉินเทียนเซิงที่อยู่ในสาย ยังคงมีท่าทีหยิ่งผยอง เหมือนกับกำลังออกคำสั่งลูกน้อง : “คืนนี้จะมีเครื่องบินของตระกูลเฉินลงจอดที่เมืองของคุณ ช่วยจัดการต้อนรับให้ผมด้วย”

“ได้เลยครับ ได้เลยครับ แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะต้อนรับอย่างดีที่สุด”

โจวเย่นชิวรับปากอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอ่ยถามอีกว่า : “ผมขอละลาบละล้วงสักหน่อย ไม่ทราบว่าเป็นคนของตระกูลเฉินท่านไหนหรือครับ ?”

“ในเมื่อรู้ว่าละลาบละล้วง แล้วยังจะถามอีกหรือ ?”

น้ำเสียงของเฉินเทียนเซิงเย็นชา แสดงออกถึงความดูถูกเล็กน้อย : “จำเอาไว้ เป็นสุนัขรับใช้ก็ต้องมีสัญชาตญาณของสุนัข สุนัขไม่มีวันที่จะอ้าปากถามเจ้านายหรอกนะ !”

ตู๊ดๆๆ !

โทรศัพท์ตัดสายไป

ใบหน้าของโจวเย่นชิวแดงก่ำ นิ่งอึ้งไป

มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นภายใต้แว่นตาสีทองนั้น

ทันใดนั้นความโกรธในแววตาของเขาก็จางหายไป กลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาแทน เขาค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง

หัวเราะเยาะตัวเอง แล้วบ่นพึมพำออกมาว่า : “ใช้สิ กลายเป็นสุนัขรับใช้ไปแล้วนี่”

เวลาเที่ยงคืน

สนามบินที่อยู่นอกเมืองยังคงคึกคัก

บริเวณห้องโถงผู้โดยสาร มีไฟเปิดสว่างไสว เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ในสนามบินดังขึ้นเป็นระยะ

บนรันเวย์ก็มีเครื่องบินขึ้นและลงจอดอยู่ตลอดเวลา

ในฐานะที่เป็นสนามบินขนาดใหญ่ ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืน กิจกรรมทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไปย่างไม่หยุดพัก

มีเพียงรันเวย์ช่องหนึ่งเท่านั้น ทีว่างเปล่าจนหน้าแปลกใจ

รันเวย์ที่อยู่รอบๆ มีเครื่องบินขึ้นและลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีลำไหนเลยที่ใช้รันเวย์ช่องนี้

ดูเหมือนจะเป็นช่องทางพิเศษของสนามบินนอกเมืองทั้งสนามบิน

มีแสงสว่างส่องมาจากที่ไกลๆ

มีรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อมสีดำขับนำหน้ามา

หลังจากรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อม ยังมีรถเบนซ์ GLS500 สีดำตามมาอีกเก้าคัน

ช่างเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่

ถ้าหากเป็นตอนกลางวัน ถูกผู้โดยสารคนอื่นๆ เห็นเข้าแล้วก็จะต้องมองตาค้างอย่างแน่นอน

แต่ประจวบเหมาะที่ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้จึงถูกความมืดยามค่ำคืนช่วยบดบังเอาไว้

รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนมาจอดอยู่ด้านนอกรันเวย์ ประตูรถเปิดออก

โจวเย่นชิวลงมาจากรถ

สายลมยามค่ำคืนพัดเย็น เขาจึงกระชับเสื้อบนตัวเข้ามา

“คุณท่าน ดึกมากแล้ว ใส่เสื้อคลุมอีกสักตัวเถอะครับ”

ชายชราเดินตามลงมาจากรถ เตรียมที่จะสวมเสื้อคลุมในมือลงบนไหล่ของโจวเย่นชิว

“ไม่ต้องแล้ว”

โจวเย่นชิวยกมือขึ้นปฏิเสธ แววตาจริงจัง

เหมือนกับที่เฉินเทียนเซิงพูดเอาไว้ คืนนี้……เขามาในฐานะสุนัขรับใช้ !

เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็มีสิทธิ์เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น

การที่เฉินเทียนเซิงโทรศัพท์มาสั่งการด้วยตนเองนั้น แสดงให้เห็นว่าคนที่มาจากตระกูลเฉินในคืนนี้จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างมากแน่นอน ถ้าหากสวมเสื้อคลุมไป “ต้อนรับ” ก็จะแสดงออกว่าไม่ให้ความเคารพ

“น่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ ?”

โจวเย่นชิวหันมองรอบๆ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ

“คุณท่านรู้ได้อย่างไรครับ ?” พ่อบ้านเอ่ยถาม

โจวเย่นชิวยิ้มเล็กน้อย : “นายดูเครื่องบินที่อยู่ในสนามบินเหล่านี้สิ”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สนามบินที่เดิมทีมีแต่ความโกลาหลพลุกพล่าน จู่ๆ ก็สงบเงียบลงอย่างน่าประหลาดใจ

ไม่มีเครื่องบินบินลง และไม่มีเครื่องบินบินขึ้น

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เงียบเสียจนน่ากลัว !

ครืน…….

จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่ไกลๆ

ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้องจนหูอื้อ

ไม่เหมือนกับเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินปกติ เสียงที่ดังก้องเคลื่อนมาถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปบนศีรษะของเขาแล้ว

โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่เหนือท้องฟ้า

ทันใดนั้นเอง มีความประหม่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หัวใจเต้นแรงและเร็ว

“นี่ นี่มัน……เครื่องบินรบ ?”

โจวเย่นชิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ภายในใจ : “เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน……”

ในขณะที่กำลังตื่นตกใจอยู่นั้น ม่านตาของเขาก็หดเข้ามาถึงขีดสุด

ทั้งหมด……เป็นเครื่องบินรบจำนวนสิบลำ !

อีกทั้งยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เครื่องบินรบทั้งสิบลำกำลังบินวนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นจึงมีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งที่บินอยู่ตรงกลาง ค่อยๆ บินลดระดับลงมา !

บทที่ 116 เรื่องเล็ก

ตอนที่เฉินตงไปถึงโรงพยาบาล

ท่านหลงก็มารออยู่ที่ก่อนแล้ว

เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเฉินตง ท่านหลงก็หรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากนัก เฉินตงที่ใบหน้าซีดเผือดก็ถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู

ตุบ !

ท่านหลงหันกลับไปแล้วกำหมัดต่อยเข้าที่หน้าอกของคุนหลุนด้วยความโกรธอย่างรุนแรง

“ ไอ้โง่เอ๋ย ! ฉันให้แกจับตาดูคุณชายเอาไว้ให้ดี แล้วแกดูแบบนี้นะหรือ ?”

คุนหลุนถอนใจออกมาอย่างหดหู่ แล้วก้มหน้าก้มตายืนนิ่ง

“ท่านหลง……” กูหลังอยากจะพูดอธิบาย

เผียะ !

ท่านหลงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของกูหลังฉาดใหญ่

แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้ง : “แกไม่มีสิทธพูดอะไรทั้งนั้น !”

กูหลังผงะไป จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตายืนนิ่ง

“ท่านหลง เป็นความผิดของผมกับกูหลังเองที่ไม่ได้ดูแลคุณชายให้ดี” คุนหลุนพูดออกมาด้วยท่าทีสงบ

เป็นเพราะคอยติดตามนายท่านมานาน ฐานะของท่านหลงจึงเหนือกว่าเขามาก ถือได้ว่าเป็นคนสนิทที่แท้จริงของนายท่านเลยก็ว่าได้

อีกทั้งท่านหลง เป็นคนที่ทำสิ่งต่างๆ อย่างใจเย็น ดังนั้นการที่เขาระเบิดอารมณ์โกรธขึ้นมาในตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาคงจะโมโหจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ !

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เฉินตงได้รับบาดเจ็บจริงๆ

ในฐานะที่เป็นผู้ติดตาม บางครั้งไม่เกี่ยวว่าจะถูกหรือจะผิด ขอเพียงแค่คนที่เขาติดตามได้รับบาดเจ็บ ต่อให้ผู้ติดตามไม่ผิดก็ถือว่ามีความผิดอยู่ดี !

สักพัก

ท่านหลงที่กำลังโมโหได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จากนั้นจึงพูดอย่างสงบว่า : “ลองพูดมาซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

คุนหลุนเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวิลล่าออกมาอย่างละเอียดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

สีหน้าของท่านหลงค่อยๆ เปลี่ยนไป ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น

แม้กระทั่งตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะใช้วิธีนี้ในการแก้แค้น

ยอมเจ็บตัวไปพร้อมกับศัตรู !

คนที่จะใช้วิธีเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่ใจร้ายกับตัวเองมากพอ ?

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ นี่เป็นวิธีที่จะสามารถชนะได้ทั้งสองทาง !

“เฮ้อ……”

ใบหน้าของท่านหลงเต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ จนในที่สุดเขาถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า : “หลายปีมานี้ต้องลำบากคุณชายไม่น้อยจริงๆ”

ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่มีมาตั้งแต่เด็ก ท่านหลงคงคิดไม่ออกเลยว่า คนที่อายุอย่างเช่นเฉินตง จะโหดเหี้ยมกับตนเองได้ถึงเพียงนี้ !

“ท่านหลง จะต้องทำอย่างไรต่อไป ?”คุนหลุนถามอย่างจริงจัง

“คุณชายได้เหลือทางออกสำหรับเรื่องนี้เอาไว้ให้นายท่านแล้ว หลังจากนี้นายท่านจะเป็นผู้ตัดสินเอง”

แววตาของท่านหลงดูลึกซึ้ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความออกไป

รอเพียงไม่กี่วินาทีก็ได้รับข้อความตอบกลับมา

เมื่อเห็นข้อความแล้ว ท่านหลงก็แสยะยิ้มออกมาในทันที : “เฉินเทียนเซิงมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจริงๆ”

“เกิดอะไรขึ้น ?” คุนหลุนเอ่ยถาม

กูหลังเองก็หันมองท่านหลงด้วยความอยากรู้

“เฉินเทียนเซิงนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปที่ตระกูลเรียบร้อยแล้ว” ท่านหลงพูด

คุนหลุนหน้าถอดสี : “เขาทำเช่นนี้เพราะตั้งใจที่จะกลับไปร้องเรียนที่ตระกูลก่อนใช่หรือไม่ ?”

“ฉันจำเป็นจะต้องกลับไปที่ตระกูลเฉินเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้จะปล่อยให้เขาพูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้” ท่านหลงพูดอย่างจริงจัง

คุนหลุนรีบพูดว่า : “ท่านหลงรีบกลับไปเถอะ ส่วนเรื่องทางนี้ของคุณชาย ผมจะเป็นคนดูแลให้เอง”

เรื่องจำเป็นในตอนนี้ก็คือ จะต้องกลับถึงตระกูลเฉินให้ได้ก่อนที่เฉินเทียนเซิงจะลงมือ แล้วจัดการบิดเบือนเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เสีย

ถ้ากลับไปช้า หากมีการตัดสินเรื่องที่เฉินตงละเมิดกฎของตระกูลออกมา อย่าว่าแต่ท่านหลงเลย แม้แต่พ่อของเฉินตงเองก็ไม่อาจที่จะแก้ไขอะไรได้อีก !

……

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

ในห้องพักผู้ป่วย มีกลิ่นฉุนของยาลอยฟุ้งไปทั่ว

เครื่องมือตรวจวัดค่อยๆ ขยับ

เฉินตงลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเห็นห้องพักผู้ป่วยของตนเอง ก็ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

“คุณชาย ในที่สุดคุณก็ฟื้นสักที !”

คุนหลุนกับกูหลังรีบกรูกันเข้ามา

หลังจากที่ท่านหลงกลับไป พวกเขาทั้งสองก็เฝ้ารออยู่หน้าไอซียูตลอด

อาการบาดเจ็บของเฉินตงไม่รุนแรง แต่ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลนั้นสูญเสียเลือดไปมาก ดังนั้นจึงต้องมีการให้เลือดจนกระทั่งถึงดึก

เมื่อเห็นท่าทีวิตกกังวลของคุนหลุนและกูหลัง เฉินตงก็ยิ้มออกมาอย่างประหลาดใจ : “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พวกนายสองตนจะกังวลไปทำไม ?”

คุนหลุนและกูหลังหันมองหน้ากัน

คุนหลุนยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร ? ช่วงบ่ายคุณเข้าไปในห้องไอซียูได้ไม่นานก็หมดสติไป ต้องให้เลือดถึงแปดถุงจึงจะสามารถยื้อชีวิตกลับมาได้”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมองภายในห้องแล้วขมวดคิ้ว : “ท่านหลงล่ะ ?”

“หลังจากที่พวกเราออกจากวิลล่า เฉินเทียนเซิงก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปที่ตระกูลทันที”

คุนหลุนพูดอธิบาย : “ท่านหลงเกรงว่าไอ้สารเลวเฉินเทียนเซิงจะชิงลงมือร้องเรียนก่อน จนทำให้นายท่านเชื่อว่าคุณละเมิดกฎของตระกูล ดังนั้นจึงรีบเดินทางกลับไปที่ตระกูลทันที”

เฉินตงพยักหน้า

นี่คือเรื่องที่เขาคาดคะเนเอาไว้แล้วเช่นกัน

ที่เฉินเทียนเซิงรีบกลับตระกูลก่อน ก็เพื่อที่จะช่วงชิงความได้เปรียบ แล้วทำให้เขาถูกตัดสินว่าละเมิดกฎของตระกูล

เขาอุตส่าห์คิดทางหนีทีไล่เอาไว้ขนาดนี้แล้ว หากท่านหลงยังไม่สามารถทำได้สำเร็จอีก เช่นนั้นเขาก็คงไม่ใช่ท่านหลงแล้ว

เขาหันหน้าออกไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างอ่อนแรง

เฉินตงพึมพำขึ้นมาว่า : “ป่านนี้คงจะมีการตัดสินผลออกมาแล้ว ?”

คุนหลุนส่ายหัว : “ผมพยายามลองติดต่อท่านหลงอยู่ตลอด แต่โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องอยู่ตลอดเวลา”

“อืม”

เฉินตงขานรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ครั้งก่อนที่ท่านหลงกลับตระกูลเฉินก็ตัดขาดช่องทางการสื่อสาร ดังนั้นการที่ครั้งนี้กลับตระกูลเฉินแล้วตัดขาดช่องทางการสื่อสารอีกจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร

เฉินตงมองไปที่เพดาน แล้วแอบคำนวณเวลาด้วยตนเอง

แม่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลลี่จิง เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บจะให้แม่รู้ไม่ได้ ดังนั้นตอนที่ส่งเข้าห้องไอซียูจึงเป็นโรงพยาบาลคนละแห่งกัน

ตอนนี้สิ่งที่เฉินตงเป็นกังวลที่สุดก็คือเรื่องการเปิดขายตึกล่วงหน้าทั้งสามตึกในต้นเดือนหน้า

เฉินเทียนเซิงกลับไปครั้งนี้ คงจะต้องสร้างความปั่นป่วนให้แก่ตระกูลเฉินเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน เขาเกรงว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อการเปิดขายล่วงหน้าในช่วงต้นเดือนหน้า !

ตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่รออย่างเงียบๆ ดูว่าผู้เป็นพ่อที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น จะสามารถจัดการเรื่องวันนี้ที่บ้านตระกูลเฉินได้สำเร็จหรือไม่

ส่วนเรื่องอื่นเฉินตงไม่ได้คิดอะไรมาก

เฉินเทียนเซิงทำให้แม่ของเขาต้องเข้าโรงพยาบาล ความแค้นนี้ ในฐานะที่เขาเป็นลูกจึงจำต้องแก้แค้น แต่การที่เขายังสามารถเหลือทางหนีที่ไล่เอาไว้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

คำพูดที่ว่าทุกอย่างให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์ เขาถือว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ต้องรอดู “ลิขิต” จากพ่อและตระกูลเฉินแล้ว !

ในคืนนั้นไม่มีการพูดคุยอะไรต่อ

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินตงไม่ได้ปลุกคุนหลุนและกูหลังที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างสบายให้ตื่นขึ้น

แต่กลับพยายามติดต่อท่านหลงด้วยตัวเอง

แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง โทรศัพท์มือถือของท่านหลงยังคงปิดเครื่องอยู่

“คุณชาย ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้ครับ ?”

เสียงของคุนหลุนดังขึ้นเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกกูหลังจนตื่นขึ้นมา

เฉินตงยิ้มอย่างหดหู่ : “สามารถนอนหลับได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”

คุนหลุนหัวเราะออกมาอย่างจนใจ แล้วจึงพูดล้อเล่นว่า : “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือครับ ?”

“กลัวมาตลอด แต่ถึงจะกลัวก็ต้องทำ” เฉินตงเลิกคิ้วแล้วพูดตอบ

ตอนนี้เอง กูหลังถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงรบกวน

เขาหันมองเฉินจงกับคุนหลุนแล้วลุกยืนขึ้น : “คุณเฉิน พี่คุนหลุน ผมจะไปซื้ออาหารเช้า”

“ไม่อยากกิน”

เฉินตงกับคุนหลุนพูดออกมาพร้อมกัน

กูหลังพยักหน้า จากนั้นจึงตัดสินใจหยิบบุหรี่ออกมา แต่หลังจากที่มองเฉินตงแล้ว เขาก็เก็บกลับเข้าไปตามเดิม

“ไม่เป็นไร สูบเถอะ”

เฉินตงยิ้มพลางพูดว่า : “เอาให้ฉันมวนหนึ่งด้วย”

กูหลังนำซองบุหรี่ออกมาใหม่ จากนั้นจึงหยิบให้เฉินตงและคุนหลุนคนละหนึ่งมวน

จากนั้นคุนหลุนและกูหลังก็จุดบุหรี่อย่างคล่องแคล่ว

ส่วนเฉินตง หลังจากจุดไฟเสร็จแล้วสูบเข้าไปหนึ่งครั้งแล้ว กลับสำลักจนตาแดงในทันที และไอออกมาอย่างรุนแรง

เขาดับบุหรี่อย่างจนใจ จากนั้นจึงโยนลงถังขยะ : “ยังไงเสียฉันก็ยังไม่สามารถใช้บุหรี่ดับความทุกข์ได้อยู่ดี”

ทันใดนั้นเอง

มีเสียงข้อความดังขึ้นในโทรศัพท์มือถือของเฉินตง

เขาหยิบออกมาดู แล้วจู่ๆ ก็นิ่งไป

คุนหลุนและกูหลังที่กำลังพ่นควันออกมา ต่างหันมองพร้อมกันด้วยความสงสัย

กูหลังถาม : “คุณเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ?”

เฉินตงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “เรื่องเล็กน่ะ พ่อของฉันโอนเงินเข้ามาในบัตรธนาคารชงโคของฉันพันล้าน”

น้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายและสงบ ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร

แต่เมื่อคำพูดนี้ดังเข้าไปในหูของคุนหลุนและกูหลัง กลับเหมือนเสียงระเบิดของฟ้าผ่า

วินาทีต่อมา

ทั้งสองต่างสำลักควันบุหรี่จนตาแดงพร้อมกัน และไอออกมาอย่างรุนแรง

บทที่ 115 แลกชีวิต !

เปรี้ยง !

แสงของฟ้าผ่าทำให้ห้องรับแขกสว่างขึ้น

เฉินตงวิ่งเข้าหาเฉินเทียนเซิงทันทีด้วยท่าทีดุร้ายที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก พร้อมกับเสียงขู่คำรามและถือกริชที่ดูน่ากลัวอยู่ในมือ

เจตนาฆ่าที่รุนแรงทำให้คุนหลุนและกูหลังหน้าถอดสี

คุนหลุนตะโกนออกมาเสียงดัง “คุณชาย” คิดที่จะเข้าไปขวางแต่ก็สายไปเสียแล้ว

ทันใดนั้นเอง เหมือนกับเวลาค่อยๆ เดินช้าลง

สีหน้าของเฉินเทียนเซิงซีดเผือด ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รูม่านตาขยายจนถึงขีดสุด

เขาในตอนนี้ ไม่หลงเหลือท่าทีที่สงบดังเช่นก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย จะหลงเหลืออยู่ก็เพียงแค่ท่าทีที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวต่อความตาย

เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าเฉินตงจะแทงเขาด้วยกริชจริงๆ !

ความเป็นความตาย อยู่ในเสี้ยววินาที !

“อ้า !”

เฉินเทียนเซิงร้องตะโกนเสียงดังออกมาทันที

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเป็นเสียงตอบโต้ของคนที่กำลังตาย

พรึบ !

ตัวของเฉินตงกับเฉินเทียนเซิงแนบเข้าด้วยกัน

ซวบ !

เสียงของกริชแทงเข้าไปในเนื้อ ดังสะท้อนอยู่ในห้องรับแขก

จากนั้นทั้งสองคนดูราวกับถูกตรึงอยู่

ติ๋ง……ติ๋ง……

เลือดสีแดงสด ค่อยๆ หยดลงบนพื้นระหว่างทั้งคู่ทีละหยดๆ ไม่นานบนพื้นก็ฉาบไปด้วยสีแดง

คุนหลุนและกูหลังยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง

กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งทำให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา

คุนหลุนถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ : “จบเห่แล้ว……”

หลังจากพูดจบ

“อ้า !”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา

คุนหลุนและกูหลังต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน

เสียงนี้เป็นเสียงของเฉินเทียนเซิง !

ทั้งสองรีบตามไปติดๆ จึงเห็นภาพของเฉินเทียนเซิงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความสงสัย ความโกรธแค้น……

ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ มีความรู้สึกมากมายปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเผือดของเฉินเทียนเซิง

จนสุดท้าย ใบหน้าที่ซีดเผือดนั้นก็เผยให้เห็นความโกรธแค้นที่อัดแน่นออกมา

ถึงขั้นที่ร่างกายของเฉินเทียนเซิงสั่นอย่างรุนแรง

“แก แกนี่มัน……”

“เหอะ !”

เฉินตงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นเพื่อตัดบทคำด่าทอของเฉินเทียนเซิง

หลังจากนั้น

เขายกมือซ้ายขึ้น แล้วผลักเฉินเทียนเซิงที่กำลังโกรธแค้นออกไป จากนั้นตนเองจึงเดินโซเซถอยหลังไป

เสียงล้มดังขึ้น

เฉินตงร่วงลงไปนั่งอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเผือดอย่างรวดเร็ว แต่มุมปากยังปรากฏรอยยิ้มที่น่ากลัวอยู่ แววตายังคงเชือดเฉือนราวกับมีด

ส่วนมือซ้ายของเขานั้นกุมบริเวณท้องเอาไว้แน่น

กริชที่แหลมคมจนส่องแสงแวววาวถูกถือเอาไว้ในมือ ไม่ได้เสียบอยู่ในเนื้อ

เลือดสีแดงสดไหลอาบลงมา

บูม !

ภาพที่เห็นนี้ ทำให้เหมือนมีเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องกังวานอยู่ในหัวของคุนหลุนและกูหลัง

ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในทันที ดวงตาเบิกโพลงจนถึงขีดสุด

ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?

มีดเล่มนี้ควรจะปักอยู่ที่เฉินเทียนเซิงไม่ใช่หรือ ?

“คุณชาย !”

“คุณเฉิน !”

หลังจากความตื่นตระหนกผ่านพ้นไป คุนหลุนและกูหลังก็พุ่งเข้าไปหาเฉินตงพร้อมกัน

“อ่า……ไอบ้า ไอลูกนอกคอก แกมันบ้าไปแล้ว !”

เฉินเทียนเซิงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง รีบสะบัดเลือดสีแดงสดในมือออกจากสุดกำลัง เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

เขาไม่มีทางคิดถึงเลยว่า สุดท้ายแล้วเฉินตงจะใช้ไม้นี้กับเขา !

เมื่อครู่เขาถึงขั้นได้สัมผัสถึงความรู้สึกของคนที่กำลังจะตาย แต่ขณะที่สัมผัสกับเฉินตง ความกลัวที่จะต้องตายก็กลับกลายเป็นความวิตกกังวลในทันที

ในชั่วขณะนั้นที่เฉินตงนำกริชใส่เข้าไปในมือของเขา จากนั้นก็จับมือของเขาเอาไว้ แล้วนำกริชแทงเข้าไปในท้องของตนเอง !

ทุกอย่าง ถูกวางแผนเอาไว้หมดแล้ว !

ด้วยสมองระดับเฉินเทียนเซิงแล้ว ตอนนี้เขาจึงสามารถรับรู้ได้ทันที

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินตงไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตเขา !

แต่กลับใช้วิธีเอาหนึ่งชีวิตแลกกับอีกหนึ่งชีวิต เพื่อระบายความโกรธแค้นที่ทำลายแม่ของเขา !

หากทำเช่นนี้ ต่อให้ทำผิดกฎของตระกูลจริง ก็ยังพอจะเหลือทางหนีทีไล่ !

คำถูกคุนหลุนและกูหลังทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ภายใต้คำสั่งของเฉินตง

แต่สุดท้าย เขาเองก็แทงเฉินตงไปหนึ่งครั้ง

การทำผิดกฎของตระกูลเช่นนี้ ต่อให้มีผู้ใหญ่ภายในตระกูลคอยหนุนหลังอยู่ แต่จะใช้กฎของตระกูลจัดการได้อย่างไร ?

“แม้แต่แลกชีวิตก็ไม่กล้า แล้วแกคิดจะเอาอะไรมาจัดการกับฉัน ?”

เฉินตงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา ขณะที่เผชิญหน้าอยู่กับเฉินเทียนเซิงที่แทบจะเป็นบ้า แววตาที่เขาใช้มองเฉินเทียนเซิงเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย

เฉินเทียนเซิงนิ่งไป

จู่ๆ เขาก็พบว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตัวเขาเองรู้สึกถึงความหวาดกลัว !

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นหัวกะทิของตระกูลเฉิน กระทั่งว่าเป็นถึงผู้สืบทอดมรดกที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของตระกูลเฉินเลยก็ว่าได้

รัศมีนตัวของเขา ความหยิ่งผยองของเขา ทำให้เขามีความเชื่อมั่นว่าเขาอยู่เหนือผู้อื่น

แต่ตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินตง ซึ่งเป็นแค่ลูกนอกคอกคนหนึ่งของตระกูลเฉิน

เขา……กลับรู้สึกกลัว !

คนที่ก้าวเดินไปให้ถึงผลลัพธ์โดยไม่สนใจวิธีการ ถึงขั้นจัดวางตนเองเอาไว้ในแผนการ และไม่เกรงกลัวที่จะต้องทำร้ายตัวเอง คนเช่นนี้จะน่ากลัวแค่ไหนกัน ?

เฉินเทียนเซิงถามตัวเอง เขาไม่มีทางทำแบบเดียวกับที่เฉินตงทำได้ !

ไอ้ลูกนอกคอกคนนี้ มันบ้าไปแล้วจริงๆ !

เสียงล้มดังขึ้น !

เฉินเทียนเซิงล้มลงไปบนพื้นอย่าไร้เรี่ยวแรง เสียงดูถูกเยาะเย้ยของเฉินตง ดังก้องอยู่ในหู

ตอนนี้เอง ความมั่นใจในตัวเองของเขาถูกสั่นคลอนแล้ว

และสิ่งที่ตามมาคือ ความรู้สึกอัปยศอดสูที่หลั่งไหลมาเหมือนกับสายน้ำที่เชี่ยวกราด

หัวกะทิของตระกูลเฉิน ต้องมาพ่ายแพ้ให้ไอ้ลูกนอกคอกเช่นนี้หรือ ?

สมควรตายจริงๆ !

ไอ้ลูกนอกคอกนี่ สมควรตายจริงๆ !

“หึ ! ฉันจะฆ่าแก !”

ทันใดนั้นดวงตาก็เฉินเทียนเซิงก็เป็นสีแดงก่ำ เขาพุ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

“เกมจบแล้ว”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วหันมองคุนหลุน : “ลงมือ !”

ตุ๊บ !

คุนหลุนก้าวเข้ามาแล้วพุ่งหมัดเข้าใส่เฉินเทียนเซิงทันที จนเขาลอยกระเด็นออกไป

หลังจากตกกระแทกลงบนพื้น หน้าอกของเฉินเทียนเซิงขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง “พรวด” เขากระอักเลือดออกมา สภาพเลวร้ายถึงขีดสุด

“ถ้าแกอยากจะสู้ ฉันก็จะยอมเล่นกับแกจนจบ แต่ถ้าหากแกทำร้ายคนที่ฉันต้องการจะปกป้องแล้วล่ะก็ ฉันจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้แกต้องตาย !”

กูหลังค่อยๆ ประคองเฉินตงขึ้นมา ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่แสดงถึงความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่ซีดเผือดยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่เย้อหยันเฉินเทียนเซิงอยู่ตลอดเวลา

พูดจบ เขาก็พาคุนหลุนและกูหลังกลับออกจากวิลล่าไป

ด้านนอก ฟ้าฝนยังคงกระหน่ำและมีฟ้าผ่ารุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง

รถโรลส์-รอยซ์และรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกไปจากเขตวิลล่าเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว ภายใต้สายฝนที่ตกกระหน่ำอยู่

ภายในรถโรลส์-รอยซ์

ร่างกายของเฉินตงเปียกปอนไปด้วยฝน มือขวายังคงกุมอยู่ตรงบริเวณท้องที่ถูกมีดแทงเอาไว้แน่น เสื้อครึ่งตัวถูกย้อมด้วยเลือดจนเป็นสีแดง เพียงแต่เมื่อครู่ตอนที่เดินออกมาจากวิลล่า ถูกน้ำฝนชะล้างจนกระทั่งจางไปเล็กน้อย

แต่ก็ยังคงมีเลือดสดไหลออกมาเรื่อยๆ จากบาดแผล จนกระทั่งเสื้อกลายเป็นสีแดงสดอีกครั้ง

“คุณชาย อดทนเอาไว้นะครับ กำลังจะถึงโรงพยาบาลแล้ว”

คุนหลุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน

“ไม่ต้องรีบร้อน ฉันไม่เป็นอะไรมาก” เฉินตงยังยิ้มออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่กำลังถาโถมอยู่ภายในจิตใจ

ต่อให้เฉินตงจะกำหนดจุดที่จะให้กริชแทงเข้าไปเอาไว้แล้วว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากสูญเสียเลือดเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวในตอนนี้ก็คือความใจเย็นของเฉินตง

ภายใต้การบาดเจ็บแบบเดียวกัน คุนหลุนเองก็สามารถใจเย็นเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่นั่นเป็นเพราะเขาผ่านการฆ่าคนมาอย่างโชกโชน การที่ต้องเหยียบย่ำศพของคนอื่นเพื่อให้ตนเองไต่เต้าขึ้นมานั้น ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีอุปนิสัยเช่นนี้

แล้วเฉินตงล่ะ ?

คุนหลุนสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า : “คุณชาย อันที่จริงแล้วคุณวางแผนทั้งหมดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหม ?”

“ไม่เช่นนั้นล่ะ ?”

รอยยิ้มของเฉินตงแฝงไปด้วยความเจ็บปวดจางๆ แววตาดูลึกซึ้ง : “ถ้าไม่กวนน้ำให้ขุ่น จะหลีกเลี่ยงกฎของตระกูลข้อนั้นได้อย่างไร ? ในเมื่อกล้าทำร้ายแม่ของฉัน ก็จะต้องชดใช้ ถึงต่อให้ฉันต้องชดเชยความผิดนี้ ฉันก็ไม่รู้สึกเสียดาย”

“วิธีนี้อันตรายเกินไปแล้ว แลกชีวิตหรือ……ถ้าหากเมื่อครู่เกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยตอนที่มีดแทงเข้าไป คุณชายก็คงจะต้องจบชีวิตอยู่ที่นั่นแล้ว” ในใจของคุนหลุนยังคงรู้สึกกลัว

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงเริ่มมีความเจ็บปวดและจนใจผสมปนเปเข้ามามากขึ้น

เขาค่อยๆ หันหน้าออกไปมองฝนที่ตกกระหน่ำอยู่นอกหน้าต่าง

“คุนหลุนเอ๋ย……ชีวิตนี้เกิดมาเหมือนกับความผิดพลาด เป็นอคติที่ฝังอยู่ในใจของทุกคน การที่คิดจะก้าวข้ามไปนั้นช่างยากลำบากเหลือเกิน !”

“ด้วยชาติกำเนิดของฉัน จำจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเฉินด้วยความเสียเปรียบแทบทุกด้าน หากต้องการจะแก้แค้นให้แม่ ถ้าไม่ใช้วิธีเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้ นายว่าฉันยังมีวิธีไหนอื่นอีกหรือ ?”

“คุณชาย……” คุนหลุนรู้สึกสะเทือนใจ

เมื่อลองคิดดูดีๆ ก็ไม่มีวิธีอื่นจริงๆ

เมื่อแม่ได้รับความอับอาย จึงจำต้องแก้แค้น

แต่เมื่อแก้แค้น ก็ต้องละเมิดกฎของตระกูล

จึงเหลือแค่เพียงวิธียอมเจ็บไปพร้อมกับศัตรู จึงจะสามารถทำทั้งสองอย่างให้สำเร็จได้

“วิธีการไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือผลลัพธ์”

รอยยิ้มของเฉินตงดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย : “ผู้ชนะถึงจะได้เป็นราชา สิ่งที่ต้องการก็คือผลลัพธ์ไม่ใช่หรือ ?”

บทที่ 114 ในชีวิตนี้ มีสามสิ่งที่จะต้องปกป้อง !

รอยยิ้มเยาะเย้ย และน้ำเสียงที่ดูไม่สะทกสะท้าน

ทำให้เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้วและหางตากระตุกโดยไม่รู้ตัว

ต่อให้เป็นตัวเขาก็คิดไม่ออกว่า ทำไมตอนนี้เฉินตงถึงได้แสดงอาการที่แปลกประหลาดเช่นนี้

ยิ่งคิดไม่ออก หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น จนเกิดความกลัวขึ้นในใจ

ส่วนคุนหลุนกับกูหลังเองก็หันมองเฉินตงด้วยความสงสัย

แปลกจริงๆ !

นอกจากคำว่าแปลกประหลาดแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถหาคำอื่นมาใช้อธิบายเฉินตงได้เลย

รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎของตระกูล แต่ก็ยังคงปล่อยหมัดแรกออกไป

หลังจากนั้นยังยอมที่จะได้รับบาดเจ็บแล้วล่าถอยไป แล้วยังใช้ให้พวกเขาสองคนเข้าจัดการกับเฉินเทียนเซิงอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแสยะยิ้มออกมาได้

ทำเช่นนี้……มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?

“จัดการ !”

เสียงของเฉินตงเคร่งขรึมลง

เปรี้ยง !

มีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำ ด้านนอกวิลล่า

คุนหลุนมีท่าทีดุดัน : “กูหลัง ลงมือ !”

ขณะที่พูดอยู่นั้น รูปร่างที่สูงตระหง่านเหมือนหอคอยเหล็กของเขา เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ดูยิ่งใหญ่เหมือนกับภูเขาไท่ซาน พุ่งตรงเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที เขาไม่กล้าประมือกับคุนหลุน จึงรีบกระโดดถอยหลังไป

ในตระกูลเฉิน ถึงแม้คุนหลุนจะเป็นเพียงแค่คนรับใช้ แต่เขาก็เป็นผู้ที่สอนทักษะการต่อสู้ให้กับบรรดาชนชั้นสูง จึงเป็นเหมือนกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนของชนชั้นสูงทั้งหมด !

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุนเลย !

เพียงชั่วพริบตา

กูหลังปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเฉินเทียนเซิงอย่างแม่นยำ

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยหมัดตรงเข้าไปที่เฉินเทียนเซิงทันที

“เหอะ ! ไอ้ขยะ !”

เฉินเทียนเซิงยิ้มเยาะออกมา แล้วจึงหันตัวกลับทันที แล้วใช้แขนที่ดูเหมือนไม่มีกระดูกของเขา เข้าไปรัดแขนของกูหลังเอาไว้ จากนั้นจึงใช้แรงตรงเข้าบีบคอของกูหลัง

เผียะ !

มีเสียงดังขึ้นเบาๆ

มืออีกข้างของกูหลัง จับกรงเล็บของเฉินเทียนเซิงเอาไว้

ในขณะเดียวกันนั้น มุมปากของกูหลังก็เผยให้เห็นรอยยิ้มของความกระหายเลือดที่ดูแปลกประหลาดออกมา

ราวกับราชาหมาป่าในทุ่งหญ้า ที่จ้องมองเหยื่อที่กำลังจะตาย !

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

ยังไม่ทันที่เขาจะผละตัวออกมา ทันใดนั้นก็มีแรงลมปะทะเข้ามาจากทางด้านข้าง

ตุ้บ !

คุนหลุนใช้หมัดต่อยเข้าที่เอวของเฉินเทียนเซิง แรงที่มหาศาลจนน่ากลัวทำให้เฉินเทียนเซิงลอยกระเด็นออกไป

หลังจากลงมือหนึ่งครั้งแล้ว คุนหลุนและกูหลังก็ยังไม่คิดที่จะหยุด พวกเขาทำตัวเหมือนกับลูกธนู พุ่งตรงเข้าไปเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง

ด้านนอกวิลล่า

ฟ้าฝนกระหน่ำอย่างหนัก

มีทั้งเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า ช่างเป็นภาพการรุมต่อสู้ที่ดูโหดร้ายจริงๆ

การต่อสู้ด้วยกำปั้น

ทำให้ภายในวิลล่า มีเสียงโครมครามดังก้อง

มีเพียงเฉินตง ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเงียบสงบ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดออกมา คอยนั่งชื่นชมการภาพการต่อสู้ในครั้งนี้ ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งอย่างมาก

เฉินเทียนเซิงนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุน ดังนั้นกระบวนท่าในการรุกทั้งหมดจึงใช้สำหรับเข้าโจมตีกูหลัง เขาใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อนในการต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ

แต่ในทางตรงกันข้ามกัน คุนหลุนและกูหลังที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ก็ได้อาศัยประโยชน์จากสิ่งนี้

ไม่สิ ควรจะพูดว่าประสบการณ์ในการฆ่าคนถึงจะถูก

อย่างน้อย ในสายตาของเฉินตง การที่กูหลังใช้ตนเองเป็นเหยื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพื่อที่จะล่อให้เฉินเทียนเซิงตรงเข้าโจมตีตนเอง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้คุนหลุนได้ลงมือ

เฉินตงไม่รู้ว่าเฉินเทียนเซิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่

เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอาจดูไม่ออก แต่คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่นั้นสามารถดูออกอย่างชัดเจน

ต่อให้เฉินเทียนเซิงจะรู้ตัว แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

เฉินเทียนเซิงยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ ?

ภายใต้วงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง เขาจำต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงคนที่แข็งแกร่งแล้วเข้าโจมตีคนที่อ่อนแอวิธีนี้เท่านั้น เพราะแม้กระทั่งโอกาสที่จะหนีก็ยังไม่มี !

ในสายตาของเฉินตงตอนนี้ เฉินเทียนเซิงก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก

การคุกเข่าลง เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว !

และตอนที่เฉินเทียนเซิงคุกเข่าลงนั้น ถึงจะเป็นเวลาที่เขาจะลงมือจริงๆ

ภายใต้เสียงฝนฟ้าที่เทกระหน่ำลงมาและเสียงของฟ้าร้อง

ทำให้เสียงการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนไม่ดังนัก

แต่บรรยากาศของความเป็นความตายนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น

ไม่ช้าเฉินเทียนเซิงก็ตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง

ตกหลุนพลางครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกคุนหลุนโจมตีอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า

ยังไม่ทันจะถึงสองนาที มุมปากของเฉินเทียนเซิงก็มีเลือดไหลออกมา บนหน้าอกมีรอยสีแดงขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

ส่วนการร่วมมือกันระหว่างคุนหลุนและกูหลังนั้น กลับเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับสัตว์ร้ายสองตัวที่ช่วยกันล่าเหยื่อ ผลัดกันเข้าโจมตีเฉินเทียนเซิงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี

ไม่ว่าจะเป็นคุนหลุนหรือกูหลัง ต่างก็เตรียมใจที่จะตายแทนเฉินตงอยู่แล้ว

ในเมื่อแม้กระทั่งต้องตายก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แล้วมีหรือที่จะสนใจเรื่องอื่นอีก ?

เพียะ !

แส้ของคุนหลุนฟาดลงไปที่เฉินเทียนเซิง จนตัวของเขาลอยกระเด็กออกไป

เฉินเทียนเซิงหล่นกระแทกเข้ากับโต๊ะ แล้วตกลงมาบนพื้น แต่ไม่ได้ลุกยืนขึ้นมาทันทีเหมือนเมื่อครู่อีก

“พรวด !”

เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปาก กระจายไปทั่วพื้น

ตอนนี้ใบหน้าของเฉินเทียนเซิงเต็มไปด้วยเลือด เนื้อตัวมอมแมม แม้กระทั่งแว่นตาก็แตกกระจัดกระจาย เหลืออยู่เพียงแค่กรอบแว่นที่บิดเบี้ยว ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่เมื่อครู่หายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความอัปยศอดสู

คุนหลุนและกูหลังไม่ได้ลงมือต่อ แต่หันกลับไปสบตากับเฉินตงโดยพร้อมเพรียงกัน

จากประสบการณ์ที่พวกเขามี หากต่อสู้กันต่อ……เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน !

“ลงมือต่อ !”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วพูดออกมาอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

เหมือนกับลมหนาวที่พัดออกมาจากจิ่วโยว

คุนหลุนและกูหลังแสดงออกถึงท่าทีที่เด็ดขาดโดยพร้อมเพรียงกัน เฉินตงได้แสดงเจตนาออกมาอย่างชัดเจนแล้ว !

ทั้งสองยังไม่ทันจะได้ขยับตัว จู่ๆ เฉินเทียนเซิงที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงขู่ออกมาด้วยความโกรธแค้น : “ฉัน ฉันเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน แก สุนัขรับใช้อย่างพวกแกสองคน ใครกล้าฆ่าฉัน ?”

“ถ้ากล้าฆ่าฉันละก็ พวกแกเตรียมตัวถูกฆ่าล้างโคตรเอาไว้ได้เลย !”

“พวกแกอย่าหวังนะว่าไอ้ลูกนอกคอกนี่จะปกป้องพวกแกได้ ต่อให้เป็นมัน ก็จะต้องตายไปพร้อมกับฉันด้วย !”

เฉินเทียนเซิงพูดพลางพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น แต่แววตานั้นกลับเหลือบมองไปที่เฉินตงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างประหลาดใจ

เขารู้สึกตื่นตกใจจริงๆ

คาดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงจุดที่เขาไม่เหลือข้อได้เปรียบอะไรอีก

การหลอกล่อให้เฉินตงทำผิดกฎของตระกูลคือเป้าหมายของเขา

แต่ผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำเช่นนี้ ควรจะเป็นการที่เฉินตงต้องพ้นสภาพจากการเป็นผู้สืบทอดมรดก ไม่ควรเป็นการที่เขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่แปลกประหลาดของเฉินตง หรือจะเป็นการลงมือที่ดุเดือดและเด็ดขาดของคุนหลุน ต่างก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป

ต่อให้เป็นคนที่ยากจะคาดเดาเพียงใดก็ตาม แต่หากต้องเผชิญหน้ากับความตาย ยังไงเสียก็ต้องเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน !

ถึงขั้นที่ว่ายอมไม่สนใจหน้าตาและศักดิ์ศรี ใช้อำนาจของตระกูลเฉินในการข่มขู่ เพื่อขอหนทางที่จะรอดชีวิต !

แต่

“เหอะ !”

เฉินตงยิ้มเยาะออกมา : “ลงมือต่อ !”

ปัง !

เฉินเทียนเซิงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ใจเต้นระส่ำ

แทบจะในเวลาเดียวกัน

คุนหลุนยื่นมือออกไปจับกูหลังเอาไว้ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ฉันตัวคนเดียว ให้ฉันลงมือเอง !”

กูหลังเผยรอยยิ้มของความกระหายเลือดออกมา : “พูดเหมือนกับว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นแหละ ถ้าหากกลัวตายจริงๆ ละก็ ฉันก็คงจะยอมอยู่ในที่มืดมิดนั่นตลอดชีวิตไปแล้ว คงไม่ติดตามคุณเฉินออกมาอยู่ในที่ที่สว่างรุ่งโรจน์เช่นนี้หรอก”

เฉินเทียนเซิงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื่อนอยู่ตรงที่เดิมด้วยความตกตะลึง

บทสนทนาระหว่างคุนหลุนและกูหลังทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังในทันที

สองคนนี้……ทำไมถึงยอมสละให้เฉินตงได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ?

ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็มืดลงในทันที

เฉินเทียนเซิงตกใจเป็นอย่างมาก สายตาของเขาสอดส่ายอย่างรวดเร็ว กลับเห็นเป็นมือขนาดใหญ่ฟาดลงมา

ทันใดนั้นเอง คอของเขาก็ถูกบีบเอาไว้ การหายใจเริ่มยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีเฉินเทียนเซิงคิดที่จะต่อต้าน แต่การถูกโจมตีต่อเนื่องอย่างหนักเมื่อครู่ ทำให้เขาหมดสิ้นกำลังที่จะสู้ไหวแล้ว

กรอบ…..กรอบ……

เสียงที่ฟังดูน่ากลัวของกระดูกและเนื้อที่ถูกบีบอยู่ดังขึ้น

คุนหลุนอยู่ในท่าทีเรียบเฉย มือขวาค่อยๆ ออกแรง แล้วยกเฉินเทียนเซิงขึ้นไปลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

“คนที่ฉันติดตามคือนายท่านกับคุณชาย ถ้าจะให้เอาชีวิตฉัน เพื่อแลกกับชีวิตแก ก็ถือว่าคุ้ม !”

เฉินเทียนเซิงขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างของเขาจับข้อมือของคุนหลุนเอาไว้แน่น

แต่มือของคุนหลุนกลับแข็งเหมือนคีมเหล็ก ไม่เพียงแค่ไม่ยอมปล่อยเท่านั้น แต่เมื่อยิ่งออกแรงกลับยิ่งรู้สึกว่าขอของเขาเหมือนกำลังจะถูกบีบจนขาดออกมา

การหายใจที่ยากลำบาก ทำให้เฉินเทียนเซิงอ้าปากกว้างเพื่อดิ้นรนที่จะหายใจ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าอากาศในปอดของเขานั้นถูกบีบออกไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว

เขาค่อยๆ หน้ามืด

ความตายใกล้เข้ามาทุกทีๆ

“ปล่อยเขาลง !”

ทันใดนั้นเอง เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมา

คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น นึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ยอมปล่อยเฉินเทียนเซิงลง

เฉินเทียนเซิง “ฟุบ” ร่วงลงบนพื้น หายใจเข้าออกแรงและเร็วอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าสีม่วงคล้ำค่อยๆ ดีขึ้น

เปรี้ยง !

ประจวบเหมาะกับที่ด้านนอกห้องมีแสงฟ้าผ่าฟาดลงมา

ครืน !

อาศัยแสงของฟ้าผ่าส่องสว่างให้กับภายในห้อง

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสี จ้องมองเฉินตงด้วยดวงตาเบิกโพลง

ตอนนี้เฉินตงลุกยืนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

เขาค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฉินเทียนเซิงทีละก้าวๆ อย่างไม่รีบร้อน ส่วนในมือกำลังกวัดแกว่งกริชที่ดูน่ากลัวเล่มหนึ่ง

กริชเล่มนี้แหลมคมจนส่องแสงสะท้อนออกมา ทำให้เฉินเทียนเซิงแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

ภายในห้องรับแขกที่เงียบสงัด ค่อยๆ มีเสียงอันเยือกเย็นของเฉินตงดังสะท้อนขึ้นมา

“ในชีวิตของฉัน เฉินตง มีของสามสิ่งที่ต้องรักษา”

“พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูฉันมา !”

“หญิงคนรักที่อยู่ในอ้อมแขนของฉัน !”

“พี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา !”

ตอนที่เฉินตงยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินเทียนเซิง เจตนาในการฆ่าที่รุนแรงก็ปรากฏออกมาเหมือนกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก

เฉินเทียนเซิงตกใจอย่างถึงที่สุด ภายใต้ความมืด ในสายตาของเขาเห็นเฉินตงเหมือนกับเทพเจ้าแห่งการเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น เจตนาฆ่าที่รุนแรงนั้น ทำให้เขาตกใจกลัวอย่างสุดขีด ในหัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เฉินตงชูกริชขึ้นพร้อมกับพูดด้วยความเคียดแค้นว่า

“แกทำร้ายแม่ฉัน ฉันจะขอสู้ตายกับแก !”

บทที่ 113 เฉินตงผู้แปลกประหลาด

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมง

แต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มอย่างมาก

เมฆดำก้อนใหญ่ลอยปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าของเมือง

เดิมทีสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขาเทียนซานอันสวยงามได้ แต่ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ทำให้ยิ่งดูมืดครึ้ม

ลมและฝนกระหน่ำลงมา

เอี๊ยด !

รถโรลส์-รอยซ์คันสีดำจอดอยู่ด้านนอกเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ภายใต้บรรยากาศอึมครึม รถโรลส์-รอยซ์จอดขวางประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเอาไว้ ดูไปแล้วเหมือนกับสัตว์ร้ายที่นอนนิ่งอยู่

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ตรงประตูทางเข้าต่างขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

แต่กลับไม่มีใครกล้าเดินเข้าไป

ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ให้ความสนใจกับหวางเห้าซึ่งขับรถอาวดี้ เอ4ได้

แต่ไม่กล้าที่จะละเลยรถโรลส์-รอยซ์

ใครๆ ก็รู้ดีว่า เจ้าของที่นั่งอยู่ในรถที่มีมูลค่าเช่นนี้ คงจะต้องเป็นคนที่มีฐานะมั่งคั่งอย่างแน่นอน !

หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขตวิลล่าเขาเทียนซานอาจจะไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร

แต่พวกเขาซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน

ภายในรถ เฉินตงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

เขาแสยะยิ้มออกมา : “เมฆดำลอยปกคลอมอยู่ ลมและฝนเทกระหน่ำลงมา ช่างเป็นฉากที่ดูเหมาะสมจริงๆ”

คุนหลุนสีหน้าเคร่งขรึม กำลังจ้องมองไปที่ประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเขาเทียนซานอยู่ในขณะนี้ แววตาดูเกรี้ยวกราดเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ

ในฐานะที่เป็นทหารรับจ้าง สนามรบได้เปลี่ยนความกระหายเลือดในการฆ่าคนของเขาให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

ถ้าไม่ทำก็คือไม่ทำ แต่ถ้าคิดจะทำแล้วก็ต้องทำอย่างเต็มที่ที่สุด !

“คุณชาย ถ้าหากจะต้องฆ่าจริงๆ คุณไม่ต้องแสดงตัว คุนหลุนจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง”

จู่ๆ คุนหลุนก็พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “หากได้รับพรจากนายท่านเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะดึงคุณชายออกมาจากเรื่องนี้ได้ อย่างมากก็แค่เสียสละชีวิตที่ไร้ค่าของคุนหลุนเพียงแค่ชีวิตเดียว”

“พูดอะไรโง่ๆ ?” เฉินตงเลิกคิ้ว

“ชีวิตนี้ของคุนหลุน ในตอนนั้นนายท่านอาศัยความเด็ดเดี่ยวเข้าไปช่วยออกมาจากสนามรบ ผมจึงนับถือเพียงแค่นายท่าน ไม่ได้นับถือตระกูลเฉิน”

เสียงของคุนหลุนฟังดูเคร่งขรึมและเด็ดเดี่ยว ราวกับว่ามีการตัดสินใจอยู่ภายในใจมานานแล้ว : “คุณเป็นลูกชายของนายท่าน และเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินในอนาคต คุนหลุนยินดีที่จะสละชีวิตให้”

เผียะ !

เฉินตงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หัวของคุนหลุน

“ฉันไม่ชอบเห็นพี่น้องไปตายแทนหรอกนะ”

“แต่ว่า……” คุนหลุนรู้สึกซาบซึ้งใจ คิดที่จะพูดแย้งขึ้นมา

เผียะ !

“หุบปาก !”

เฉินตงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หัวของเขาอีกครั้ง : “คนที่ล่วงเกินแม่ของฉัน ฉันจะเป็นคนแก้แค้นด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องให้นายไปตายแทน !”

น้ำเสียงที่ดังก้องกังวาน ยากที่จะโต้แย้งได้

ตอนนี้เอง มีแสงจากรถยนต์สาดส่องมาจากที่ไกลๆ

มีรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาจอดอยู่ข้างๆรถโรลส์-รอยซ์

กระจกรถเลื่อนลง ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของกูหลังยื่นออกมาจากด้านใน ปรากฏให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมเล็กน้อย

“คุณเฉิน……ผมสามารถลงมือโดยลำพังได้”

ถึงจะเป็นคำพูดที่ฟังดูไม่เหมือนกัน แต่กลับเป็นความคิดแบบเดียวกันกับคุนหลุน

ในฐานะผู้ติดตามของเฉินตง บางครั้งการออกรับแทนก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น

ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ไม่เสียดาย

ตอนที่กูหลังตัดสินใจแล้วว่าจะคอยติดตามเฉินตง ในใจก็มีความคิดเช่นนี้เรียบร้อยแล้ว

กูหลังสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาที่แน่วแน่ : “ในมือของผมมีอยู่หลายชีวิต การจะฆ่าเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก”

อย่างไรก็ตาม

เฉินตงที่นั่งอยู่ในรถโรลส์-รอยซ์ กลับหันไปมองกูหลังอย่างไม่แยแส

จากนั้นจึงหันกลับไปมองด้านหน้า แล้วพูดออกมาอย่างสงบว่า : ออกรถ !”

รถโรลส์-รอยซ์สตาร์ทเครื่อง แล้วขับตรงเข้าไปในเขตวิลล่า

กูหลังขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงขับรถตามไปติดๆ

เปรี้ยง !

เมฆดำลอยสะสมอยู่บนท้องฟ้ากว่าครึ่งวัน มีสายฟ้าฟาดผ่ากลางท้องฟ้ายามค่ำคืนลงมา

ลมเริ่มพัดแรง

ใบไม้กำลังปลิวไปมาอยู่เต็มพื้นด้านหน้าเขตวิลล่า

ฟิ้ว ฟิ้ว……

ฝนห่าใหญ่เทลงมา

ด้านหน้าวิลล่า

รถโรลส์-รอยซ์และรถบีเอ็มดับเบิลยูเคลื่อนเข้ามาจอดพร้อมกัน

เฉินตงลงจากรถ ปล่อยให้ทั้งตัวเปียกปอนไปด้วยฝน แล้วเดินตรงเข้าไปยังด้านหน้าประตูใหญ่ของวิลล่าด้วยความเย็นชา

ปัง !

เขาใช้เท้าข้างหนึ่งถีบประตูใหญ่ให้เปิดออก

แล้วเฉินตงก็เดินนำเข้าไปในวิลล่า

คุนหลุนและกูหลังรีบเดินตามไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ปัง !

เฉินตงออกแรงใช้เท้าถีบประตูวิลล่าต่อโดยไม่คิดที่จะหยุดพัก

เปรี้ยง !

แสงของฟ้าผ่าที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง

ทำให้ภายในวิลล่าสว่างวาบขึ้นมา

“เฉินเทียนเซิง ออกมา !” เฉินตงตะโกนด้วยความโมโห

ทั่วทั้งวิลล่าเงียบสงบ

ผ่านไปสักครู่ จึงมีเสียงที่สงบดังขึ้นมาจากห้องรับแขก

“มีธุระอะไรหรือ ?”

พรึบ !

แสงไฟส่องสว่างทั่วห้องรับแขก

เฉินเทียนเซิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเกียจคร้าน เขาหันมองฝนฟ้าฟ้าคะนองนองด้านนอก แล้วส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย : “อากาศแบบนี้ สมควรตายจริงๆ !”

“แกนั่นแหละที่สมควรตาย !”

“คุณชาย !”

“คุณเฉิน !”

คุนหลุนและกูหลังหน้าถอดสีพร้อมกันทันที

คุนหลุนยิ่งใจเต้นรัว

สมควรตาย !

ทำไมจู่ๆ คุณชายถึงได้ลงมือ ?

เขาทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าตั้งใจทำผิดกฎของตระกูลหรอกหรือ ?

แต่ถ้าจะให้เฉินตงจัดการกับเฉินเทียนเซิงตามลำพัง เฉินตงเองก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ !

ขณะที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสมองของคุนหลุนราวกับมีเสียงของท่านหลงดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา

“กูหลัง โจมตีพร้อมกัน !”

คุนหลุนและกูหลังตรงเข้าโจมตีเฉินเทียนเซิงแทบจะพร้อมกัน

“เหอะๆ สามรุมหนึ่ง ไร้ยางอายขนาดนี้เชียวหรือ ?”

เฉินเทียนเซิงที่กำลังเผชิญหน้ากับคนทั้งสามคนอย่างเฉินตง กูหลัง และคุนหลุน กลับขยับแว่นที่อยู่บนดั้งจมูกด้วยท่าทีเรียบเฉย มุมปากเผยรอยยิ้มที่มีนัยยะออกมา

ตุบ !

ยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินตงก็พุ่งตรงเข้าไปด้านหน้าแล้วปล่อยหมัดเข้าใส่เฉินเทียนเซิง

เฉินเทียนเซิงตัวลอยขึ้นในทันที แต่กลับยืนนิ่งไม่ป้องกันตัว

ตุบ !

ถูกชกเข้าไปอีกหมัด สีหน้าของเฉินเทียนเซิงเริ่มซีดเผือดทันที จากนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ลูกกระเดือกเริ่มมีการเคลื่อนไหว

หลบได้ แต่ไม่ยอมหลบ ถึงขนาดไม่แม้แต่จะป้องกันตัว

เหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ ในสายตาของคนปกติอาจเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้

แต่สำหรับคุนหลุนที่มองทุกสิ่งออกได้อย่างชัดเจน ในหัวของเขากลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา——จบเห่แล้ว !

“เหอะๆ……หมัดแรกเป็นฝีมือของแก แกทำผิดกฎของตระกูลแล้ว” เฉินเทียนเซิงพยายามสกัดกั้นไม่ให้กระอักเลือดออกมา แล้วหันไปหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด

การแก้ไขปัญหาของเขาไม่มีทางเหมือนกับเฉินเทียนหย่างผู้เป็นน้องชายของเขาอย่างแน่นอน ที่รู้จักเพียงแค่การฆ่าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า ในตอนนั้นเฉินเทียนหย่างน้องชายของเขาเดินทางมาเมืองนี้ ก็เพื่อจะยอมทำผิดกฎตระกูล จัดการฆ่าเฉินตง เพื่อสนับสนุนเขาซึ่งเป็นพี่ชาย

แต่สำหรับเขาแล้ว การกระทำเช่นนี้ของน้องชาย ก็ยังคงไม่ต่างกับพวกไร้สมองอยู่ดี

เขาไม่รู้สึกซาบซึ้งเท่าไหร่นัก หากจะมีก็คงเป็นความรู้สึกสมเพชในความโง่เขลาของเฉินเทียนหย่างก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม

จู่ๆ ก็มีรอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปากของเฉินตง แววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าเป็นประกาย : “ฉันรู้ดีว่าหมัดแรกแกต้องไม่หลบแน่นอน”

อะไร ? !

เฉินเทียนเซิงหรี่ตาของเขา จากนั้นเส้นเลือดที่หางตาของเขาก็กระตุก

ยังไม่ทันที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เฉินตงก็หันหลังกลับทันที จากนั้นจึงใช้แส้ฟาดเข้าไปที่หัวของเขาพร้อมเสียงที่แหลมเสียดทางเข้าไปในหู

หลังจากทนต่อหมัดแรก เขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ละเมิดกฎของตระกูลแล้ว

เฉินเทียนเซิงไม่คิดที่จะทนอีกต่อไป เพียงแวบเดียว เขากระโดดขึ้นไปบนโซฟา แส้นั้นฟาดเข้าไปที่เข่าของเฉินตง

เผียะ !

มีเสียงแตกดังขึ้น

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เผยให้เห็นสีหน้าของความเจ็บปวด จากนั้นจึงส่งเสียงครวญครางออกมา พร้อมกับเดินโซเซถอยหลังไป

“คุณชาย”

คุนหลุนและเฉินตงที่คอยติดตามอยู่ไม่ห่างรีบเข้ามาประคองโดยพร้อมกันทันที

กูหลังสีหน้าซีดเผือด มองดูเฉินตงด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

โครงสร้างกระดูกของมนุษย์นั้น กระดูกหัวเข่าถือว่าเป็นกระดูกส่วนที่แข็งที่สุด การที่กระดูกขาแตก ถือเป็นการบาดเจ็บของกระดูกขาที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก

เหตุผลง่ายๆ เช่นนี้ ทำไมคุณเฉินถึงไม่รู้ ?

“ได้ลิ้มรสชาติของการที่กระดูกแตกดู คงจะสบายมากใช้ไหมล่ะ ?” เฉินเทียนเซิงพูดพลางแสยะยิ้ม

“ฮู้……”

เฉินตงหายใจออกหนึ่งครั้ง กระดูกขาที่แตกสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทำให้เหงื่อกาฬไหลอาบบนหน้าผากของเขา

เขาผละตัวออกมาจากการประคองของคุนหลุนและกูหลัง เดินโซเซถอยหลังไป แล้วนั่งลงบนโซฟา

เขาหายใจเหนื่อยหอบไปพลาง แล้วแสยะยิ้มออกมาเหมือนกับสัตว์ที่ดุร้ายไปพลาง

จากนั้นจึงค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วชี้ไปที่เฉินเทียนเซิง

“จัดการมัน !”

บทที่ 112 ใครกล้าล่วงเกินแม่ฉัน ฉันจะขอแลกกับมันด้วยชีวิต !

ขณะที่แม่กำลังเกิดเรื่อง เฉินตงก็กำลังประชุมอยู่ที่บริษัท

เมื่อรับโทรศัพท์ของท่านหลง เฉินตงก็ตบโต๊ะดัง “ปัง”

แก้วน้ำชาบนโต๊ะก็ถูกปัดจนแตกไปด้วย เศษแก้วบาดเข้าที่ฝ่ามือของเฉินตงจนเลือดสีแดงสดไหลออกมา

ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจจนสะดุ้งเฮือก

บรรยากาศในห้องประชุมเงียบจนน่ากลัว

เฉินตงในตอนนี้ เหมือนสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ

“เสี่ยวหม่า นายดูแลการประชุมต่อ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ”

เฉินตงหันหลังเดินจากไป

เสี่ยวหม่าอึ้งไปครู่หนึ่ง : “พี่ตง แต่นี่มันเกี่ยวกับเรื่องการขายล่วงหน้า ต้นเดือนตึกทั้งสามแห่งจะมีการเปิดขายล่วงหน้าพร้อมกัน ผม ผมกลัวว่าผมจะทำได้ไม่ดี !”

“ทำได้ไม่ดีก็ต้องทำ !”

เสียงของเฉินตงดังเข้ามาจากทางเดินด้านนอกห้องประชุม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง

เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่หากร่างกายของแม่เป็นอะไรไป นั่นถึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ !

……

โรงพยาบาลลี่จิง

เฉินตงลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันที

คนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างก็ตกใจรีบหลบทางให้

“คุณหมอจาง เขา เขาคนนั้นน่ากลัวมาก คงจะไม่ได้มาก่อเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม ?”

พยาบาลคนหนึ่งตื่นตกใจ หลายปีมานี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในโรงพยาบาลไม่น้อย ทำให้ทั้งหมอและพยาบาลต่างรู้สึกกลัว

คุณหมอจางไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นหมอเจ้าของไข้ของหลี่หลานพอดี

“อย่าพูดเหลวไหล นั่นคือคุณเฉิน”

คุณหมอจางกล่าวออกมาด้วยความเคารพ จากนั้นจึงเข้าไปขวางเฉินตงเอาไว้ : “คุณเฉิน แม่ของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว”

“คุณหมอจาง ตอนนี้แม่ของผมอยู่ที่ไหน ?”

เฉินตงจับมือของคุณหมอจางเอาไว้ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เพิ่งออกมาจากห้องไอซียู ผมจัดการย้ายเข้าไปอยู่ในห้องผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว”

คุณหมอจางพูดพลางขมวดคิ้ว : “ครั้งนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ร่างกายของแม่คุณฟื้นฟูแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะได้รับความกระทบกระเทือนจากอารมณ์โกรธอย่างสุดขีด ก็ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นวันนี้ขึ้นได้”

“ผมขอไปดูแม่ของผมก่อน”

เฉินตงเองก็รู้สึกสงสัย ท่านหลงเองก็ไม่ได้อธิบายในสายโทรศัพท์อย่างละเอียดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อได้ยิน

คุณหมอจางจึงรีบเดินนำทางไปทันที

ภานในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี หลี่หลานยังคงนอนหมดสติอยู่ โดยมีอุปกรณ์ต่างๆ ระโยงระยางไปทั้งตัว

ฟ่านลู่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าโศกเศร้า กุมมือของหลี่หลานเอาไว้

ส่วนท่านหลงกับคุนหลุนนั้นยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เฉินตงเปิดประตูออก และตรงเข้าไปในห้องผู้ป่วย

“คุณเฉิน”

“คุณชาย”

เมื่อเห็นเฉินตง ฟ่านลู่ ท่านหลง และคุนหลุนก็ตะโกนเรียกออกมาพร้อมกัน

เฉินตงพยักหน้า แล้วรีบเดินตรงเข้าไปหาหลี่หลาน เมื่อเห็นว่ายังนอนหมดสติอยู่ก็ขมวดคิ้วแน่น

ฟ่านลู่พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น : “ขอ ขอโทษด้วยคุณเฉิน ฉัน……”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ต้องโทษตัวเอง”

เฉินตงยกมือขึ้นตัดบทฟ่านลู่

ฟ่านลู่คอยดูแลแม่ เขาเองก็เห็นมาโดยตลอด ส่วนแม่ของเขาเองก็ปฏิบัติต่อฟ่านลู่เหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยู่นอกเหนือการควบคุม ถึงทำให้แม่ได้รับความกระทบกระเทือนได้

พูดจบ เขาก็หันไปมองท่านหลงและคุนหลุนด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“คุณชาย ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะครับ”

ท่านหลงถอนหายใจ แล้วเดินนำออกไปที่ทางเดินด้านนอกก่อน

ที่ทางเดินด้านนอก เฉินตงจ้องมองท่านหลงกับคุนหลุนด้วยความโมโห : “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

“เป็นเพราะเฉินเทียนเซิงครับ” คุนหลุนพูด

เฉินตงกำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกดังกรอบทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

ท่านหลงค่อยๆ พูดว่า : “วันนี้หวางเห้าขับรถบุกเข้าไปในวิลล่า เพื่อที่จะมาคิดบัญชีกับเฉินเทียนเซิงเรื่องตระกูลหวางของเขา เดิมทีพวกเราเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่ง แต่เฉินเทียนเซิงได้มอบเช็คมูลค่าห้าล้านบาทให้หวางเห้า บอกว่าให้เพราะเห็นแก่หน้าคุณ”

บูม !

มีเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวของเฉินตง เขาอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา : “เฉินเทียนเซิง เลวจริงๆ !”

ท่านหลงพูดต่อ : “ตอนนั้นคุณหญิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จึงได้พาพวกเราไปออกหน้า จนในที่สุดหวางเห้าก็ถูกไล่กลับไป แต่เฉินเทียนเซิงกลับทำให้คุณหญิงโกรธจนหมดสติจนต้องเข้าโรงพยาบาล”

“เขาพูดอะไรบ้าง ?” เฉินตงหรี่ตาถาม

มีความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งตัวของท่านหลงและคุนหลุน รู้สึกว่าเหมือนว่าอุณหภูมิลดลงไปหลายองศา

“เขาพูดว่า ชีวิตของคุณหญิงนั้นไร้ค่า ให้กำเนิดลูกนอกคอกออกมา !” ท่านหลงพูด

“เหอะ !”

เฉินตงแสยะยิ้ม เขาไม่อาจระงับความโกรธที่มีอยู่ได้อีกต่อไป แต่รอยยิ้มที่เขาแสดงออกมานั้นกลับสงบเยือกเย็นผิดปกติ

ภาพที่เห็นทำให้ท่านหลงและคุนหลุนต้องตกตะลึง

แล้วจึงรีบเดินตามไปติดๆ

เฉินตงค่อยๆ พูดออกมาหนึ่งประโยค

“คุนหลุน ไปกับฉันหน่อย !”

ตู้ม !

ท่านหลงกับคุนหลุนเหมือนถูกฟ้าผ่า

“คุณชาย จะแก้ไขปัญหาด้วยอารมณ์ไม่ได้นะครับ เขาตั้งใจที่จะยั่วโมโหคุณ เพื่อล่อให้คุณทำผิดกฎของตระกูล !” ท่านหลงรีบคว้าเฉินตงเอาไว้

แต่เฉินตงกลับสะบัดมือของท่านหลงออกอย่างแรง : “มันทำให้แม่ของฉันต้องเข้าโรงพยาบาล นายยังจะห้ามไม่ให้ฉันแก้ไขปัญหาด้วยอารมณ์อีกหรือ ? เรื่องล้อเล่นแบบนี้ มันไม่ตลกเลยสักนิด !”

“ไม่ว่าจะเป็นกฎของตระกูลหรือจะเป็นตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าแม่ของฉันทั้งนั้น”

“หากเขาหาเรื่องฉัน ฉันยังจะพอทนได้ แต่นี่เขาแตะต้องแม่ของฉัน ต่อให้เป็นเทวดามาจากไหนฉันก็ไม่มีทางยอมละเว้นทั้งนั้น !”

ในคำพูดแฝงไปด้วยอารมณ์โกรธและเจตนาฆ่าที่เต็มเปี่ยม

ใครกล้ากระตุกหนวดเสือ มันผู้นั้นต้องตาย !

แม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา

หากผู้เป็นมารดาได้รับความอับอาย แต่ผู้เป็นลูกกลับไม่ออกมาปกป้อง เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าเป็นลูกอกตัญญูหรอกหรือ ?

“คุนหลุน !”

เฉินตงเดินจ้ำอ้าวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

คุนหลุนรีบเดินตามไปทันที

“คุนหลุน ดูแลคุณชายด้วย !”

ท่านหลงรีบกล่าวเตือน รอจนกระทั่งทั้งสองหายลับจากทางเดินไป เขาถึงแอบถอนหายใจออกมา : “คุณชาย……อย่าให้ความพยายามทั้งหมดของนายท่าน ต้องมาสูญเปล่าไปในคราวเดียวเลย”

เขารับรู้ถึงความรู้สึกของเฉินตงและหลี่หลานสองแม่ลูกดี

แม่ต้องได้รับความอับอายเช่นนี้ เป็นใครก็ไม่มีทางทนไหวทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกของทั้งสองแม่ลูกที่คอยประคับประคองกันมาตลอดยี่สิบกว่าปี

ด้วยความผูกพันที่มีต่อกันเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่มีเหตุผลขนาดไหน ก็สามารถลืมความกลัวตรงหน้าได้หมดสิ้น

ดังนั้น เขาจึงไม่คิดที่จะเข้าไปขวาง เพราะรู้ดีว่าไม่อาจขวางได้

ให้คุนหลุนคอยจับตาดูเฉินตงเอาไว้ให้ดี ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ท่านหลงสามารถคิดออกได้ในตอนนี้แล้ว

ขอเพียงอย่าล้ำเส้นที่ขีดไว้ คุณชายก็จะยังคงเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกต่อไป !

เมื่อเดินออกมาจากโรงพยาบาล ขณะที่คุนหลุนกำลังหยุดรถ เฉินตงก็ส่งข้อความไปหากูหลัง

หลังจากขึ้นรถแล้ว คุนหลุนถามด้วยความสงสัยว่า : “คุณชาย เรียกกูหลังมาทำไมหรือครับ ?”

เฉินเทียนเซิงเป็นคนที่เขาสอนมาเองกับมือ ต่อให้เขาจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านหลง ไม่ยอมปล่อยให้เฉินตงลงมือ เขาเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะเฉินเทียนเซิงได้ !

จู่ๆ ใบหน้าที่เย็นชาของเฉินตงก็ปรากฏรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา แววตานั้นทำให้คุนหลุนรู้สึกเสียวสันหลัง

เขาค่อยๆ พูดว่า : “กูหลังเป็นคนรับใช้หรือเปล่า ?”

คุนหลุนเลิกคิ้ว แล้วเข้าใจทุกอย่างในทันที

แต่ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว : “คุณชาย ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้”

“เหรอ ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว

คุนหลุนพูดว่า : “ตามกฎของตระกูลที่ท่านหลงว่าไว้ ต่อให้กูหลังจะไม่ใช่คนรับใช้ แต่ก็ถือว่าเป็นคนของคุณ หากมีความเกี่ยวข้องกันเช่นนี้ ก็จะต้องถูกจัดการตามกฎของตระกูลเช่นเดียวกัน !”

“เหอะๆ”

เฉินตงยิ้มเยาะออกมา : “ที่ฉันเรียกกูหลังมา ก้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงกฎของตระกูลให้มากที่สุด ถ้าเช่นนั้นเห็นทีคงไม่จำเป็นต้องเลี่ยงอีกแล้ว !”

คุนหลุนฟังอย่างตั้งใจ และกำลังจะเปิดปากพูด

แต่เฉินตงกลับจ้องคุนหลุนตาเขม็ง : “นายบอกฉันมาซิ ถ้าหากเป็นแม่ของนายที่ถูกทำร้าย ถ้าหากต้องใช้ชีวิตนายและกับชีวิตของครอบครัวศัตรู นายจะยอมแลกหรือไม่แลก ?”

คุนหลุนนิ่งไป

จากนั้นจึงตอบกลับมาอย่างดุเดือดว่า : “แลก !”

เฉินตงยิ้ม แล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ จากนั้นจึงพึมพำออกมาเบาๆ ว่า : “ทุกคนก็เหมือนกันหมด”

บทที่ 111 ชีวิตที่ต่ำต้อย

น้ำเสียงที่เย็นชาและบึ้งตึง

ทำให้ทุกคนหันกลับไปมองในทันที

ด้วยแรงยุยงของฟ่านลู่ ทำให้หลี่หลานรู้สึกโกรธจนตัวสั่น

มีท่านหลงและคุนหลุนยืนขนาบอยู่ด้านหลังของเธอทั้งซ้ายและขวา

เรื่องข้างนอกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาล้วนรู้ดีแก่ใจ แต่หลี่หลานตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปสนใจอีก

เฉินตงหย่ากับหวางหนันหนันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันอีก

คนที่หวางเห้าหาคือเฉินเทียนเซิงไม่ใช่เฉินตงเสียหน่อย

แต่คำพูดของเฉินเทียนเซิงนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการใส่ร้ายเฉินตง เพื่อให้ “รับผิดแทนตนเอง” ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเฉินตงเลยแม้แต่น้อย แต่ความผิดกลับมาตกอยู่ที่เฉินตง

ในฐานะของคนเป็นแม่ หลี่หลานไม่อาจทนเห็นลูกชายตนเองต้องมารับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ก่อได้ !

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลานรู้จักนิสัยและพฤติกรรมของคนในตระกูลหวางเป็นอย่างดี

ถ้าหากปล่อยให้เฉินตงถูกใส่ร้ายเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้คนของตระกูลหวางยิ่งกัดเฉินตงไม่ยอมปล่อยหรอกหรือ ?

การเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ทำให้หลี่หลานรู้สึกสงสารเฉินตงที่ตอนนี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จึงไม่ต้องการให้คนของตระกูลหวางมาคอยสร้างความวุ่นวายให้เฉินตงอีก

“นังแก่ ! เฉินตงล่ะ ให้ไอ้สารเลวเฉินตงออกมาเดี๋ยวนี้ !”

หวางเห้าซึ่งถูกเหยียบอยู่ เมื่อเห็นหลี่หลานก็จ้องตาเขม็งด้วยความโมโห ยืดคอตะโกนออกมาเสียงดัง

“หุบปาก !”

หลี่หลานจ้องมองแล้วพูดด้วยความโกรธ : “ตระกูลหวางของพวกแก เมื่อไหร่จะยอมปล่อยตงเอ๋อของฉันเสียที ? พวกแกอยากประจบสอพลอเอง พอมาวันนี้ถูกหลอกใช้ขึ้นมา กลับคิดที่จะใส่ร้ายตงเอ๋อของฉันอีกหรือ ?”

เพราะความโมโหเกินไป ขณะพูดทำให้หลี่หลานหายใจเร็วผิดปกติจนกระทั่งเหนื่อยหอบ

ฟ่านลู่ตกใจมาก รีบเข้าไปลูบอกของหลี่หลาน : “คุณป้าคะ ใจเย็นๆ หน่อย เป็นห่วงสุขภาพด้วย”

หลี่หลานยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณว่าตนเองนั้นไม่เป็นอะไร

“อ้าว……ไม่เจอกันหลายปีเลย”

เฉินเทียนเซิงมองหลี่หลานด้วยท่าทียั่วโมโห : “ถ้าตอนนั้นคุณกล้าปล่อยให้ผมตกลงไปตายที่กำแพง คุณเองก็คงต้องตายไปด้วยไม่ใช่หรือ ?”

หลี่หลานขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดอะไรอีก

กลับเป็นท่านหลงที่หัวเราะเสียงดังแล้วเดินออกมา : “เฉินเทียนเซิง เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับคุณชายของพวกเราด้วย ถ้าหากคุณยังใส่ร้ายคุณชายของเราอีกล่ะก็ คุนหลุนคงจะต้องขับไล่คนผิดออกไปเสียแล้ว

ยังไม่ทันจะพูดจบ คุนหลุนก็เดินออกมา แล้วมายืนอยู่ต่อหน้าทั้งสามคน

รูปร่างที่สูงตระหง่านเหมือนกับหอคอยเหล็ก ทำให้ตอนนี้ทุกคนรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก

หลังจากที่คอยติดตามนายท่านของตระกูลเฉิน คุนหลุนผู้ซึ่งเคยเป็นทหารรับจ้าง ก็มีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มประสิทธิภาพทักษะการต่อสู้ให้แก่คนรุ่นใหม่ไฟแรงของตระกูลเฉินโดยเฉพาะ หรือจะพูดว่าเป็นอาจารย์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในตระกูลเฉินก็คงไม่ผิด

เฉินเทียนเซิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยั่วโทสะ : “ท่านหลง พูดเช่นนี้ก็ดูจะเกินไปหน่อย อีกอย่าง คุนหลุนจะกล้าหรือ ?”

เขามองไปที่คุนหลุนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

ไม่ว่าจะเป็นท่านหลงหรือว่าคุนหลุน ก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้ของตระกูลเฉินเท่านั้น

ในตระกูลเฉิน แม้กระทั่งต่อหน้าคนธรรมดาคนรับใช้ก็ยังต้องก้มหัวให้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกเช่นเขา !”

“คุณอยากลองดูไหมล่ะ ?”

ท่านหลงเลิกคิ้วหัวเราะ : “ถึงผมจะเป็นคนรับใช้ แต่ก็ติดตามรับใช้นายท่านมานาน ตอนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เคยตีผู้สอบทอดมรดกจนตาย !”

ถึงจะดูเหมือนเป็นการพูดลอยๆ แต่ภายใต้คำพูดและเสียงหัวเราะเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง ที่ยากจะหาอะไรเปรียบได้

ถึงกระทั่งว่าทำให้สีหน้าของเฉินเทียนเซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาหัวเราะ ยืดตัวขึ้น แล้วยกเท้าออกจากใบหน้าของหวางเห้า

หวางเห้าลุกขึ้นมาด้วยความโมโห และจ้องเฉินเทียนเซิงตาเขม็ง จากนั้นจึงหันไปจ้องถามหลี่หลาน

เขามาเพื่อที่จะหาเรื่อง !

แต่ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องระหว่างหลี่หลานกับเฉินเทียนเซิงไปได้ ?

แต่ว่า บทสนทนาระหว่างหลี่หลานกับเฉินเทียนเซิงเมื่อครู่นี้ กลับทำให้หวางเห้าเกิดความมั่นใจในเรื่องๆ หนึ่งขึ้น

นั่นก็คือ……เฉินเทียนเซิงกับเฉินตงรู้จักกัน !

ในเมื่อรู้จักกัน ถ้าเช่นนั้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน จะต้องเป็นแผนการของเฉินตงอย่างแน่นอน !

เพราะกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ หวางเห้าจึงไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เขาพุ่งเข้าไปหาหลี่หลานแล้วตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“นังแก่ รีบส่งไอ้สารเลวเฉินตงของแกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ มันทำลายครอบครัวของพวกเราจนไม่เหลือชิ้นดี !”

สีหน้าของหลี่หลานแสดงออกถึงความโกรธจนแทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่

ทำไมหวางเห้าถึงโง่เขลาได้ขนาดนี้ ?

“คุณป้า ระวังสุขภาพด้วยค่ะ อย่าโมโห อย่าโมโห……

ตอนนี้ฟ่านลู่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลี่หลาน ก็รู้สึกใจเต้นอย่างเป็นกังวล แล้วจึงหันไปตะคอกคุนหลุนอย่างอารมณ์เสียว่า : “พี่คุนหลุน ตอนนี้จะปล่อยให้คุณป้าโมโหจนกระทบถึงสุขภาพไม่ได้นะ !”

ขณะที่เพิ่งจะพูดจบ หวางเห้าก็ตรงเข้ามาอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว

คุนหลุนก้าวเข้าไป แล้วจึงยกเท้าขึ้นเตะเขาออกไป

ปัง !

หวางเห้าไม่อาจต้านทานแรงได้ เขาถูกเตะลอยไปไกลกว่าสามเมตร หลังจากตกกระแทกลงบนพื้นสีหน้าก็ซีดเผือดทันที : “พรวด” เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของเขา

ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างรู้สึกตกใจและเสียวสันหลังขึ้นมา

“เป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงที่มาเข้าใกล้คุณหญิงของเรา ?”

เสียงของคุนหลุนหนักแน่นราวกับเสียงตีกลอง : “คุณชายของเราใจดีมีเมตตา ไม่ถือสาตระกูลหวางของพวกแก แต่ฉันคุนหลุนไม่ใช่คนใจกว้างเช่นนั้น !”

คำขู่ที่เอาจริงเอาจัง เป็นการเตือนหวางเห้าไม่ให้เข้ามาใกล้

ส่วนหวางเห้าเอง หลังจากที่กระอักเลือด ก็ไม่คิดที่จะเข้ามาใกล้อีก

แต่กลับล้มตัวลงนอนอยู่ลงพื้น ใช้เท้าและมือตบพื้น นอนกลิ้งไปมา และตะโกนร้องเสียงดังลั่น

“ไม่ยุติธรรมเลย ! ถึงขนาดจะฆ่าจะแกงกันแล้ว บนโลกนี้ยังมีกฎหมายอยู่อีกไหม ?”

เสียงร้องไห้เสียดแทงเข้าไปในหู

เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองหวางเห้าด้วยความสมเพช : “หนวกหู”

จากนั้นเขาก็หันไปมองบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย : “หรือจะให้ฉันเป็นคนจับเขาโยนออกไปเอง ?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนได้สติในทันที พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไปหาหวางเห้า จากนั้นจึงใช้กำลังบังคับยกหวางเห้าขึ้นมา

“ปล่อย ปล่อยฉันลง พวกแก ไอพวกสุนัขรับใช้ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

แต่ไม่ว่าหวางเห้าจะต่อสู้ขัดขืนเช่นไร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อยเขา หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคนถึงขนาดใช้กำปั้นต่อยเข้าไปที่ท้องของหวางเห้าอย่างแรง : “หุบปากเดี๋ยวนี้ !”

หวางเห้าหน้าตาบูดเบี้ยว หลังจากถูกต่อยเข้าไปหนึ่งหมัดเข้าก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาผสมปนเปกันไปหมด เจ็บจนพูดไม่ออก

หลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหามหวางเห้าออกไปแล้ว

เฉินเทียนเซิงจึงหันไปมองท่านหลงและคุนหลุน แล้วค่อยๆ ชูนิ้วโป้งขึ้นมา : “ท่านหลง คุนหลุน พวกคุณสองคนเป็นสุนัขรับใช้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ !”

ความอับอายที่เกิดขึ้น ทำให้ท่านหลงและคุนหลุนขมวดคิ้วพร้อมกัน

แต่ทั้งสองต่างก็ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ ด้วยความแตกต่างของฐานะ ทำให้พวกเขาจำต้องอดทนไปก่อน

ถึงแม้ท่านหลงจะเคยฆ่าผู้สืบทอดมรดกมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะฆ่าได้ตามอำเภอใจ !

เหตุการณ์ที่เกิดข้นในตอนนั้นไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ ดังนั้นหลังจากที่เขาฆ่าแล้วจึงยังสามารถใช้ชีวิตต่อได้อย่างสงบสุข แต่สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาฆ่าเฉินเทียนเซิงจริง แม้แต่นายท่านก็คงไม่อาจปกป้องเขาได้ !

กฎของบ้านตระกูลเฉิน คือ “วิถีปฏิบัติ” ที่ทุกคนภายในตระกูลเฉินต้องยึดถือ !

“แก ออกไปได้แล้ว !”

จู่ๆ หลี่หลานก็กัดฟันแน่นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “เฉินเทียนเซิง ถ้าแกกล้าแตะลูกชายของฉันล่ะก็ ฉันจะยอมพาแกไปลงนรกพร้อมกับชีวิตที่ไร้ค่าของฉันเอง !”

“โถ ! แกนี่ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง !”

เฉินเทียนเซิงหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นจึงยมมือขึ้นขยับแว่นที่วางอยู่บนดั้งจมูก : “ชีวิตของแกไม่ไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย ยังมีค่ามากกว่าชีวิตของฉันเสียอีก”

พูดจบเขาก็กลอกตา เหมือนจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงตบหัวตัวเองแล้วหัวเราะเยาะขึ้นมา

“อ้อๆๆ ฉันลืมไปเสียสนิทเลย หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นในตอนนั้น ชีวิตของแกก็ดูเหมือนจะไร้ค่าจริงๆ ดังนั้นถึงได้เกิดไอ้ลูกนอกคอกแบบเฉินตงออกมาได้”

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ !”

ได้ยินคำว่า “ไอ้ลูกนอกคอก” หลี่หลานก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตะคอกออกไปเสียงดังสั่น

แต่หลังจากสิ้นเสียงตะโกน ใบหน้าของหลี่หลานก็ซีดเผือดทันที

จากนั้นตัวก็แข็งทื่อ ความดันเลือดพุ่งสูง จนตากลับ และหมดสติไปในอ้อมแขนของฟ่านลู่

“คุณป้า……”

“คุณหญิง……”

ฟ่านลู่ ท่านหลง และคุนหลุนต่างก็ตกใจจนหน้าซีดทันที

บทที่110 นายมาใส่ร้ายลูกชายฉันได้ยังไง?

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

รถออดี้ A4คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว

ปรื้น!

รถออดี้ A4ได้หยุดรถที่หน้าประตู

หวางเห้ายื่นหัวออกไป ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน: “ฉันจะไปพบเทียนเซิง ให้ฉันเข้าไปด้วย!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้ากัน

ในเขตวิลล่าระดับไฮเอนด์ ในความรู้สึกของพวกเขา น่าจะมีแต่พวกแม่บ้านพี่เลี้ยงที่ขับรถออดี้ เพื่อออกไปซื้อกับข้าว!

สำหรับความโอหังของหวางเห้า หนึ่งในพนักงานรักษาความปลอดภัยก็กล่าวขึ้น “คุณผู้ชาย หากไม่ใช่คนที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือไม่ได้รับเชิญจากเจ้าของบ้าน คุณจะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่นี้ได้”

หวางเห้ารู้แต่แรกแล้ว สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ

ครอบครัวของตัวเอง ถูกเทียนเซิงทำลายจนพังยับเยิน!

หากตอนนี้เขายังไม่ก้าวออกมา ยังจะเป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ?

เสียงเครื่องยนต์ของรถออดี้ A4ดังขึ้น มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังคำราม

ตามด้วยเสียงล้อรถยนต์ที่หมุนเสียดสีพื้นดังกระแทกหูพร้อมกับควันที่คลุ้ง

เสียงโวงๆ รถออดี้เหมือนกับสัตว์ร้าย พุ่งชนประตูของวิลล่า

สิ่งที่พ่อแม่เจอครั้งก่อน หวางเห้ายังจำได้ดี

พูดเหตุผลกับพนักงานพวกนี้ สุดท้ายมันก็จะทำให้เขาไม่สามารถพูดเหตุผลออกมาได้

ภาพกะทันหันนี้ ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รีบวิ่งไปขัดขวาง

เห็นได้ชัดว่าความเร็วของรถออดี้ไม่ได้ลดลงแต่กลับเพิ่มความแรงขึ้น ทันใดนั้นก็ทำให้คนเหล้านั้นเซไปข้างหลัง

โครม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประตูวิลล่าถูกชนจนเปิดออก

หัวรถออดี้ชนประตูจนเปลี่ยนทรง เกิดเป็นควันฟุ้งขึ้นมา

แต่หวางเห้าที่เต็มไปด้วยไฟโกรธ เหมือนกับสัตว์ร้ายที่โกรธเกรี้ยวตัวหนึ่ง ไม่สนใจอะไรเลย ขับรถออดี้มุ่งหน้าไปยังวิลล่าที่อยู่ติดภูเขา

เขาเคยได้ยินหวางหนันหนันพูด เทียนเซิงพักอาศัยอยู่ในวิลล่าที่แพงที่สุดที่อยู่ติดกับภูเขา

“จบแล้ว ตอนนี้จบเห่แล้ว!”

หน้าประตู พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าซีด ร้องไห้โวยวาย

บางคนรีบแจ้งกับฝ่ายนิติ

เขตวิลล่าเขาเทียนซานนี้ ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวของคนรวยและผู้มีอำนาจชั้นนำของเมืองนี้

หากถูกผู้พักอาศัยเห็นว่ามีคนฝ่าเข้ามาในพื้นที่ ต้องเอาเรื่องถึงที่สุดอย่างแน่นอน

หากจัดการไม่ดี ต่อให้ฝ่ายนิติจะมีที่พึ่งพิงอย่างโจวเย่นชิว ก็จะต้องถูกถลกหนังออกมาหนึ่งชั้นอย่างแน่นอน!

ที่ห้องทำงานฝ่ายนิติ

ผู้จัดการฝ่ายนิติกำลังโกรธอย่างมาก ลุกขึ้นอย่างโมโห ป้างตบไปบนโต๊ะหนึ่งที

“รนหาที่ตาย! เด็กเมื่อวานซึนที่โผล่มาจากไหน กล้ามากร่างที่เขาเทียนซานของฉัน?”

“ขวางมันเอาไว้ ฉันไม่สนว่าพวกนายจะใช้วิธีอะไร ต้องขวางมันให้ได้!”

“เอาให้มันตายไปเลย ต้องเอาให้มันตาย!”

คำสั่งที่ออกมาพร้อมกับความโกรธ เผยให้เห็นถึงแรงอาฆาต

อยู่ในเมืองนี้ โจวเย่นชิวแม้ว่าจะเป็นคนที่พอจะมีชื่อเสียงทางธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ซื่อตรงอย่างแน่นอน

เขตวิลล่าเทียนเมืองซานที่อยู่ในเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นราคาหรือภาพลักษณ์ของเจ้าของบ้าน ล้วนเป็นอันดับหนึ่งของเมือง!

ถ้าหากถูกคนนอกฝ่าฝืนเข้ามา ฝ่ายนิติยังไม่ลงโทษด้วยวิธีที่รุนแรง สำหรับชื่อเสียงของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน มันก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

หวางเห้าที่ขับรถออดี้ที่ฟุ้งไปด้วยควัน ด้วยความเร็วที่สูงมาก มุ่งหน้าไปยังวิลล่าที่ติดภูเขา

ด้านหลังของเขา รถของฝ่ายนิติ แล่นตามมาติดๆ

ภาพนี้ ถูกเจ้าของวิลล่าหลายหลังมองเห็นแล้ว แต่ละคนใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็โกรธมาก

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน พนักงานรักษาความปลอดภัยถึงได้แย่ขนาดนี้?

ตอนแรกที่ซื้อวิลล่าที่เขาเทียนซาน ก็เพราะเห็นว่ามันมีสภาพแวดล้อมที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย

วันนี้ถูกคนฝ่าฝืนเข้ามาแล้ว?

คนรวยไม่เคยถือสาที่ตัวเองแสดงความเหนือกว่าในที่สาธารณะ แต่พวกเขาถือสาอย่างมาก หากมีคนกล้ามาแสดงความยั่วยุความเหนือกว่าต่อหน้าพวกเขา

รถออดี้ที่ฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่ ในสายตาส่วนใหญ่ของเจ้าบ้าน ต่างมองว่าคนที่ฝ่าเข้านั้นเป็นคนโง่ที่บุกถ้ำเสื้อ!

“ตรงนี้ละมั้ง?”

ดวงตาที่บวมแดง ค่อยๆกวาดตามองที่วิลล่าสวยงามที่อยู่ด้านนอก

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องขมาดคิ้ว เพราะเขาไม่รู้ว่าเทียนเซิงนั้นพักอยู่หลังไหน

จึงจำเป็นต้องลดความเร็วของรถลงมา

นายขณะที่เขาเอียงหน้ามองหานั้น

รถออดี้ที่อยู่ตรงด้านหน้า เสียงของรถออดี้A6ส่งเสียงดังราวกับสัตว์ป่าที่กำลังคลุ้งคลั่ง ได้พุ่งเข้ามาชนรถของหวางเห้า

โครม!

เสียงดังสนั่น

รถสองคันชนกัน รถออดี้ A4ถูกชนจนเครื่องดับทันที

น่ากลัวมากชนจนด้านหน้ารถเปลี่ยนทรง มีควันฟุ้งกระจายออกมา

และหวางเห้า ที่ไม่ทันตั้งตัว หัวก็ได้ไปโขกกับพวงมาลัยรถ หน้าผากแตก เลือดไหลเป็นทาง

ในเวลาเดียวกัน รถนิติที่ตามติดมาหลายคัน แล่นมาจากทั้งซ้ายและขวา ได้ปิดล้อมรถออดี้ A4ไว้โดยรอบ

“ลากตัวออกไป ไปลากตัวมันออกมา!”

รปภ.วัยกลางคนคนหนึ่งได้ลงมาจากรถออดี้ A6 น้ำเสียงเฉียบขาด ถุยน้ำลายลงบนพื้นอย่างป่าเถื่อน: “เย็ดแม่ กล้ามาก่อเรื่องที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน นายมันไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่มั้ย!”

รถหลายคัน รปภ.ลงมาพร้อมกันเป็นสิบกว่าคน พริบตาเดียวก็ได้ปิดล้อมรถออดี้ A4เอาไว้

เปิดประตูรถอย่างรุนแรง ราวกับว่ากำลังลากหมาที่ตายแล้ว ในขณะที่หวางหวาดกลัวร้องเสียงดังนั้น ก็ถูกกระชากลงไปบนพื้นแล้ว

ตามมาด้วย ถูกซ้อมทั้งแตะทั้งต่อย

มีคำสั่งของผู้จัดการนิติ พวกรปภ.ก็ไม่ต้องกังวลถึงผลที่จะตามมา

มีหน้าที่จัดการ หากเกิดเรื่อง มีผู้จัดการนิติรับผิดชอบ!

ถูกรปภ.สิบกว่าคนรุมซ้อม หวางเห้าหดตัวเป็นก้อน เปล่งเสียงร้องเหมือนหมูที่ถูกเชือด เสียงดังสะท้อนไปทั่วพื้นที่วิลล่า

ภาพนี้ ไม่เพียงแต่มีคนเห็น แต่กลับไม่มีใครออกมาขัดขวางเลย

สำหรับผู้มองดูเหตุการณ์ รปภ.ทำร้ายคนที่ฝ่าฝืนเข้ามาแบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ในวิลล่า

เฉินเทียนเซิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองไปหวางเห้าที่ถูกล้อมทำร้ายอยู่ด้านนอก ด้วยสีหน้าที่สงบเยือกเย็น

สายตา ค่อยๆหันไปมองวิลล่าที่อยู่ด้านข้าง

ความจริงแล้ว ตำแหน่งที่หวางเห้าถูกชนจนรถหยุด น่าประหลาดใจมากเพราะมันเป็นวิลล่าของเฉินตง

“ยายแก่ น่าอยู่บ้านนะ?”

เฉินเทียนเซิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่รู้ว่า จะมายุ่งเรื่องนี้หรือไม่?”

พูดจบ ก็หันกาย เดินออกมาด้านนอกวิลล่า

เมื่อเขาเดินมาถึงข้างๆพวกรปภ.แล้วนั้น หวางเห้าที่ถูกกดทับอยู่บนพื้น ทันใดนั้นก็เห็นเขา

“เทียนเซิง ไอ้คนชั่ว แกทำลายครอบครัวฉันได้สาหัสมาก ฉันจะสู้กับแก!”

วินาทีนั้นหวางเห้าตาแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด เหมือนคนบ้าได้ฝ่าออกมาจากวงล้อมของรปภ. ราวกับสัตว์ป่า พุ่งเข้าหาเฉินเทียนเซิงที่ยืนตั้งตระหง่าน

“จับมันไว้!”

สีหน้าของรปภ.สิบกว่าคนเปลี่ยนไปอย่างมาก

แต่

ในขณะที่หวางเห้าพุ่งตัวไปถึงด้านหน้าของเทียนเซิงนั้น

ตูบ!

เฉินเทียนเซิงถีบเท้าออกไป ได้เตะหวางเห้าที่เข้ามาใกล้กระเด็นออกไป

ยังไม่ทันที่หวางเห้าจะลุกขึ้น เฉินเทียนเซิงก็พุ่งตัวเข้ามา ใช้เท้าเหยียบหน้าของหวางเห้าอย่างโหดร้าย

“จำเอาไว้ ฉันชื่อเฉินเทียนเซิง!”

“แก………อ้า………อ้า………”

หวางเห้าดิ้นรนสุดชีวิต แต่ว่าได้ถูกเฉินเทียนเซิงเหยียบหน้าเอาไว้ ไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เลย

รปภ.สิบกว่าคนตกใจจนอึ้ง

เจ้าของบ้านคนนี้……..โหดไปหรือเปล่า?

เฉินเทียนเซิงค่อยๆก้มตัวลง ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวได้ปล่อยพลังฆ่าที่จะสะพรึงกลัวออกมา “ต่อให้ฉันจะฆ่าแก ก็จะฆ่าอย่างหมา อีกอย่าง ตระกูลหวางของแก รีบไสหัวออกไปจากเมืองนี้”

ขณะที่พูด เขาได้หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าหนึ่งใบ งั้นปากของหวางเห้าออก แล้วยัดมันเข้าไป

“นี่เป็นเงินห้าล้าน คนจนอย่างพวกแก หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่พวกแกมีเกี่ยวข้องกับเฉินตง ฉันไม่มีทางที่จะให้พวกแกเลย”

โครม!

หวางเห้าตะลึงไปเลย

เฉินเทียนเซิง…….กับเฉินตงมีความเกี่ยวข้องกัน?

คลื่นแห่งความอัปยศอดสูและความโกรธ ราวกับน้ำที่เอ่อล้นออกมาจากแม่น้ำ

เขาสองคน ต้องร่วมมือกันมาทำลายตระกูลหวางของเราอย่างแน่นอน!

นี่เป็นความคิดเดียวที่เหลืออยู่ในสมองของหวางเห้า

ในเวลานี้

ป้าง!

ประตูที่อยู่ตรงหน้าที่เกิดเหตุได้ถูกเปิดออก

หลี่หลานที่อยู่ภายใต้การพยุงของฟ่านลู่ เดินออกมาจากในวิลล่า

“เฉินเทียนเซิง แกใส่ร้ายลูกชายฉันได้ยังไง? ตอนนั้นฉันน่าจะโยนนายไปกระแทกกำแพงให้ตายไปเลย!”

บทที่ 109 หวางหนันหนันที่เป็นโรคประสาท

หนึ่งสัปดาห์ถัดมา

สำหรับเฉินตงแล้ว มันช่างสงบเหลือเกิน

คลื่นเดียวที่มี ก็คือสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้นานแล้ว

ร้านวัสดุก่อสร้างทั้งหมดได้ร่วมมือกันคว่ำบาตรไท่ติ่ง

ครั้งที่แล้วโจวเย่นชิวที่เป็นคนออกหน้า ช่วยไท่ติ่งผ่านอุปสรรคไปได้ แต่ครั้งนี้ก็ยังเป็นโจวเย่นชิวที่เป็นผู้นำในการทำเรื่องนี้

ในเวลาสั้นๆ เฉินตงไม่เคยมาก่อนเลยผู้ขายวัสดุจะยินยอมพร้อมใจคว่ำบาตรพร้อมกัน

โชคดีที่ยังมีบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ที่ขายวัสดุให้ไท่ติ่ง ทำให้โครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ไม่ถึงกับต้องหยุดการก่อสร้าง

ในเวลาเดียวกันโครงการสามแห่งที่จะเปิดให้จองล่วงหน้านั้น เฉินตงก็ยังไม่คิดที่จะระงับโครงการนี้

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือเงินทุน เพื่อใช้มันมาสร้างโครงการที่ใหญ่กว่า

อีกอย่าง ในเมื่อเฉินเทียนเซิงประกาศสงครามแล้ว แผนแรกก็ใช้มีดอย่างโจวเย่นชิวมาจี้คอเขา

หากเป็นแบบนี้ต่อไป โครงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองก็ต้องใช้ระยะเวลาก่อนสร้างที่เพิ่มมากขึ้น ในระหว่างนี้ใครจะไปรู้ว่าเฉินเทียนเซิงนั้นจะมาไม้ไหนอีก?

อีกฝั่งหนึ่ง ที่โรงพยาบาลลี่จิง

ในห้องผู้ป่วย บรรยากาศตึงเครียด

หวางหนันหนันยังไม่ตาย สามารถรอดชีวิตมาได้ และก็ได้ตื่นนานแล้ว หน้าผากยังพันด้วยผ้าพันแผล แต่ว่าสติยังไม่ค่อยสมบูรณ์มากนัก

นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทั้งวันเอาแต่จ้องเพดานห้อง น้ำตาไหลเป็นระยะแล้วบ่นพึมพำ “สกปรก……. สกปรก………”

ภาพนี้ ทำให้คนที่เฝ้าไข้อย่างหวางเต๋อเหมือนโดนมีดกรีดที่ใจ

ตั้งแต่วันนั้นที่หวางหนันหนันฆ่าตัวตาย ในที่สุดทั้งครอบครัวก็ได้สงบลงมาแล้ว

ในฐานะที่เป็นพ่อ หวางเต๋อไม่กล้าที่จะคิดเลย วันนั้นหวางหนันหนันนั้นรู้สึกแย่ขนาดไหน

แม้กระทั่งหวางเต๋อยังไม่รู้เลย ว่าครอบครัวของเขาเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงได้กลายเป็นแบบนี้?

เคยทำเวรทำกรรมอะไรไว้เหรอ?

มองดูหวางหนันหนันที่พูดคนเดียวอยู่บนเตียง หวางเต๋อตาแดง มือสั่น สงสารจนอยากจะไปกอดหวางหนันหนัน

แต่ยังไม่ทันได้กอด หวางหนันหนันก็ตัวสั่น จู่ๆก็หดตัวเป็นก้อน สั่นสะท้านไปทั้งตัว

ภาพนี้ ทำให้ใบหน้าที่อ่อนล้าของหวางเต๋อน้ำตาไหลเป็นทาง

พรึบ!

ประตูห้องถูกเปิดออก

จาวซิ่วจือกับหวางเห้าเดินเข้ามา

หวางเต๋อก็รีบเช็ดน้ำตาบนหน้า แต่ก็ยังถูกจาวซิ่วจือเห็นเข้า

จาวซิ่วจือมองบน แล้วก็บ่น “ไม่ได้เรื่องเลย ทำตัวเหมือนผู้หญิงไปได้ ร้องไห้ฟูมฟาย”

หวางเต๋อรู้สึกขุ่นเคือง สีหน้าขุ่นมัว

ตามมาด้วย จาวซิ่วจือก็ชี้ไปที่เตียงของหวางหนันหนัน พูดกลับหวางเห้าอย่างเย็นชา

“หวางเห้า ยังไม่ไปเรียกพี่แกกินข้าวอีก?”

หวางเห้าอึๆอะๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “แม่ พี่ก็เป็นแบบนี้แล้ว แม่พูดจาให้มันเพราะๆหน่อยเถอะ”

“เพราะห่าอะไรล่ะ หากไม่ใช่มัน บ้านเราจะกลายเป็นแบบนี้มั้ย?”

จาวซิ่วจือจ้องหวางเห้าอย่างหงุดหงิดแวบหนึ่ง: “ตอนนี้เป็นไง มันคนเดียวที่เป็นประสาท ทำให้คนทั้งบ้านต้องมาดูแลมัน ชาติที่แล้วฉันทำเวรกรรมอะไรไว้?”

หย่ากับเฉินตง ถูกเฉินเทียนเซิงทิ้ง

ทั้งสองเรื่องทำให้จาวซิ่วจือเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด เธอมีโอกาสที่จะเป็นคุณนาย ตั้งสองครั้ง!

แต่ทั้งหมดถูกหวางหนันหนันทำพัง!

ลำบากมาครึ่งค่อนชีวิต จาวซิ่วจือที่อยู่ต่อหน้าตระกูลหวางหรือบ้านของตัวเอง ไม่เคยได้ยืนอย่างสง่าผ่าเผยมาก่อน ต้องกล้ำกลืนฝืนทน เธอหวังเพียงว่าลูกสาวจะมีสามีรวยทำให้เธอสุขสบายได้!

หวางเห้าก็เลยไม่พูดต่อ ถือปิ่นโตเดินไปที่ข้างกายหวางหนันหนัน: “พูดเบาๆ พี่ครับ ทานข้าวได้แล้ว”

หวางหนันหนันที่หดตัวเป็นก้อนอยู่จู่ๆก็ตัวสั่นขึ้นมา จ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ทันใดนั้น เธอเหมือนกับถูกไฟช็อก ดีดตัวขึ้นมา กอดหวางเห้าไว้แน่นๆ

“น้อง น้องไม่ต้องกลัวนะ……… พี่อยู่ตรงนี้…….. พี่ต้องช่วยนายอย่างแน่นอน………”

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้หวางเห้าตกใจจนร้องเสียงดัง

หวางเต๋อที่อยู่ด้านข้างไม่ทันจะตั้งตัว

แต่กลับเป็นจาวซิ่วจือที่วิ่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว

เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใบหน้าที่ดุร้าย ยกมือไปตบที่หน้าของหวางหนันหนัน: “เธอปล่อยเสี่ยวเห้าเดี๋ยวนี้!”

เพี้ยดังขึ้นหนึ่งที เสียงดังชัดเจน

จนใบหน้าของหวางหนันหนันเอียง ใบหน้าก็ปรากฏด้วยรอยฝ่ามือ

“แม่ แม่ทำอะไรน่ะ?” หวางเห้าตกใจมากดก

ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด หวางหนันหนันที่กอดเขาไว้ “ฮือ” ก็ร้องไห้ด้วยเสียงดัง

เสียงที่แสบหู เจ็บปวดและสิ้นหวัง

จาวซิ่วจือฟังแล้วก็หงุดหงิด ไปกระชากผมของหวางหนันหนัน ก็ตบตีเธออย่างโหดร้าย พลางตีพลางด่า

“ไอ้ลูกบ้า เป็นสินค้าที่ขาดทุนยังไม่พอ ตัวเองมาเป็นโรคประสาทอีก ยังมาทรมานลูกชายฉันอีกเหรอ?”

“ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อยไง ทำให้เสี่ยวเห้าเจ็บแล้ว วันนี้ฉันจะส่งเธอไปเจอยมบาล”

“ไอ้สินค้าที่ขาดทุน ไอ้ลูกชั้นต่ำ เธอดูสิว่าเธอให้ครอบครัวแย่ขนาดไหน?”

……

เพี้ยๆๆๆ……..

เสียงตบบ้องหูที่ดังและแรง

ในห้องผู้ป่วย เละเป็นโจ๊ก

หวางเห้าอยากจะห้าม แต่เพราะถูกหวางหนันหนันกอดไว้อย่างแนบแน่น ไม่สามารถที่จะห้ามจาวซิ่วจือได้เลย

หวางหนันหนันถูกตบจนตัวสั่นสะท้าน ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

ทันใดนั้น

“คุณอาละวาดพอหรือยัง? ปล่อยหนันหนันเดี๋ยวนี้?!”

หวางเต๋อที่โกรธก็ลุกขึ้น กางฝ่ามือที่ใหญ่ ตบไปที่หน้าของจาวซิ่วจือ

ตบเต็มกำลัง ไม่ปรานีเลย

เพียงฝ่ามือเดียวก็ตบจนจาวซิ่วจือถอยหลัง อึ้งจนตาค้าง

พริบตาเดียว ใบหน้าครึ่งหนึ่งของจาวซิ่วจือก็บวมขึ้นมาทันที

กลับไม่ได้ตอบโต้กลับทันที ทำเพียงจ้องมองหวางเต๋อด้วยความหวาดกลัวและโกรธ เห็นได้ชัดว่าถูกฝ่ามือนี้ทำให้อึ้งไปแล้ว

แต่ไหนแต่ไร หวางเต๋อตามใจเธอมาโดยตลอด ยอมให้เธอกดขี่

อยู่ในบ้าน จาวซิ่วจือจึงเป็นผู้ที่ใหญ่ค้ำฟ้า

แต่วันนี้ หวางเต๋อที่ลงมืออุกอาจ มากพอที่จะทำให้จาวซิ่วจือกลัว

ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ

จู่ๆจาวซิ่วจือก็กรีดร้องขึ้นมา แล้วนอนลงบนพื้นกลิ้งตัวไปมา “โอ๊ย ไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลจริงๆ หวางเต๋อคนมันคนไร้ความสามารถที่เก่งแต่กับคนในบ้าน ฉันแต่งงานกับคุณ ถือว่าซวยไปแปดชาติ!”

หวางเต๋อโกรธจนตัวสั่น ถูกไฟโกรธแผดเผา

เขามองหวางหนันหนันที่ตัวสั่นอยู่บนเตียงอย่างสงสาร

คนที่เป็นพ่อ มีใครที่ไม่รักลูกสาวของตัวเอง?

แต่จาวซิ่วจือที่เป็นแม่ กลับไม่คิดถึงสถานการณ์ของลูกสาวตอนนี้เลย!

ทนกัดฟัน หวางเต๋อที่โกรธเคืองพูดกับจาวซิ่วจือ “หุบปากเดี๋ยวนี้ บ้านนี้มีคุณมันถึงได้เป็นแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะหลงลาภยศสรรเสริญ ทะเยอทะยาน บ้านจะเป็นแบบนี้มั้ย?”

จาวซิ่วจือกำลังจะแก้ตัว หวางเต๋อกลับยกฝ่ามือขึ้น

“ไสหัวไป คุณไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามารบกวนการพักฟื้นของหนันหนัน!”

“หากคุณไม่ไป วันนี้ผมจะตีคุณให้ตาย หย่ากับคุณ!”

น้ำเสียงเหมือนเสียงฟ้าร้อง โกรธอย่างมาก

หวางเต๋อที่อ่อนแอ ในที่สุดก็กล้าลุกขึ้นมาสักครั้ง

มากพอที่จะทำให้จาวซิ่วจืออึ้ง สุดท้ายภายใต้การเกลี้ยกล่อมของหวางเห้า ก็จากไปด้วยความเศร้าหมอง

ในห้องผู้ป่วย หวางหนันหนันจู่ๆก็ร้องไห้กอดหวางเต๋อเอาไว้ “พ่อ หนู หนูกลัว………หนู หนูสกปรกแล้ว…….หนูช่วยเหลือน้องไม่ได้อีกแล้ว……..”

ได้ยินคำพูดนี้ หวางเต๋อลุกขึ้นพร้อมกันน้ำตาที่เห็นได้ยากของเขา

ด้านนอกโรงพยาบาน

จาวซิ่วจือด่าหวางเห้าอย่างไม่ปรานี “ไอ้เต่าหัวหด ทำไมต้องให้แม่ออกมา ทำไมไม่ขวางพ่อนายเลย!”

“แม่ พอได้แล้ว!”

หวางเห้าโมโหจนทุบหน้าอกและกระทืบเท้า “บ้านเราก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว เรารอให้พี่สาวหายดีก่อนค่อยคุยกัน ได้มั้ย?”

“จะให้แม่พอได้ยังไง? ต้องเป็นพี่แกทำอะไรผิดอย่างแน่นอน ล่วงเกินเทียนเซิง ไม่อย่างนั้นคนดีๆแบบเทียนเซิงจะเอาเงินล้านมาล้อเล่นพวกเราเหรอ?” จาวซิ่วจือขมวดคิ้วจนเป็นสระอี

ใช่!

เทียนเซิง!

หวางเห้าทำหน้าจริงจัง โกรธอย่างมาก

“ใช่ พี่สาวเป็นแบบนี้เพราะเขา ผม ผมจะไปหาเขา!”

บทที่ 108 ประกาศสงคราม

ตอนเที่ยง

เฉินตงกำลังยุ่งอยู่ในห้องทำงาน

เสี่ยวหม่าเดินเข้ามา “พี่ตง มีใครคนหนึ่งให้ยามเอาจดหมายขึ้นมา”

เฉินตงรับจดหมายมา เปิดอ่าน คิ้วของเขาขมวดทันที

เนื้อหาในจดหมายนั้นสั่นมาก

“เจอกันร้านกาแฟที่อยู่ใต้ตึก”

สิ่งที่ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วก็คือ คนส่งจดหมายคือ เฉินเทียนเซิง

“พี่ตง ใครเหรอ?” เสี่ยวหม่าที่เห็นสีหน้าที่ดูแย่ของเฉินตง จึงถามด้วยความสงสัย

เฉินตงฉีกจดหมายทิ้ง โยนลงไปในทั้งขยะ “หมาตัวหนึ่ง”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก

เฉินเทียนเซิงอยากเจอเขากะทันหัน มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

พังพอนให้ไก่ส่งท้ายปีเก่า ต้องไม่หวังดีอย่างแน่นอน

เพียงแต่ เฉินตงกลับไม่ได้มีความคิดที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ว่ายังไงสุดท้ายทั้งสองคนก็ต้องขึ้นลานประลองอยู่ดี มันคือการต่อสู้ที่ไม่ใช่เขาก็เป็นเราที่ต้องตาย

เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี

ร้านกาแฟที่ใต้ตึก เต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อเฉินตงเดินเข้าไปในร้านกาแฟนั้น แวบเดียวก็มองเห็นเฉินเทียนเซิงที่นั่งใกล้หน้าต่าง

เฉินเทียนเซิงนั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้ สายตามองไปที่ผู้คนมากมายที่กำลังเดินอยู่ด้านนอกถนน มือขวาที่ถือช้อนเอาไว้ ค่อยๆคนกาแฟที่เต็มไปด้วยไอร้อน

ก็ธรรมดาเหมือนกับคนที่อยู่รอบๆโดยไม่อะไรแตกต่างกัน

แต่ใครจะไปคิดถึง ก็คนแบบนี้แหละ กลับทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เป็นผู้สืบทอดอำนาจบารมีของตระกูลเฉิน?

“นายหาฉัน?”

เฉินตงเดินเข้าไป แล้วนั่งลงโดยตรง

เฉินเทียนเซิงไม่ขยับเลย ยังคงมองข้างอย่างสงบ มุมปากมีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ฉันสังเกตเห็น “พื้นที่บริเวณนี้ของบริษัทนาย สาวสวยไม่น้อยเลย”

เฉินตงขมวดคิ้ว

ตามมาด้วย เฉินเทียนเซิงยกมือชี้ไปที่ด้านนอก “นายดูคนนั้นสิ เอวบางขายาว จุ๊……….ไม่เลว”

ขนาดที่พูด เขาก็ส่ายหัว “เพียงแต่มันไม่น่าตื่นเต้นเลย ฉันเสียเงินล้านสองล้าน ก็สามารถทำให้เธอมาสยบแทบเท้าได้แล้ว”

“มาเพื่อพูดเรื่องนี้?” เฉินตงเอือมระอาแล้ว

เฉินเทียนเซิงหันหน้ากลับมา ยิ้มแล้วมองเฉินตงไปแวบหนึ่ง จิบกาแฟไปหนึ่งคำ จึงได้แสดงท่าทางที่รู้สึกผิดออกมา

“ขอโทษ ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้ว่าหวางหนันหนันเป็นอดีตภรรยาของนาย”

“เห่อ!”

เฉินตงยิ้มหยัน

เฉินเทียนเซิงพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างขี้เกียจ “ดังนั้น เพื่อเป็นการขอโทษ ฉันได้ไล่เธอไปแล้ว”

“แล้วไง?” เฉินตงขมวดคิ้วมองเฉินเทียนเซิง

แววตาของเฉินเทียนเซิงกะพริบๆ พริบตาเดียวก็กลับสู่ความสงบ

จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา นายพูดถูก “เธอมันคือของเหลือเดน ไม่น่าตื่นเต้นเลย และก็ลดฐานะของฉันด้วย”

เฉินตงที่สงบ มองไปที่เฉินเทียนเซิงอย่างเงียบๆ

เผชิญกับสายตาของเฉินตง ใบหน้าของเฉินเทียนเซิงก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ แต่ว่านิ้วที่จับช้อนไว้ กลับออกแรงโดยที่ไม่รู้ตัว

“ฮู้………”

เฉินตงถอนหายใจ “หากมาเพื่อพูดเรื่องนี้ งั้นฉันขอตัวก่อน”

พูดจบ เขาลุกขึ้นก็จะเดินจากไป

“นายว่า หลังจากที่เธอกลับไปแล้ว บ้านเธอจะเกิดอะไรขึ้น?”

เฉินเทียนเซิงเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม แววตาเป็นประกาย “นายดูสิ ฉันดูแลนายมากแค่ไหน ตอนแรกที่นายไม่สามารถเด็ดขาดกับครอบครัวนี้ แต่ฉันทำได้แล้ว ฉันกำลังทำให้นายดูเป็นตัวอย่าง”

ทำเป็นตัวอย่าง?

เฉินตงหยุดฝีเท้าลง

หน้าตาบูดบึ้งและโกรธ

แววตาเปล่งประกายด้วยแรงอาฆาต

เขากับหวางหนันหนันได้ตัดขาดกันแล้ว ไม่ได้ติดค้างซึ่งกันและกัน

ถึงแม้ว่าตระกูลหวางจะตอแยเขาไม่เลิก เขาก็ไม่เอาเรื่อง ไม่ใช่เพราะเขาใจอ่อน แต่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น

นอกจากเวลาที่ทำร้ายแม่ของเขา เขาจึงจะตอบโต้กลับด้วยความโกรธ

แต่เฉินเทียนเซิงละ

แค่เพื่อจะทำให้เขารู้สึกอัปยศ ก็เลยมาสร้างสวรรค์แห่งฝันให้กับตระกูลหวาง

ทำอะไรก็อยากให้มันเกินไป มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ การที่ฝันสลายนั้นอาจทำให้คนถึงตายได้

หากไม่คิดที่จะให้แสงสว่างกับอีกฝ่าย ก็อย่าไปพาเขาออกมาจากในที่มืดมิด มาเจอกับแสงสว่าง

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิสัยของตระกูลหวาง การกระทำของเฉินเทียนเซิง โหดยิ่งกว่าเอามีดมาเฉือนเนื้อของพวกเขาอีก!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

เฉินตงระงับไฟโกรธในทรวง ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก

มองดูแผ่นหลังของเฉินตง ในที่สุดใบหน้าของเฉินเทียนเซิงก็ปรากฏด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ บ่นพึมพำคนเดียว “ฉัน……..นึกว่านายจะไม่โกรธเสียอีก”

พรึบ!

เขาตบมือหนึ่งที เรียกบริการหญิงมา

ดูแล้วเอวบางร่างน้อย บริกรหญิงที่หน้าตาค่อนข้างจะดี เฉินเทียนเซิงขยับแว่นที่อยู่ตรงสันจมูก แล้วนำใบบัตรเอทีเอ็มม่วงทองวางไปในถาดของบริกรหญิง

จากนั้นก็ขยับไปใกล้บริกรหญิง กระซิบที่ข้างหู “นอนกับฉันหนึ่งคืน ให้เธอหนึ่งล้าน!”

บริกรหญิงตัวสั่น ใบหน้าที่สวยงามของเธอจู่ๆก็แดงระรื่น

แต่เธอกลับไม่ได้ตอบ มองเฉินเทียนเซิงด้วยสีหน้าที่ตกใจ

“เธอคือสาวบริสุทธิ์ ฉันดูออกแล้ว หนึ่งล้านไม่ได้ สองล้าน” เฉินเทียนเซิงเอนกายลงบนเก้าอี้ ดวงตาของเขาจ้องมองไป เย่อหยิ่งเหมือนจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

แววตาของบริกรหญิงเปล่งประกาย สองมือกำแน่น ฟันกัดริมฝีปากแดงเอาไว้

“สามล้าน!” เฉินเทียนเซิงกล่าว

บริกรหญิงสั่นสะท้าน ก้มหน้าลง ตอบกลับด้วยเสียงที่เบาเหมือนเสียงยุง: “…………โอเค”

……

เฉินตงที่ออกจากร้านกาแฟ ไม่ได้ทานอาหารเที่ยง

แต่กลับเข้าบริษัทด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น

การมาที่กะทันหันของเฉินเทียนเซิง เหมือนกับหนาม ได้ทิ่มอยู่บนหัวใจของเขา

เขาไม่ใช่คนนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ได้อาลัยอาวรณ์เรื่องของหวางหนันหนันอยู่แล้ว

แต่เพราะเรื่องเมื่อคืน ทำให้เขารู้แผนการชั่วๆของเฉินเทียนเซิง

ดังนั้น สิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจคือจุดประสงค์ของการมาเยือนของเฉินเทียนเซิง!

ท่าทางที่ไม่สบายแบบนี้ กินเวลาไปถึงบ่ายสามโมง

เมื่อเสี่ยวหม่าเดินเข้ามาในห้องทำงาน เฉินตงเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าของเสี่ยวหม่านั้นดูแย่มาก

“เป็นอะไร?” เฉินตงถาม

สีหน้าของเสี่ยวหม่ามืดมน ขมวดคิ้ว พี่ตง “พี่ยังจำซัปพลายเออร์ที่ขายวัสดุที่อยู่นอกพื้นที่ที่โจวเย่นชิวช่วยประสานงานให้เราได้มั้ย?”

เฉินตงพยักหน้า

“เมื่อกี้พวกเขาโทรศัพท์ บอกว่าจะหยุดส่งสินค้าให้เรา อีกอย่างยังยินดีที่จะชดใช้ค่าผิดสัญญา” เสี่ยวหม่ากล่าว

ใจที่ว้าวุ่นของเฉินตง ทันใดนั้นก็สงบลงทันที

พรึบ!

มือที่อยู่ในมือ ถูกหักด้วยนิ้วมือ

“จุดประสงค์ที่นายมานี่ ก็เพื่อมาประกาศสงครามเหรอ?”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา: “เวลาสั้นๆ ประธานโจวก็ยอมสยบให้นายแล้ว นายให้ผลประโยชน์ที่ใหญ่ขนาดกับเขากันนะ?”

“ประกาศสงคราม สยบ? พี่ตง เมื่อเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”

เสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความสงสัย คำพูดของเฉินตง เห็นได้ชัดว่ารู้ถึงสาเหตุของเรื่องแล้ว

“ไม่เป็นไร นายออกไปก่อนเถอะ ทางบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะยังคงจัดส่งวัสดุให้เราอย่างต่อเนื่อง” เฉินตงยกมือกล่าว

แม้แต่โจวเย่นชิวยังยอมสยบให้มันแล้ว เขาไม่สงสัยเลย ต่อจากนี้ผู้ค้าวัสดุก่อสร้างทั้งหมดก็จะร่วมมือกันคว่ำบาตรไท่ติ่งอีกครั้ง

เพียงแต่โชคยังดีที่กูชิงหยิ่งเป็นเจ้าของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ ยังมีวัสดุของยิงลี่ โครงการของไท่ติ่งยังไม่ถึงกับต้องหยุดชะงัก

“แต่หากเป็นแบบนี้ การทำงานของโครงการ ก็จะเกิดความล่าช้า” เสี่ยวหม่ากล่าว

หากมีวัสดุจากหลายๆซัปพลายเออร์ มันทำให้งานก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองคืบหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ก็เหมือนกับมีสายน้ำจากสายยางไหลสายปล่อยน้ำลงไปในบ่อ วันนี้ได้ถูกตัดขาดจนเหลือสายยางเพียงเส้นเดียว อยากจะให้น้ำในบ่อเต็ม ก็ต้องใช้เวลานาน

“ไม่เป็นไร”

เฉินตงสะบัดมือ ส่งสัญญาณให้เสี่ยวหม่าออกไป

หลังจากที่เสี่ยวหม่าออกไป ใบหน้าที่สงบของเขาจู่ๆก็ปรากฏท่าทีที่เบื่อหน่าย

การเกิดสองคำนี้ มันสามารถกดทับให้คนตายได้จริงๆ!

ประจวบเหมาะตอนนี้

โทรศัพท์ในวีแชทก็ดังขึ้น

เมื่อเฉินตงหยิบขึ้นมาดู อาการเบื่อหน่ายและความเศร้าก็หายไปทันที

เป็นข้อความที่กู้ชิงหยิ่งส่งมา

“เฉินตง เดือนหน้าฉันจะกลับประเทศแล้ว อีกอย่าง พ่อแม่ฉันก็อยากจะเจอคุณด้วย

บทที่107 ฆ่าตัวตาย!

หวางหนันหนันกลับมาบ้านอย่างสิ้นหวัง

เวลานี้เธอ เหมือนกับหงส์ปีกหัก ฝันสลาย เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มันแย่ยิ่งกว่าอีก

เปิดประตู

คนที่ต้อนรับเธอ เป็นพ่อแม่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข และหวางเห้าที่แต่งตัวด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง

“พี่ครับ ไปเถอะ เราไปซื้อรถกับพี่เขย” หวางเห้าดึงมือของหวางหนันหนัน พูดอย่างตื่นเต้น

เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืน ในหัวลอยไปด้วยคำพูดประโยคนั้นของเฉินเทียนเซิง

“รถที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งล้าน ไม่ต้องไปคิดถึงมันเลย!”

รถหรูราคาเป็นล้าน หวางเห้าไม่เคยฝันเลยว่าในชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสขับรถหรู แต่แล้วว่าที่พี่เขยก็ปรากฏตัว ทำให้เขามีโอกาสนี้

เมื่อคิดพิจารณาไปทั้งคืน ในที่สุดหวางเห้าก็มีรถที่ตัวเองอยากได้ในใจสองสามรุ่น

เมื่อคิดตัวเองขับรถหรูหลักล้านวิ่งอยู่ในเมือง หัวใจของหวางเห้าก็เต้นแรงมาก

สำหรับรถออดี้ของเขา เขาก็คิดไว้แล้ว จะให้พ่อใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทาง

“ใช่แล้ว หนันหนัน เทียนเซิงละ?”

จาวซิ่วจือเลิกคิ้วมองไปด้านหลังของหวางหนันหนัน ยิ้มแล้วพูด “เดี๋ยวลูกก็บอกเทียนเซิงด้วย ให้พวกเราไปช่วยเลือกรถพร้อมกับเสี่ยวเห้าด้วยนะ?”

“แม่ พวกท่านจะตามไปทำไม ไม่มีความรู้เรื่องรถสักหน่อย” หวางเห้ารังเกียจเล็กน้อย

“แม่ไม่มีความรู้ แต่แม่อยากจะไปดูด้วยไม่ได้เหรอ?”

จาวซิ่วจือเลิกคิ้วกล่าว “ลูกสาวของแม่เก่ง มีลูกเขยมหาเศรษฐี จะซื้อรถให้ลูกชายที่น่ารักของแม่ คนเป็นแม่ก็แค่อยากจะตามถ่ายรูปได้หรือเปล่า ขอเสนอหน้าบ้างได้มั้ย?”

เธอไม่มีความรู้เรื่องรถจริง แต่เธอรักหน้าตา

แค่คิดเมื่อไปถึงโชว์รูมรถหรู ภาพที่ถูกเซลล์มาต้อนรับอย่างประจบสอพลอ จาวซิ่วจือก็เหมือนจะลอยขึ้นเล็กน้อย

ภาพแบบนี้ เมื่อก่อนเธอเคยเห็นในทีวีเท่านั้น

หวางเต๋อที่อยู่ด้านข้างกำลังลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูดดี อยากจะห้ามแต่สุดท้ายก็ระงับเอาไว้ เขารู้ว่าจะห้ามจาวซิ่วจือไม่ให้เสนอหน้านั้นเป็นไปไม่ได้

แต่ทั้งสามคนกลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลย เวลานี้อารมณ์ความรู้สึกของหวางหนันหนันจมดิ่งแค่ไหน

เสียงพูดเสียงหัวเราะ ได้เข้าไปในหูของหวางหนันหนัน ราวกับมีดที่ถูกเผาจนแดง ได้กรีดลงไปในหัวใจของเธออย่างแรง

รถหรู?

เสนอหน้า?

มองแม่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำแวบหนึ่ง จู่ๆหวางหนันหนันก็รู้สึกขยะแขยงแม่อย่างมาก จนแล้วอย่างอยากจะมีหน้ามีตา ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ

ไม่ได้พูดมาก หวางหนันหนันก็ก้มหน้า เดินผ่านพ่อแม่และหวางเห้าโดยตรง เดินเข้าไปในห้องน้ำ

ชูบๆ…………

หัวอยู่ใต้ฝักบัว สายน้ำไหลลงมาราวกับน้ำของน้ำตก

น้ำที่เย็นเล็กน้อย ทำให้ร่างกายของหวางหนันหนันเปียกทันที

หวางหนันหนันค่อยๆถอดชุดชาแนลสีดำที่เปียกชื้นออกด้วยความงุนงง จากนั้นก็ถูตัวด้วยครีมอาบน้ำ แล้วก็หยิบแปรงขัดผ้า มาขัดร่างกายของตัวเองอย่างแรง

ฉึบๆๆ……….

พลางขับอย่างแรง พลางร้องไห้ แล้วพูดอย่างเสียงเบา: “สกปรก……สกปรก………สกปรกมาก”

ผิวพรรณที่อ่อนเยาว์ ก็ถูกขัดจนเป็นรอยเลือดเป็นเส้นๆ เลือดสดซึมออกมา

ขอเพียงโดนน้ำ เลือดแดงๆก็จะจาง

หวางหนันหนันขมวดคิ้วอย่างแน่นๆ เหมือนกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด พลางขัด พลางบ่นเหมือนคนที่คนบ้าคลั่ง

จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อ หวางเห้าต่างอึ้งตามๆกัน

ได้ยินเสียงน้ำไหลของฝักบัว ทั้งสามคนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ใช่บอกว่าจะไปซื้อรถเหรอ? ทำไมพี่กลับมาก็มาอาบน้ำแต่เช้าเลย?” หวางเห้ากล่าวอย่างสงสัย

จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อสบตากันแวบหนึ่ง

ก๊อกๆ!

จาวซิ่วจือเคาะประตูไปสองครั้ง “หนันหนัน ลูกจะอาบเสร็จเมื่อไหร่? เสี่ยวเห้ายังรอไปซื้อรถอยู่นะ”

ในห้องน้ำ เสียงน้ำไหล กลับไร้เสียงตอบกลับของหวางหนันหนัน

จาวซิ่วจือขมวดคิ้ว กำลังจะเคาะประตูต่อ แต่กลับถูกหวางเต๋อห้ามเอาไว้

หวางเต๋อที่ขมวดคิ้ว ก็เรียกเบาๆ “หนันหนัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพูด

ในห้องน้ำก็ดังขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องของหวางหนันหนัน

ทันใดนั้นก็ดังขึ้นด้วยเสียงร้องที่บีบหัวใจ

“ไม่จริง มันไม่ใช่เรื่องจริง!”

“ไม่มีรถหรู ไม่มีรถหรูแล้ว!”

“เทียนเซิงหลอกหนู เขาทิ้งหนูแล้ว”

……

ขณะที่ร้องไห้ หวางหนันหนันก็ได้พูดความจริงออกมา

โครม!

ด้านนอก หวางเต๋อ จาวซิ่วจือและหวางเห้าในหัวก็ดังขึ้นด้วยเสียงระเบิด

เป็นไปได้ยังไ?!

เมื่อวานยังดีๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?

ทำไมแค่คืนเดียว ก็กลายเป็นแบบนี้?

“พี่…….” หวางเห้าเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อน “พี่ล่วงเกินว่าที่พี่เขยแล้วหรือเปล่า เขาไม่ซื้อรถให้ผมแล้ว ต่อไปผมจะทำยังไง?”

คำพูดเพียงประโยคเดียว ทันใดนั้นก็ทำให้จาวซิ่วจือโมโหมาก

หวางเห้าไม่ได้นอนทั้งคืน เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคิดถึงการใช้ชีวิตที่หรูหราและร่ำรวยเงินทอง จาวซิ่วจือก็ตื่นเต้นจนไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ ต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าญาติพี่น้องจะมีหน้ามีตาแค่ไหน?

ป้างๆๆ…….

จาวซิ่วจือเคาะประตูอย่างแรง ตะโกนเสียงดัง “หวางหนันหนัน ลูกทำอะไรผิดหรือเปล่า ลูกทำให้เทียนเซิงโกรธเหรอ? ต้องใช่แน่ๆเลย ไอ้ลูกดื้อ ปกติแม่ตามใจเธอจนเสียคนแล้ว นิสัยที่ไม่ดีของเธอไม่มีใครทนได้เลย แม่สั่งให้เธอไปขอโทษเทียนเซิงเดียวนี้!”

คำพูดที่บาดหู

ไม่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างเมื่อคืนและเมื่อกี้อีกแล้ว

“ทำไมต้องเป็นหนูที่ทำผิด? แม่เป็นแม่หนูนะ ก็เพราะเขามีเงิน เขาทิ้งหนูแล้ว ก็เป็นความผิดของหนูเหรอ?”

ในห้องน้ำหวางหนันหนันร้องไห้อย่างเจ็บปวด

“โอ๊ย แม่สอนเธอ เธอยังมีหน้ามาย้อนอีกนะ?”

จาวซิ่วจือไม่มีความคิดที่จะหยุดเลย มือเท้าเอวแล้วพูด “เฉินเทียนเซิงมาที่บ้านครั้งแรกก็มอบของขวัญหลักล้าน มีน้ำใจขนาดนี้ จะทิ้งเธอได้เหรอ? ต้องเป็นเธอที่ทำให้เขาโกรธ เธอไปตามลูกเขยคนดีของฉันกลับมา ไม่อย่างนั้นวันนี้แม่ก็จะตายอยู่ที่บ้าน!”

ขมขู่!

เวลานี้จาวซิ่วจือโกรธมาก

ภาพความหวังทั้งหมด หากไม่มีเทียนเซิง ฝันก็สลาย

เธอรักหน้าตาที่สุด อะไรก็ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเข้าไปโอ้อวดในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ตอนนี้กลับไม่มีโอกาสนั้นแล้ว?

“เงินหลายล้าน? เงินหลายล้านมันจะแค่ไหนเชียว เขาไม่ได้สนใจเงินล้านนั่น แม่ แม่เป็นห่วงหนู หรือว่าเป็นห่วงเงินกันแน่?”

จาวซิ่วจือโกรธมาก” ก็ต้องเป็นห่วงเงินน่ะสิ ฉันคลอดแกมา หรือจะให้เลี้ยงแกมาเพื่อขาดทุนจริงๆเหรอ?”

“คุณพอได้แล้ว พูดเกินไปแล้วนะ!” หวางเต๋อทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ออกปากห้ามปราม

จาวซิ่วจือกลับใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าอกของหวางเต๋อ “ตอนนี้เป็นหวางหนันหนันที่ทำผิด ฉันที่เป็นแม่ไม่มีสิทธิ์จะสั่งสอนมันเหรอ?”

“ผิดเหรอ? มันคือความผิดเหรอ! ต้องโทษที่หนูเลียได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถทำให้เขามีความสุข แม่ว่าใช่เหตุผลนี้มั้ย?”

ในห้องน้ำ หวางหนันหนันจู่ๆก็หยุดร้องไห้ “ชีวิตแบบนี้ หนูทนพอแล้ว!”

ตู๊ม!

ดังขึ้นหนึ่งเสีย ในห้องมีเพียงเสียงน้ำไหล

“หนันหนัน………”

หวางเต๋อสะดุ้งตกใจ รีบผลักจาวซิ่วจือออก ตะโกนไปทางหวางเห้า “หวางเห้า รีบพังประตู!”

หวางเห้าที่ถูกปฏิกิริยาของแม่ทำให้ตะลึงไปนานแล้ว

ในความวุ่นวาย เขาใช้แรงขา ถีบประตูออก

บนพื้น น้ำที่ไหลปนเปื้อนด้วยเลือดสดจางๆ

แต่ร่างกายของหวางหนันหนันเต็มไปด้วยเลือด บนหัวมีเลือดไหลไม่หยุด

“อ้า!”

หวางเห้าตกใจจนหน้าซีด อดไม่ได้จนต้องร้องตะโกนออกมา

หวางเต๋อกับจาวซิ่วจือก็ตกใจพร้อมกัน กรูไปด้านหน้า สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“อ้า!”

ในบ้าน เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องที่สะท้อนไปทั้งบ้าน

บทที่ 106 ฝันสลาย ฟ้าถล่ม

น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความจำยอม ทำให้ท่านหลงกับคุนหลุนเสียใจ

การเกิดสองตัวอักษรนี้ ก็เหมือนกับทะเลภูเขาน้ำแข็ง

คุณนึกว่ามันเล็ก และไม่สำคัญ

แต่คุณกลับไม่รู้ว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใต้ทะเลที่คนไม่รู้ ก็คือสิ่งที่แข็งแรงแต่อ่อนแอ

“อีกอย่าง การฆ่าคนนั้นไม่จำเป็นต้องใช้มีดจริงๆ”

เฉินตงจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา

ถึงกับทำให้ท่านหลงกับคุนหลุนตกใจ

แต่เฉินตงกลับไม่ได้อธิบาย ก็เดินกลับเข้าไปในห้องโดยตรง

“ท่านหลง ความหมายของคุณชายคือมีแผนการแล้วเหรอ?” คุนหลุนถาม

มุมปากของท่านหลงแฝงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พยักหน้ากล่าว “ข้ายิ่งดู ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณชายเหมือนนายท่านตอนสมัยหนุ่มๆ เหมือนกันอย่างมาก” ทั้งคืนก็ไม่มีคำพูดใดๆอีกเลย

เมื่อดวงอาทิตย์สาดส่องพื้นโลกอีกครั้ง

ในวิลล่าที่เฉินเทียนเซิงพักอยู่ กลับเยือกเย็นและไร้ความปรานี

พรึบ!

เฉินเทียนเซิงได้โยนเสื้อคลุมไปยังร่างของหวางหนันหนันที่ยังคงหลับอยู่: “ไสหัวไป”

เรื่องเมื่อคืน ทำให้ทั้งสองคนหมดอารมณ์ ต่อให้หวางหนันหนันมีใจที่อยากจะนอนร่วมเตียงเดียวกัน ก็ถูกเฉินเทียนเซิงปฏิเสธ

ทั้งสองคนแยกกันนอน

หวางหนันหนันที่กำลังนอนฝันอยู่ก็ตกใจตื่น มองเฉินเทียนเซิงโดยไม่รู้จะทำยังไง “เทียนเซิง…… คุณเป็นอะไร?”

“ผมบอกให้คุณไสหัวไป”

ท่าทางที่ไม่แยแสของเฉินเทียนเซิง น้ำเสียงเยือกเย็นเหมือนกับลมหนาว

หวางหนันหนันอึ้งไปทันที

เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

แต่การเปลี่ยนไปของเฉินเทียนเซิง กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย!

เมื่อวานยังรักกันหวานแหวว ทำไมจู่ๆวันนี้ถึงเปลี่ยนไป?

หวางหนันหนันที่หดหู่ก็หวาดกลัวขึ้นมา

ไม่ทันใส่เสื้อผ้า เขาคลานออกจากเตียงและทิ้งตัวไปที่ขาของเฉินเทียนเซิง กอดขาของเฉินเทียนเซิงเอาไว้ “เทียนเซิง ทำไมจู่ๆคุณก็กลายเป็นแบบนี้? ฉันทำผิดอะไรเหรอ? คุณบอกฉัน ฉันจะปรับปรุง ฉันจะปรับปรุงตัวอย่างแน่นอน”

เคยผ่านขุมนรก แล้วบินสู่สวรรค์

ต่อให้ต้องตายหวางหนันหนันก็ไม่ยอมที่จะกลับไปยังนรกอีก

หลังจากที่เจอกับเฉินเทียนเซิง ทุกอย่างของเธอก็ได้เปลี่ยนไป ช่วงเวลาสั้นๆสองวัน เป็นช่วงเวลาที่คิดคิดว่ามีความสุขมากที่สุดในชีวิต

หากเสียเฉินเทียนเซิงไป เธอไม่กล้าที่จะจินตนาการ ชีวิตของตัวเองจะกลายเป็นแบบไหน!

เธอไม่สามารถที่จะยอมแพ้ และไม่กล้ายอมแพ้!

ต่อให้ต้องเสียศักดิ์ศรี ทิ้งทุกอย่าง เธอก็ต้องอยู่กับเทียนเซิงให้ได้

“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ผมเชิญคุณไสหัวไป” เฉินเทียนเซิงสะบัดหวางหนันหนันที่กอดขาออก

เยือกเย็นมาก ราวกับสะบัดหมาที่ตายไปแล้วหนึ่งตัว

ความจริงเป็นก็เป็นเช่นนั้น ในเมื่อหวางหนันหนันไม่มีประโยชน์แล้ว ทำไมยังต้องเก็บเธอไว้ข้างกายอีก?

ข้างกายเขาก็ไม่เคยขาดผู้หญิงสวยๆ ขอเพียงเขาต้องการ ทุกคืนก็จะมีผู้หญิงมากมายอยากมาปรนนิบัติเขา

“ไม่นะ เทียนเซิง อย่าทิ้งฉัน ฉัน……….ผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ………..”

หวางหนันหนันร้องได้ด้วยความกลัว แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นทำผิด โผเข้าไปข้างกายเฉินเทียนเซิงแล้วอ้อนวอนขอร้องให้เขาอภัยให้เธอ

ตูบ!

เฉินเทียนเซิงใช้เท้าถีบหวางหนันหนันออก “คุณเป็นเพียงเครื่องมือของผมเท่านั้น ข้างกายผมไม่เคยขาดผู้หญิง ที่สวยกว่าคุณมีมากมายก่ายกอง คุณคิดว่าผมยังจะเก็บคุณไว้เหรอ?”

คนที่เคยเห็นหงส์ฟ้า ไม่มีทางที่จะอาวรณ์ไก่ป่า

เฉินเทียนเซิงในเวลานี้ มีความคิดแบบนี้

หวางหนันหนันสวยจริง แต่เฉินเทียนเซิงตั้งแต่เล็กจนโตก็เคยเห็น ผู้หญิงที่สวยกว่าหวางหนันหนัน มันมีเยอะแยะมากมาย

“เป็นไปไม่ได้ เทียนเซิง เมื่อวานคุณไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำไมจู่ๆคุณถึงกลายเป็นแบบนี้?”

หวางหนันหนันจะบ้าแล้ว ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากกอดต้นขาของเฉินเทียนเซิงไว้ น่าสังเวชอย่างมาก: “เมื่อวานคุณยังบอกว่าจะรักฉันตลอดไป คุณยังได้ซื้อของตั้งมากมายให้กับคนในครอบครัวของฉัน เสียเงินไปมากขนาดนั้น ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่รักฉัน คุณยังรักฉันอยู่ใช่มั้ย?”

“เห่อ!”

เฉินเทียนเซิงหัวเราะ โค้งตัว ก้มหน้าลง จ้องมองหวางหนันหนันอย่างเย็นชา “ผมก็แค่เสียเงินสองสามล้านเพื่อเล่นกับคุณเท่านั้น เงินแค่ไม่กี่ล้าน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เงินในสายตาผม มันก็เป็นเพียงตัวเลข”

ขณะที่พูด เท้าของเขาก็ไปเหยียบอยู่ตรงหัวไหล่ของหวางหนันหนัน: “หากแบบนี้เรียกว่ารัก แล้วที่ผมเคยเสียเงินเป็นหลักสิบล้านกับผู้หญิงคนอื่น งั้นพวกเขาก็ต้องฆ่าตัวตายต่อหน้าผมละสิ?

หวางหนันหนันอึ้งไปทันที

ทรุดลงกับพื้น น้ำตาเต็มหน้า

เงินสองสามล้าน เพียงแค่เล่นๆ

เพียงแค่นี้จริงๆเหรอ?

เมื่อเห็นเฉินเทียนเซิงหันหลังจะเดินจากไป ในหัวของหวางหนันหนันก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น เหมือนกับว่าคนที่ใกล้ตาย แล้วได้เห็นความหวังสุดท้าย

ใช่ ตาย!

ใช้ความตายในการข่มขู่ น่าจะสามารถรั้งเทียนเซิงเอาไว้ได้!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวางหนันหนันที่เหมือนคนบ้าก็พุ่งไปที่ข้างเตียง หยิบแก้วเซริกที่ประณีต “เพลี้ยง” ทำให้มันแตก แล้วกำเศษเซรามิกไว้หนึ่งแผ่น มาจี้ไว้ตรงคอ

“เทียนเซิง หากคุณทิ้งฉัน ฉันจะตายต่อหน้าคุณจริงๆ”

เป็นเพราะสะเทือนใจ มือของหวางหนันหนันถูกแผ่นเซรามิกบาดจนเลือดออก บนลำคอถูกเศษเซรามิกบาดจนมีรอยเลือด

เฉินเทียนเซิงหันกลับมา เมื่อเห็นภาพนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่รังเกียจ

“คุณอยากจะตายนั้นได้ แต่อยากทำให้บ้านผมสกปรก ผมยังต้องพักอาศัยที่นี่อีกนาน พรมปูพื้นมาจากเปอร์เซีย สามแสนหยวนต่อหนึ่งเมตร เปื้อนแล้วทำความสะอาดยากมาก”

โครม!

หวางหนันหนันเหมือนถูกฟ้าผ่า คำพูดประโยคนี้ของเฉินเทียนเซิง กดให้เธอลงไปอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง

ฉัน…….ฉันเทียบไม่ได้กับพรมเลยเหรอ?

มันเป็นคำพูดที่ต้องไร้ความปรานีแค่ไหนถึงจะพูดมันออกมาได้?

“อีกอย่าง ชีวิตของคุณ ไม่มีค่าสำหรับผมเลยแม้แต่สลึงเดียว อย่าว่าแต่คุณฆ่าตัวตายเลย ต่อให้ผมฆ่าคุณ ผมก็ยังสามารถอยู่รอดปลอดภัย” คำพูดของเฉินเทียนเซิงแสดงให้เห็นถึงความเย็นชาที่ไม่มีที่สิ้นสุด

“เห่อๆ……..”

หวางหนันหนันสิ้นหวังแล้วจริงๆ โยนเศษเซรามิกทิ้ง ลุกขึ้นแล้วจ้องมองเฉินเทียนเซิงอย่างโกรธแค้น “ร้องไห้กล่าว เทียนเซิง ฉันหวางหนันหนันตาบอดเอง ฉันที่มองคนผิดเอง เดิมฉันนึกว่าฉันได้เจอกับรักแท้แล้ว คุณ………”

“เย็ดแม่!”

เฉินเทียนเซิงด่าด้วยความรังเกียจ เขาเกลียดผู้หญิงที่พูดซ้ำๆอย่างมาก

แล้วก็เดินออกไปจากห้องโดยตรง

หวางหนันหนันร้องไห้อย่างสิ้นหวัง สาปแช่ง และอาละวาด

ในเวลานี้ เธอมีความรู้สึกว่าฝันได้สลาย ฟ้าได้ถล่มลง

มันทรมานยิ่งกว่าฆ่าเธอเสียอีก!

อีกฝั่งหนึ่ง

ห้องอาหารในวิลล่า

ตั้งแต่เช้า เฉินตงและคุณอื่นๆกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุขบนโต๊ะอาหาร

แม้ว่าความเป็นส่วนตัวของวิลล่านั้นจะดีมาก แต่ก็ไม่สามารถปิดก้านเสียงทั้งหมดได้

ได้ยินเสียงร้องเสียดแทงใจของหวางหนันหนันดังมาจากวิลล่าข้างๆ

เฉินตงและคนอื่นๆก็วางช้อนในมือพร้อมกัน

“ตงเอ๋อ ทำไมแม่รู้สึกว่าเหมือนเสียงของหวางหนันหนันจังเลย?” หลี่หลานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

เฉินตงกลับไม่ได้ตอบคำถาม

คนในตระกูลหวาง สุดท้ายก็ต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมของตัวเอง

มันก็ถือว่าน่าขยะแขยงก็ต้องมีคนที่น่าขยะแขยงมาจัดการละมั้ง?

เพียงแต่เขาคิดไม่ถึง เฉินเทียนเซิงจะลงมือเร็วขนาดนี้ และเด็ดขาดเช่นนี้

สิ่งนี้ทำให้เขารู้จักเฉินเทียนเซิงในมุมใหม่

ไม่เพียงแต่รอบคอบ มองการณ์ไกล ลงมือก็โหดเหี้ยมไร้ความปรานี และเด็ดขาด

คนแบบนี้ หากเป็นเขา เขาก็กลัวเหมือนกัน

“คุณชาย รู้สึกถึงความเก่งกาจของคู่ต่อสู้ของคุณแล้วหรือยัง?” ท่านหลงถามทีเล่นทีจริง

เฉินตงถูจมูกแล้วตอบ “เก่งมาก!”

ไม่ทันที่ท่านหลงจะพูด ทันใดนั้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินตง

“เก่งก็เก่งสิ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ยังไม่ได้เริ่มแข่ง ใครจะเป็นเจ้าใครจะเป็นโจรยังพูดยากอยู่!”

บทที่ 105 กฎของตระกูล

ตามติดมาด้วย

ดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นของเฉินเทียนเซิงปรากฏด้วยไฟโกรธ

หวางหนันหนันรีบนำริมฝีปากแดงออกจากปากของเฉินเทียนเซิง แล้วโกรธอย่างมาก

ลมกลางคืนเย็นเล็กน้อย แต่กลับไม่สามารถลดไฟโกรธในตัวของทั้งสองคนได้เลย

เพียงแต่เมื่อสายตาที่กำลังโกรธของหวางหนันหนันมองไปยังวิลล่าที่อยู่ตรงข้ามนั้น

เฉินตงกับท่านหลงได้เดินจากไปแล้ว

หวางหนันหนันขยับริมฝีปากแดงไปมา คลื่นแห่งความอัปยศได้พุ่งขึ้นมาเหมือนกับคลื่นทะเลที่รุนแรง

ไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

ในหัวสมองของเธอนั้นได้จินตนาการภาพที่เฉินตงอับอายและโกรธอย่างนับไม่ถ้วน แต่กลับคิดไม่ถึงเลย เฉินตงกลับใจเย็นแล้วพูดคำพูดแบบนี้ออกมา!

น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความดูถูก กลับทำให้คนที่ต้องอับอายและโกรธ กลายเป็นเธอ!

“คุณลงไปก่อนเถอะ”

น้ำเสียงของเฉินเทียนเซิงเย็นชาเล็กน้อย สายตามองไปดาดฟ้าที่อยู่ตรงข้าม

หวางหนันหนันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ปฏิเสธกลับพยักหน้า และลงไปชั้นล่างอย่างเชื่อฟัง

คำพูดเมื่อกี้ของเฉินตง ก็เหมือนกับกำลังทิ่มแทงอยู่ข้างในใจยังไงอย่างงั้น

เธอที่อยากจะทำเรื่องตื่นเต้นกับเฉินเทียนเซิง กลับไม่มีอารมณ์นั้นแล้ว

หลังจากที่หวางหนันหนันเดินจากไปนั้น เฉินเทียนเซิงค่อยๆขยับแว่นตาเบาๆ

ภายใต้แสงไฟสลัว ใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านก็แสดงความโกรธออกมา ราวกับว่าเป็นฤดูหนาว ทั้งตัวของเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“เดิมทีฉันต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาย ทำให้นายโกรธ แต่กลับคิดไม่ถึงว่านายจะใจเย็นแบบนี้ เทียนหย่างที่แพ้ให้กับนาย ไม่ได้โดนใส่ร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว”

ขณะที่พูด เฉินเทียนเซิงก็ยิ้มอย่างเย็นชา นวดที่ขมับเบาๆ หันหลังเดินลงไปทางบันได

ขนาดที่เดินไป ก็ได้บ่นพึมพำ “เครื่องมือคนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”

ในวิลล่า

เพราะเรื่องของหวางหนันหนัน ความเมาของเฉินตงก็หายไปเลย

เพียงแต่เขาในเวลานี้ ก็ยังคงคุยกับท่านหลงและคุนหลุนอย่างใจเย็น

คุนหลุนอดไม่ไหวแล้ว กล่าวด้วยเสียงต่ำ “คุณชาย ผมสามารถช่วยคุณได้ ทักษะการต่อสู้คนเฉินเทียนเซิงก็เป็นผมที่ช่วยเขาดัดแปลงให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ต้องเผื่อเอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะนำมาซึ่งความเสียหาย

ทำไมต้องสร้างมลทินกับภรรยาคนอื่น?

คุนหลุนรู้ว่าเฉินเทียนเซิงที่ใจแคบ ยังไงก็ต้องมาแก้แค้นเฉินตง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะใช้แผนการที่อัปยศแบบนี้มาหยามเฉินตง

“คุนหลุน อย่าวู่วาม!”

ท่านหลงห้ามปราบ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวกับเฉินตง “คุณชาย อย่าให้ความโกรธมาเผาตัวเอง ต้องใจเย็นๆ”

“ผมรู้”

ใบหน้าของเฉินตงปรากฏด้วยรอยยิ้มจางๆ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใช้วิธีที่โหดร้ายแบบนี้ แต่เขาต้องการกวนประสาทให้ฉันโกรธ มันถึงจะบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ

ท่านหลงขมวดคิ้ว ก้มหน้าครุ่นคิด

ปฏิกิริยาของเฉินตง ทำให้เขาประหลาดใจมาก และคำพูดของเฉินตงก็ได้เตือนสติเขาแล้ว

เฉินเทียนเซิงเป็นคนรอบคอบ คาดเดาได้ยาก หากแค่อาศัยอดีตภรรยาอย่างหวางหนันหนันในการทำให้เฉินตงนั้นอัปยศอดสู ก็จิ๊บจ้อยเกินไปแล้ว

การวางแผนระยะยาว ถึงจะเป็นเฉินเทียนเซิงที่ที่ท่านหลงเข้าใจ

จู่ๆ ร่างกายของท่านหลงก็สั่นสะท้าน แววตาเกิดประกายไฟ

“เฉินเทียนเซิง วางแผนได้โหดมาก!”

“หืม?”

เฉินตงกับคุนหลุนมองไปท่านหลงพร้อมกัน

ท่านหลงหายใจแรง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังระงับไฟโกรธที่อยู่ในใจ

รอจนกระทั่งมันสงบลงหน่อย เขาจึงค่อยๆกล่าวขึ้น “ตระกูลเฉินที่มีอำนาจบารมีทางสังคม สมาชิกในครอบครัวแตกกิ่งก้านสาขา มีฝักฝ่ายที่ซับซ้อน เพื่อให้ตระกูลเฉินสืบทอดต่อไปได้ บรรพชนของตระกูลเฉินได้ตั้งกฎระเบียบของตระกูลไว้นานแล้ว”

เฉินตงนิ่งคิด หมากตานี้ของเฉินเทียนเซิง เกรงว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกฎของตระกูลอย่างที่ท่านหลงพูด!

เสียงของท่านหลงทุ้มต่ำ เสียงที่เบียดออกมาจากซอกฟัน

“หนึ่งในกฎของตระกูล ก็คือป้องกันไม่ให้สมาชิกของตระกูลทะเลาะกัน ทำให้ตระกูลเฉินเกิดการทะเลาะกันภายในครอบครัว แล้วส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลเฉิน กฎอะไร?” เฉินตงถาม

“บุตรหลานของตระกูลเฉินจะต้องไม่ทำร้ายคนในตระกูลเดียวกัน ไม่อย่างนั้นก็จะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเฉิน ถูกถอนชื่อในแผนผังครอบครัว ต่อให้เป็นหนึ่งในผู้สืบทอด ก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการสืบทอด”

การลงโทษนี้ ร้ายแรงทีเดียว

“ท่านหลง ทำไมผมถึงไม่รู้?” คุนหลุนสีหน้าตกใจ

ท่านหลงเหลือบมองเขา “นายและฉันต่างก็เป็นทาสในบ้าน มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องกฎของตระกูลเหรอ? หากไม่ใช่ฉันที่ได้ติดตามนายท่าน รับใช้ท่านอย่างซื่อสัตย์ ก็ไม่มีสิทธิ์รู้! ”

ความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว และแม้กระทั่งกฎในการคัดเลือกผู้สืบทอดของตระกูล

คนใช้ธรรมดา ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้อย่างแน่นอน

แต่คำพูดของท่านหลง ฟังจนรู้สึกหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

หากกฎข้อนี้ของตระกูลยังอยู่ งั้นมันก็คือจุดประสงค์ที่เขาใช้หวางหนันหนันในการมายั่วโมโหเขา

แต่สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ เรื่องแบบเดียวกัน เขาก็เคยทำ!

“ท่านหลง ผมได้ตีขาของเฉินเทียนหย่างหักไปข้างหนึ่ง เฉินตงถาม ถ้าตามกฎของตระกูล ผมก็จะเสียสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอด โดนคัดชื่อออกแล้วถูกไล่ออกจากตระกูล”

ท่านหลงยิ้มแปลกๆ “คุณลองคิดดูดีๆว่ามันเหมือนกันมั้ย?”

เฉินตงอึ้งไปทันที

จู่ๆ เขาก็เก็บขึ้นมาทันที

ครั้งที่แล้วที่โรงแรมไท่ซาน ที่เขาลงมือกับเฉินเทียนหย่างนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะกู้ชิงหยิ่ง

เฉินเทียนหย่างคิดไม่ดีกับกู้ชิงหยิ่งก่อน จากนั้นเขาจึงได้ลงมือ อีกอย่างยังพ่ายแพ้อีกด้วย สุดท้ายคนที่ตีขาของเฉินเทียนหย่างหักก็คือคุนหลุน!

เรื่องก่อนหน้านี้กับแผนการการของเฉินเทียนเซิง ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่รายละเอียดไม่เหมือนกันเลย!

หวางหนันหนันเป็นอดีตภรรยาของเขาจริง แต่หลังจากที่ทั้งสองหย่า ดังนั้นทั้งสองคนก็เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว

เฉินเทียนเซิงอาศัย “อดีตภรรยา” มาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา ยั่วยุให้เขาโกรธ จากนั้นก็ลงมือทำให้เฉินเทียนเซิงบาดเจ็บ ก็จะมีความผิดตามกฎของตระกูล!

เมื่อเห็นเฉินตงเข้าใจแล้ว ท่านหลงก็ยิ้มๆ เรื่องของเฉินเทียนหย่าง ทางตระกูลได้ตรวจสอบความจริงแล้ว เป็นเพราะเฉินเทียนหย่างทำผิดก่อน และเป็นคุนหลุนที่ลงมือ นายท่านก็เลยเข้าข้างคุณชายไง ดังนั้นเมื่อคุยเรื่องนี้กันในตระกูล จึงทำให้คุณชายรอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้

นิ่งไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหลงก็หายไป “โชคดีที่เมื่อกี้คุณชายใจเย็น ไม่อย่างนั้นต่อให้คุนหลุนเป็นคนลงมือ คุณชายก็จะหนีไม่พ้นกฎของตระกูลข้อนี้ นายท่านก็ไม่สามารถที่จะเข้าข้างได้อีก”

“เมื่อถึงเวลานั้นคนในตระกูลก็จะอ้างกฎของตระกูลแล้วกัดไม่ปล่อย คุณชายก็ต้องถูกไล่ออกจากบ้านและคัดชื่อออกจากแผนผังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัดความหวังของนายท่าน”

เฉินตงหัวเราะอย่างขมขื่น

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้

แต่เขามันเป็นเพียง “ลูกนอกสมรส” ในสายตาของตระกูลเฉินเท่านั้น และยังไม่มีรายชื่อในแผนผังของตระกูลเลย

นอกเสียจากว่าจะตัดความหวังของพ่อที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ทำให้พ่อของเขาที่ต้องการยกเขาขึ้นมาในตำแหน่ง ก็ต้องยอมปล่อยมือทั้งที่ไม่อยากปล่อยก็ตาม

ในตระกูลเฉิน นอกจากพ่อแล้ว คาดว่าคงไม่มีใครเห็น “ลูกนอกสมรส” อย่างเข้าในสายตาแล้วละ?

“เฉินเทียนเซิงคนนี้ แผนการโหดเหี้ยมนัก ฆ่าคนโดยไม่ใช้มีด”

คุนหลุนถอนหายใจติดต่อกันหลายที

ท่านหลงก็กล่าวด้วยเสียงต่ำ “แม้ว่าจะโหดเหี้ยม แต่แผนการของเฉินเทียนเซิงนั้นลึกจนยากที่จะหยั่งรู้ได้”

จู่ๆเฉินตงก็หัวเราะขึ้นมา “กฎข้อนี้ หากผมเป็นคนใช้มันล่ะ?”

ท่านหลงหยุดหายใจไปทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างเศร้าๆ “คุณชาย……เกรงว่าจะทำไม่สำเร็จ”

“เหี้ย!”

เฉินตงรู้แต่แรกแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะด่าคำหยาบ

คุนหลุนที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่อย่างนั้นคุณชายก็ถูกเฉินเทียนเซิงเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว กลับไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับไปเหรอ? ยังไม่ทันที่ท่านหลงจะพูด

เฉินตงก็ยิ้มเจื่อนๆ ตบที่บ่าของคุนหลุนเบาๆ

“ฉันที่สถานะไม่ชัดเจน สามารถมีสิทธิ์ชิงตำแหน่งผู้สืบทอด ก็ถือว่าดีมากแล้ว ต่อให้จะไม่พอใจยังไง ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนลงไป”

บทที่ 104 เล่นของเหลือเดน น่าตื่นเต้นดีน้อ

ภายใต้ความมืด

รถลัมโบร์กินีกำลังแล่นอยู่บนท้องถนน เหมือนสายฟ้าสีเหลือง

หวางหนันหนันมีความสุขมาก เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ รู้สึกเบาสบาย

การปรากฏตัวของเทียนเซิง ให้เธอรู้สึกเหมือนกับหาบ้านเจออีกครั้ง

นอนฝันร้ายมาหลายเดือน ในที่สุดก็ตื่นแล้ว

หวางหนันหนันถึงขึ้นคิดว่า

พระเจ้านั้นจงใจใช้ฝันร้ายหลายเดือน เพื่อแลกกับการปรากฏตัวของเทียนเซิง ได้ส่งเทียนเซิงมาอยู่ข้างกายเธอ

หลังจาก……ที่ผ่านความทนทุกข์ทรมาน ก็สามารถเห็นสายรุ้ง!

“เทียนเซิง ฉันรักคุณ”

หวางหนันหนันกล่าวอย่างนุ่มนวลและจริงใจ

เฉินเทียนเซิงที่ขับรถ มองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ในปากก็ตอบกลับ: “ผมก็รักคุณ”

“คืนนี้ผมเป็นของคุณ”

“คุณต้องเป็นของผมตลอดไป”

คำพูดที่อ่อนโยนและแสนหวาน ทำให้หวางหนันหนันหน้าแดงระรื่น ล่องลอยไปในอากาศ

แต่เธอกลับไม่ทันสังเกต มุมปากของเฉินเทียนเซิงค่อยๆโค้งขึ้น ดวงตาที่สดใสกลับเย็นชาขึ้นมา

สำหรับเขาแล้ว ในฐานะที่เป็นชนชั้นสูงของตระกูลเฉินที่ฉลาดและเก่งกาจ นอกจากนี้ยังเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งสำหรับการชิงตำแหน่งผู้นำคนต่อไปของตระกูล

ข้างกายเขา ไม่เคยขาดผู้หญิงสวยๆเลย

แม้หวางหนันหนันจะสวยมาก แต่อยู่ในสายตาของเฉินเทียนเซิง กลับธรรมดาไม่น่าตื่นเต้น

คนที่สวยกว่าเธอ เขาก็ควงจนเบื่อแล้ว

หากไม่ใช่เพราะต่อกรกับเฉินตง เขาไม่มีทางที่จะแลหวางหนันหนันแม้แต่หางตา

ความคิดเหล่านี้ หวางหนันหนันไม่รู้เลย

หวางหนันหนันในเวลานี้ เหมือนกับได้ตกเข้าไปในห้วงแห่งรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยความสุขและความหวาน

ในวิลล่าเขาเทียนซาน สว่างไสวไปด้วยดวงไฟ

ในฐานะที่เป็นชุมชนอันดับหนึ่งของเมือง แม้กระทั่งวิวกลางคืนที่สวยงาม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาควรจะได้รับ

แสงไฟสว่างไสว สวยงามและมีสีสัน

ราวกับเหมือนสวรรค์ในโลกมนุษย์

ทำให้หวางหนันหนันที่นั่งอยู่ในรถลัมโบร์กินีมองอย่างหลงใหล นี่เป็นคืนแรกที่เธอเข้ามาพักอาศัยในเขตคนรวย!

“หากถูกเดรัจฉานอย่างเฉินตงรู้เข้า เขาน่าจะโกรธมาก?”

“เฉินตง คุณมันจะแค่ไหนเชียว? เงินแค่นั้นของคุณ เป็นคนถือรองเท้าให้เทียนเซิงยังไม่คู่ควร คุณจำเอาไว้เป็นฉันที่ทิ้งคุณ!”

“เฉินตง เมื่อฉันกับเทียนเซิงเจอกับคุณในเขตวิลล่า คุณจะรู้สึกอับอายหรือเปล่า อยากที่จะมุดเข้าไปหลบในดินเลยมั้ย?”

ความคิดในใจของหวางหนันหนันเปลี่ยนภาพอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่สมองปรากฏด้วยภาพทั้งหมดของเฉินตง ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจมากยิ่งขึ้น

ความหยิ่งผยองของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโต ก็ถูกล้อมรอบด้วยคำสรรเสริญทุกประเภท

ต่อให้แต่งงานกับเฉินตง เธอก็ยังคงทำตัวเป็นราชินีที่สูงส่ง

แต่สิ่งที่เธอคิดยังไงก็คิดไม่ถึง หลังจากที่หย่ากับเฉินตง กลับทำให้เธอเหมือนตกลงไปในนรถ

หลังจากทุกอย่างพังทลาย ทรมาน สิ้นหวังแล้ว แลกมากับชีวิตใหม่ ทำให้หวางหนันหนันอยากจะไปหาเฉินตงเพื่อแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เธอได้ดีแค่ไหน!

เพียงแต่ เธอไม่รีบ

ทุกคนล้วนพักอยู่ในวิลล่าแห่งนี้

อีกทั้งยังเป็นวิลล่าบ้านซาน การเจอกันนั้นขึ้นอยู่กับเวลา!

ลัมโบร์กินีเข้ามาในบริเวณวิลล่าอย่างเสียงดัง ขับเข้าไปในโรงรถของวิลล่าบ้านซาน

หวางหนันหนันลงจากรถอย่างมีความสุข ควงแขนของเฉินเทียนเซิง เดินเข้าไปในบ้าน

ตลอดทาง บนใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

“เทียนเซิง เราไปที่ดาดฟ้ากันเถอะ………” ทันใดนั้นความคิดที่กล้าหาญก็ปรากฏขึ้นในหัวของหวางหนันหนัน

ชมจันทร์

ดาดฟ้า

ไม่มีอะไรมาบดบัง

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!

เธอในวันนี้ อยากที่จะสนุกตื่นเต้นแบบนี้กับเทียนเซิง

“ได้สิ”

เฉินเทียนเซิงไม่ได้ปฏิเสธ

เวลานี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว

ถือว่าไม่ดึก

แต่สำหรับหลี่หลานนั้น ยังคงอยู่ในช่วงปรับสมดุลของร่างกาย การพักผ่อนแต่หัวค่ำถึงจะเป็นการดูแลร่างกายที่ดีที่สุด

ฟ่านลู่เพราะต้องดูแลหลี่หลาน ดังนั้นก็นอนแต่หัวค่ำเหมือนกัน

ดาดฟ้าของวิลล่า เฉินตงกำลังดื่มเบียร์กับคุนหลุนและท่านหลง

โลยโชยเบาๆ แอลกอฮอล์ผ่านลำคอ

เมาเบียร์เล็กน้อย กำลังได้ที่

“คุณชาย คุณไม่โกรธจริงๆเหรอ?” คุนหลุนที่ในมือแก้วเบียร์ อาศัยความเมา ถามอย่างประหลาดใจ

“โกรธ”

เฉินตงหรี่ตาลงแล้วยิ้มๆ “นายอยากจะถามใช่มั้ย ว่าฉันทำไมถึงใจเย็นอยู่ได้?”

“คุนหลุน………” ท่านหลงที่จิบเบียร์ไปหน่อยก็หยุด รู้ว่าคุนหลุนไม่ควรถาม ก็เลยออกปากเตือน

เฉินตงกลับยกมือขึ้นมาห้ามท่านหลง

เรื่องแบบนี้ เขาไม่ถือสา ก็เข้าใจว่าคุนหลุนต้องถาม

เมื่อคุนหลุนเห็นแบบนี้ จึงได้พยักหน้า ตอบรับกับสิ่งที่เฉินตงถามกลับ

เฉินตงยิ้มๆ “คนโง่ที่ถูกคนอื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือ กลับคิดว่าเป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนด ฉันที่เป็นคนดูคนหนึ่ง จะไม่ใจเย็นได้อย่างไร?”

ท่านหลงขมวดคิ้ว

คุนหลุนสงสัย “แล้วคุณโกรธ……..”

เฉินตงยกเบียร์ขึ้นดื่ม ยิ้มเล็กน้อย: “เกลียดที่ตัวเองตาบอดมองคนไม่เป็น โกรธแผนการชั่วร้ายของเฉินเทียนเซิง”

คุนหลุนกับท่านหลงสบตากันแวบหนึ่ง

จริงเหรอ…….แบบนี้จริงๆเหรอ?

จากนั้น

ในขณะที่ท่านหลงถอนสายตากลับมานั้น สายตาของเขาจู่ๆก็เย็นชาขึ้นมา พริบตาเดียวหว่างคิ้วก็กลายเป็นเส้นสามเส้น

ภาพนี้ ถูกเฉินตงกับคุนหลุนมองเห็นอย่างชัดเจน

ทั้งสองคนสงสัยพร้อมกัน

เพราะเฉินตงหลังอยู่ตรงข้าม ดังนั้นขณะที่หันหน้ามานั้น กำลังมองไปที่ท่านหลงกับคุนหลุน ก็ได้เห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงข้าม

“เหี้ย! เย็ดแม่!”

ตู๊ม!

ตามมาด้วยเสียงด่าของคุนหลุน วางขวดเบียร์ที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง เพราะว่าออกแรงมากไปหน่อย ขวดเบียร์จึงแตก

ในเวลาเดียวกัน

เฉินตงก็หันหน้ามา เห็นดาดฟ้าของวิลล่าที่อยู่ตรงข้าม

ความหนาวเย็นวิ่งขึ้นมาบนหน้าทันที

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

ตามหลักแล้ว ความเป็นส่วนตัวของวิลล่านั้นเป็นเลิศ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเข้าไปในวิลล่าของคนอื่นได้

แต่ ดาดฟ้าวิลล่าที่อยู่ตรงข้าม กลับไม่มีความเป็นส่วนตัวอะไรเลย

แม้ว่าแสงไฟจะสลัว แต่ว่าคนมีชีวิตสองคน ยังไงมันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

อีกอย่าง จะเห็นใบหน้าที่ชัดเจน ก็ไม่ยากเลย

ภายใต้แสงไฟในเวลากลางคืน หวางหนันหนันกำลังกอดอยู่กับเฉินเทียนเซิง

สวีทหวานแหวว

แต่เพราะเสียงขวดเบียร์ที่คุนหลุนทำแตก จึงทำให้ทั้งสองคนมองมาทางนี้พร้อมกัน

ในเสี้ยววินาที

หวางหนันหนันกับเฉินตงตาก็ประสานกัน

“โครม” หนึ่งเสียง ได้ระเบิดขึ้นในหัวของหวางหนันหนัน ร่างกายสั่นเล็กน้อย

ตอนที่กลับมานั้น เธอก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องได้เจอกับเฉินตง

กลับคิดไม่ถึงว่า จะเร็วขนาดนี้!

อีกอย่าง ยังอยู่ข้างๆ!

วิลล่าสองหลังติดกัน!

หลังจากที่หายตกใจ จู่ๆหัวใจของหวางหนันหนันก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ลำพองใจ ตื่นเต้น……….ความรู้สึกซับซ้อนได้เกิดขึ้น

เธอเหมือนนกยูงที่หยิ่งผยองตัวหนึ่ง ควงแขนของเฉินเทียนเซิงไว้อย่างสนิทสนม เดินไปยังขอบดาดฟ้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างหยิ่งยโส เฉินตง “คุณอยู่ที่นี่นี่เอง ทำให้ฉันประหลาดใจมากเลย แนะนำให้คุณหน่อย คนนี้เป็นแฟนฉัน เทียนเซิง”

เฉินเทียนเซิงไม่ได้เอ่ยปากพูด เพียงแค่ขยับแว่นเล็กน้อย ยิ้มอย่างเรียบเฉย พยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณ

และในฝั่งเฉินตง ทั้งสามคนก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเฉินเทียนเซิง

ท่านหลงมีความรู้สึกโกรธ

คุนหลุนนั้นยิ่งโกรธอย่างมาก สายตาแทบจะกินคนได้แล้ว

มีเพียงเฉินตง ที่ยังใจเย็น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณคงคิดไม่ถึงใช่มั้ย? ว่าฉันจะมีอยู่ที่นี่? ฉันจะบอกคุณ เทียนเซิงนั้นเก่งกว่าคุณพันเท่า หมื่นเท่า คุณมาช่วยเขาถือรองเท้ายังไม่คู่ควรเลย” ใบหน้าของหวางหนันหนันเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง คำพูดเชือดเฉือน

เธอก็คืออยากจะโอ้อวด

เธออยากให้เฉินตงอับอาย

เธออยากให้เฉินตงรู้ เธอหวางหนันหนันมีชีวิตที่ดีกว่าเขา!

แต่

“อ้อ” เฉินตงตอบอย่างเรียบเฉยไปคำเดียว

หวางหนันหนันอึ้งไปเลย

มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้!

เขาไม่น่าที่จะสงบขนาดนี้!

หรือว่ายังทิ่มแทงไม่พอ?

วินาทีต่อมา จู่ๆหวางหนันหนันก็ตะโกนเรียก “เทียนเซิง”

“หืม?”

เฉินเทียนเซิงหันหน้ามาโดยสัญชาตญาณ

ทันใดนั้น หวางหนันหนันก็เขย่งขา ริมฝีปากแดงๆก็ได้ไปประกบอยู่ที่ปากของเฉินเทียนเซิง เริ่มจูบอย่างเร่าร้อน

เฉินตงถูจมูก ก็หัวเราะแปลกๆแล้วกล่าว “เล่นของเหลือเดนๆ น่าตื่นเต้นดีน้อ”

คำพูดนี้

เฉินเทียนเซิงกับหวางหนันหนันตัวสั่นในเวลาเดียว แข็งทื่อไปทั้งคู่

บทที่103 พฤติกรรมของคนในตระกูลหวาง

เวลานี้ในตระกูลหวาง กำลังปลาบปลื้มยินดี เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

ตอนบ่ายหวางหนันหนันกับเฉินเทียนเซิงที่ออกมาจากวิลล่าเขาเทียนซาน ไม่ได้กลับมาที่บ้านทันที แต่ได้แวะซื้อของแถวบ้านก่อน

ในสายตาหวางหนันหนัน วันนี้เป็นครั้งแรกที่เทียนเซิงไปบ้านเธอ

ไปพบผู้ใหญ่ ต้องทางการหน่อย

ดีที่เฉินเทียนเซิงใจกว้าง มือเติบ

โสมร้อยปี เห็ดหลินจือร้อยปี เหล้าชั้นดี ยังได้เตรียมกำไลหยกชิ้นหนึ่งให้กับจาวซิ่วจือโดยเฉพาะ

ของขวัญทั้งหมด มีราคามากกว่าหนึ่งล้าน

มันจึงทำให้หวางหนันหนันยิ้มไม่หุบ ยิ่งทำให้เธอเชื่อ การเจอกันโดยบังเอิญนี้ทำให้เธอพบรักแท้

และเมื่อเฉินเทียนเซิงขับรถลัมโบร์กินีเข้ามาในชุมชนที่ตระกูลหวางพักอยู่นั้น ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนในชุมชนทั้งหมด

เมื่อตอนที่หวางเต๋อกับจาวซิ่วจือเห็นหวางหนันหนันลงมาจากรถลัมโบร์กินี ทันใดนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้าง

แม้สองสามีภรรยาจะไม่มีความรู้เรื่องรถ แต่หวางเห้านั้นมี

ขณะนั้นประโยคเดียวของหวางเห้า “รถคันนี้อย่างน้อยก็ต้องห้าล้าน!” ทำให้หวางเต๋อกับจาวซิ่วจือนั้นตกใจจนในสมองเบลอ

จากนั้น เฉินเทียนเซิงกับหวางหนันหนันก็ถือของขวัญอันมีค่าเข้าไปในบ้าน วางของขวัญมากมายลงบนโต๊ะ แล้วก็หยิบบัตรเอทีเอ็มที่มีเงินหนึ่งล้านให้กับจาวซิ่วจือ

มันเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า ดังจนหวางเต๋อ จาวซิ่วจือและหวางเห้าไม่กล้าที่จะเชื่อ

ความรู้สึกแบบนี้ คงอยู่ตลอดทั้งบ่าย

จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ในที่สุดทั้งสามคนจึงยอมรับความจริงนี้

นั่นก็คือ……..หวางหนันหนันมีแฟนเป็นคนรวย

ตระกูลหวางของพวกเขา กำลังจะรวยแล้ว!

บนโต๊ะอาหาร วางเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสต่างๆ

อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ มันเงินเดือนทั้งเดือนของหวางเต๋อเลย

แต่ไม่มีใครในตระกูลหวางที่จะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม

ล้อเล่นป่ะ!

ของขวัญที่เฉินเทียนเซิงมอบให้รวมๆกันก็เกือบสองล้านแล้ว เอาเงินเดือนหนึ่งเดือนมาเลี้ยงต้อนรับเขา มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเหรอ?

ไม่ว่าจะเป็นหวางเต๋อ จาวซิ่วจือ ยังมีหวางเห้า

ทั้งหมดหัวใจต่างเต้นแรง ตื่นเต้นและดีใจ

ตั้งแต่ที่หวางหนันหนันหย่ากับเฉินตง ตระกูลหวางทั้งตระกูล ราวกับว่าได้เกิดเรื่องมากมาย วุ่นวายไปหมด ทะเลาะกันทุกวัน

วันนี้การมาของเฉินเทียนเซิง เหมือนกับว่าได้ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกแจ่มใสขึ้นมาทันที

หวางเต๋อกับหวางเห้า แม้กระทั่งจาวซิ่วจือดื่มเหล้าชั้นดีที่เฉินเทียนเซิงซื้อมาไปไม่น้อย

ทั้งครอบครัวเชิดชูเฉินเทียนเซิงอย่างมาก คำพูดที่เต็มไปด้วยคำยกยอปอปั้น

บรรยากาศที่มีความสุข หวางหนันหนันที่มองอยู่ดวงตาที่สวยงามก็ปริ่มไปด้วยน้ำตา ในใจนั้นตื้นตันอย่างมาก

ครอบครัวที่ทะเลาะมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็สงบลงแล้ว

เธอสามารถทำอะไรเพื่อครอบครัวได้บ้างแล้ว กตัญญูต่อพ่อแม่ สนับสนุนน้องชาย

และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เฉินเทียนเซิงมอบให้!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวางหนันหนันก็เอียงตัวซบลงที่อกของเฉินเทียนเซิงอย่างอ่อนโยน มือที่สวยงามกุมมือของเฉินเทียนเซิงไว้แน่นๆ กระซิบที่ข้างหูของเฉินเทียนเซิง “เทียนเซิง ขอบคุณคุณมากจริงๆ คุณก็คือของขวัญที่ดีที่สุดที่เบื้องบนมอบให้กับฉัน”

“คุณก็เช่นกัน” เฉินเทียนเซิงยิ้มอย่างอ่อนโยน

อ่อนโยนและอ่อนหวาน

จนจาวซิ่วจือที่มองอยู่ต้องยิ้ม ปากเกือบจะฉีกถึงหูแล้ว ตาหยีจนเป็นสระอีแล้ว

หวางเต๋อก็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ก้มหน้าแอบยิ้ม

แม้กระทั่งหวางเห้า ดูเหมือนว่าจะลืมความเศร้าโศกที่สูญเสียหลินเสว่เอ๋อไปแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาเชื่อว่า หากหวางหนันหนันแต่งงานกับเฉินเทียนเซิง ตระกูลหวางของพวกเขา จะสามารถเดินไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตอย่างแน่นอน

เฉินเทียนเซิงมาครั้งแรก ก็สามารถให้ของขวัญที่มีมูลค่ามากสองล้านกว่า อนาคตแม้หวางหนันหนันเพียงแค่ช่วยเหลือตระกูลหวางตามความต้องการ มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย

“เทียนเซิงจ๋า อย่าหาว่าน้าพูดมากเลยนะ ช่วงบ่ายตอนที่นายขับรถเข้ามาในชุมชน มันเอิกเกริกมากอยู่นะ”

จาวซิ่วจืออาศัยที่เมา จงใจยิ้มแล้วถาม “ตอนนั้นน้าก็ได้ยินเสี่ยวเห้าพูด รถของนายอย่างน้อยก็ต้องห้าล้าน มันใช่เรื่องจริงมั้ย?”

“คุณน้า คุณน้าเป็นแม่ของหนันหนัน ผมจะว่าคุณน้าได้อย่างไรกัน?” เฉินเทียนเซิงยิ้มแล้วส่ายหัว

ภาพนี้ ยิ่งทำให้จาวซิ่วจือดีใจมากขึ้นไปอีก

เมื่อเทียบกับเทียนเซิง

เดรัจฉานอย่างเฉินตงจะแค่ไหนเชียว?

เทียนเซิงถึงจะเป็นลูกเขยของฉันจาวซิ่วจือ!

วินาทีต่อไปมา เฉินเทียนเซิงก็กล่าวขึ้น “แต่ว่ารถคันนั้นไม่ใช่ราคาห้าล้านกว่าจริงๆ แต่มันคือเจ็ดล้านกว่าหยวน”

โครม!

จาวซิ่วจือเหมือนถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

หวางเต๋อ หวางหนันหนันและหวางเห้า ก็เช่นกัน

เฉินเทียนเซิงยิ้มอย่างเรียบเฉย แล้วอธิบาย “เพราะมันมีค่าตกแต่งอื่นๆอีก ก็ไม่แพงหรอก”

เจ็ดล้านกว่า ยังไม่แพงเหรอ?

โอ้มายก๊อด!

“พี่ พี่เทียนเซิง นี่ยังไม่แพงอีกเหรอ?”

หวางเห้าควบคุมความรู้สึกไม่อยู่อยู่แล้ว “กล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่น รถคันนี้ของพี่ สามารถซื้อรถออดี้ของผมสิบคันแล้ว”

“ออดี้?”

เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้ว ดวงตามืดมนเล็กน้อย “เท่าไหร่?”

ภาพนี้ ทำให้หวางเห้าที่ดูอยู่สะดุ้งทันที หรือว่าผมพูดอะไรผิดไปเหรอ?

แต่เขาก็ยังคงตอบกลับ “สามแสนกว่ามั้ง”

หวางเต๋อกับจาวซิ่วจือใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

แต่จาวซิ่วจือที่ไหวพริบดี ก็ไปตีไปที่แขนของหวางเห้าไปหนึ่งที “ไอ้ลูกคนนี้ พูดมั่วอะไร?”

หวางเห้าอึ้งไปเลย

หวางหนันหนันก็รีบอธิบายกับเฉินเทียนเซิงทันที

แม้ว่าไม่รู้ว่าพูดผิดอะไร จึงทำให้เทียนเซิงมีปฏิกิริยาแบบนี้

แต่ในเมื่อเทียนเซิงแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ต้องเป็นเพราะหวางเห้าพูดอะไรผิดอย่างแน่นอน!

แต่ ยังไม่ทันที่เธอจะอ้าปากพูด

จู่ๆเฉินเทียนเซิงก็หัวเราะกล่าว “เสี่ยวเห้า นายเป็นถึงน้องชายของหนันหนัน ต่อไปเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว นายก็คือน้องชายของพี่ ขับรถราคาสามแสนกว่าหยวนมันช่างไม่เหมาะกับนายเลย พรุ่งนี้ไปซื้อรถกับพี่ ราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านหยวนนายไม่ต้องพิจารณาเลย”

โครม!

ในหัวของตระกูลหวางเสียงฟ้าผ่าได้ดังขึ้นอีกครั้ง

หนึ่ง หนึ่งล้าน?

ต่ำกว่าหนึ่งล้านไม่ต้องไปคิด?

โอ้มายก๊อด!

ร่างกายที่อ้อนแอ้นของหวางหนันหนันสั่นสะท้าน ร้อนไปทั้งตัว แทบอยากที่จะเข้าไปในร่างกายของเฉินเทียนเซิงทันที

หวางเต๋อดูมึนงง หัวใจของเขาเต้นแรง แต่มุมปากของเขากลับโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว

จาวซิ่วจือวางมือของเธอไว้ใต้โต๊ะด้วยความตื่นเต้น และเกาต้นขาของหวางเต๋ออย่างรุนแรงจนกลายเป็นรอยเส้นเลือดแล้ว

สายตาที่เธอมองเฉินเทียนเซิง เต็มไปด้วยประกายที่ระยิบระยับ เกือบจะกลายเป็นพุลดอกไม้ไฟแล้ว

“พี่เทียนเซิง ไม่ พี่เขย พี่ พี่พูดจริงใช่มั้ย?”

หวางเห้าได้คุกเข่าลงบนพื้นทันที จับแขนของเฉินเทียนเซิงเอาไว้ ถามเขาอย่างตื่นเต้น

เป็นเพราะใช้แรงมากเกินไป ทำให้เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

จาวซิ่วจือมองดูอย่างตั้งใจ หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วโยนไปตัวของหวางเห้า “ไอ้เด็กบ้า นายกำลังทำอะไรอยู่?”

หากเป็นเฉินตง หวางเห้าทำแบบนี้ จาวซิ่วจือไม่มีทางที่จะสนใจอย่างแน่นอน

อาจจะลงมือกับเฉินตงโดยตรง คนตระกูลหวางต้องเข้าข้างหวางเห้าอย่างแน่นอน

ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เฉินเทียนเซิงนั้นเป็นลูกเขยที่ร่ำรวยในสายตาของจาวซิ่วจือ!

อีกอย่างยังเป็นลูกเขยที่รวยมากๆด้วย!

“คุณน้า ไม่เป็นไรครับ” เฉินเทียนเซิงคลายหว่างคิ้วออก กล่าวกับหวางเห้า “พรุ่งนี้แปดโมงเช้า พี่มารับนาย นายคิดดูก่อนว่าจะซื้อรถอะไร จำไว้ ห้ามไปคิดถึงรถที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งล้าน มันไม่เหมาะสมกับนาย”

“ครับ ได้ครับพี่เขย ขอบคุณครับพี่เขย” หวางเห้าตื่นเต้นจนหัวใจจะหลุดออกมาแล้ว

หลังจากทานข้าวเสร็จ เฉินเทียนเซิงก็ลุกขึ้น “คุณน้าทั้งสอง เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ผมต้องขอตัวก่อนแล้วครับ”

“พ่อแม่ เสี่ยวเห้า หนูก็จะไปพร้อมกับเทียนเซิง” หวางหนันหนันลุกตามขึ้นมา

จาวซิ่วจือรีบตอบ: “ดีๆๆ ขับรถระวังด้วยล่ะ หนันหนันต้องดูแลเทียนเซิงดีๆนะ”

พลางพูด พลางขยิบตาให้กับหวางหนันหนัน

หวางหนันหนันพอเข้าใจว่ามันคืออะไร หน้าแดงระรื่น กล่าวด้วยท่าทางที่จริต “แม่ เทียนเซิงดื่มเหล้าแล้ว ขับรถไม่ได้ เรานั่งแท็กซี่กลับไป”

“ดี เวลาไม่เช้าแล้ว รีบกลับบ้านเถอะ” จาวซิ่วจือกล่าวไล่

“ใช่แล้ว พ่อคะแม่คะ เทียนเซิงพักอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน หากมีเวลาจะมาพาพวกท่านไปเที่ยวนะคะ” จู่ๆหวางหนันหนันก็นึกขึ้นได้ กล่าวกับหวางเต๋อและจาวซิ่วจืออย่างมีความสุข

โครม!

หวางเต๋อกับจาวซิ่วจือ หวางเห้าเหมือนโดนฟ้าผ่าอีกครั้ง ตกตะลึงกันอยู่ตรงที่เดิม

นึกถึงสิ่งที่พบเจอครั้งที่แล้วตรงประตูวิลล่า จู่ๆจาวซิ่วจือก็มีความรู้สึกสบายใจขึ้นมา

ยามหมาๆพวกนั้น ตอนนี้ลูกเขยของฉันพักอยู่ที่นั่นแล้ว ครั้งหน้าหากไปอีก ฉันจะดูว่ามีใครกล้ามาแตะต้องฉันอีก?

ขณะที่ใจที่คิดอยู่ จาวซิ่วจือยังคงยิ้มและพยักหน้า “จ้าๆๆๆ”

รอกระทั่งหวางหนันหนันกับเฉินเทียนเซิงจากไปแล้ว

จู่ๆหวางเต๋อก็พูดขึ้น “หนันหนันกับเทียนเซิงเพิ่งรู้จักไม่นาน ให้เธอตามไปด้วยแบบนี้ ดูไม่ค่อยจะดีมั้ง?”

เขาเป็นครู ดังนั้นก็จะพิจารณาถึงปัญหาเรื่องหน้าตาทางสังคมด้วย

เพิ่งจะพูดออกมา จาวซิ่วจือก็หยิกหวางเต๋ออย่างแรง “คุณมันจะไปรู้อะไร? ลูกเขยเศรษฐีอย่างเทียนเซิง ฉันฝันยังอยากได้เลย ต้องให้หนันหนันตัวติดตลอดเวลาไม่ดีเหรอ? ไม่อย่างนั้นหากหลุดมือจะทำไง?”

“พ่อครับ แม่ครับ ผมรู้สึกเหมือนฝันไปเลยครับ” จู่ๆหวางเห้าก็พูดขึ้น

“พ่อก็รู้สึกเหมือนฝัน”

จาวซิ่วจือเลิกคิ้ว ถามหวางเต๋อ “คุณเจ็บมั้ย?”

หวางเต๋อพยักหน้า

แววตาของจาวซิ่วจือเต็มไปด้วยประกาย กล่าวอย่างเข้าใจ “ครอบครัวเรา โชคดีแล้วจริงๆ หนันหนันจะต้องทำให้ครอบครัวของเราเจริญรุ่งเรือง หนันหนันช่างเป็นลูกสาวที่ดีของฉันจริงๆ”

บทที่ 102 เฉินเทียนเซิงมาแล้ว!

หลังจากที่เจอกันในค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำแล้ว

ก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของหวางหนันหนันไปโดยสิ้นเชิง

ราวกับว่าได้ก้าวออกมาจากนรก แล้วขึ้นสู่สวรรค์

เขาก็อยากมีชีวิตที่หรูหรา เขาก็อยากมีชีวิตที่อยู่เหนือคนอื่น

แต่เธอในอดีต มันเป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้นเอง

หลังจากที่หย่ากับเฉินตง เฉินตงก็เปลี่ยนไปทั้งตัว ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ทำให้เธอเสียใจภายหลัง

แต่กลับคิดไม่ถึง วันนี้เธอกลับกลายเป็นคุณผู้หญิงของวิลล่าเขาเทียนซาน

“ความรุ่งเรืองตกต่ำมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน เฉินตงนั้นจะแค่ไหนเชียว? ออกมาจากชีวิตคุณ ฉันก็มีชีวิตที่สุขสบายได้เหมือนกัน!”

นี่คือสิ่งที่หวางหนันหนันคิดในใจ

วิลล่าบ้านซาน มันถือเป็นวิลล่าระดับไฮเอนด์ของแท้ ราคานั้นสูงลิบลิ่ว

วิลล่าหลังนี้ ก็ร้อยกว่าล้านแล้ว!

ก็ได้ตามเทียนเซิง เข้าไปเยี่ยมชมด้านในวิลล่า หวางหนันหนันนอกจากจะประหลาดใจก็คือประหลาดใจ เธอในบางขณะถึงขนาด เหมือนกับจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นจนจะหลุดออกมาแล้ว

ความสุขมาได้กะทันหันมาก!

ทั้งๆที่เมื่อคืนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่มันกลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ!

ทั้งหมดนี้ ทำให้เธอล่องลอยในอากาศ

เมื่อเธอกับเทียนเซิงเดินถึงดาดฟ้าแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ควบคุมความรู้สึกไม่อยู่แล้ว โผเข้าไปในอ้อมอกของเทียนเซิง

“เทียนเซิง คุณนั้นรักฉันมากเลย ขอบคุณค่ะ ฉันโชคดีมากที่ได้เจอกับคุณ”

เทียนเซิงขยับแว่นเล็กน้อย พูดอย่างอ่อนโยน “คุณเป็นผู้หญิงของผม ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เหมือนกับคุณมาก่อนเลย ดังนั้นผมจะให้ทุกสิ่งที่มีผมกับคุณ”

สายลมโชยมา

ทั้งสองสบตากัน ริมฝีปากประกบเข้าหากัน

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งสองจึงแยกออกจากกัน

“เทียนเซิง คุณส่งฉันกลับบ้านได้มั้ยคะ? ฉัน ฉันอยากพาคุณไปเจอพ่อกับแม่”

หวางหนันหนันจับมือของเทียนเซิงอย่างตื่นเต้นดีใจ เหมือนกลัวว่าหากปล่อย เทียนเซิงก็จะหายไปจากตรงหน้าของเธอ

ในเมื่อเทียนเซิงยอมให้เธอทุกอย่าง งั้นคิดความเดียวที่เธอมีตอนนี้ก็คือ พาเทียนเซิงไปเจอพ่อแม่

ถ้าหากพ่อแม่รู้ว่าบ้านของเทียนเซิงอยู่ที่เขตวิลล่าเทียนซาน อีกทั้งยังเป็นวิลล่าบ้านซาน ต้องดีใจอย่างแน่นอน

สิ่งที่สำคัญคือ ในที่สุดวันนี้เธอก็สามารถที่จะช่วยน้องชายของเธอแล้ว!

เธอเชื่อว่า เทียนเซิงยังสามารถพาเธอมาอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานด้วยกัน ก็ต้องเต็มใจสนับสนุนน้องชายที่ชื่อหวางเห้าของเธอเหมือนกัน

“ได้สิ”

เทียนเซิงก็ตกลงทันที คิดไปครู่หนึ่ง จึงได้หยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบ “ในบัตรมีเงินหนึ่งล้าน ถือเป็นของขวัญการพบหน้า คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทนะ”

โอ้มายก๊อด!

ออกมือทีก็เป็นล้านเลย?

นี่จะเป็นการเสียมารยาทได้อย่างไร?!

หัวใจของหวางหนันหนันเต้นหนักมาก แต่ก็พยักหน้าเหมือนไม่ตื่นเต้น “จะเป็นไปได้อย่างไร? ครอบครัวฉันเข้าหาง่ายมาก”

ถ้าหากเวลานี้เธอไม่ถูกเฉินตงบล็อกละก็ เธออยากที่จะรีบโทรศัพท์หรือส่งวีแชทไปโอ้อวดกับเฉินตงทันที

เฉินตงจะแค่ไหนเชียว?

ตอนแรกที่เอาเงินสองแสนของเขา ก็จะหย่ากับเธอเลย อีกอย่างยังจงใจสร้างสถานการณ์ ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ

เทียนเซิงให้ทีก็เป็นล้าน เมื่อเทียบกับเทียนเซิง เฉินตงมาช่วยเทียนเซิงถือรองเท้ายังไม่คู่ควรเลย

เฉินตงมันผู้ชายสารเลวชัดๆ!

ทั้งสองคนจูงมือกันลงบันได เข้าไปนั่งในรถลัมโบร์กินี รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากสวนดอกไม้ของวิลล่า

แล่นไปตามท้องถนน มุ่งหน้าออกไปยังด้านนอกเขตวิลล่า

พอดีในเวลานี้ เงาคนสองคนได้ออกมามาจากวิลล่าหลังหนึ่ง

ลัมโบร์กินีคันนี้ก็ได้แล่นผ่านสองคนนี้พอดี

สองคนนี้ ก็คือท่านหลงกับคุนหลุน

“หือ!”

ท่านหลงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ต่อให้เฉียดผ่าน สายตาของเขาก็เห็นเทียนเซิงที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับ

คุนหลุนก็แสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “ท่านหลง เป็นเพราะเราตาฝากไปหรือเปล่า?”

“ฉันอาจจะตาฝาก หรือว่าคนหนุ่มอย่างนายก็ตาฝากเหมือนกัน?”

ท่านหลงครุ่นคิดไปสักพัก พึมพำด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ “เฉินเทียนเซิงกลับมาเมืองนี้แล้วจริงๆ เพียงแต่……..”

มองไปทางรถลัมโบร์กินี ท่านหลงที่อารมณ์เยือกเย็น สายตาแฝงด้วยแรงอาฆาต

ภาพนี้ ทำให้คุณหลงที่มองอยู่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ในความทรงจำ ท่านหลงนั้นอ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิมาโดยตลอด น้อยมากที่จะเห็นสีหน้าที่ดุร้ายแบบนี้

“เฉินเทียนเซิงกับหวางหนันหนันอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ?”

“ยังพักอยู่ข้างบ้านคุณชาย?”

“เขากำลังเล่นไฟอยู่เหรอ?”

น้ำเสียงของท่านหลงเหมือนลมหนาวที่พัดมาจากดินแดนที่แสนไกล ทำให้คุนหลุนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งในชั่วพริบตา

คุนหลุนถามอย่างหวาดกลัว ท่านหลง เฉินเทียนเซิงทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? รายงานคุณชายเดี๋ยวนี้เลยมั้ย?

“แผนการที่ล้ำลึกของเฉินเทียนเซิง ไม่ใช่คนบ้าบิ่นอย่างเฉินเทียนหย่างจะสามารถเทียบได้ เขาทำแบบนี้ นอกจากยั่วยุคุณชายแล้ว เกรงว่าน่าจะมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย”

ท่านหลงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ยังไงก็ต้องบอกคุณชาย อีกอย่าง ต่อไปนี้หากคุณผู้หญิงออกไปข้างนอก นายต้องตามไปด้วยทุกครั้ง ห้ามให้คุณผู้หญิงไปคนเดียว ต่อให้มีเสี่ยวลู่ไปด้วยก็ไม่ได้”

เข้าใจแล้วครับ คุนหลุนพยักหน้า

ในบรรดารุ่นนี้หัวกะทิที่เก่งกาจของตระกูลเฉิน มีคนที่โดดเด่นมากมาย

เฉินเทียนหย่างเป็นผู้เก่งกาจ พี่ชายฝาแฝดที่ชื่อเฉินเทียนเซิงก็คือผู้เก่งกาจในผู้เก่งกาจ!

เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านตระกูลเฉิน คุนหลุนรู้ว่าเฉินเทียนเซิงนั้นเก่งกาจ

ที่ท่านหลงทำแบบนี้ ก็เพราะกลัวว่าเฉินเทียนเซิงจะทำอะไรที่ไม่ดีกับหลี่หลาน

ด้วยทักษะการต่อสู้ของเฉินเทียนเซิง ฟ่านลู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เวลาห้าโมงเย็น

เฉินตงที่กำลังประชุมสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าในบริษัทกับพนักงานที่รับผิดชอบงานนี้ ก็ได้รับข้อความของท่านหลง

เมื่อเห็นข้อความในวีแชท

สีหน้าของเฉินตงก็เย็นเยือกทันที โกรธอย่างมาก

ทำให้อากาศในห้องประชุมทั้งหมดดูเหมือนแข็งตัวไปยังไงอย่างนั้น

เสี่ยวหม่าและคนอื่นๆอึ้งกันหมด ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกคนสามารถรับได้รู้ได้ เวลานี้เฉินตงนั้นเต็มไปด้วยไฟโกรธที่มหาศาล

สภาวะที่ตึงเครียดแบบนี้ กินเวลาไปสิบกว่าวินาที

“ฮู้………”

เฉินตงถอนหายใจออกยาวๆไปหนึ่งที ก็ได้เผยรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง “มาประชุมกันต่อ”

เสี่ยวหม่าและคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจทันที แต่ในใจทุกคนนั้นล้วนมีความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับเฉินตงกันแน่?

หลังจบการประชุม

เฉินตงก็ไม่ได้อยู่ต่อ แต่ได้ออกไปจากบริษัทโดยตรง เรียกรถกลับบ้าน

ระหว่างทาง เขากำหมัดแน่น เส้นเอ็นบนหลังมือนั้นนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

สายตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ

หยามกันเหรอ?

หาเรื่องเหรอ?

แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและหวางหนันหนันจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เฉินเทียนเซิงทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าอาศัยหวางหนันหนัน เพื่อมาตบหน้าของเขาโดยตรง

บอกว่าเป็นรักแท้?

เหลวไหล!

หากเฉินเทียนเซิงชอบหวางหนันหนันจริง มันถึงจะแปลก!

เรื่องที่ลูกคนรวยตกหลุมคนจน นั้นมันก็มีอยู่จริง

แต่ลูกคนรวยคือเฉินเทียนเซิง สาวคนจนนั้นคือหวางหนันหนัน เขาสองคนจะเป็นไปได้เหรอ?

ในที่สุด รถแท็กซี่ก็มาถึงด้านนอกวิลล่า

เฉินตงลงจากรถ ก็เห็นท่านหลงกับคุนหลุนรออยู่ตรงหน้าประตู

“คุณชาย พวกเขาพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าด้านข้าง

คุนหลุนชี้ไปยังวิลล่าที่อยู่ด้านข้าง

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา: “รู้แล้ว”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในวิลล่าโดยตรง

คุนหลุนงงมาก “แค่นี้เองเหรอ?”

ท่านหลงยิ้มๆ แล้วนายจะทำยังไง ไปรื้อบ้านของคนอื่นออกทันทีเหรอ? หรือว่าไปฆ่าเฉินเทียนเซิงกับหวางหนันหนัน?”

คุนหลุนเกาหัว หัวเราะเจื่อนๆ ก็ไม่พูดมากอีก

เมื่อเข้ามาในบ้าน เมื่อแน่ใจว่าคุณแม่ยังปกติดี เฉินตงถึงได้โล่งอก

เขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าคนเดียว นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปบนดาดฟ้าที่อยู่ตรงข้าม

พูดตามจริง ในใจของเขานั้นได้เตรียมแผนการรับมือการกลับมาของเฉินเทียนเซิงไว้นานแล้ว

ถึงขั้นเคยคิดในด้านที่แย่ที่สุด

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึง เฉินเทียนเซิงนั้นจะใช้วิธีการแบบนี้ มาพักอาศัยอยู่ข้างบ้านเขา อีกอย่าง……..ยังพาอดีตภรรยาของเขามาอยู่ด้วย!

ในขณะที่เฉินตงกำลังเต็มไปด้วยความโกรธนั้น ที่บ้านตระกูลหวาง กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

บทที่ 101หวางหนันหนันที่ฝัน

ค่ำคืนนี้

ด้านนอกโรงแรมไท่ซาน ฝนตกกระหน่ำ ดังไปด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า

หวางหนันหนันที่อยู่ในห้องสวีท กลับเหมือนอยู่ในความฝันที่สวยงามเป็นเวลาที่ยาวนานมาก

ราวกับว่าเธอได้กลับไปยังสวนสนุกในช่วงวัยเด็ก เล่นรถปั๊มเสร็จ ก็ไปเล่นรถไฟเหาะต่อ

มีความสุขและอบอุ่น เหมือนถูกคนที่รักใคร่เอ็นดู ถูกอุ้มชูเหมือนกับเจ้าหญิง

เธอเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้บทละครที่เจ้าชายตกหลุมรักซินเดอเรลล่านั้นได้ถูกดัดแปลงมาจากเรื่องจริง

เมื่อฝนหยุดตก ดวงอาทิตย์สาดส่อง

หวางหนันหนันที่ใส่เสื้อเชิ้ตของเทียนเซิง เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออก

แสงอาทิตย์ที่นุ่มนวลอบอุ่น ได้ส่องมาที่ร่างกายของเธอ

เธอเหมือนกับแมวน้อย ยื่นมือสองข้างออกแล้วบิดขี้เกียจ พร้อมรอยยิ้มจางๆ

มองดูพระอาทิตย์ที่อบอุ่นค่อยๆขึ้นสู่ท้องฟ้า จู่ๆเธอมีความรู้สึกเหมือนกับมีชีวิตใหม่

ความทุกข์ยากทั้งหมด ได้หายไปตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่เธอเจอกับเทียนเซิง ทุกอย่างได้สิ้นสุดไปแล้ว

เฉินตงจะนับประสาอะไร?

เทียนเซิงนั้นถึงจะเป็นรักแท้ของเธอ

อีกอย่าง เธอมั่นใจ ด้วยฐานะทางบ้านของเทียนเซิง เมื่อพากลับบ้าน พ่อแม่จะไม่ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับที่เคยทำมาก่อน

“ทำไมตื่นเช้าจัง?” ด้านหลัง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของเทียนเซิงดังขึ้น

หวางหนันหนันหาวไปหนึ่งที “ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่นิดหน่อย”

พูดจบ เธอก็หันเดินกลับไปที่เตียง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงได้เข้ามาที่บริษัทแต่เช้า

ครั้งที่แล้วที่ตัดสินใจจะเปิดขายอสังหาริมทรัพย์สามแห่งในเวลาเดียวกัน เลยต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด

เพียงแต่ ข้อดีมันอยู่ที่ ได้รับหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ได้สร้างศักยภาพให้กับไท่ติ่งเป็นอย่างมาก

หากอาศัยคลื่นลมนี้ สิ่งที่พวกเสี่ยวหม่ากังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเปิดขายอสังหาริมทรัพย์สามแห่งในเวลาเดียวกัน บางทีอาจจะถูกขจัดไปทั้งหมด

เมื่อเป็นแบบนี้ แรงกดดันของเขาก็ลดลงไปอย่างมาก

เวลาใกล้เที่ยง เฉินตงวางงานในมือลง พิงพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ สายตาที่ลึกซึ้งมองออกไปท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง

หลายวินาทีผ่านไป เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหากู้ชิงหยิ่ง

โทรศัพท์ดังจนมันวางสายไปเอง ไม่มีคนรับสาย

เขาขมวดคิ้ว เปิดวีแชทขึ้นมา ค้นหาชื่อกู้ชิงหยิ่งจนเจอ: “คุณอยู่ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง?”

กู้ชิงหยิ่งก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “สบายดี”

คำตอบสั้นๆเพียงสองคำ กลับทำให้เฉินตงรู้สึกถึงความห่างไกลและห่างเหิน

ก็เหมือนกับเหรียญที่ถูกเผาจนแดง จู่ๆมันก็ถูกสาดด้วยน้ำเย็นยังไงอย่างนั้น

เฉินตงถูจมูกที่บวมของเขา เรื่องครั้งที่แล้ว จนบัดนี้แล้วกู้ชิงหยิ่งยังไม่หายโกรธเหรอ?

เรื่องแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้กู้ชิงหยิ่งหายโกรธ สิ่งเดียวที่ทำได้ มีเพียงแค่รอ

โลกของผู้ใหญ่ มีแสงสว่างก็ต้องมีความมืด

เขากับกู้ชิงหยิ่งเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ในเวลาที่จัดการปัญหา ก็ต้องมีความคิดไม่ตรงกันบ้าง

เขาที่คลานออกมาจากในความมืด การเผชิญกับเรื่องครั้งก่อน มันก็ต้องไม่เหมือนกับกู้ชิงหยิ่งที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย

เขาลังเลไปครู่หนึ่ง เฉินตงก็ได้ส่งข้อความไปทางวีแชทอีกครั้ง

“อยากให้ผมไปหามั้ย?”

ครั้งนี้ รอไปสิบนาที กู้ชิงหยิ่งก็ไม่ได้ตอบกลับ

เฉินตงยิ้มอย่างเซ็งๆ วางโทรศัพท์ลง ก็ทำงานที่ยุ่งๆต่อ

ในเวลาเดียวกัน

ห้องสูทที่โรงแรมโรงแรมไท่ซาน

หวางหนันหนันอาบน้ำเสร็จแล้ว และได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสยาวสีดำของ Chanel ที่เทียนเซิงให้พนักงานโรงแรมช่วยออกไปซื้อมา

ยืนอยู่หน้ากระจก ชื่นชมร่างอันสง่างามในกระจกที่สวมใส่ด้วยชุดเดรสยาวของ Chanel

ดวงตาของหวางหนันหนันเป็นเปล่งประกาย ยิ้มเล็กน้อย ความสิ้นหวังก่อนหน้านั้นได้หายไปหมดเลย

เกิดใหม่!

ใช่ มันคือการเกิดใหม่!

นี่คือสิ่งที่หวังหนันหนันนิยามขึ้นกับการพบเจอกันอย่างสวยงามของเมื่อคืนนี้

นี่ถึงจะเป็นชีวิตที่เธอต้องการ

อีกอย่าง เธอเชื่อว่าเทียนเซิงสามารถให้เธอได้ แค่รถยนต์ลัมโบร์กินีคันนั้น มันก็เพียงพอที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์

เทียนเซิงเดินเข้าไปในห้องน้ำ

กอดเอวของหวางหนันหนันจากด้านหลัง ยิ้มแล้วก็กระซิบที่ข้างหูของหวางหนันหนันด้วยไออุ่น: “คุณสวยจัง…….”

แก้มของหวางหนันหนันแดงขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน “คนผีทะเล ยังไม่พออีกเหรอ?”

เทียนเซิงยิ้มๆ “ไปเถอะ ออกไปขับรถเล่นกัน”

หวางหนันหนันยิ้มแล้วพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยหลักหลายความรู้สึก ราวเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย ถูกเทียนเซิงจูงมือ ค่อยๆเดินตามเขาออกไป

หลังจากที่ทำเรื่องเช็คเอาท์แล้ว เข้าไปนั่งในรถลัมโบร์กินี

จู่ๆหวางหนันหนันก็เลิกคิ้ว “สามารถพาฉันไปวนรอบๆเขตวิลล่าเขาเทียนซานได้มั้ย? ได้ยินว่า วิวตรงนั้นสวยมาก”

แน่นอนเธอไม่ได้อยากไปดูวิวอะไรหรอก

เป็นเพราะว่าเฉินตงพักอยู่ตรงนั้น

ช่วงเวลานี้ ที่บ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ทำให้ความเย่อหยิ่งของเธอในอดีตหายไป เวลาที่เผชิญหน้ากับเฉินตง ต้องเจียมตัวเหมือนฝุ่นที่อยู่บนพื้น

วันนี้เธอได้พบเจอกับเทียนเซิง ก็ต้องอยากที่จะไปโอ้อวดต่อหน้าเฉินตงเป็นธรรมดา กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง

เพียงแต่ คำพูดแบบนี้ไม่สามารถที่จะพูดกับเทียนเซิง

เพราะหวางหนันหนันรู้ดี มันจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับเทียนเซิง

“ได้สิ”

เทียนเซิงสตาร์ทรถ

เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ลัมโบร์กินีที่ทำให้เลือดของคนพลุ่งพล่าน เหมือนกับการกะพริบของสายฟ้าสีเหลือง เสียงรถที่ดังได้ขับไปทางเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

อยู่ในรถมองดูวิวของเขาเทียนซานที่ด้านนอก ในใจของหวางหนันหนันกลับยิ้มอย่างเย็นชา

“เฉินตง คุณสามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ สักวันหนึ่ง ฉันก็สามารถที่จะมาอยู่ในสถานที่ไฮเอนด์แบบนี้ได้เหมือนกัน”

เทียนเซิงที่อยู่ข้างๆมองหวางหนันหนันไปแวบหนึ่ง แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “ชอบมั้ย?”

“วิวที่นี่สวยมากจริงๆ” หวางหนันหนันยิ้มอย่างจับใจ

“ด้านหน้าก็คือวิลล่า เราไปดูกันหน่อยมั้ย?” เทียนเซิงถาม

หวางหนันหนันส่ายหัว “ช่างเถอะ ได้ยินมาว่ายามของวิลล่าเขาเทียนซานเข้มงวดมาก อย่าให้ถึงตอนนั้นแล้วเราถูกไล่ออกมาเลย”

“เข้มงวดมากเลยเหรอ?”

เทียนเซิงยิ้มอย่างเรียบเฉย เหยียบคันเร่งจนมิด เสียงรถลัมโบร์กินีดังสนั่น มุ่งหน้าขับไปยังเขตวิลล่าเขาเทียนซานด้วยความเร็ว

ดวงตาของหวางหนันหนันเปล่งประกาย ยังไม่ทันได้สติ ประตูทางเข้าของเขตวิลล่าเขาเทียนซานก็อยู่ด้านหน้าแล้ว

เทียนเซิงขับรถลัมโบร์กินีที่เสียงดังสนั่นไปถึงบริเวณประตูวิลล่า

“ทำความเคารพ!”

ทันใดนั้นยามของวิลล่าก็ยืนตัวตรง ทำความเคารพอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”

บู๊น!

หวางหนันหนันเหมือนถูกสายฟ้าฟาด มือที่เรียวยาวได้กุมปากแดงๆเอาไว้ เกือบจะตะโกนออกมา

โอ้มายก๊อด!

เทียนเซิงคุณพักอยู่ที่นี่เหรอ?

ด้านหน้าสายตา ประตูวิลล่าค่อยๆเปิดออก

ความเร็วของรถลัมโบร์กินีลดลงไปอย่างมาก ค่อยๆขับเข้าไปในวิลล่า

หวางหนันหนันกุมปากไว้ตลอดเวลา มีความรู้สึกเหมือนฝัน

สองข้างทางวิลล่าที่หรูหราเรียงต่อกันเป็นหลังๆ มันเหมือนกับค้อนหนักได้ทุบเข้ามาที่หัวของเธอ

จนกระทั่งรถลัมโบร์กินีได้หยุดอยู่หน้าวิลล่าหลังหนึ่งที่ติดภูเขาของเขาเทียนซาน

ในที่สุดหวางหนันหนันก็ไม่สามารถยับยั้งความตกใจของเธอเอาไว้ได้ “ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น เทียนเซิง คุณ คุณพักอยู่ที่นี่เหรอ?”

“ไม่อย่างนั้นละ?”

เทียนเซิงเลิกคิ้ว ดวงตาภายใต้แว่นตาประกายวิบวับ “ลงรถแล้วครับ เจ้าหญิงของผม”

คำพูดประโยคเดียว ทำให้หวางหนันหนันเหมือนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

เจ้าหญิง?

เธอแก้มแดงเล็กน้อย ก้มหน้าด้วยความเขินอาย ในใจอบอุ่นขึ้นมาทันที

รอเทียนเซิงที่เป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูให้เธอ เธอจึงค่อยๆลงจากรถ

“ชอบมั้ย?”

เทียนเซิงถาม

หวางหนันหนันพยักหน้าเปิดเผย

เวลานี้เธอ ตื่นเต้น ดีใจ ใจเต้นระรัว หัวสมองว่างเปล่า

นี่ใช่ความฝันหรือเปล่า?

หากเป็นความฝัน หวังว่าชีวิตนี้อย่าตื่นจากความฝันนี้เลย!

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่นี่ก็จะเป็นบ้านของเจ้าหญิง”

เทียนเซิงที่ยิ้มได้ลูบไปที่หลังของหวางหนันหนันเบาๆ สายตากลับชำเลืองมองไปวิลล่าอีกหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก แววตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชา

บทที่ 100 พวกเราไปโรงแรมกันเถอะ

นานครู่หนึ่ง

หวางเต๋อดึงสติกลับมา ผลักจาวซิ่วจือหนึ่งที:“ดูสิ่งที่คุณทำสิ หนันหนันถูกคุณด่าจนออกไปแล้วจริงๆ”

สีหน้าจาวซิ่วจือเปลี่ยนไปมา พูดอย่างไม่ยอมรับ:“เกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉัน ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าหนันหนันจะเป็นแบบนี้?”

“คนที่เป็นแม่อย่างคุณ เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้หรอ?” หวางเต๋อตะคอกด้วยความโมโห

“คุณตะคอกใส่ฉันทำไม?”

จาวซิ่วจือคิ้วคว่ำ:“ฉันแค่ล้อเล่นกับหนันหนัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ตลก?”

หวางเต๋อหัวเราะ:“หนันหนันหัวเราะรึยัง?”

“คุณ……” จาวซิ่วจือหน้าแดงก่ำ ใบ้รับประทานจนพูดไม่ออก

ประจวบเหมาะเวลานี้

ประตูบ้านถูกคนเปิดออก

หวางเต๋อและจาวซิ่วจือดีใจขึ้นพร้อมกัน หันไปมองที่ประตู

ตอนที่เห็นว่าเป็นหวางเห้า สีหน้าของทั้งสองสามีภรรยาก็หม่นหมอง

จาวซิ่วจือถอนหายใจ กลับไปนั่งบนโซฟา

“พ่อครับแม่ครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หวางเห้ารู้สึกหดหู่เป็นทุนเดิม แต่เมื่อเดินเข้าบ้านแล้วเห็นสีหน้าของพ่อแม่ จึงเอ่ยถามขึ้น

“แม่ของแก บีบให้พี่สาวของแกออกไปแล้ว” หวางเต๋อมองค้อนจาวซิ่วจือด้วยความหงุดหงิด

จาวซิ่วจือโมโหทันที โวยวายเสียงดัง:“อะไรคือการบอกว่าฉันบีบเธอไป? เธอเป็นคนไปเองชัดๆ”

หวางเต๋อกำลังจะพูดโต้เถียง

หวางเห้ายกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง:“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ให้ผมสงบจิตสงบใจก่อน”

เมื่อเห็นหวางเห้าหดหู่ อาการซึมๆ จาวซิ่วจือจึงเดินไปข้างๆหวางเห้าพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง:“เสี่ยวเห้า ลูกกับเสว่เอ๋อคุยกันเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

เมื่อได้ยิน “เสว่เอ๋อ” สองคำนี้

ตัวของหวางเห้าสั่นสะท้านทันที

ดวงตาแดงก่ำ

จากนั้นร้องตะโกน กอดตาวซิ่วจือเอาไว้:“แม่ครับ……เสว่เอ๋อหายไปแล้ว เธอ เธอไปจากเมืองนี้แล้ว”

ตึ้ง!

หวางเต๋อและจาวซิ่วจือเหมือนถูกฟ้าผ่า

“เป็นอะไรไป? อยู่ดีๆ เสว่เอ๋อทำไมถึงไปได้?” หวางเต๋อถามด้วยความร้อนใจ

หวางเห้าไม่ได้ตอบ ซบหน้าตรงหัวไหล่จาวซิ่วจือ ร้องไห้เสียงดัง

จาวซิ่วจือเองก็ร้อนใจ ตบหลังหวางเห้าไปด้วย พร้อมกับพูดขึ้น:“ลูกรีบพูดสิ!”

“ไม่รู้ครับ ผมเองก็ไม่รู้”

หวางเห้าร้องไห้สะอื้นแล้วพูด:“ผมหาแล้ว แต่หาเธอไม่เจอ บ้านที่ก่อนหน้านี้เสว่เอ๋อเช่าเอาไว้ก็ไม่เช่าแล้ว อีกทั้งเธอยังลาออกจากงานที่ธนาคาร ผมโทรศัพท์ไปหาเธอแต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอก็ไม่ได้ออนในเกมส์ด้วย”

ช่วงที่ผ่านมานี้ หวางเห้าวิญญาณออกจากร่าง เหมือนได้รับกระทบเทือนจิตใจอย่างรุนแรง

หลินเสว่เอ๋อหายตัวไปกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม

เขาอยากจะแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อจริงๆ คุณสมบัติของเขากับหลินเสว่เอ๋อเทียบกันแล้ว เขาสามารถแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อได้ เอาคำพูดของคนรอบกายมาพูด ถือว่าหลุมฝังศพของบรรพบุรุษมีควันเขียว เป็นวาสนาที่สั่งสมมา

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลินเสว่เอ๋อที่ก่อนหน้านี้ไม่ถือสางานหมั้นของเขา กลับหายตัวไปกะทันหัน

ร้องไห้ไปด้วย หวางเห้าหยิบโทรศัพท์ออกมา

“นี่เป็นวีแชทที่ตอนเที่ยวเสว่เอ๋อส่งมาให้ผม หลังจากส่งข้อความมาเสร็จ เธอลบบัญชีวีแชทผมไปแล้วครับ”

จาวซิ่วจือและหวางเต๋อรีบแย่งโทรศัพท์

เนื้อความในวีแชทสั้นมาก และตรงมาก

“หวางเห้า เราเลิกกันเถอะ คุณเป็นคนดี ไม่ต้องตามหาฉัน ฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว”

เมื่ออ่านเนื้อความจบ ดวงตาจาวซิ่วจือถลึงกว้าง:“แย่แล้ว แย่แล้วๆ ต้องเป็นเพราะเสว่เอ๋อโมโหที่ครอบครัวเราหาสินสอดมาไม่ได้สักที ดังนั้นจึงโมโหแล้วจากไป”

พูดจบ เธอชกหวางเต๋อหนึ่งที:“ไอ้คนไม่ได้เรื่อง ยังไม่รีบใช้โทรศัพท์ของคุณโทรหาเสว่เอ๋ออีก ให้เสี่ยวเห้ารั้งเธอเอาไว้”

หวางเต๋อรีบคว้าโทรศัพท์ออกมา

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหวางเห้า กะพริบปริบๆมีแสงแวววับ

เหมือนคนที่สิ้นหวัง มีความหวังอีกครั้ง

สั้นๆเพียงไม่กี่วินาที

หวางเต๋อวางโทรศัพท์ลงด้วยความสิ้นหวัง:“โทรไม่ติด ไม่มีหมายเลขนี้แล้ว”

“ไร้สาระ!”

จาวซิ่วจือไม่เชื่อ คว้าโทรศัพท์ของตนเองออกมาแล้วกดโทรหาหลินเสว่เอ๋อ

อย่างรวดเร็ว เธอเองก็วางโทรศัพท์ลง พูดด้วยสีหน้าเสียใจ:“ไม่มีหมายเลขนี้แล้ว เสว่เอ๋อยกเลิกแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ ตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวเราแล้ว”

“แม่……” ความหวังสุดท้ายของหวางเห้าจบลงแล้ว ร้องไห้แล้วซบอกจาวซิ่วจือ

จาวซิ่วจือเองก็ร้องไห้ด้วย:“เสี่ยวเห้า แม่ผิดเอง แม่ทำผิดเอง…….ทำให้ลูกต้องเสียผู้หญิงดีๆอย่างเสว่เอ๋อไป……”

ชั่วพริบตา เสียงร้องไห้ดังระงม

มองดูสองแม่ลูกร้องไห้ด้วยความเสียใจ หวางเต๋อเองก็นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความเศร้า รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

……

เวลาค่ำคืนค่อยๆคืบคลานเข้ามา

ฝนตกลงมากะทันหัน

ฟ้าร้องเสียงดัง

ฝนตกหนักกะทันหัน ทำให้คนจำนวนมากบนท้องถนนไม่ทันได้ป้องกัน รีบวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

มีเพียงแค่คนๆเดียว ที่ไม่สนใจฝนตกหนักนี้แม้แต่น้อย ปล่อยให้ฝนสาดเข้ามาที่ลำตัว เดินช้าๆอย่างไม่มีจิตวิญญาณ

ตั้งแต่ออกมาจากบ้าน หวางหนันหันไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน

เธอเหมือน “สัมภเวสี” อย่างไรอย่างนั้น เร่ร่อนอยู่ในเมือง เหนื่อยก็นั่งพัก พอพักเรียบร้อยแล้ว เดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย

เธอปิดเครื่องแล้ว

หัวใจของเธอ เย็นยะเยือกไปแล้ว

ปฏิกิริยาของพ่อแม่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

ครอบครัว?

ตลก!

ที่ตรงนั้น คือบ้านภาษาอะไร?

น้ำตาแห้งเหือดไปหมดแล้ว ดวงตาเองก็บวม

ฝนเม็ดใหญ่สาดลงมาจนเธอเปียกไปหมดทั้งตัว ผมที่เปียกปอนทิ้งตัวลงบนหัวไหล่ ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก

หวางหนันหนันเดินอย่างไร้จุดหมาย แววตาของเธอเหม่อลอย

อย่างไม่รู้ตัว เธอเดินไปจนถึงถนน กำลังจะข้ามถนนแล้ว

ไฟสัญญาณให้คนเดินเขียวแดงยังคงเป็นสีแดง แต่เธอกลับเหมือนมองไม่เห็น เดินบนทางเท้า ไปฝั่งตรงข้ามช้าๆ

ตอนที่เธอเดินถึงตรงกลางถนน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแตรดังขึ้น

เอี๊ยด……

เสียงเหยียบเบรกแสบแก้วหู

ร่างอรชรของหวางหนันหนันสั่นเทา ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อหันกลับไปมอง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก ม่านตาขยายกว้าง

แสงไฟรถยนต์สาดส่องไปที่ตาของเธอจนต้องหยีตาเล็ก แต่เธอก็ยังมองเห็น รถคันหนึ่งกำลังพุ่งมาที่เธอ

“ว๊าย!”

ความตายเข้ามาใกล้ ทำให้เธอตกใจจนร้องกรีด

ร่างสั่นเทิ้ม นั่งลงบนแอ่งน้ำ

แบบนี้คือตายแล้วหรอ?

บางทีอาจจะดีก็ได้

มองดูแสงไฟที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจ้า ความคิดในหัวของหวางหนันหนันเหลือแค่อย่างเดียว

โชคดีก็คือ

ตอนที่รถกำลังจะเข้ามาใกล้ เหลือไม่ถึงครึ่งเมตร

ในที่สุด รถยนต์หยุดลง

มองดูรถที่หยุดลง หวางหนันหนันรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

ตามด้วยความโมโหที่ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

เธอนั่งอยู่บนน้ำ ฟาดมือไปที่รถ ร้องไห้และตะโกน:“ชนสิ ชนฉันให้ตายสิ!ทำไมต้องเบรกด้วย? ทำไมต้องจอดรถด้วย?”

“ฮือๆๆ……ทำไม? ทำไม? ฮือ……”

หลังจากด่าจบ ตัวของหวางหนันหนันนั่งกอดเข่า ร่างอรชรสั่นเทา ก้มหน้าลงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

รถแลมโบกินี่สีเหลืองเปิดประตูลงมา

ชายหนุ่มสวมชุดไปรเวทเดินลงมาจากรถ กางร่ม เดินมาด้านข้างหวางหนันหัน เพื่อบังฝนให้เธอ

“ชีวิตของคุณ ไร้ค่ามากขนาดนี้เลยหรอครับ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างอรชนของหวางหนันหัน เงยหน้าขึ้นเตรียมจะด่า

แต่คำพูดของผู้ชายเพียงคำเดียว กลับทำให้เธอนิ่งค้าง

“ด้านนอกฝนตกหนักขนาดนี้ ให้ผมส่งคุณกลับบ้านไหมครับ?”

ผ่านหยาดฝนและแสงไฟรถยนต์ หวางหนันหนันมองใบหน้าใต้ร่มที่สวมแว่นเอาไว้ ดวงตาเป็นประกาย กำลังยิ้มบางๆ

เธอนิ่งค้างไปแล้ว

“กลับบ้าน? ฉันไม่มีบ้านแล้วค่ะ” หวางหนันหนันยิ้มเศร้า

ชายหนุ่มย่อตัวลง ยื่นมือซ้ายออกมา:“ผมชื่อเทียนเซิง”

หวางหนันหนันชะงัก คงเป็นเพราะตอนที่เธอสิ้นหวังที่สุด มีคนบังฝนให้เธอ ทำให้หัวใจที่เย็นเฉียบของเธออบอุ่นขึ้นมาบ้าง

จากนั้น มือของเธอ วางลงบนมือของเทียนเซิง ถูกเขาพยุงขึ้นมา

“ขึ้นรถเถอะครับ”

เทียนเซิงพาหวางหนันหนันเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ

เวลานี้หวางหนันหนันเพิ่งเห็นว่านี่คือรถแลมโบกินี่ ดวงตาของเธอเป็นประกาย

เห็นเทียนเซิงเปิดประตูรถให้เธอ เธอพูดขอบคุณ แล้วเข้าไปในรถ

หลังจากรอให้เทียนเซิงกลับขึ้นมาบนรถ เธอจึงถามด้วยความแปลกใจ:“นี่คือ……แลมโบกินี่?”

“ครับ แค่รถใช้ในบ้านเท่านั้น” เทียนเซิงขับรถ ยิ้มแล้วตอบกลับ:“บ้านของคุณอยู่ที่ไหนครับ? ผมส่งคุณกลับบ้าน”

“ฉันไม่มีบ้าน”

หวางหนันหนันเกลี่ยผมเปียกปอนตรงหน้าผากไปไว้ด้านหลัง แวตาลุ่มลึก ลังเลไม่แน่นอน สุดท้ายหลอมละลายกลายเป็นยืนกราน สูดลมหายใจเข้า ตั้งใจพูดด้วยเสียงอ่อนโยน:“พวกเราไปโรงแรมกันเถอะค่ะ”

เทียนเซิงยิ้มบางๆ :“ครับ”

บทที่ 99 แม่ลูกใจห่างกัน

เฉินตงมองดูเบอร์ที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

หลังจากกดตัดสาย เขาก็บล็อกเบอร์โทรศัพท์ของหวางหนันหนัน

ขณะที่กำลังจะบล็อกเพื่อนเธอในวีแชท

เป็นตริงตามนั้น หวางหนันหนันส่งข้อความมาถึงวีแชท

“เฉินตง ให้ฉันได้เจอคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตาย!”

เปี่ยมไปด้วยความแค้นเคือง คุกคามโดยไม่ซ่อนเร้นแม้แต่น้อย

กลับทำให้เฉินตงรู้สึกรังเกียจมากกว่าเดิม

เขาในตอนนั้น ดูแลหวางหนันหนันเป็นอย่างดี แทบจะใช้คำว่า “เอาอกเอาใจ” มาอธิบายก็ยังไม่เพียงพอ

แต่สุดท้ายล่ะ?

เอาใจเธอจนชีวิตของแม่เขาแทบจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

“เฉินตง คุณอยากบีบให้ฉันตายหรอคะ?”

“พวกคุณอยากบีบให้ฉันตายหรอคะ?”

“เฉินตง อย่างน้อยก็เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆของเรา ต่อให้ฉันจะทำผิดแค่ไหน แต่ฉันก็เคยเป็นผู้หญิงของคุณ”

“ฉันทำผิดไปแล้ว ฉันสามารถขอโทษคุณได้ คุณเจอฉันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมคะ?”

วีแชทมีข้อความของหวางหนันหนันเด้งขึ้นไม่หยุด

แม้จะมีหน้าจอและตัวอักษรมาขวางกั้น ก็สามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของหวางหนันหนัน

“สำนึกผิด? หึ……”

เฉินตงหัวเราะในลำคอ จากนั้นตอบกลับ

“ผมเล่นมายากลให้คุณดู”

“อะไรคะ???” หวางหนันหนันแปลกใจ

เฉินตงพิมพ์เลข“3”โดยไม่รีบร้อน

ตามด้วย“2”

สุดท้ายตอนที่พิมพ์เลข“1” เขาก็พิมพ์เพิ่ม “ผมไม่เจอ”

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว เขาก็บล็อกหวางหนันหนันทันที

อีกด้านหนึ่ง

บ้านตระกูลหวาง

ก็อกๆๆ……

หวางหนันหนันมองดูข้อความสุดท้ายที่เฉินตงส่งมา กระวนกระวาย

ด้านนอกประตู จาวซิ่วจือเคาะประตูด้วยความร้อนใจ

“หวางหนันหนัน แกเปิดประตูให้ฉันเดี๋วยนี้ ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พ่อของฉันพังประตู!” เสียงแหลมของตางซิ่วจือดังขึ้น

หวางหนันหนันแสร้งทำเป็นหูหนวก

เธอมองดูวีแชทของเฉินตง พิมพ์ข้อความ แต่กลับไม่สามารถส่งไปได้

เธอรู้ เฉินตงบล็อกเธอแล้ว

ดวงตาค่อยๆแดงก่ำ น้ำตารื้นขึ้นมา รินไหลลง

ร่างอรชรของเธอสั่นเทา สายตาของเธอกลับจับจ้องข้อความสุดท้ายของเฉินตง

“ผมไม่เจอ”

ทันใดนั้นเอง หวางหนันหนัน “ฮือ” ร้องให้เสียงดัง

“ฉัน……ฉันเป็นคนทิ้งคุณไป”

เสียงร้องไห้ ดังไปทั่วทั้งห้อง

ทำให้จาวซิ่วจือที่อยู่ด้านนอกก็หยุดเคาะประตู ตะโกนต่อว่า:“หวางหนันหนัน เจ้าเด็กคนนี้ ร้องไห้เพราะใครตายหรือไง?”

ร่างอรชนของหวางหนันหนันสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อได้ยินคำต่อว่า เธอเม้มกัดริมฝีปากแน่น ให้ตนเองลดเสียงร้องไห้

เพราะใช้แรงมากเกินไป ริมฝีปากของเธอถูกกัดจนเลือดออก

หลายวันที่ผ่านมานี้ ความกดดันที่เธอได้รับ ทำให้เธอแทบจะสติแตกแล้ว

คำด่าทอกล่าวโทษของพ่อแม่ หัวเราะเยาะเย้ยหยันของเพื่อนและญาติมิตร ทั้งยังต้องแบกรับความกดดันจากการซื้อบ้านให้กับหวางเห้า

เธอมีหวางเห้าเป็นน้องชายคนเดียว เรื่องงานแต่งงานของน้องชาย เธอจำเป็นต้องช่วย

เธอแบกรับทั้งหมดคนเดียว

หวนนึกถึงตอนที่อยู่กับเฉินตง รู้สึกเหมือนมีดแหลมคม กรีดแทงหัวใจของเธอ

หลังจากรู้ว่ากู้ชิงหยิ่งไปแล้ว เธอจึงรวบรวมความกล้าติดต่อเฉินตง

หวังว่าการพบเจอครั้งสุดท้าย สามารถทำให้เฉินตงกลับมา เพราะเธอจำได้ ครั้งหนึ่งเฉินตงเคยรักเธอมาก

ขอเพียงเฉินตงกลับมา ส่งที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ ก็สามารถคลี่คลายได้ทั้งหมด

นับตั้งแต่วันนี้ เธอสาบานว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับเฉินตงเป็นอย่างดี

แต่คำตอบของเฉินตง ทำลายความคิดทั้งหมดของเธอ

“ทำไม? ทำไม……เฉินตง……”

ร้องไห้ หวางหนันหนันพูดพึมพำ กลิ่นคาวเลือดแผ่ซ่านออกมา เธอไม่สนใจว่าเป็นเลือดหรือน้ำตา:“ฉันรักคุณมาก คุณเองก็รักฉันมาก ฉํนก็แค่เอาเงินค่ารักษาของแม่คุณมาสองแสนหยวนเองไม่ใช่หรอ?”

“ฉันทำผิดไปแล้ว แต่คุณก็โกหกฉัน ทั้งๆที่คุณยังมีเงินมากมายขนาดนั้น ฉันไม่ถือสาที่คุณโกหกหลอกลวงฉัน ทำไมต้องตัดขาดความสัมพันธ์เด็ดขาดแบบนี้ด้วย?”

……

“หวางหนันหนัน แกออกมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”

จาวซิ่วจือตะคอกด่าเสียงดัง พร้อมทั้งเคาะประตูอย่างแรง

“พอได้แล้วๆ ไม่ได้ยินหรอว่าหนันหนันกำลังร้องไห้?” หวางเต๋อเกลี้ยกล่อม

“ร้องไห้? ยัยเด็กคนนี้ยังมีหน้ามาร้องไห้?”

จาวซิ่วจือถลึงตาโต คิ้วคว่ำหน้าบูด:“คนดีๆอย่างเฉินตง ยัยเด็กคนนี้กลับทำเขาหล่นหายไป ยังมีหน้ามาร้องไห้อะไร?”

ขณะพูด เธอก็ชี้ไปยังโทรทัศน์:“คุณดูสิ ตอนนี้เฉินตงไม่ได้เป็นแค่บอสของไท่ติ่ง แต่ยังเป็นเจ้าของหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงด้วย ลูกเขยคนนี้ของฉันเก่งมาก แต่กลับถูกยัยเด็กหวางหนันหนันที่ไม่รู้เรื่องอะไรทำหล่นหาย!”

ในโทรทัศน์ กำลังฉายข่าวบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงโอนย้ายหุ้นใหักับเฉินตง

ฟังทุกคำพูดในข่าว ภายในใจของจาวซิ่วจือมีเลือดรินไหล ลำไส้ของเธอเขียวช้ำไปหมด

ถ้าตอนนั้นไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น

ตอนนี้เงินของเฉินตง ก็เป็นเงินของครอบครัวพวกเขาแล้ว

เธอลำบากมาทั้งชีวิต มีเฉินติงอยู่ เธอกลายเป็นคุณหญิงที่ร่ำรวยมีชีวิตดีๆไปนานแล้ว

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จาวซิ่วจือทุบอกกระทืบเท้า กลิ้งตัวบนพื้นพร้อมกับร้องไห้

หวางเต๋อพูดเสียงเคร่งขรึม:“แต่คุณก็ไม่สามารถโยนความผิดทั้งหมดไปที่หนันหนันได้ ตอนนั้นทำไปเพื่องานแต่งงานของเสี่ยวเห้าไม่ใช่หรอ?”

“เจ้าคนชั่ว สรุปแล้วคุณช่วยฉันไหม?”

จาวซิ่วจือพูดเสียงเหี้ยม:“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้เฉินตงมีเงินเท่าไหร่? บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมือง หมู่บ้านที่เราอยู่ ก็เป็นหมู่บ้านที่เมื่อก่อนบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงพัฒนา!”

“คุณ……”

หวางเต๋อโมโหเป็นอย่างมาก ทว่ารู้ดีว่าไม่สามารถเถียงชนะจาวซิ่วจือได้ สะบัดมือ กลับไปนั่งบนโซฟาด้วยความหดหู่

เอี๊ยด!

ประตูเปิดแล้ว

น้ำตาหวางหนันหนันเต็มหน้า เดินออกมาด้วยผมเพ้าที่ยุ่งเหยิง ดูน่าเวทนาอย่างมาก

หวางเต๋อเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย รู้สึกปวดใจ

จาวซิ่วจือที่อยู่บนพื้นลุกขึ้น ไม่แคร์สภาพของหวางหนันหัน ยกนิ้วขึ้นกดขมับของหวางหนันหนัน พูดเสียงเหี้ยม

“ออกมาได้แล้วหรอ? เจ้าเด็กคนนี้เอาแต่อยู่ข้างใน สุดท้ายก็ออกมาได้แล้วใช่ไหม?”

“แกดูสิ แกดูสิว่าตอนนี้ลูกเขยของฉันประสบความสำเร็จแค่ไหน? ตอนนี้มีหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง!”

เพี๊ยะ!

หวางหนันหนันดึงมือจาวซิ่วจือออก

“พอได้แล้ว!”

เหมือนเธอบ้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ร้องตะโกนเสียงแหลม

สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้จาวซิ่วจือและหวางเต๋อตกใจและหยุดชะงักพร้อมกัน

น้ำตาเปื้อนใบหน้าสวยงามของหวางหนันหนัน ร้องตะโกนเสียงดัง:“โทษหนู โทษหนู โทษหนูทั้งหมด พอใจหรือยัง? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ แม่ไม่รู้หรือไงคะ?”

“อั๊ยโย……แกเหิมเกริมแล้วใช่ไหม ถึงได้สั่งสอนแม่ตัวเอง?”

จาวซิ่วจือดึงสติกลับมา ใบหน้าของเธอดุร้าย

ทันใดนั้นเองหวางหนันหันตบหน้าตัวเอง:“ตีสิคะ! แม่ชอบลงไม้ลงมือไม่ใช่หรอ? ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ช่วยทำบุญหน่อยแล้วกัน ตีหนูให้ตาย!”

แววตาจาวซิ่วจือนิ่งค้าง ตกใจกับการระบายอารมณ์ของหวางหนันหัน แต่ก็ยังคงพูดเสียงแข็ง:“เยี่ยมมาก แกโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้ว บ้านนี้รับแกไว้ไม่ได้แล้ว ถ้าแกมีปัญญาก็ไสหัวออกไป!”

หวางหนันหนันเช็ดน้ำตา พูดด้วยเสียงสั่นเทา:“พ่อคะ แม่คะ……หนูเป็นลูกของพ่อกับแม่ และเป็นลูกแท้ๆของพ่อกับแม่ ทำไมต้องทำแบบนี้กับหนู? ทำไมคะ?”

“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นหนู ไม่ว่าเรื่องอะไรก็โทษหนู พ่อกับแม่เห็นหนูเป็นอะไรกันแน่? หนูทำความผิดอะไรต่อครอบครัวนี้?”

“พ่อกับแม่โทษหนู ได้ค่ะ หนูไสหัวออกไป หนูไสหัวออกไปพอใจรึยังคะ?”

พูดจบ เธอก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป

จาวซิ่วจือกรีดร้อง หวางเต๋อรีบลุกขึ้นอยากจะวิ่งตามไป

ปั้ง!

ประตูบ้านปิดอย่างแรง

เหลือทิ้งไว้เพียงใบหน้าตกตะลึงของหวางเต๋อและจาวซิ่วจือ

บทที่ 98 สร้างความตกตะลึงทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง

เรื่องที่เกิดขึ้นใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ถูกคนที่มุงดูถ่ายคลิปแล้วโพสต์ลงโซเชี่ยลจริงๆ ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย

หากเป็นแค่นี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อไท่ติ่งจริงๆ

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวิลล่าโจวจุนหลง ไม่มีใครถ่ายเอาไว้!

ด้วยนิสัยรักชื่อเสียงของโจวจุนหลง ไม่มีวันปล่อยให้ลูกน้องแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปอย่างแน่นอน

พรุ่งนี้หลังจากเซ็นสัญญาโอนย้ายหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ความคิดเห็นของคนในอินเทอร์เน็ตสามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องทำอะไร

อีกทั้ง เฉินตงมั่นใจมาก ขอเพียงข่าวโอนย้ายหุ้นประกาศออกไป เป็นการส่งเสริมชื่อเสียงของไท่ติ่งอย่างแน่นอน

ต้องรู้ก่อนว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเมือง!

ไม่เพียงแค่นี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงยังเป็นบริษัทที่อยู่ในตลากหลักทรัพย์

ในมือไท่ติ่งมีโครงการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง มีโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ส่งเสริม เพียงพอที่จะทำให้หุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงขึ้น

สำหรับเฉินตง นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

แน่นอนว่าเขาไม่มีวันเป็นกังวล

แต่รายละเอียดที่อยู่ด้านใน เฉินตงไม่ได้บอกกับเสี่ยวหม่า หลังจากปลอบโยนเสี่ยวหม่าแล้ว ก็สั่งให้เขาออกไป

ตามด้วยข่าวติ่งเฉินตงถูกแบนเนอร์เขียนประกาศกร้าวให้สวมชุดไว้อาลัยในโลกอินเทอร์เน็ตดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ

กระแสในที่พูดถึงก็ส่งผลเสียต่อเฉินตงและไท่ติ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาครึ่งค่อนวัน เหล่าพนักงานไท่ติ่งอ่านข่าวต่างๆในโลกอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตื่นตระหนกตลอดทั้งวัน

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

หลี่หลานกำลังดูข่าวของเมืองผ่านโทรศัพท์มือถือ ขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าลำบากใจ

หน้าจอโทรศัพท์ คือรูปภาพเฉินตรงถูกคนวิจารณ์ด้วยแบนเนอร์

ในฐานะแม่ของเฉินตง เมื่อเห็นภาพนี้ ทำให้หลี่หลานรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีดแทงหัวใจ

ตงเอ๋อไปมีเรื่องกับใครกันแน่?

ทำไมถึงถูกคนบีบบังคับถึงขั้นนี้?

“คุณน้า เป็นอะไรไปคะ?”

ฟ่านลู่เดินถือจานผลไม้เข้ามา เมื่อเห็นหลี่หลานเศร้าใจ จึงเอ่ยถาม

“เกิดเรื่องขึ้นกับตงเอแล้ว” ลี่หลานทอดถอนหายใจ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ฟ่านลู่

ฟ่านลู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ใบหน้างดงามหดหู่ลง:“คนพวกนี้ ทำแบบนี้กับคุณเฉิน พวกเขาไม่รู้สึกปวดใจหรือไง?”

งานของเธอเฉินตงเป็นคนให้ เมื่อคราวที่แล้วเกิดเรื่องขึ้นที่ชุมชนเฮติ เฉินตงก็เป็นคนช่วยเธอเอาไว้

สำหรับเฉินตง ฟ่านลู่รู้สึกซาบซึ้งมาก

บอสแบบนี้ อย่างน้อยตลอดหลายปีที่เธอทำงาน เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน

เธอเองก็ไม่เชื่อสิ่งที่ในข่าวพูด!

บอสที่ยอมทุ่มสุดชีวิตเพื่อลูกน้องของตนเอง จะฆ่าคน?

หลังจากใจเย็นลง ฟ่านลู่รีบพูดปลอบหลี่หลาน:“คุณน้าคะ คุณน้าไม่ต้องเป็นกังวล ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวทางการ ตอนนี้พวกสำนักข่าวเขียนมั่วไปเอง คุณเฉินต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนค่ะ คุณน้าลองโทรถามคุณเฉินดูไหมคะ?”

“ลูกชายของน้า น้าต้องเชื่อใจอยู่แล้ว”

หลี่หลานขมวดคิ้ว ยิ้มบางเบา:“น้าแค่โมโหเท่านั้น ช่างเถอะ ตงเอ๋อยุ่งขนาดนั้น ไม่ต้องถามเขาแล้ว เดี๋ยวจะทำให้เขาเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของน้าเปล่าๆ”

ในเวลานี้เอง ท่านหลงและคุนหลุนเดินเข้ามาในห้องรับแขก

“คุณผู้หญิง”

ท่านหลงพยักหน้าให้กับหลี่หลาน

หลี่หลานยิ้มแล้วพูด:“ท่านหลง ท่านหลงเรียกฉันว่าเสี่ยวหลานเถอะค่ะ ต่อหน้าคุณฉันจะเป็นคุณผู้หญิงสามคำนี้ได้ยังไง”

ท่านหลงยิ้มอ่อน พาคุนหลุนเดินไปใกล้ ทว่าสายตากลับชำเลืองมองเนื้อความในโทรศัพท์

เขายิ้มพร้อมกับพูด:“คุณผู้หญิงไม่ต้องเป็นกังวล คุณชายไม่กลัวคำนินทาใดๆครับ”

“นิสัยของตงเอ๋อฉันรู้เป็นอย่างดี” หลี่หลานมองท่านหลงด้วยแววตาลุ่มลึก ยิ้มแล้วพูด:“แต่ว่า ต้องให้ท่านหลงช่วยอบรมสั่งสอนตงเอ๋อให้มาก”

ท่านหลงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ

ตามด้วย เขาผายมือ เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้คุนหลุนและฟ่านลู่ถอยออกไปพักหนึ่ง

หลังจากทั้งสองออกไปจากห้องรับแขก ท่านหลงถามอย่างมีความหมายลึกซึ้ง:“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงไม่คิดจะบอกคุณชายจริงๆหรอครับ?”

หลี่หลานยิ้มเศร้า:“เรื่องผ่านไปนานแล้ว เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ทำไมต้องทำให้ตงเอ๋อลำบากใจด้วย?”

ท่านหลงลูบหนวดเครา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน คุณผู้หญิงเคยคิดไหมครับ ตอนนี้คุณชายกำลังเติบโตขึ้นทีละก้าว วันข้างจะกลายเป็นไม้ใหญ่โดนลมโค่น?”

หลี่หลานชะงัก

แววตาฉายแสงแวววับ จากนั้นหม่นหมองกะทันหัน

ภายในห้องรับแขก เงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก

ท่านหลงมองหลี่หลานด้วยแววตาลึกล้ำ รอเงียบๆ

นานพักหนึ่ง

ในห้องรับแขกมีเสียงถอนหายใจของหลี่หลานดังขึ้น

“เหตุเพราะคนรุ่นก่อน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนรุ่นก่อน ตอนนั้นเขาไปแล้ว พวกเขารังแกข่มเหงพวกเราสองแม่ลูก ฉันอดทนเอาไว้ทั้งหมดแล้ว”

น้ำเสียงของหลี่หลานเคล้าไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและจนปัญญาที่ไม่สามารถอธิบายได้:“อย่าเพิ่งบอกเลยค่ะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ฉันทำให้ตงเอ๋อต้องลำบากมามาก ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าตงเอ๋อจะสบายขึ้นบ้าง”

“อืม……คุณผู้หญิงตัดสินใจแล้วก็ยิ่งดีครับ” รอยยิ้มของท่านหลงจนปัญญาเล็กน้อย “เพียงแต่ผมเป็นห่วงการยอมของคุณผู้หญิง จะทำให้คนอื่นได้คืบเอาศอก แต่ตอนนี้คุณชายก็โตแล้ว ทั้งยังมีนายท่านอยู่ เชื่อว่าคนพวกนั้น ไม่สามารถทำเรื่องอะไรได้”

……

ตลอดทั้งคืนไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

เช้าวันถัดไป ตอนที่แสงแดดสาดส่อง

ข่าวหนึ่ง เหมือนเป็นระเบิดขนาดใหญ่ สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งเมือง

“วันนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงจะโอนย้ายหุ้นให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ประธานโจวจุนหลงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงแสดงเจตจํานง ยกหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงหกสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับเฉินตงแห่งไท่ติ่ง!”

เมื่อข่าวแพร่ออกมา ตกตะลึงไปทั่วทั้งเมือง

ทุกคนตะลึงงัน

เมื่อวานหลังจากข่าวเฉินตงถูกคนนำแบนเนอร์มากางตรงใต้ตึกบริษัท ไม่นานก็มีผู้หวังดีสืบรู้อย่างรวดเร็วว่าเจ้าของแบนเนอร์คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

ในตอนนั้นมีคนต่อว่าไท่ติ่งและเฉินตง

ทว่าใครก็คิดไม่ถึง เพิ่งมีปัญหากันแท้ๆ นอนหลับไปแค่คืนเดียว ทำไมถึงโอนย้ายหุ้นให้กันแล้ว?

อีกทั้งยังเป็นหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์อีกด้วย โจวจุนหลงขายบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย!

ขณะที่กำลังมึนงงสงสัยอยู่นั้น มีคนจับใจความสำคัญของประเด็นนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งก็คือ เฉินตงในตอนนี้ ไม่ได้เป็นแค่บอสของไท่ติ่ง แต่ยังเป็นบอสของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์สองบริษัทรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไปแล้วไม่ใช่หรอ?

จากการแถลงข่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

สำหรับหัวข้อบทสนทนาเรื่องโครงการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนในเมืองพูดถึงกันอีกครั้ง

มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของเมืองอยู่ ไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว โครงการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองมีความเสี่ยงหรือไม่ เริ่มมีการขึ้นเล็กน้อยแล้ว

ในเวลาเดียวกัน มีโครงการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงที่อยู่ภายใต้การดูแลของเฉินตงเหมือนกัน ตอนเช้าหลังจากตลาดหุ้นเปิด ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นสูง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง กลายเป็นที่พูดถูก

สีหน้าของพนักงานของทุกคนเลือดฝาด เหมือนเป็นเลือดไก่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อข่าวแถลงการณ์ออกไป ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึง

เสี่ยวหม่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก หัวใจเกือบจะกระดอนออกมาด้านนอก

เมื่อเทียบกับพนักงานทั่วไปแล้ว เมื่อวานเขาได้ยินคำพูดของเฉินตงด้วยหูตนเอง

“เซ็นสัญญา ราคาบ้านทางภาคตะวันตกของเมืองก็จะขึ้น”

นิ่งสงบเหมือนแค่พูดเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เสี่ยวหม่าหวนคิดกลับไป รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวหม่าอยากจะวิ่งเข้าไปในห้องทำงานแล้วคุกเข่าต่อหน้าเฉินตง กราบไหว้บูชาเขา

พระเจ้า!

พี่ตงทำอะไรลงไปกันแน่?

ภายในห้องทำงาน ได้ยินพนักงานที่อยู่ด้านนอกพูดถกเถียงกัน

เฉินตงยิ้มอ่อน มือขวาเลื่อนเมาส์เบาๆ

หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นราคาหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

เปิดตลาดหุ้นเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เส้นสีแดงขึ้นสูงเรื่อยๆ กลายเป็นเส้นตรงสีแดง

เขามีหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงหกสิบเปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ความร่ำรวยของเขาเป็นไปตามเส้นสีแดงนี้ รวยเละแล้ว!

เพียงแต่ เรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน

เพียงแค่โทรศัพท์สายหนึ่ง กลับทำให้สีหน้าของเฉินตงฉายความรำคาญขึ้นมาทันที

โทรศัพท์……หวางหนันหนันเป็นคนโทรมา

บทที่ 97 พูดคุยแสดงความคิดเห็น!

รถโรลส์รอยซ์ขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนน

ภายใน เงียบสนิท

เฉินตงหันไปมองนอกหน้าต่าง อย่างใช้ความคิด

การมาของท่านหลง เป็นบทเรียนชีวิตของเขา

นิสัยของเขา ความสามารถของเขา ล้วนไม่แย่ แต่เวลาทำงานอะไรก็ตามเขาจะเข้มงวดมาก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเรื่องต่างๆ

เหมือนตอนเผชิญหน้ากับโจวจุนหลง หากเปลี่ยนเป็นท่านหลงตั้งแต่เล็ก

เขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย ท่านหลงต้องมีท่าทีน่าเกรงขาม ฟาดโจวจุนหลงให้ตาย

เมื่อเทียบกับตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ โจวจุนหลงเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

แต่เขา กลับให้โอกาศโจวจุนหลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“คุณชาย เรียนรู้หรือยังครับ?”

ข้างหู เสียงอ่อนโยนของท่านหลงดังขึ้น

เฉินตงดึงสติกลับมา หันไปมองท่านหลง ยิ้มเศร้า:“เข้าใจแล้วครับ”

ท่านหลงพยักหน้าด้วยความปลื้มปริ่ม:“ด้วยพรสวรรค์ นิสัย ความสามารถของคุณชาย ไม่ด้อยไปกว่าคนหนุ่มสาวยาวฝีมือพวกนั้นในตระกูล เพียงแต่ประสบการณ์ในตอนเด็กและสิ่งแวดล้อมพันธนาการคุณชายเอาไว้ ผมเพียงแค่ทำให้คุณชายรู้ว่า หลังจากปลดเปลื้องพันธนาการชั้นนี้ได้ เรื่องยากลำบากบางเรื่องก็จะเปลี่ยนเป็นง่าย”

ขณะพูด เขาชี้ไปยังคุนหลุนที่อยู่ด้านข้าง

“ยกตัวอย่างเช่นตุนหลุน ตอนที่เขาเป็นราชาทหารรับจ้าง ไม่พูดคุยหลักเหตุผลการทหารรับจ้าง และไม่ชั่งข้อดีและข้อเสีย”

“พวกเขาไม่คู่ควร” สีหน้าคุนหลุนนิ่งสงบ แววตาฉายความทระนง

ซึ่งเป็นความทระนงของราชาทหารรับจ้าง

เหมือนราชาสัตว์ดุร้ายในทุ่งหญ้า

เฉินตงเงียบ หวนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน วิธีการทำงานของเขาเมื่อก่อน มีเล่ห์เหลี่ยม และมีความเด็ดขาด แต่ถึงอย่างไรก็ขาดความเผด็จการแบบที่ท่านหลงและคุนหลุนมี

มีตระกูลเฉินอยู่ด้านหลัง เขามีสิทธิ์ที่จะมีความเผด็จการแบบนี้

“ฟู่~”

เป่าลมหายใจออกอย่างแรง เฉินตงเผยรอยยิ้มเล็กน้อย:“ท่านหลงเหนื่อยแล้วไ

ท่านหลงยิ้มด้วยความปลื้มปริ่ม ไม่ได้พูดอะไรอีก

ในเวลาเดียวกัน

ภายในโถงไว้อาลัยตระกูลโจว เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

บรรยากาศเคร่งขรึม เศร้าโศกหายไปนานแล้ว

โจวจุนหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เสื้อผ้าของเขาเปียกปอนไปหมด ดูน่าเวทนาอย่างเห็นได้ชัด

บุหรี่ซิการ์ในมือ มีควันลอยขึ้นมา หัวบุหรี่กลับถูกนิ้วมือของเขาขยี้จนกลายเป็นผุยผง

คนที่อยู่รอลๆ มองโจวจุนหลงด้วยความตกใจ แม้แต่หายใจก็แทบจะไม่กล้าหายใจเสียงดัง

กลัวว่าจะทำให้โจวจุนหลงระเบิดอารมณ์ หาเรื่องให้ตนเอง

ทุกคนล้วนรู้ดี โจวจุนหลงที่นิ่งเงียบในเวลานี้ คือสัตว์ดุร้ายที่กำลังโมโห ใครหาเรื่องใครตาย

เพี๊ยะ!

บุหรี่ซิการ์ถูกโจวจุนหลงโยนลงไปบนพื้น

เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูทุกคนในงาน ผายมือ:“ออกไปกันก่อนเถอะ”

ลูกน้องรีบทยอยเดินออกไป

ญาติของโจวเห้า กลับยังคงลังเลยืนอยู่ที่เดิม

โจวจุนหลงมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก พูดเสียงเหี้ยม:“กูบอกให้พวกมึงออกไปไง!”

พวกคนที่กำลังลังเลอยู่นั้นตกใจและรีบออกไปทันที

ชั่วพริบตา ภายในโถงไว้อาลัยเหลือโจวจุนหลงแค่คนเดียว

ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เหมือนแก่ไปสิบปีในชั่วพริบตา

ความรู้สึกเสียใจ พลุ่งพล่านขึ้นมา

หากสามารถเริ่มต้นขึ้นใหม่ ต่อให้เขายอมให้โจวเห้าตาย ก็ไม่มีวันหาเรื่องเฉินตง

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเฉินตง เขามองไม่ออก และไม่แน่ชัด แต่เขารู้ดี ฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่เขาสามารถมีเรื่องด้วยได้

“จบแล้ว……ทุกอย่างจบลงแล้ว……”

เคล้าไปด้วยเสียงสะอื้น สะท้อนในโถงไว้อาลัย:“ครึ่งชีวิตของฉันโจวจุนหลงเปล่าประโยชน์ เดินผิดก้าวเดียว แต่กลับกลายเป็นลำบากเพื่อคนอื่น!โจวเย่นชิว แกมันฉลาดมาก!”

อีกด้านหนึ่ง

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ภายในวิลล่าของโจวเย่นชิว

ห้องทำงานหรูหรา โจวเย่นชิวใช้ปลายนิ้วถือบุหรี่เอาไว้ ควันไฟหมุนวน

หลังจากวางโทรศัพท์ลง เขายิ้มบางเบา:“โจวจุนหลงจบแล้ว โถงไว้อาลัยถูกทำลาย ยกหุุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงให้กับเฉินตงหกสิบเปอร์เซ็นต์ เขามันซวยจริงๆ”

ในฐานะคู่แข่งของโจวจุนหลง เป็นธรรมดาที่โจวเย่นชิวจะจับตาดูโจวจุนหลงตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น โจวจุนหลงจัดโถงไว้อาลัยในบ้าน สั่งให้คนเอาแบนเนอร์บีบบังคับให้เฉินตงสวมชุดไว้อาลัยที่ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เรื่องนี้ถูกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถ่ายวิดีโอลงโซเชี่ยลไปนานแล้ว

ไม่อยากจะสนใจยังเป็นเรื่องยาก

“หุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์แลกกับชีวิตของเขา คุ้มค่ามากแล้ว”

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างดันกรอบแว่นของเขา มองโจวเย่นชิวด้วยแววตานิ่งเฉย:“ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่”

โจวเย่นชิวชะงัก ยิ้มแห้ง:“ในห้องทำงานของผมติดตั้งระบบลมถ่ายเทอย่างดี ไม่มีกลิ่นบุหรี่ลงเหลือ……”

ชายหนุ่มหัวเราะเย็นยะเยือก:“ถ้าอย่างนั้น ผมไม่ชอบมองคนสูบบุหรี่

โจวเย่นชิวจนปัญญา ขยี้บุหรี่ให้ดับในที่เขี่ยบุหรี่

จากนั้น เขาจึงพูด:“เฉินตงยอมรับหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง บอกกับไท่ติ่งในมือเขา ตอนนี้ถือว่ามีอสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับหนึ่งในเมืองนี้แล้ว”

ตอนที่พูดคำนี้ โจวเย่นชิวถอนหายใจเล็กน้อย

เขาสู้มาครึ่งชีวิต กว่าจะทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตนกลายเป็นอันดับหนึ่ง

แต่เฉฺนตงล่ะ?

แค่เป็นเพราะมีตระกูลเฉินคอยช่วยอยู่ด้านหลัง ก็สามารถเทียบเท่ากับสิ่งที่เขาทำมาครึ่งชีวิต

ราวกับว่าชายหนุ่มรู้ความในใจของโจวเย่นชิว ยิ้มเศร้า:“ดังนั้นต่อให้สู้แค่ไหน ก็ไม่เท่าเกิดในครอบครัวที่ดี ยืนถูกข้าง”

โจวเย่นชิวยิ้ม พยักหน้าเห็นด้ว

……

กลับไปถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

พนักงานภายในบริษัทล้วนเป็นห่วงเฉินตง เมื่อเห็นเฉินตงกลับมา ทุกคนก็โล่งใจ

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เฉินตงจากบอส กลายเป็นเสาหลักของพนักงานทุกคนแล้ว

เฉินตงกลับไปที่ห้องทำงาน เสี่ยวหม่าเดินตามเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ:“พี่ตง เรื่องเมื่อกี้ คงจะยุ่งยากเล็กน้อยแล้วครับ”

“ว่ายังไง?” เฉินตงถาม

เสี่ยวหม่าหยิบโทรศัพท์ยื่นไปตรงหน้าเฉินตง:“เรื่องแบนเนอร์ใต้ตึกบริษัท ถูกโพสต์ในโซเชี่ยลแล้วครับ ดังมาก”

เฉินตงรับโทรศัพท์มาดู ข่าวและช่องทางใหม่ต่างๆ ล้วนโพสต์ภาพแบนเนอร์ใต้บริษัทเมื่อกี้ หรือไม่ก็คลิปวิดีโอ

อีกทั้ง พาดหัวข่าวแต่ละอันน่าตกตะลึงกว่าแต่ละอัน

หนึ่งในพาดหัวข่าวที่เป็นประเด็นร้อนที่สุด พาดหัวข่าวเอาไว้ว่า:【ตกตะลึง!ประธานบริษัทไท่ติ่งบ้าคลั่ง ญาติผู้ตายมาถึงบริษัท บีบให้เขาสวมชุดไว้อาลัย!】

มองดูพาดหัวข่าว เฉินตงขมวดคิ้วเป็นปม

จากนั้นเขาก็กดไปยังช่องแสดงความคิดเห็น

ข้อความคาดเดา ประชดประชัน โกรธเคือง ด่าทอ ปรากฏในสายตา

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนรับบทบาท “ผู้รู้” พิมพ์อธิบายอย่างละเอียดตรงช่องแสดงความคิดเห็น

โจวจุนหลงที่เป็นคนทำแบนเนอร์ ก็ถูกขุดออกมาอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้ทำให้ช่องแสดงความคิดเห็นไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ

มีคนบอกว่าเฉินตงและโจวจุนหลงเป็นหนี้ชีวิตกัน

และมีคนบอกว่าโจวจุนหลงอิจฉาไท่ติ่ง จึงจงใจทำลายชื่อเสียงของเฉินตง

ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผลลัพธ์สุดท้าย เฉินตงรู้ดีที่สุด

ซึ่งก็คือส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ถึงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อราคาบ้านในโครงการเปลี่ยนแปลงย่านสลับที่ภาคตะวันตกของเมือง!

“พี่ตงครับ ครั้งนี้โจวจุนหลงทำร้ายเราเข้าแล้วจริงๆ” สีหน้าเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความเศร้า เมื่อเห็นเฉินตงทำหน้าเคร่งขรึม จึงรีบพูดปลอบ:“แต่ว่าพี่วางใจได้ครับ ผมสั่งให้คนประชาสัมพันธ์วิกฤตนี้แล้วครับ”

“ยกเลิกเถอะ”

เฉินตงวางโทรศัพท์ลง คลี่ยิ้มบางๆ:“ยกเลิกประชาสัมพันธ์วิกฤต จะเปลืองเงินไปกับส่วนนี้ทำไม?”

เสี่ยวหม่านิ่งค้างทันที

พี่ตงบ้าไปแล้ว?

ตอนนี้ไท่ติ่งและเขาได้รับข่าวเสียหายไปหมดแล้ว หากปล่อยให้พูดกันแบบนี้ต่อไป ราคาบ้านของบริษัทอสังริมทรัพย์ไท่ติ่งและภาคตะวันตกของเมือง ต้องร่วงแล้วจริงๆ!

ยกเลิกประชาสัมพันธ์วิกฤต นี่เป็นการสูญเสียงานใหญ่เพราะเรื่องเล็กๆไม่ใช่หรอ?

ไม่รอให้เสี่ยวหม่าพูด เฉินตงพิงเก้าอี้ ยิ้มประหลาดแล้วพูด:“พรุ่งนี้ฉันจะเซ็นสัญญา ราคาบ้านของเราทางภาคตะวันตกของเมืองต้องขึ้นราคา!”

ตึ้ง!

เสี่ยวหม่าตัวสั่น ม่านตาขยายอย่างรวดเร็ว:“พี่ตง พี่ พี่ล้อเล่นหรือเปล่าครับ?”

บทที่ 96 จัดการกับมด ตบฉากเดียวตาย

แสยะยิ้ม

เต็มไปด้วยความดูถูกที่ท่านหลงมีต่อโจวจุนหลง

เหมือนคนที่ยืนอยู่บนยอดเขา ก้มมองดูมดที่อยู่ตีนดอย

รังสีเหี้ยมโหดของโจวจุนหลงแผ่ซ่านไปทั้งตัว ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง

โถงไว้อาลัยที่เป็นพิธีการ เพียงชั่วพริบตาชลมุนวุ่นวายไปหมด

สิ่งที่ทำให้เขาอาเจียนเป็นเลือดยิ่งกว่าก็คือ

ลูกน้องของเขาตะลุมบอนเข้าไปหาเมืองผึ้ง แต่กลับไม่สามารถสู้คนแค่คนเดียวได้!

บอกว่าเป็นความชลมุนวุ่นวาย ความเป็นจริงคือคุนหลุนกำลังฆ่าล้างกลุ่มคน

ความสามารถในการต่อสู้ระดับนี้ แม้แต่โจวจุนหลงเองก็เสียวสันหลังวาบ

สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น ภาพในหัวของเขาปรากฏความคิดที่น่ากลัวยิ่งกว่า

เมื่อความคิดนี้ปรากฏออกมา ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เขาไม่ได้สนใจคำพูดของท่านหลง

ทว่ามองไปยังคุนหลุนที่กำลังต่อสู่ท่ามกลางกลุ่มคนด้วยความตกตะลึง

เขาเลี้ยงลูกน้องเอาไว้ แน่นอนต้องรู้ว่าการเลี้ยงม้าที่มีความสามารถแข็งแกร่ง ต้องใช้ความสามารถมากมายเท่าไหร่

แต่คุนหลุน ไม่ใช่ม้าแล้ว!

แต่เป็นเสือที่ดุร้าย เป็นมังกรที่บ้าคลั่ง!

การเป็นอยู่แบบนี้ ในเมือง ไม่มีใครสามารถเลี้ยงได้

และไม่มีใครมีความสามารถแบบนี้ ที่จะทำให้คนแบบนี้เชื่อฟัง

สามารถปราบพยศทำให้เสือดุร้ายมังกรบ้าคลั่งเชื่อฟังได้ ต้องเป็นคนที่เหี้ยมโหดและบ้าระห่ำเป็นทุนเดิม!

“หื้ม?!”

ท่านหลงอุทานเสียงเบา

ดังเข้าไปในหูของโจวจุนหลง ทว่ากลับน่าตกใจเหมือนฟ้าผ่า

ตัวของเขาสั่นเทา ขนในร่างกายตั้งชันขึ้นมาทันที มองท่านหลงและเฉินตงด้วยความตกใจกลัว

“แก ไม่สิ พวกแก พวกแก เป็นใครกันแน่?”

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัว ตอนที่ถามคำถามนี้ออกไป เสียงของเขาสั่นเทามาก

หากไม่ใช่เพราะดำรงตำแหน่งสูงมานานหลายปี ฝึกฝนจนเคร่งขรึม เวลานี้ตัวของเขาคงจะสั่นเทาไปทั้งหมดแล้ว

เขาคิดจินตนาการไม่ได้จริงๆ

เมืองนี้มีมังกรที่แท้จริงตั้งแต่เมื่อไหร่!

และเฉินตง รายงานก่อนหน้านี้ เป็นแค่รองประธานตัวเล็กๆในบริษัทโจวเย่นชิวไม่ใช่หรอ?

“คนที่แกไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้!”

เฉินตงพูดเสียงเย็นยะเยือก

แววตาโจวจุนหลงมึนงง นัยน์ตาว่างเปล่า

เมื่อกี้เขายังดูถูกคำพูดของเฉินตง แต่ตอนนี้เขากลับไม่สงสัยแม้แต่น้อย

ปั้ง!

เสียงดังขึ้น

ลูกน้องคนสุดท้ายถูกคุนหลุนต่อยหมัดจนตัวปลิว

คุนหลุนขยับไหล่ เดินไปข้างๆเฉินตงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นยะเยือก:“คุณชายครับ จัดการเรียบร้อยทั้งหมดแล้วครับ”

จัดการเรียบร้อยแล้ว?!

กูหลังตกตะลึง

โจวจุนหลงเองก็ตกตะลึง

มีแค่เฉินตงเพียงคนเดียวเท่านั้น เม้มริมฝีปากล่างเล็กน้อย พร้อมกับพูดเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม:“ช้าไปหน่อยนะ”

ตอนที่เขาอยู่ภายใต้การชี้แนะของคุนหลุน เข้าสู่การฝึกซ้อมที่เหี้ยมโหด เคยถามคุนหลุน

ในสถานการณ์เดียวกัน ตอนที่คุนหลุนเป็นราชาทหารรับจ้าง เคยพบเจอ ในตอนนั้นเขาใช้เวลาในจัดการห้านาที!

แน่นอน ตอนนั้นคนที่เขาเผชิญหน้าด้วยคือทหารรับจ้าง

ส่วนลูกน้องของโจวจุนหลง ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นคนถือรองเท้าของทหารรับจ้าง

เวลา เห็นได้ชัดว่าต้องใช้น้อยหน่อย

คุนหลุนยิ้มแล้วพูด:“วางแผนเอาไว้หนึ่งนาที เพราะได้รับบาดเจ็บจึงไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างดี ใช้เวลาเกินไปสามสิบวินาที ช้าไปจริงๆ”

ตึ้ง!

ในหัวของกูหลังมีเสียงดังตั้งขึ้น

หนึ่งนาทีสามสิบวินาที ล้มลูกน้องนับสิบคน ถือว่าช้า?

สีหน้าของโจวจุนหลงเปลี่ยนไปมาก ใบหน้าของเขาแทบจะบิดเบี้ยวจนรวมเข้าด้วยกัน

คำตอบของคุนหลุน เหมือนมือล่องหน ผลักเขาลงไปในเหวลึกแห่งความหวาดกลัว

ภายในโถงไว้อาลัย

กลับเข้าสู่พิธีเคร่งขรึมอีกครั้ง

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือ เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแผ่วเบาของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื้น

เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

คนในครอบครัวของตระกูลโจวตกใจจนขดตัวอยู่ในมุม สั่นเทาไปทั้งตัว

มีแค่โจวจุนหลง ยืนอยู่ที่เดิม

เฉินตงเดินไปหน้าโลงศพของโจวเห้า

ก๊อกๆ

เคาะฝาโลงศพสองครั้ง พูด:“ตอนนี้ นายจะยังให้ฉันสวมชุดไว้อาลัยให้นายไหม?”

เสียงเบามาก แต่กลับดังก้องไปทั่วโถงไว้อาลัย

ตัวโจวจุนหลงสั่นสะท้าน มองเฉินตงด้วยความตกใจกลัว ริมฝีปากขยับเล็กน้อย

ยังไม่รอให้ได้พูดอะไร

คุนหลุนเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว มือใหญ่คว้าคอของเขาเอาไว้ ตามด้วยหิ้วตัวเขาขึ้นมา

ทันใดนั้น ความรู้สึกหายใจไม่ออกพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง

ใบหน้าโจวจุนหลงแดงก่ำ แววตาตกใจกลัว

ต้องการเอาตัวรอดของสัญชาตญาณทำให้เขาตะเกียกตะกาย มือทั้งสองข้างอยากจะแกะมือคุนหลุนทิ้ง

แต่มือของคุนหลุน กลับแข็งเหมือนเล็ก ไม่สามารถแกะออกได้!

“มดอย่างแก ฉันใช้แค่มือเดียวก็สามารถฆ่าตายแล้ว”

น้ำเสียงคุนหลุนเย็นยะเยือก เหมือนน้ำแข็งสะท้านเข้ากระดูก:“คนอย่างแก คู่ควรให้คุณชายของฉันสวมชุดไว้อาลัย? ไม่เจียมตัวจริงๆ!”

ปั้ง!

มือขวาของคุนหลุนขยับโบก โยนโจวจุนหลงลงพื้น

ลำคอปลดเปลื้องพันธนาการ ใบหน้าโจวจุนหลงแดงก่ำ ปากอ้ากว้าง พยายามสูดลมหายใจ

เมื่อสัมผัสได้ว่าปอดที่หดตัวถึงขีดสุดมีออกซิเจนเติมเต็มอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อย

ความตายที่คุกคามเข้ามา ทำให้เขาไม่สนใจศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว

รีบลุกขึ้น คุกเข่าอยู่บนพื้น หมอบกราบด้วยความรุนแรง

“ขอโทษครับ ผมมีตาหามีแววไม่ หลังจากนี้ในเมือง ที่ไหนที่มีคุณเฉินอยู่ ผมโจวจุนหลงไม่มีวันกล้าปรากฏตัวครับ!”

“หึ!”

เฉินตงหัวเราะในลำคอ

ท่านหลงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะแล้วพูด:“คุณชาย จัดการมด ไม่จำเป็นต้องยอมอดทน ตบไปคราวเดียวก็จบเรื่องแล้ว ฐานะของคุณไม่จำเป็นต้องกลัวมดตัวเล็กๆ”

เฉินตงยิ้ม :“เข้าใจแล้วครับท่านหลง”

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกกลัวและอดทนต่อโจวจุนหลงจริงๆ

แต่วันนี้ท่านหลงให้บทเรียนกับเขาแล้ว

และทำให้เขาเข้าใจว่าพวกคนยอดเยี่ยมของตระกูลเฉิน ทำไมถึงกล้าไม่สนใจชีวิตคน

ในสายตาของพวกเขา บางทีไม่ใช่การไม่สนใจชีวิตคน แต่เป็นเพราะ……ไม่สนใจชีวิตมดก็เท่านั้น!

ท่านหลงยิ้มด้วยความปลื้มใจ

ตามด้วย เขาเดินไปตรงหน้าโจวจุนหลงช้าๆ:“อยากมีชีวิตไหม?”

น้ำเสียงนิ่งสงบ แต่กลับทำให้หัวใจของโจวจุนหลงเต้นแรง

ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย โจวจุนหลงรีบพยักหน้า

เขารู้ว่าตนเตะโดนกระดานเหล็กแล้ว ท่าทีที่ท่านหลงแสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงคำพูดเดียวของท่านหลง สามารถทำให้เขาตายที่นี่ได้

ดังนั้น เขาไม่กล้าไม่ยอม

“อยากมีชีวิต ก็ต้องขายชีวิต” ท่านหลงยิ้มแล้วพูด

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น สงสัยเล็กน้อย

แต่อย่างกระชั้นชิด คำพูดของท่านหลง กลับทำให้เขานิ่งค้าง

เห็นท่านหลงย่อตัวนั่งลงบนพื้น คล้ายกำลังลูบจับสัตว์เลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น นำมือขวาวางลงบนศีรษะโจวจุนหลง

รอยยิ้มบนใบหน้า หายไป แทนที่ด้วยความเย็นยะเยือกที่เฉินตงไม่เคยเห็นมาก่อน

“เอาอสังหาริมทรัพย์ของนายและหุ้นออกมาหกสิบเปอร์เซ็นต์ ซื้อชีวิตแก”

ตึ้ง!

โจวจุนหลงตกตะลึง มองท่านหลงด้วยใบหน้าซีดขาว

บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือตนเอง

ในเมืองนี้ เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมืองนี้ แม้จะเทียบกับบริษัทของโจวเย่นชิว ห่างกันเล็กน้อยเท่านั้น

หุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ราคาในตลาด ก็เป็นราคาที่สูงมากแล้ว!

สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ สำหรับการควบคุมบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง!

เมื่อยกให้แล้ว ก็เท่ากับประเคนบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงให้กับเฉินตง ส่วนเขาที่เป็นคนริเริ่ม กลายเป็นแค่ลูกจ้างของเฉินตง!

“ตั้งแต่นายหาเรื่องคุณชายของฉัน นายก็ไม่มีทางรอดแล้ว”

ท่านหลงหรี่ตาลงยิ้มอ่อนแล้วพูดขึ้น:“หรือว่า นายคิดว่าชีวิตของนาย ไม่มีค่าเท่ากับหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์?”

แม้ว่ากำลังยิ้ม แต่ใครก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวท่านหลง

ทั่วทั้งโถวงไว้อาลัย เหมือนอุณหภูมิลดลงหลายองศาในชั่วพริบตา

หลังจากเงียบอยู่หลายวินาที

เสียงเจ็บปวดของโจวจุนหลง ดังขึ้นในโถงไว้อาลัย

“ผมตกลง”

บทที่ 95 ฉันเป็นคนที่นายไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้!

ตอนที่เฉินตงเดินเข้ามาในวิลล่าตระกูลโจว

ในอากาศ เคล้าไปด้วยควันไฟ

ระหว่างทางมีลูกน้องของโจวจุนหลงคอยเดินสำรวจ สวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ท่าทีน่าเกรงขาม

ทั่วทั้งวิลล่าตระกูลโจว บรรยากาศเหมือนปิดผนึกเอาไว้

“มองอะไร? รีบเดินหน่อย!”

ข้างกาย ลูกน้องของโจวจุนหลงพูดตะคอก

แววตากูหลังฉายความเหี้ยมโหด กำลังจะใช้กำลัง ทว่ากลับถูกเฉินตงกดหัวไหล่ปรามเอาไว้

กูหลังอดกลั้น ทว่าภายในใจกลับสงสัย

เป้าหมายในการมาที่นี่ของเฉินตง คือการมาสวมชุดไว้อาลัยให้กับโจวเห้างั้นหรอ?

เป็นไปได้ยังไง!

ด้วยตำแหน่งและภูมิหลังของเฉินตง จะยอมให้เรื่องแบบนี้เหยียบย่ำตนจมลงไปในดินโคลนได้ยังไง?

ประตูใหญ่ของวิลล่าได้สร้างโถงไว้อาลัยเรียบร้อยแล้ว จัดแต่งด้วยผ้าสีขาว

อย่างแผ่วเบา ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านในโถงไว้อาลัย

ประจวบเหมาะในเวลานี้ ด้านในโถงไว้อาลัยขนาดใหญ่ ลูกน้องรีบวิ่งออกมา

คนที่เป็นผู้นำคือชายวัยกลางคน ในมือถือผ้าสีขาวเอาไว้

“ประธานโจวมีคำสั่ง ให้เฉินตงสวมชุดไว้อาลัย!”

เสียงของลูกน้องวัยกลางคนหยิ่งผยองทระนง โยนผ้าขาวในมือไปตรงหน้าเฉินตง

ครืน……

ผ้าขาวไว้อาลัยสองผืนตกลงบนพื้น

เฉินตงไม่แม้แต่จะชายตามอง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก:“ใครบอก ว่าฉันมาเพื่อสวมชุดไว้อาลัย?”

“หึๆ……ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองดูสิ!”

ชายวัยกลางคนหัวเราะเยือกเย็น:“ประธานโจวบอกเอาไว้แล้ว ถ้านายไม่ยอมสวมชุดไว้อาลัยให้กับพี่เห้า ก็ให้นายตกอยู่ในสภาพเดียวกับพี่เห้า ถูกหามออกไป!”

เพิ่งสิ้นเสียง ลูกน้องของโจวจาวก็ปิดล้อมเอาไว้จนหมด

ชายชุดสูทและรองเท้าหนังกว่าสิบคนปิดล้อมเฉินตงและกูหลังเอาไว้

ในอากาศ เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนทันที

ขอเพียงมีคำหนึ่งที่ไม่พอใจ ก็พร้อมจะลงมือทันที

แววตากูหลังสั่นเทา ลอบระมัดระวัง

เผชิญหน้ากับคนนับสิบปิดล้อมในเวลาเดียวกัน แม้แต่เขาก็ไม่เคยเจอมาก่อน

แต่ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินตง กลับหยุดชะงัก

เฉินตงในเวลานี้ สีหน้ายังคงนิ่งงันเหมือนน้ำในบ่อบาดาล มือทั้งสองพาดเอาไว้ด้านหลัง ดูนิ่งสงบมาก

“โจวเห้า มีสิทธิ์อะไรให้ฉันสวมชุดไว้อาลัย?”

เฉินตงหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ ยกขาขวาขึ้น เดินไปด้านหน้า เหยียบชุดไว้อาลัย แต่ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เขาเดินเข้าไปในโถงไว้อาลัยนิ่งๆ

ภาพนี้ ทำให้ลูกน้องวัยกลางคนม่านตาหดเล็ก ความโมโหพลุ่งพล่าน

แต่เฉินตงยังคงนิ่งสงบ ทำให้ภายในใจของเขาหวาดกลัว

ถูกศัตรูโจมตี แต่ยังสามารถนิ่งสงบถึงขั้นนี้ได้ หรือเป็นเพราะมีแผนสำรอง?

แม้แต่กูหลัง ยังคิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะทำแบบนี้

กลืนน้ำลายลง กูหลังรีบเดินตามเฉินตง แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัว หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ลูกน้องทั้งสิบกว่าคนเคลื่อนไหวตามเฉินตง แล้วเดินตามมาช้าๆ

ทั้งๆที่เป็นฝ่ายชนะอย่างเห็นได้ชัด ความนิ่งสงบของเฉินตงกลับทำให้ทุกคนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ในที่สุด เฉินตงก็เดินไปถึงด้านหน้าโถงไว้อาลัย

โจวจุนหลงที่กำลังสูบบุหรี่ซิการ์ยกหนังตาขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นเฉินตงไม่ได้สวมใส่ชุดไว้อาลัย ระเบิดอารมณ์ทันที

ปั้ง!

โจวจุนหลงตบเก้าอี้อย่างแรง เสียงดังสะท้านไปทั่วโถงไว้อาลัย

เขาลุกขึ้นกะทันหัน ตะคอกด่าพวกลูกน้องด้วยความโมโห:“พวกมึงมัวแต่ทำห่าอะไรกัน? คำพูดของกูเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรือไง?”

ลูกน้องสิบกว่าคนมองหน้ากัน

เฉินตงลูบจมูก แสยะยิ้ม:“นายยังไม่เลิกสูบซิการ์อีกหรอ?”

โจวจุนหลงหยุดหายใจ ใบหน้าแดงก่ำ

คำพูดของเฉินตง กำลังเย้ยหยันการตายของโจวเห้าอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อคืนเขาจุดบุหรี่ซิการ์!

“แก อยากตายหรือไง?” ใบหน้าของโจวจุนหลงบิดเบี้ยว กัดฟันแน่น

เต็มไปด้วยความอาฆาต พลุ่งพล่านออกมาอย่างไม่ปิดบังเอาไว้

อยู่ในวงการธุรกิจมานานหลายปี เขาไม่ใช่ผู้เก่งในวงการธุรกิจเต็มตัวเหมือนโจวเย่นชิว

จรรยาบรรณที่โจวจุนหลงเชื่อมั่น ทำให้อุปสรรคที่ขวางกั้น หายไปจนหมดเกลี้ยง!

เฉินตงยักไหล่:“ฉันอยากตาย ทำไมต้องมาที่นี่ด้วย?”

“หึๆ!”

โจวจุนหลงหรี่ตาลง แรงอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นมา

ในเวลานี้เอง

ด้านนอกวิลล่า เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

โคร้ม!

เสียงดังสนั่น อื้ออึ้ง

ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปจนหมด

มีเพียงมุมปากของเฉินตงเท่านั้นที่เผยรอยยิ้มมั่นใจ

กูหลังตัวสั่นเทา แววตาของเขาฉายแสงขึ้นมากะทันหัน

“ใครเป็นคนทำวะ?”

โจวจุนหลงเบิกตาโตด้วยความโมโห เห็นประตูที่สวนดอกไม้ด้านนอกวิลล่า ถูกรถที่ขับด้วยความเร็วสูงพุ่งชน

รถยนต์คันนั้นพุ่งชนอย่างจัง ตรงมายังโถงไว้อาลัย

เอี๊ยด!

เสียงเบรกแสบแก้วหู

รถยนต์จอดตรงหน้าประตูวิลล่า

ในเวลาเดียวกัน พวกลูกน้องที่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกก็ดึงสติกลับมา รีบวิ่งไปล้อมรถยนต์คันนั้นเอาไว้

กรึก!

ประตูรถเปิดออก

ร่างกายแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็กของคุนหลุน เดินลงมาจากที่นั่งคนขับด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก

รูปร่างกำยำ ใบหน้าเย็นยะเยือก ทำให้เกิดแรงกดดันขนาดใหญ่ที่ไม่มีรูปทรงขึ้นมา ลูกน้องที่ล้อมรอบเอาไว้ตกใจกลัวจนถอยหนี

“คุณชาย……”

คุนหลุนเห็นเฉินตงที่อยู่นอกกลุ่มคน ร้องเรียกด้วยความเคารพ

ตามด้วย เขาหมุนตัวไปเปิดประตูแถวหลังของรถยนต์

ท่านหลงที่อยู่ในชุดจีน ค่อยๆเดินลงมาจากรถ

เมื่อเห็นเฉินตง ยิ้มด้วยความใจดี:“คุณชาย…..”

ทำไมท่านหลงถึงมาด้วย?

เฉินตงพูดไม่ออกเล็กน้อย คุนหลุนทำงานไม่ได้เรื่องเกินไปแล้วรึเปล่า?

“คุณชาย?”

โจวจุนหลงทำสีหน้าเคร่งขรึม ขมวดคิ้วมองไปทางเฉินตง:“แก แกเป็นใครกันแน่?”

เขาไม่ใช่คนโง่ ในทางตรงกันข้ามเขาเป็นคนฉลาดมาก

ภูมิหลังของเฉินตงก่อนหน้านี้ เป็นแค่รองประธานในบริษัทเล็กๆของโจวเย่นชิวเท่านั้น

แต่การรวบซื้อไท่ติ่ง ทำให้โจวเย่นชิวช่วยเหลือ ทั้งยังถูกคนสองคนที่บุกเข้ามาในบ้านของเขาเรียกว่าคุณชาย

เห็นได้ชาย ไม่ใช่สิ่งที่รองประธานสามารถมีได้!

เฉินตงยิ้ม แววตาแหลมคม:“ฉันเป็นคนที่นายไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้!”

น้ำเสียงหนักแน่นมีพลัง เหมือนเสียงฟ้าผ่า

หัวใจของโจวจุนหลงบีบแน่น ความนิ่งสงบและมั่นใจของเฉินตง ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว

แต่ตอนนี้อยู่ในถิ่นของเขา คนมากมายกำลังมองอยู่

เมื่อกี้เขารับปากคนในครอบครัวโจวเห้าด้วยตนเอง

ถ้าหากยอมแพ้ไปแบบนี้ ข่าวลือแพร่งพรายออกไป โจวจุนหลงไม่สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้แล้ว!

“คนที่ฉันไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้?”

โจวจุนหลงหัวเราะ พูดด้วยความโอหัง:“ในเมืองนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่กล้ามีเรื่องด้วย!”

เพิ่งสิ้นเสียง

ท่านหลงแสยะยิ้ม:“คุณชาย มดแค่นี้ ทำไมต้องเสวนากับมันด้วย?”

ขณะพูด คุนหลุนพยุงตัวท่านหลง เดินเข้าไปในโถงไว้อาลัย

ภายใต้แรงกดดันของคุนหลุน ลูกน้องของโจวจุนหลงไม่มีใครกล้าขวาง ตามด้วยท่านหลงและคุนหลุนเดินนำเข้ามา เปิดทางให้ช้าๆ

เมื่อเห็นภาพนี้ โจวจุนหลงโมโหทันที!

“ไอ้สวะพวกนี้ ทำไมถึงไม่ขวางมันเอาไว้!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ลูกน้องกว่าสิบคนร้องตะโกนเสียงดัง พุ่งตรงไปทางคุนหลุนและท่านหลง

“ใต้ฟ้านี้ ยังไม่มีที่ไหนที่ฉันไปไม่ได้” ดวงตาท่านหลงเป็นประกายแวววับ หัวเราะด้วยความทระนง

วินาทีต่อมา

คุนหลุนที่แข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก เหมือนสัตว์ดุร้าย พุ่งตัวออกไป

การพุ่งชนเพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้ลูกน้องสามคนที่อยู่ด้านหน้าปลิวไปไกล!

อย่างกระชั้นชิด คุนหลุนร้องคำรามเหมือนเสือที่กระโจนเข้าไปในฝูงแกะ พุ่งตัวเข้าไปในฝูงคน ทั้งหมัดทั้งขาเคลื่อนไหวไปมา

เกิดเสียงดังขึ้น ร้องโอดครวญดังระงม

อย่างไม่มีข้อยกเว้น ระหว่างที่พวกลูกน้องกับคุนหลุนสู้กัน ก็ถูกคุนหลุนโยนออกมา

ไม่มีใครสามารถขวางเอาไว้ได้

ภาพนี้ ส่งผลต่อการมองเห็น

แม้จะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและก้าวร้าวอย่างโจวจุนหลง ก็ยังนิ่งค้าง

ขณะที่กำลังชุลมุนวุ่นวาย ใบหน้าของท่านหลังกลับมีรอยยิ้ม เหมือนกำลังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ เหมือนกำลังเดินเล่นโดยไม่มีใคร เดินไปที่โถงไว้อาลัยช้าๆ

แม้ว่าการต่อสู้ของโจวจาวจะรุนแรงแค่ไหน ลูกน้องของโจวจุนหลงก็ไม่สามารถเข้าใกล้ท่านหลงได้

“นี่ นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว?” กูหลังตาค้าง เขารู้ว่าคุนหลุนเก่ง แต่เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ของคุนหลุนจะน่าเกรงกลัวมากขนาดนี้!

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย คาดการณ์แต่แรกแล้ว

ราชาแห่งทหารที่สามารถถูกท่านหลงช่วยมาจากสนามรบ การต่อสู้ระดับนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ!

เมื่อเห็นท่านหลงเดินเข้าไปในโถงไว้อาลัย เฉินตงยิ้มแล้วเดินไปด้านหน้า พยุงท่านหลงเอาไว้

“ท่านหลงมาที่นี่ได้ยังไงครับ สถานที่แบบนี้ ไม่เหมาะกับท่านหลง”

“รังเกียจที่ผมแก่หรอ?”

ท่านหลิงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้ม จากนั้นหันไปมองโจวจุนหลง แสยะยิ้ม:“เมื่อกี้นายบอกว่า จะขวางทางฉัน?”

บทที่ 94 สวมชุดไว้อาลัย

เวลาเที่ยงตรง

ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ผู้คนเดินไปมา

ทันใดนั้นเอง รถเบนซ์สีดำห้าคันขับพุ่งเข้ามา

เอี๊ยด เสียงดังขึ้น!

รถเบนซ์ทั้งห้าคันจอดพร้อมกัน ขวางประตูใหญ่ของตึกเอาไว้

การกระทำแบบนี้ ดึงดูดสายตาของทุกคนในชั่วพริบตา ทุกคนมุงดูด้วยความแปลกใจ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คนใหญ่คนโตมาหรือเปล่า?”

“ไม่เห็นจะได้ยินเรื่องนี้เลย ในตึกก็ไม่มีบริษัทไหนต้อนรับ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนมาหาเรื่องล่ะ?”

…….

ท่ามกลางเสียงพูดคุย

ประตูรถเบนซ์สีดำทั้งห้าคันเปิดพร้อมกัน

ชายในชุดสูทรองเท้าหนัง พร้อมทั้งสวมแว่นกันแดดสีดำเดินออกจากรถ เรียงเป็นแถวยาว ด้านนอกตึกใหญ่

สองในทั้งหมดเดินขึ้นหน้า เปิดแบนเนอร์ออกมา

ครืน!

คนที่มองอยู่นั้นถึงกับตกใจทันที

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยน

ตรงแบนเนอร์ เขียนอย่างเด่นชัด:เฉินตง!สวมชุดไว้อาลัย!

แบนเนอร์หนึ่งแผ่น ราวกับระเบิดตกลงไปในน้ำ ทุกคนวุ่นวายขึ้นมาทันที

“สร้างปัญญา ต้องมาสร้างปัญหาแน่ๆ!”

“ประธานเฉินของไท่ติ่ง มีเรื่องกับใคร?”

“โอ้แม่เจ้า กลางวันแสกๆแบบนี้ประกาศยิ่งใหญ่ที่จะให้ประธานเฉินสวมชุดไว้อาลัย เป็นฝีมือใครกันแน่?”

…….

ขณะที่คนล่างตึกกำลังอลหม่านอยู่นั้น

ภายในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

กูหลังวิ่งไปที่ห้องทำงานของเฉินตงด้วยสีหน้าแตกตื่น

“คุณเฉิน ด้านล่างตึก มีคนมาก่อความวุ่นวาย!”

สีหน้าของกูหลังเคร่งขรึม นัยน์ตาฉายแสงเหี้ยมโหด

เปิดแบนเนอร์ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เท่ากับตบหน้าไท่ติ่งแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกให้เฉินตงสวมชุดไว้อาลัย!

“ใครมาก่อความวุ่นวาย?” เฉินตงถาม

นัยน์ตากูหลังฉายความเหี้ยมโหด:“คนของโจวจุนหลง เปิดแบนเนอร์ที่เขียนเอาไว้ว่าให้คุณเฉินสวมชุดไว้อาลัย”

กึก!

ปากกาในมือเฉินตงหัก ความหดหู่เพิ่มสูง ใบหน้าเย็นยะเยือก

ให้เขาสวมชุดไว้อาลัยให้กับโจวเห้า?

นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!

ชั่วขณะนั้น อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลงหลายองศา

เฉินตงเหยียดตัวลุกขึ้น เดินออกไปด้านนอกด้วยความเย็นยะเยือก

รูขุมขนกูหลังหดตัว เดินตามไปเงียบๆ

คนที่สวมชุดไว้อาลัย เป็นคนรุ่นหลังของผู้ตายเท่านั้น

ตอนนี้โจวจุนหลงให้เฉินตงสวมชุดไว้อาลัยให้กับโจวเห้า เป็นการเหยียบย่ำเฉินตงให้จมลงไปในดินโคลนอย่างไม่ต้องสงสัย

เฉินตงเป็นคนที่มีความอดทน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมคนอื่น

ล่างตึก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไท่ติ่งหลายนายยืนอยู่ตรงประตู กลัวพวกที่มาสร้างความเดือดร้อนจะทำเรื่องอื่นขึ้นมา

คนที่มาดูเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านในสามชั้นด้านนอกสามชั้น ชี้นั่นชี้นี่พูดคุยกัน เสียงคนดังระงม

ยิ่งมีคนรู้งาน หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แล้วโพสต์ในหน้าฟีดของตนเอง

【ช็อกโลก!บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งถูกขวางทางเอาไว้ ประกาศกร้าวบอกให้ประธานของไท่ติ่งสวมชุดไว้อาลัย!】

ช่วงนี้ไท่ติ่งกำลังไปได้ดี มาวันนี้แค่แบนเนอร์ “สวมชุดไว้อาลัย” เพียงพอทำให้เกิดภาพพจน์เสียหายต่อไท่ติ่ง

นี่เป็นข่าวใหญ่!

เฉินตงและกูหลังแมาถึงโถงใหญ่ของตึกเงียบๆ โดยไม่รบกวนใคร

มองผ่านกระจกใสขนาดใหญ่ เห็นแบนเนอร์ด้านนอก

สีหน้าของเฉินตงยิ่งอยู่ก็ยิ่งเย็นยะเยือก แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น

“โจวจุนหลง แกคิดว่าฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง?”

เสียงเย็นยะเยือก เล็ดลอดออกมาจากฟัน

ตอนที่พูดประโยคนี้ สีหน้าของกูหลังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน เป็นความอาฆาตรุนแรงที่ทำให้เขาหวาดผวา

“กูหลัง ช่วยฉันบอกคุนหลุนหน่อย”

จู่ๆ เฉินตงก็พูดขึ้น

แววตากูหลังเป็นประกาย พยักหน้าแล้วพูด:“ผมจัดการตอนนี้เลยครับ”

เขารู้ คุณเฉินจะลงมือแล้วจริงๆ!

หลังจากกูหลังบอกกับคุนหลุนเสร็จ เพิ่งหันหลังกลับมา เขาก็นิ่งค้างไปแล้ว

ในระยะสายตา มือทั้งสองข้างของเฉินตงล้วงกระเป๋า เดินไปนอกตึก

ขณะที่เขากำลังนิ่งค้าง สีหน้าของกูหลังเปลี่ยนไปมากในทันที ถ้าหากเฉินตงออกไปตอนนี้ เท่ากับถูกผลักเข้าหาคำวิพากษ์วิจารณ์

แต่ยังไม่รอให้เขาห้ามปราม เฉินตงก็เดินไปปรากฏตัวในสายตาผู้คน

“รีบดูเร็ว คือประธานเฉิน!”

เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจดังขึ้น ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเฉินตงทันที

ทุกคนล้วนพากันสงสัย เป็นถึงบอสใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ทำเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้คนมาปิดประตูขวางทางแล้วเขียนแบนเนอร์ให้สวมชุดไว้อาลัย!

“ทุกคน ทำให้ไท่ติ่งของผมอับอายแบบนี้ หมายความว่าอะไร?”

เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาเฉียบแหลมจับจ้องไปยังพวกผู้ชายที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนัง

“คุณเฉิน คุณควรไปกับพวกเรา!” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำพูดตอบเสียงเย็นยะเยือก “ประธานโจวของพวกผม กำลังรอคุณที่โถงไว้อาลัย!”

“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ?” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น

“นับตั้งแต่วันนี้ ไท่ติ่งจะมีแบนเนอร์นี้อยู่ทุกวัน” ชายหนุ่มพูด

เฉินตงยักไหล่ หัวเราะเย้ยหยัน:“แล้วถ้าฉันไปคราวนี้ พวกแกจะเสียใจทีหลังหรือเปล่า?”

“ไปได้ไม่เป็นอะไร”

“กูหลัง เตรียมรถ!” เฉินตงร้องตะโกนเสียงดัง

ครืน!

คนที่ยืนมองพูดคุยเสียงดังกันทันที

“จริง ไปจริงๆหรอ? ประธานเฉินใจกล้าเกินไปแล้ว?”

“สวมชุดไว้อาลัย เป็นการทำให้เขาอับอายขายหน้า ยังจะตามไปจริงๆหรอ?”

“พระเจ้า เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน!”

……

คำพูดของคนที่ยืนมองเข้าหูกูหลังทั้งหมด ทำให้กูหลังหน้าดำหน้าแดง โมโหอย่างมาก

แต่คำสั่งของเฉินตง เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงทำได้เพียงหมุนตัวหันหลังไปขับรถมา

อย่างรวดเร็ว กูหลังขับรถบีเอ็มดับบลิวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งออกมา

เฉินตงหันไปยิ้มให้กับคนที่มุงดูรอบๆแล้วพูดขึ้น:“ทุกคนครับ แยกย้ายกันเถอะครับ ทำให้ทุกคนแตกตื่นเพราะเรื่องเล็กๆ เฉินตงขอโทษด้วยครับ”

พูดจบ เขาก็หมุนตัวหลังขึ้นไปบนรถ

เมื่อเห็นเฉินตงขึ้นไปบนรถ คนของโจวจุนหลงก็แยกย้ายกันกลับไปที่รถ

รถเบนซ์ห้าคัน รถบีเอ็มดับบลิวหนึ่งคัน ขับรถบนท้องถนน

ภายในรถบีเอ็มดับบลิว บรรยากาศเหมือนถูกผนึกเอาไว้

กูหลังพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม:“คุณเฉิน เดี๋ยวจะทำยังไงครับ?”

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเฉินตงไปบ้านตระกูลโจวไม่ดีเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเฉินตงตัดสินใจแล้ว เขาที่เป็นคนติดตามก็จะตามไป เป็นผู้ติดตามของผู้นำเฉินตง

เฉินตงลูบจมูก แสยะยิ้ม

“ฉันอยากจะดูสิ โถงไว้อาลัยของโจวเห้า โจวจุนหลงมีสิทธิ์อะไรให้ฉันสวมชุดไว้อาลัย ไม่รู้ว่าโลงศพของโจวเห้า จะรับเอาไว้ได้ไหม!”

เมื่อได้ฟัง กูหลังเลิกคิ้วขึ้น คล้ายรู้อะไรบางอย่างแล้ว ครุ่นคิด

ภายในวิลล่าตระกูลโจว

ผู้คนแออัด ทั้งด้านนอกประตูและภายในโถงไว้อาลัย มีชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำและรองเท้าหนังยืนเข้าแถวเรียงราย

บรรยากาศในงาน ดูยิ่งใหญ่มาก!

ภายในโถงไว้อาลัยที่เต็มไปด้วยชุดไว้อาลัยสีขาว เคล้าไปด้วยบรรยากาศของความโศกเศร้าเสียใจ

พ่อแม่ของโจวเห้าเจ็บปวดจนสิ้นหวัง อยู่ตรงหน้าโรงศพ ร้องไห้ไม่มีน้ำตา

ในเตาผิง ยังคงมีไฟเผาไหม้ ควันลอยล่องขึ้นมา

โจวจุนหลงนั่งเงียบๆอยู่ด้านข้าง ในมือจับบุหรี่ซิการ์เอาไว้ ราวกับสามารถระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลา เหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจะกลืนกินมนุษย์

ความเหี้ยมโหดน่าเกรงขามนั้น ทำให้ลูกน้องที่อยู่รอบๆไม่กล้าเข้าใกล้

ทันใดนั้นเอง ลูกน้องวิ่งเข้ามาในโถงไว้อาลัย

“พี่ใหญ่ เฉินตงมาแล้ว”

เสียงไม่ดังมาก ทว่ากลับเหมือนฟ้าผ่าเสียงดังในโถงไว้อาลัย

สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึม

โจวจุนหลงหรี่ตาลง เต็มไปด้วยสายตาอาฆาต พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก:“หยิบเสื้อไว้อาลัยออกมา ให้ไอ้ขยะนั่นใส่!”

ขณะพูด เขาเดินไปตรงหน้าพ่อแม่ของโจวเห้า:“คุณลุงคุณป้า เสี่ยวเห้าตายตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่มีลูกหลานสวมชุดไว้อาลัยให้เขา ผมหาคนมากตัญญูต่อเสี่ยวเห้าแล้วครับ”

“จุนหลง คนนอก จะร้องไห้ให้กับเสี่ยวเห้าได้ยังไง?” พ่อแม่ของโจวเห้าปาดน้ำตา

โจวจุนหลงหัวเราะ ตอนที่เขาพูดออกมา ชั่วขณะนั้นในโถงไว้อาลัยเต็มไปด้วยความอาฆาต

“ถ้าเขาไม่ยอมสวมชุดไว้อาลัยให้กับเสี่ยวเห้า ผมก็จะทำให้เขากลายเป็นแบบเดียวกับเสี่ยวเห้า ถูกหามออกไป!”

บทที่ 93 ความกังวลของเฉินตง

ระเบิดกะทันหัน ทำให้เฉินตงและกูหลังที่คาดไม่ถึงพากันตกตะลึง

หันหลังกลับไปมองไฟที่ลุกโชน

ที่ไกลห่าง ยังมีเสียงร้องด้วยความตกใจและโมโหของโจวจุนหลง

เฉินตงย่นจมูกเล็กน้อย หัวเราะด้วยความจนปัญญา:“เมื่อกี้พูดเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ไม่ฟัง ทำเวรทำกรรมเอาไว้เยอะ บาปกรรมก็เลยตามทัน”

กูหลังเองก็ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา

บริเวณโดยรอบรถยนต์ไมบัคมีควันลอยฟุ้งออกมาและกลิ่นน้ำมันที่เหม็นจนแสบจมูก

หากโจวจุนหลงสงบสติลงเล็กน้อย ก็จะสามารถได้กลิ่น

ทว่า โจวจุนหลงดันเป็นคนหยิ่งไม่มีความคิดที่จะใจเย็นลง

“คุณเฉิน ความแค้นที่มีกับโจวจุนหลง ก็ไม่สามารถจัดการให้หมดสิ้นไปได้แล้ว”

กูหลังพูดด้วยความเป็นห่วง มีชีวิตของโจวเห้าอยู่ ถึงแม้โจวจุนหลงจะเป็นคนทำให้เกิดขึ้น จากนิสัยของโจวจุนหลง ต้องโยนความผิดทั้งหมดให้กับเฉินตงอย่างแน่นอน

เฉินตงลูบจมูก:“ความแค้นในอดีต สามารถจัดการแก้ไขได้?”

กูหลังหยุดชะงัก ตามด้วยส่ายหน้า

“เช่นนั้นก็ไม่ถูกแล้ว”

เฉินตงหมุนตัวหันหลัง สีหน้าเย็นยะเยือก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ:“ฉันไม่เคยฆ่าเขา แต่เขาอยากตาย แต่ฉันก็จะทำให้พวกสมหวัง”

……

ท้องฟ้ายามค่ำคืนหนาวเย็นเล็กน้อย

ตอนที่เฉินตงกลับเข้าไปยังเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

คุนหลุนยืนอยู่ในห้องรับแขกด้วยความเคารพ

“คุณชายครับ คุณผู้หญิงและฟ่านลู่นอนหลับไปแล้วครับ”

เฉินตงพยักหน้า:“ท่านหลงล่ะ?”

“ท่านหลงอยู่ที่ระเบียงชั้นบนครับ” คุนหลุนพูด

“นายไปพักผ่อนเถอะ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยไปหาเขา” เฉินตงหมุนตัวหันหลังเดินจากไป

คุนหลุนมองดูเสื้อผ้าสกปรกของเฉินตง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟัน เฉินตงเดินไปยังบนระเบียง

ท่านหลงกำลังถือกาน้ำชา นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองที่อยู่ไกลออกไปเงียบๆ

“ท่านหลง……”

เฉินตงร้องตะโกน

ท่านหลงดึงสติกลับมา ยิ้มด้วยความใจดี:“ตอนกลางคืนเกิดเรื่องขึ้น?”

“อื้ม มีความแค้นกับโจวจุนหลงของเมืองนี้ คืนนี้มีปัญหากันนิดหน่อยครับ” เฉินตงไม่ได้ปกปิด

ความเป็นจริง ท่านหลงพึ่งพิงตระกูลเฉิน คอยช่วยเหลือเขาในเมืองนี้ เขาไม่มีความสามารถในการปิดบังท่านหลง

ขอเพียงท่านหลงต้องการ ไม่มีเรื่องที่เขาไม่รู้

“เรื่องของโจวจุนหลง ควรรีบจัดการอย่าได้รอช้า”

ท่านหลงดื่มชา พูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก:”ต้องรู้ เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้”

เฉินตงพยักหน้า เหยียดตัวลงนั่ง

ใบหน้าที่นิ่งสงบ ความหดหู่ปรากฏออกมา เอ่ยถาม:“ท่านหลง เฉินเทียนเซิงมีท่าทีอะไรหรือยังครับ?”

“ไม่มี” ท่านหลงพูด เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย:“ทำไมจู่ๆถึงถามถึงเขา?”

“เช่นนั้นคนที่อยู่หลังฉากกั้น ก็น่าจะไม่ใช่เขาแล้วครับ”

เฉินตงลูบจมูก หัวเราะแปลกๆ

ถ้าคำพูดนี้โจวเย่นชิวได้ยิน ต้องตกลงจนคางหลุดอย่างแน่นอน

ความเป็นจริง หลังจากเฉินตงเข้าไปในเทียนเก๋อ ในตอนแรกเริ่มฉากกั้น《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》ได้ดึงดูดความสนใจจากเขา

แต่ หลังจากที่เขาถูกคุนหลุนฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่เพียงแต่ความสามารถของร่างกายและทักษะในการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น แม้แต่ความสามารถในการทำสงครามก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย

แววตาคมกริบด้านหลังฉากกั้น แม้เพียงแค่กวาดสายตาผ่านตัวเขาไป เขาก็สามารถจับมันได้

ถึงอย่างไร ภายใต้สถานการณ์เผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม ความรู้สึกที่ถูกจดจ้องแบบนั้น มันรุนแรงมากเป็นพิเศษ!

เพียงแต่ ตอนที่โจวเย่นชิวเข้ามา เกี่ยวข้องกับ《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》โดยตรง ในเมื่อโจวเย่นชิวกำลังช่วยปกปิด เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงข้องเกี่ยวกับ《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》

เฉินตงรู้ดี ก่อนหน้านั้นโจวเย่นชิวช่วยเขาขนาดนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเพราะท่านหลง

ชื่อเสียงของคนสำคัญราวกับเงาของต้นไม้ สามารถทำให้โจวเย่นชิวไล่คนของเทียนเก๋อ เวลาแรกที่เขานึกถึงก็คือคนที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นคือเฉินเทียนเซิง

ดังนั้นเขาจึงถามท่าทีของเฉินเทียนเซิงจากท่านหลง

เพียงแต่ หากคนที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไม่ใช่เฉินเทียนเซิง แล้วจะเป็นใคร?

“วันนี้ผมไปร่วมงานเลี้ยงกินข้าวของโจวเย่นชิว พบเจอคนๆหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด แม้แต่โจวเย่นชิวยังคอยช่วยเหลือเขา” เฉินตงยิ้มแล้วพูด

ท่านหลงยิ้มฮ่าๆ:“คุณชาย บนโลกใบนี้มีแต่ผลประโยชน์ที่ยั่งยืน ไม่มีมิตรภาพที่ยั่งยืน ฮีโร่แบบโจวเย่นชิวประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพล แสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย”

“ผมเข้าใจ” เฉินตงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “รบกวนท่านหลงช่วยตรวจสอบ ท่าทีของเฉินเทียนเซิงในตระกูล”

“ผมเข้าใจ”

ท่านหลงพยักหน้า:“เฉินเทียนเซิงเคร่งขรึมนิ่งสงบและอดทนยิ่งกว่าเฉินเทียนหย่าง หากปกปิดการกระทำแล้วมาเมืองนี้เงียบๆ จะส่งผลเสียอย่างมากต่อตัวคุณชายจริงๆครับ!”

“ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการคือเวลา” เฉินตงลุกขึ้น เดินลงไปชั้นล่าง

ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเปลี่ยนแปลงโครงการ กำลังดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ไท่ติ่งของเขา ก็ต้องอาศัยการแก้ไขโครงการ บินสะท้านขึ้นฟ้า

ช่วงเวลานี้ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ!

ตอนที่ไท่ติ่งแก้ไขโครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเสร็จสิ้น ไม่มีใครในเมืองนี้สามารถกำราบเขาได้!

แม้ว่าโจวเย่นชิวและโจวจุนหลงร่วมมือกัน ก็ไม่ได้!

เช้าวันรุ่งขึ้น

เฉินตงมาทำงานที่ไท่ติ่งแต่เช้า

สั่งให้เสี่ยวหม่าและคนที่รับผิดชอบมาที่ห้องทำงาน ประกาศข่าวใหญ่

หลังจากฟังจบ เสี่ยวหม่าและคนอื่นๆต่างตกตะลึง

“พี่ตง พี่ พี่คิดทบทวนให้ชัดเจน ขายอสังหาริมทรัพย์สามอันล่วงหน้าพร้อมกัน แบบนี้ แบบนี้มันเสี่ยงเกินไป!”

เสี่ยวหม่ากังวลเล็กน้อย:“โครงการเมืองภาคตะวันตกเราแม้จะได้รับความนิยมไปทั่วทั้งเมือง แต่การขายอสังหาริมทรัพย์พร้อมกันสามอัน จะเป็นการกระจายความสนใจของผู้ซื้อบ้าน ลดผลการขายล่วงหน้า”

“จริงด้วยพี่ตง โครงการเมืองภาคตะวันตกของเรา ตอนนี้คือไก่ที่ออกไข่เป็นทองคำ ขอเพียงเราดำเนินการด้วยความมั่นคง สามารถกินเนื้อได้ทั้งหมด ไม่ต้องรีบร้อนกังวลใจ”

“พี่ตง พี่เสี่ยวหม่าพูดมีเหตุผล ลดผลการขายล่วงหน้า หากถูกคนในธุรกิจเดียวกันเข้ามายุ่งวุ่นวาย เช่นนั้นจะทำให้ราคาบ้านที่เมืองภาคตะวันตกได้รับกระทบ”

……

ฟังคำพูดของพวกคนที่รับผิดชอบ

เฉินตงนวดขมับ:“ฉันรู้ดีว่าจะเป็นยังไง ทำตามนี้แหละ”

ใช้เวลาสามปีก็ไปถึงตำแหน่งประธาน สายตาเฉียบแหลมนี้ เขามี

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถค่อยเป็นค่อยไปได้ ต้องรีบหาเงินเข้าบริษัท เพื่อขยายไท่ติ่ง

เมื่อเห็นเฉินตงยืนกราน พวกเสี่ยวหม่าก็จนปัญญา หลังจากรับคำ ก็ออกไปจากห้องทำงาน

ในห้องทำงาน เงียบสงัด

เฉินตงนวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า:“ฉันอยากรอ อยากทำให้ได้กำไรสูงสุด แต่หากเรื่องของยี่เคอกรุ๊ป เกิดขึ้นล่ะ?”

ท่านหลงกลับมา โจวเย่นชิวคนในเทียนเก๋อ และความแค้นที่มีต่อโจวจุนหลง ปลุกให้เขาระมัดระวัง

พูดถึงที่สุด โครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองสามารถทำให้เขากินอิ่ม ล้วนเป็นเพราะอาศัยข่าวของยี่เคอกรุ๊ปจากตระกูลเฉิน

ใช้หนังเสือตีกลอง ไม่ว่าใครก็สามารถตีให้ดังสนั่นได้

แต่พ่อที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนของเขาตอนอยู่ในตระกูลไม่ใช่คนที่ใช้ฝ่ามือเดียวในการปิดท้องฟ้าได้ หากข่าวปลอมที่ยี่เคอกรุ๊ปประจำในเมืองถูกเปิดเผย

ถึงเวลานั้นเขาก็จะตกที่นั่งลำบาก หนังเสือถูกตีจนฉีกขาด ต่อให้เปลี่ยนเป็นเทพบนสวรรค์ ก็ไม่สามารถตีกลองให้ดังได้

ในเวลาเดียวกัน

วิลล่าภายในตระกูลโจว

เต็มไปด้วยชุดไว้อาลัยสีขาว

ชั่วข้ามคืน วิลล่าตระกูลโจวกลายเป็นโถงไว้ทุกข์

ในอากาศ เคล้าไปด้วยควันแสบจมูก

ทั้งยังเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้

“จุนหลง……เสี่ยวเห้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย นาย นายปล่อยให้เขาตายฟรีๆแบบนี้ไม่ได้……” หญิงวัยกลางคนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด น้ำหูน้ำตารินไหล

โจวจุนหลงนั่งเงียบ มองดูรูปของโจวเห้าที่แขวนอยู่ตรงกลางโถงไว้ทุกข์ กัดฟันกรอด

“ใครก็ได้มาที!ไปเชิญเฉินตงมาให้ฉัน สวมชุดไว้อาลัยให้น้องชายฉัน!”

บทที่ 92 เวรกรรมตามทัน

ระหว่างทางหมู่ตึกยู่ฉวนกลับเข้าเมือง มีถนนจำนวนน้อยอยู่แล้ว

ยามสนธยา บนท้องถนนที่มีรถไม่มากมาย

เวลานี้รถทั้งสองคันต่างชนข้างถนน จอดลงครู่หนึ่ง

ด้านข้างรถเบนซ์และด้านหน้ารูปร่างเปลี่ยนแปลง ทางด้านรถยนต์ไมบัคที่อยู่ด้านหน้า กลับเต็มไปด้วยฝุ่นควัน!

ปัง!

ตามด้วยเสียงที่ดังก้องขึ้น ประตูรถเบนซ์ถูกคนเตะออกไป

กูหลังคลานออกมานอกรถ ไม่อาจสนใจแผลที่หน้าผากที่ถูกกระจกบาด หันกลับมาด้วยความร้อนใจ ช่วยเฉินตงที่ติดอยู่ในรถ:“คุณเฉิน พวกเรา พวกเรารอดแล้ว”

เฉินตงออกมาจากรถยนต์ ยังไม่ทันได้สูดลมหายใจเข้า เขาและกูหลังก็ช่วยกันลากตัวผู้จัดการออกมาจากรถ

ผู้จัดการตกใจจนตกตะลึงไปแล้ว สีหน้าของเขาซีดขาว แววตาเหม่อลอย

หลังจากถูกลากออกมานอกรถ ขาอ่อนล้มลงบนพื้น

เฉินตงตรวจสอบร่างกายของผู้จัดการ หลังจากมั่นใจว่าไม่ได้เป็นอะไร เขาจึงโล่งใจ

ถึงแม้รถเบนซ์จะถูกชน แต่ทั้งสามคนเพียงแค่มีแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก

เกิดเรื่องอันตรายขึ้นเมื่อกี้ หากผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นก็คงไม่โล่งใจเท่าตอนนี้แล้ว

อย่าพูดถึงรถยนต์ไมบัคที่ถูกชนด้านข้าว ต่อให้ไม่ถูกชน แต่หากทักษะการขับรถของผู้จัดการไม่ดีพอ เช่นนั้นการขับรถอย่างรวดเร็วทำให้รถเบนซ์พลิกคว่ำได้ง่ายมาก

เขากำลังเดิมพัน

ตั้งแต่เล็กจนโต รอตายสองคำนี้ ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของเฉินตง

ยินดีที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับตนเองกล้ากระชากราชาลงมาจากม้า!

แม้จะอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก เขาก็จะเดิมพันอย่างสุดชีวิต!

ซี๊ด ซี๊ด…….

ด้านหน้า มีเสียงประจุไฟดังขึ้น

เฉินตงเงยหน้าขึ้น หน้ารถยนต์ไมบัคพังยับ ควันลอยล่องออกมา

ภายในรถ มีเสียงร้องคล้ายกับหมูถูกฆ่า

เห็นได้ชัด ระดับความเสียหายของรถยนต์ไมบัค มากกว่ารถเบนซ์ของพวกเขามาก

สำหรับการบาดเจ็บของผู้โดยสาร……เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว

แต่ว่า ได้ยินเสียงร้องของโจวเห้าจากภายในรถยนต์ไมบัค เฉินตงอดประหลาดใจอย่างเสียไม่ได้

“ไปดูหน่อยสิ”

เฉินตงเช็ดคราบเลือดมุมปาก เดินไปทางรถยนต์ไมบัค

กูหลังชำเลืองมองผู้จัดการที่เหม่อลอยไปแล้ว ฉีกเสื้อผ้าออกมาแล้วเอามาปิดแผลบนหน้าผาก ตามเฉินตงไป

ในอากาศ เต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟ แสบจมูกเล็กน้อย

สำลักควันไฟเล็กน้อย

ทั้งยังมีกลิ่นน้ำมันเจือปนอยู่จางๆ

อาศัยไฟส่องสว่างของรถยนต์ไมบัค เฉินตงมองดูคราบน้ำมันที่ไหลลงมาบนท้องถนน ถังน้ำมันของรถยนต์ไมบัคระเบิดแล้ว

“คุณเฉิน……”

ด้านหลัง เสียงทุ้มต่ำของกูหลังดังขึ้น:“นี่เป็นโอกาสดีที่เหนื่อยเพียงครั้งเดียวแล้วจะช่วยลดปัญหาไปได้มากมาย”

เฉินตงชำเลืองมองกูหลัง

“กูหลังสามารถทำความดีความชอบแล้ว”

กูหลังก้มหน้าลงพูด

โจวจุนหลงพบเจอกับเฉินตงสองครั้ง ทั้งสองครั้งล้วนมีเจตนาฆ่า สาบานว่าจะฆ่าเฉินตงให้ตาย

ในเมื่อเขาติดตามเฉินตงแล้ว จำต้องพิจารณาเผื่อเฉินตงทุกเรื่อง

แต่ เฉินตงกลับส่ายหน้า

ปั้ง!

ในเวลานี้เอง รถยนต์ไมบัคเกิดเสียงดังขึ้น

ประตูรถเปิดออก เนื้อตัวของโจวจุนหลงเต็มไปด้วยเลือด เดินออกมาจากรถด้วยความน่าเวทนา

เขาไม่สามารถกลับเข้าช่วยลูกน้องโจวเห้าที่อยู่ในรถ วิ่งเซไปมาหลายก้าว จากนั้นนั่งลงบนพื้น เช็ดคราบเลือดบนหน้า แล้วสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

“พี่ครับ ช่วยผม……ช่วยผมเร็วเข้า……ผม ขาของผมขยับไม่ได้แล้ว……”

ภายในรถ โจวเห้าร้องตะโกนโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขอความช่วยเหลือ

เฉินตงและกูหลังมองดูทุกอย่างเงียบๆ

เขาสามารถเลือกที่จะไม่ลงมือ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาสามารถใจกว้างจนถึงขั้นไปช่วยศัตรูที่เพิ่งคิดจะฆ่าเขา

จิตใจแม่พระ อยู่ในสังคม มีแต่จะถูกคนกลืนกินจนสะอาด

ปั้ง!

ประตูคันขับของรถยนต์ไมบัคตกลงบนพื้น

ลูกน้องของโจวจุนหลง ออกมาด้วยความหวาดกลัว คลานออกไปด้านนอกไกลหลายสิบเมตร แล้วจึงล้มตัวลงนั่งบนพื้น

เฉินตงชำเลืองมองครู่หนึ่ง แขนซ้ายของคนๆนั้นบิดเบี้ยวจนผิดรูปไปหมด เห็นได้ชัดว่าหักแล้ว และเท้าซ้ายมีเลือดสดรินไหล เลือดสดมากมายรินไหลลงบนพื้น

แต่ ไม่ว่าจะเป็นโจวจุนหลง หรือว่าลูกน้องของเขา ไม่มีทีท่าจะช่วยโจวเห้าที่ติดอยู่ในรถแม้แต่น้อย

“กูหลัง ตามผมมา”

เฉินตงพากูหลังเดินไปตรงหน้าโจวจุนหลง

เวลานี้ โจวจุนหลงที่ยังตกใจอยู่นั้นมองดูเงาสองเงาตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว

“เฉินตง แก แกคิดจะทำอะไร?”

ร้องถามไปด้วย ทว่ามือทั้งสองข้างของโจวจุนหลงกลับดันอยู่บนพื้น ค่อยๆขยับถอยหลัง

เพี๊ยะ!

เฉินตงโน้มตัวลง ตบไปยังหน้าของโจวจุนหลง

ภายใต้ความมืดมิดในตอนกลางคืน

โจวจุนหลงมึนงงทันที มองไปทางเฉินตงอย่างไม่เชื่อสายตา

เฉินตงหัวเราะเย็นยะเยือก:“เวรกรรมตามทัน นี่เป็นครั้งที่สอง ถ้ายังมีครั้งหน้า ฉันจะทำให้นายรู้วา ระหว่างฉันกับนาย ใครกันแน่ที่เก่งกว่าใคร!”

“กูหลัง ไปแล้ว!”

เฉินตงหมุนตัวหันหลัง พากูหลังไปด้วย เดินไกลออกไป

ใต้แสงไฟสลัวบนท้องถนน เงาของคนสองคนทอดยาวมากๆ

โจวจุนหลงมึนงง มองดูเฉินตงและกูหลังเคลื่อนตัว

แค่นี้……ก็จบแล้ว?

ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ ความแค้นจากการฆ่าแกง เฉินตงเพียงแค่ตบหนึ่งฉากก็คิดบัญชีจบสิ้นแล้ว

ถ้าทั้งสองสลับตำแหน่งกัน เขาต้องอาศัยโอกาสนี้เอาชีวิตคนบาดเจ็บอย่างแน่นอน!

นี่คือเคล็ดลับของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาของโจวจุนหลง! ทั้งยังเป็นจรรยาบรรณของเขา!

“จิตใจเมตตาเหมือนผู้หญิง! สุดท้ายก็ไม่กล้าให้มือเปื้อนคาวเลือดหรือไง?”

นัยน์ตาโจวจุนหลงฉายแสงแวววับ ทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะในลำคอด้วยความเย้ยหยัน

เขามองดูทางที่เฉินตงและกูหลังเดินจากไป ค่อยๆเหยียดตัวลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก:“เฉินตง กูรู้อยู่แล้วว่ามึงมันไม่ใช่คนดี ไม่กล้าให้มือเปื้อนเลือด เป็นเพราะกลัวเดือดร้อน แต่มึงกลับไม่รู้ คนที่ไม่เหี้ยมโหดเลวร้ายไม่ใช่ผู้ชาย ผู้ชายทำงานทำการอะไรล้วนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล!”

“แกต่างหากที่เป็นคนไม่ดี ไม่มีวันประสบความสำเร็จ!”

“มีครั้งที่สอง ก็ต้องมีครั้งที่สาม ความแค้นระหว่างฉันโจวจุนหลงและแก ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ เมืองนี้ มีฉันต้องไม่มีแก!”

แต่ละตัวอักษร เต็มไปด้วยความอาฆาต

ก้มหน้าลงสามคำนี้ โจวจุนหลงเข้าใจ แต่ไม่มีวันเหมาะที่จะให้เขาใช้กับเฉินตง

ภายในใจของเขา ตบหนึ่งฉากของเฉินตงเมื่อครู่ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าฆ่าเขาแล้วจะทำให้เกิดปัญหา

เปลี่ยนคำพูดหนึ่งก็คือ เฉินตงตกตะลึงกลัวแล้ว!

นึกถึงอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อกี้ โจวจุนหลงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ

เขาหยิบบุหรี่ซิการ์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงช้าๆ มือขวาที่สั่นเทาหยิบไฟแช็คออกมา ค่อยๆจุด

เขาเองก็คิดไม่ถึง การล้างแค้นที่มั่นใจว่าจะชนะ กลับไกลห่างออกไปกว่าพันเมตร เกือบจะเอาชีวิตของเขาไปแล้ว!

เวลานี้หลังจากปลดเปลื้องความเหนื่อยล้า ใจเย็นลงแล้วนั้น หัวใจกลับไม่มีท่าทีจะเต้นช้าลง

ซี๊ดซี๊ด……

สูบบุหรี่ซิการ์เข้าปอดลึกๆ

ควันบุหรี่เต็มปาก

สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมบริสุทธิ์ของซิการ์ สีหน้าของโจวจุนหลงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ตัวของเขาผ่อนคลาย

“พี่……ช่วยผมด้วย ขาของผมหักแล้ว ช่วยผม ได้โปรดช่วยผมด้วย……”

ด้านหลัง เสียงร้องโอดครวญของโจวเห้าที่อยู่ในรถยนต์ไมบัคดังขึ้นอีกครั้ง

ทำให้โจวจุนหลงที่เพิ่งรู้สึกผ่อนคลาย ท่วมท้นไปด้วยกลิ่นหอมของซิการ์ขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกว้าวุ่นใจ

“เรียกๆๆ คนไร้ประโยชน์อย่างแก นอกจากร้องตะโกนเสียงดังแล้ว ยังมีความสามารถอะไร?”

โจวจุนหลงหมุนตัวหันหลัง โยนบุหรี่ซิการ์ที่อยู่ในมือไปที่รถยนต์ไมบัคด้วยความโมโห ในเวลาเดียวกันก็บอกกับลูกน้องที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความตำหนิ:“ทำไมแกยังไม่ไปช่วยไอ้คนไร้ประโยชน์?”

จากนั้น

ไม่รอให้ลูกน้องเหยียดตัวลุกขึ้น

ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน บุหรี่ซิการ์ที่กำลังเผาไหม้โยนออกไปท่ามกลางอากาศ โดนเข้ากับถังน้ำมันของรถยนต์ไมบัคเต็มๆ

โครม!

ควันไฟสะท้านขึ้นไปบนฟ้า

ไฟลุกโชนร้อนแรง เพียงแค่ปรากฏออกมา ก็เผาไหม้รถยนต์อย่างรวดเร็ว

ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของโจวเห้า

โครม!

รถยนต์ไมบัค……ระเบิดไปแล้ว!

บทที่ 91 สู้กันจนตายไปข้าง

สีหน้าโจวเย่นชิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ม่านตาหดเล็ก

ถูกวัยรุ่นจ้องมอง ด้วยความมุ่งมั่นของเขา หัวใจอดที่จะเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้

ยึดเครดิต?!

ล้อเล่นบ้าอะไร!

เขาโจวเย่นชิวคือฮีโร่ของเมืองนี้ ในวงการธุรกิจไม่เคยมีคู่แข่ง เขาจะเป็นต้องยึดเครดิตของใคร?

“หื้ม?”

วัยรุ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม

โจวเย่นชิวนวดขมับ ก้มหน้าลงยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ใช่แล้ว”

“ไม่รีบร้อน” วัยรุ่นหันหน้าไปด้านหลัง มองออกไปนอกบ้าน

สัมผัสได้ถึงสายตาของวัยรุ่นที่เหลือบไปมองทางอื่น โจวเย่นชิวรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ลอบคลายกังวล

ถึงแม้เขาจะเป็นฮีโร่ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นแววตาที่คมชัดแบบนี้มาก่อน!

อีกด้านหนึ่ง

บนถนนที่กว้างขวาง

รถเบนซ์คันสีดำค่อยๆขับเข้ามา

คนขับรถคือผู้จัดการของหมู่ตึกยู่ฉวน

แขกที่สามารถถูกโจวเย่นชิวเชิญมาเทียนเก๋อ ในฐานะผู้จัดการ เขาเข้าใจความสำคัญของสองคนที่อยู่ด้านหลังเป็นอย่างดี

ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้จัดการวัยกลางคนขับรถด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าหากขับรถได้ไม่ดี จะส่งผลต่อการพักผ่อนของแขกวีไอพีทั้งสอง

เฉินตงนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลัง มองดูแสงไฟสลัวถอยหลังนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดพิจารณา

กูหลังนั่งพิงอยู่ตรงที่นั่งด้านหลังด้วยความมึนเมา

ทันใดนั้นเอง ตัวของกูหลังสั่นเทา หน้าอกกระเพื่อมขึ้นมา

“แอว๊ะ~”

สิ่งสกปรกที่เคล้าไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ถูกกูหลังอาเจียนออกมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้เฉินตงและผู้จัดการที่กำลังขับรถอยู่นั้นตกใจเป็นอย่างมาก

เฉินตงรีบตบหลังกูหลัง ทำแบบนั้นช่วยให้กูหลังรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

เหล้าในคือนนี้ ถูกกูหลังรับเอาไว้ไปกว่าครึ่ง กูหลังดื่มไปมากจริงๆ

“คุณเฉิน ผม ผมไม่เป็นอะไร……”

สีหน้าของกูหลังเขียวช้ำ เพียงแค่พูดออกมา คอหอยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง อาเจียนเอาสิ่งสกปรกออกมามากมาย

“ไม่เป็นไร อ้วกแล้วถึงจะรู้สึกดีขึ้น” เฉินตงไม่ได้รู้สึกว่าการดูแลกูหลังมีอะไรไม่เหมาะสม

เป็นคนที่เดินออกมาจากความมืดอยู่แล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต ความลำบากอะไรบ้างที่ไม่เคยพบเจอ ถึงแม้ฐานะในตอนนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้เขาลอยล่องขึ้นไปบนก้อนเมฆในระยะเวลาสั้นๆ

แต่การกระทำแบบนี้ ในสายตาของกูหลัง กลับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่!

เขากำลังจะเอ่ยปากพูดอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง หางตากลับเห็นแสงไฟสองดวง

แทบจะเป็นเพราะสัญชาตญาณ กูหลังหันไปมองด้านหลัง

ภายใต้แสงไฟส่องสว่าง ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะหรี่เล็กลง

แต่ในความหมองหม่น ยังพอจะสามารถมองเห็นได้ รถคันสีดำ กำลังขับพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว มุ่งมายังรถที่พวกเขานั่ง ไม่มีท่าทีจะหลบแม้แต่น้อย!

“แย่แล้ว!คุณเฉิน มีรถกำลังพุ่งเข้ามา!”

กูหลังแทบจะตัดสินใจได้ในทันที พยายามอดกลั้นความวิงเวียน ร้องตะโกนบอกกับเฉินตง

ภายในรถ แววตาเฉินตงหลอมรวมเข้าด้วยกัน มองผ่านกระจกด้านหลังรถ

แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาเองก็ตัดสินใจแล้ว

รถยนต์ด้านหลังไม่ได้ขับแบบปกติ แต่ว่า……พุ่งมาที่พวกเขา!

อีกทั้ง เขาพอจะมองเห็นโลโก้บนรถยนต์ไมบัคที่อยู่ด้านหลัง!

“โจวจุนหลง?”

ภายในใจของเฉินตงชักกระตุกครู่หนึ่ง หันไปพูดกับผู้จัดการที่ขับรถ:“พี่ชาย ช่วยขับรถเร็วหน่อย รถคันด้านหลังกำลังพุ่งชนมาแล้ว”

“เป็น เป็นแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อกี้คุณเฉินเพิ่งดื่มเหล้ากับคุณโจวไม่ใช่หรอครับ?”

ผู้จัดการตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี แววตาสับสนเล็กน้อย

เขาเป็นแค่ผู้จัดการ ไม่รู้ความสัมพันธ์ของเฉินตงและโจวจุนหลง

แต่ว่า กลัวก็ส่วนกลัว ผู้จัดการเหยียบคันเร่งจนมิด ความเร็วของรถเบนซ์พุ่งทะยานขึ้นสูง

“ตามมาแล้ว ตามมาแล้ว……”

กูหลังยังคงฟุบอยู่นอกหน้าต่างตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูรถไมบัคที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อีกทั้งยังเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ร้องตะโกนด้วยความกังวล:“เร็วหน่อย ขับเร็วกว่านี้อีกหน่อย!”

บนหน้าผากของผู้จัดการมีเหงื่อผุดออกมา คว้าจับพวงมาลัยรถยนต์แน่น คล้ายกับว่าใช้พลังทั้งหมดในการเหยียบคันเร่ง

ทว่าถึงแม้จะเป็นรถเบนซ์เหมือนกัน แต่ราคากลับต่างกันหลายล้านหยวน!

มีเพียงเฉินตง นั่งนิ่งเงียบอยู่ด้านหลัง แววตาคมคาย ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

บนรถยนต์ไมบัค

ฟังเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังระงม รับรู้ได้ถึงความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น เลือดของโจวเห้าพลุ่งพล่านขึ้นมา

เขาลืมความเจ็บที่เท้าไปจนหมด นั่งอยู่ตรงกลาง มองดูรถเบนซ์ด้านหน้าที่ขับใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แววตาแดงก่ำ:“ชนเข้าไป ชนเข้าไปแรงๆ ชนให้ตาย!”

โจวจุนหลงที่อยู่ด้านข้างนั่งพิงเก้าอี้พร้อมกับหัวเราะเหี้ยมโหด มือขวาลูบจับผมล้าน:“ในเมืองนี้ นอกจากโจวเย่นชิว ยังไม่เคยมีใครกล้าท้าทายฉันโจวจุนหลง!”

ขณะพูด เขาก็ตบโจวเห้าที่กำลังได้ใจ:“นายทำตัวนิ่งๆหน่อย นั่งให้ดี เดี๋ยวชนเข้าไปแล้ว ทำให้ขาอีกข้างของนายหักหรอก”

“จริงด้วยๆๆ พี่ตักเตือนได้ถูกต้อง”

โจวเห้าตระหนักรู้ขึ้นมาทันที รีบกลับไปนั่งประจำตำแหน่ง รัดเข็มขัดนิรภัย

โจวจุนหลงทั้งหัวเราะทั้งพูด:“หยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมโทรหารถฉุกเฉิน พวกเราประสบอุบัติเหตุรถชน จะไม่สนใจคนที่ถูกรถชนได้ยังไง”

“จริงด้วยๆๆ เดี๋ยวชนเมื่อไหร่ผมจะรีบโทรทันที” โจวเห้าดีใจจนหน้าแดง เมื่อคิดว่าเดี๋ยวรถด้านหน้าจะถูกชน ภายในใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง

ภายในรถเบนซ์

“คุณเฉิน อยู่ห่างไม่เกินห้าเมตรแล้วครับ!”

กูหลังกลับเข้ามาในรถ เขาร้อนใจราวกับมดในกระทะ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงนั่งบนโซฟา:“ขับรถอีกหน่อย!”

“ผม ผมขับเร็วที่สุดแล้วครับ” ผู้จัดการพูดเสียงสะอื้น

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ส่งแขกวีไอพีในคืนนี้ กลับพบเจอกับเรื่องซวยๆแบบนี้

จากการขับรถในตอนนี้ เมื่อถูกชนแล้ว รถยนต์ไมบัคด้านหลังจะทำยังไงเขาก็ไม่รู้

แต่รถเบนซ์ที่พวกเขาขับในตอนนี้ แทบจะบินอยู่แล้ว!

กูหลังพูดด้วยหน้าดำหน้าแดง กำลังจะร้องโอดครวญ

มือของเฉินตง วางลงตรงหัวไหล่ของกูหลัง:“ไม่เกี่ยวกับเขา รถเบนซ์ รถไมบัค ราคาแตกต่างกันหลายล้านหยวน ไม่สามารถหนีพ้นหรอก”

สีหน้าของกูหลังเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หันไปมองเฉินตงด้วยความตกตะลึง

เฉินตงในเวลานี้ ยังคงนิ่งงัน อารมณ์ของเขานิ่งราวกับน้ำในบ่อบาดาล

“คุณเฉิน…….” ความกระวนกระวายของกูหลังสงบลงเล็กน้อย

“ฟู่……”

เฉินตงพ่นลม ถูหน้าไปมา:“เดิมพันสักตั้ง ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่ารอตายสองคนนี้ หรือต่อให้มี ก็ต้องสู้กันจนตายไปทั้งสองข้าง!”

เขาฟุบนอนอยู่บนเก้าอี้คนขับ พูดกับผู้จัดการ:“ฟังที่ผมสั่ง”

พูดจบ เขาก็หันไปพูดกับกูหลัง:“ช่วยผมดูระยะห่างหน่อย”

“ไม่มีปัญหา!”

กูหลังรีบรับคำทันที หันไปมองรถยนต์ด้านหลัง:“ยังห่างออกไปอีกสามเมตรครับ!”

เฉินตงไม่ได้ขยับ หน้าผากของผู้จัดการมีเหงื่อไหลออกมา

“ยังเหลืออีกสองเมตร” เสียงของกูหลังสั่นเทาเล็กน้อย

ข้างหู มีเสียงลมดังขึ้นไม่หยุด และเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ทั้งสองคัน

เฉินตงยังคงไม่ขยับ แต่มือของผู้จัดการกลับสั่นเทาอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้

“ใจเย็น ถ้าไม่ใจเย็น พวกเราก็จะตาย” เฉินตงบอกกับผู้จัดการด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

“ยังเหลืออีกหนึ่งเมตร!”

สิ้นเสียง ด้านหลังมีเสียงร้องตะโกนของกูหลังดังขึ้น

ชั่วขณะนั้น ดวงตาลุ่มลึกของเฉินตงฉายแสงทอประกายออกมา

มือขวาของเขาคว้าจับแขนของผู้จัดการแน่น:“หมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย!”

เอี๊ยด!

ท้ายรถเบนซ์สะบัดอย่างแรง ท่ามกลางความตกใจของผู้จัดการ ระหว่างที่รถยนต์หมุนอยู่นั้นเขาก็เหยียบเบรก

อย่างรวดเร็ว

ด้านหน้าของรถยนต์ไมบัคราวกับเขาของละมั่ง พุ่งมายังท้ายรถเบนซ์ คล้ายกับลูกธนู พุ่งมาด้านหน้า

“สำเร็จแล้ว!”

กูหลังและผู้จัดการร้องตะโกนพร้อมกัน

“เหยียบเบรก!”

สีหน้าเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก ร้องตะโกนด้วยความโมโห

ท่ามกลางความเร่งรีบของผู้จัดการ รีบเหยียบเบรกทันที

ครืน!

ท้ายรถเบนซ์ที่สะบัดอย่างแรง เคลื่อนย้ายไปบนถนนตามแรงเหวี่ยง ชนเข้ากับราวกั้นข้างทาง

ในเวลาเดียวกัน

รถยนต์ไมบัคที่ขับพุ่งไปด้านหน้า ก็เกิดขึ้นกะทันหัน

เสียงดังครืน!

บทที่ 90 อุบัติเหตุทางรถยนต์? เด็กคนนั้น!

บนโต๊ะ ทุกอย่างดูราบรื่นมาก

ชนแก้วกัน บรรยากาศดูครึกครืน

สิ่งนี้ทำให้ทั้งเฉินตงและกูหลังต่างประหลาดใจ

ชื่อเสียงที่เกรี้ยวกราดของโจวจุนหลง เห็นชัดว่าเขาไม่มีทางปล่อยความโกรธแค้นในคืนนั้นไปได้ แต่บนโต๊ะนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และชนแก้วกับเฉินตงบ่อยครั้ง

อาหารครั้งนี้นานเกินกว่าชั่วโมง

ถึงตอนที่เฉินตงเดินออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนพร้อมกับกูหลัง เขายังไม่มีสติอยู่บ้าง

“พี่ตง…ฉันไม่เข้าใจว่าคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น”

กูหลังเมามาก อันที่จริงเหล้าของเฉินตงส่วนใหญ่เป็นเขาดื่มแทนจนหมด

เฉินตงถูใบหน้าของเขา ทำให้ตัวเองมีสติขึ้นมาหน่อย

ดวงตาของเขานิ่งลึก มีความคิดบางอย่าง “ฉันก็ไม่เข้าใจ คนอย่างโจวจุนหลงแน่นอนว่าเขาอยากแก้แค้น ไม่มีทางเป็นเพราโจวเย่นชิวถึงจะยอม แถมฐานะของฉัน ยิ่งแล้วใหญ่”

“มันแปลกจริง…” กูหลังพึมพำเดินโซเซและล้มไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง

เฉินตงยิ้มเศร้า จากนั้นมองไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่ตึกยู่ฉวน “พี่ชาย คุณช่วยพาเราไปส่งได้ไหม ที่นี่เรียกแท็กซี่ไม่ได้”

เขาแทบรอไม่ไหวที่จะซื้อรถ

รอจนเฉินตงและกูหลังนั่งรถออกไปจากหมู่ตึกยู่ฉวน

รถMaybachสีดำก็ขับออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนอย่างช้า ๆ

บนรถ ใบหน้าโจวจุนหลงไร้รอยยิ้ม เขาจ้องไปนอกหน้าต่างอย่างเศร้า

และคนที่นั่งข้าง ๆ เขาก็คือโจวเห้า

ในคืนนี้โจวเห้ามากับโจวจุนหลง

โจวจุนหลงเรียกเขามาด้วยกัน แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาฟังเรื่องการไกล่เกลี่ยของโจวเย่นชิว

ในเมืองนี้มีเพียงโจวจุนหลงเขาเท่านั้นที่ขอให้คนอื่นไกล่เกลี่ยกันได้ ยังไม่มีใครให้เขาทำแบบนี้ได้!

แต่หลังจากมาถึงบ้านพัก โจวจุนหลงได้รับโทรศัพท์พอดีกับที่เขาขึ้นมานั่งบนรถและเดินทางไปที่เทียนเก๋อ

“พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เท้าของโจวเห้ายังคงใส่เฝือกอยู่ นั่งมาต้องนานแน่นอนเขาต้องปวดขาต้องแต่ช่วงแรก ๆ แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถาม พี่จะยอมไกล่เกลี่ยกับเฉินตงจริง ๆ เหรอ?”

“ไร้สาระ!”

โจวจุนหลงเปิดหน้าต่างคายเสมหะจากการดื่มเหล้าออกมาและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าฉันจะไกล่เกลี่ยกับมัน ฉันจะพานายมาด้วยเพื่ออะไร? พานายมาก็เพื่อมาแก้แค้นแทนนาย!”

ดวงตาของโจวเห้าแคบลง “แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”

โจวจุนหลงทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง เสียงของเขาเบาลง “มีคนอื่นอยู่ในเทียนเก๋อ!”

“ใคร?!”

ท่าทางของโจวเห้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

ในเมืองนี้ แม้ว่าจะเป็นโจวเย่นชิวก็ไม่กล้าที่แข็งกร้าวกับพี่ขนาดนี้ เขาคิดไม่ออกจริง ๆ มีใครอยู่ในเทียนเก๋อ ที่ทำให้พี่เขาเปลี่ยนความคิด

“อย่าถามมาก!”

โจวจุนหลงจ้องไปที่โจวเห้าอย่างดุ ทำให้โจวเห้าหน้าซีดกลัวที่จะถาม

จากนั้นโจวจุนหลงก็มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด

อันที่จริง เขาไม่รู้ว่ามีใครอีกบ้างที่อยู่ในเทียนเก๋อ

สายเข้าเมื่อกี้เป็นของโจวเย่นชิวโทรหาเขา การโทรครั้งนี้ยังเป็นเชิงสั่งให้เขาไม่ต้องแก้แค้น

ถึงพูดว่ามาไกล่เกลี่ย แต่อันที่จริงแค่ต้องการหาข้ออ้างให้เฉินตงมาที่เทียนเก๋อให้คน ๆ นั้นดู

แน่นอนในเวลาปกติแล้วโจวจุนหลงจะไม่สนคำพูดของโจวเย่นชิวและก็จะปล่อยมันผ่านไปเหมือนผายลม

แต่คำพูดประโยคหนึ่งของโจวเย่นชิวทำให้เขาเปลี่ยนใจ

“ถ้านายอยากตายก็ลงมือต่อหน้าเขาคนนั้น ถ้าเขาโกรธ แม้แต่ประมุขของเมืองนี้ก็ช่วยนายให้เดินออกจากเทียนเก๋อไม่ได้!”

คำพูดเพียงคำเดียว โจวจุนหลงลังเลและในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น

และเขาก็รู้ด้วยว่าโจวเย่นชิวเปิดเทียนเก๋อในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขาหรือเพราะเฉินตงหรือเพราะการไกล่เกลี่ยที่ไร้สาระเช่นนี้

เทียนเก๋อถูกเปิดขึ้นเพราะคนในเทียนเก๋อคนนั้น!

“เหอะ!”

ทันใดนั้นโจวจุนหลงก็ยิ้มและเลิกคิ้วมองโจวเห้า “เป็นไปไม่ได้ เฉินตงใช่ว่าอยู่ข้างหน้าเราใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว เจ้านั้นเป็นคนแปลกจริง เป็นถึงเจ้าของไท่ติงแต่กลับไม่มีรถ ตอนที่อยู่หน้าประตู ฉันก็เห็นเขาขอให้คนจากหมู่ตึกยู่ฉวนไปส่งเขา” โจวเห้าดูไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง

โจวจุนหลงลูบหัวล้านของเขา ยิ้มพูดว่า “รถของฉันไม่ได้เกิดอุบัติเหตุมานานแล้ว!”

หลังจากพูดจบเขาก็ถีบเบาะหลังคนขับ “ขับเร็วกว่านี้ จนเกิดอุบัติเหตุ!”

“รับทราบ พี่หลง”

ดวงตาของโจวเห้าสว่างขึ้น เขามองไปที่โจวจุนหลงอย่างตื่นเต้น “พี่ พี่วางแผนที่จะล้างแค้นให้ฉันใช่ไหม?”

โจวจุนหลงตบหัวเสียงดังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “แก้แค้นอะไรกัน? นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหันก็เท่านั้น”

“ใช่ ใช่ มันเป็นอุบัติเหตุ อุบัติเหตุที่มีความรุนแรงมาก ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” ดวงตาของโจวเห้ากลอกไปมา เขาก็ตอบอย่างมีความสุข

Maybachสีดำส่งเสียงคำราม ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายและพุ่งไปด้านหน้าทันที

ในเวลาเดียวกัน

หมู่ตึกยู่ฉวนภายในเทียนเก๋อ

โจวเย่นชิวพิงตัวบนเก้าอี้ ถือชาอุ่น ๆ ไว้ในมือ

เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงเขาดื่มเหล้าจำนวนมาก

แต่จากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ เขาเมาแค่เล็กน้อย

หลังจากดื่มชาสร่างเมาแล้ว เขาก็ฟื้นตัวได้ไม่น้อย

เขาถอดแว่นกรอบทอง ยกมือขึ้นนวดบริเวณดวงตาและจมูก

จากนั้นโจวเย่นชิวก็ยิ้มและถาม “รู้สึกยังไงบ้าง?”

เทียนเก๋อที่ใหญ่โต ในเวลานี้เสียงของเปียโนได้หยุดลงแล้ว มีเพียงเสียงน้ำไหลลงมา

เห็นได้ชัดมีเพียงโจวเย่นชิวแค่คนเดียว แต่เขากำลังถาม

“อืม”

บรรยากาศที่เงียบ มีเสียงหนึ่งที่เย็นชาไม่มีใครเทียบได้ส่งออกมาจากด้านหลังม่าน

หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดธรรมดา สูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็บสิบเดินออกมาจากด้านหลังม่านช้า ๆ

เขาอายุประมาณสามสิบต้น ๆ หน้าตาธรรมดาสวมแว่นขอบดำ ให้ความรู้สึกถึงความสุภาพ…และซื่อสัตย์

เป็นคนที่เมื่อโยนเขาไปในกลุ่มคนก็จะกลืนกินไปจนไม่สามารถหาพบได้แบบนั้น

ดวงตาคู่เดียวภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้นสว่างมาก สายตาแหลมคมไม่มีใครเทียบได้

ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะช้า ๆ นั่งลงมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารโดยไม่รังเกียจ เขาหยิบชามข้าวและยกขึ้นมากิน

“ฉันให้พวกเขาเตรียมมาให้คุณใหม่อีกครั้ง คุณกินพวกนี้มันเกินไป” โจวเย่นชิวมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

“ไม่เป็นไร”

ชายหนุ่มคนนี้กินข้าวอย่างช้า ๆ ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็นความรู้สึกสบาย ไม่ได้รู้สึกถึงความเชื่องช้าหรือผิดปกติ พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก

โจวเย่นชิวไม่ได้ห้าม แต่พูดด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อกี้คุณนิ่งสงบจริง ๆ ตอนที่เฉินตงสังเกตเห็นม่านนี้ ฉันคิดว่าเขาเห็นคุณแล้ว”

“ถ้าเห็นแล้วก็เห็นไป”

ชายหนุ่มมองอย่างไม่แยแส

ก่อนที่เฉินตงและคนอื่น ๆ จะเข้าไปในเทียนเก๋อ เขาก็นั่งรออยู่หลังม่านแล้ว แอบมองเขาผ่าช่องเล็ก ๆ เพื่อเขาจะได้มองเห็นทุกอย่างบนโต๊ะอาหาร

เนื่องจากตำแหน่งของม่าน ผู้คนภายนอกสามารถมองเห็นมันได้ แต่จะมองไม่เห็นความมืดที่อยู่ด้านหลังของม่านนี้ได้

ถึงแม้เฉินตงจะสังเกตเห็นม่านนี้ เขาก็ยังสามารถสบตาเฉินตงผ่านช่องว่างได้

เขาไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ในชีวิตเขาดูเหมือนว่าเขาไม่เคยเห็นความตื่นตระหนกใด ๆ และตั้งแต่ต้นจนจบเขาจะสงบนิ่งอย่างมาก

“คุณนิ่งเสียจริง โชคดีที่เมื่อกี้ฉันเร็ว ฉันถึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》 ไม่เช่นนั้นก็คงปล่อยให้เขามองต่อไปเรื่อย ๆ เดาว่าไม่แน่อาจจะเห็นคุณเข้าได้”

โจวเย่นชิวสวมแว่นตาสีทองอีกครั้งและมองไปที่คน ๆ นั้น

จากประสบการณ์ของเขา เขาไม่เคยเห็นคนที่นิ่งได้ขนาดนี้มาก่อน

“ผู้ที่ทำการณ์ใหญ่ แม้ไท่ซานจะถล่มอยู่ตรงหน้าก็ไม่หวั่นไหว!”

ชายหนุ่มวางชามและตะเกียบลงอย่างใจเย็น จากนั้นมองโจวเย่นชิวด้วยสายตาเหมือนนกอินทรี “นายพูดกับฉันแบบนี้ ใช่ต้องการอะไรจากเรื่องนี้หรือเปล่า?”

บทที่ 89 หมู่ตึกยู่ฉวนและเทียนเก๋อ

ตอนเย็นสองทุ่ม

เฉินตงรีบไปที่ “หมู่ตึกยู่ฉวน” ที่อยู่นอกเมือง

นี่เป็นที่ของโจวเย่นชิว ซึ่งเป็นสถานที่ที่นัดกันในครั้งนี้และยังเป็นที่อยู่ส่วนตัวที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้

ไม่บอกไม่ได้ ว่าโจวเย่นชิวสามารถเรียกลมเรียกฝนจากเมืองนี้ได้จริง ๆ!

แต่ว่าเพื่อความปลอดภัยเฉินตงจึงให้กูหลังมาด้วย

โจวจุนหลงเป็นคู่ต่อสู้ของโจวเย่นชิว ทั้งสองต่อสู้กันมาหลายปีโดยไม่มีใครชนะหรือแพ้ ซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของโจวจุนหลง

บนโต๊ะอาหารเย็น หากโจวจุนหลงต้องการสร้างปัญหาโจวเย่นชิวอาจจะหยุดมันไม่ได้!

แท็กซี่จอดที่ประตูหมู่ตึกยู่ฉวน

เฉินตงและกูหลังลงจากรถแล้วเดินเข้าไป

“คุณเฉินความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับโจวจุนหลงเป็นไปได้จริง ๆ เหรอที่จะคืนดีกัน?”

กูหลังรู้จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ ในฐานะผู้ติดตามเขาไม่ควรถามอะไรมาก เขาอดกลั้นทุกอย่างได้แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ในที่สุดเขาก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้

ที่สำคัญที่สุดคือในเมืองแห่งนี้โจวจุนหลงถือว่าเป็นคนขึ้นชื่อเรื่องนี้อย่างมาก เขากังวลว่ามื้อเย็นในคืนนี้จะส่งผลเสียต่อเฉินตง

“ไม่มี”

เฉินตงพูดเรียบ ๆ “ไม่ว่าความแค้นจากครั้งที่แล้ว หรือการพัฒนาของไท่ติง โจวจุนหลงและฉันก็อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกันตลอดมา แต่เพราะเป็นคำเชิญของโจวเย่นชิวก็คงต้องไว้หน้ากันบ้าง”

ดวงตาของกูหลังกะพริบ พูดอย่างเป็นห่วง “งั้นความปลอดภัย……..”

“หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา รีบหนีออกมาก่อน!” เฉินตงพูดอย่างเคร่งขรึม

“ทั้งสองท่าน นี่เป็นบ้านพักส่วนตัว ไม่มีคำเชิญหรือนัดล่วงหน้าไม่สามารถเข้าได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูหยุดเฉินตงและกูหลัง

กูหลังมองอย่างเคร่งขรึม “อะไรกัน โจวเย่นชิวอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”

สีหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปลี่ยนไป รีบโค้งคำนับและพูด “ผมขอโทษท่านทั้งสองคน ผมไม่รู้ว่าท่านเป็นแขกของประธานโจว โปรดตามผมมา”

ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็หันกลับไปและพูดกับเครื่องส่งวิทยุ “เอารถมาคัน”

ไม่นานรถคันหนึ่งก็ขับออกมาจากวิลล่า

หลังจากให้เฉินตงและกูหลังขึ้นรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็วิ่งไปยังรถคันข้างหน้าเพื่อนำทาง

ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวิลล่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งรถคันเดียวกันกับแขกของประธานโจว

ระหว่างทางเฉินตงมองไปที่วิวของวิลล่าด้วยอย่างสนใจ

เขาเคยได้ยินชื่อ “หมู่ตึกยู่ฉวน” มาก่อนและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามา

สภาพแวดล้อมที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ บวกกับแสงไฟและควันจากลำน้ำทำให้วิลล่าในยามค่ำคืนสวยงามราวกับอยู่ในแดนสวรรค์

อาคารสไตล์โบราณหลายหลังตั้งตระหง่านและมีดวงดาวกระจายอยู่ทั่ววิลล่า

เขาใช้เวลาสิบนาทีเพื่อไปยังอาคารโบราณ

“คุณชาย ถึงแล้ว”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งมาใช้เวลาสิบนาที ก้มตัวคำนับด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไม่มีหอบหายใจ

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงพากูหลังลงจากรถ

ที่ประตู มีสาวงามสองคนในชุดกี่เพ้าสีแดงยืนอยู่

เมื่อเห็นพวกเขาเดินไป ในเวลาเดียวกันสาวงามชุดกี่เพ้าทั้งสองก็คำนับ หลังจากที่พวกเธอเงยหน้าขึ้นทั้งคู่ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเปิดประตู

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีการพูดสักคำ

แต่ท่าทางของเธอ เผยให้เห็นความสง่าอย่างมาก

นี่คือวิถีชีวิตของคนรวย?

เฉินตงมองไปที่สาวงามในชุดกี่เพ้าทั้งสอง รูปลักษณ์เช่นนี้หากเป็นข้างนอก น่าจะดึงดูดพวกทายาทรุ่นที่สองต่าง ๆ ได้แล้ว

แต่ใน “หมู่ตึกยู่ฉวน” เป็นเพียงแค่คนต้อนรับแขก!

การตกแต่งภายในที่หรูหราและคลาสสิก เสียงเปียโนที่ไพเราะ การตกแต่งด้วยหินและน้ำที่ไหลลงมา มันช่างเข้ากับเสียงของเปียโนดูเป็นศิลปะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

ถัดจากหินและน้ำ มีโต๊ะกลมที่สามารถรองรับคนได้ถึงยี่สิบคน

ไม่ไกลออกไปมีจอทีวีขนาดใหญ่

“คุณชาย โปรดรอสักครู่ ประธานโจวจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้” สาวงามในชุดกี่เพ้านำทาง นำเสียงไพเราะเหมือนนก

เฉินตงพยักหน้า หลังจากสาวงามในชุดกี่เพ้าเดินออกไปแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ม่านฝั่งตรงข้าม

กูหลังขมวดคิ้วและมองมันอย่างสงสัย

“คุณเฉินมีอะไรหรอ?”

“รวยจริง!”

เฉินตงพูดอย่างเคร่งขรึม “รวยอย่างมาก!”

กูหลังมองอย่างตกตะลึง

เฉินตงยกนิ้วขึ้นไปที่ม่านและพูดด้วยใบหน้าและหูที่แดงขึ้น “ของของหวงหวาหลี ถ้าให้พูดอีกน่าจะมีอายุหลายร้อยปีแล้วเป็นของโบราณอยู่แล้ว ภาพวาดด้านบนถ้าฉันจำไม่ผิดมันควรจะเป็นภาพวาดของเทพนักวาดอู๋เต้าจื่อ《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》มันคือสมบัติล้ำค่า!”

เขาพูดอย่างตื่นเต้น เฉินตงกระตุกปากเล็กน้อย “กลับถูกมาทำเป็นเพียงแค่ม่าน!”

ม่านตาของกูหลังกว้างขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ “นี่มันใช้ว่าดูน่าเสียดายไปหน่อยไหม?”

เฉินตงไม่อยากเชื่อ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความตกใจและจ้องไปที่ม่านนั้น

เขามีความรู้บ้างเกี่ยวกับของโบราณ ยังไงเขาก็ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีติดต่อกับผู้คนดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดมั่วได้

ภาพบนม่านเป็น《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》ไม่ใช่ของลอกเลียนแบบหรือของปลอม แต่เป็นภาพวาดของจริง!

แต่เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่า “หมู่ตึกยู่ฉวน” จะฟุ่มเฟือยถึงขนาดใช้ภาพวาดของนักบุญเป็นพื้นหลัง!

ในเวลาเดียวกันที่นอกบ้าน

โจวเย่นชิวที่เพิ่งมาถึงหน้าประตูได้ยินบางอย่างจากเฉินตงที่อยู่ข้างใน

เขารู้สึกตกใจ ส่งสัญญาณบอกให้หญิงทั้งสองเงียบ จากนั้นยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้อง

แปะๆๆๆๆ!

มีเสียงปรบมือดังก้อง

เฉินตงและกูหลังมองกลับไป

เห็นโจวเย่นชิวเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม มือของเขายังคงตบเบา ๆ

“ใช่ได้ เฉินตงนายมีความรู้ดี แถมยังรู้จักภาพวาด《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》ด้วย

โจวเย่นชิวอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ฉันวางภาพวาดนี้ไว้ที่นี่เป็นเวลาหลายปีแล้ว มีแขกนับไม่ถ้วนที่มาและไป นอกจากเจ้าซิงหลงปรมาจารย์ด้านการวาดภาพจีนรู้จัก นายเป็นคนที่สอง!”

เฉินตงยิ้มอย่างถ่อมตัว “ประธานโจวพูดเกินไปแล้ว ฉันแค่รู้นิดหน่อย”

โจวเย่นชิวยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับจ้องไปที่ภาพวาดและนิ่งชั่วครู่

เขายิ้มและพูดกับเฉินตงและกูหลัง “นั่งกันก่อน โจวจุนหลงน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

หลังจากนั่งแล้วเฉินตงและโจวเย่นชิวก็คุยกัน

หลังจากนั้นเพียงห้านาทีที่ด้านนอกประตูก็มีเสียงหัวเราะของโจวจุนหลงดังขึ้น

“ประธานโจว ครั้งนี้นายพยายามอย่างหนักเลยนะ ถึงกับยอมเปิดเทียนเก๋อของหมู่ตึกยู่ฉวน

ชื่อบ้านหลังนี้เรียกว่า “เทียนเก๋อ”

เมื่อกี้ตอนที่เฉินตงเข้ามา เขาเหลือบมองไปที่แผ่นป้ายบนกรอบประตู แต่เขาก็ไม่สนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่หมู่ตึกยู่ฉวน ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจความหมายของ “เทียนเก๋อ”

โจวเย่นชิวจับจมูกของเขา ลุกขึ้นยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อประธานโจวมา แน่นอนฉันต้องเปิดที่นี่!

โจวจุนหลงเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องทั้งสอง

เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวเย่นชิวพูดเขาก็แสร้งพูดด้วยรอยยิ้ม “ชื่นชมฉันแล้วใช่ไหม? ฉันมาที่หมู่ตึกยู่ฉวนของนายตั้งครั้งแล้ว นายเปิดเทียนเก๋อสักกี่ครั้ง? ฉันรู้กฎของเทียนเก๋อของนายดี ไม่ใช่มังกรตัวจริงมาถึง นายไม่มีทางเปิดมันง่าย ๆ !”

ในขณะที่เขาพูดเขาหันไปและยกนิ้วให้เฉินตง “เด็กอย่างนายไม่เพียงมีดี ดูเหมือนว่าจะเป็นมังกรตัวหนึ่งจริง ๆ ไม่อย่างนั้นประธานโจวจงไม่มีวันเปิดเทียนเก๋อให้นาย!”

คำพูดและการกระทำของเขาดูเหมือนว่าจะไม่เคยเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น

“ประธานโจวพูดเกินไปแล้วพูด” เฉินตงยิ้มเบา ๆ

คำพูดและการกระทำของโจวจุนหลงในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเหมือนเสือหน้ายิ้ม

แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็เข้าใจกฎของเทียนเก๋อจากคำพูดของโจวจุนหลง!

เพียงแต่ตอนที่เฉินตงคุยกับโจวจุนหลงนั้น

โจวเย่นชิวดันแว่นตาของเขาอย่างแนบเนียน มองไปที่ม่านและยิ้มเล็กน้อย………………

บทที่ 87 ความยุ่งเหยิ่งของตระกูลเฉินและนัดของกู้ชิงหยิ่ง

ที่นัดพบคือร้านอาหารชั้นล่างในไท่ติง

เฉินตงรีบไปที่ร้านอาหาร เมื่อเห็นท่านหลงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ท่านหลงในตอนนี้ดูแก่ลงใบหน้าของเขาไม่สามารถซ่อนความเหนื่อยล้าได้

คุนหลุนที่นั่งข้าง ๆ ท่านหลง สายตาดูเคร่งขรึม ขมวดคิ้วแน่น เขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างมาก่อน

“คุณชาย”

ท่านหลงลุกขึ้น ยิ้มอย่างใจดีเหมือนเดิม

“นั่งเถอะ”

เฉินตงพยุงท่านหลงนั่งลงและถาม “ท่านหลง ช่วงที่คุณจากไปตกลงเกิดอะไรขึ้น?”

ท่านหลงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องในครอบครัว นายท่านรีบเรียกกระผมกลับไป”

เฉินตงจิบชารออย่างเงียบ ๆ

“เพราะนายท่านใช้ยี่เคอ กรุ๊ปเพื่อช่วยคุณชาย” น้ำเสียงของท่านหลงดูเหนื่อยล้า

เฉินตงเลิกคิ้ว อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกตลกขึ้นมา

“เขาเป็นหัวหน้าตระกูลที่ดีจริง แม้แต่เรื่องนี้ยังตัดสินใจไม่ได้?”

ท่านหลงส่ายหัวและมองไปที่เฉินตง “ถ้าเป็นเรื่องธรรมดา แน่นอนว่านายท่านสามารถตัดสินใจได้ แต่ตอนนี้ยังมีนายท่านอีกคน นายท่านใช้ยี่เคอช่วยคุณชาย จึงทำให้คุณหญิงใหญ่โกรธ”

เฉินตงหรี่ตา “ยาย……ฉัน.?”

“ไม่ใช่”

ท่านหลงปฏิเสธและพูดช้า ๆ “ตระกูลเฉินมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน มีคนจับตามองมากมาย การได้เป็นหัวหน้าคุมทุกอย่างของตระกูล การเลือกหัวหน้าของตระกูลก็จะไม่เหมือนครอบครัวธรรมดาที่สืบทอดกิจการของพ่อแม่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น”

เฉินตงฟังอย่างเงียบ ๆ

การสืบทอดของครอบครัวที่มีความเจริญแค่อาศัยความพยายามอย่างเดียวคงจัดการทุกอย่างในอนาคตต่อไปไม่ได้

“ดังนั้น การเลือกหัวหน้าของตระกูลเฉิน ก็ต้องเป็นหัวหน้าคนได้ โดยจะคัดเลือกผู้สมัครในกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากจากนั้นก็แข่งขันกันเอง คนที่ทำได้โดดเด่นที่สุดก็จะได้เป็นหัวหน้าต่อไป”

ท่านหลงพูดช้า ๆ เขากำลังอธิบาย และบอกเฉินตงเกี่ยวกับตระกูลเฉิน

“อย่างไรก็ตามแม้ว่านายท่านจะสืบทอดตำแหน่ง แต่ตระกูลเฉินก็มีกฎที่ไม่เป็นอักษรว่าเขาต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ของบ้านนั้นเหมือนพ่อแม่แท้ ๆ ของตัวเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินตงก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้

มีกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เขาไม่เคยพบพ่อมาก่อน อยู่ในตระกูลเฉินแต่ไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาเรื่องนี้ได้

ปกติแล้วเหตุการณ์สำคัญหัวหน้าตระกูลจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ถ้าคุณหญิงใหญ่ต้องการเข้ามาแทรกแซง หัวหน้าตระกูลก็ไม่สามารถห้ามได้

แต่ว่า จากคำพูดของท่านหลง เขาก็รับรู้อะไรบางอย่าง

เฉินตงจับจมูกของเขาพูดว่า “ท่านหลงตามที่คุณพูด พ่อของฉันน่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ดีมากในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะผู้สมัครคนอื่น ๆ และกลายเป็นหัวหน้าตระกูลเฉิน”

“อันที่จริง……….” ดวงตาของท่านหลงดูมืดลงและพูดเรื่องในอดีต “ตอนนายท่านยังเด็ก เพียงวัย 20 ปีเขาก็ก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้ เขามีฝีมือที่ดีและเอาชนะผู้สมัครเข้ามาในตระกูลเฉินทุกคนได้”

“ซีด”

แม้จะเป็นเฉินตงก็อดไม่ได้ที่สีหน้าจะเปลี่ยนไป หายใจเข้าลึก

อายุเพียง 20 เขายังเพิ่งทำงานและเรียนในมหาวิทยาลัยใช้ชีวิตที่ไปวัน ๆ

แต่พ่อกลับได้รับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล!

เขาหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความตกใจ เฉินตงถามช้า ๆ ว่า “แบบนั้นมันก็แปลกมาก ตอนนั้นถึงแม้พ่อจะทิ้งฉันและแม่ไปและกลับไปที่ตระกูลเฉิน ฉันกับแม่ก็ไม่ควรจะตกระกำลำบากขนาดนั้น อย่าน้อยพ่อก็ควรทิ้งอะไรไว้ให้พวกเราบ้าง”

ตั้งแต่เด็กเขาไม่ได้ตระหนักว่าชีวิตคืออะไร

สำหรับเขา การใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันกับแม่ ถึงเรียกว่าการอยู่รอด

ถ้าพ่อเป็นคนที่เก่งกาจจริง ๆ แม้ว่าเขาจะอยู่กับแม่ เขาก็ควรมีอะไรเหลือไว้บาง แม้ว่าเขาจะกลับไปที่ตระกูลเฉินก็น่าจะมีธุรกิจอะไรเหลือติดมือให้แม่ของเขาบ้าง

แต่ในความทรงจำตั้งแต่เขาจำความได้ แม่ของเขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างน้อยต้องทำสองงานในเวลาเดียวกัน ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน

ท่านหลงยิ้มอย่างขมขื่น “คุณชาย……..เมื่อพ่อของคุณจากไป ธุรกิจทั้งหมดที่เขาก่อตั้งขึ้นถูกตระกูลเฉินเอาไปหมด แต่ก็ยังเหลือเงินส่วนหนึ่งไว้ให้แม่ของคุณชาย..”

น้ำเสียงที่ยืดยาว ทำให้เฉินตงอดไม่ได่ที่จะชะงักไป

ทันใดนั้นแวตาของเขาก็เป็นประกาย “แม่ของฉัน?!”

เมื่อเห็นท่าทางของเฉินตงที่เปลี่ยนไป ท่านหลงก็ยิ้ม

เฉินตงสับสนขึ้นมาทันที

เป็นไปได้อย่างไร?

ต้องมีอะไรอยู่กอไผ่เป็นแน่!

ไม่นานเขาก็หยุดความคิดที่สับสนในใจ

สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการหาว่าคุณหญิงใหญ่ของตระกูลเฉินทำอะไรกันแน่!

เฉินตงถาม “แท้ที่จริงแล้วคุณหญิงใหญ่ของตระกูลเฉินทำอะไรกันแน่?”

“เพราะนายน้อยเกิดมาคุณหญิงใหญ่จึงกังวลอย่างมาก”

สีหน้าท่านหลงเศร้าลง “ดังนั้นตอนที่รู้ว่ายี่เคอช่วยนายน้อยไว้ เธอก็โกรธอย่างมากและเข้ามาทำการตัดสินใจแทนหัวหน้า ในเวลาเดียวกันกระผมก็ถูกเรียกกลับไป กระผมกลับมาได้ก็เป็นเพราะนายพูดกล่อมคุณหญิงใหญ่ ท่านถึงปล่อยกระผมกลับมา”

เฉินตงยิ้ม หัวใจของเขาพองโต “พูดตามความจริง คงเป็นเพราะฉันไม่มีที่มาที่ไป ไม่ใช่คนที่โตในตระกูลเฉินและได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก บางทีในใจของคุณหญิงใหญ่ฉันคงเป็นลูกสวะ”

ท่านหลงมองอย่างตกใจ

เขากะพริบตาสองสามครั้ง แต่ไม่มีการตอบกลับใด ๆ

ตระกูลเฉินมีกฎของตระกูลเฉิน ในกฎของตระกูลเฉิน ถ้าเฉินตงไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ เขาจงใจเข้ามายุ่ง เฉินตงคงไม่มีทางได้เป็นแม้ผู้สมัครรับตำแหน่งคนต่อไป

“ฉันเข้าใจแล้ว ช่วงนี้ท่านหลงเหนื่อยมามากแล้ว”

เฉินตงลุกขึ้นยิ้มและพูดกับคุนหลุน “คุนหลุนพาท่านหลงไปพักผ่อนที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ฉันยังต้องไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่ไท่ติง “

“ได้ครับคุณชาย” คุนหลุนตอบ

ท่านหลงดูประหลาดใจเมื่อเขาพูดคำเหล่านี้ เขาก็เตรียมรับความโกรธของเฉินตงไว้

แต่ท่าทางของเฉินตงเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด

ช่างนิ่งสงบเหลือเกิน!

เมื่อเห็นเฉินตงกำลังจะเดินไป ท่านหลงก็ตะโกนขึ้น “คุณชาย…”

เฉินตงหยุด หันหลังให้ท่านหลงแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง หัวหน้าตระกูลต้องเป็นของฉัน รุ่นที่สองจะต้องมาจากคนตระกูลฉันเช่นกัน ฉันจะให้คุณหญิงใหญ่ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าลูกสวะ จะเอาชนะเธอผู้ที่เรียกว่าชนชั้นสูงได้อย่างไร!”

คำพูดของเขาเหมือนคำสาบานที่หนักแน่นมาก

ท่านหลงยิ้มอย่างรู้ทันและพูดว่า “คุณชายโตขึ้นแล้วแต่คุณชายต้องระวังนะ หลังจากที่กระผมกลับไปโจวเย่นชิวที่ขาหักกลับมาบ้านก็พูดว่าคุณชายเป็นคนทำเขา”

“เรื่องนี้ทำให้คุณหญิงใหญ่โกรธอย่างมากแต่ดีที่นายท่านห้ามไว้ แต่โจวเย่นชิวมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเฉินเทียนซืงสองพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เฉินเทียนซืงรักเฉินเทียนหย่างมาก จากนิสัยของโจวเย่นชิวเขาต้องการแก้แค้นให้น่นอน เขาไม่มีทางปล่อยคุณชายไป”

“เหอะ ๆ ”

เฉินตงตะคอกและเดินจากไป เสียงเย็นชาดังเข้ามาในหูของท่านหลงและคุนหลุน “เขากล้ามา ถ้าอย่างนั้นก็หักขาอีกข้างของเขา หักขาของสองพี่น้องให้หมด!”

ท่านหลงยิ้ม “ดูเหมือนกระผมจะกังวลมากเกินไป”

และในตอนที่เฉินตงเดินออกมาจากร้านอาหารกู้ชิงหยิ่งก็โทรมาพอดี

เมื่อมองไปที่หมายเลข ใจของเฉินตงก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา

เขารับสายทันที “ไง เสี่ยวเห้า”

“คืนนี้ว่างไหม? ฉันอยากนัดนาย!” น้ำเสียงของกู้ชิงหยิ่งนิ่งเรียบ แต่กลับไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ดูเย็นชา

บทที่ 86 ท่านหลงกลับมาแล้ว

พร้อมเสียงของเฉินตงที่พูดจบ

กู้ชิงหยิ่งก็น้ำตาไหล ส่วนหลินเสว่เอ๋อใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง มองไปที่คุณป้าทำความสะอาดข้าง ๆ กูหลังในเวลาเดียวกัน

คุณป้าทำความสะอาดมองไปที่หลินเสว่เอ๋อและพยักหน้า “สาวน้อยคืนนั้นท่านนี้เมื่อส่งคุณที่โรงแรมเสร็จก็ให้เงินสองร้อยหยวนกับฉันเพื่อให้ฉันดูแลคุณ”

กู้ชิงหยิ่งมองด้วยความลังเลอยู่พักหนึ่ง

ส่วนดวงตาของหลินเสว่เอ๋อขยายกว้าขึ้น ใบหน้าของเธอแสดงออกอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เป็นไปไม่ได้!

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

ฉันในสภาพแบบนั้นในคืนนั้น เขาแค่ไปส่งฉันที่โรงแรมเหรอ?

หลินเสว่เอ๋อเกิดมาฐานะต่ำต้อย แต่โชคดีที่เธอเกิดมาพร้อมผิวพรรณที่ดี และเธอก็รู้วิธีใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง

สิ่งนี้ทำให้เธออยู่ในสังคมได้ ไปที่ไหนก็มีแต่ความสำเร็จ!

“ข้อความนั้นล่ะ? ข้อความนั้นมาได้ยังไงกัน?”

ดวงตาของหลินเสว่เอ๋อกะพริบถี่เร็วราวกับว่าเธอกำฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเธออยู่ เธอจับแขนของเฉินตงด้วยมือทั้งสองข้าง “ถ้านายไม่ได้ทำอะไร ทำไมนายถึงทิ้งข้อความไว้?”

เฉินตงผลักหลินเสว่เอ๋อออกและยิ้ม “เธอคิดว่าไงล่ะ?”

หลินเสว่เอ๋อตกตะลึง ความคิดของเธอเปลี่ยนไปทันที

นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับเฉินตง

ทันใดนั้นเธอก็สั่น จ้องไปที่เฉินตงอย่างหวาดกลัว “นายกำลังหลอกใช้ฉัน ใช้ฉันเพื่อล้างแค้นตระกูลหวางเหรอ?”

เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมา กู้ชิงหยิ่งก็ขมวดคิ้วมองไปที่เฉินตง

เฉินตงดูนิ่งและมองไปที่หลินเสว่เอ๋ออย่างไม่แยแส “ก็ประมาณนั้นแหละ เธอเดินมาหาฉันเอง ทำไมฉันจะไม่ใช้มันสักหน่อย?”

เสียงที่เย็นชาทำให้หลินเสว่เอ๋อตกตะลึงอย่างมาก

ความฝันที่ได้อยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยของเธอนั้นพังทลายลงในพริบตา

เหตุผลเดียวที่เหลืออยู่ ทำให้ใบหน้าสวยของหลินเสว่เอ๋อมืดมนลง เธอกรีดร้อง “ทำไม? ทำไมนายถึงหลอกใช้ฉัน? ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธกัน นายไม่อยากนอนกับฉัน ก็ไม่จำเป็นต้องหลอกใช้ฉัน!”

เฉินตงโบกมือและพูดกับกูหลังว่า “พาพวกเธอลงไปเถอะ”

กูหลังพยักหน้าและพาหลินเสว่เอ๋อที่ทรุดตัวลงออกไป

ดนตรีไพเราะและผ่อนคลายยังคงดังอยู่

แต่บรรยากาศกลับยิ่งแปลกไปกว่าเดิม

เฉินตงมองไปที่กู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ถ้าเธอยังไม่เชื่อฉัน ฉันจะพาเธอไปดูกล้องวงจรปิดที่โรงแรม”

กู้ชิงหยิ่งและเฉินตงมองกันและกันด้วยดวงตาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตา

จู่ ๆ เธอก็หัวเราะเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด

เธอกระซิบเบา ๆ “เฉินตง อยู่ดี ๆ ฉันก็เหมือนจะไม่เข้าใจนายขึ้นมา”

“หลอกใช้?” เฉินตงยักไหล่

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าและยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า “แต่ก่อนนายคงไม่ได้เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”

“เสี่ยวเห้า บางทีชีวิตของเธอมีแสงแดดเจิดจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แต่สำหรับฉันต้องปีนออกมาจากความมืดทีละก้าว”

เฉินตงหัวเราะเยาะตัวเอง “คนที่ออกมาจากความมืดมิด ในใจของฉันไม่ได้มีแสงแดดจริง ๆ สิ่งที่ฉันทำได้คือมอบแสงแดดให้คนที่สำคัญที่สุดของฉัน ส่วนคนรอบข้างฉันไม่คิดจะสนใจ”

คำพูดแต่ละคำ เต็มไปด้วยความจริงใจ

แต่มันยิ่งทำให้สายตาของกู้ชิงหยิ่งที่มองเฉินตงแปลกไป

เธอไม่เคยได้สัมผัสชีวิตของเฉินตง

ตั้งแต่เล็กจนโตเธออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้รับการปกป้องจากพ่อของเธอและเป็นที่รักของแม่เหมือนที่เฉินตงพูดว่าทุก ๆ วันจะมีแต่แสงแดด

ส่วนความมืดเธอไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจจริง ๆ !

เฉินตงยังคงหัวเราะ ดวงตาของเขาเศร้าเล็กน้อย “ตระกูลหวางเกือบจะฆ่าแม่ของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความโกรธแค้นของฉัน เมื่อหลินเสว่เอ๋อเดินเข้ามาหา ฉันเลยจงใจหลอกใช้เธอ ซึ่งฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรผิด”

“หลังจากที่ฉันหย่า ฉันก็ตัดขาดจากตระกูลหวาง ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ฉันก็สามารถที่จะไม่สนใจมันได้ แต่ฉันก็ต้องเก็บไพ่ไว้ในมือเพื่อให้ฉันได้ระบายความโกรธ แก้แค้นกลับไปสักหน่อย”

“ดังนั้นนายเลยหลอกใช้หลินเสว่เอ๋ออย่างโหดร้าย?” ริมฝีปากแดงของกู้ชิงหยิ่งกระซิบ

“ใช่!”

เฉินตงตอบ “ฉันเป็นคนที่ปีนออกมาจากความมืดทีละก้าว ฉันสามารถทนได้ ฉันแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรที่เรียกว่าวัยเด็ก ฉันรู้แค่ว่า…………ผู้ชนะคือราชา!”

“เฉินตง……………”

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหว ใจของเธอเหมือนสำลีที่เน่ายุ่งเหยิง

หัวของเธอเหมือนแป้งเปียกเละที่ต้มอยู่ในหม้อ

เธอไม่รู้ว่าจะไปต่อกับเฉินตงได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ส่งผลต่อมุมมองของเธอมากเกินไป

แม้แต่คำพูดบางคำที่พ่อของเธอสอนเธอ ก็ยังเหมือนกับสิ่งที่เฉินตงทำทุกอย่าง

แต่เธอไม่เคยสัมผัสเรื่องพวกนี้ ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้อยู่บาง

กู้ชิงหยิ่งพูดและจับไปที่ผมเธอ “ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ ฉันต้องการใช้เวลาสักพักเพื่อทบทวนเรื่องของเรา”

เฉินตงยิ้มอย่างไม่ปิดบัง

สิ่งที่เขาพูด แน่นอนว่ามันน่าตกใจอย่างมาก

แต่เขาต้องให้กู้ชิงหยิ่งเข้าใจเหตุผลทั้งหมด

เรื่องแบบนี้ เขาไม่อยากให้เป็นเพราะการปิดบังของเขาทำให้กู้ชิงหยิ่งมีหนามทิ่มแทงอยู่ในใจ

หายใจเข้าลึก ๆ

เฉินตงเรียกพนักงานมาเช็กบิล

เมื่อเดินจนถึงประตูGenting Sky เฉินตงมองย้อนกลับไปที่ “Genting Sky” สี่คำนี้ที่เมือนความฝัน เขายิ้มเล็กน้อยดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างมาก

เมื่อเฉินตงกลับไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน โทรศัพท์จากกูหลังก็ดังพอดี

ตามคำสั่งของเขา หลังจากที่กูหลังพาหลินเสว่เอ๋อออกไปจากGenting Sky เขาก็ส่งหลินเสว่เอ๋อออกนอกเมืองทันทีและสั่งให้หลินเสว่เอ๋อไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิต

เขาตอบกลับนิ่ง ๆ และก็วางสายทันที

เขาไม่คิดว่ามันแรงเกินไป

เป็นผู้ใหญ่เมื่อสร้างปัญหาเอาไว้ก็ต้องยอมรับราคาที่ต้องจ่าย

นอกจากนี้เขาเคยให้เงินหลินเสว่เอ๋อ 5 ล้านมาก่อนด้วย จากเงินจำนวนนั้นแม้ว่าหลินเสว่เอ๋อ จะไม่กลับมาเธอก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

ทำแบบนี้ก็ยังทำให้ตระกูลหวางหยุดความคิดที่จะมาก่อกวนเขาทุกครั้ง!

สำหรับตระกูลหวาง เขาเกลียดอย่างมาก

…………………….

เวลาผ่านไปช้า ๆ

เวลาผ่านมาได้ครึ่งเดือน ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ

โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและอสังหาริมทรัพย์แห่งที่สองกำลังจะเปิดจอง

คุนหลุนและฟ่านลู่ก็กลับมาอยู่บ้านตามปกติ เพียงแต่หลังจากพวกเขาได้เจอสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เฉินตงรู้สึกถึงบางอย่าง

ทางด้านของตระกูลหวางก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย

โจวจุนหลงที่มีความผิด ช่วงเวลานี้ก็ไม่มีการปรากฏตัวขึ้น

สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินตงกังวลคือท่าทางของกู้ชิงหยิ่งที่มีต่อเขา

นับตั้งแต่แยกทางที่Genting Sky กู้ชิงหยิ่งก็ทำตัวแปลก เธอมักจะหลบเขาทั้งอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

การพบกันในแต่ละครั้งดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนแต่ก่อนที่ดูผ่อนคลาย การพูดคุยกันก็เปลี่ยนเป็นคุยกันเพียงแค่คำสองคำ

เรื่องนี้ เฉินตงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

เรื่องที่Genting Skyทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่งเย็นชาลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เขาก็ไม่สามารถหาวิธีที่จะทำให้มันดีขึ้นได้เลย

ทำได้เพียงก้าวไปหนึ่งก้าวและมองดู

ตอนเที่ยงของวันนั้นจู่ ๆ เฉินตงที่ทำงานอยู่ที่บริษัทก็ได้รับโทรศัพท์จากคุนหลุน

“คุณชาย ท่านหลงกลับมาแล้ว!”

ได้ยินแบบนั้นเฉินตงก็ดีใจมาก

ท่านหลงใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนในการจากไป ทั้งเขาและคุนหลุนก็ไม่สามารถติดต่อได้

เขาเป็นห่วงท่านหลงมากและยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย?

บทที่ 85 กู้ชิงหยิ่งที่ใจสลาย

ในตอนเย็น

เฉินตงได้รับโทรศัพท์จากกู้ชิงหยิ่ง นัดเจอกันที่Genting Sky

หลังจากวางสาย

เฉินตงโทรไปไม่กี่เบอร์ก่อนที่จะลุกขึ้นไปที่นัดหมาย

อย่างไรก็ตามสถานที่นัดพบที่กู้ชิงหยิ่งเลือกทำให้หัวใจเขากลัว

Genting Skyเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา

การเลือกที่นี่เขาก็พอเดาความคิดของกู้ชิงหยิ่งได้นิดหน่อยแล้ว

เมื่อเฉินตงมาถึงด้านล่างของGenting Sky ตอนนั้นก็เป็นเวลาทุ่มหนึ่งแล้ว

ภายในลานจอดรถรถพอร์เชอ911ของกู้ชิงหยิ่งก็ได้จอดนิ่งอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าคนในรถมาถึงตั้งแต่แรกแล้ว

เขาหายใจเข้าลึก ๆ

เฉินตงเดินเข้าไปในลิฟต์

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ดนตรีไพเราะและผ่อนคลายก็ดังเข้ามา

แสงไฟสลัวส่องแสงไปทั่วทั้งร้านอย่างสวยงาม

“คุณเฉิน?”

พนักงานที่ประตูก้าวไปข้างหน้า

เฉินตงพยักหน้า

“ได้โปรดมากับผม คืนนี้คุณหญิงกู้ได้จองร้านGenting Skyของพวกเราไว้ทั้งหมดแล้ว”

เขาเดินตามพนักงานไปที่Genting Sky เฉินตงเห็นกู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในทันที

กู้ชิงหยิ่งในชุดลายดอกไม้ภายใต้แสงไฟกำลังเอามือจับคางของเธอและมองไปที่ทิวทัศน์ของเมืองในยามค่ำคืน

แต่แผ่นหลังของเธอดูเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด

“คุณหญิงกู้ คุณเฉินมาถึงแล้ว”

พนักงานพูดบอกเสียงเบา

เฉินตงเห็นได้ชัดเจนว่าร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย

จากนั้นกู้ชิงหยิ่งก็หันหน้ามาและยิ้ม “มาแล้วหรอ? นั่งสิ”

หัวใจของเฉินตงกระตุกอย่างรุนแรง แม้ว่ากู้ชิงหยิ่งจะยิ้มให้เขาแต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ารอยยิ้มนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก

หลังจากนั่งแล้วกู้ชิงหยิ่งก็หยิบเมนูจากพนักงานมาวางบนโต๊ะและยื่นไปให้เฉินตง

“นายอยากกินอะไร มื้อนี้ฉันเลี้ยงนาย”

“เสี่ยวเห้า…” เฉินตงพูด

กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้ว “งั้นฉันจะสั่งเอง”

หลังจากพูดเสร็จเธอก็หยิบเมนูกลับมาดูและไม่เปิดโอกาสให้เฉินตงได้พูด

เฉินตงรู้สึกหมดหนทางและ ครั้งนี้ถูกหลินเสว่เอ๋อมาป่วน เขาในใจของกู้ชิงหยิ่งคงดูแย่ไม่ใช่น้อยใช่มั้ย?

ในไม่ช้ากู้ชิงหยิ่งก็สั่งอาหารเสร็จ หลังจากคืนเมนูให้กับพนักงานแล้วเธอก็วางคางไว้บนมือและมองไปที่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง

ภายในGenting Sky

เสียงดนตรี

มันกลายเป็นความเงียบที่แปลกไปอีกแบบ

ทั้งเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งไม่ได้พูดอะไรกัน

ความเงียบนี้กินเวลาเกือบสิบนาทีและมันก็ไม่ได้หยุดลงจนถึงเมื่อพนักงานมาเสิร์ฟอาหาร

“กินเร็ว ๆ บะหมี่มะเขือเทศไข่ของโปรดนาย” กู้ชิงหยิ่งก้มหัวลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

มุมตาของเฉินตงกระตุก ดวงตาของเขามองไปที่กู้ชิงหยิ่งอย่างซับซ้อน

แต่แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย เขายิ้มและพูดว่า “Genting Skyที่ที่หรูหราแบบนี้ ยังมีบะหมี่มะเขือเทศไข่ด้วย?”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ถ้านายมีเงินก็จบแล้ว?”

“มันก็จริง” เฉินตงพยักหน้า

จากนั้นทั้งสองก็ก้มลงกินอาหาร บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

กู้ชิงหยิ่งไม่ถามอะไรมาก กินอย่างเงียบ ๆ

ดูเหมือนจะเป็นเพียงมื้อค่ำธรรมดาแต่ว่าไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย

ยิ่งเป็นแบบนี้ เฉินตงก็ยิ่งรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนเข็มหมุด ความรู้สึกเหมือนเหงื่อออกไปทั้งตัว

เขารู้ว่ากู้ชิงหยิ่งกำลังกดดันตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

เหมือนกับกู้ชิงหยิ่งในช่วงแรกที่เห็นชัดว่าชอบเขาแต่ก็มีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว อวยพรให้เขาและหวางหนันหนันเดินเข้าไปในห้องโถง

ตอนนี้ก็เหมือนกัน ยกเว้นเพียงแต่ความรักในตอนเริ่มแรกนั้นเปลี่ยนมาเป็นความโกรธ

เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูด “เสี่ยวเห้าให้ฉันอธิบายได้ไหม?”

ตึก……………….

ตะเกียบในมือของกู้ชิงหยิ่งหล่นลงบนจานอาหาร

เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นดวงตากลมเหมือนไข่มุกล้ำค่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว “จะอธิบายอะไรอีก?”

“ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด” เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น

กู้ชิงหยิ่งส่ายหน้าเงยหน้าขึ้นมองเพดานเล็กน้อยและหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด ฉันจะเข้าใจอะไรนายผิดได้”

“หลินเสว่เอ๋อ…………” เฉินตงไม่ได้คิดที่ปล่อยมันอีกต่อไป

เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่ปล่อยมันต่อไปได้อีก มันจะยิ่งทำให้เรื่องแย่ลง

“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ “

กู้ชิงหยิ่งยกมือขึ้นเช็ดที่ดวงตา ยิ้มและชี้ไปที่อาหาร “กินสิ ฉันสั่งมาเยอะต้องลองกินให้หมดนะ”

เธอในแบบนี้ เหมือนมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินตงอย่างโหดเหี้ยม

ทำให้เฉินตงรู้สึกปวดใจอย่างมาก

เมื่อดูเวลาแล้วคิดว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว

เฉินตงโทรหากูหลัง “พาเข้ามา”

หลังจากวางสาย เขาก็มองไปที่กู้ชิงหยิ่งอย่างตั้งใจ “เสี่ยวเห้า ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอเสียใจ ฉันจะอธิบายให้เธอฟังอย่างชัดเจน”

เพียงพริบตาดวงตาของกู้ชิงหยิ่งก็มีน้ำตาคลอ “ไม่ต้องอธิบายแล้วได้ไหม? พวกเรากินเสร็จก็แยกทางใครทางมัน ฉันจะจากนายไปเอง โอเคไหม?”

ตอนที่หลินเสว่เอ๋อมาพบเธอเมื่อกลางวัน เธอบอกทุกอย่างจนหมดแล้ว

เรื่องแบบนี้ มันยังจำเป็นต้องอธิบายอีกหรือไง?

มีคำอธิบายที่เป็นไปได้มากกว่านี้หรือไง?

ในใจของกู้ชิงหยิ่งคำอธิบายของเฉินตงเปรียบเสมือนการปกปิด ซึ่งมีแต่จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง

หน้าประตูGenting Skyมีร่างสองร่างเผยขึ้น

เมื่อเฉินตงเห็นกูหลังและหลินเสว่เอ๋อ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อหลินเสว่เอ๋อเห็นเฉินตงใบหน้าสวยของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ทันใดนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปหาเฉินตง

เฉินตงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หลินเสว่เอ๋อกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินตงและกอดเฉินตงได้

“ในที่สุดนายก็ยอมมาพบฉันแล้ว? ในที่สุดฉันก็เจอนาย!”

หึ!

ฉากนี้ทำให้เกิดเสียงในใจของกู้ชิงหยิ่ง

ดวงตากลมโตที่สวยงามของเธอและใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอกัดริมฝีปากสีแดงของเธอแน่น

จากนั้นเธอยิ้มเศร้ามองไปที่เฉินตงด้วยน้ำตา

“เฉินตงนี่คือคำอธิบายของนายที่ให้ฉันหรือไง?”

การวิ่งเข้ามาอย่างกะทันหันของหลินเสว่เอ๋อทำให้เฉินตงตกใจ

เมื่อได้ยินเสียงของกู้ชิงหยิ่งเขาก็ได้สติกลับมา

“ปล่อย!”

แต่ไม่ว่าเขาจะผลักเธออย่างไร หลินเสว่เอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนจะเกาะติดเขาอย่างมาก กลับกันยิ่งเขาทำมันยิ่งทำให้กอดของหลินเสว่เอ๋อแน่นขึ้น!

“ไม่ ฉันไม่ปล่อย…เฉินตงตัวของฉันก็ให้นายแล้ว นายอย่าใจดำขนาดนี้…”

ใบหน้าของเฉินตงมืดลงและโกรธเกรี้ยว

ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจเธอแตกสลาย เธอทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

“พวกนายจะทำแบบนี้กับฉันหรือไง?”

เสียงร้องดังก้องภายในร้านอาหาร

เฉินตงเริ่มกังวลขึ้นมาทันที “หลินเสว่เอ๋อ คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอและฉัน!”

“เป็นไปไม่ได้ เห็นชัดว่านายโกหก!” หลินเสว่เอ๋อก้มลงไปซบที่อ้อมแขนของเฉินตง “ข้อความที่นายทิ้งให้ฉันในตอนเช้านั้น…………”

เขาไม่รอให้หลินเสว่เอ๋อพูดจบ

เฉินตงพูดอย่างโหดเหี้ยม “คุนหลุนพาพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมเข้ามา!”

ในตอนนี้ทั้งกู้ชิงหยิ่งและหลินเสว่เอ๋อต่างตกตะลึง

หลินเสว่เอ๋อเงยหน้าขึ้น มองไปที่เฉินตงด้วยความประหลาดใจ “คุณป้าคนทำความสะอาด?”

ในตอนที่เธอกำลังว้าวุ่นใจ เฉินตงใช้แรงผลักหลินเสว่เอ๋อออกไป

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ป้าคนทำความสะอาดเป็นคนถอดเสื้อให้เธอ หลังจากที่ฉันไปส่งเธอที่โรงแรมฉันก็ออกมาทันที ไม่เพียงแต่มีคุณป้าเป็นคนยืนยันยังมีกล้องวงจรปิดมายืนยันอีกเช่นกัน!”

ตอนที่พูด เฉินตงจ้องมองไปที่กู้ชิงหยิ่ง

นี่คือคำอธิบายของเขาที่มอบให้กู้ชิงหยิ่ง

เขาสามารถไม่สนใจความรู้สึกของหลินเสว่เอ๋อได้ แต่เขาต้องแคร์ความรู้สึกของกู้ชิงหยิ่ง!

เพราะว่า กู้ชิงหยิ่งคือทุกสิ่งที่เขามีในตอนนี้!

บทที่ 84 เกล็ดของมังกรหากได้สัมผัสมีแต่ต้องตาย!

กูหลังและเสี่ยวหม่ากลับไปที่ห้องทำงานของเฉินตงและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากฟัง เฉินตงก็ตอบกลับและปล่อยให้กูหลังและเสี่ยวหม่าออกไป

ขณะที่กูหลังกำลังเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ข้อความก็ส่งเสียงขึ้น

หลังจากกูหลังเสี่ยวหม่าออกไป เฉินตงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดดูข้อความ

เมื่อดูม่านตาของเขาก็หดลงทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

ความโกรธระเบิดออกมา

ข้อความที่หลินเสว่เอ๋อส่งมานั้น แทงทะลุหัวใจของเขาราวกับมีดคม

พรึ่บ!

ปัง

เฉินตงตบลงบนโต๊ะทำงาน

เสียงดังทำให้พนักงานที่อยู่นอกสำนักงานมองอย่างหวาดผวา

เกิดอะไรขึ้น?

เฉินตงเหมือนดั่งแม่น้ำที่สงบมาโดยตลอดในใจของพนักงานทุกคน

ตั้งแต่เป็นรองประธานจนถึงตอนนี้ที่มาดูแลไท่ติง เขาไม่เคยเสียการควบคุมเช่นนี้!

แม้ว่าไท่ติงจะถูกเล่นงานเกือบจะบอกได้ว่าไท่ติงกำลังล้มละลาย เฉินตงยังไม่ได้โกรธขนาดนี้!

ภายในห้องทำงาน

เฉินตงนั่งเงียบ ๆ บนเก้าอี้ กำหมัดทั้งสองข้างเสียงดัง

เขากัดฟันและกลอกตาด้วยความโกรธ

ในขณะนี้เขาเหมือนสัตว์ที่ดุร้ายและกระหายเลือดอยากที่จะหาใครสักคนมากิน

“หลินเสว่เอ๋อ เธอกำลัง…ดึงเกล็ดของฉันอยู่!”

เกล็ดของมังกรหากได้สัมผัสมีแต่ต้องตาย!

กู้ชิงหยิ่งอยู่กับเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เธอบินกลับมาโดยไม่ลังเลเพื่อมาหาเขา

แม้ว่าเขาจะมีท่านหลงคอยช่วยเหลือและเว้นทางที่ผ่านมาถือว่าราบรื่นดี แต่กู้ชิงหยิ่งก็อยู่เคียงข้างเขามอบความอบอุ่นและกำลังใจให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ในใจของเขา กู้ชิงหยิ่งอยู่ในระดับเดียวกับแม่ของเขา!

แต่ตอนนี้…………. หลินเสว่เอ๋อต้องการแยกพวกเขาออกจากกัน

โทรศัพท์ดัง

มันมาจากกู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงมองไปที่หมายเลข หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับว่ามันกำลังจะกระโดดออกจากอก

เขาไม่เคยลุกลี้ลุกลนขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่มือขวาของเขาก็อดที่จะสั่นไม่ได้

ด้วยสัมผัสเบา ๆ

โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อแล้ว

เขาเป็นคนเริ่มพูดก่อน “เสี่ยวเห้า ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยว”

“ไม่ต้องหรอกเฉินตง”

เสียงในโทรศัพท์ที่เฉยเมยและอ่อนแอของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้หัวใจของเฉินตงตกลงไปในเหวในทันที

หลังจากนั้นเสียงของกู้ชิงหยิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เฉินตง…….. เย็นนี้พวกเราเจอกันหน่อยเถอะ ตอนนี้นายอย่าเพิ่งมา เราทั้งสองต้องการพื้นที่ว่างสักหน่อย”

ปึง!

และเธอก็วางสาย

หัวใจของเฉินตงกระตุกอย่างรุนแรง

หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กดโทรหาหลินเสว่เอ๋อ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวเธอก็รับ

เฉินตงส่งเสียงคำรามแห้ง “หลินเสว่เอ๋อเธอกำลังเล่นกับไฟ!”

“ในที่สุดนายก็คิดจะมาพบฉัน?”

เสียงของหลินเสว่เอ๋อดูภูมิใจเล็กน้อย “เฉินตงนายบังคับฉันเอง! นายรู้ว่าฉันชอบนาย นายจงใจทำฉัน ในคืนนั้นฉันให้ตัวเองกับนาย นายยังทำตัวเย็นชากับฉัน และกลับไปแสดงความรักกับกู้ชิงหยิ่ง นายเห็นฉันเป็นตัวอะไร”

“ผู้หญิงตอแหล!”

เฉินตงตอบกับด้วยความโกรธพูดออกไปโดยไม่ลังเล

เมื่อพูดออกไป

ก็เกิดความเงียบที่ปลายสาย

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที

“อะไรนะ!”

หลินเสว่เอ๋อกรีดร้องทันที

หลังจากนั้นเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้น “เฉินตงฉันไม่ยอมให้นายดูถูกฉัน ฉันชอบนายมาก ทำไมนายดูถูกฉันขนาดนั้น?”

เสียงร้องที่เสียดแทงหัวใจราวกับว่าเธอเป็นเหยื่อจริง ๆ

ดวงตาของเฉินตงน่ากลัวขึ้นมา เขายิ้มอย่างดูถูก

ด้านหนึ่งทำตัวสุภาพเรียบร้อย เอาหวางเห้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือก

อีกด้านก็ยั่วยวนผู้จัดการธนาคาร

นี่ตอแหลไม่พอเหรอ?

เฉินตงพูดอย่างเย็นชา “สิ่งที่เธอต้องจ่าย หวังว่าจะไม่เสียใจที่หลัง!”

หลังจากวางสายโทรศัพท์

เฉินตงโทรไปที่ธนาคารโดยตรง

เนื่องจากหลินเสว่เอ๋อกำลังจะดึงเกล็ดของเขาออกมา

ถ้าอย่างนั้นจะโทษเขาไม่ได้ สำหรับความโหดเหี้ยมเลือดเย็นนี้!

ในเวลาเดียวกัน

ในร้านกาแฟด้านนอกบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

หลินเสว่เอ๋อโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาและนอนลงกับโต๊ะ

เสียงร้องไห้ทำให้สายตาประหลาดใจจากผู้คนบริเวณรอบมองมา แต่กลับไม่มีใครเดินเข้ามา

ทำไม?

ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้?

ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า?

หลินเสว่เอ๋อรู้สึกผิดอย่างมาก ร่างกายที่บอบบางของเธอกำลังสั่นสะท้าน น้ำตาไหลริน

ฉันไล่ตามสิ่งที่ฉันต้องการ มันผิดหรือไงกัน?

คนอย่างฉันแค่ยืนมือออกไปจับก็ได้คนมามากมาย ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้?

ฉันมอบร่างกายของฉันให้นายแล้ว ทำไมนายไม่ทะนุถนอมมันเลยล่ะ

คำถามที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองถูกพูดขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียงร้องของหลินเสว่เอ๋อ

สิ่งนี้ทำให้คนรอบข้างฟังด้วยความเห็นใจ ส่ายหัวและถอนหายใจ

“โอ้……….เป็นผู้หญิงดี ๆ ทำไมถึงถูกทรมานจากความรักแบบนี้?”

“บนโลกนี้ ผู้ชายเลว ๆ สมควรตาย!”

“สาวน้อยที่น่าสงสาร”

เมื่อฟังความเห็นอกเห็นใจจากคนในร้านกาแฟ หลินเสว่เอ๋อยิ่งร้องไห้เสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิบนาทีต่อมา

โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น

หลินเสว่เอ๋อกลั้นน้ำตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่หมายเลขผ่านม่านน้ำตาในดวงตาของเธอ

เป็นผู้จัดการธนาคารที่เธอทำงานให้

เธอหายใจเข้าลึก ๆ และเช็ดน้ำตาออกจากมุมตา

หลินเสว่เอ๋อบังคับตัวเองให้รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ผู้จัดการ”

“หลินเสว่เอ๋อ คุณถูกไล่ออกจากธนาคารแล้ว”

ผู้จัดการธนาคารบอกว่าหลินเสว่เอ๋อว่าเธอถูกไล่ออกฟ้าผ่า ก่อนที่เธอจะได้พูดผู้จัดการก็พูดอย่างเย็นชาอีกครั้ง “ฉันให้คนเอาข้าวของส่วนตัวของเธอไปทิ้งแล้ว ฉันจะชดเชยให้เธอตามความเหมาะสมและโอนเข้าบัญชีของเธอในที่หลัง”

ติ๊ด!

เขาวางสาย

หลินเสว่เอ๋อตกตะลึงและน้ำตาที่เธอเพิ่งเช็ดออกก็ไหลลงมาอีกครั้งที่มุมตาของเธอ

“ทำไมนาย…ไร้ความรู้สึกขนาดนี้ นายอยากจะฆ่าฉันเหรอ?”

ความโกรธ ไม่เต็มใจ ไม่พอใจอารมณ์ทุกอย่างผสมกันทำให้หลินเสว่เอ๋อโกรธ

เธอวางเงินหนึ่งร้อยไว้และเดินออกไปข้างนอกร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว

เธอจะไปหาเฉินตง!

จากความสัมพันธ์ของเธอกับผู้จัดการธนาคาร คนที่สามารถทำให้ผู้จัดการธนาคารไล่เธอออกไปอย่างไม่ไยดีนอกจากเฉินตงแล้วเธอยังนึกถึงใครไม่ได้ออกแล้ว!

เพียงบัตรธนาคารชงโคก็เพียงพอสำหรับการที่ผู้จัดการธนาคารที่จะเพิกเฉยต่อกฎทั้งหมด!

ในตอนที่เธอเดินออกจากร้านกาแฟ

รถบิวอิคก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

ประตูเปิดออก

กูหลังโผล่หัวออกมาจากรถ รอยแผลเป็นบนใบหน้าทำให้หลินเสว่เอ๋อกำหมัดแน่นด้วยความตกใจและถอยหลังไปสองก้าว

กูหลังพูดอย่างใจเย็น “โจวเย่นชิว เจ้านายของเราต้องการพบคุณ”

ท่าทางของหลินเสว่เอ๋อช้าลงเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างหยิ่งผยอง “โอเค ฉันกำลังอยากเจอเขาเหมือนกัน”

หลังจากขึ้นรถแล้ว รถบิวอิคก็ขับรถออกไป

บริษัทไท่ติง

วางสายจากผู้จัดการธนาคาร

ใบหน้าของเฉินตงยังคงปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง “หลินเสว่เอ๋อ เธอคิดว่าเธอจัดการฉันได้ แต่เธอไม่รู้แล้ว ว่าเธอแพ้ตั้งแต่แรก!”

โทรศัพท์ดัง

มันมาจากกูหลัง

“คุณเฉิน รับคนมาแล้ว”

ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของหลินเสว่เอ๋อดังขึ้นมาพร้อมเสียงโทรศัพท์ของกูหลัง

“เฉินตง……..ฉันอยากเจอนาย ฉันอยากเจอนายเดี๋ยวนี้!”

เฉินตงไม่สนใจแต่พูดกับกูหลังต่อ “พาเธอไปที่โรงแรมก่อน แล้วบอกเธอว่าฉันจะไปพบเธอหลังจากเลิกงานในตอนเย็น!”

หลังจากวางสาย

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา “หลินเสว่เอ๋อ ครั้งนี้เธอได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เธอคิดว่าเพราะการมีอยู่ของเธอ เธอสามารถแยกเสี่ยวเห้ากับฉันได้หรือไง?”

บทที่ 83 เฉินตงเป็นนายที่บังคับฉัน!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หลังจากที่เฉินตงออกกำลังกายเสร็จแล้ว เขาก็รีบเข้าบริษัท

กูหลังรออยู่หน้าประตูบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงขอให้เสี่ยวหม่าหาตำแหน่งให้กับกูหลัง ส่วนปัญหาเรื่องข้อมูลของเขาก็ให้เขาช่วยกูหลังจัดการมันด้วย

กูหลังไม่สนใจตำแหน่งที่เขาได้รับ อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการติดตามเฉินตง และสิ่งที่เขาทำนั้นไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง กูหลังก็พูดกับเสี่ยวหม่าว่า หรือไม่ไปเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่ะ?

เสี่ยวหม่าลังเลนิดนึงและพยักหน้าเห็นด้วย

อย่างไรก็ตามเฉินตงเป็นคนแนะนำเขาเป็นการส่วนตัว ยังไงเขาก็ต้องมอบตำแหน่งหัวหน้าให้กับกูหลัง

ด้วยยอดขายที่ร้อนแรงของหลงถิงฮัวหยวน ต่อจากนี้ก็เหลือแค่การเปิดจองอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก

เรื่องนี่ลดความกดดันในเฉินตงไปได้มาก

ต่อจากนี้ก็ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ การวางขายล่วงหน้าก็จะค่อย ๆ สำเร็จไปทีละขั้น เงินที่ได้กลับมาก็เพียงพอที่จะทำให้ไท่ติงก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ในครั้งเดียว

และในขณะที่กำลังยุ่ง ๆ อยู่เขาก็ได้รับข้อความหนึ่ง

จากหลินเสว่เอ๋อ

เป็นข้อความธรรมดา

“ฉันอยากเจอคุณ!”

เฉินตงส่ายหัวและไม่สนใจมัน

แต่สิบนาทีต่อมาหลินเสว่เอ๋อก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง

เนื้อหาในครั้งนี้ค่อนข้างคุกคามอย่างเห็นได้ชัด

“เฉินตง! ฉันรู้ว่านายอยู่กับกู้ชิงหยิ่ง ข่าวขายหลงถิงฮัวหยวนฉันก็เห็นแล้ว ถ้านายไม่มาเจอฉัน ฉันจะเอาเรื่องของพวกเราที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปบอกกับกู้ชิงหยิ่ง”

การข่มขู่ที่ไม่สนใจสิ่งใด!

แต่กลับทำให้เฉินตงหัวเราะขึ้นมา

พี่ชายและน้องสาวคู่นี้ยังเอาไปไม่มากพอหรือไง!

ยังจะเอาอะไรอีก!

ก่อนที่เขาจะตอบกลับข้อความของหลินเสว่เอ๋อ เสี่ยวหม่าก็รีบเข้ามาในห้องทำงาน

“พี่ตง มีคนกำลังก่อเรื่องอยู่ข้างล่าง!”

“ใคร?” เฉินตงขมวดคิ้ว

เสี่ยวหม่าดูแปลก ๆ และพูดอย่างตะกุกตะกัก “คือ คือพี่เขยของคุณ โอ้ ไม่ใช่ อดีตพี่เขยของคุณ”

หวางเห้า?

เฉินตงขมวดคิ้วแน่นขึ้น หัวใจของเขาก็รู้สึกมืดลง

ตระกูลหวาง………..ยังจะไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?

เขาและตระกูลหวางตัดขาดกันไปนานแล้ว

และเขามั่นใจว่าการกระทำของเขาที่แสดงออกต่อคนของตระกูลหวางนั้นชัดเจนทุกครั้ง

แต่เรื่องนี้กับเป็นอีกปัญหาหนึ่งทำให้เขารำคาญจริง ๆ

เฉินตงหลับตาจับจมูกของเขา เฉินตงพูด “เรื่องนี้ปล่อยให้กูหลังจัดการเถอะ”

เสี่ยวหม่าพยักหน้า หันหลังและออกไป

ชั้นล่างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ในความเป็นจริงด้วยกำลังของไท่ติง มันยังคงไม่พอถึงขั้นจะมีสำนักงานเป็นของตัวเองเพียงคนเดียว

เพราะแบบนี้จึงทำให้ตึกหนึ่งมีหลายบริษัทอาศัยอยู่

และขณะนี้ก็มีการพูดคุยกันหนาแน่นบริเวณหน้าประตูตึก

ผู้คนต่างเฝ้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับเสียงซุบซิบนินทาของพวกเขา

“แกขว้างฉัน? แกมีสิทธิ์อะไรมาขว้างฉัน ฉันเป็นพี่เขยของเฉินตง พวกนายไอ้พวกสุนัขกล้าขว้างฉันหรือไง?”

หวางเห้าหน้าดำหน้าแดง ตะโกนด้วยความโกรธ

ท่าทางโอหังแบบนั้นกับท่าทางของจาวซิ่วจือที่โวยวายอยู่หน้าประตูเขตวิลล่าเขาเทียนซาน พูดง่าย ๆ มันเหมือนกันอย่างกับแกะ

กูหลังในชุดรักษาความปลอดภัยขมวดคิ้วและจ้องไปที่หวางเห้าที่กำลังโวยวาย

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจัดการในทันที

แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขาอยากได้ตัวตนและอยากติดตามเฉินตงต่อไป เขาไม่สามารถเอาเกมมวยใต้ดินไปใช้ได้

ไม่มีคำพูดใดมีเพียงความอดกลั้นและรอคอย

เมื่อเห็นว่ากูหลังไม่ขยับ หวางเห้าก็คิดว่าเขาถือไพ่เหนือกว่า เขายืดอกคิดที่จะเดินไปข้างหน้า

กูหลังและอีกหลายคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและขว้างหวางเห้าอีกครั้ง

“ทำไมพวกแกยังกล้าขว้างฉัน”

หวางเห้าโกรธมากชกไปที่อกของกูหลัง

กูหลังร้องและเซถอยหลังไปสองก้าว

“พี่หลัง!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนรีบวิ่งมาช่วยทันที

แม้ว่ากูหลังจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าโดยไม่มีที่มาที่ไป แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รู้ดีว่ากูหลังได้รับการแต่งตั้งจากประธานเฉิน เรื่องนี้ก็ไม่มีข้อเรียกร้องใด ๆ

หมัดนี้ ทำให้ความโกรธของเขาลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที

ผู้คนที่มุงดูต่างร้องออกมาพร้อมกัน

“คน ๆ นี้ทำเกินไปแล้ว คิดว่าเป็นบ้านของเขาหรือไง?”

“เฮ้ นายไม่ฟังเขาเหรอไง เขาเป็นพี่เขยของประธานเฉินเจ้าของไท่ติงนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ………ฉันคงเมาไปแล้ว เรื่องการหย่าร้างของประธานเฉินเป็นเขารู้กันไปทั่วเมือง ข่าวการจองหลงถิงฮัวหยวนพร้อมพูดถึงแฟนคนใหม่ พวกตระกูลหวางคงขายหน้าหมดแล้ว ตระกูลหวางนี่ช่างหน้าไม่อายเลย ยังกล้ามาทำให้ตัวเองขายหน้าที่นี่อีก”

“อย่าให้พูดข่าวคืนนั้นฉันก็ดู ตระกูลหวางหน้าด้านเหลือเกิน เด็กนั้นดูแล้วก็น่าจะยี่สิบต้น ๆ เอง ช่างเป็นคนที่มุ่งมั่นจริง!”

…………………

เมื่อฟังคนรอบข้างซุบซิบกัน

หน้าของหวางเห้าแดงขึ้นร่างกายของเขาก็ร้อนผ่าว

เขาไม่อยากถูกคนรุมชี้อีกต่อไป เขาทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่กูหลังและด่า “นายอย่าคิดว่าดูโหดแล้วจะขว้างฉันได้ รีบไสหัวไปจากตรงนี้ไม่งั้นฉันจะจัดการแก!”

กูหลังหรี่ตาลงและแสงดุร้ายก็ปรากฏขึ้นมา

เพียงแค่นั้น

เสี่ยวหม่าวิ่งมาอย่างเร่งรีบ และหยุดอยู่ข้างหลังกูหลังและกระซิบ “คุณจัดการเองได้เลย!”

“เข้าใจแล้ว!”

กูหลังหัวเราะเยาะที่มุมปาก

จากนั้น

เขาก้าวไปข้างหน้า

“แกจะทำอะไร” หวางเห้าเริ่มตื่นตระหนก

“จัดการแก!”

ไม่ต้องพูดอะไรมาก

กูหลังก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง จับไหล่ของหวางเห้าแล้วเหวี่ยงหวางเห้าลงกับพื้น

น้ำเสียงเย็นชาทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นอึ้งไป

“ถ้านายยังไม่ไป ฉันจะจัดการแก!”

“แกคิดว่าฉันกลัวเหรอ”

หวางเห้าอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างมาก พยายามที่จะลุกขึ้น

กูหลังยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับแสงที่โหดเหี้ยมในดวงตาของเขา “จะลองดูไหมล่ะ?”

หวางเห้าแสดงสีหน้าเจ็บปวดและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันแน่น “ได้ แก แกรอฉันก่อน ฉันเป็นพี่เขยของเฉินตง ฉันบอกว่าฉันอยากเจอเขา ครั้งนี้ไม่ได้เจอ คราวหน้าจะต้องได้เจอเขาแน่นอน ถึงตอนนั้นแกเสร็จแน่!”

เขามองไปที่หวางเห้าที่หันและเดินจากไป

เสียงหัวเราะดังออกมาจากกลุ่มคน

กูหลังส่ายหัวและหันเดินไปที่อาคาร

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนตกใจกับการกระทำของกูหลังเมื่อกี้ ก่อนที่จะรีบเดินตามออกไป สายตาที่มองกูหลังก็ดูเคราพนับถือขึ้นไม่น้อย

ในเวลาเดียวกัน

ชั้นล่างบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่

หลินเสว่เอ๋อสวมกระโปรงสีขาวเดินลงจากรถแท็กซี่

เธอมองไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ จากนั้นก็มองลงไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอ

เธอดูลังเลเล็กน้อย บนหน้าจอมีข้อความของเธอที่คุยกับเฉินตง

ท้ายที่สุด

“นายมันคนไร้ความรู้สึกจริงหรือไง?” หลินเสว่เอ๋อกัดริมฝีปากแดงของเธอแน่น ดวงตาที่สวยงามของเธอแดงก่ำและน้ำตาไหล “เฉินตง ฉันมอบทั้งตัวให้กับนาย นายยังไม่สนใจฉัน ฉันไม่เต็มใจที่จะทำแต่เป็นนายบังคับฉัน ถ้านายไม่มาเจอฉัน ฉันจะบอกเรื่องทั้งหมดกับกู้ชิงหยิ่ง!”

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ความคับข้องใจในอกก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ดวงตาของหลินเสว่เอ๋อหนักแน่น เดินไปยังบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อย่างรวดเร็ว

“เฉินตง ฉันให้โอกาสนาย แต่นายไม่เห็นค่ามัน!”

“ฉันหลินเสว่เอ๋อ จะไม่ยอมให้นายหลอกกินฟรีหรอกนะ!”

“ถ้านายไม่ให้คำอธิบายกับฉัน ก็ไปอธิบายให้กับกู้ชิงหยิ่งแล้วกัน!”

ข้อความถูกส่งไปที่เฉินตงอย่างรวดเร็วพร้อมกับหลินเสว่เอ๋อที่เดินไปข้างหน้า

เธอเดินไปที่หน้าประตูตึกก็ยังไม่มีข้อความส่งกลับมา

สิ่งนี้ทำให้หลินเสว่เอ๋อหมดหวังอีก

เธอพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตู “สวัสดี ฉันอยากพบประธานกู้ของบริษัทพวกคุณ ประธานเฉินของไท่ติงให้ฉันมา!”

บทที่ 82 คนตระกูลหวางที่ไม่ยอมแพ้

ช่วงเวลาหนึ่งวันผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ

ถึงจะเป็นเฉินตงก็ต้องรู้สึกเพลีย

เมื่อนั่งอยู่บนรถของกูหลังไม่นานเขาก็หลับไป

เมื่อรถมาถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน กูหลังก็ปลุกเฉินตงขึ้นมา

กลับมาถึงบ้าน

แม่ยังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นเฉินตงกลับมา

หลี่หลานเดินเข้ามาบ่นและหยิบเสื้อสูทในมือของเฉินตง “แต่ละวันทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ ไม่รักตัวเองหรือไง”

“นี่ไม่ใช่เพราะงานยุ่งหรือไง?” เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้มพลางลูบท้อง “แม่มีข้าวเย็นที่ฟ่านลู่ทำให้แม่กินอีกไหม ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย”

“ไม่มีแล้ว แม่จะทำบะหมี่มะเขือเทศไข่ให้ลูกกิน”

หลี่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม

เฉินตงไม่ได้ห้าม ตั้งแต่เด็กเขาชอบกินบะหมี่มะเขือเทศไข่ที่แม่ของเขาทำมากที่สุด

ตั้งแต่แม่ป่วยหนัก นี้ก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้กิน

งานพวกนี้จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่

เฉินตงพับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับแม่ของเขา

“ลูกเข้ามาทำไม? ออกไปพักดื่มน้ำ ที่นี่ให้แม่จัดการเอง” หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงทำงานเหนื่อย

เฉินตงยิ้มและพูดว่า “แม่ไม่เป็นไรผมจะทำอาหารกับแม่ ผมไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว”

หลี่หลานยิ้มและชี้ไปที่กระเทียมข้าง ๆ เขา “งั้นช่วยหยิบกระเทียมมาหน่อย”

“ได้ครับ” เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม

“ยังไงก็ตาม ลูกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวลู่เด็กคนนั้นไหม? เด็กนั้นเมื่อวานกลับมาทำอาหารให้แม่กินรอจนแม่กินเสร็จ เธอก็รีบหยิบกระติกน้ำร้อนและออกไป แล้วยังมีคุนหลุนอีกคน? เด็กทั้งสองต่างก็ไม่อยู่ แม่อยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวแม้แต่คนจะคุยด้วยยังไม่มี”

หลี่หลานถามเฉินตงในขณะที่กำลังยุ่งอยู่

เฉินตงไม่อยากให้แม่ของเขากังวล จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “คงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาที่ต้องไปจัดการมั่ง”

หลี่หลานพยักหน้าเลิกคิ้วทันทีและมองไปที่เฉินตงอย่างมีเลศนัย “เสี่ยวตง ลูกคิดว่าคุนหลุนและเสี่ยวลู่จะตกหลุมรักกันหรือเปล่า?”

เฉินตงหายใจไม่ออก

ความคิดของแม่เขาโหดเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า?

หรือ…นี่เป็นปัญหาทั่วไปของคนวัยกลางคน?

เมื่อเห็นดวงตาของหลี่หลานที่เปล่งประกายเฉินตงก็ยิ้มอย่างเชื่องช้า “แม่หยุดพูดถึงพวกเขากันเถอะ ถ้าพวกเขากำลังจะคบกันก็เป็นเรื่องของพวกเขา”

หลี่หลานพูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าพวกเขาสนใจกันจริง ๆ แม่ก็จะเป็นแม่สื่อช่วยพูดให้ ถ้าพวกเขาคบกันได้ก็จะดีมาก”

“แม่…………ผมหิว” เฉินตงพูดด้วยความเสียใจพร้อมกับรอยบนหน้าผากของเขา

หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ต่อ เธอจึงกลอกตาและยุ่งต่อไป

และทำเพียงแค่พึมพำในปากของเธอ “ลูกไม่สนใจแต่แม่สน รอเสี่ยวลู่กลับมาแม่จะถามเสี่ยวลู่ คุนหลุนเด็กคนนั้นดูไม่ฉลาดมากนักแต่เขาก็เป็นคนดีใช้ได้“

เฉินตงเม้มปากพูดอย่างไม่เข้าใจ เขาวางกระเทียมที่สับแล้วเดินออกจากครัว

เขากลัวว่าถ้าคุยต่อแม่ของเขาจะพูดเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนและฟ่านลู่อีก

ไม่นานนักบะหมี่มะเขือเทศไข่ก็พร้อม

เฉินตงได้กลิ่นนี้นิ้วชี้ก็ขยับกินบะหมี่ชามใหญ่จนหมด

หลี่หลานเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ยิ้มและเตือนเฉินตงให้กินช้า ๆ

เธอไม่คิดที่จะบอกเรื่องเมื่อเช้าเกี่ยวกับจาวซิ่วจือและหวางเต๋อให้เฉินตงฟัง

เธอเป็นแม่ที่รักลูกชาย เธอไม่อยากให้เฉินตงกังวลและเหนื่อยมากขึ้น

…………………………

ตระกูลหวาง

ในเวลานี้มีเสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้น

หวางเต๋อนั่งลงบนโซฟาและมองไปที่จาวซิ่วจือที่ซ่อนใบหน้าร้องไห้ของเธอ

ตั้งแต่เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขตวิลล่าเขาเทียนซานไล่กลับลงมา จาวซิ่วจือก็ร้องไห้ตั้งแต่เช้าจนเย็น

หวางเต๋อไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ร้องไห้พอหรือยัง? ฉันเตือนเธอแล้วเป็นเธอเองที่ไม่ฟัง อยากจะสร้างปัญหา”

เพี้ยะ!

จาวซิ่วจือใช้ฝ่ามือตบหวางเต๋อ

“คุณมันก็ไร้ค่า วันนี้ฉันต้องขายหน้าขนาดนี้ โดนทำร้ายขนาดนี้ คุณไม่คิดจะออกหน้ารับแทนฉัน?”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของจาวซิ่วจือ หวางเต๋อทำได้เพียงถอนหายใจและไม่กล้าโต้แย้ง

ยิ่งหวางเต๋อถอยห่างมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้จาวซิ่วจือเกลียดมากเท่านั้น

เพียงแค่นั้น

เมื่อหวางเห้ากลับมาเห็นจาวซิ่วจือร้องไห้ สีหน้าของหวางเห้าก็เปลี่ยนไปทันที

“แม่เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อเห็นหวางเห้า จาวซิ่วจือยิ่งร้องไห้หนักขึ้นทันที

“โถ่วลูก เสี่ยวเห้าลูกกลับมาแล้ว พ่อกับแม่ถูกทำร้าย……………..”

เปรี้ยง!

หวางเห้าเหมือนถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้นเขาโกรธขึ้นมา “ใคร ใครมันทำกัน? ผมจะไปจักการพวกมัน!”

ท่าทางของหวางเห้า ทำให้จาวซิ่วจือเหมือนจะเจอคนที่เข้าข้างเธอ

เธอร้องไห้ไปและพูดไปด้วย “วันนี้พ่อกับแม่ไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน…………….”

“เฉินตง? ไอ้บ้านั้น แม่ ผมจะไปหามันเดี๋ยวนี้!”

สีหน้าของหวางเห้าดูโหดเหี้ยม หันหลังกลับต้องการที่จะออกไป

“กลับมา!”

หวางเต๋อเรียกหวางเห้าและพูดว่า “ไม่ใช่เฉินตง เป็นแม่ของลูกและพ่อที่แม้แต่เขตวิลล่ายังเข้าไปไม่ถึงด้วยซ้ำก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ออกมาแล้ว”

หวางเห้านิ่งไป

เขากัดฟันพูด “พ่อแม่จะไปไหนทำไมไม่เรียกผมไปด้วย? ถ้าผมอยู่ด้วยพวกมันไม่กล้าไล่พ่อแม่ออกไปแน่นอน”

เรื่องนี้เฉินตงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะไปโทษใครได้ ความโกรธที่ลุกขึ้นมาก็ไม่มีที่ลง

เขานั่งซึมบนโซฟา

จาวซิ่วจือยังคงร้องไห้และพูดว่า “แม่จะรู้ได้ไงว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นจะกล้าทำร้ายกันแบบนี้”

ขณะที่พูดจาวซิ่วจือก็ทุบอกและกระแทกเท้าของเธอ “ทำไมชีวิตฉันถึงรันทดเช่นนี้ ลูกสาวของฉันก็ไร้ประโยชน์ สามีก็เช่นกัน ตอนนี้ลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงาน ฉันแม้แต่เงินหมั้นของลูกชายก็ยังไม่มี…………….”

หวางเต๋อหน้าแดง เขาก้มศีรษะไม่พูดอะไร

เมื่อหวางเห้าได้ยินถึงเรื่องเงินหมั้น เขาก็ชะงักไป

เขามองไปที่จาวซิ่วจือด้วยความเศร้าใจ “แม่ ผม…ผมจะได้แต่งงานกับเสว่เอ๋อได้เมื่อไหร่กัน?”

“โอ้…พระเจ้า!” จาวซิ่วจือถูกถามแบบนี้ราวกับว่ามีมีดแทงอยู่ในหัวใจของเธอและเธอก็ร้องไห้อีกครั้ง

หวางเห้ามองด้วยความงง

เขาต้องการแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น!

แต่ตอนนี้ครอบครัวเขาไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้น

หลินเสว่เอ๋อยังคงส่งมาเตือนเขาอีก………..

เขากัดฟันแน่น สีหน้าของหวางเห้าแข็งกร้าวขึ้น “แม่ หรือว่า…ผมจะไปหาเฉินตงพรุ่งนี้ ผมรู้ว่าบริษัทของเขาอยู่ที่ไหน ถ้าเราเอาพี่เขยกลับมาได้ อนาคตครอบครัวของเราจะดีขึ้น”

“ใช่แล้วๆ ไปที่บริษัทของเขา!” จาวซิ่วจือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ

“มันไม่น่าขายหน้าไปเหรอ?” หวางเต๋ออดไม่ได้ที่จะพูด

“ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!”

จาวซิ่วจือเตะเข้าที่น่องของหวางเต๋อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มและพูดกับหวางเห้า “เสี่ยวเห้า ลูกจำไว้ พรุ่งนี้ตอนไปถึงบริษัทของพี่เขย ลูกต้องใส่ใจเรื่องน้ำเสียงของลูก พูดกับพี่เขยเขาดี ๆ อย่าลืมที่จะขอโทษ อย่าทำให้พี่เขยลูกโกรธเป็นอันขาด”

“แม่ไม่ต้องกังวล” หวางเห้าพยักหน้า นี่มันสำคัญและเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะทำพลาด

“เด็กดี เสี่ยวเห้า ลูกเป็นเด็กดีของแม่จริง ๆ”

จาวซิ่วจือยิ้มอย่างมีความสุข “พี่สาวของลูกไม่คิดจะต่อสู้ พี่เขยที่สูงส่งแบบนี้ยังจะทำเขาหลุดมือไปได้ ตอนนี้ในบ้านก็มีแต่ลูกที่รู้เรื่อง พรุ่งนี้ลูกต้องพยายามเอาพี่เขยของลูกกลับมา”

บทที่ 81 เดิมพัน!

“จ่าย ฉันจะจ่าย…ปล่อยมือรีบปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ………………”

โจวจุนหลงตัวสั่นไปหมด เหงื่อไหลออกเหมือนฝนที่ตกลงมาและตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด

เขารู้สึกกลัวจริง ๆ

ความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดของเฉินตงทำให้เขาตื่นตระหนกและกลัว

เขาไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าเขายังปากแข็งต่อไป เฉินตงจะทำอะไรที่น่ากลัวกว่านี้บ้าง

นี่มันบ้าจริง!

“นายจ่ายมาตั้งแต่แรก เรื่องอะไรแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ?” เฉินตงหัวเราะ

พระเจ้า!

มีดถูกดึงออกจากต้นขาของโจวจุนหลง

โจวจุนหลงส่งเสียงน่าสงสารและร้องด้วยความเจ็บปวด “นาย นายเอามันออกมาทำไม?”

“อ่อ ถ้างั้นฉันเอากลับเขาไปใหม่ล่ะกัน”

พระเจ้า!

ร่างของโจวจุนหลงเกร็งตรงโดนไม่รู้ตัว เขาจ้องมองใบมีดที่กลับไปที่บาดแผลบนต้นขาของเขาด้วยความตกตะลึง

ภาพที่ได้เห็นทำให้ลูกน้องหลายสิบคนของโจวจุนหลงต่างตะลึง

นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทำกันหรือไง?

เฉินตงเช็ดเลือดจากมือทั้งสองข้างบนชุดของโจวจุนหลงอย่างใจเย็น

จากนั้นเขาก็พูดช้า ๆ “ประธานโจว วันนี้ฉันมาที่นี่นอกจากจะให้นายจ่ายค่าชุดสูทแล้ว อีกอย่างคือฉันจะบอกให้นายรู้ไว้ ฟ่านลู่เป็นคนของฉันอย่าให้ลูกพี่ลูกน้องของนายมาแตะต้องเธอ!”

เสียงที่เย็นชาและดูทรงพลัง

ทำให้ดวงตาของโจวจุนหลงอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว

เขาหายใจเข้าลึก ๆ ทันใดนั้นโจวจุนหลงก็หัวเราะออกมา

เดิมทีใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

แต่อยู่ดี ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา ทำให้รอยยิ้มของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้น

เฉินตงขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นม่านตาของเขาก็หดลงอย่างกะทันหัน

เขาเห็นกระบอกปืนสีดำโผล่ออกมาจากเอวของโจวจุนหลง

“ไม่ใช่ว่านายสู้ได้หรือไง? แน่จริงก็มาสิ!”

โจวจุนหลงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ปืนสีดำพุ่งตรงเข้าไปจ่อที่อกของเฉินตง “แน่มาก เด็กอย่างนายแน่มาก กล้ามาลองดีกลับฉัน แถมยังกล้ามาสู้กับฉัน? นายลองไปถามคนอื่นดู ในเมืองนี้มีใครกล้าพูดกับฉันโจวจุนหลงแบบนี้”

ป๊าบ!

ฝ่ามือหนาตบลงไปที่หน้าของเฉินตง

น้ำหนักที่แรง

ทำให้ใบหน้าของเฉินตงหันไปอีกทาง บนใบหน้ามีรอยนิ้วมือทั้งห้าเกิดขึ้นทันที

เขากัดฟันและมองกลับไปมองโจวจุนหลงอีกครั้ง

“นายไม่ใช่สู้ได้หรือไง? มาลองดูว่าฝีมือนายหรือปืนของฉันจะเร็วกว่ากัน!” โจวจุนหลงดูโหดเหี้ยม เขาอดไม่ได้ที่อยากจะฝังกระสุนเข้าไปที่อกของเฉินตง

ทันใดนั้นเฉินตงก็ยิ้มออกมา “คนที่ฉันเกลียดที่สุดในโลก ถือปืนจ่อหัวฉันอยู่!”

“โอ้? ถ้าอย่างนั้นนายก็สู้สิ!”

โจวจุนหลงเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว “จะตายอยู่แล้วยังปากแข็ง?”

น้ำเสียงไม่มีตก

ทันใดนั้นเฉินตงก็ยกมือขึ้นคว้าปืนและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

“งั้นนายก็ยิงสิ! ถ้าวันนี้ฉันตายอยู่ที่นี่ พวกนายในนี้ก็ไม่มีใครออกจากประตูนี้ไปได้ นายคิดว่าโจวเย่นชิวเห็นถึงความสามารถของฉันหรือไงถึงได้อยู่ข้างฉัน?”

เสียงตะโกนดังก้องทั้งซานไห่เก๋อ

รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจุนหลงหุบลงทันที

เขาไม่ได้โง่

ตรงกันข้ามเขามาจนถึงจุดนี้ได้ เขาต้องฉลาดกว่าคนทั่วไป!

เขามองโจวเย่นชิวเป็นคู่ต่อสู้เพียงผู้เดียวในเมืองนี้ เขารู้ประวัติและความสามารถของโจวเย่นชิว เป็นอย่างดี

คำพูดของเฉินตงเพียงคำเดียวทำให้เขาตกใจ!

แน่นอนสำหรับโจวเย่นชิวแม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเฉินตงและสนับสนุนเขา แต่ก็จะไม่มีวันถึงขั้นทำลายบริษัทและของทุกอย่างในเมือง

ราคาเช่นนี้มันมากเกินไปแล้ว!

เมื่อเห็นโจวจุนหลงกำลังคิดอยู่ เหงื่อสองสามหยดบริเวณขมับของเฉินตงก็ค่อย ๆ ไหลลงมา

เขากัดฟันแน่นจ้องไปที่โจวจุนหลงอย่างดุเดือด

“แม้แต่ข้อมูลของฉันนายยังไม่หามาแล้วมายกปืนขึ้นมาขู่ฉัน? ฉันจะนายบอกให้นายแน่จริงก็ยิงมาเลย?”

น้ำเสียงนั้นไร้สติและแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง

โจวจุนหลงและเฉินตงจ้องมองกันและกัน ใจของพวกเขาเต้นแรง

เส้นเลือดดำที่มุมตายิ่งเด่นมากขึ้น

“นายคิดว่าฉันไม่กล้าสู้จริง ๆ เหรอ?”

เสียงกัดฟันดังก้องไปทั่วซานไห่เก๋อ

บรรยากาศดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไปแบบนั้น

เพียงแค่ตอนนั้น

ปัง!

ประตูของซานไห่เก๋อถูกเตะออก

ดึงดูดสายตาของทุกคนไปทันที

เฉินตงเห็นว่าไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นกูหลัง!

“คุณเฉิน!”

เมื่อเห็นภายในซานไห่เก๋อ ใบหน้าของกูหลังก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าในทันทีแต่พูดขู่โจวจุนหลงว่า “โจวจุนหลง โจวเย่นชิวขอให้ฉันส่งข้อความถึงนาย อย่าเป็นมดที่คิดจะโค่นต้นไม้โดยไม่ดูกำลังตัวเองจนในที่สุดต้องตาย”

ตูม!

โจวจุนหลงเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าดุร้ายของเขาเปลี่ยนเป็นสยดสยองในทันที

สิ่งที่เฉินตงพูดเมื่อกี้ทำให้เขาลังเล

เมื่อกูหลังปรากฏตัวขึ้นคำพูดนั้นเหมือนทำให้ความโกรธทั้งหมดของเขาดับลงอย่างสมบูรณ์ด้วยน้ำเย็น

พระเจ้า……..ดันไปแตะเข้ากลับเหล็กแข็งแล้วจริง ๆ หรือไง?

ปัง!

ในตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น

ทันใดนั้นเฉินตงก็ยกมือขึ้นและดันปืนที่จ่อหน้าผากของเขาออกไป ยิ้มอย่างเย็นชา“ฉันจะออกไปจากประตูนี้เดี๋ยวนี้ ถ้านายจะยิงก็ตามสบาย!”

หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

โจวจุนหลงตกตะลึงเหงื่อท่วมตัว เขาจ้องมองอาวุธในมือดวงตาของเขาวูบลงและมืดลงในที่สุด เขาค่อย ๆ ลดปืนลง

ความนิ่งสงบของเฉินตงทำให้เขายิ่งกลัวที่จะยิงออกไป!

เขาอยู่มาถึงตอนนี้มีพร้อมทั้งเสื้อผ้าและหยกคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ที่อาจทำให้เขาเสียใจไปอีกพันปี

ด้านนอกโรงแรมไท่ซาน

กูหลังเดินตามเฉินตงไปอย่างเงียบ ๆ

ฉากในซานไห่เก๋อตอนนั้นทำให้กูหลังหน้าซีดลง หัวใจของเขาเต้นช้าลงอย่างประหลาดใจ

ท่าทางของเฉินตงนิ่งสงบอย่างน่าประหลาด ซึ่งกูหลังไม่เคยคาดคิด

“นายมีรถไหม?”

เฉินตงถามอย่างกะทันหัน

“มี คุณเฉินเชิญทางนี้” กูหลังรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อนำทาง

หลังจากขึ้นรถแล้วกูหลังก็รีบสตาร์ทรถ

หลังจากขับรถไปได้สักพัก ก็มีเสียงหายใจหนัก ๆ ดังมาจากในรถ

เฉินตงทรุดตัวลงบนที่นั่ง ถอดเสื้อสูทออกอย่างยากลำบาก เสื้อเชิ้ตข้างในชุ่มไปด้วยเหงื่อ

จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะตัวเอง “เมื่อกี้ฉันกลัวแทบตาย”

กูหลังตกตะลึง “ฉันคิดว่าคุณเฉินแข็งแกร่งดั่งภูผาไม่หวั่นไหว่ต่อสิ่งใด”

“ถ้าเปลี่ยนเป็นนาย นายจะกลัวไม่กลัวล่ะ?”

เฉินตงพูดอย่างเป็นกันเองและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

ตอนนั้นเขากำลังเดิมพันอยู่

การพนันและเกมจิตวิทยาของโจวจุนหลง!

โชคดีที่เขาชนะพนัน!

การมาของกูหลังกับคำพูดที่พูดกับโจวเย่นชิวช่วยเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงชนะเกมจิตวิทยาได้อย่างสมบูรณ์

กูหลังขับรถอย่างเงียบ ๆ มองดูด้านหน้า

การกระทำของเฉินตงนั่นเขาคาดไม่ถึง

แต่เมื่อคิดอย่างดี ๆ แล้วท่าทางของเฉินตงในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการโต้กลับที่แท้จริง

อย่างไรก็ตามตอนนั้นในซานไห่เก๋อ “ความเยือกเย็น” ของเฉินตง ยังคงทำให้เขาประทับใจจนยากที่จะลบออก

“ยังไงก็ตาม นายถูกโจวเย่นชิวเรียกมา?”

อยู่ดี ๆ เฉินตงก็ถามออกมา

กูหลังพยักหน้า “ใช่”

เฉินตงลูบจมูกของเขาและมอง “ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นคนรวยที่ให้โอกาสคนอื่นหรือเขาเป็นเจ้านายโรงยิมมวยใต้ดิน?”

กูหลังยิ้ม “ที่จริงวันนี้ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังโรงยิมมวยใต้ดินคือประธานโจว”

“อืม”

เฉินตงไม่ได้แปลกใจมากนัก ธุรกิจของโจวเย่นชิวกว้างขว้างมาก เขาจะดูแลธุรกิจของตัวเองทั้งแบบเปิดเผยและแบบลับ ๆ มันต่างเป็นเรื่องปกติ

แต่เป็นกูหลังเต็มใจที่จะมา

มันทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง

“นายรู้ว่ามันอันตรายยังกล้ามาเหรอ?” เฉินตงถาม

กูหลังเงียบไปขณะหนึ่งและพูด “เพราะฉันต้องการติดตามคุณเฉิน”

“ฉันไม่สนเรื่องพวกนี้” เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับพึมพำกับตัวเอง “พรุ่งนี้นายมาทำงานที่ไท่ติงของฉัน จะให้ไม่ทำอะไรเลยคงไม่ได้”

เดิมทีกูหลังดูท่าทางเศร้า

แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังของเฉินตงก็ตาโตและรู้สึกดีใจมาก “ขอบคุณคุณเฉิน!”

บทที่ 80 จะกร่างทำไม?

คืนวันนั้น

แสงไฟส่องสว่างไปทั่วเมือง

เมื่อเฉินตงมาถึงโรงแรมไท่ซานก็พบว่ามีรถหรูมากมายจอดอยู่ในลานจอดรถแล้ว

เขาเดินเข้าไปในซานไห่กื๋อภายใต้การนำของพนักงานต้อนรับ

ด้านหน้าของซานไห่กื๋อมีชายร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นกันแดดสีดำยืนอยู่สองคน

เมื่อเห็นเฉินตงที่เดินเข้ามา ชายทั้งสองก็เปิดประตูซานไห่กื๋อให้เขา

เสียงดนตรีโบราณดังอยู่ข้างหูเฉินตง

เขาลูบจมูกเบาๆ แล้วยิ้มพูด “ซุ่มโจมตีทุกด้าน?”

ในซานไห่กื๋อที่กว้างใหญ่นี้ มีก้อนหิน มีน้ำ มีสายหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งซึ่งเปรียบเสมือนดินแดนแห่งสวรรค์

อากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์จางๆ

เสน่ห์แบบโบราณและสภาพแวดล้อมที่สง่างาม

หน้าโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีชายหัวโล้นวัยกลางคนในชุดสูทและแว่นดำนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าเฉยเมย

นอกจากนี้ด้านหลังของเขายังมีชายหนุ่มสองคนในชุดสูทและสวมแว่นดำยืนอยู่

ดวงตาของเฉินตงสบกับชายหัวโล้นวัยกลางคน และทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ท่านประธานโจว ดึกๆ แบบนี้ยังสวมแว่นกันแดด คุณจะมองเห็นเหรอครับ?”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกประธานเฉิน”

โจวจุนหลงถอดแว่นดำออกด้วยดวงตาโหดเหี้ยมมองไปที่เฉินตงและชี้ไปที่เก้าอี้ “นั่งสิประธานเฉิน”

เขาชี้ไปที่ตำแหน่งเก้าอี้ที่ติดกับประตู ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของคนที่มีอายุน้อยที่สุดในโต๊ะอาหาร

เฉินตงยิ้มอย่างเฉยเมย เมื่อรู้ว่ามันเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยและเป็นการซุ่มโจมตีสิบด้าน เขาจึงไม่คาดหวังที่จะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษจากโจวจุนหลง

หลังจากนั่งลงแล้ว

โจวจุนหลงยกมือขึ้นและทำท่าทางเชิญชวน “เชิญครับ”

“ได้ครับ”

เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกำลังจะคีบอาหารจานที่อยู่ตรงหน้าเขา

จู่ ๆ โต๊ะอาหารก็ถูกโจวจุนหลงหันไป

เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองโจวจุนหลง

“อ้อ ลืมไปว่าคุณกำลังจะคีบกับข้าวผมจึงหมุนมันไป”

โจวจุนหลงทำท่าเชิญชวนอีกครั้ง “เชิญเลยครับ”

โชว์อำนาจอยู่หรือ?

เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วยื่นมือออกไปคีบอาหารอีกครั้ง

ในขณะที่โจวจุนหลงกำลังจะหมุนโต๊ะอีก มือซ้ายของเฉินตงก็กดไปที่โต๊ะอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้โจวจุนหลงไม่สามารถขยับมันได้

จากนั้นภายใต้สายตาที่โกรธเกรี้ยวของโจวจุนหลง เขาคีบอาหารเข้าปากอย่างใจเย็น

เมื่อชิมอาหารบนโต๊ะแล้วเขาจึงยิ้มพูด “อาหารที่ท่านประธานโจวสั่งนั้นอร่อยจริงๆ เลยนะครับ”

ดูเหมือนเป็นคำพูดที่ชวนหัวเราะ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุและเป็นการโจมตีโจวจุนหลงอย่างดุเดือด

สีหน้าของโจวจุนหลงหมองลง จากนั้นยิ้มอย่างเย็นชา “ชอบกินก็ดีแล้วล่ะ เกรงว่าคุณจะกินอาหารจานใหญ่บนโต๊ะไม่หมดมากกว่า”

“ท่านประธานโจวยังไม่เคยลองเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าเฉินตงกินไม่หมดครับ?” เฉินตงเลิกคิ้ว

โจวจุนหลงยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วเอนหลังบนเก้าอี้

“อายุน้อยๆ แบบนี้ ไม่กลัวจะจุตายก่อนเหรอ?”

โดยที่ไม่รอช้า เขาลูบดั้งจมูกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อ

“เหมือนผมยิ่งอยู่ยิ่งใจดีนะ หลังจากต่อสู้กับโจวเย่นชิวมานานหลายปี ตอนนี้กลับร่วมโต๊ะอาหารกับอดีตลูกน้องของเขา แถมไม่พอยังถูกกดโต๊ะอาหารด้วย!”

เฉินตงกลับยิ้มและไม่สนใจ

เขาค่อยๆ หมุนโต๊ะอาหารแล้วคีบอาหารมากิน

เมื่อโจวจุนหลงเห็นภาพนี้ก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที

ตูม!

โจวจุนหลงทุบโต๊ะอาหารด้วยความแรงจนจานแก้วบนโต๊ะสั่นสะเทือน

จากนั้นพูดด้วยความโมโห “ผมโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นคนที่กวนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!”

เฉินตงวางตะเกียบลงอย่างใจเย็น จากนั้นเอนกายพิงที่เก้าอี้แล้วยักไหล่ “ท่านประธานโจวครับ ไม่มีกฎหมายห้ามใครกวนเลยนะครับ ว่าไหม?”

“เหอะๆ ……ดี ดีมาก เฉินตง นายมันแน่มาก!”

โจวจุนหลงกัดฟันยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้กับเฉินตง “กูไม่ได้อะไรกับมึง ให้มึงมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ถือเป็นบุญของมึง และที่มึงทำให้คนอย่างโจวเย่นชิวสนับสนุนมึงได้ นั่นก็เป็นความสามารถของมึงด้วยเช่นกัน แต่ที่มึงบุกไปถึงถิ่นกูแล้วหักขาน้องชายกู เรื่องนั้นมันเรื่องใหญ่!”

เขาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ถึงทุกวันนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความเหี้ยมโหดของเขาเท่านั้น

และการต่อสู้กับโจวเย่นชิวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำตามกฎเลย

อย่างน้อยในวงการอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้ คนเดียวเท่านั้นที่สามารถงัดข้อกับเขาคือโจวเย่นชิว!

แต่จู่ ๆ ก็มีเฉินตงคนนี้โผล่ออกมาและยังเข้าไปก่อเรื่องในถิ่นของเขาด้วย

นั่นมันไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปตบหน้าเขาเลย!

เรื่องแบบนี้โจวเย่นชิวยังไม่กล้าทำเลย!

แต่

ทันใดนั้น เฉินตงยกมือขวาขึ้นเพื่อหยุดโจวจุนหลง

“ประธานโจว ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องหักขาน้องชายคุณ แต่เลือดของน้องชายคุณกับลูกกระจ๊อกของเขาทำเอาเสื้อสูทผมปนเปื้อนไปชุดหนึ่ง แล้วคุณต้องชดใช้ให้ผมใช่ไหมครับ?”

เป็นน้ำเสียงที่เฉยเมย ฟังดูแล้วรู้สึกว่ากำลังพูดถึงเสื้อสูทตัวนั้นจริงๆ

โจวจุนหลงถึงกับสับสน

ไอ้หมอนี่มันจะมากเกินไปแล้ว!

หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง จู่ ๆ โจวจุนหลงก็หัวเราะขึ้นมา

แปะ ๆ ๆ ……

เขายกมือขึ้นและตบมือสามครั้ง

ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาและชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เข้ามาล้อมรอบเฉินตงไว้

และที่ทางเดินด้านนอกก็มีเสียงเท้าเดินอย่างรวดเร็วดังขึ้น

จากนั้นชายหนุ่มร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นดำเดินเข้ามาในห้องมากกว่าสิบคน

เขากะจะเอาให้ตาย!

บรรยากาศในห้องดูเหมือนจะเยือกเย็นลง

โจวจุนหลงยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดกับเฉินตงว่า “กูจะหักขามึงก่อน จากนั้นค่อยจ่ายค่าชุดสูทให้มึงสองชุด!”

“เอาสิ๊”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา แสงวาบเกิดขึ้นในดวงตาของเขา

ในเวลาเดียวกัน เขารีบลุกขึ้นแล้วหยิบจานบนโต๊ะมาสองใบและทุบไปที่ชายสองคนที่ยืนใกล้เขาที่สุด

จากนั้นคว้าเก้าอี้แล้วกวาดไปรอบๆ เพื่อทำให้ทุกคนต้องถอยห่างไป

“แมร่งเอ๊ย ไม่แปลกเลยที่จัดการโจวเห้าได้ ที่แท้มีของนี่เอง!”

โจวจุนหลงรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ จากนั้นหยิบซิการ์ของเขาออกมาและจุดไฟ ในขณะที่พ่นควันออกมาจากปากเขาก็พูดขึ้นว่า “ภายในซิการ์ครึ่งม้วนนี้ ผมต้องการเห็นไอ้หมอนี่นอนอยู่ที่พื้นและเหลือขาเพียงข้างเดียว!”

การพูดท่าทางที่เต็มไปด้วยสไตล์ของเจ้าพ่อ

แต่ทันทีที่พูดจบ

สีหน้าของโจวจุนหลงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เฉินตงเหวี่ยงเก้าอี้ไปรอบๆ เพื่อให้ลูกน้องของศัตรูถอยห่างออกไป ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะและพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุงหลงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

“เชี่ย! หยุดมันไว้!”

สีหน้าโจวจุนหลงเปลี่ยนไปทันที เขารีบโยนซิการ์ในมือทิ้งแล้วลุกขึ้นและถอยหลังไป

เนื่องจากเป็นเหตุที่ไม่คาดคิดจึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

ทุกคนต่างพยายามหยุดเฉินตง แต่ความเร็วของเขาไม่มีใครเทียบได้ ในพริบตาเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าโจวจุนหลงแล้ว

ตึบ!

เท้าลอยอยู่กลางอากาศและเตะเข้าไปที่กลางอกของโจวจุนหลงด้วยความแรง

หลังจากที่ร่วงลงกับพื้น เฉินตงหันกลับไปคว้ามีดสั้นบนโต๊ะที่เอาไว้แกะปูแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุนหลงอีกครั้ง

สึบ!

มีดสั้นเสียบเข้าไปที่ต้นขาของโจวจุนหลงและมีเลือดพุ่งออกมาทันที

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องของโจวจุนหลงดังก้องไปทั่วซานไห่กื๋อ

ความเจ็บปวดจากต้นขาทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของโจวจุนหลงรวนไปหมด ร่างกายของเขาสั่นอย่างหยุดไม่อยู่ สองมือของเขาทำได้เพียงกดทับตำแหน่งต้นขาที่ถูกมีดแทง

ลูกน้องมากกว่าสิบคนของเขาต่างก็ตกตะลึง

ไม่มีใครคิดเลยว่าเฉินตงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้

ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาไม่มีความลังเลใดๆ เลย!

“คุณจะกร่างอะไรนักหนา?”

รอยยิ้มที่เย็นเยือกของเฉินตงทำให้ชายนับสิบคนถึงกับเสียวสันหลัง

ในขณะที่พูด เฉินตงก็หมุนมีดในมือขวาของเขาที่เสียบคาต้นขาของโจวจุนหลง

“อ๊าก……หยุดนะ กูบอกว่าให้หยุดไง……”

โจวจุนหลงเจ็บจนหน้าซีดไปหมด ร่างกายของเขาดิ้นอย่างไม่หยุด แม้ว่าทั้งสองมือของเขาจะจับข้อมือของเฉินตงไว้ แต่เขาไม่สามารถหยุดมีดที่หมุนอยู่ในกล้ามเนื้อต้นขาของเขาได้

เฉินตงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้ คุณจะชดใช้ค่าชุดสูทให้ผมได้ยัง?”

บทที่ 79 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง

ณ โรงพยาบาลลี่จิง

คุนหลุนถูกส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

แพทย์ได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของคุนหลุนและฟ่านลู่ไปเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของฟ่านลู่เต็มไปด้วยความกังวล

ส่วนเฉินตงนั่งหลับตาแล้วใช้มือซ้ายดึงผ้าก๊อซที่พันอยู่มือขวาเล่นอยู่

ครึ่งชั่วโมงหลังจากการรอยคอย ในที่สุดคุนหลุนก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน

ฟ่านลู่ที่รู้สึกผิดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ส่วนเฉินตงที่ดึงผ้าก๊อซเล่นอยู่ก็ลืมตาขึ้น

หลังจากพาคุนหลุนเข้าห้องพยาบาลแล้ว เฉินตงก็ออกจากที่นั่น

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในไซต์งานเลย

“ผมไม่เป็นไร คุณช่วยบอกคุณชายทีนะ” คุนหลุนยิ้มแล้วพูดปลอบโยนฟ่านลู่ที่กำลังรู้สึกผิดอยู่

เขารู้ว่าฟ่านลู่กลัวเฉินตงจะโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

และสถานการณ์ในปัจจุบันของฟ่านลู่ เธอไม่อาจเสียการงานได้

“แต่ คุณเฉินจะฟังไหม? เขาต้องไล่หนูออกแน่เลย……” ดวงตาฟ่านลู่แดงก่ำและมือของเธอจับชายเสื้ออย่างประหม่า

“คุณชายไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เขาแค่ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเท่านั้น” คุนหลุนยิ้มจางๆ แล้วพูดต่อ “รีบไปสิ”

ฟ่านลู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าแล้ววิ่งออกไป

คุนหลุนมองไปที่เพดานและยิ้มด้วยความโล่งใจ “คุณชายเมื่อกี้นี้เหมือนคุณท่านในสมัยนั้นไม่มีผิดเลย……”

ฟ่านลู่รู้สึกอึดอัดใจมาก ขณะที่เธอเดินออกจากห้องผู้ป่วย ฝีเท้าของเธอส่ายไปมาเล็กน้อย เธอหายใจถี่และใบหน้างดงามของเธอก็แดงก่ำ

เมื่อฟ่านลู่วิ่งไปที่หน้าประตูโรงพยาบาลลี่จิง เธอก็เห็นเฉินตงขึ้นรถพอดี ด้วยความเร่งรีบเธอจึงตะโกนเสียงดัง

เฉินตงที่ได้ยินเสียงเธอก็ลงจากปอร์เช่ 911 หลังจากปิดประตูรถแล้วเขาก็ชี้ไปที่เก้าอี้พักผ่อนในสวนเล็กๆ ของโรงพยาบาลนั้น

ในสวนเล็กๆ ของโรงพยาบาลมีที่เดินเล่นสำหรับผู้ป่วย

เวลานี้เป็นช่วงบ่ายของวัน ดังนั้นในสวนจึงมีเพียงไม่กี่คนและดูเงียบสงบมาก

หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ เฉินตงยิ้มและมองไปที่ฟ่านลู่ที่กำลังตื่นเต้น “มีอะไรเหรอ?”

ฟ่านลู่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาแล้วจับชายเสื้อไว้แน่นๆ ด้วยความลังเล

“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนแล้วนะ? ผมยังมีธุระที่บริษัทอยู่”

เฉินตงลุกขึ้นและเดินออกไปสองก้าว แต่จู่ ๆ ก็นึกอะไรบ้างอย่างได้ นึงหันกลับมาพูดกับฟ่านลู่ด้วยรอยยิ้ม “จริงด้วย ถ้าดูแลคุนหลุนแล้วอย่าลืมแม่ผมล่ะ คุนหลุนมันหนังเหนียวอยู่แล้ว ให้อดข้าวมื้อสองมื้อไม่เป็นไร แต่แม่ผมจะอดข้าวไม่ได้นะ”

ฟ่านลู่เงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด ดวงตาสีแดงของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมา

ความหมายของเฉินตงคือ เธอจะไม่ถูกไล่ออกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้!

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณเฉิน……หนูจะดูแลคุณป้าให้ดีที่สุดนะคะ”

ฟ่านลู่ทั้งตื่นเต้นทั้งมีความสุข น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้อีก

เฉินตงโบกมือแล้วเดินจากไปทันที

เขาไม่ได้ตั้งใจจะถามเรื่องที่เกิดขึ้น

เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของฟ่านลู่ เขากับฟ่านลู่เป็นแค่นายจ้างและลูกจ้างเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้

ถ้าฟ่านลู่เต็มใจที่จะพูด เธอคงจะไม่ลังเลตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น แม้เขาจะไม่ได้สนิทกับฟ่านลู่มาก แต่เขาเชื่อในคุนหลุน

เพราะคุนหลุนยอมปกป้องเธอด้วยชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องถามเรื่องนี้อีก

หลังจากขึ้นรถเฉินตงโทรหากู้ชิงหยิ่งเพื่อบอกสารทุกข์สุกดิบของเขา

เขาไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งต้องกังวลมาก

และหลังจากเฉินตงกลับไปถึงออฟฟิศก็ได้รับสายอีกสายหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณเฉิน คุณโจวจุนหลงเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงของเราอยากเชิญชวนคุณร่วมรับประทานอาหารเย็นวันนี้หน่อยครับ แกอยากจะขอขมาเรื่องที่เกิดขึ้นในชุมชนเฮติวันนี้ครับ”

น้ำเสียงที่เย็นชานั้นทำให้เฉินตงไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ขอขมา’ เลย

เขายิ้มตอบ “ได้สิ เวลา สถานที่”

“ซานไห่กื๋อ ณ โรงแรมไท่ซาน”

ตู๊ด ๆ ๆ!

หลังวางสาย เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา

งานเลี้ยงที่มีเลศนัยใช่ไหม?

เฉินตงถูจมูกแล้วยุ่งกับงานต่อ

ในเมื่อโจวจุนหลงเชิญแล้วเขาต้องไปตามนัดอย่างแน่นอน เพราะชุดสูทวันนี้ที่ใส่ไปต่อสู้ได้ฉีกขาดแล้ว เขาจึงต้องไปทวงค่าชุดสูทกับโจวจุนหลง

ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาไม่ได้เป็นห่วงเลย

แม้ว่าไท่ติ่งจะอยู่ในขาขึ้น แต่ก็ยังมีช่องว่างเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงเรื่องเวลาเท่านั้นที่ไท่ติ่งจะแซงหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

ถ้าเขากลัวจริงๆ เขาจะไม่ไปก่อเรื่องที่ชุมชนเฮติอย่างแน่นอน

สำหรับงานเลี้ยงอันมีเลศนัยใจคืนนี้ เขารู้ดีว่าโจวจุนหลงจะมาไม้ไหนและเขาก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว

ใครที่กล้าแตะต้องคนของเขา ต่อให้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่เขาก็จะสั่งสอนให้หมด!

หลังจากนั้นไม่นานโจวเย่นชิวก็โทรเข้ามา

เฉินตงยิ้มแล้วรับสาย

“เฉินตง จะให้ช่วยไหม?”

ไม่มีคำทักทายอื่นๆ ทันทีที่รับสายโจวเย่นชิวก็พูดตรงประเด็น

“คุณรู้แล้วเหรอ?” เฉินตงยิ้มอย่างมีความสุข ในเมืองนี้โจวเย่นชิวเป็นคนกว้างขวาง ยิ่งเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ดังนั้นเธอต้องรู้แน่นอน

“นายยังหัวเราะได้อยู่เหรอ?”

โจวเย่นชิวบ่น “ขนาดเรายังต้องเกรงใจคนอย่างโจวจุนหลงเลย นายช่างกล้าจริงๆ ที่ไปบุกถึงที่ หนึ่งรุมสิบไม่พอ แถมยังไปหักขาลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วย บอกหน่อยว่าทำไมตอนนายอยู่กับเราไม่สู้แบบนี้?”

“เขาทำร้ายคนของผม แล้วทำไมผมถึงเอาคืนไม่ได้ล่ะ” เฉินตงยิ้มพูด

โจวเย่นชิวในสายถอนหายใจแล้วเงียบไปสักพัก

จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้นว่า “นายต้องเตรียมให้พร้อมนะ โจวจุนหลงเป็นคนใจดำอำมหิต หลายปีที่รู้จักมันไม่เคยอยู่ในกฎเลย มันมีพวกนักฆ่าในมือเยอะ แล้วคืนนี้จะให้ผมไปโรงแรมไท่ซานด้วยไหม?”

เฉินตงหยุดชะงักและรู้สึกเอะใจ

ต่อให้โจวเย่นชิวมีจุดประสงค์บางอย่างที่จะไปร่วมงานเลี้ยงกับเขาด้วย

แต่มันก็ต้องแลกด้วยความเสี่ยงที่คนปกติไม่สามารถทำได้

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวได้”

เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม

“โอเค งั้นมีอะไรค่อยโทรมาก็แล้วกันนะ ถึงแม้ผมจะเกรงใจโจวจุนหลง แต่ถ้าจะให้ต่อกรด้วยจริงๆ เขาก็ต้องกลัวเราเหมือนกัน”

โจวเย่นชิวพูดอย่างมั่นใจ

“ขอบคุณประธานโจวครับ”

หลังจากวางสาย เฉินตงก็หยุดคิดถึงงานเลี้ยงในคืนนี้และมุ่งความสนใจไปที่งานของเขา

สำนักงานที่หรูหราในอีกฟากหนึ่ง

หลังจากที่โจวเย่นชิววางสาย เขาดันแว่นที่ดั้งจมูกแล้วยิ้มพูดกับตัวเอง “คลื่นลูกใหม่พัดคลื่นลูกเก่า เราต่อสู้กับโจวจุนหลงมานานหลายปีแล้ว ทีนี้ก็มีคลื่นลูกใหม่ที่เคยอยู่กับเรามาช่วยจัดการแทนแล้วสินะ”

โจวเย่นชิวถูขมับของเขาด้วยดวงตาอันลึกล้ำ

“ท่านหลงครับท่านหลง คุณไปแล้วเฉินตงก็กล้าหาญมากขึ้น ผมไม่รู้จริงๆ แล้วว่าผมควรช่วยเขาหรือไม่?”

มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกข้างใช้ปลายนิ้วเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ

ในห้องทำงานขนาดใหญ่ ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงปลายนิ้วที่เคาะลงบนพื้นโต๊ะ

และในที่สุด ดวงตาที่ลังเลของโจวเย่นชิวก็เกิดความแน่วแน่ขึ้น

จนกระทั่งหกโมงเย็น

เฉินตงเสร็จงานแล้วออกจากออฟฟิศของเขา

เขาขับรถไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เพื่อนำรถไปคืนให้กู้ชิงหยิ่งก่อน

ซึ่งงานเลี้ยงที่มีเลศนัยในคืนนี้เขาไม่ได้บอกให้เธอรู้

เขาพูดคุยสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้กับกู้ชิงหยิ่งเพื่อทำให้เธอสบายใจก่อน จากนั้นก็จากเธอไป

ต่อมาเขาขึ้นรถแท็กซี่แล้วตรงไปที่โรงแรมไท่ซานด้วยตัวคนเดียว

ยามราตรี……ค่อยๆ ใกล้เข้ามา…..

บทที่ 78 นี่มันบ้าไปแล้ว!

เมื่อได้ยินคำพูดที่เย็นชานี้ โจวเห้าถึงกับเกร็งไปทั้งตัว

คนคนเดียวจะกล้าท้าทายคนเป็นสิบได้ยังไง?

มัน……ล้อเล่นอยู่ใช่ไหม!

“อันธพาลใส่สูทใช่ไหม? ได้สิ ในเมื่อมึงไม่ยอมจบ อย่าหาว่ากูไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

โจวเห้ากัดฟันด้วยความโกรธ จากนั้นโบกมือเพื่อสั่งการ “อัดมันให้ร่วง ทีเหลือกูรับผิดชอบเอง!”

ทันใดนั้น คนนับสิบที่มีพลั่วท่อเหล็กก็กระโจนเข้าหาเฉินตง

ส่วนโจวเห้าค่อยๆ ถอยออกจากพวกเขา

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเปล่งประกาย จากนั้นพุ่งเข้าหาโจวเห้าที่กำลังเดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ใช่คนไร้น้ำยาแต่อย่างใด สามปีที่อยู่ในบ้านตระกูลหวาง เขาเจอเรื่องราวมาหลายต่อหลายอย่าง แต่ทั้งหมดนั้นก็เพราะเขารักหวางหนันหนัน

ถ้าเขาเป็นคนกระจอกจริงๆ แล้วเขาจะเป็นรองประธานของไท่ติ่งภายในสามปีได้อย่างไร?

ช่วงหนึ่งเฉินตงเคยการฝึกระบบฝึกปีศาจ ซึ่งทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปมาก แม้เขาจะยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ แต่คนกลุ่มนี้ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาเลย

ด้วยความเร็วแสง เฉินตงพุ่งเข้าถึงตัวโจวเห้าเหมือนสายฟ้า

โจวเห้าตะโกนตกใจแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าหาเฉินตง

แต่เฉินตงหลบการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นคว้ามือของโจวเห้าแล้วล็อกตัวเขาไว้

“โอ๊ย!”

ด้วยเสียงกรีดร้อง เฉินตงจับโจวเห้าไว้ได้

โจวเห้าในขณะนี้เหมือนท่อนไม้ที่หมุนอยู่กับที่ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเขาทำให้ทุกคนต้องห่างออกไป

“หมอบลงไป!”

เฉินตงสีหน้าเย็นเยือก สองมือจับโจวเห้าไว้แล้วฟาดเขาลงกับพื้น

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของโจวเห้าซีดลงทันที เขาทำได้เพียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของโจวจุนหลง การที่ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้างานของชุมชนเฮติก็เป็นเพราะเส้นสายของเขาเท่านั้น วันๆ เขาทำได้เพียงโอ้อวดอำนาจและศักดิ์ศรี ซึ่งไม่มีทักษะในตัวเลยแม้แต่นิด อย่าให้เขาต้องเทียบกับเฉินตงเลย แม้แต่นักเลงข้างถนนเขาก็ไม่มีปัญญาเอาชนะได้

ฮึบ!

ในขณะที่โจวเห้าล้มลง ทันใดนั้นก็มีเสียงหึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

เฉินตงขมวดคิ้วและเห็นท่อนเหล็กที่กำลังจะเหวี่ยงเข้ามาถึงเขา ในพริบตานั้นเขาหลบการโจมตีพร้อมกับเตะเข้าไปที่หน้าท้องของอันธพาลคนนั้นและแย่งท่อนเหล็กมาได้

“ฟ่านลู่ คุนหลุน เดินออกไปกับผม!”

เฉินตงตะโกนพูด เขายกท่อนเหล็กขึ้นมาราวกับเทพเจ้าแห่งการสังหาร จากนั้นพุ่งตรงเข้าไปในวงล้อมของชายกลุ่มนั้น

ทุกครั้งที่ท่อนเหล็กนั้นถูกเหวี่ยงออกไป จะมีเสียงคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นและจะมีคนล้มลงกับพื้นโดยกุมศีรษะที่เปื้อนเลือดของเขา

เฉินตงไม่ได้เป็นคนโง่เขลา เขารู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้เขาสามารถสู้กับคนเป็นสิบได้ แต่เขาต้องแลกด้วยพลังงานไม่น้อยอย่างแน่นอน

มันไม่คุ้มแน่!

ดังนั้นเขาจึงต้องพาคุนหลุนกับฟ่านลู่ออกไปในที่ปลอดภัยก่อน เขาจึงจะมีพื้นที่มากพอในการจัดการกับคนกลุ่มนี้

สำหรับการยั้งมือนั้น เขาไม่มีความคิดนี้เลย!

ถูกคนสิบคนรุมทำร้ายแล้วต้องอภัยให้พวกเขา มันคงจะโหดร้ายต่อตัวเองมากเกินไป!

“อัดมันสิวะ รอเชี้ยอะไร! ไอ้พวกเหลือขอ กูเลี้ยงพวกมึงไว้ทำไม?”

เมื่อเห็นเฉินตงยืนอยู่ในท่ามกลางลูกน้อง โจวเห้าก็ถอยห่างออกไปแล้วกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

ทันทีที่เสียงพูดยังจบลง

เฉินตงที่อยู่ท่ามกลางชายกลุ่มนั้นกันหันกลับมาแล้วเหวี่ยงท่อนเหล็กไปที่โจวเห้า

“มึงมันหัวดื้อจริงๆ!”

ผัวะ!

“อ๊า!”

โจวเห้าที่ถูกท่อนเหล็กฟาดเข้ากลางหน้าผากถึงกับเลือดพุ่งออกมาแล้วทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้นทันที

“คุณชายระวัง!”

คุนหลุนที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินตงตะโกนขึ้น

เฉินตงหันกลับไปอย่างกะทันหันและเห็นท่อนเหล็กฟาดลงมาที่เขา

ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขากำหมัดขวาแล้วเหวี่ยงออกไปปะทะกับท่อนเหล็กนั้น

ตึบ!

เสียงสนั่นดังขึ้น ท่อนเหล็กกระเด็นออกไป

การปะทะในครั้งนี้ทำให้มือขวาของเฉินตงแตกและมีเลือดไหลออกมา

“คุณเฉิน……”

ฟ่านลู่ตกใจจนหน้าซีด

เธอไม่เคยเห็นเฉินตงในสภาพแบบนี้มาก่อน แต่รู้สึกกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

“ไม่เป็นไร เราไปกันต่อ”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูฟ่านลู่

โดยที่ฟ่านลู่ยังไม่ทันตั้งตัว แขนซ้ายของเธอก็ถูกจับไว้แน่นๆ

“พี่คุนหลุน……”

ฟ่านลู่มองคุนหลุนอย่างว่างเปล่าและเดินตามเขาไปอย่างงุนงง

ทั้งสองไม่ได้เดินเร็วมากนัก ได้แต่เดินตามเฉินตงอย่างใกล้ชิด

แม้จะมีแต่คนพยายามอ้อมเฉินตงเข้ามาทำร้ายพวกเขา

แต่เฉินตงไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาถึงตัวเลย!

ในไม่ช้าการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ก็ดึงดูดสายตาของคนงานทั่วไซต์งาน

คนงานกลุ่มหนึ่งถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเฉินตงฝ่าวงล้อมของชายนับสิบคนเพียงลำพัง

นั่นใช่มนุษย์หรือ?

โจวเห้าเป็นเด็กเส้นในไซต์งาน เขามีลูกน้องกลุ่มอันธพาลมากมาย ดังนั้นโดยปกติแล้วเขาถึงทำตัวกร่างอยู่ตลอด

นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่คุนหลุนกับฟ่านลู่ถูกทำร้ายแต่ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย

ในความคิดของคนงาน ทุกคนต่างก็เคยชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว

แต่ตอนนี้กลับผิดปกติ!

มันบ้าไปแล้วจริงๆ!

ในไม่ช้า ลูกน้องสิบกว่าคนของโจวเห้าก็ถูกเฉินตงจัดการไปมากกว่าครึ่งแล้ว ส่วนอีกครึ่งของที่เหลือก็ตื่นตระหนกและไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกเลย

เฉินตงที่ยืนอยู่ท่ามกลางชายกลุ่มนั้นกวาดมองไปรอบๆ เขาเช็ดเลือดจากบาดแผลที่มือขวาของเขาบนสูท จากนั้นยกมือขึ้นแล้วดึงเนกไทอีกครั้ง

“จะเอาอีกไหม?”

เสียงพูดที่เย็นชาพร้อมความคารมที่ติดตลก

แต่เมื่อทุกคนได้ยินก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางจิตใจ

พวกเขาเป็นนักสู้อยู่แล้ว การที่มือเปื้อนเลือดเป็นเรื่องธรรมดา แต่วันนี้สิ่งที่เฉินตงแสดงให้เห็นกลับเลือดเย็นกว่าที่คิด!

“อัดมันสิ อัดมันต่อเลย!”

โจวเห้าที่นั่งกุมหัวอยู่ไม่ไกลก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง

เฉินตงยิ้มจางๆ จากนั้นยื่นมือขวาออกไปที่ลูกน้องเขาคนหนึ่ง

“เอามา!”

ลูกน้องคนนั้นถึงกับตกตะลึงและเดินถอยหลังไป

เฉินตงชี้ไปที่ท่อนเหล็กแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ส่งมันมา!”

ลูกน้องที่ตกใจกลัวอยู่ เขาไม่ลังเลที่จะยื่นท่อนเหล็กในมือให้กับเฉินตงเลย

“ใจนะ”

เฉินตงยิ้มพูด จากนั้นหันเดินไปที่โจวเห้า

ลูกน้องก้มหน้ามองสองมือเปล่าของเขาด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมต้องส่งท่อนเหล็กในมือให้กับเฉินตงด้วย

“เพราะคุณทำร้ายคนของผม วันนี้ผมจะเอาขาคุณไปข้างหนึ่ง”

เฉินตงยืนอยู่ตรงหน้าโจวเห้าแล้วพูดอย่างเยือกเย็น

“อย่า อย่านะ……กูเป็นน้องชายของโจวจุนหลงเชียวนะ! มึง……”

โจวเห้าตกใจกลัวและพยายามขอความเมตตาจากเขา

แต่ว่า

ผัวะ!

ท่อนเหล็กก็ฟาดลงมากระแทกกับขาซ้ายของโจวเห้า

เสียงแตกหักที่ชัดเจนของกระดูกทำให้ทุกคนได้ยินแล้วต้องรู้สึกตกใจ

ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของเฉินตงยังคงเหมือนเดิม

ในเสียงกรีดร้องเหมือนหมูที่ถูกเชือดของโจวเห้า

เฉินตงโยนท่อนเหล็กลงแล้วเอนตัวไปหาเขา “ตอนนี้นายรู้แล้วหรือยังว่าอะไรคืออันธพาลในชุดสูท?”

“มึง……มึงมัน……พี่ชายกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ ไท่ติ่งของมึงไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นคนขัดรองเท้าของพี่ชายกูโจวจุนหลงด้วยซ้ำ!” โจวเห้าเจ็บจนหน้ามืดและเหงื่อก็แตกเต็มหน้าผาก แต่เขายังคงตะโกนข่มขู่อย่างเสียงดัง

“งั้นให้พี่ชายคุณนัดเวลามาเลยนะ ผมจะไปตามนัดเอง พอดีอยากให้แกจ่ายเงินค่าสูทชุดนี้หน่อย”

เฉินตงยิ้มพูดอย่างเย้ยหยันแล้วหันมองไปที่คุนหลุนกับฟ่านลู่ “กลับบ้านกันเถอะ”

เป็นประโยคง่ายๆ แต่เหมือนค้อนหนักที่กระแทกกับหัวใจของคุนหลุนและฟ่านลู่

บทที่ 77 อันธพาลในชุดสูท

ด้านในไซต์งานมีทรายและปูนซีเมนต์กองเป็นภูเขา

พื้นดินเต็มไปด้วยฝุ่น

ในเวลานี้ คนงานสวมหมวกนิรภัยสิบกว่าคนมุมอยู่ด้วยกัน ในมือแต่ละคนถือพลั่วเหล็กแล้วทุบลงพื้นอย่างไร้ความปรานี

ท่ามกลางคนเหล่านั้นคือคุนหลุนกับฟ่านลู่

คุนหลุนใช้ร่างกายกำยำของเขาบังพลั่วเหล็กของคนเหล่านั้นที่ฟาดลงมาที่ฟ่านลู่

ฟ่านลู่หวาดกลัวและร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปนานแล้ว แต่ในมือของเธอยังถือโทรศัพท์ไว้แน่นๆ

เธอรู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายของเธอกับคุนหลุน!

ทั้งสองถูกทุบตีจนสภาพทรุดโทรม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าของฟ่านลู่บวมฟกช้ำและมีคราบเลือดที่มุมปากด้วย

“ฮือ ฮือ……พี่คุนหลุน……หนู หนูผิดเอง……”

ตรงหน้าฟ่านลู่ที่กำลังโทษตัวเองอยู่ คุนหลุนเปิดปากและมีฟองเลือดไหลออกมา

สายตาของเขาแน่วแน่และยิ้มพูดว่า “ผม ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ ไม่ต้องกลัว……”

“แมร่งเอ๊ย หยุดก่อน บอกให้หยุดก่อนไงละ!”

ทันใดนั้น เสียงที่แหลมคมก็ดังขึ้น

จากนั้นมีร่างคนคนหนึ่งดึงและผลักเข้าไปในกลุ่มคนเหล่านั้น

เขาคนนี้อายุราวยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปี รูปร่างผอมสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็บสิบเซนติเมตร ตาตี่ จมูกโด่ง ดูแล้วไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

หลังจากผลักคนงานออกไป เขาก็นั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าคุนหลุนกับฟ่านลู่

ผัวะ! จากนั้นตบไปที่กลางศีรษะที่เต็มไปคราบเลือดของคุนหลุน

“มึงเล่ามาสิว่ามึงมาเสือกอะไรกับผู้หญิงคนนี้? ไม่มีเงินจ่ายหนี้ก็เอาตัวมันมาเป็นประกันเลย!”

ผัวะ ๆ ๆ ……

ชายจมูกโด่งยิ่งพูดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เขาตบไปที่ศีรษะของคุนหลุนอย่างไม่หยุด

“อยากเป็นฮีโร่มากนักใช่ไหม? มึงเชื่อไหมว่าถ้าวันนี้กูฆ่ามึงทิ้งกูก็ยังใช้ชีวิตตามปกติได้? เดี๋ยวมึงห้ามปากมากก็แล้วกัน จำไว้! เพราะไอ้หนูคนนี้ติดหนี้กู!”

ผัวะ ๆ ๆ ……

“หยุดตีได้แล้ว ขอร้อง หยุดตีเถอะ……”

ฟ่านลู่พยายามยกมือเพื่อปกป้องศีรษะของคุนหลุนแล้วร้องขอความเมตตา

“แมร่งเอ๊ย! นางตัวแสบ มึงสร้างปัญหาให้กูขนาดนี้ เดี๋ยวกูจะตบมึงด้วยคน!”

ชายจมูกโด่งสีหน้าโหดร้าย จากนั้นหันมาแล้วง้างมือเพื่อจะตบฟ่านลู่

หือ!

ทันใดนั้น ฝ่ามือที่กว้างใหญ่ได้คว้ามือของชายจมูกโด่งไว้

ชายจมูกตกใจและมองหน้าคุนหลุนอย่างตื่นตระหนกทันที “มึง มึงคิดจะทำอะไร?”

คุนหลุนมองชายจมูกโด่งด้วยสายตาพิฆาต จากนั้นปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดก็ยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น

“คุณทำร้ายผมได้ แต่ถ้าคุณคิดทำร้ายผู้หญิง คุณจะต้องตาย……”

“แมร่งเอ๊ย มึงเป็นใครไม่ทราบ?”

“คุณเชื่อไหม ต่อจากนี้……พวกคุณทั้งหมดก็จะล้มลงกับพื้น”

นี่ไม่ใช่คำขู่ของคุนหลุน ทหารรับจ้างที่เคยผ่านสมรภูมิอันนับไม่ถ้วน ไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าคิดจะล้มคนติดอาวุธสิบกว่านี้

แต่ ชายจมูกโด่งเดินไปด้านข้างพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้

เพราะความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ฟ่านลู่ที่เพิ่งถูกทำร้าย เขาจึงถูกท่อนเหล็กฟาดเข้ากลางศีรษะอย่างไม่ทันตั้งตัว

สุดท้ายเขากับฟ่านลู่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“มึงพล่ามอะไรของมึง!”

ชายจมูกโด่งตะคอกอย่างรุนแรง เขาปัดมือของคุนหลุนแล้วถอยห่างออกไป

จากนั้นถ่มน้ำลายลงบนพื้นแล้วพูดข่มขู่ว่า “ถือว่าพวกมึงโชคดีที่มีเฉินตงเป็นที่พึ่ง จำไว้นะ เดี๋ยวมันมาแล้วพวกมึงห้ามพูดมากเชียวล่ะ เพราะยัยตัวแสบคนนี้ติดหนี้ไม่จ่าย กูถึงได้ใช้กำลังกับพวกมึง อย่าทำให้กูอารมณ์เสียไปมากกว่าล่ะ ไม่งั้นเฉินตงของพวกมึงก็ต้องลำบากไปด้วย!”

“คุณ……ชาย……”

คุนหลุนดูเหมือนจะหายใจไม่ออก

และในเวลานั้น

เสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้นจากที่ไกล

“ไม่มีใครสามารถใช้แทนตัวเองด้วยคำว่ากูต่อหน้าคนของผมได้!”

เสียงนี้คุ้นเคยมาก ทำให้คุนหลุนและฟ่านลู่หันมองไปทันที

จากนั้นชายจมูกโด่งกับลูกน้องอีกสิบกว่าคนก็เงยหน้าแล้วหันมองไปด้วยความตกใจ

เฉินตงในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

ใบหน้าของเขาเย็นชาและดวงตาของเขาก็คมกริบเหมือนใบมีด

เขาเดินฝ่าคนกลุ่มนั้นโดยที่ไม่สนใจใคร สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่คุนหลุนกับฟ่านลู่ที่นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร

ไอพิฆาตค่อยๆ ลุกโชนขึ้น

“ท่าน ท่านประธานเฉิน……”

ชายจมูกโด่งถูกมือของเขาด้วยรอยยิ้มที่ประจบแล้วเดินเข้าไปต้อนรับเฉินตง “ผมชื่อโจวเห้า เป็นรองผู้ดูแลสถานที่ก่อสร้างแห่งนี้ และผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของโจวจุนหลง……”

“เหอะ!”

เฉินตงหัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วเดินผ่านโจวเห้าและลูกน้องของเขาเข้าไปหาคุนหลุนกับฟ่านลู่อย่างเฉยเมย

เมื่อไปถึงเขานั่งยอง ๆ โดยไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่เขากลับมองไปที่คุนหลุนที่เต็มไปด้วยคราบเลือดแล้วบ่นว่า “ดูนายสิ เป็นถึงทหารรับจ้างกลับถูกพวกกระจอกสิบกว่าคนทำร้าย มันน่าอายไปไหม?”

คุนหลุนยิ้มอย่างขมขื่น “ขอบุหรี่หน่อย”

เฉินตงยิ้มแล้วหันกลับไปถามคนที่ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ “เอาบุหรี่ให้เพื่อนผมที”

“ครับ ครับผม……สักครู่นะครับประธานเฉิน”

โจวเห้าไม่กล้าเพิกเฉย เขารีบเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

แม้เขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับโจวจุนหลง แต่ต่อหน้าเฉินตงผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ด้วย เขาไม่กล้าที่จะเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น

อย่างน้อยก่อนที่จะฉีกหน้ากัน เขาต้องทำตัวให้ดีก่อน

หลังจากจุดบุหรี่แล้ว โจวเห้าก็มองไปที่คุนหลุนกับฟ่านลู่ด้วยสายตาข่มขู่เพื่อเตือนในสิ่งที่เขาพูดไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นค่อยๆ เดินถอยออกไป

คุนหลุนที่คาบบุหรี่อยู่ก็พลิกตัวนั่งลงบนพื้นทรายแล้วคายคราบเลือดออกจากปาก

ส่วนฟ่านลู่ก็รีบลุกขึ้นแล้วพยุงคุนหลุนไว้

อาการบาดเจ็บของเธอไม่ได้รุนแรงมาก เธอแค่ถูกตบไปสองสามทีและถูกกระแทกไปสองสามครั้งเท่านั้น

อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่จะอยู่ที่คุนหลุนที่พยายามปกป้องเธอ

“พี่คุนหลุน……หนูขอโทษ หนูขอโทษ……”

ฟ่านลู่ได้แต่ร้องไห้ด้วยเสียงที่แหบแห้งแล้วหันไปพูดกับเฉินตงทั้งน้ำตา “คุณเฉินคะ ขะ ขอโทษนะคะ……หนู……”

เฉินตงส่ายหัวแล้วหยุดคำพูดของฟ่านลู่ไว้

จากนั้นเขาตบหน้าอกคุนหลุนเบาๆ แล้วถามเขาว่า “ยังลุกไหวมั้ย?”

“สบายมาก”

คุนหลุนเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วยิ้มพูดว่า “ผมคลานออกจากซากศพนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ!”

ด้วยการช่วยเหลือของเฉินตงกับฟ่านลู่ คุนหลุนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนได้

คุนหลุนที่ดื้อรั้น ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือจากเฉินตงกับฟ่านลู่และพยายามยืนด้วยตนเอง

เฉินตงยิ้มแล้วหันไปพูดกับโจวเห้า “คุณทำร้ายคนของผม แล้วจะชดใช้ยังไง?”

ยังไม่คิดจะจบเรื่องนี้ใช่ไหม?

โจวเห้าถอนหายใจและพยายามพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านประธานเฉินครับ ฟังผมอธิบายก่อน เพราะนางตัวแสบคนนี้ติดหนี้ผมไม่ยอมจ่ายเองนะครับ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับโจวจุนหลงนะ ถ้าไม่เกรงใจผมก็หัดเกรงใจพี่ผมด้วย……”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉินตงก็ยกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะเขา

“อย่าพูดเรื่องเงินเรื่องทองกับผม ตอนนี้ผมถามคุณว่าคุณจะรับผิดชอบยังไงกับคนของผมที่ถูกคุณทำร้าย?”

เป็นน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีก

ในฉากนี้คุนหลุนและฟ่านลู่ดูหม่นหมองทันที

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินตงสีหน้าของโจวห้าวก็เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถทนต่อไปได้และพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “เฉินตง คุณจำเป็นต้องทำให้ผมโกรธจริงๆ เหรอ? เป็นแค่ไก่เกาะอยู่บนกิ่งไม้แต่ทำตัวเหมือนหงส์? ใส่สูทผูกไทก็รีบไสหัวกลับไปนั่งที่ออฟฟิศซะ อย่ามาทำตัวกร่างแถวนี้ ถามหน่อยเถอะ สิบกว่าคนยืนอยู่ตรงหน้าคุณจะทำอะไรได้?”

“คุณเคยเห็นอันธพาลในชุดสูทไหม?”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเงยหน้าขึ้นเพื่อคลายเนกไทที่คอแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณมีสองทางเลือก หนึ่งคือคุณจะเป็นเหมือนคนของผม สองคือพวกคุณทุกคนจะเป็นเหมือนคนของผม!”

บทที่ 75 ถูกจับได้ง่ายๆ แบบนี้เลย

การที่จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อไปที่วิลล่าเขาเทียนซานนั้นเป็นเรื่องเล็กสำหรับเฉินตง

เขาไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ

เมื่อคุณเดินอยู่บนท้องถนน คุณจะใส่ใจกับมดตัวน้อยที่คุณเหยียบตายไหม?

แน่นอนว่าไม่!

การเปิดจองล่วงหน้าของโครงการหลงถิงฮัวหยวนเป็นประวัติการณ์ทำให้เป็นข่าวดังในทั่วทั้งเมือง

เพียงแค่วันแรก ห้องพักทุกประเภทก็ขายกันหมดแล้ว

ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นไปตามความคาดหมายของเฉินตง

แต่อย่างไรก็ตาม น้ำขึ้นให้รีบตัก ดังนั้นตอนนี้จึงต้องรีบดำเนินการตามแผนการขายล่วงหน้าในรอบถัดไป

ตอนนี้มีเงินหนึ่งพันล้านในบัญชีของชงโค เงินหมุนเวียนของเขาก็เพียงพอแล้ว และในขณะเดียวกันก็สามารถปรับปรุงย่านสลัมในภาคตะวันตกของเมืองได้ด้วยเช่นกัน

เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่ได้เข้าบริษัทเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องใช้เวลาเกือบทั้งเช้าเพื่อจัดการกับเอกสารในบริษัท

จากนั้นใช้เวลาเล็กน้อยในการเปิดกล่องอีเมลที่เต็มไปด้วยอีเมลแสดงความยินดีจากเพื่อนร่วมงานและอีเมลจากการเชิญชวนของบริษัทวัสดุก่อสร้างต่างๆ

เฉินตงตอบอีเมลที่แสดงความยินดีกับเขาทีละคน ในอาชีพนี้ มีพันธมิตรเพิ่มมากขึ้นดีกว่าเป็นศัตรูกัน ไม่ว่าการแสดงความยินดีนั้นจะจริงใจหรือไม่ เขาก็ต้องตอบอย่างมีมารยาท

สำหรับอีเมลคำเชิญจากบริษัทวัสดุก่อสร้างต่างๆ เขาทำได้เพียงยิ้มจางๆ แล้วลบมันไปทีละข้อความ

ในตอนั้น บริษัทวัสดุก่อสร้างหลายๆ บริษัททั่วเมืองรวมตัวกันเพื่อคว่ำบาตรไท่ติ่ง

แต่หลังจากหลงถิงฮัวหยวนโด่งดัง พวกเขาต่างก็มาขอความร่วมมือจากเขาอีกครั้ง?

มันช่างไร้สาระจริงๆ!

ตอนเราลำบากไม่มีใครเห็นใจ แต่ตอนเราฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งทุกคนต่างก็อยากร่วมงานด้วย?

ก๊อกๆ!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เสี่ยวหม่าเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “พี่ตงครับ ประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างกื๋อหลานอยากเชิญพี่ไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันครับ พี่ตงว่า……”

“นายคิดว่ายังไงล่ะ?” เฉินตงยิ้มพูด

เสี่ยวหม่ากะพริบตาแล้วยิ้มตอบ “งั้นเดี๋ยวผมจะปฏิเสธไปเลยนะครับ เพราะเขาเคยร่วมต่อต้านเราเหมือนกัน พอเห็นเราได้ดิบได้ดีก็อยากเข้าหาเรา ช่างโลกสวยจริงๆ เลยนะครับ”

“ตามนั้นเลย”

เฉินตงยิ้มพูดต่อ “จริงสิ ถ้าบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เป็นคนนัดเรา ช่วยแจ้งพี่ด้วยนะ พี่จะไป”

ก่อนหน้านี้บริษัทค้าวัสดุต่างพากันคว่ำบาตรเรา มีเพียงบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เท่านั้นที่ยืนหยัดที่จะไม่ร่วมอุดมการณ์นั้นและประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือกับไท่ติ่งของเราจนถึงที่สุด

แม้ว่าในตอนนั้นเฉินตงจะหาทางออกให้กับไท่ติ่งได้แล้ว แต่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่นั้นมาด้วยความจริงใจและกล้าที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของบริษัททั้งหมด

เรื่องนี้เขายังจำได้ดี

“ครับผม!”

เสี่ยวหม่าหันหลังแล้วเตรียมออกไป

แต่เฉินตงก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง “จริงด้วย นายช่วยสืบให้ทีว่าใครเป็นผู้ดูแลบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่? ถ้าเป็นไปได้พี่อยากเชิญเขาออกมาเจอกันสักหน่อย”

“ได้ครับ”

จากนั้นเสี่ยวหม่าก็ออกจากออฟฟิศของเขา

เฉินตงเคาะโต๊ะด้วยปลายนิ้วแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ช่วงวิกฤตของไท่ติ่งนั้น บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ทำให้เขารู้สึกสับสนไม่น้อย

บางที กุญแจสำคัญอาจขึ้นอยู่กับผู้นำของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ก็ได้!

สิบนาทีต่อมา

เสี่ยวหม่าเปิดประตูออฟฟิศของเฉินตงเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกๆ

เฉินตงปิดกล่องจดหมายอีเมลแล้วถามเขาว่า “มีอะไรไหม?”

“พี่ตงครับ ผมพลาดเอง เพราะผมไม่ค่อยประสานงานกับการจัดหาวัสดุ ตอนนี้ประธานใหม่ของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ ถ้าพี่เห็นแล้วพี่ต้องตกใจแน่เลยครับ”

เสี่ยวหม่าวางเอกสารไว้ตรงหน้าเฉินตง

เมื่อเฉินตงหยิบขึ้นมามองก็ต้องตะลึงทันที

ด้านบนของเอกสารเขียนไว้อย่างน่าทึ่งว่า กู้ชิงหยิ่ง!

เสี่ยวหม่าพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่แปลกเลยที่ตอนนั้นบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ถึงยอมร่วมมือกับไท่ติ่ง ที่แท้พี่ตงเอาบอสใหญ่ของยิงลี่อยู่หมัดแล้วนี่เอง วิธีการแบบนี้ผมชอบมากเลยนะครับ”

“อย่ามั่วเลย”

เฉินตงกลอกตาขาว เขาไม่คิดเลยว่าประธานคนใหม่ของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะเป็นกู้ชิงหยิ่ง

มันคืออะไรกัน?

ยัยซื่อบื้อคนนั้นบอกว่าแค่เป็นพนักงานทั่วไปไม่ใช่เหรอ?

พนักงานอะไรกัน ทำงานได้ไม่นานก็เป็นถึงประธานบริษัทวัสดุอันดับต้นๆ ของเมืองแล้ว?

เฉินตงเกาหัวและรู้สึกแปลกๆ เมื่อนึกถึงการสนับสนุนที่ผ่านมาของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

นี่มัน……ถือว่า……เรากำลังถูกปั่นหัวอยู่ใช่ไหม?

เสี่ยวหม่ายิ้มพูดต่อ “แล้วพี่จะให้ผมนัดพี่สะใภ้……โอ้ ไม่สิ จะให้ผมนัดท่านประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ไหมครับ?”

เฉินตงมองออกว่ารอยยิ้มของเสี่ยวหม่านั้นมีเลศนัย

เขาจึงกลอกตาแล้วพูดกับเขา “ดูนายว่างมากสินะ งั้นไปแบกเหล็กที่ไซต์งานไหม?”

เสี่ยวหม่ายักไหล่แล้วออกจากออฟฟิศทันที

เมื่อเห็นเอกสารตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกจนปัญญา

กู้ชิงหยิ่งผู้หญิงคนนี้จะเซอร์ไพรส์เขามากเกินไปแล้ว!

หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเฉินตงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหากู้ชิงหยิ่ง

ทันทีที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น กู้ชิงหยิ่งก็รับสายเขา

“ฮ่า ๆ ๆ ……ตาบ๊อง คุณโทรหาฉันเวลานี้อยากเลี้ยงข้าวฉันเหรอ?”

เฉินตงยิ้ม “แน่นอนสิ ไม่ทราบว่าท่านประธานกู้พอมีเวลาไหมครับ?”

ในอีกด้านหนึ่งของสาย กู้ชิงหยิ่งเงียบไปสักพัก

จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คุณ คุณรู้แล้วเหรอ?”

“ถ้าช่วงนี้งานไม่ยุ่ง ผมคงรู้ตั้งนานแล้ว” เฉินตงเกาหัวแล้วพูดต่อ “คุณกู้ชิงหยิ่งครับ จู่ ๆ คุณก็กลายเป็นประธานบริษัทแบบนี้ มันทำให้แฟนคุณลำบากใจเลยนะครับ”

“แหม่ๆ ๆ ก็เค้าจะบอกตั้งนานแล้ว แต่เซอร์ไพรส์ที่คุณเตรียมไว้ให้ฉันมันใหญ่เกินไป ฉันจึงไม่รู้จะพูดยังไงดี”

กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างรู้สึกผิด “คุณโกรธเหรอ? อย่าโกรธกันเลยนะ ได้โปรด”

ในเสียงเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังร้องขออย่างน่าสงสารอยู่

เฉินตงยิ้มแล้วพูดต่อ “อย่ามา นอกจากคุณจะออกมาทานมื้อเที่ยงกับแฟนคนนี้ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นไม่จบนะ”

“รับทราบค่ะ คุณแฟน” กู้ชิงหยิ่งยิ้มตอบ

หลังจากวางสายลง เฉินตงก็ลูบขมับของเขาและมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้า

แต่ว่า ถ้ากู้ชิงหยิ่งเป็นถึงประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ สถานะนี้ก็ยิ่งทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเธอมากขึ้น

ตามความจริง ตั้งแต่ที่รู้จักกู้ชิงหยิ่งมา เขาไม่เคยสืบเบื้องหลังของครอบครัวเธอเลย

เพราะเขาคิดว่าการที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของครอบครัวคนอื่นอาจจะทำให้มิตรภาพมันเปลี่ยนไป

ดังนั้นที่ผ่านมาเขาคิดว่ากู้ชิงหยิ่งนั้นเป็นแค่ลูกเศรษฐีเท่านั้น

แต่ลูกเศรษฐีจู่ ๆ จะรับหน้าที่เป็นประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างชั้นนำในเมืองนี้ได้อย่างไร?

เมื่อมองดูเวลาก็ใกล้ถึงเที่ยงวันแล้ว เฉินตงจึงลุกขึ้นและเดินออกไป

ในเมื่อจะนัดกู้ชิงหยิ่งกินข้าวด้วยกัน คนที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะไม่มีรถยนต์ก็ควรไปรอที่ใต้ตึกบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ก่อนเวลานัด เพราะนี่เป็นท่าทีที่ควรแสดงออก

และในเวลาเดียวกัน

คุนหลุนที่ได้รับสายโทรเข้าก็สีหน้าเคร่งเครียดทันที

ในสายนั้นเป็นเสียงร้องไห้ของฟ่านลู่

“พี่คุนหลุน ช่วยหนูที ช่วยหนูทีนะ…… หนูไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว คุณเฉินงานยุ่งมาก หนูไม่กล้ารบกวนแกเลย คุณป้าก็สุขภาพไม่ค่อยดี หนูทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากพี่แล้ว…… ฮือ ๆ ๆ ……”

“เธออยู่ไหน?” คุนหลุนรีบถามไป

“ฮือ ๆ ๆ …… ฮือ ๆ ๆ ……”

เสียงร้องไห้ของฟ่านลู่ยังคงดังต่อเนื่องในสาย

คุนหลุนขมวดคิ้วแล้วถามอย่างเคร่งเครียด “อยู่ที่ไหน?”

“หนูอยู่หน้าไซต์งานในเขตชุมชนเฮติ”

ในที่สุดฟ่านลู่ก็ยอมบอกที่อยู่ของเธอไป

“รอพี่อยู่ที่นั้นนะ!”

หลังจากวางสายลง คุนหลุนก็รีบออกไปทันที

บทที่ 74 โยนมันออกไป!

หลังจากได้รับสายจากผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลแล้ว

เฉินตงก็อดยิ้มอย่างเหยียดหยามไม่ได้

สามปีที่แต่งงานไป เขารู้ดีสำหรับนิสัยใจคอของคนในตระกูลหวาง

ดังนั้นหลังจากที่เขาย้ายเข้าไปอยู่ในวิลล่าเขาเทียนซาน เขารู้ว่าจาวซิ่วจือต้องมาหาถึงที่และเขาก็ได้แจ้งกับนิติบุคคลไปแล้ว

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ต้องแจ้งเขาให้ทราบก่อนและไม่ต้องแจ้งให้แม่ของเขาทราบ

แม้ว่าแม่ของเขาจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ในช่วงระยะการพักฟื้น เขาไม่อยากให้แม่ของเขาต้องคิดมาก

โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย

แม่เหนื่อยมามากพอแล้ว เขาไม่อยากเพิ่มภาระให้แม่ของเขาอีก

“คุณเฉินครับ จะเอายังไงดีครับ?”

ผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลถาม

เฉินตงเลิกคิ้ว “ตอนนี้ผมยังโสด แล้วจะมีแม่ยายได้ยังไง?”

ผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลเงียบไปสักพัก จากนั้นค่อยพูดต่อ “ครับผม ผมเข้าใจแล้วครับ”

หลังจากวางสายลง สีหน้าของเฉินตงดูเย็นชาเล็กน้อย

เขาไม่ได้เป็นคนที่ไม่เด็ดขาดเลย อีกอย่างความสัมพันธ์ของเขากับหวางหนันหนันก็จบกันไปนานแล้ว

ครั้งหนึ่งตระกูลหวางเคยเพิกเฉยต่อเขา และตอนนี้เขาก็จะทำให้ตระกูลหวางไม่สามารถยืนขึ้นได้

ชนิดที่ว่าเข้าประตูไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ณ สำนักงานนิติบุคคลของวิลล่าเขาเทียนซาน

แววตาของผู้จัดการที่เพิ่งวางสายลงก็เปล่งประกายออกมา

วิลล่าเขาเทียนซานเป็นของโจวเย่นชิว และบริษัทนิติบุคคลก็อยู่ภายใต้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของโจวเย่นชิวเช่นกัน

หลังจากที่เฉินตงซื้อวิลล่าเขาเทียนซาน โจวเย่นชิวก็ออกคำสั่งโดยตรงไปยังประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมอบหมายงานของเฉินตงให้ทางบริษัทนิติบุคคลนี้

ดังนั้นผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลจึงพอรู้จักเฉินตงอยู่บ้าง

และเขาก็รู้ว่าทั้งชายและหญิงหน้าที่อยู่หน้าประตูวิลล่านั้น เป็นอดีตพ่อตาแม่ยายของเฉินตงจริงๆ!

“โกงได้แม้กระทั่งเงินค่ารักษาพยาบาลคุณแม่ของคุณเฉิน แล้วตอนนี้เห็นคุณเฉินฐานะดีขึ้นก็คิดจะมาเลียแข้งเลียขาถึงที่? หน้าด้านจริงๆ!”

ผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นออกคำสั่งในวิทยุสื่อสารว่า “ไล่พวกมันไปให้พ้น!”

หน้าประตูวิลล่า

ขณะนี้ความวุ่นวายก็ทวีคูณขึ้น

จาวซิ่วจือทั้งดุด่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้น และถึงขั้นลงไม้ลงมือกับพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง

จนกระทั่งชุดของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฉีกขาดและรอยฝ่ามือบนใบหน้าก็เพิ่มขึ้นด้วย

แต่พวกเขาไม่กล้าทำการโต้ตอบใดๆ ก่อนที่จะได้รับอนุญาต เพราะผลที่ตามมาอาจจะมีปัญหาภายหลังต่อหน้าที่การงานของพวกเขาได้

หวางเต๋อทำได้เพียงกุมหัวแล้วถอนหายใจอยู่ข้างๆ เพราะจาวซิ่วจือ เขาจึงไปไหนไม่ได้

โดยรอบนั้น เริ่มมีคนเข้ามามุมดูกันแล้ว

ผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่อาศัยอยู่หรือเป็นพี่เลี้ยงอยู่ในวิลล่านี้

ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในวิลล่านี้ ทุกคนก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน

คนที่สามารถพักอยู่ในชุมชนแห่งนี้ล้วนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกคน ไม่มีใครทำตัวก้าวร้าวต่อหน้าสาธารณะแบบนี้

“มองอะไร? กลับบ้านไปมองแม่ไป!”

เมื่อจาวซิ่วจือได้ยินเสียงวิจารณ์ของคนอื่น เธอก็ชี้หน้าด่าพวกเขาด้วยความโกรธทันที

หวางเต๋อไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาจึงเดินเข้าไปดึงชายเสื้อจาวซิ่วจือแล้วพูดกับเธอว่า “พอเถอะ เข้าไม่ได้เราก็กลับกันก่อนดีกว่า?”

“กลับบ้าอะไร! เรามาหาลูกเขยที่รักของเรา จะให้คนกระจอกพวกนี้ขวางทางเราได้ไง เรื่องแบบนี้คุณยอมได้เหรอ ฉันยอมไม่ได้หรอก!”

จาวซิ่วจือพูดด้วยสายตาที่จะกินคน จากนั้นตบแขนของหวางเต๋อด้วยความแรง “ไอ้คนกระจอกอย่างนาย หลบไปไกลๆ!”

“คุณ……” หวางเต๋อหน้าแดงระเรื่อ แต่เขาทำได้เพียงเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ

จาวซิ่วจือหันกลับมาตะโกนด่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นต่อ “ยังไม่รีบเปิดประตูอีก? อย่าให้ฉันพังประตูเองนะ!”

เธอพูดไปแล้วลงไม้ลงมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองไปด้วย

และในขณะนั้น

เสียงวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ติดต่อนิติบุคคลเมื่อครู่นี้ก็ได้ดังขึ้น

“ไล่พวกมันไปให้พ้น!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองสว่างขึ้นทันที

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคว้าแขนของจาวซิ่วจือที่กำลังเหวี่ยงเข้ามาหาเขาไว้

“ได้ยังแล้วหรือยัง? ผู้จัดการเราสั่งให้คุณไปให้พ้น ยังกล้าโวยวายอีกเหรอ?”

“แหมๆ ยังกล้าขัดขวางฉันเหรอ?”

จาวซิ่วจือรู้สึกเอะใจ แต่ก็ยังตะโกนอย่างเสียงดัง “ไอ่พวกหมาเฝ้าบ้าน กล้าขัดขวางฉันใช่ไหม?”

จาวซิ่วจือด่าไปด้วยแล้วใช้มืออีกข้างคว้าใบหน้าของเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไปด้วย

“โอ๊ย!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกเล็บข่วนจนใบหน้าเป็นแผลก็ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ

ด้วยความเจ็บปวด เขาเหวี่ยงแขนของจาวซิ่วจือออกไปด้วยความแรง

จาวซิ่วจือตะโกนขึ้นมาทันที จากนั้นเธอเดินเซถอยหลังไปสองก้าวแล้วทรุดตัวลงบนพื้น แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ

ทันทีที่จาวซิ่วจือนั่งลงกับพื้น เธอก็ส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมา

“โอ๊ย……ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวิลล่าเขาเทียนซานทำร้ายร่างกายฉัน……ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ทุกคนรีบเข้ามาดู……”

จาวซิ่วจือร่ำไห้ทั้งน้ำตา

ราวกับว่าเธอเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายจริงๆ!

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ใบหน้ามีรอยขีดข่วนก็ตกตะลึงทันที

ส่วนอีกคนก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

ในอาชีพพวกเขาเคยเจอผู้คนมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นบุคคลที่ไร้ยางอายขนาดนี้!

ผู้คนรอบข้างก็ตะลึงเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีเสียงความขุ่นเคืองดังขึ้นจากผู้คนรอบข้าง

“ไร้ยางอายเกินไปแล้ว! หน้าด้านจริงๆ! วิลล่าเขาเทียนซานของเรามีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”

“คนอะไรกันเนี่ย? คุณพี่รปภ. ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ต่อให้มันเอาเรื่องพวกพี่ยังไง พวกเราก็จะคอยหนุนหลังให้!”

“ไร้คุณธรรมจริงๆ ไอ้คนแบบนี้มาโผล่ออกมาจากไหนกันแน่?”

……

เมื่อได้ยินเสียงของผู้คนที่ยืนอยู่รอบข้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองก็รู้สึกอุ่นใจ

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบถอยห่างออกไปแล้วหยิบวิทยุสื่อสารออกมาพูดอะไรบางอย่าง

ใบหน้าของหวางเต๋อแดงและร้อนระอุขณะที่ได้ยินคำวิจารณ์ของผู้คน

เขากัดฟันแล้วรีบเข้าไปหาจาวซิ่วจือเพื่อพยุงเธอให้ลุกขึ้น

“รีบลุกขึ้นสิ คุณไม่อายคนอื่นเหรอ?”

“ไปให้พ้นเลย! ไอ้คนกระจอก เมียตัวเองถูกทำร้ายยังไม่คิดจะช่วย แต่กลับคัดค้านด้วย ให้ฉันตายซะดีกว่า!”

จาวซิ่วจือได้แต่นั่งร้องไห้งอแงอยู่บนพื้น ทำให้หวางเต๋อทำได้เพียงถอนหายใจดังๆ

จาวซิ่วจือเป็นคนรักศักดิ์ศรีมาก

แต่ศักดิ์ศรีมันกินได้ไหม?

ตอนนี้เธอแค่อยากเจอเฉินตง เธอต้องการขอโอกาสจากเขา เธอต้องการให้เขาคืนดีกับครอบครัวของเธอ เพื่อเงินของเฉินตงจะกลายเป็นของเธอในอนาคต!

ถึงตอนนั้นไม่ใช่เพียงแค่หวางเห้าได้แต่งงาน เธอกับสามียังมีโอกาสย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวิลล่าเขาเทียนซานแห่งนี้อีกด้วย!

แต่ในขณะนี้

มีรถตู้คันหนึ่งแล่นออกมาจากบริเวณด้านในของวิลล่าเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด!

รถตู้คันดังกล่าวจอดลงตรงหน้าจาวซิ่วจือกับหวางเต๋อ

หลังจากเปิดประตูก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนวิ่งลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว

จากนั้นพวกเขารีบจับตัวหวางเต๋อกับจาวซิ่วจือขึ้นไปบนรถโดยที่ไม่สนใจเสียงกรีดร้องของเขาทั้งสอง

เมื่อประตูรถปิดลง คนขับรถก็เหยียบคันเร่งทันที

ในเวลาเดียวกัน ด้านในรถก็มีเสียงตะโกนพูดด้วยความโกรธ

“ไอ้พวกหมูหมากาไก่ คิดจะมาก่อเรื่องที่วิลล่าเขาเทียนซานของเราเหรอ? พูดกันดีๆ ไม่ชอบ อย่าหาว่าเราให้กำลังก็แล้วกัน!”

ในชั่วขณะ รถตู้ก็ขับลงจากเขาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งภาพนี้ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกตกตะลึง แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกยินดีด้วยซ้ำ!

บทที่ 72 อดีตของคุนหลุน

เป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

ค่ำคืนที่เงียบสงบ

เฉินตงยังไม่ได้เข้านอน

เขานั่งรับลมเย็นยามค่ำคืนบนระเบียงคนเดียว

“คุณชาย ไม่สบายเหรอ?”

เสียงของคุนหลุนดังมาจากด้านหลัง

เฉินตงมองไปที่ไกลสุดลูกหูลูกตา จากตำแหน่งของระเบียง เขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมืองภายใต้ภูเขาเทียนซานได้

เขาไม่ได้ตอบคำถามของคุนหลุน

จนกระทั่งคุนหลุนนั่งลงข้างเขา

“มีบุหรี่ไหม?” เฉินตงถาม

คุนหลุนพยักหน้าแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากซองหนึ่งม้วนแล้วยื่นให้เขา

เฉินตงเป็นคนไม่สูบบุหรี่ แต่ ณ ตอนนี้เขาอยากลองจริงๆ

เขารับไฟแช็กจากคุนหลุนแล้วจุดบุหรี่ม้วนนั้น

ทันใดที่สูบ ควันฉุนก็พวยพุ่งเข้าปอด ทำให้เขาสำลักไออย่างรุนแรงและมีน้ำตาไหลออกมา

เมื่อมองไปที่บุหรี่ เฉินตงก็โยนมันลงบนพื้นและยิ้มพูดอย่างขมขื่น “ผมไม่สูบดีกว่า”

“มันไม่จำเป็นหรอกนะ ที่จริงคุณบอกผมได้”

คุนหลุนส่ายหัว เขารู้ว่าเฉินตงมีความในใจอยู่

จากนั้นเฉินตงนอนเอนลงไปที่เก้าอี้พับแล้วสองมือวางไว้ข้างหลังศีรษะและมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า “จู่ ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับพ่อดี”

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าพ่อของเขานั้นเป็นคนที่ทอดทิ้งครอบครัวเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งมาตลอด

กระทั่งการปรากฏตัวของท่านหลงทำให้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป

สำหรับพ่อที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน นอกจากความขุ่นเคืองแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเขาอีกเลย

แต่สิ่งที่แม่พูดมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกหวั่นไหว

ถ้าการจากไปของพ่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องตาย

แล้ว……เกิดอะไรขั้นกับตระกูลเฉินในวันนั้น?

เขาอยากรู้เรื่องในอดีตมาก

แต่น่าเสียดายที่แม่รู้ไม่มาก ถ้าอยากจะรู้มากกว่านี้ เห็นทีว่าต้องไปเจอพ่ออย่างเดียวแล้ว

“อันที่จริง คุณท่านดีมากเลยนะครับ”

คุนหลุนถอนหายใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายแวววาว “เขาเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยเห็นเลยนะครับ”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้มถามเขา “จริงสิ คุณเคยเป็นทหารรับจ้าง ทำไมคุณถึงเลือกที่จะติดตามเขา?”

คุนหลุนจุดบุหรี่ให้ตัวเองแล้วสูบมัน “ตอนนั้นผมรุ่งเรืองในวงการทหารรับจ้าง ผมมีลูกน้องมากกว่าร้อยคน ถ้าอยู่ในสนามรบเราก็เสมือนปลาได้น้ำ”

“นั่นมันไม่ดีเหรอ?” เฉินตงยิ้มถาม

“ดี?” คุนหลุนส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ทุกวันเราต้องผูกติดกับหัวเข็มขัด วิ่งอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน อันที่จริงผมเบื่อมันมานานแล้ว”

“ดังนั้น ถึงได้มาติดตามพ่อของผมเหรอ?”

“พ่อของคุณช่วยชีวิตผมไว้”

คุนหลุนส่ายหัว ดวงตาที่ลึกซึ้งดูเหมือนกำลังนึกถึงอดีต

“ตอนนั้นผมปฏิบัติภารกิจหนึ่ง เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคุณพ่อของคุณเพื่อช่วยตัวประกันที่สนามรบทะเลทรายในประเทศแห่งหนึ่ง”

“น่าเสียดายที่ภารกิจครั้งนั้นเราล้มเหลว พี่น้องของเรา 100 กว่าคนต้องเสียชีวิตไปถึง 90 กว่าคน ส่วนคนที่เหลือก็ถูกจับไปพร้อมกับผมด้วย”

“ในวันประหารนั้น เป็นวันที่ผมไม่มีวันลืมมันได้ตลอดไป”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ คุนหลุนมองไปที่เฉินตงแล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “คุณชายครับ นักธุรกิจตัวจริง เขาย่อมให้ความสำคัญกับลูกจ้างมากกว่าผลกำไร คุณรู้อยู่ใช่ไหมครับ?”

เฉินตงพยักหน้า

“ผมจำได้ว่าวันนั้นแดดแรงมาก ตอนนั้นผมคุกเข่าอยู่บนเวทีประหารที่มีคนดูนับหมื่นคน”

คุนหลุนยิ้มจางๆ แล้วเล่าต่อ “เพื่อป้องกันนักโทษประหารหลบหนี ศัตรูจึงเอารถถังและรถหุ้มเกราะจอดอยู่เต็มหน้าลานประหาร แต่เวลานั้น คุณพ่อของคุณก็มาจนได้”

เขายกนิ้วชี้ขึ้นแล้วพูดต่อ “เขามาคนเดียวโดยขับรถจี๊ปแล้วพุ่งตรงเข้ามาที่ลานประหาร”

มุมตาของเฉินตงกระตุกเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ

แม้คำพูดของคุนหลุนจะฟังพูดผ่อนคลาย

แต่ฉากในตอนนั้นต้องอันตรายมากอย่างแน่นอน

เมื่อต้องเผชิญกับการประหารชีวิตต่อหน้าผู้คนนับหมื่น นั่นไม่ใช่กำลังของคนคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้

แต่พ่อของเขากล้าไป นั่นหมายความว่าเขากล้าแลกด้วยชีวิต

“น่าแปลกใจใช่ไหมครับ?”

คุนหลุนยิ้มถาม จากนั้นพูดต่อโดยที่ไม่รอเฉินตงตอบ “อันที่จริงผมก็รู้สึกตกใจมาก แต่คุณพ่อของคุณมาคนเดียวจริงๆ เขาขับรถฝ่าเข้ามาในลานประหาร จากนั้นลงจากรถอย่างใจเย็นและใช้ภาษาพื้นเมืองที่คล่องแคล่วทักทายทุกคนที่มาร่วมงานด้วยรอยยิ้ม”

เมื่อพูดถึกจุดนี้ คุนหลุนอดไม่ได้ที่จะยกย่องเขา “พูดตามความจริงนะ ผมอยู่ในสนามรบมานานหลายปี พวกนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชา เมื่อต้องเผชิญกับความตาย ไม่มีใครไม่หวาดกลัวหรอก แต่สำหรับคนอย่างคุณพ่อของคุณผมไม่เคยเจอจริงๆ”

จากนั้นเขามองไปที่เฉินตงแล้วพูดต่อ “คุณคล้ายกับเขามานะ แต่ยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าคุณจะไปถึงในจุดที่เขายืนอยู่”

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แล้วยังไงต่อ?”

คุนหลุนเล่าต่อ “จากนั้นเขาใช้เงิน 1 หมื่นล้านมอบให้กับคนในพื้นที่เพื่อแลกกับชีวิตของผม”

“เงิน 1 หมื่นล้าน……กับชีวิตของคุณ? ไม่แปลกใจเลยที่คุณติดตามเขาไม่ยอมไปไหน” เฉินตงยิ้มพูด

“ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาก็ได้” คุนหลุนยิ้มตอบ จากนั้นแสงในดวงตาก็สว่างขึ้น “แต่ความกล้าของเขาในตอนนั้นทำให้ผมตายใจมากกว่า ผมเคยเป็นทหารรับจ้าง ผมเคยยิ่งใหญ่มาก่อน แน่นอนว่าผมเคยชินกับการมีชื่อเสียง แต่พ่อของคุณทำให้ผมเปลี่ยนไป”

เฉินตงยิ้มพูด “ก้อนเมฆมันต้องเปิดออกเมื่อมังกรมันบินผ่าน น้ำทะเลมันก็ต้องเกิดคลื่นเมื่อเรือยักษ์มันขับผ่าน ว่าไหมครับ?”

“ฮ่า ๆ ๆ ……คุณชายเข้าใจผมจริงๆ” คุนหลุนยิ้มอย่างมีความสุขและยอมรับในคำพูดของเขา

เฉินตงก็รู้สึกอย่างนั้น

ถ้าเขาเป็นคุนหลุน เขาก็จะเลือกเหมือนคุนหลุนด้วยเช่นกัน

แต่……เท่าที่คุนหลุนเล่ามา มันทำให้พ่อในอุดมคติของเขาเปลี่ยนไป

ในลานประหารที่มีรถถัง รถหุ้มเกราะล้อมรอบ และยังมีคนดูนับหมื่นคน

แต่พ่อของเขาฝ่าเข้าไปด้วยตัวคนเดียว แค่ความกล้าหาญนี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถทำได้แล้ว

“แต่คุณชายครับ คุณท่านไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะครับ”

เมื่อเห็นเฉินตงเงียบไป คุนหลุนก็พูดต่อ “เรื่องบางอย่าง เราที่เป็นคนรับใช้ไม่ควรพูดมากเกินไป แต่คุณท่านส่งผมมาหาคุณชายแบบนี้ เรียกได้ว่าคุณท่านให้ความสำคัญกับคุณชายมากกว่าตัวเขาเองนะครับ”

“หมายถึงอะไร?” เฉินตงถาม

“ผมเป็นบอดี้การ์ดติดตัวของคุณท่าน และเป็นบอดี้การ์ดคนเดียวที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา”

ดวงตาของคุนหลุนมีแววสังหารอย่างคลุมเครือ “ตั้งแต่ติดตามคุณท่านมา โดยเฉลี่ยแล้วผมต้องช่วยแกแก้ไขปัญหาการลอบสังหารอย่างน้อยสิบครั้งต่อปีนะครับ”

“ลอบสังหารสิบครั้ง?”

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในความคิดของตนอีกครั้ง

คุนหลุนยืนขึ้นแล้วตบไหล่เฉินตงเบาๆ และพูดว่า “ที่คุณท่านให้ผมมาหาคุณ นั่นคือการทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าในการถูกลอบสังหารทั้งสิบครั้งนั้นเลยนะครับ”

หลังจากที่เฉินตงตั้งสติได้ คุนหลุนก็จากไปแล้ว

เฉินตงได้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความงุนงง

และในเวลาเดียวกัน

ณ บ้านตระกูลหวาง

“เขตวิลล่าเขาเทียนซานจริงๆ เหรอ?” จาวซิ่วจือรู้สึกตกใจมาก จากนั้นวางสายลงด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวจาง ป้าไม่เสียแรงที่เป็นห่วงเธอเลย”

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจ “เฉินตงพักอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานจริงๆ เหรอ? ไม่มีทางหรอก ราคาบ้านที่นั่นสูงเสียดฟ้าเลยนะ!”

“หลานชายของฉันทำงานขายบ้านมือสองเชียวนะ เขาจะมั่วได้ไง?”

จาวซิ่วจือเหลือบมองไปที่หวางเต๋อแล้วพูดอย่างมีเลศนัย “พระเจ้า ลูกเขยที่ดีของฉันรวยขนาดนี้ ถ้าฉันได้อยู่วิลล่าเขาเทียนซานราคา 130 ล้านแล้วล่ะก็……”

“คุณคิดจะทำอะไร?” หวางเต๋อถามอย่างเป็นห่วง “ผมจะบอกคุณนะว่า บ้านของเราถูกคนทั้งเมืองดูถูกมามากพอแล้ว คุณอย่าทำให้มันแย่กว่านี้อีกเลย”

“คุณถึงสมควรที่จะยากจนไปตลอดชีวิตไงล่ะ”

จาวซิ่วจือจ้องหน้าหวางเต๋อแล้วพูดต่อ “ลูกเขยที่ดีคนนั้นร่ำรวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาต้องแต่งงานใหม่กับหนันหนันสิ ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะสามารถเข้าไปอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ลองคิดดูสิว่ามันจะมีความสุขมากแค่ไหน?”

จากนั้นสีหน้าของจาวซิ่วจือเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแล้วบ่นว่า “เพราะยัยซื่อบื้อหนันหนันคนเดียว ไม่รู้จักดิ้นรนทั้ง ๆ ที่เกิดอยู่ในครอบครัวลำบาก แค่ให้เธอไปหาลูกเขยดีๆ ก็ทำไม่ได้ ยังต้องให้ฉันช่วยอีก”

บทที่ 71 เรื่องในวันนั้น

เฉินตงไม่ได้คาดคิดเลย

แค่คำคำเดียวของเขา แต่กลับทำให้แม่ของเขาต้องโกรธมาก

กระทั่งตบหน้าเขา!

แม่ไม่ได้ตีเขามานานแล้ว……

“แม่จะยอมให้นายใส่ร้ายเขาไม่ได้อีก เขาคือพ่อของนายและเป็นสามีของแม่ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย!” น้ำตาไหลรินจากขอบตาของหลี่หลาน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

“แต่เขาทิ้งพวกเราไปมีความสุขกับความมั่งคั่งของเขานะ!”

หัวใจเฉินตงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “เขาจะรู้บ้างไหมว่าแม่ต้องทนทุกข์ทรมานกี่ปี? ความเจ็บป่วยของแม่ตอนนี้ก็เพราะมาจากความเหนื่อยล้าในการเลี้ยงดูผม เขาจะรู้บ้างไหม หลังจากที่ลูกคนนี้ไม่มีพ่อแล้วต้องถูกคนอื่นดูถูกยังไง?”

“หุบปาก นายหุบปากไปซะ!”

หลี่หลานพูดด้วยความโกรธและเริ่มหายใจกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง “ตงเอ๋อ เมื่อก่อนนายยังเป็นเด็ก หลายๆ อย่างนายยังไม่รู้เรื่อง แม่จึงไม่ได้ตำหนินายที่นายโทษพ่อของนาย แต่ตอนนี้นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สาเหตุที่ทำให้เราสองคนแม่ลูกต้องเผชิญกับเรื่องแย่ๆ มานานหลายปีนั้น มันไม่ได้เป็นเพราะพ่อนายเลย นายจะโทษเขาไม่ได้” เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หลานแล้ว เฉินตงก็รู้สึกตื่นตระหนกทันที

เขาโกรธพ่อที่เป็นเหมือนคนแปลกหน้ามากเกินไปจนลืมเป็นห่วงแม่ของตน

เฉินตงจึงรีบปลอบเธอ “แม่ครับ แม่ใจเย็นๆ แม่ใจเย็นๆ ก่อน……”

หลี่หลานพยายามหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ สงบสติลง

จากนั้นเธออ้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเฉินตงแล้วพูดด้วยน้ำตา “เจ็บไหมลูก?”

เฉินตงส่ายหัวแล้วพยายามระงับความโกรธในใจและพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมแม่ต้องปกป้องคนแบบนั้นด้วย!”

จากนั้นทั้งสองเงียบไปพักใหญ่

หลี่หลานวางมือลงและก้มหน้าเหมือนกำลังนึกคิดและใคร่ครวญถึงอดีต

จนผ่านไปเกือบสิบนาที

“เฮ้อ……”

หลี่หลานถอนหายใจเสียงดัง “นายเคยถามแม่ว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเราไป แต่ตอนนั้นนายยังเด็ก แม่ก็เลยไม่ได้บอกนาย ตอนนี้นายโตขึ้นและพ่อก็กลับมาแล้ว งั้น……แม่จะบอกให้นายรู้ก็แล้วกัน”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หลี่หลานเช็ดน้ำตาแล้วค่อยๆ พูดขึ้น “เพราะถ้าพ่อของลูกไม่ไปจากเราในวันนั้น เขาจะต้องตาย และลูกกับแม่ก็ต้องตายด้วยเช่นกัน……”

ตูม!

เหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้นในจิตใจของเฉินตง เขาตกใจมาก

แม่หมายความว่าผู้ชายที่ทอดทิ้งครอบครัวไปในวันนั้น เขาเพียงแค่จะหนีความตาย และในขณะเดียวกันก็เพื่อจะปกป้องชีวิตของพวกเขาสองแม่ลูกด้วย?

เป็นไปได้อย่างไร?

แต่ในชั่วขณะนั้น คำพูดของหลี่หลานก็ทำให้เฉินตงนึกขึ้นได้

“ครอบครัวเขา ไม่ได้มองชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตเลย!” หลี่หลานสองมือกุมขมับแล้วพูดด้วยความเศร้า

เฉินตงกัดริมฝีปากไว้แน่นๆ และไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

เพราะเขาเคยเห็น

เฉินเทียนหย่างกล้าฆ่าคนจริงๆ!

ในตอนนั้น ถ้าคุนหลุนไม่ปรากฏตัวทันเวลา เขาคงต้องตายด้วยเงื้อมมือของเฉินเทียนหย่างไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ คำพูดของแม่ก็ดูสมเหตุสมผลขึ้น!

ทันใดนั้น หลี่หลานก็กอดเฉินตง

จากนั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับอ้อนวอนด้วยน้ำตา “ตงเอ๋อ ลูกอย่าโทษพ่อเลยนะ พ่อทำเพื่อเราจริงๆ แม้เราสองคนจะต้องทนทุกข์มามากกว่ายี่สิบปีก็ตาม แต่อย่างน้อยเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าพ่อไม่จากไปในวันนั้น ครอบครัวเราคงไม่มีวันนี้”

“เขาไม่เคยทอดทิ้งเราเลย เขารักลูกกับแม่มาตลอด วันนั้นเขากลับมาบอกลาแม่กับลูกที่อยู่ในท้องแม่ด้วยบาดแผลที่เต็มตัวด้วยซ้ำ”

“เขาเป็นลูกผู้ชาย เป็นพ่อของลูก เขารับผิดชอบหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่แล้ว แม่ไม่เคยโทษในการจากไปของพ่อเลย ลูกก็อย่าไปโทษเขาเลยนะ”

น้ำตาของแม่เหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินตง

เขารู้สึกไม่คาดคิดและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ

ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีแต่ความเกลียดชัง

ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นๆ เลย

แต่น้ำตาของแม่ในขณะนี้มันทำให้เขาลังเลกับความเคียดแค้นในอดีตที่ผ่านมา

“แล้วหลายปีมานี้ ทำไมเขาไม่ยอมกลับมาหาเราเลย? ทำไมเขาถึงส่งแค่ท่านหลงมาในเวลาที่แม่กำลังจะตายแทนที่เขาจะมาด้วยตนเอง?” เฉินตงถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“เขาไม่ใช่ตัวของตัวเองอีกแล้ว แม่รู้ดี แม้เขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขา แต่ในบ้านนั้น เขาไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจอีก!”

เสียงร้องไห้ของแม่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนความโศกเศร้าที่ค้างคาอยู่ในใจได้ระบายออกมา “วันที่เขาจากไป ท่านหลงก็อยู่ข้างๆ เหมือนกัน แม่รู้จักท่านหลง เขาส่งท่านหลงมาในช่วงวิกฤตของลูก นั้นคือขีดจำกัดของเขาแล้ว ในใจเขายังมีพวกเราอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้ไงว่าแม่กำลังจะตาย?”

เฉินตงถึงกับอึ้ง

จริงเหมือนกัน!

ท่านหลงมาช่วยแม่เขาไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

ถ้าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ มันต้องบังเอิญขนาดไหน?

จากนั้นสักพัก

เฉินตงรอจนกว่าเสียงร้องไห้ของแม่เบาลง เขาจึงจะค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “เขาเจออะไรที่บ้านนั้นกันแน่?”

หลี่หลานส่ายหัวแล้วพูดด้วยความเศร้า “ไม่รู้เหมือนกัน แม่บอกทั้งหมดเท่าที่แม่รู้แล้ว”

เฉินตงครุ่นคิดอยู่สักพัก

ดวงตาของเขากะพริบ

ในขณะนั้น เขานึกถึงคำพูดของท่านหลงในครั้งแรกที่เจอกับเขา

และหลายๆ ครั้งที่เขาเกลียดพ่อของเขาต่อหน้าท่านหลง แต่ท่านหลงก็ยอมอดกลั้นไว้อย่างเจ็บปวดใจ

แต่ขอเสนอของการรับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวนี้มันหมายถึงอะไรกันแน่?

เฉินตงหายใจเข้าลึกๆ แล้วระงับอารมณ์ที่วุ่นวายของเขา จากนั้นยิ้มพูดต่อ

“แม่ครับ ผมทราบแล้วครับ”

หลี่หลานพยักหน้าและยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา “อย่าโกรธพ่อของลูกเลยนะ ไม่อย่างนั้นแม่คงนอนตายตาไม่หลับแน่”

จู่ ๆ เฉินตงก็ตื่นตระหนก “แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนี้สิ แม่ต้องมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี แม่ต้องรออุ้มหลานก่อนสิครับ”

หลี่หลานยิ้มและลูบหัวเฉินตงเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นลูกก็ต้องเร่งหน่อยสิ”

นี่คือการเร่งให้เขาแต่งงานใช่ไหม?

เฉินตงรู้สึกเขินอายทันที

สองแม่ลูกต่างก็ยิ้มให้กัน

กู้ชิงหยิ่งยังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก เธอไม่รู้ว่าหลี่หลานเรียกเฉินตงไปทำไม แต่เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเขา ดังนั้นเธอจึงตั้งหน้าตั้งตารออย่างเงียบๆ

แต่สักพักเธอก็เริ่มรู้สึกเบื่อ เธอจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยงานฟ่านลู่

ส่วนคุนหลุนนั่งปอกเปลือกมันฝรั่งอย่างเงียบๆ คนเดียว

“พี่คุนหลุน พี่ปอกเปลือกให้บางกว่านี้หน่อยสิ ถ้าปอกหนามันจะเปลืองนะ” ฟ่านลู่มองไปที่มันฝรั่งในมือของคุนหลุนแล้วรู้สึกเสียดาย

คุนหลุนเงยหน้ามองไปที่ฟ่านลู่แล้วพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นก้มหน้าปอกเปลือกต่อ แต่เขาเริ่มพึมพำประโยคที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน “ตอนผมหั่นคนในสนามรบ ไม่มีใครบอกผมว่าสิ้นเปลืองเลยนะ”

กู้ชิงหยิ่งที่เห็นภาพนี้แล้ว เธอก็คลี่แขนเสื้อขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ลู่คะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ?”

“หืม?!”

ฟ่านลู่รู้สึกตกใจและรีบพูดกับเธอ “คุณกู้คะ คุณเป็นแฟนของคุณเฉินนะคะ คุณจะทำงานหนักแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ให้ดิฉันกับพี่คุนหลุนทำก็พอค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า หนูอยู่บ้านก็ช่วยแม่ทำกับข้าวเหมือนกัน”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มจางๆ จากนั้นหยิบมีดปอกผลไม้กับมันฝรั่งแล้วนั่งลงข้างๆ คุนหลุน “งั้นหนูช่วยพี่คุนหลุนปอกมันฝรั่งนะคะ”

ฟ่านลู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้

หนึ่งนาทีต่อมา

ฟ่านลู่สังเกตเห็นมันฝรั่งขนาดเท่ากำปั้นถูกปอกให้เหลือแค่ขนาดเท่าลูกท้อ เธอจึงรู้สึกเสียดายอย่างที่สุด

จากนั้นมองไปที่กู้ชิงหยิ่งแล้วพูดว่า “คุณกู้เคยทำกับข้าวจริงๆ เหรอคะ?”

กู้ชิงหยิ่งมองไปที่มันฝรั่งขนาดเท่าลูกท้อก็รู้สึกเขินเล็กน้อย จากนั้นแลบลิ้นแล้วพูดอย่างขำขัน “หนูเคยช่วยคุณแม่ต้มน้ำอยู่”

ฟ่านลู่ “.…..”

คุนหลุน “.…..”

ในขณะนี้ เฉินตงกับหลี่หลานก็เดินลงมาพอดี

เมื่อเห็นภาพนี้ แม่ลูกทั้งสองก็ยิ้มให้กัน

นี่มัน……ให้ความรู้สึกของความเป็นครอบครัวแล้วนะ

บทที่ 70 เขาเป็นพ่อของแก!

ระหว่างที่หลี่หลานพักอยู่ที่โรงพยาบาล เฉินตงไม่เคยบอกเธอเรื่องความร่ำรวยชั่วข้ามคืนของตนเองและคนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน

ยี่สิบกว่าปีที่ทอดทิ้งครอบครัวไป เขากลัวว่าเหตุการณ์นี้จะกระตุ้นแม่ของเขา

แต่ว่า วันนี้ควรจะสารภาพเรื่องนี้กับแม่ได้แล้ว

ได้ยินกู้ชิงหยิ่งพูดว่าเซอร์ไพรส์ หลี่หลานก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มและไม่ได้ซักไซ้ต่อไปอีก

จัดเก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก็เสร็จเรียบร้อย

ทั้งห้าคนขึ้นรถสองคัน มุ่งหน้าไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานด้วยกัน

ระหว่างทางมีกู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ไปด้วย หลี่หลานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก รู้สึกกลมเกลียวแน่นแฟ้น

ภายในใจของเฉินตงกำลังพิจารณาใคร่ครวญ ว่าควรจะพูดกับแม่ถึงสิ่งที่เขาประสบพบเจออย่างไรดี

ขณะที่รถขับขึ้นเขาเทียนซาน

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่หลานก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

“ตงเอ๋อ บ้านใหม่อยู่บนเขาเทียนซานงั้นเหรอ?”

เขตวิลล่าเขาเทียนซานเป็นเพดานราคาของเมืองนี้ และระดับชื่อเสียงที่ทุกคนต่างรู้จักไม่ใช่สิ่งที่เกินจริง

เฉินตงยิ้มพร้อมกับพยักหน้า

หลี่หลานมีสีหน้าช๊อค ริมฝีปากที่ซีดจางมีเสียงพึมพำเบาๆ

แต่ท้ายที่สุด เธอก็ยังอดกลั้นต่อไปโดยไม่ซักถามเพิ่มเติมเลย

เพียงแค่ตลอดทาง ท่าทางของหลี่หลานมีความมึนงงเล็กน้อย ทิวทัศน์ที่สวยงามนอกหน้าต่างรถและที่ตั้งของบ้านใหม่ทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนกับความฝัน

เธอรู้สถานการณ์ภายในบ้าน ถึงแม้เฉินตงจะเป็นรองประธานบริษัทไท่ติงด้วยเงินเดือนหนึ่งล้านต่อปี

แต่ว่าเงินทั้งหมด ทั้งใช้เพื่อรักษาอาการป่วยของเธอ ทั้งถูกหวางหนันหนันเอาไปให้ครอบครัวของเธอ

ภายในบ้านเหลือเงินเก็บไม่มากจริงๆ!

การดำเนินการปลูกถ่ายตับของเธอในครั้งนี้ และการหย่าร้างของเฉินตงกับหวางหนันหนันก็ควรจะทำให้ไม่มีเงินมานานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ราคาบ้านของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน นั่นมันมีราคาสูงลิบลิ่ว!

ถึงแม้ว่าเงินเดือนต่อปีของเฉินตงจะเป็นล้าน ก็ไม่มีทางซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างแน่นอน!

จนกระทั่งรถหยุดตรงหน้าวิลล่าบนเนินเขา ขณะที่กู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ประคองเธอเดินเข้าไปในวิลล่า

ในที่สุดหลี่หลานก็เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน

ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แล้วก้าวทีละฝีก้าวเดินเข้าไปในวิลล่าแล้วค่อยหายใจถี่ขึ้นอย่างช้าๆ

“คุณป้าคะ นี่คือบ้านหลังใหม่ที่เฉินตงเตรียมไว้สำหรับคุณค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งประคองหลี่หลานอย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวล

“เป็นบ้านใหม่…จริงเหรอ?”

หลี่หลานยังคงไม่อยากจะเชื่อ

ในใจของเธอ บ้านของที่นี่เป็นสิ่งที่ไกลเกินอาจเอื้อม เธอเลี้ยงดูเฉินตงให้เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวและลำบากยากแค้น ถึงแม้แต่ในความฝัน ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถได้อยู่บ้านแบบนี้

ลานสนามที่มีขนาดกว้าง เป็นสนามหญ้าที่มีต้นหญ้าสีเขียวเล็กๆ และยังมีภูมิทัศน์ของน้ำพุที่งดงาม

ทุกๆอย่าง ในใจของหลี่หลานล้วนแต่เหมือนกับ “ดินแดนมหัศจรรย์”

เฉินตงและคุนหลุนที่แบกสัมภาระได้เดินอย่างรวดเร็วไปยังด้านหน้าวิลล่า เฉินตงหยิบกุญแจบ้านออกมา

คลิก!

เสียงเปิดประตู สำหรับหลี่หลานแล้ว มันเหมือนกับฟ้าร้องเสียงดังลั่น ทำให้ร่างของเธอสั่นเทาในทันที

“แม่ครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”

ในตอนที่พูดด้วยเสียงกระซิบอย่างนุ่มนวลออกมานั้น เบ้าตาของเฉินตงก็ค่อยๆกลายเป็นสีแดง

ตั้งแต่เล็กจนโต แม่ของเขาต้องกล้ำกลืนความทุกข์ยากเพื่อเลี้ยงดูเขาให้เติบใหญ่

หลังจากเรียบจบแล้วเขาทำงานอย่างหนักเพราะแค่ต้องการเป็นนกอินทรีที่คอยหา่อาหารมาป้อน ทำให้แม่ของเขาได้มีความสุข แต่แม่ของเขากลับป่วยหนักแล้วหวางหนันหนันก็มาเอาเงินช่วยชีวิตแม่ไปให้ครอบครัวของเธอ มันเหมือนกับการลากเขาลงไปในนรก

และการปรากฏตัวของท่านหลง กลับเป็นการดึงเขาขึ้นสวรรค์

ครั้งหนึ่งในนรก และครั้งหนึ่งในสวรรค์ มีเพียงผู้ที่ผ่านประสบการณ์จริงเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความหมายในนั้น การพูดนั้นยาก แต่การแสดงออกนั้นชัดเจน

“ดี…ตงเอ๋อคนดี ลำบากลูกแล้ว ลำบากแล้ว”

หลี่หลานไม่ซักถามอย่างอื่นเลย ดวงตาเป็นสีแดงและมีน้ำตา เธอกอดเฉินตงจากนั้นก็ยิ้มและพูดกับกู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ว่า: “มาเร็ว กลับบ้านกัน กลับบ้านกัน”

กลุ่มคนเดินเข้าไปในบ้านอย่างปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด

กู้ชิงหยิ่งที่ดึงเฉินตงด้วยมีใบหน้างามแดงเล็กน้อย จงใจกระซิบในตอนท้ายว่า : “ได้ยินไหม คุณป้าให้ฉันกลับบ้านแล้ว”

“ก็ไม่มีปัญหานี่นา” เฉินตงยิ้มเล็กน้อย

ดวงตากู้ชิงหยิ่งส่องแสงวาววับแล้วชำเลืองมองอย่างตำหนิ : “คุณมันคือตาทึ่ม”

คุนหลุนและฟ่านลู่ช่วยกันจัดกระเป๋าเข้าไปตามตำแหน่ง

หลี่หลานนั่งคนเดียวบนโซฟาห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง เธอมองไปรอบๆด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าจนพร่ามัว

แล้วมองเห็นเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินเข้ามา

หลี่หลานยิ้มอย่างใจดี : “ตงเอ๋อ วิลล่านี่น่าจะมีระเบียงใช่ไหม? แม่ดูในโทรทัศน์มีทุกหลังเลย พาแม่ขึ้นไปดูได้หรือเปล่า?”

“คุณป้าคะ บนระเบียงลมแรงมาก คุณ…”

กู้ชิงหยิ่งกังวลถึงร่างกายของหลี่หลาน แต่ก่อนที่จะพูดจบก็ถูกเฉินตงแอบบีบมือยับยั้งเอาไว้แล้ว

“โอเคครับแม่”

เฉินตงยิ้มแล้วประคองหลี่หลานเดินขึ้นไปยังระเบียงดาดฟ้าชั้นบน

เขารู้ว่าแม่ไม่ได้อยากดูอะไร แต่มีสิ่งต้องการถามที่ระเบียงกว้าง

ดอกไม้หลายร้อยชนิดแข่งขันกันเบ่งบาน สายลมพัดโชยนำพากลิ่นหอมมาในอากาศ

เฉินตงประคองหลี่หลานนั่งลงบนเก้าอี้

ใบหน้าของหลี่หลานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอมองซ้ายมองขวา โดยยังมิได้รีบร้อนที่จะพูดอะไร

“แม่ อยากถามอะไรเหรอครับ?” เฉินตงนั่งลงข้างๆ

ทันใดนั้นหลี่หลานก็ยกมือขึ้นแล้วตบลงไปบนแขนของเขาฉาดหนึ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าถมึงทึง : “ลูก ลูกทำสิ่งผิดกฎหมายใช่ไหม?”

แม่นึกว่าฉันทำอะไรที่ผิดกฎหมายถึงได้ร่ำรวยสินะ?

เฉินตงตกใจ แต่ไม่ได้โกรธ

ตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้ว่าครอบครัวจะลำบากขนาดไหน แม่ก็สั่งสอนเขาไม่ให้ขโมยหรือฉกฉวย โดยจะต้องทำงานอย่างหนักพยายามด้วยตัวเอง

ด้วยปัจจัยของครอบครัว จู่ๆเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เป็นเรื่องปกติมากที่คนสูงวัยในบ้านจะคิดในแง่นั้น

เขาหัวเราะเบาๆ : “แม่ครับ แม่สอนผมมา ผมไม่เคยลืมเลยแล้วจะเป็นไปได้ยังไง?”

“งั้นลูกก็พูดมา ว่าบ้านนี้มันคือเรื่องอะไรกัน?”

ดวงตาสีแดงของหลี่หลานชี้ไปโดยรอบ : “อย่าคิดว่าแม่ป่วยจนสับสนไปแล้ว ใครจะไม่รู้ว่าราคาบ้านของวิลล่าเทียนซานสูงแค่ไหน? ทำไมจู่ๆลูกถึงซื้อบ้านที่นี่ได้?”

เทียบกับความประหลาดใจแล้ว เวลานี้หลี่หลานรู้สึกกังวลใจมากกว่า

เธอไม่ใส่ใจความยากจน และไม่ใส่ใจต่อความลำบาก

แต่เธอใส่ใจว่าลูกชายของตนเองจะทำเรื่องเลวร้าย!

เฉินตงยิ้ม แล้วทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นขมขื่นเล็กน้อย เขามองแม่ด้วยดวงตาแดงก้ำลึกล้ำ : “แม่ครับ ที่จริงพ่อยังไม่ตายใช่ไหม?”

ตูม!

หลี่หลานราวกับถูกฟ้าผ่าทันใดนั้นความโกรธก็แข็งตัวอยู่บนหน้าของเธอ

รูม่านตาของเธอค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น แล้วปรากฏเป็นสีหน้าตระหนกตกใจอย่างยิ่ง

“ผมรู้ว่าเขายังไม่ตาย”

เฉินตงนั่งยองๆลงข้างกายแม่แล้วเงยหน้าขึ้นมองแม่ของเขา : “ในตอนนั้นเขาแค่ทอดทิ้งพวกเราไปเท่านั้นเอง ไปเสาะแสวงความมั่งคั่งร่ำรวยและยศศักดิ์”

“ลูก ลูกรู้ได้ยังไง?”

หลังจากที่ตื่นตกใจแล้ว ทันใดนั้นท่าทางการแสดงออกของหลี่หลานก็ซึมเศร้าลงไป อาการอย่างนี้ แม้แต่เฉินตงก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

เฉินตงค่อยๆกล่าวอย่างช้าๆว่า : “เพราะว่าครั้งนี้เขากลับมาเพื่อช่วยผม”

“เขาอยู่ที่ไหน?” ดวงตาของหลี่หลานเป็นประกายวาบ แล้วรีบร้อนต้องการลุกขึ้นยืน

เฉินตงรีบปลอบใจ : “เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ คนที่มาคือท่านหลงคนรับใช้ของเขา หลังจากที่หวางหนันหนันเอาเงินสำหรับการผ่าตัดของแม่ไปก็เป็นท่านหลงที่ปรากฏตัวออกมาและช่วยผมจ่ายเงินสำหรับการผ่าตัดให้แม่”

“หลังจากนั้น เขายังให้บัตรเครดิตพ่อที่ขี้ขลาดนั่นกับผมด้วย ดังนั้นตอนนี้แม่ถึงได้เห็นสิ่งเหล่านี้ยังไงล่ะครับ”

เมื่อได้ฟังแล้ว

ประกายในดวงตาของหลี่หลานได้หล่นหายไป เธอทรุดตัวกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหดหู่ แล้วก้มหน้าลงมองสองมือที่วางอยู่บนหัวเข่าอย่างเงียบๆไม่พูดอะไร

ดวงตาของเฉินตงเป็นสีแดง เขากลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา

“แม่ครับ แม่ว่ามันตลกหรือเปล่า? ตอนนั้นเขาละทิ้งครอบครัว ทิ้งขว้างพวกเราสองคนแม่ลูก ตอนนี้ จู่ๆก็กลับมาทำเป็นคนดี”

เพี้ยะ!

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างกังวานและคมชัด

เฉินตงตกตะลึง รอยนิ้วมือปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของเขา

หลี่หลานจ้องมองด้วยความโกรธและตะโกนว่า : “เขาคือพ่อของแก แกไม่มีสิทธิ์ใส่ร้ายเขาแบบนี้ ตอนนั้นเขาถูกบังคับให้ทำ!”

บทที่ 69 แม่ พวกเรากลับมาบ้านใหม่แล้ว

เสียงตะโกนอื้ออึงที่ทำให้หูแทบหนวก

แสงเจิดจ้าที่บาดตา

ในขณะนี้ เฉินตงกลับสงบนิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เขายืนอยู่ที่เดิม จ้องมองผีร้ายนรกที่อยู่ตรงข้าม ไม่ขยับเขยื้อน

เขาไม่ได้เติบโตมาโดยได้รับการอุ้มชูทะนุถนอม เปรียบเทียบกับคนทั้งหลายแล้วยังมีประสบการณ์เยอะกว่ามาก

มีชีวิตหรือตายเพียงแค่ในชั่วพริบตา

ตายเสียยังดีกว่าอยู่กลับเป็นการรอคอยที่ยาวนาน

หวาดกลัวชีวิตและความตาย มันคือสัญชาตญาณ

แต่หลังจากได้พบกับประสบการณ์อยู่อย่างสู้ตายมาแล้ว ทุกคนย่อมล้วนที่จะมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความตาย

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? มันไม่ควรจะอยู่ในสภาพนี้สิ…”

ผีร้ายนรกได้พัดกระพือคลื่นขนาดใหญ่ในใจของเขา เขาเคยชินกับการบีบคู่ต่อสู้ไปสู่ความหมดหวัง จากนั้นใช้กระบวนท่าสุดท้ายอีกครั้งก็เพื่อความรู้สึกพึงพอใจในชัยชนะที่เหนือกว่าของตนเอง

แต่ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินตง กลับทำให้เขารู้สึกเกินความคาดหมาย

โธ่เว้ย!

มือขวาของเขาสั่น

กริชที่เย็นเยียบดีดออกจากวงแหวนอีกครั้ง

“ตาย!”

เขาคำรามออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ผีร้ายนรกพุ่งมาทางเฉินตง

การโจมตีของเขาก่อนหน้านี้ยังคงพยายามปกปิดเอาไว้

แต่ว่าครั้งนี้ กริชของเขาส่องสว่างภายใต้แสงไฟ ทุกคนต่างให้ความสนใจ

“แกเสียขวัญแล้ว”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย

เสียงกระซิบแผ่วเบาดังเข้าหูของผีร้ายนรก แต่กลับเหมือนฟ้าร้องระเบิดเสียงออกมา

และในตอนที่ผีร้ายนรกได้เสียสมาธิไปเล็กน้อยเช่นนี้

เฉินตงขยับตัวในทันทีทันใด ร่างนั้นวูบไหวในชั่วพริบตา แล้วหลบกริชวงแหวนที่แทงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือมีดข้างขวายกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงาซ้อน แล้วตกลงไปบนลำคอของผีร้ายนรกอย่างอุกอาจ

ปึ้ก!

เสียงอู้อี้ดังขึ้น

ในเวลาเดียวกันก็มาพร้อมกับเสียงครวญครางที่เจ็บปวดลึกล้ำจากคอของผีร้ายนรก

ตูม!

ผีร้ายนรกล้มลงไปบนพื้น!

ในความมืดมิด เสียงตะโกนอื้ออึงที่ทำให้หนวกหู

เงียบกริบไปโดยฉับพลัน

ทุกสายตามองไปบนตัวเฉินตงจนเหมือนกับถูกปกคลุมด้วยดาบแหลม

“ฟู่ว…”

เฉินตงถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้เหลือบมองไปที่ผีร้ายนรกสักแว้บเดียวแล้วเขาก็หมุนตัวเดินไปยังทิศทางของประตูกรงเหล็ก ฝ่ามือมีดตีเข้าไปที่ลำคอ ถึงแม้ไม่ตาย แต่ก็ไม่ไกลจากความตาย!

ตึงตึง….

เสียงกระแทกประตูกรงเหล็กได้ปลุกผู้ตัดสินที่เฉื่อยชา

ผู้ตัดสินกระวีกระวาดเปิดประตู เฉินตงค่อยๆเดินออกจากกรงเหล็กอย่างช้าๆ

เขาจับแขนซ้ายด้วยมือขวาและเดินไปถึงด้านหน้าคุนหลุน

หลังจากนั้นนิ้วกลางของมือขวาก็ยกขึ้น : “เชี่ยเอ๊ย!”

ก่อนเข้าไปในกรงเหล็ก คุนหลุนสัญญาว่าหากมีสิ่งผิดปกติเขาจะยื่นมือออกมา แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ คุนหลุนก็แค่ยืนดูอยู่ด้านข้าง

หลอกกันทั้งนั้น!

คุนหลุนยิ้มออกมา : “คุณชาย คุณก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากเลยนะครับ”

“ไปโรงพยาบาลได้แล้ว” เฉินตงพูดอย่างไม่มีทางเลือก

หลังจากที่คนทั้งสองจากไป กูหลังเป็นคนแรกสุดที่มีปฏิกิริยาตอบสนองคืนกลับมา

เขามองย้อนกลับไปที่เงาร่างของคนทั้งสองกำลังค่อยๆเลือนหายไปในความมืด มือทั้งสองของเขากำแน่นเป็นหมัด มีประกายแน่วแน่สว่างวาบอยู่ในดวงตาของเขา

และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที โรงยิมมวยใต้ดินที่เงียบสงัดก็เดือดพล่านขึ้นมาในที่สุด

“แม่งเอ๊ย…ทำไมเหมือนกับคราวก่อนอีกแล้ว ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่?”

“แพ้แล้ว กูเสียเงินหนึ่งแสนเหรียญอีกแล้วสินะ!”

“เห็นอยู่ชัดๆว่าเกือบตายไปแล้ว ทำไมถึงยังพลิกกลับมาได้ล่ะ?”

…….

เสียงนั้นดังสนั่น จนแทบจะยกหลังคาโรงยิมมวยใต้ดินให้เปิดออก

มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บแค้น

และผู้ชมทุกคนล้วนแต่ไม่รู้ว่า ที่ชั้นบนของโรงยิมมวยใต้ดิน ยังมีห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง

ห้องส่วนตัวนี้มีจำนวนไม่มาก ทุกห้องล้วนแต่เป็นสถานที่รับรองบุคคลที่มีชื่อเสียงและเกียรติยศของเมืองนี้

สิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไม กูหลังต่อสู้อยู่ที่โรงยิมมวยใต้ดิน แต่ยังสามารถได้รับข้อเสนอจากพวกเศรษฐี

หนึ่งในห้องส่วนตัวนั้นมีแสงไฟสลัว

ด้านหน้าของกระจกขนาดใหญ่มีเงาของคนๆหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ

มองออกไปที่ทางของโรงยิมมวยใต้ดิน จากนั้นไม่นาน มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า นายจะยอดเยี่ยมขนาดนี้…”

……..

ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เฉินตงเงียบเสียงไม่พูดไม่จาและมองออกไปนอกหน้าต่าง

คุนหลุนที่ด้านข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง เรื่องเมื่อสักครู่นี้ เขารู้ว่าอย่างน้อยที่สุดในใจของเฉินตงคิดว่าเขาหลอกหลวงตนเอง

คนขับรถแท็กซี่มองดูสภาพน่าอนาถของเฉินตงก็ยังตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร

บรรยากาศนั้นราวกับจะจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง

เป็นเวลานาน

ในที่สุดคุนหลุนก็เปิดปากกล่าวอธิบายว่า : “คุณชายครับ เมื่อกี๊นี้ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ ผมต้องการทำให้คุณเดินออกมาจากนรกและส่งคู่ต่อสู้ของคุณไปที่นรก”

“ความตายที่เหมือนกับสายลมนี้ต้องอยู่กับตัวฉันตลอดเลยเหรอ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเยาะและมองนอกหน้าต่างต่อ แสงในดวงตาค่อยๆล้ำลึก

เขาพึมพำด้วยเสียงกระซิบเบาๆ

“ที่จริงแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันกับแม่ก็ตกนรกมาตลอด”

คุนหลุนตกตะลึง

ในการต่อสู้ คำว่าลูกสวะกลับขุดความทรงจำที่เฉินตงไม่อยากแสดงให้ใครเห็นมาโดยตลอดออกมา

เขาหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง

“นายเคยเห็นเด็กอายุสี่ขวบไปเคาะประตูบ้านและคุกเข่าขอเงินเพื่อช่วยชีวิตแม่ของเขาท่ามกลางสายลมและหิมะในวันส่งท้ายปีเก่าที่ทุกคนมารวมตัวกัน และสุดท้ายภายใต้เสียงหัวเราะเยาะเย้ยว่าลูกสวะก็เจียดเงินเล็กน้อยเพื่อการกุศลมาช่วยแม่ของเขาจนได้ไหมล่ะ?

“นายเคยเห็นแม่คนหนึ่งที่อายุสามสิบผมก็เปลี่ยนสีขาวแล้ว ต้องอดทนกับความคับแค้นใจต่อการถูกดุด่าและการเฆี่ยนตีทุกประเภท ทุกข์ทนครึ่งชีวิตเพียงแค่ต้องการเลี้ยงดูลูกคนหนึ่งหรือเปล่า?

ตงเฉินหันศรีษะช้าๆ ดวงตาเป็นสีแดงนานแล้ว

มองดูคุนหลุนที่งุนงงแล้วเขาก็ยิ้ม: “ฉันเคยเห็น…ยี่สิบกว่าปี!”

ริมฝีปากของคุนหลุนขยับกำลังจะพูด

เฉินตงกลับลูบหน้าแล้วสีหน้าท่าทางก็กลับสู่ความสงบ : “ฉันรู้ว่านายปีนออกมาจากกองซากศพ แต่นายไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความตายกับตายเสียยังดีกว่าอยู่ นายต้องการให้ฉันเดินออกมาจากนรก แต่ไม่รู้ว่าฉันมีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าตายในขุมนรกมานานกว่า 20 ปี”

“ขอโทษครับ…” เมื่อคุนหลุนรู้ว่าได้ทิ่มแทงเรื่องเจ็บปวดใจของเฉินตงก็รีบกล่าวขอโทษ

เฉินตงโบกมือและหัวเราะขึ้นมา

ในตอนนี้ ไม่มีความเศร้าซึมและความเศร้าสลดอย่างเมื่อครู่นี้อีกแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างและความอุตสาหะ

“ฉันไม่เคยยอมแพ้ และไม่รู้ว่าการยอมแพ้คืออะไร ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ก้าวเดินเป็นขั้นตอนอย่างนี้ ต่อจากนี้ก็จะเดินไปไกลมากขึ้นและสูงยิ่งขึ้น”

พูดแล้ว เฉินตงก็ตบไหล่คุนหลุนพร้อมกับยิ้มและพูดว่า: “ขอบคุณนะ พอคิดดูดีๆ ถ้าหากเมื่อกี้นี้นายยื่นมืออออกมา ฉันคงไม่มีทางคาดเดาได้อย่างทะลุทะลวง”

ช่วงเวลาสองสามวันหลังจากนั้น เฉินตงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลโดยตลอด

การต่อสู้ที่โรงยิมมวยใต้ดินทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

แต่ยังดีที่ในวันที่เปิดขายพรีเซลส์หลงถิงฮัวหยวน บ้านทุกหลังถูกขายออกไปจนหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่ตามมาทีหลัง มีพวกของเสี่ยวหม่าคอยรับผิดชอบจัดการก็โอเคแล้ว

การเตรียมพร้อมสำหรับการขายพรีเซลส์ของอสังหาริมทรัพย์ครั้งที่สอง คนในบริษัทก็ทำได้ดีเช่นกัน

เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บยังคงปิดบังแม่เอาไว้แล้วก็ยังไม่บอกกับกู้ชิงหยิ่งด้วยเช่นกัน

เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากที่จะทำให้ผู้หญิงสองคนที่สำคัญที่สุดของเขาต้องกังวลใจ

เพียงชั่วพริบตา เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

ในวันนี้ เฉินตงให้คุนหลุนช่วยดำเนินการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่

ถึงแม้จะได้คำสั่งเด็ดขาดจากแพทย์และพยาบาล เขาก็ยังคงเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างแน่วแน่

เป็นเพราะว่า วันนี้คือวันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล

แล้วก็เป็นวันที่เขาจะพาแม่ไปดูบ้านใหม่อีกด้วย

ขณะที่เขาและคุนหลุนรีบไปที่ห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลลี่จิง

ก็มองเห็นกู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ที่มาถึงก่อนนานแล้วกำลังช่วยกันจัดเก็บข้าวของ

และหลี่หลานกำลังนั่งรออยู่ข้างๆ

ถึงแม้ว่าจะยังอ่อนแอ แต่เทียบกับเมื่อก่อนแล้วหลี่หลานมีสภาพที่ดีขึ้นมาก และเป็นไปตามมาตรฐานของการออกจากโรงพยาบาลด้วย

และขณะที่เฉินตงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยนั้น ผลไม้และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพกองใหญ่ตรงมุมห้องได้ดึงดูดความสนใจของเขาทันที

ผลไม้และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่กองพะเนินอยู่ตรงมุมห้องแทบจะครองพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของห้องผู้ป่วยอยู่แล้ว

“นี่ใครส่งมาให้เหรอ?”

เฉินตงถามด้วยความประหลาดใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของกู้ชิงหยิ่งก็มีประกายวาบขึ้นมาทันที ส่วนหลี่หลานก็ก้มหน้าลง

ฟ่านลู่พูดว่า : “คนของตระกูลหวางส่งมาก่อนหน้านี้น่ะ”

ทันใดนั้นเฉินคงรู้สึกขบขันเล็กน้อย

ความโลภนี่ยังน่าเกลียดได้อีกหน่อยงั้นเหรอ?

เสียงพูดเพิ่งจะจบลง จู่ๆหลี่หลานก็พูดขึ้นว่า : “เสี่ยวลู่ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว เอาของเหล่านี้ส่งต่อให้ที่เคาท์เตอร์พยาบาลเถอะนะ ให้พวกเขาช่วยแจกจ่ายกับเพื่อนผู้ป่วยเหล่านั้น ฉันไม่อยากกินของตระกูลหวาง มันน่าขยะแขยง”

เฉินตงตะลึงทันที

แม่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโตและเขายังติดนิสัยนุ่มนวลและอดกลั้นของแม่มาด้วย โดยปกติแล้วแม้แต่คำพูดแรงๆล้วนแต่ได้ยินจากปากของแม่น้อยมาก”

“อ๊ะ คุณป้า อยากจะแจกจริงๆเหรอคะ?”

ฟ่านลู่ที่มีนิสัยขยันและประหยัดเกิดความรู้สึกทนไม่ได้ ข้างของในที่นี้อย่างน้อยๆก็มีมูลค่าหลายพันเหรียญแล้วนะ ยกให้ฟรีๆก็น่าเสียดาย

“ลูกชายของฉันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะมาล่อหลอกได้ตามใจหรอกนะ ตระกูลหวางทำกับลูกชายของฉันขนาดนั้น ฉันยังต้องรักษาหน้าด้วยหรือไง?”

สีหน้าของหลี่หลานบูดบึ้ง ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ถุงผลไม้ตรงหัวเตียง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “เอาของที่เสี่ยวหยิ่งมอบให้กลับที่บ้าน ก็อร่อยพอแล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว

ท่าทีที่สับสนของกู้ชิงหยิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที

เฉินตงเองก็แสดงรอยยิ้มออกมาและเหลือบมองแม่ของเขาอย่างซาบซึ้ง

“แม่ครับ พวกเราออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปที่บ้านใหม่กันนะครับ”

“บ้านใหม่?” หลี่หลานตกตะลึงในทันที “ตงเอ๋อ พวกเรามีบ้านใหม่เมื่อไหร่กัน?”

“คุณป้าคะ ไปเถอะ นี่เป็นเซอร์ไพร์ที่เฉินตงอยากจะมอบให้คุณป้านะคะ” กู้ชิงหยิ่งจับแขนของหลี่หลานอย่างมีความสุข

บทที่ 68 จะกลัวอะไรกับความตาย?

ท่ามกลางความมืด มีเสียงตะโกนอื้ออึงจนหูแทบหนวก

ไม่มีใครสนใจสถานการณ์ในกรงเหล็กเลย

สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือกำปั้นกระแทกเนื้อจนนองเลือดและการวางเดิมพันในการพนันขันต่อของตนเอง

หลายๆคนมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับเฉินตงที่สวมหน้ากากสีขาว

เพราะในการต่อสู้คราวก่อน เฉินตงทำให้พวกเขาต้องเสียเงิน

ด้านนอกกรงเหล็ก คุนหลุนคิ้วขมวดแน่น แล้วเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำว่า : “กูหลัง โรงยิมมวยใต้ดินของคุณ ได้ตั้งข้อจำกัดใดๆเอาไว้หรือเปล่า?”

“ข้อจำกัด?” กูหลังผงะ

คุนหลุนพูดขึ้นว่า : “อาวุธ!”

ตูม!

กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า แล้วมองดูผีนรกในกรงเหล็กอย่างเหลือเชื่อ

เขาไม่สงสัยในคำพูดของคุนหลุนเลยแม้แต่น้อย เพราะความแข็งแกร่งของคุนหลุนคือหลักฐานที่ดีที่สุดในคำพูดของเขา

เพียงแต่ว่า…อาวุธอยู่ที่ไหน?

ภายในกรงเหล็ก เฉินตงลองขยับแขนซ้ายของตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกผีร้ายเตะจนหัก แต่หลังจากที่กระดูกแตก เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดจนยากที่จะทนได้

เห็นได้ชัดว่า อย่างน้อยๆในการต่อสู้นี้ แขนซ้ายของเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว

เขาไม่ได้ค้นหาลงลึกไปว่าทำไมผีร้ายนรกถึงสามารถสวมรองเท้าที่หุ้มนิ้วเท้าทั้งสองข้างเข้าสู่สนามประลองได้ แม้แต่สถานที่ที่ผู้คนมองไม่เห็นแสงสว่าง เขาไม่คาดหวังเลยจริงๆว่าจะมีความฉลาดในการตั้งกฎนี้

เฉินตงพยายามสูดลมหายใจอย่างแรงและสงบสติอารมณ์ของเขา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามราวกับนกอินทรี

การต่อสู้ในครั้งนี้ รุนแรงมากกว่าการต่อสู้กับกูหลังคราวก่อน

ครั้งก่อนถึงแม้ว่าเขาจะถูกกูหลังกำราบได้ในตอนแรก แต่ก็ยังไม่โหดร้ายถึงขนาดเสียแขนข้างหนึ่งไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ในการต่อสู้ที่สิ้นหวังเช่นนี้แล้ว สูญเสียพลังการต่อสู้จากแขนข้างหนึ่งไป มันมีความหมายว่าเข้าใกล้กับความตายมาอีกก้าวหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการรบของผีร้ายนรกเห็นได้ชัดว่าต้องการจะเอาคู่ต่อสู้ถึงตายเท่านั้น

“คริคริ…”

ภายใต้แสงไฟผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแผดเสียงหัวเราะโหยหวนออกมาราวกับผี : “สัญชาตญาณการต่อสู้ของแกแข็งแกร่งจริงๆ…ที่ฉันเคยเจอมา…แกแข็งแกร่งที่สุด”

เฉินตงแสดงท่าทางเคร่งขรึม เขาค่อยๆยืดเอวที่งอตัวอยู่ขึ้นมาให้ตรงแล้วบกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“แต่แกก็ต้องตาย”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผีร้ายนรกก็กระแทกเท้าขวาของเขาบิดลงบนพื้น เสื้อคลุมสีดำทำให้เขาดูราวกับผี แล้วพุ่งเข้าหาเฉินตงด้วยความเร็วสูง

ฟึ่บ!

เสียงแหวกลมดังขึ้น เฉินตงรู้สึกได้ถึงทิศทางที่ลาดเอียงจนเกิดภาพซ้อนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

มันคือลูกเตะของผีร้ายนรก!

เฉินตงไม่กล้าที่จะเข้าขวางอีก จึงดีดตัวบินออกไปในทิศทางแนวนอน

ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางไปเทียมกับโลหะได้

หลังจากถูกผีร้ายนรกเตะจนกระดูแขนแตก ถ้าหากว่าเขายังคิดจะต่อกรกับผีร้ายนรกซึ่งๆหน้า นั่นเท่ากับว่าได้สร้างหลุมในสมองของเขาแล้ว

ดูเหมือนว่าผีร้ายนรกจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว

ในเวลาเดียวกันที่เฉินตงได้โยกออกไปในนอนแนว เสียงลอยหึ่งของหมัดขวา ก็กระแทกเข้ามาที่หัวของเฉินตงอยากอุกอาจ

ต้องการที่จะคร่าชีวิต!

ปึง!

หมัดขวาของเฉินตงระเบิดออกไปอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดของแรงกดที่รุนแรงได้แผ่ขยายมาตามกระดูกของนิ้วมือ

เขาย่นคิ้วเพราะรู้สึกปวด และสีหน้าก็เจ็บปวด

แต่การปะทะกันครั้งนี้ ผีร้ายนรกไม่ได้ถอยหนี เขาปล่อยหมัดขวาทะลุการป้องกันที่มือขวาที่ของเฉินตงตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา

ทันใดนั้น

อุ๊บ!

ภายใต้แสงไฟ แหวนบนนิ้วกลางที่มือขวาของผีร้ายนรกมีมีดสั้นหรือกริชเล็กๆโผล่ออกมาจากแหวนของเขา

มันเปล่งแสงอันเย็นยะเยือกออกมา

“เชี่ย!”

เฉินตงที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ในเวลานี้เขาถึงกับทนไม่ได้จนสบถออกมา

แคว่ก…

กริชนั้นได้วาดเป็นในแนวนอนและฉีกเสื้อผ้าบนหน้าอก บนผิวหนังของเขามีเส้นที่วาดเป็นบาดแผลเต็มไปด้วยเลือด

ตูม!

ในความมืด ผู้ชมทุกคนบนอัฒจันท์ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องตะโกนกันอย่างกึกก้องราวกับฟ้าผ่า

เฉินตงยืนหายใจหอบอยู่ที่เดิม ใบหน้าปกคลุมด้วยความเย็นเยียบ และเฝ้าระวังผีร้ายนรกฝั่งตรงข้าม

แม้แต่อาการบาดเจ็บที่หน้าอก เขาก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจ

เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดที่ค่อยๆแพร่กระจายทำให้หางตากระตุกอย่างทนไม่ไหว

ทั้งรองเท้าโลหะ และแหวนซ่อนมีด ไม่แปลกใจเลยที่สัดส่วนของชัยชนะในการต่อสู้จะเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!

ทันใดนั้นเฉินตงก็รู้สึกบางอย่าง ถ้าหากต่อสู้เพียงลำพังเหมือนกูหลังถึงแม้จะมีอัตราการชนะหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์

แต่อัตราการตายและการบาดเจ็บจะไม่มีทางสูงเหมือนผีร้ายนรกอย่างแน่นอน!

สายตาของเขามองไปที่ความมืดมิดโดยรอบอย่างเย็นชา

เสียงตะโกนที่ดังสนั่น ทำให้แก้วหูของเขาสั่น การหายใจก็อดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้นมา

ตาย!

นี่คือความตาย!

เปรียบเทียบกับการต่อสู้ครั้งล่าสุดกับกูหลังแล้ว การเผชิญหน้ากับผีร้ายนรกในครั้งนี้ เฉินตงมีความรู้สึกที่รุนแรงมากว่า ที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย

ภายใต้สภาพแวดล้อมโดยรอบและเงื่อนไขการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิงนี้

ทำให้เขาที่ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง ยังคงไม่สามารถมีสภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงได้

“นิ่งเข้าไว้…จะต้องนิ่งไว้…”

เฉินตงเตือนสติตัวเองในใจไม่หยุด แม้กระทั่งต้องใช้ฟันกัดปลายลิ้นด้วยซ้ำ

เป็นวิธีเดียวกันกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้กลับไม่ได้ผล

แขนซ้ายที่กระดูกแตกและบาดแผลบนหน้าอก ล้วนแต่ทำให้เขาไม่มีวิธีที่จะกลับมาสงบได้อีกครั้ง

ผีร้ายนรกยืนอยู่ที่เดิม แล้วหัวเราะ “คริคริ” ออกมาอย่างแปลกประหลาดจนเสียดหูอย่างมาก

เขาไม่รีบร้อนลงมือเลย

การฆ่าคนของผีร้ายจะต้องบีบบังคับให้คนผู้นั้นทรุดลงไปทีละก้าวก่อนแล้วถึงได้ระเบิดท่าไม้ตายสุดท้ายออกมา

“คุนหลุน จะไม่ยั้งไว้งั้นเหรอ?”

กูหลังไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เขานึกสงสัยว่าอาวุธของผีร้ายนรกอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่ปากแผลที่มีเลือดบนหน้าอกของเฉินตงได้ยินยันคำพูดของ

คุนหลุนเรียบร้อยแล้ว

ด้านหนึ่งคือมือเปล่า แต่อีกด้านกลับติดอาวุธ

การต่อสู้เช่นนี้ ภายในกรงเหล็ก สถานการณ์ต่อสู้จะมีการต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตาย!

แต่ทว่า คำพูดเย้ยหยันของคุนหลุนทำให้กูหลังอึ้งไปโดยฉับพลัน

“การเดินไปถึงเส้นขอบของความตายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความตายได้”

กูหลังมองคุนหลุนอย่างเหลือเชื่อ เมื่อดูจากน้ำเสียงของคนหลุนที่มีต่อเฉินตง ทั้งสองคนเป็นนายและบ่าวอย่างชัดเจน

นี่คือท่าทีของบ่าว….ที่มีต่อผู้เป็นนาย?

คุนหลุนค่อยๆหันกลับมา เหล่มองกูหลังทันใดนั้นก็เอ่ยถามว่า : “นายเคยฆ่าคนหรือเปล่า?”

กูหลังที่ถูกจับจ้อง ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เขาเย็นยะเยือกจนขนลุกไปทั้งตัว

เขาพยักหน้าอย่างตกตะลึง : “เคยฆ่า”

“กี่คน”

“สามคน”

คุนหลุนยิ้มอย่างเหยียดหยาม : “ฉันเคยฆ่ามากกว่าสามร้อยคน!”

เปรี้ยง!

กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า

แต่สายตาของคุนหลุนกลับมองไปที่เฉินตงในกรงเหล็กอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าพูดอยู่กับตัวเองและคล้ายจะพูดให้กูหลังได้ยิน

“ไม่ออกมาจากนรกแล้วจะส่งคู่ต่อสู้ไปนรกได้ยังไง? นายกับฉันมันต่างกัน!”

ภายในกรงเหล็กการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

ผีร้ายนรกไม่มีแผนการที่จะยุติการต่อสู้โดยเร็ว

เขาทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนเป็นการแสดงโชว์อย่างหนึ่ง

มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมที่สนามทุกคน ระเบิดเลือดภายในตัวของทุกคนด้วยความนองเลือดที่รุนแรง

ทำให้ผู้ชมทุกคนเลือดสูบฉีด

บาดแผลตกลงบนตัวเฉินตงครั้งแล้วครั้งเล่า

จนชุ่มไปด้วยหยดเลือด

ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เฉินตงหายใจถี่กระชั้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆและเปียกชุ่มไปทั้งตัว แม้แต่เขาเองยังแยกไม่ได้เลยว่าเป็นเลือดหรือเหงื่อกันแน่ที่ทำให้เปียกชุ่มไปทั้งตัว

เขารู้ว่าผีร้ายนรกกำลังปั่นหัวเขา

แต่ว่าการเล่นตลกแบบนี้ทำให้เขารังเกียจอย่างมาก

เหมือนกันกับ…การที่เขาถูกด่าทอว่า “ลูกสวะ” มาตั้งแต่เล็กจนโตเช่นเดียวกัน

ฟึ่บ!

กริชวงแหวนฟันผ่านแขนขวาของเขาไปอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้เข้าไปถึงชั้นใน แต่ดึงเป็นเส้นบาดแผลยาวเกือบสิบเซนติเมตรออกมา ผิวและเนื้อพลิกออกมาและมีเลือดพ่นกระฉูด

ปัง!

เฉินตงตะโกนร้อง “อ้า” หมัดขวากระแทกลงไปบนหน้าอกของผีร้ายนรก โต้กลับโดยใช้ประโยชน์จากแรงสั่นสะเทือน แล้วถือโอกาสก้าวถอยหลัง หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง ขาของเขาอ่อนแรงลงในทันทีและเกือบจะคุกเข่าลงบนพื้น

ในตอนนี้หน้ากากสีขาวของเขาแทบจะเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าก็ถูกฉีกขาดรุ่งริ่งและกระดำกระด่าง

ร่างกายของเขาสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้เพราะว่าความเจ็บปวดแล้วก็เป็นเพราะสัญชาตญาณการตอบสองต่อความกลัวและความตึงเครียดของมนุษย์ด้วย

“นิ่งเข้าไว้…ต้องนิ่งเข้าไว้…ตามที่คุนหลุนเคยสอน ความสงบนิ่งคือกุญแจแห่งชัยชนะ!”

เฉินตงไม่เคยยอมแพ้ต่อการควบคุมสภาวะอารมณ์ แต่สถานการณ์ของตัวเขาเองทำให้สภาวะอารมณ์ของเขาแย่ลงเรื่อยๆ

“ใกล้แล้วล่ะนะ…”

ผีร้ายนรกดึงแหวนกริชกลับมา แล้วขยับแขนทั้งสองข้าง พร้อมทำท่าเตรียมพร้อมที่จะใช้พิพากษาในการโจมตีครั้งสุดท้าย : “มือสมัครเล่นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แค่อยากจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ เมื้อโรงยิมมวยใต้ดินสามารถหลอมรวมได้ก็จริง แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์เร่ร่อนจากโลกภายนอกอย่างแก มันเป็นที่ของคนที่กล้าฆ่าคนโดยไม่มีการประณีประณอม!”

ตูม!

ร่างของเฉินตงสั่นสะท้าน สภาวะอารมณ์ที่ปั่นป่วนราวกับภูเขาไฟแข็งตัวทันที

เขากลั้นหายใจในชั่วพริบตา รอยยิ้มที่ดื้อรั้นปรากฏขึ้นตรงมุมปากเปื้อนเลือด

“ใช่แล้วล่ะ ลูกสวะเติบโตขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ก็แย่เสียยิ่งกว่าตายยังผ่านมาไำด้ แล้วจะกลัวอะไรกับความตายอีกล่ะ?”

“หืม?!”

ผีร้ายนรกส่งร้องตกใจออกมา

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ด้านนอกกรงเหล็ก

สีหน้าของกูหลังเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเอ่ยคำอุทานอย่างแผ่วเบา : “มาอีกแล้ว…”

และคุนหลุนเองก็ไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่หวาดหวั่นไว้ได้ : “ไวมาก!”

บทที่ 67 โกง

เฉินตงตะลึง

เขามองไปที่กูหลังอย่างประหลาดใจ ในช่วงเวลานั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไร

กูหลังก้มศรีษะลงด้วยท่าทีที่จริงใจ “คุณผู้ชาย ได้โปรดให้ผมติดตามคุณนะครับ”

เฉินตงยิ้มอย่างเจ็บปวดแล้วยักไหล่ : “ฉันมาที่นี่เพื่อสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้เท่านั้นเอง ไม่ใช่มาเพื่อรับสมัครน้องชาย”

กูหลังมีตัวตนเช่นไร เขาไม่ได้อยากจะลงลึกอย่างจริงจัง

แต่ครั้งแรกที่มาโรงยิมมวยใต้ดินก่อนหน้านี้ คุนหลุนได้กล่าวถึงบางเรื่องของโรงยิมมวยใต้ดินกับเขา

นักสู้ที่โรงยิมมวยใต้ดิน มีส่วนหนึ่งเป็นนักสู้ที่กระหายสงครามเช่นเดียวกับเขา มาที่โรงยิมมวยใต้ดินเพื่อสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้

และส่วนอื่นๆคือส่วนที่ไม่สามารถให้คนอื่นเห็นได้ คือคนที่ได้รับเงินจากการต่อสู้ที่โรงยิมมวยใต้ดิน

ตอนนั้นเขายังได้ถามเจาะจงเป็นพิเศษกับคุนหลุนว่าสองกลุ่มนี้ กลุ่มไหนมีจำนวนมากกว่ากัน

คำตอบของคุนหลุนทำให้เขาประทับใจอย่างลึกซึ้ง

คุนหลุนในตอนนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า : “คุณชายคิดว่าพวกที่กระหายสงครามจะไม่มีเงินสักกี่คนกันเชียว?”

ด้วยประโยคนี้ เฉินตงก็สามารถคาดเดาตัวตนของกูหลังที่อยู่เบื้องหน้าออกมาได้เช่นกัน

เขาไม่อยากจะคิดเลอะเทอะมากเกินไป

“เพราะอะไร?”

กูหลังผงะ “หลังจากที่ผมติดตามคุณ คุณไม่ต้องจ่ายเงินผมก็ได้ ขอแค่มีข้าวให้ผมกินก็พอแล้ว คุณเป็นคนเดียวที่ผมจะติดตามไปในเส้นทางข้างหน้า”

เฉินตงยักไหล่ รอยยิ้มภายใต้หน้ากากนั้นเรืองรองมากยิ่งขึ้น

ตัวตนของกูหลังไม่จำเป็นต้องให้เขาเดาอีกต่อไปแล้ว

“ต้องขออภัยด้วย ผมแค่มาสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้เท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นผมไม่เคยคิดเลย”

เฉินตงพูดอย่างตรงไปตรงมา : “การต่อสู้ในกรงเหล็กคราวก่อน ผมเพียงแค่สะสมประสบการณ์ต่อสู้เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำร้ายคุณ คุณเองก็ไม่ต้องจำใส่ใจหรอก”

เวลานี้เอง คุนหลุนเดินเข้ามา

“คุณชาย นัดหมายพร้อมแล้ว เกมที่สามคือคุณ”

เฉินตงพยักหน้า เดินไปด้านข้างแล้วไม่พูดอะไรอีก

กลับเป็นกูหลังที่ยืนอยู่ที่เดิมและใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

เขาวางเงื่อนไขไว้ต่ำมากขนาดนี้แล้ว การปฏิเสธของเฉินตงทำให้เขาคาดไม่ถึง

ตัวตนของเขาไม่สะอาดอย่างแน่นอน

แต่ว่าเขาสามารถรอคอยเป็นเวลานาน และที่โรงยิมมวยใต้ดินนี้เขาสามารถรักษาระดับของทักษะการต่อสู้ที่อาจจะได้รับชัยชนะ จึงทำให้เขามีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยในวงการมวย

เศรษฐีหลายคนในเมืองนี้ได้เสนอโอกาสให้กับเขา ต้องการจ้างเขาเป็นบอดี้การ์ด และเขาได้ปฏิเสธไปทั้งหมดแล้ว

เหตุผลที่เลือกเฉินตง เพราะการยั้งมือของเฉินตงในกรงเหล็กวันนั้น

เหตุผลข้อที่สองไม่ว่าจะเป็นเฉินตงเองหรือว่าคุนหลุนที่อยู่ข้างกายเฉินตง กูหลังรู้สึกว่าแตกต่างกันอย่างมาก

และเศรษฐีเหล่านั้นที่ต้องการว่าจ้างเขาเป็นบอดี้การ์ด มันช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว!

ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะเดิมพันสักตา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ค่าตอบแทนก็ตาม

ลมจากมังกรเมฆจากเสือ ได้ติดตามคนที่เหมาะสม เปรียบเทียบแล้วสำคัญกว่าค่าตอบแทน

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เศรษฐีทั้งหลายนั่นไม่สามารถช่วยเปลี่ยนสถานะของเขาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด แต่ก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตลอดเวลา

เขาคือ “กูหลัง” แต่ก็ไม่ชอบความมืดด้วยเช่นกัน

เขาเองก็ปรารถนามองดูท้องฟ้าและแสงแดดเจิดจ้า

ภาพการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหลัง เฉินตงมองดูอย่างเพ่งสมาธิทุกอย่าง

สำหรับเขาแล้ว ประสบการณ์ต่อสู้ของจริงทุกครั้งล้วนมีค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ถ้าหากต้องการยกระดับตนเอง มีเพียงแค่ต้องใช้พลังงานให้มากขึ้น จ่ายออกไปให้มากขึ้นกว่าคนอื่นถึงจะได้รับมากขึ้น

กูหลังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการติดตามอีก แต่กลับไม่ได้จากไป และเขายืนอยู่ด้านหลังของเฉินตงและคุนหลุน โดยสังเกตจากตอนต่อสู้ด้านในกรงเหล็กและสังเกตท่าทีของเฉินตงและคุนหลุนด้วยเช่นกัน

ในที่สุด ก็มาถึงตาเฉินตงลงสนามแล้ว

เมื่อหน้าจอแสดงชื่อของทั้งสองฝ่ายที่กำลังจะเริ่มทำสงคราม

ทันใดนั้นรูม่านตาของกูหลังก็หดตัวลงแล้วพูดอย่างหวาดกลัวว่า : “คุณระวังตัวด้วยนะ”

เฉินตงชำเลืองมองไปที่กูหลัง ถัดจากนั้นก็เหลือบมองไปที่ชื่อของคู่ต่อสู้อีกครั้ง

โรงยิมมวยใต้ดินส่วนใหญ่แล้วมักใช้ชื่อเล่นไม่ใช้ชื่อจริง

และคู่ต่อสู้ของเขาคือคนที่มีชื่อว่าผีร้ายนรก

“ว่ายังไงล่ะ?” เฉินตงเอ่ยถาม กูหลังเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงของโรงยิมมวยใต้ดินมานาน จะต้องมีความรู้เรื่องมวยมากกว่าเขา

กูหลังพูดว่า : “เขาเป็นคนที่พึ่งมาใหม่ ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ร้ายกาจ และต้องการที่จะทำร้าย อันที่จริงโรงยิมมวยใต้ดินของพวกเราถึงแม้จะดุเดือดเลือดพล่าน แต่ก็มีมิตรภาพผสมปนอยู่บ้างมาตลอดในระยะเวลายาวนาน การต่อสู้ในกรงเหล็กในตอนสุดท้ายก็เหลือทางรอดให้คู่ต่อสู้ เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ดังนั้นถึงได้ไว้ชีวิตเอาไว้”

เมื่อชะงักไปชั่วขณะ การแสดงออกของกูหลังก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง

“แต่ผีร้ายนรกคนนี้ ดูราวกับเป็นผีร้ายคลานออกมาจากนรกจริงๆ มีความต้องการเอาชีวิตคนอื่น ที่โรงยิมมวยใต้ดินเขาต่อสู้สิบเกม สู้สิบครั้ง ชนะสิบครั้ง ตายสามคนและบาดเจ็บสาหัสหกคนพิการเป็นผักหนึ่งคน”

“ฟู่ว”

ฟังผลการรบของผีร้ายนรกจบแล้ว เฉินตงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจ ไม่ต้องพูดถึงอัตราการชนะร้อยเปอร์เซนต์ก็สยองขวัญแล้ว เพียงแค่ผลลัพธ์เช่นนี้ก็เป็นการกุเรื่องให้สะเทือนขวัญได้มากพอแล้ว

เขาเคยได้ยินจากคุนหลุนว่า ถึงแม้โรงยิมมวยใต้ดินจะนองเลือด แต่อัตราการเสียชีวิตนั้นต่ำมาก เหมือนกับที่กูหลังพูด พวกที่มีประสบการณ์เจนจัดมักจะไว้ชีวิตให้กับอีกฝ่าย

ตอนที่ฮิปโปถูกชายร่างเล็กเตะจนตายเมื่อสักครู่นี้ สามารถทำให้ทั้งสนามเงียบกริบก็เป็นเพราะว่ามันน่าตกใจเกินไป

สูดหายใจเข้าลึกแล้ว เฉินตงมองไปที่คุนหลุนด้วยความกลัว : “คุนหลุน ทำไมนายถึงได้เตรียมเทพสังหารให้ฉันหล่ะเนี่ย?”

คุนหลุนยิ้มเล็กน้อย : “ขอเพียงแค่คุณเดินไปจนถึงเส้นขอบของความตาย คุณถึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วนะครับ ยิ่งคุณอยู่ใกล้เส้นขอบของความเป็นความตายมากเท่าไหร่ ก็สามารถทะลุขีดจำกัดของร่างกายตัวเองได้มากเท่านั้น”

เชี่ยเอ๊ย!

หัวใจของเฉินตงในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะสบถอยู่ในใจ

เขาต้องการทุ่มเทเพื่อยกระดับฝีมือ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เริ่มฆ่าคนเร็วขนาดนี้

คุนหลุนทหารรับจ้างคนนี้เคยชินกับการเสียเลือดเสียเนื้อมาในอดีต แล้วตอนนี้อยากจะให้เขาไปเต้นรำอยู่ที่ปากหลุมศพจริงๆเหรอ?

“วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไม่มีเรื่องอะไรแน่” คุนหลุนมองเห็นเฉินตงเกิดอาการเครียดจึงพูดปลอบใจ

เฉินตงพยักหน้า สูดหายใจเข้าระงับอารมณ์ที่กระวนกระวายเอาไว้

เขาสามารถอนุมานความแข็งแกร่งของคุนหลุนจากที่เขาเคยเห็นได้ มีเขาอยู่ ผีร้ายนรกไม่สามารถทำร้ายเขาได้หรอก

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คุนหลุนคือราชาแห่งนรก!

แล้วกรรมการได้ประกาศตามมาอย่างรวดเร็ว

ที่สนามมีเสียงร้องตะโกนดังขึ้น

เฉินตงประคองหน้ากากสีขาวบนหน้าแล้วเดินไปทางกรงเหล็กอย่างช้าๆ

และบนอัฒจันทร์ เมื่อผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนมองเห็นเฉินตง พวกเขาหลายคนจดจำเขาได้อย่างชัดเจน

ในเวลานี้พวกเขาต่างโต้เถียงกันอย่างเซ็งแซ่

“เชี่ย! นั่นมันเขา คราวก่อนเขาทำให้ฉันเสียไปหนึ่งหมื่นเหรียญ!”

“ให้ตายเถอะ สินค้านี่ทำฉันเสียไปหนึ่งแสน วันนี้ฉันจะต้องได้ทั้งต้นทุนและกำไรกลับคืนมา เขาสู้กับผีร้ายนรกจะต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ครั้งนี้ฉันจะซื้อฝั่งผีร้ายนรกสามแสนเหรียญ!”

“ฮ่าๆๆ…แก้แค้นได้แล้ว วันนี้สามารถแก้แค้นที่เสียเลือดไปเมื่อคราวก่อนได้ รออีกนิดฉันจะตั้งใจดูเลยว่าเจ้าหมอนี้ถูกผีร้ายนรกฆ่าตายยังไง”

…….

ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่เหมือนคลื่นยักษ์แล้ว

เฉินตงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เขามาเพื่อต่อสู้ แต่ยังมีใครอีกบ้างที่คุ้มค่าต่อการถูกดึงเข้ามาสู่ความเกลียดชังนี้?

พอเขาเดินเข้าไปในกรงเหล็กก็ยืนสูงตระหง่านภายใต้สปอตไลท์

ทันใดนั้น ในสนามก็ระเบิดเสียงเชียร์ที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งออกมา

ผีร้ายนรกมาแล้ว!

แต่มองดูที่อัตราส่วนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ต่อสู้ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม นั่นเพียงพอแล้วที่จะปลุกเลือดในกายของผู้คนให้เดือดพล่านโดยสมบูรณ์

เฉินตงจ้องมองผีร้ายนรกที่เดินมาจากความมืดอย่างละเอียดรอบคอบ

เขาสวมเสื้อคลุมสีดำคล้ายกับชุดนินจา แต่บนใบหน้าของเขากลับสวมหน้ากากผีร้ายที่แสดงให้เห็นเขี้ยวอันดุร้าย

ภายใต้แสงไฟ มุมปากของหน้ากากผีร้ายยกขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังหัวเราะ

ทำให้คนรู้สึกหนาวสะท้าน

ไม่ต้องมีอารัมภบทมากไปกว่า ประเด็นหลักของโรงยิมมวยใต้ดินก็คือความรุนแรงและนองเลือด

เมื่อกรรมการร้องตะโกน การต่อสู้จึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!

ไม่ต้องรอให้เฉินตงปรับแต่งกระบวนท่า ผีร้ายนรกที่อยู่ตรงข้ามก็พุ่งเข้ามาหาเขาในทันทีใด

ฮึบ!

ลูกเตะนั้นรุนแรงและทรงพลังจนทำให้เกิดภาพซ้อนจนมองเห็นไม่ชัดและตรงมาที่หัวของเฉินตงโดยตรง

เตะครั้งเดียวเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์!

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก ช่วงเวลาที่อุตลุดนั้นเอง เขายกแขนซ้ายขึ้นแล้วดันออกไปในแนวนอน

ปึง!

เกิดเสียงดังลั่น เฉินตงรู้สึกได้ถึงการถูกกระแทกเข้าอย่างหนัก จึงรีบดีดตัวบินออกมา

ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างกะทันหัน แล้วส่งเสียงกรีดร้อง “อ้า”

ความเจ็บปวดที่ค่อยๆเกิดขึ้นบนแขนซ้าย ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่นิดว่าการเตะครั้งนี้ทำให้กระดูกของเขาแตก!

หลังจากลงถึงพื้นแล้ว เฉินตงก็เจ็บปวดจนเหงื่อออกเต็มหน้า เขาแยกเขี้ยวยิงฟันสูดลมหายใจลึกเข้าไป

แต่เขากลับไม่มีความตื่นตระหนกตกใจ แต่มองไปที่ใต้เท้าของผีร้ายนรกอย่างสยดสยอง

เมื่อมองดู รูม่านตาของเขาก็หดตัวแน่นขึ้นทันทีทันใด

รองเท้าของผีร้ายนรกเป็นสีดำ

แต่ภายใต้แสงไฟนั้น การหักเหของแสงมีแสงมันวาวของโลหะจางๆออกมา

นี่มัน…โกงกันชัดๆ

บทที่65 มาที่โรงยิมมวยใต้ดินอีกครั้ง

มันทำให้หวางเต๋อและหวางเห้าเองก็ตกใจกับการกระทำของจาวซิ่วจือไม่หยุดเช่นกัน

หวางเต๋อดึงจาวซิ่วจือตามจิตใต้สำนึก : “คุณเป็นบ้าอะไร? ยังขายขี้หน้าไม่พอใช่ไหม?”

จาวซิ่วจือสะบัดหวางเต๋อออกไปด้วยท่าทางที่ระรานและจ้องเขม็งอย่างโหดร้าย

แล้วหันกลับมามีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มใบหน้าอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “ลูกเขยที่แสนดี ก่อนหน้านี้เป็นครอบครัวเราเองที่ทำไม่ถูก คุณเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีทุกอย่างมากมาย คุณมาเริ่มสร้างใหม่อีกครั้งกับหวางหนันหนันเถอะนะคะ อย่าทอดทิ้งลูกสาวของฉันเลย”

ถ่อมตนลงมาและไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนเช่นในอดีตอีกต่อไป

“ทอดทิ้ง?”

หวางหนันหนันบ่นพึมพำ คำพูดของแม่เหมือนมีดที่แผดเผา ทิ่มแทงลงไปบนหัวใจของเธออย่างโหดร้าย ทำให้เธอพังทลายลงไป รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังหมุนอยู่ในชั่วพริบตา

แม่ทำให้เธอเป็นอะไรไปแล้ว?

แม่พูดอะไรในตอนที่หย่า? ทำไมตอนนี้ยังจะพูดอย่างนี้อีก?

พึ่บ!

วางสายโทรศัพท์แล้ว

รอยยิ้มที่กองสุมอยู่บนใบหน้าของจาวซิ่วจือหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยถูกยึดและเข้าแทนที่ด้วยความเย็นยะเยือกที่มิอาจจะพรรณนา

เธอหันหัวมาแล้วบีบแขนของหวางเต๋ออย่างรุนแรง : “ไม่มีประโยชน์ชะมัด เมื่อกี้นี้คุณหยุดฉันทำไม? ฉันโทรหาลูกเขยของฉัน มันเรื่องอะไรของคุณด้วย?”

“รักษาหน้าไว้บ้างเถอะ” หวางเต๋อแสยะยิ้มด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังเอ่ยออกมา

“รักษาหน้า?”

จาวซิ่วจือยิ้มเยาะอย่างเย็นชา : “โอเค คุณจะรักษาหน้าแล้วคุณจะจัดการการแต่งงานของลูกชายยังไงล่ะ?”

“คุณ…” หวางเต๋อโดนคำพูดนี้จนสำลักและพูดอะไรไม่ออก

จาวซิ่วจือชี้ไปในโทรทัศน์แล้วพูดว่า : “คุณดูสิ ตอนนี้เฉินตงร่ำรวยขนาดไหน? ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้านายของไท่ติงไปแล้ว และตอนนี้ไท่ติงกำลังปฏิรูปภาคตะวันตกของเมือง หลังจากที่ปฏิรูปทั้งหมดจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาจะร่ำรวยขนาดไหน?”

ขณะที่พูดเช่นนี้ ดวงตาของจาวซิ่วจือเต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรอง

“เฉินตงชอบหนันหนันขนาดนั้น ตอนนี้หนันหนันจะไปขอโทษเขา แล้วจะต้องแต่งงานใหม่แน่นอน จากนั้นตระกูลหวางของพวกเราก็จะสามารถเจริญได้อีกครั้งแล้ว!”

หวางเต๋อมองไปที่จาวซิ่วจืออย่างงุนงง : “แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องวุ่นวาย เป็นเรื่องใหญ่มาก หน้าตาตระกูล

หวางของพวกเราหายไปหมดสิ้นแล้วต่อหน้าคนทั้งเมือง คุณยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่อีกงั้นเหรอ?”

“แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องโทษหนันหนันหรือไง?!”

จาวซิ่วจือกัดฟันแล้วตะโกนใส่หวางหนันหนันด้วยความโกรธ : “หวางหนันหนัน วันนี้แกทำเรื่องโง่ขนาดนี้ ทำให้ครอบครัวของเราต้องอับอายขายหน้าไปจนหมด เฉินตงเป็นคนดีมากขนาดนั้น ตอนนั้นแกคิดอะไรถึงได้หย่ากับเขา?”

“ฉันที่เป็นแม่ ต้องการให้แกไปขอโทษเฉินตงทันทีและแต่งงานใหม่กับเขา!”

ดวงตาของหวางหนานหนานบวมและแดง เธอร้องไห้มานานจนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปแล้ว

แม่รักหน้าตาของตนเองมาตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตระกูลหวางต้องอับอายขายหน้าไปอย่างสิ้นเชิง

แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ไม่ได้สนใจเรื่องที่ต้องขายหน้าเลยสักนิด แต่ที่สนใจจริงๆกลับเป็นการให้เธอไปขอโทษเฉินตงและยังให้ต่อสู้เพื่อการแต่งงานใหม่ด้วย?

“แม่คะ แม่เห็นหนูเป็นอะไร? หนูไม่ใช่คนที่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือนะคะ หนูก็มีควมารู้สึกเช่นกัน เป็นหนูที่ทิ้งเฉินตงไปตั้งแต่แรก แล้วทำไมตอนนี้ยังจะให้หนูไปขอโทษเพื่อแต่งงานซ้ำอีกรอบด้วย?” หวางหนันหนันร้องตะโกนด้วยความโกรธ

“แกยังกล้าต่อปากต่อคำกับฉันอีกเหรอ?”

จาวซิ่วจือโกรธจนหน้าแดงแล้วคำรามอย่างเกรี้ยวกราด : “หวางหนันหนัน แกต้องการจะทำให้ฉันโกรธใช่ไหม?”

ขณะที่พูด อีกด้านเธอก็มีท่าทางที่หายใจติดขัดไปด้วย

เธอรักหน้าตาของตัวเองอย่างแน่นอน แต่เธอรักเงินยิ่งกว่า

เฉินตงเป็นอดีตลูกเขยของเธอ ตอนนี้เขาร่ำรวยขนาดนี้แล้ว ขอเพียงแค่หวางหนันหนันแต่งงานใหม่กับเขาอีกรอบ ในอนาคตเงินของเฉินตงจะไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ?

ขอเพียงแค่มีเงิน หน้าตาที่เสียไปจะไม่กลับคืนมางั้นเหรอ?

ท่าทางที่หายใจติดขัดของจาวซิ่วจือทำให้หวางเต๋อตกใจ

หวางเต๋อรีบลุกขึ้นและช่วยให้หน้าอกของเธอหายใจได้สะดวก : “คุณอย่าตื่นเต้น ระวังหัวใจหน่อย”

“คุณเป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? ลูกสาวของฉันยังไม่ฟังแม้แต่คำพูดของฉันที่เป็นแม่เลย ฉันจะตายก็ช่างเถอะ!” จาวซิ่วจือปัดมือของหวางเต๋อออก

หวางเต๋อขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดและเกิดความโกรธด้วยจึงพูดอย่างขุ่นเคืองว่า : “คุณตาบอดหรือไง? เฉินตงสารภาพรักต่อกู้ชิงหยิ่งตรงสถานที่เปิดขายพรีเซลส์ของหลงถิงฮัวหยวนไปแล้ว มันไม่มีช่องว่างสำหรับทางหนีทีไล่ในเรื่องนี้เลย!”

“พูดเหลวไหล!”

จาวซิ่วจือเบิกตากว้างและด่าทอว่า : “เฉินตงและหวางหนันหนันหย่ากันมานานแค่ไหน? ก่อนหน้านี้เฉินตงชอบหนันหนันขนาดนั้น ทั้งเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดของหนันหนัน ขอเพียงหนันหนันไปขอโทษและขอคืนดี เฉินตงจะต้องสลัดนังเด็กคนนั้นกู้ชิงหยิ่งทิ้งอย่างแน่นอน!”

ภายในบ้าน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

ต่างทะเลาะกันอย่างรุนแรง

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หวางเห้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาก้าวมาข้างหน้า : “แม่ หรือว่าแม่ยังไม่รู้ตัวใช่ไหม? เฉินตงร่ำรวยอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ผมเคยพูดแล้วว่า การที่เขาหย่ากับพี่สาวจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วอย่างแน่นอน ตอนนี้ไปขอร้องแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”

“ถ้าอย่างนั้นแกยังอยากจะแต่งงานอยู่หรือเปล่า?”

ใบหน้าของจาวซิ่วจือบิดเบี้ยว ดวงตาดุร้ายมากถึงขีดสุด : “ฉันไม่สนใจว่าเขาไตร่ตรองอะไรไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองดู เฉินตงร่ำรวยมากขนาดนั้น เราต้องทนต่อไปถึงจะน่าเวทนาอีกมากแค่ไหนก็ตาม หลังจากพี่สาวของแกแต่งงานใหม่กับเขา เงินของเขาจะไม่กลายเป็นของครอบครัวเรางั้นเหรอ?”

ประโยคนี้ทำให้หวางเห้าพูดไม่ออก

การแต่งงานของเขากับหลินเสว่เอ๋อนั้นกระชั้นชิดเข้ามาแล้วจริงๆ

ครอบครัวไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ หนทางก้าวหน้าก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ตัวของเฉินตงแค่เพียงอย่างเดียวแล้ว

เห็นว่าหวางเห้าหุบปากไปแล้ว จาวซิ่วจือก็จ้องไปที่หวางหนันหนันอย่างดุร้าย

เธอไม่ได้มีความละอายใจต่อการล่มสลายทางอารมณ์ของหวางหนันหนันในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย

ในทางตรงกันข้ามกลับเพิ่มข้อหาใหญ่

“แกนังเด็กคนนี้นี่ ตัวเองอยู่ในความสุขแต่กลับไม่รู้ค่า เฉินตงเป็นลูกเขยที่ดีของฉัน อยากมีหน้ามีตาก็มีหน้ามีตา อยากได้ความสามารถก็มีความสามารถ แกที่ได้แต่งงานกับเขาตั้งแต่ตอนนั้น มันก็คือการเอื้อมถึงเขาได้แล้วอย่างแท้จริง แต่แกกลับไม่รู้จักรักษาเอาไว้!”

ตุ้บ!

หวางหนันหนันล้มลงบนพื้น ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดใจด้วยหัวใจที่แตกสลาย

แต่ว่าจาวซิ่วจือยังคงไม่หยุดและกล่าวโทษอย่างรุนแรง : “หวางหนันหนัน ฉันจะบอกแกไว้เลยนะ ถ้าแกไม่อยากให้ฉันตาย แกก็ต้องเชื่อฟังไปขอคืนดีกับเฉินตง ทำให้ลูกเขยที่แสนดีของฉันกลับคืนมา ไม่อย่างนั้นถึงฉันตายก็ไม่ขอจำว่าแกคือลูกสาว!”

หวางเต๋อและหวางเห้าที่อยู่ด้านข้างต่างมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก แต่พวกเขาต่างเลือกทีจะเงียบ

…….

อีกด้านหนึ่ง

ระหว่างทางไปโรงยิมมวยใต้ดิน

คุนหลุนมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ : “คุณชาย สายของใครเหรอครับ ถึงได้วางสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ?”

“ผีดูดเลือดเฒ่า”

เฉินตงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดวงตาแสดงออกถึงความโกรธเคือง : “แค่พูดถึงคำเดียวก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว”

ดวงตาของคุนหลุนมีประกายขึ้นวาบขึ้นมาแล้วนึกขึ้นได้ทันที

เขารู้อดีตที่ผ่านมาของเฉินตง พอมองไปข้างหน้า คุนหลุนได้พูดว่า : “คุณชาย ถึงแล้วครับ”

เฉินตงพยักหน้า ขณะที่ลงจากรถได้หยิบมือถืออกมาอีก และดึงเบอร์โทรของจาวซิ่วจือมาไว้ในรายชื่อบัญชีดำ

ความโลภของตระกูลหวางน่ารังเกียจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว!

เมื่อเข้าสู่โรงยิมมวยใต้ดิน

ความมืดที่คุ้นเคยได้เข้าปกคลุม

เสียงตะโกนที่ดังก้องสะท้อนภายในหูทำให้เลือดของคนสูบฉีดและปลุกให้ตื่นจากภวังค์

เฉินตงยิ้มเบาๆ ครั้งแรกที่มาที่นี่ สร้างความตกใจให้กับเขาเพียงเท่านั้น

เมื่อกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง สภาวะอารมณ์กลับสงบลงมากจะมีบ้างก็เพียงแค่ยกระดับประสบการณ์การต่อสู้

เขาและคุนหลุนค่อยๆเดินไปยังทิศทางของกรงเหล็ก ภายในกรงเหล็กกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เฉินตงไม่รู้สึกว่ามีอะไรเลยและทำเหมือนกับว่าคุ้นเคยในการหยิบหน้ากากสีขาวออกมาและสวมลงไปบนหน้าแล้วรับชมการต่อสู้กับคุนหลุนอย่างสงบนิ่ง

สำหรับเขาแล้วการต่อสู้ด้วยตนเองเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ และการรับชมการห้ำหั่นกันก็ยังเป็นอีกวิธีในการสั่งสมประสบการณ์ด้วยเช่นกัน

และในเวลานี้

มีเงาดำหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้เฉินตงและคุนหลุนอย่างรวดเร็วในความมืด

ท่ามกลางความมืดมิด เงาดำนั้นมีความรวดเร็วอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ

เขายกมือขวาขึ้นและคว้าไปที่ทิศทางของเฉินตงโดยตรง

เส้นยาแดงผ่าแปดไปอย่างหวุดหวิด

คุนหลุนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็หันกลับมา

พึ่บ!

แล้วคว้าข้อมือของเงาดำด้วยมือข้างเดียว : “อยากตายใช่ไหม?”

เฉินตงสะดุ้งตกใจทันที ในตอนที่หันกลับไปก็มองเห็นเงาดำ แผ่นหลังเย็นเยียบขึ้นมาทันทีทันใด

เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีคนเข้ามาใกล้ด้านหลังเขา!

บทที่64 หน้าของคนตระกูลหวาง

ภายใต้การปกคลุมของพระอาทิตย์ตก

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งค่อยๆเข้าใกล้กันอย่างช้าๆ พระอาทิตย์ตกปกคลุมบนตัวพวกเขาทั้งสอง

ทำให้ฉากนี้ราวกับเป็นภาพม้วน

ในเวลานั้นเอง

มีเสียงที่ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาดังขึ้น

“ผม…ต้องหลบไปก่อนหรือเปล่า?”

ภาพที่สวยงามถูกทำลายไปในชั่วพริบตา

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านและกระโดดลุกขึ้นราวกับกวางน้อยที่ตื่นตกใจ เธอก้มใบหน้าแดงก่ำลงแล้วรีบเดินกลับไปที่ชิงช้า หลังจากที่นั่งลงไปแล้ว ลมหายใจยังคงดังกระชั้น ไม่กล้ามองไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น

นี่มัน…น่าอายจริงๆเลย

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วหันไปมองคุนหลุนที่ยืนอยู่ตรงหัวบันไดอย่างไม่พอใจ

เมื่อกี้นี้เดินรอบวิลล่าอยู่เป็นนานก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเจ้าหมอนี่

ทำไมตอนนี้ถึงได้โผล่ออกมาแล้ว?

“นายทายสิ?”

คุนหลุนเกาหัวอย่างขวยเขินและพูดอย่างอ่อนแรงว่า : “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทำต่อไปเลยครับ ผมจะหลบไปก่อน”

พูดจบก็หันหลังกลับจะเดินไป

“กลับมา!”

เฉินตงเรียกคุนหลุนให้หยุด ไม่ง่ายเลยที่จะสะสมบรรยากาศทางอารมณ์ขึ้นมาได้แต่กลับถูกเขาทำลายด้วยคำพูดประโยคเดียว

หลบไปตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?

ถึงแม้ว่าเขาเต็มใจจะสานต่อ กู้ชิงหยิ่งก็ไม่เต็มใจแล้ว

เฉินตงถามด้วยจิตใจที่แห้งเหี่ยวว่า : “เมื่อกี้นี้นายไปที่ไหนมา?”

ใบหน้าของคุนหลุนแดงขึ้นมาเล็กน้อย เกิดความรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะทำลายเรื่องดีๆของคุณชาย ถ้ารู้ว่าคุณชายกำลังมีเรื่องดีๆอยู่ล่ะก็ ตีเขาให้ตายก็ไม่มีทางรีบขึ้นมา

ไม่ว่ายังไงก็จะรออีกครึ่งชั่วโมง

แต่ทว่า เนื่องจากเขาถูกเฉินตงเรียกให้หยุดเอาไว้ เขายังเอ่ยตอบกลับไปว่า : “ยังขาดเก้าอี้นวดอีกหนึ่งตัวครับ เมื่อกี้นี้ผมออกไปซื้อมาแล้ว”

เขาจดจำคำสั่งของเฉินตงได้ ว่าตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณชาย โทนเสียงที่พูดให้เป็นวิธีที่เข้ากับการพูดกับเพื่อน

“เก้า อี้ นวด!”

เฉินตงหรี่ตาแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนแทบแหลก เป็นเพราะเก้าอี้นวดตัวเดียวทิ่มแทงเรื่องดีๆจนไม่เหลือแล้ว?

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเย็นชาขึ้นมา : “เมื่อกี๊นี้ฉันเห็นในสวนดอกไม้ยังมีอิฐอยู่หลายก้อน นายว่างขนาดนี้ ไปย้ายหน่อยไหม?”

“ไม่มีนี่ครับ” คุนหลุนส่ายหัวอย่างงงงวย ทั้งด้านหน้าและด้านหลังสวนดอกไม้ของวิลล่าได้รับการจัดวางตำแหน่งอย่างพิถีพิถันจากนักตกแต่งภายใน แล้วยังมีก้อนอิฐอยู่ได้ยังไง

เฉินตงกลอกตา : “ฉันบอกว่ามีไง!”

คุนหลุน “….”

หลังจากที่คุนหลุนไปแล้ว

บรรยากาศบนระเบียงเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาด และอากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

โดยแรกเริ่มพระอาทิตย์ตกพอดี วิวก็สวยคนก็งาม ทุกอย่างพอเหมาะพอดีเพียงแค่รอให้มันเกิดขึ้น

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคุนหลุนจะมาอย่างกะทันหัน

เฉินตงลูบขมับอย่างจนปัญญา รู้สึกปวดกะโหลกขึ้นมาจริงๆ

สายตาเฉมองไปที่กู้ชิงหยิ่งที่ระเบิดความอับอายออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

ในเวลานี้กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่บนชิงช้าก้มศรีษะลงด้วยความละอายและมองดูพระอาทิตย์ตกที่อยู่ไกลออกไป แล้วแกว่งชิงช้าเบาๆและเท้าก็แกว่งไปมาด้วยในเวลาเดียวกัน

“แค่กแค่ก…” เฉินตงไอออกมาเบาๆสองครั้งเพื่อทำลายความเงียบงัน “ไม่งั้นก็…ต่อมั๊ย?”

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า

เธอหันศรีษะไปทันทีแล้วจ้องมองเฉินตงอย่างโกรธเคือง : “คุณมันร้ายกาจ!”

หลังจากพูดจบก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง

เฉินตงยิ้มอย่างจนใจ คุนหลุนนายมันโง่ชะมัดเลย!

เพราะว่าความอับอายเมื่อกี้นี้ หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งวิ่งลงมาชั้นล่างอายเกินกว่าที่จะอยู่จึงขับรถปอร์เช่911จากไปเลย

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงหมดอาลัยตายอยากจากการสูญเสีย

คุนหลุนพูดด้วยความละอายใจเล็กน้อยว่า : “คุณชาย ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ”

“ดีร้ายยังไงก็ควรจะกินมื้อเย็นก่อนไปนะ” เฉินตงพูดอย่างไม่มีทางเลือก แต่เขาก็ไม่ได้โทษคุนหลุน ทำได้เพียงแค่โทษตัวเขาและกู้ชิงหยิ่งที่เดินไปไม่ถึงขั้นตอนแห่งพรหมลิขิต

เฉินตงถูหน้าของเขาแล้วพูดว่า : “คุนหลุน วันนี้จะไปที่โรงยิมมวยใต้ดินหรือเปล่า?”

“คุณชาย วันนี้เฉินเทียนหย่างกลับบ้านไปแล้ว เขาถูกผมทำลายขาไปข้างหนึ่ง ไม่หนึ่งก็สองเดือนถึงจะฟื้นฟูแล้วกลับมาได้” คุนหลุนกล่าว

เขารู้อย่างชัดแจ้งว่าก่อนหน้านี้ที่เฉินตงฝึกฝนอย่างกับปีศาจสุดชีวิตนั้น ที่จริงแล้วเป็นเพราะได้รับการกระตุ้นจากเฉินเทียนหย่าง เพราะฉะนั้นถึงได้มุมานะต่อสู้เพื่อความแข็งแกร่งเพื่อเสริมช่องว่างที่ห่างจากเฉินเทียนหย่าง

ท่าทางการแสดงออกของเฉินตงเปลี่ยนไป เขายิ้มอย่างดื้อรั้น : “ฉันฝึกฝนเพราะต้องการให้ตนเองดียิ่งขึ้น และไม่ใช่เพราะต้องการที่จะแข่งขันกับเฉินเทียนหย่าง เขาไม่คุ้มค่าต่อความพยายามของฉัน”

คำพูดที่ดังกังวานเผยให้เห็นพลังงงานแห่งการดูหมิ่น

ทำให้คุนหลุนมองด้วยรูม่านตาที่หดตัวลงแน่นขึ้น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงได้พยักหน้า “งั้นก็ดีครับ”

…….

ในเวลาเดียวกัน

หวางหนันหนันที่เดินกลับไปที่บ้านอย่างสิ้นหวัง

ดวงตาของเธอร้องไห้จนบวมแดงมาเป็นเวลานาน จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว

เธอในตอนนี้ล่มสลายแล้วอย่างสมบูรณ์

เธอจะคิดได้อย่างไรว่า จากตอนแรกที่คาดหวังว่าจะทำให้เฉินตงต้องสูญเสียชื่อเสียงและเกียรติภูมิในความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้ กลับเป็นเพราะคำพูดของเฉินตงทำให้เธอตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชน

“ฉันทำอะไรผิดตรงไหนกัน? ฉันเอาเงินแม่ของเขามาสองแสนเหรียญเพื่อช่วยน้องชายของฉัน ผิดตรงไหนกัน? เขาจงใจวางแผนใส่ฉัน ฉันเลยตกเป็นเหยื่อ ทำไมทุกคนถึงได้กล่าวหาฉันแบบนี้?”

ตลอดทางที่เดินกลับบ้าน ความคับแค้นใจดังกล่าวยังคงหลอกหลอนอยู่ในใจของหวางหนันหนันตลอดเวลา

ท้องฟ้ามืดแล้ว

ในที่สุดเธอก็เดินมาถึงหน้าประตูบ้าน

เธอเอนตัวพิงบนประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบกุญแจขึ้นมาเปิดประตู เธอจึงใช้ศรีษะกระแทกประตูเบาๆ

ในไม่ช้า ประตูก็เปิดออก

“พี่…”

หวางเห้ามองหวางหนันหนันอย่างทุกข์ใจ ท่าทางผิดปกติไปเล็กน้อย

แม้แต่หวางหนันหนันก็ยังมองเห็นประกายความโกรธในดวงตาของหวางเห้าได้อย่างชัดเจน

เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง : “เป็นอะไรไป?”

ขณะที่ถามเธอก็ลากตัวเองเข้าไปภายในบ้านอย่างอ่อนเพลีย

แต่ทว่า

“หวางหนันหนัน แกทำให้ตระกูลของเราต้องอับอายขายหน้าจริงๆ!”

เสียงกรีดร้องของจาวซิ่วจือราวกับค้อนอันหนักหน่วง กระแทกแก้วหูของหวางหนันหนันอย่างดุร้าย

หวางหนันหนันนิ่งอึ้งตะลึงอยู่กับที่

ทันใดนั้นเองก็มองเห็นข่าวที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ ในภาพเป็นเธอกำลังส่งเสียงเอะอะในการเปิดขายพรีเซลส์ของหลงถิงฮัวหยวน!

และในเวลานี้เอง เพราะคำพูดของเฉินตง ทุกคนในภาพล้วนแต่แย่งกันกล่าวโทษเธอ

ภายใต้การใช้คำพูดเกินจริงของสื่อ มีตัวอักษรตัวโตหลายคำปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“เพื่อน้องชายแล้วแม้แต่ชีวิตของแม่สามีก็ไม่แยแส ช่วยเหลือน้องชายอย่างชั่วช้า!”

เรียบง่ายและโหดร้าย แต่ก็มากพอที่จะสะดุดสายตาผู้คน

ข่าวนี้เพียงข่าวเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะตอกเสาแห่งความอัปยศลงไปบนตระกูลหวาง กลายเป็นเป้าโจมตีของประชาชนทั่วไป คนทั้งเมืองทิ้งลงไปสู่ก้นเหวไปแล้ว!

ร่างบอบบางของหวางหนันหนันสั่นสะท้าน ภายในสมองว่างเปล่าจนโหวงเหวง ถ้าไม่ใช่หวางเห้าพยุงเอาไว้ เธอแทบจะล้มลงไปบนพื้น

ใบหน้าของจางซิ่วจือและหวางเต๋อซีดจนน่ากลัวเป็นอย่างมากในเวลานี้

หวางเต๋อเอามือปิดหน้าและถอนหายใจไม่หยุด : “ตระกูลช่างโชคร้าย…ตะกูลช่างโชคร้ายจริงๆ…”

ในตอนนี้จางซิ่วจือผู้รักหน้าตาของตนเองได้ระเบิดขึ้นมาทันที

หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงและหอบหายใจอย่างหนักพร้อมกับจ้องมองไปที่หวางหนันหนันด้วยความโกรธ : “แกดูความดีที่แกทำสิ แกทำให้ครอบครัวของเราต้องอับอายขายหน้า หวางหนันหนัน ทำไมฉัน…นี่ฉันคลอดสิ่งที่เป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแกออกมาได้ยังไง?”

“แม่…”

หวางหนันหนันวิงเวียนศรีษะ ขีดจำกัดของเธอได้พังทลายลง แล้วเปล่งเสียงที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างมากออกมา : “ฉัน…ฉันสร้างปัญหาเพราะต้องการหาเงินให้หวางเห้า…นี่คือสิ่งที่แม่บอกฉันไง…”

“พี่ ถึงหาเงินก็ไม่ต้องทำแบบนี้สิ”

หวางเห้าพูดอย่างโศกเศร้าว่า : “พี่รู้หรือเปล่า ผมเพิ่งจะเล่นเกมส์กับเพื่อน พวกเขารู้เรื่องนี้กันหมดแล้วทุกคนก็พากันหัวเราะเยาะผมกันหมด”

“ฉัน…” หวางหนันหนันยังคิดที่จะพูดอะไรอีก

แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก ทันใดนั้นการกระทำของจาวซิ่วจือทำให้เธอเวียนหัวตาลาย ราวกับถูกฟ้าผ่า

แล้วก็มองเห็นจาวซิ่วจือหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นจึงกดโทรออกอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเหมือนกับว่าใบหน้าได้เปลี่ยนไปและมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า

และพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “ลูกเขยที่แสนดี เพราะว่าลูกสาวของฉันหวางหนันหนันขอโทษคุณ คุณต้องยกโทษให้เธอนะ”

บทที่63 พระอาทิตย์ตกพอดี วิวสวยคนงาม

การถามเฉินตงออกไปตรงๆว่ามีเงินเท่าไหร่ สิ่งนี้ถือว่ากำลังซักไซ้เรื่องส่วนตัวของเขาแล้ว

กู้ชิงหยิ่งที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่สามารถทำสิ่งที่ไร้มารยาทเช่นนี้ได้

แต่ว่าวันนี้เฉินตงทำให้เธอเซอร์ไพรส์ติดๆกันซ้ำๆ จนเหมือนมีค้อนหนักๆฟาดเข้าที่สมองของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกิจการไท่ติงหรือการพัฒนาย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองและการซื้อวิลล่าที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย

สามสิ่งนี้ มีอันไหนที่ไม่ได้คำนวณด้วยหน่วยร้อยล้านบ้างล่ะ?

ถึงแม้ว่าเฉินตงจะมีผู้สูงศักดิ์คอยช่วยเหลือ แต่ผู้สูงศักดิ์ก็คงจะไม่ฮึดฮัดหยิบเงินมาสนับสนุนเฉินตงโดยตรงหรอกใช่ไหมล่ะ?

นี่มันไม่ใช่การช่วยเหลือแล้ว นี่มันคือพ่อกำลังจ่ายเงินให้กับลูกชายชัดๆ!

เห็นได้ชัดว่า กู้ชิงหยิ่งคิดว่าเรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับเหตุและผลอย่างแน่นอน

เฉินตงหยุดชะงักลง มองดูกู้ชิงหยิ่งที่กำลังประหลาดใจแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ก็มีไม่มากนักหรอก รูดติดต่อกันหลายครั้ง เงินในบัตรก็เหลือไม่เยอะแล้ว”

พูดพร้อมกับหยิบบัตรธนาคารชงโค ออกมาแล้วคำนวณอย่างตั้งใจ และเอ่ยว่า : “น่าจะยังมีอยู่ห้าร้อยล้านล่ะมั้ง”

“บัตรธนาคารชงโค!”

ในเสี้ยววินาทีที่มองเห็นบัตรธนาคาร สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอเอามือปิดปากอย่างตกตะลึงและเกือบจะร้องตะโกนออกมา

เธอแทบจะไม่สนใจน้ำเสียงที่ไม่รู้จะทำเช่นไรดีของเฉินตงขณะที่พูดออกมาว่ามีเงินอยู่ห้าร้อยล้าน เพราะว่าบัตรธนาคารชงโคที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอช๊อคเสียยิ่งกว่าเอาเซอร์ไพรส์ทั้งหมดในวันนี้รวมเข้าไว้ด้วยกันเสียอีก!

เกณฑ์ของการมีเงินฝากจำนวนพันล้านแล้วยังมีเงื่อนไขการตรวจสอบที่ซับซ้อนและเข้มงวดต่างๆทำให้บัตรของธนาคารรชงโคกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง

สาเหตุที่เธอชัดเจนขนาดนี้เป็นเพราะว่าพ่อของเธอเองก็มีเช่นกัน

แต่ว่าเฉินตง…มีได้อย่างไร?

“คุณรู้จักเหรอ?” เฉินตงเองก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน

อยากให้รู้ด้วยว่าแม้แต่หลินเสว่เอ๋อที่เป็นพนักงานรับฝากเงินในตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าแล้วกดเสียงต่ำลงและเอ่ยถามว่า : “นี่คือสิ่งที่ผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นมอบให้คุณเหรอคะ?”

นอกเหนือจากผู้สูงศักดิ์ที่เฉินตงบอกแล้ว เธอไม่รู้จริงๆว่าจะเชื่อมโยงบัตธนาคารชงโค กับเฉินตงได้อย่างไร

“อื้ม ตอนแรกภายในบัตรมีหนึ่งพันล้าน ตอนนี้ผมได้นำส่วนหนึ่งออกมาใช้หมุนเวียนสำหรับโครงการภาคตะวันตกของไท่ติง” เฉินตงพยักหน้าพอเก็บบัตรเรียบร้อยแล้ว เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว การที่กู้ชิงหยิ่งรู้จักบัตรธนาคารชงโค ก็นับเป็นเรื่องปกติ

ไม่ว่ายังไงตัวของกู้ชิงหยิ่งเองก็เป็นทายาทคนรวยรุ่นที่สอง ถึงแม้ว่าบัตรธนาคารชงโค จะหาได้ยากมาก แต่ผู้จัดการธนาคารล้วนแต่รู้จัก กู้ชิงหยิ่งจะรู้จักด้วยก็สมเหตุสมผลเช่นกัน

“พันล้าน…”

หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นแรง ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกว่าไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี

บัตรหนึ่งพันล้านของธนาคารชงโคมอบให้เฉินตงมือเปล่าเลยงั้นเหรอ?

ผู้สูงศักดิ์คนนี้ร่ำรวยอย่างมากด้วยสินะ?

เป็นเพราะว่าฐานะภูมิหลังของกู้ชิงหยิ่ง ในตอนนี้จึงยากที่จะซ่อนความหวาดผวาเอาไว้ได้และหลุดปากโพล่งออกมาว่า : “ตางั่งเอ๊ย คุณไม่อยากจะถามผู้สูงศักดิ์คนนั้นของคุณหลอว่า คุณเป็นลูกชายที่หายสาบสูญไปนานหลายปีของเขาหรือเปล่า ใช่ไหมล่ะ? เพราะว่าการแสดงออกแบบนี้มันดูไม่ดูใจกว้างมากเกินไปหลอ?”

เมื่อพูดมุกตลกออกมา แต่กลับมองไม่เห็นคำพูดอยู่ในนั้น

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงแสดงออกด้วยการย่อตัวลง สายตาของเขาสลัวลงไปและมีร่องรอยของความหดหู่ปรากฎขึ้น

อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องตลกของกู้ชิงหยิ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงระงับอารมณ์ลงไปได้อย่างรวดเร็ว จนกู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาเลยเช่นกัน

“ไปเถอะ ไปดูข้างในบ้านกัน”

เฉินตงดึงกู้ชิงหยิ่งเดินเข้าไปในวิลล่า

เขาได้จัดเตรียมให้คุนหลุนเชิญนักออกแบบมาทำการตกแต่งบ้านในสไตล์ที่อบอุ่น

ภายใต้สถานการณ์ที่มีงบประมาณเพียงพอ เขาเชื่อว่าภายในของวิลล่าทั้งหมด จะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน

วิลล่าหลังนี้ เป็นบ้านหลังใหม่ของเขาและแม่ในอนาคต

หลังจากที่เขากับแม่ต้องเร่รอนอยู่ในเมืองนี้มานานหลายปี นี่เป็นสถานที่ที่จะลงหลักปักฐาน

เพราะจากการเลี้ยงดูเขามา แม่ของเขาต้องได้รับความทุกข์ยากลำบากที่เฉินตงไม่สามารถจินตนาการได้เลย

ตอนนี้เขามีความสามารถแล้วก็ควรที่จะเป็นนกอินทรีย์ที่หาอาหารมาป้อนได้แล้ว

เพื่อที่จะมอบสถานที่พักฟื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับแม่ เฉินตงยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นอีก

การออกแบบตกแต่งภายในด้วยไสตล์ที่อบอุ่นอยู่ภายใต้คำขอของเฉินตง

ไม่แสวงหาบรรยากาศหรูหรามากเกินไปและมีความอบอุ่นและสบายมากขึ้น

ในใจของเฉินตง สถานที่แห่งนี้คือบ้าน บ้านควรมีบรรยากาศที่อบอุ่นและสบาย ไม่ใช่ความหรูหราเพื่อที่จะอวดรวย

เมื่อเฉินตงเดินเข้าไปในวิลล่าและมองเห็นรูปแบบการตกแต่งแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

การจับคู่โทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์ที่สะดวกสบาย ทุกอย่างถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันและยังไม่พบข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

ทำให้คนที่เดินเข้ามามีความรู้สึกผ่อนคลายโดยทันที

“เฉินตง สไตล์การตกแต่งแบบนี้ยอดเยี่ยมมากเลย” กู้ชิงหยิ่งเอ่ยชื่นชม “มีความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”

เฉินตงยิ้มน้อยๆ : “ถ้าอย่างนั้นยินดีต้อนรับนายหญิงกลับบ้านนะครับ”

ใบหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งแดงระเรื่อและกล่าวอย่างโกรธๆ : “เกลียดจริงๆ อย่าไร้สาระให้มากนัก รีบพาฉันไปดูรอบๆเร็วเข้า”

เฉินตงเองก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงอยากรู้อยากเห็นทุกอย่างในวิลล่าด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาและกู้ชิงหยิ่งจึงเดินไปรอบๆวิลล่าด้วยกัน

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเกิดความงงงวยเล็กน้อยก็คือ หลังจากที่เขาเข้าไปในวิลล่าแล้วก็ไม่เห็นคุนหลุนเลย

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คุนหลุนรู้ว่าวันนี้เขาจะมา ยิ่งไปกว่านั้นเฟอร์นิเจอร์ที่นุ่มนวลเหล่านี้เพิ่งจะตกแต่งเสร็จวันนี้ คุนหลุนควรจะอยู่ในวิลล่าด้วย

วิลล่าทั้งหลังมีทั้งหมดสี่ชั้นและมีทุกอย่างครบครัน เช่นห้องรับรอง ห้องเอนเตอเทนเม้นท์เป็นต้น

ที่ชั้นบนสุด ยังมีระเบียงที่กว้างขวาง

นักออกแบบปลุกต้นไม้และดอกไม้ไว้รอบๆระเบียง ดอกไม้นานาชนิดต่างพากันแข่งขันกันเบ่งบาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้

และที่ตรงกลางระเบียงยังมีชิงช้าและเก้าอี้ผ้าใบวางไว้

กู้ชิงหยิ่งนั่งลงไปบนชิงช้าแล้วแกว่งเบาๆ ดวงตานั้นลึกล้ำ : “เฉินตงคะ การเปลี่ยนแปลงของคุณทำให้ฉันประหลาดใจมาก”

วิ่งวุ่นมาแล้วทั้งวัน เฉินตงนอนเหยียดกายบนเก้าอี้แล้วมองดูพระอาทิตย์ค่อยๆตกที่ขอบฟ้า แล้วยิ้มอย่างเบิกบาน : “ใช่แล้วล่ะ จากคุกมาสู่สวรรค์ ผมคิดไม่ถึงเลย”

พูดคุยกันแล้วตามมาด้วยการเข้าสู่ความเงียบงัน

ทั้งเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายความเงียบงันบนระเบียง

ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ทั้งสองคนต่างพากันเงียบลงและเพลิดเพลินอย่างสบายใจกับความเงียบสงบในช่วงเวลาแห่งความสันโดษนี้

ที่ขอบฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆตกลง

ดวงอาทิตย์ดูคล้ายกับเปลวไฟ ก้อนเมฆที่มีแสงเรืองรองได้ย้อมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดง

สวยงามราวกับภาพเลื่อน

เมื่อดวงอาทิตย์ตกลงมาถึงจุดที่แน่นอนแล้ว เหมือนกับมีแสงไฟปกคลุมด้านบนของวิลล่าเอาไว้

ดูราวกับว่าวิลล่าทั้งหลังได้สวมเสื้อคลุมสีทองอันงดงามส่องแสงสว่างระยิบระยับ

“ว้าว…สวยมากเลย”

กู้ชิงหยิ่งมองดูพระอาทิตย์ตกดินนั้นดวงตาเป็นประกายอย่างอดไม่ได้ ทั้งตกตะลึงและถอนใจอย่างชื่นชม

เฉินตงยิ้มและจ้องมองพระอาทิตย์ตกดินเช่นเดียวกัน ทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้มีวิลล่าเพียงไม่กี่หลังบนเนินเขาของเขาเทียนซานเท่านั้นที่ได้ครอบครอง

สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่วิลล่าหลายหลังนี้สามารถขายออกได้ในราคามากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญ

“เฉินตง คุณรีบลุกขึ้นมาดูสิ พระอาทิตย์ตกสวยงามมากเลย”

กู้ชิงหยิ่งเห็นเฉินตงขี้เกียจอย่างนี้แล้ว กู้ชิงหยิ่งเดินอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปถึงด้านข้างของเฉินตงและต้องการดึงเฉินตงขึ้นมา

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเฉินตงก็ออกแรงทันที

กู้ชิงหยิ่งก็มีท่าทางตกใจทันที เมื่อกรีดร้องออกมาก็ตกลงสู่อ้อมกอดของเฉินตงไปโดยธรรมชาติ

ทันใดนั้นทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน

พระอาทิตย์ตกพอดี

วิวก็สวยคนก็งาม

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ปรากฏขึ้นได้จังหวะอย่างพอดิบพอดี

มุมปากของเฉินตงยกขึ้น เขายิ้มและพูดว่า : “คุณไม่ได้พูดว่าอยากพักผ่อนหรอกเหรอ”

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านทันทีและความรู้สึกเผาใหม้ไปทั้งตัวก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มอย่างรุนแรงไปหมดทั้งตัว

แต่ว่าสายตาของเฉินตงที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ไม่ได้หลบสายตาไปทางอื่น

ทั้งสองคนมองหน้ากันและค่อยๆเข้ามาใกล้กัน…

บทที่62 เฉินตง คุณมีเงินเท่าไหร่กันแน่?

ในท้ายที่สุด กู้ชิงหยิ่งก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร

วันนี้เฉินตงทำเรื่องเซอร์ไพรส์เธอมากเกินไป ยิ่งใหญ่เกินไป มันทำให้เธอนึกสงสัยว่าเซอร์ไพรส์ที่ตนเองได้เตรียมเอาไว้นั้น สำหรับเฉินตงจะถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์จริงๆหรือเปล่า?

เนื่องจากเธอไม่แน่ใจ เธอจึงวางไว้ก่อนชั่วคราว เธอไม่อยากทำให้บรรยากาศแปลกไป

อนาคตยังอีกยาวไกล หลังจากนี้ยังไงก็มีเวลาพูดอยู่

กู้ชิงหยิ่งคิดเช่นนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเฉินตงเตรียมเซอร์ไพรส์คืนให้เธอเอาไว้แล้ว

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งก็ออกจาก Genting Sky

หลังจากขึ้นรถปอร์เช่911 กู้ชิงหยิ่งถึงได้มีสติกลับคืนมา : “ยังมีเซอร์ไพรส์อีกเหรอคะ?”

วันนี้ทั้งวัน สำหรับเธอแล้ว ถ้าหากตัดเรื่องหวางหนันหนันทิ้งไป มันจะสมบูรณ์แบบมาก

เธอเองก็ไม่ร้องขอให้เฉินตงทำอะไรเพื่อเธอมากเกินไปเช่นกัน เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเฉินตงยุ่งอยู่กับการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อการพรีเซลส์ (จำหน่ายล่วงหน้า)หลงถิงฮัวหยวนจนเหนื่อยถึงขีดสุดแล้ว

กลับคิดไม่ถึงว่า เฉินตงกลับยังมีเซอร์ไพรส์มอบให้เธอ

“อื้ม”

เฉินตงยิ้มอย่างมีเลศนัย

กู้ชิงหยิ่งส่ายหน้า : “วันนี้คุณมีเซอร์ไพรส์ให้ฉันมากพอแล้วล่ะค่ะ ฉันชอบมันมาก แต่ว่าช่วงนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เปิดพรีเซลส์แล้ว ฉันคิดว่าคุณควรจะพักผ่อนให้มากๆนะคะ”

เฉินตงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเขา

เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ไม่เป็นไรหรอก สถานที่ตรงนั้นก็สามารถพักผ่อนได้เช่นกัน”

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้าน ใบหน้างดงามแดงระเรื่อทันที และมีความตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

คนบ้างานนี่…คงจะไม่…

จู่ๆก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเธอ ทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเหมือนกับมีไฟเผาไหม้ไปทั่วทั้งตัว

เธอก้มหน้าลงไปแล้วกัดฟันขบที่ริมฝีปากแดง

แบบนี้…เร็วเกินไปแล้ว เร็วเกินไปจริงๆนะ!

กำหนดความสัมพันธ์ไว้นานแค่ไหน?

คนบ้างานคนนี้คิดไปถึงขั้นนั้นได้ยังไง?

“เสี่ยวหยิ่ง คุณไม่สบายเหรอ?”

เฉินตงมองไปดูความผิดปกติของกู้ชิงหยิ่ง แล้วพูดด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า เปล่าค่ะ…”

แก้มทั้งสองข้างของกู้ชิงหยิ่งแดงระเรื่อ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยด้วยเสียงที่ต่ำเหมือนยุงว่า : “พวกเรา…จะไม่พัฒนาเร็วไปหน่อยเหรอคะ?”

“เร็วเหรอ?”

เฉินตงตกใจมาก เขาไม่เข้าใจว่ากู้ชิงหยิ่งหมายความว่าอะไร

“ไม่เร็วงั้นเหรอ?” กู้ชิงหยิ่งประกบสองมือที่ประหม่าจนมีเหงื่อออกเข้าหากัน : “พวกเรา เพิ่งจะ เพิ่งจะเป็นแฟนกันได้ไม่กี่วันเท่านั้นเองนะ”

“มันก็ไม่มีผลกระทบที่ผมจะเซอร์ไพรส์คุณนี่นา”

เฉินตงยักไหล่ : “ไปเถอะ ไปเขตวิลล่าเขาเทียนซานกัน”

“อะไรนะ?”

กู้ชิงหยิ่งสะดุ้งทันทีแล้วมองไปที่เฉินตงอย่างไม่เชื่อสายตา : “จะไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน? ไม่ใช่ว่าจะไป…”

ทันใดนั้นเธอก็ยกมือขึ้นปิดปากไม่พูดอะไรอีก

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วมองกู้ชิงหยิ่งอย่างสงสัย : “ทำไมคุณถึงตกใจมากอย่างนี้ล่ะ?”

กู้ชิงหยิ่งหลบสายตาและก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบเสียงเบาเหมือนเด็กที่ทำผิด

“เปล่า ไม่มีอะไร…”

น้ำเสียงลดลงไป

ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้นมาที่ข้างหู

“แล้วคุณว่า…จะไปที่ไหนกันล่ะ?”

น้ำเสียงที่อ่อนโยน มีความร้อนพัดโชยแผ่วๆเข้ามาที่ข้างหู ทำให้ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งแดงไปถึงต้นคอ

เธอรีบหลบเลี่ยง มองไปด้านนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า : “คุณ คุณมันเป็นคนนิสัยไม่ดี”

เฉินตงฉีกยิ้มแล้วกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ : “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปดูบ้านของเรา”

แล้วสตาร์ทรถพอร์เชอ911

หลังจากที่ขับรถอยู่บนถนนแล้ว กู้ชิงหยิ่งถึงได้คลายความกระอักกระอ่วนใจเมื่อสักครู่นี้

เธอถามเฉินตงอย่างประหลาดใจว่า : “คุณซื้อวิลล่าที่เขาเทียนซานเหรอ?”

“อ่าฮะ”

เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า : “มีคนในครอบครัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว แม่ของผมหลังจากออกจากโรงพยาบาลจำเป็นจะต้องพักฟื้นในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่สามารถอยู่บ้านเช่นที่น่าเวทนาต่อไปได้”

การแสดงออกทางสีหน้าของกู้ชิงหยิ่งนั้นสงบนิ่ง แต่ในใจกลับมีคลื่นลูกใหญ่

เธอรู้ราคาของวิลล่าเขาเทียนซาน

มันคือเพดานราคาของราคาบ้านในเมืองนี้!

แต่ว่าเฉินตงได้เงินมากขนาดนี้มาจากที่ไหนกันแน่?

ทั้งซื้อไท่ติง ทั้งพัฒนาย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองแล้วยังซื้อวิลล่าอีกด้วย!

แต่ทว่ากู้ชิงหยิ่งก็ได้ระงับความสงสัยในใจเธออย่างรวดเร็ว

เฉินตงเคยบอกว่า มีผู้สูงศักดิ์คอยให้ความช่วยเหลือ

แต่ว่าเฉินตงไม่เต็มใจที่จะบอก เธอเองไม่สามารถถามในแง่มุมนี้เพิ่มเติมได้มากนัก เมื่อถามเพิ่มเติมก็จำเป็นต้องพาดพิงไปถึงผู้สูงศักดิ์ท่านนั้น

ชะงักไปชั่วขณะ กู้ชิงหยิ่งพูดด้วยความสงสัยว่า : “อีตาโง่ ตอนนี้คุณมีเงินมากมายขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ขับรถที่คู่ควรกับตัวเองล่ะ?”

เฉินตงมีท่าทางชะงักไป

สถานะตัวตนของเขาได้เปลี่ยนไป แต่เป็นในระยะเดือนกว่าๆเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยจริงๆ

เมื่อถึงตอนที่คิดเกี่ยวกับมัน เขาก็ยุ่งจนไม่สามารถสลัดตัวออกได้

ครั้งเดียวที่กู้ชิงหยิ่งมารับเขาที่สนามบิน นั่นทำให้เขามีความคิดที่จะซื้อรถแล้วยังให้กู้ชิงหยิ่งชิงนำหน้าไปแล้วด้วย

เฉินตงยิ้มหยอกและกะพริบตา : “เพราะว่าคุณซื้อรถไปแล้วไง ผมยังเกาะผู้หญิงกินได้อยู่ใช่ไหม?”

“น้อยๆหน่อย คุณก็เกินไป” กู้ชิงหยิ่งมองด้วยความโกรธ

เธอรู้ว่าด้วยนิสัยของเฉินตง ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีทางที่จะเกาะผู้หญิงกินได้หรอก

รถพอร์เชอ911ขับมาถึงเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว โดยขับเลียบไปตามเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขาตลอดทาง

และนี่เป็นครั้งที่สองที่เฉินตงมายังเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

คราวก่อนเพราะว่ามาตามหาโจวเย่นชิวเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงไม่มีเวลาตั้งใจดูทัศนียภาพโดยรอบเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ทุกอย่างยืนหยัดมั่นคงแล้วจึงนั่งอยู่ในรถและมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่าง กลับมีเสน่ห์แสนพิเศษ

“ทิวทัศน์ที่นี่สวยมากเลย” กู้ชิงหยิ่งอดไม่ได้ที่จะถอนใจ

เฉินตงพยักหน้า : “ใช่แล้วล่ะ ไม่แปลกใจเลยที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานจะสามารถกลายเป็นเพดานราคาของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ได้”

“เหอๆ…โจวเย่นชิวอาจจะเป็นวีรบุรุษห้างสรรพสินค้า เขายิ่งใหญ่อยู่ในวงการค้าขายมาหลายปี อสังหาริมทรัพย์ที่เขาทำย่อมไม่มีทางแย่”

ทันใดนั้นกู้ชิงหยิ่งก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ : “จริงด้วยเฉินตง คราวก่อนเรื่องที่ซัพพลายเออร์ผลิตวัสดุต่อต้าน คุณโน้มน้าวให้โจวเย่นชิวมาช่วยคุณได้ยังไงเหรอคะ?”

“เขาเป็นอดีตเจ้านายของผมและให้ความสำคัญกับผมอย่างมาก ตอนที่ผมไปหาเขา พูดคำเดียวเขาก็ตกปากรับคำแล้ว” เฉินตงบอก

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งเป็นประกาย เป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ?

สามารถทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งห้างสรรพสินค้า ไม่ลังเลที่จะต่อสู้กับอุตสาหกรรมที่เป็นห่วงโซ่ในการผลิตเพียงแค่เพราะให้ความสำคัญ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

ทั้งคุณและโทษในนั้น มีส่วนเกี่ยวพันกันหนักมาก!

แต่ว่ากู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่ได้เอ่ยถามแล้วเปลี่ยนหัวข้อ : “บ้านที่คุณซื้ออยู่ที่ไหนเหรอ?”

“บนเนินเขา” เฉินตงบอก

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งมีประกายความประหลาดใจ นั่นน่าจะเป็นวิลล่าเขาเทียนซานระดับบนสุด!

ประมาณการราคาคร่าวๆน่าจะเป็นหนึ่งร้อยล้านบวกๆ!

เมื่อรถพอร์เชอ911 เคลื่อนที่เข้าไปในโรงจอดรถของวิลล่าได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็เลือกที่จะยอมรับความเป็นจริง

หลังจากที่ลงจากรถ เธอมองไปยังอาคารที่มีรูปแบบสวยงามและยังมีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ด้วยความงุนงงเล็กน้อย

เฉินตงกวาดสายตามองสวนดอกไม้ของวิลล่าแว้บหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

นักออกแบบสวนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดได้ทำการออกแบบสวนดอดไม้ของวิลล่าแต่ละหลัง โดยพิจารณาทั่วทุกมุมทุกด้าน เติมเต็มให้วิลล่าทั้งหลังนั้นโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้จะมองด้วยสายตาของเขาก็มองไม่เห็นถึงข้อบกพร่องแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าวิลล่าทั้งหลังได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว!

เพียงแค่มองไปที่สวนดอกไม้ เฉินตงรู้สึกได้ถึงความคุ้มราคา

“ไปกันเถอะ พวกเรากลับถึงบ้านแล้ว”

เฉินตงยิ้มและดึงมือของกู้ชิงหยิ่ง

รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่กลางฝ่ามือของเธอ กู้ชิงหยิ่งค่อยๆเดินตามเฉินตงไป

ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ายังคงทำให้เธอมึนงงอยู่เล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

ไม่ต้องพูดถึงวิลล่าแบบนี้เลย แม้ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรือปราสาทในยุคกลางก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอมีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้เช่นกัน

แต่ทว่าเฉินตงเป็นคนซื้อวิลล่านี้!

เมื่อสูดหายใจเข้าลึกแล้ว ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็ถามอย่างสงสัยว่า : “เฉินตง คุณมีเงินเท่าไหร่กันแน่?”

บทที่61 Genting Sky

ความเด็ดขาดและความห้าวหาญของเฉินตง ทำให้หวางหนันหนันตกตะลึงอยู่ไม่น้อย

มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังปล่อยหมัดไปบนก้อนสำลีที่ไร้ความรู้สึก

เสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ตัวเธอ พร้อมกับแสงกดจากแฟลชที่แทบจะกลืนกินเธอ

ในตอนที่เธอได้สติกลับคืนมา กลับพบว่าเฉินตงหายตัวไปตั้งนานแล้ว

และประตูของศูนย์การค้าหลงถิงฮัวหยวนเองก็ได้เปิดทำการแล้วเช่นกัน

กลุ่มฝูงชนผู้ซื้อบ้านเข้าไปในศูนย์การค้าขาย ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้มีบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

และเธอยืนตระหง่านนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม

ราวกับเป็นตัวตลกที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย

…….

เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหลงถิงฮัวหยวน เฉินตงก็ตรงไปที่ Genting Sky

ท่าทางที่โลภมากของตระกูลหวาง ทำให้เขาคลื่นไส้

การปรากฏตัวของหวางหนันหนันในวันนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของเขาที่มีต่อหวางหนันหนันได้เย็นชาไปหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นที่หวางหนันหนันเอาเงินช่วยชีวิตก้อนสุดท้ายของแม่ไป

หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวท่านหลง ป่านนี้แม่ของเขาได้เข้าไปนอนเหยียดยาวอยู่ในโลงศพที่เย็นเยียบเรียบร้อยแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีความนับถือต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางเลยแม้แต่น้อย!

สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา

แต่ถ้าคิดจะให้เขายังเก็บรักษาความรักความสัมพันธ์ที่มีต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางอยู่ล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!

เขาถูใบหน้าเพื่อเก็บกดความโกรธที่อยู่ในใจเอาไว้

เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วบิดนิ้วมือไปมา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมบางคนจึงมักจะชอบสูบบุหรี่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ในขณะที่ใจลอย ในหัวของเขาก็ปรากฏเงาของชิงหยิ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน

เขายิ้มนิดๆ บางทีนี้อาจจะเป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตรักของเขาตอนนี้

อย่างน้อยในยามที่เขาเหนื่อยล้า เธอเองก็รู้ว่าเขานั้นทำงานหนักและต้องการพักผ่อนอย่างมาก

และไม่ได้ปฏิบัติราวกับเขาเป็นทาสเหมือนกับหวางหนันหนันที่ชอบเรียกร้องจนเกินขีดจำกัด

“เธอไม่น่าจะชอบกลิ่นควัน”

เฉินตงส่ายหัวและมองไปข้างหน้า

มาถึง Genting Sky แล้ว

Genting Sky ตั้งอยู่ในตึกที่สูงที่สุดของเมือง ราวกับกำลังยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา มองเห็นทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก เป็นมูลค่าในการบริโภคที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และปิดประตูกั้นที่ไม่ให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนได้เข้ามา

แน่นอนว่า ถ้าได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารบนปุยเมฆด้วยตนเองแล้วหล่ะก็ การเสียเงินหลักแสนก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองแต่อย่างใด

อย่างน้อยเฉินตงก็มีความคิดเช่นนี้

ขณะที่เขาขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นบนสุดของ Genting Sky

เพลงเปียโนที่ไพเราะได้รุกล้ำเข้ามาในโสตประสาท การตกแต่งที่หรูหราและสง่างามทำให้สภาพแวดล้อมสวยงามอย่างไร้ที่ติ

หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานรอบด้าน สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน

และ ชั้นเมฆลอยละล่องอยู่ภายนอกหน้าต่าง

เขาเดินตามพนักงานเสิรฟไปยังตำแหน่งของจุดชมวิวอันยอดเยี่ยมที่ได้กำหนดไว้ โดยมีกู้ชิงหยิ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

เพียงแต่ว่ากู้ชิงหยิ่งนั่งด้วยท่าทีที่ไม่สงบและเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เสี่ยวหยิ่ง กลุ้มใจเรื่องอะไรเหรอ?” เฉินตงยิ้ม

กู้ชิงหยิ่งตกใจในทันใด แล้วเงยหน้ามองเฉินตงพร้อมกับพูดด้วยความประหลาดใจว่า : “ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ฉันกลัวจริงๆว่าเธอจะทำอะไรกับคุณ”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “ความสัมพันธ์ของเธอกับผมตัดขาดกันไปนานแล้ว เธอยังจะทำอะไรกับผมได้อีก?”

“ฉันกลัวว่าเธอที่อยู่ตรงนั้นจะสร้างความวุ่นวายที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคุณและบริษัท” กู้ชิงหยิ่งไม่ปิดบังความกังวลใจของตนเองเลยแม้แต่น้อย

เฉินตงยกมือขึ้นขอเมนูกับพนักงานเพื่อให้กู้ชิงหยิ่งสั่งอาหาร

พร้อมกับยิ้มและนั่งลงในเวลาเดียวกัน : “วางใจเถอะ ผมแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว เป็นตัวเธอเองที่จะต้องอับอายขายหน้า ผมจะรั้งเธอไว้ได้อีกเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ

เธอเพียงแค่เจ็บปวดใจกับเฉินตง ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอไม่อยากถามมาก

สิ่งที่หวางหนันหนันและตระกูลหวางได้ทำ เธอรู้ดีอย่างชัดเจน มันไม่ควรค่าแก่การเห็นใจเลยจริงๆ

เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำขึ้น แต่ต้องมาแบกรับผลไว้ทั้งหมด

ใช้เวลาไม่นาน ก็สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย

“วันนี้มีเซอร์ไพรส์ใช่ไหม?”

เฉินตงเปลี่ยนหัวข้อ เขาไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ข้างบนนี้กังวลใจมากเกินไปนัก

ยิ่งไปกว่านั้น กู้ชิงหยิ่งไม่เคยรังเกียจต่ออดีตที่ผ่านมาของเขา เรื่องของหวางหนันหนันจึงไม่ยุติธรรมต่อกู้ชิงหยิ่งเลย

“คุณยังลำบากใจที่จะพูดสินะ”

กู้ชิงหยิ่งส่งสายตาตำหนิ “ทำไมคุณไม่บอกฉันสักคำว่าคุณกลายเป็นบอสของไท่ติ่งไปแล้ว? คุณรู้หรือเปล่าว่า ตอนที่คุณเกิดอุบัติเหตุ ฉันกังวลใจจนนอนไม่หลับอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันรีบกลับประเทศเพื่อมาช่วยคุณอย่างร้อนใจ แต่คุณกลับสบายดีและเก็บเรื่องที่กลายเป็นบอสของไท่ติ่งไว้เงียบกริบ!”

“ขอบคุณนะ”

เฉินตงวางมือบนหลังมือของกู้ชิงหยิ่ง “ขอบคุณที่คุณอยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลาที่ผมสิ้นหวังมากที่สุด”

ความตะขิดตะขวงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่ง

เมื่อรู้สึกได้ที่อุณหภูมิบนหลังมือ เธอจึงดึงมือกลับโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าเฉินตงใช้แรงมากเป็นพิเศษ และไม่สามารถที่จะสลัดออกได้เลย

“ทำอะไรเนี่ยอีตาโง่ นี่คือร้านอาหาร คนมองดูเยอะนะ”

“ผมจับมือแฟนของตัวเอง ผิดตรงไหนล่ะ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว : “นี่คือคนที่คุณจะต้องอิงแอบแนบชิดด้วย และต่อจากนี้จะหนีไม่ได้แล้วด้วย”

คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งร้อนผ่าวและแดงเป็นอย่างมาก

กู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนเรื่องอย่างรีบเร่ง : “ใช่แล้วล่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณกลายเป็นบอสของไท่ติงได้ยังไง?”

นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้!

ตามความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเฉินตง หลังจากที่เฉินตงถูกหวางหนันหนันเชิดเอาเงินสองแสนเหรียญไปแล้วก็อับจนหนทางไร้ซึ่งทางออก

แต่ในตอนที่เธอกลับไปที่ประเทศจีน ไม่เพียงแต่คุณแม่ของเฉินตงจะพักฟื้นจากอาการป่วยเรียบร้อยแล้ว เขายังเปลี่ยนไปเป็นบอสของไท่ติงอีกด้วย

ภายในใจของเธอ มันคือการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกับเวทมนตร์ ราวกับว่าเฉินตงบินออกจากความอับจนหนทางขึ้นไปบนก้อนเมฆในชั่วพริบตา

เธอไม่เคยคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ

ดังนั้นเธอถึงได้รีบกลับมายังประเทศจีน เพราะต้องการจะใช้ความสามารถของตัวเองในการช่วยเหลือเฉินตงให้เสร็จสมบูรณ์

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงหายไป เปลี่ยนเป็นความเศร้าเล็กน้อย

จะจับมือของกู้ชิงหยิ่ง เธอก็ดึงกลับคืนมา

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว : “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก”

เฉินตงแค่นยิ้มออกมาแล้วอธิบายว่า : “อันที่จริงมีคนช่วยเหลือผม เขามอบเงินให้ผมเป็นจำนวนมาก ช่วยผมช่วยชีวิตคุณแม่ ช่วยให้ผมเซ็นสัญญากับไท่ติงในราคาสูงเสียดฟ้าและสามารถเข้าซื้อกิจการไท่ติ่งมาได้

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เฉินตงก็ถอนหายใจ : “มีเพียงแค่เรื่องนี้ ที่ผมยังไม่อยากบอกคุณเป็นการชั่วคราว เป็นเพราะว่าแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองเลย ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลังนะ”

สำหรับพ่อที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น เฉินตงไม่อยากจะที่จะพูดถึงเลย

ผู้ชายที่สามารถละทิ้งครอบครัวไปนานกว่ายี่สิบปี สามารถเรียกว่าพ่อและสามีได้เหรอ?

แต่เขายังคงมีความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่พ่อช่วยแม่ในช่วงเวลาวิกฤตครั้งนี้

เขาไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉินกันแน่ นอกจากนี้เขายังสงสัยว่าพ่อเป็นคนส่งท่านหลงมาคอยสนับสนุนเขา สุดท้ายแล้วมันคือข้อตกลงซื้อขายใช่หรือเปล่า?

ตอนนี้ในใจของเขายังคงสับสนวนเวียนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการจะพูดกับกู้ชิงหยิ่งถึงเรื่องนี้

หลังจากฟังคำพูดของเฉินตงจบแล้ว กู้ชิงหยิ่งยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

แต่หลังจากเหลือบมองท่าทางการแสดงออกของเฉินตงแล้ว เธอก็พยักหน้า ไม่ซักไซ้ถามอะไรต่อไปอีก

เธอเคารพความเป็นส่วนตัวของเฉินตง

และรู้ด้วยว่า หลังจากอยู่กับเฉินตงแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างช้าๆ

“ใช่แล้วล่ะ คุณไม่ได้บอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ผมเหรอ?”

เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งอย่างคาดหวัง

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้าน ในดวงตามีความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทันที

จากประสบการณ์การเซอร์ไพรส์มากมายที่เฉินตงมอบให้เธอ ทันใดนั้นเธอรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า หลังจากเปิดเผยตัวตนกับเฉินตงแล้ว สำหรับเขาแล้ว สุดท้ายยังถือว่าเซอร์ไพรส์หรือเปล่า

ถ้าอย่างนั้น…จะบอก…หรือไม่บอก?

บทที่ 60 ชื่อเสียงป่นปี้?

หวางหนันหนันดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง น้ำตาคลอหน่วย สีหน้าเลื่อนลอยรีบวิ่งไปที่หลงถิงฮัวหยวน

ทางไกล ดอกไม้โปรยปรายทั่วท้องฟ้า

และแผ่นคำที่ห้อยอยู่กับเฮลิคอปเตอร์สามลำที่หยุดอยู่กลางอากาศ

เหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆผ่าลงตัวเธอ

เธอถึงขนาดที่ว่านึกภาพที่เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งที่มีความสุขกันในตอนนี้ กำลังถูกผู้คนจ้องมองกันอยู่ออกกันเลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้……

“ของฉัน มันควรเป็นของฉัน……”

หวางหนันหนันกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เฉินตง นายมันเลว นายมันคนโกหก! นายเคยบอกว่ารักฉัน แต่ไม่นึกเลยว่านายเพื่อกู้ชิงหยิ่ง กล้าใช้วิธีการเลวๆแบบนี้มาหย่ากับฉัน”

อิจฉา ความแค้น ความโกรธ อารมณ์เหล่านี้ผสมเข้าด้วยกัน

ทำให้หวางหนันหนันใกล้จะสติแตกและบ้าคลั่งเต็มที

“ฉันไม่มีทางให้นายอยู่ดีแน่ ฉันจะเปิดโปงว่านายเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือต่อหน้าคนทั้งเมือง เฉินตง นายบีบบังคับฉันเอง!”

ในที่สุด หวางหนันหนันก็วิ่งไปถึงบริเวณใกล้เคียงของสำนักงานขายในหลงถิงฮัวหยวนแล้ว

ในสายตา

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกำลังกอดกันอยู่ และเพลิดเพลินกับสายตาของทุกคนและแสงแฟลชที่กำลังจ้องมองมา

หวางหนันหนันที่โกรธแค้นจัดก้าวไปข้างหน้า เดินออกจากฝูงและตะโกนออกมาเสียงดังว่า

“เฉินตง นายมันคนหลอกลวง!”

เสียงตะโกนร้องลั่นที่กะทันหันนี้ เหมือนกับเป็นค้อนหนักที่ทำลายและหยุดนิ่งความสุขตรงหน้าสำนักงานขายอย่างเหี้ยมหาญ

ทุกคนมองไปที่หวางหนันหนันอย่างตกตะลึง

แต่เดิมกล้องทุกตัวที่โฟกัสเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งอยู่ ตอนนี้ก็มาโฟกัสที่หวางหนันหนัน

บรรดาสื่อคึกขึ้นมาแล้ว

แต่เดิมพวกเขาวันนี้แค่จะรายงานข่าวของอาคารชุดอาคารแรกที่ปรับปรุงใหม่ในภาคตะวันตกของเมือง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีข่าวทยอยเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย

ด้วยที่พวกเขามีไหวพริบที่ไวต่อข่าว ตอนนี้ก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่า พรุ่งนี้หลังจากที่รายงานข่าวพวกนี้ออกไปแล้วต้องทำให้ทั้งเมืองสั่นสะเทือนแน่นอน

เถ้าแก่ของไท่ติ่งบอกรักแฟนในสำนักงานขาย ผู้หญิงปริศนาปรากฏตัวขึ้นกะทันหันเพื่อร้องขอความเป็นธรรม!

นี่เป็นข่าวที่พวกคนชอบสอดรู้สอดเห็นชอบที่สุด!

บนเวที

เฉินตงสีหน้าฉายแววโกรธเคือง สายตามองไปที่หวางหนันหนันอย่างเย็นชา

จะมาก่อเรื่องเหรอ?

เธอรู้จักนิสัยของหวานหนันหนัน ตอนนี้มาที่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

แต่เขาไม่แคร์ เขาแค่โกรธที่การปรากฏตัวของเธอทำลายบรรยากาศดีๆที่เขาทำเพื่อกู้ชิงหยิ่ง

“เฉินตง……”

กู้ชิงหยิ่งมุดออกมาจากอ้อมกอดของเฉินตง เห็นหวางหนันหนันแล้วใจหนักขึ้นมาทันที

“ฉันจัดการเองได้ แต่เดี๋ยวอย่าลืม Genting Sky นะ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนแล้วให้เสี่ยวหม่าพากู้ชิงหยิ่งออกไป

จากนั้น เขาหันไปพูดกับหัวหน้าหน่วยงานพวกนั้นว่า “หัวหน้าทุกท่านครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆ ผมจัดการได้ ไท่ติ่งจะมีทีมงานมาดูแลทุกคนนะครับ”

ข้างล่างเวที หวางหนันหนันเห็นว่ากู้ชิงหยิ่งกำลังจะไปแล้วเลยใจร้อนขึ้นมาทันที

เธอพุ่งไปที่เวทีเหมือนบ้าไปแล้ว “นังจิ้งจอก แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ข้างเวที บอดี้การ์ดเดินขึ้นหน้าพร้อมกัน ขวางหวางหนันหนันที่กำลังจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

“เฉินตง นายมันเลว ฉันมันคนโกหก!”

หนางหนันหนันร้องจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เสียงแหบแห้งไปหมด เหมือนกับเป็นผู้เคราะห์ร้ายเลยทีเดียว แล้วด่าออกมาอย่างเสียใจสุดขีด “เสียแรงที่ฉันลดตัวแต่งงานกับนายเมื่อสามปีก่อนจริงๆ นายก็คือตอบแทนฉันด้วยผลลัพธ์แบบนี้เหรอ?”

ผ่าง!

ข้างหน้าสำนักงานขายเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง

ทุกคนแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมากันหมด

นี่คือ……มือที่สามมาชิงตำแหน่ง?

สื่อทั้งหลายคึกขึ้นมาทันที กดกล้องถ่ายหวางหนันหนันรัวๆ

ข่าวใหญ่!

นี่มันข่าวใหญ่ชัดๆ!

กู้ชิงหยิ่งกำลังจะเดินลงจากเวทีแล้วได้ยินคำด่าทอของหวางหนันหนัน ใบหน้าสวยพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

วันนี้เป็นวันเปิดจองวันแรกของหลงถิงฮัวหยวน ไท่ติ่งและเฉินตงถูกคนทั้งเมืองจ้องมองไว้อยู่

ตอนนี้หวางหนันหนันออกมาอาละวาด

ไม่เพียงแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทไท่ติ่งเสียหาย

ยิ่งจะทำให้เฉินตงชื่อเสียงป่นปี้ได้

นี่……จะทำลายเฉินตงสินะ!

เธอรู้อดีตของเฉินตงและหวางหนันหนัน ทั้งครอบครัวของหวางหนันหนันทำร้ายเฉินตงมาก็มากพอแล้ว

ตอนนี้หย่ากันแล้วยังคิดจะใส่ร้ายป้ายสีเฉินตงอีก?

ในเดี๋ยวนั้นเอง กู้ชิงหยิ่งกำลังจะขึ้นเวทีโต้แย้งแทนเฉินตง

แต่แล้วเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“ฉันจัดการเองได้ อย่าทำลายอารมณ์ของเธอเลย ไปรอฉันที่ Genting Sky นะ”

กู้ชิงหยิ่งสีหน้าพลันชะงักพร้อมมองเฉินตงอย่างลังเล

แต่สุดท้าย เธอก็เลือกที่จะออกไปกับเสี่ยวหม่า

เธอเชื่อว่าเฉินตงจัดการได้

มองกู้ชิงหยิ่งเดินจากไป เฉินตงจึงเดินลงจากเวทีช้าๆ

ภายใต้การจ้องมองของสายตาและแสงแฟลชนับไม่ถ้วนนั่น เขาเดินผ่านการห้ามปรามของบอดี้การ์ดไป และเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหวางหนันหนันที่กำลังนั่งยองๆร้องไห้เสียงดังเหมือนกับหมดหวัง

ยิ้มจางๆออกมาเล็กน้อย “พวกเราก็จบกันแล้ว เธอยังทำแบบนี้อีก คือต้องการให้ฉันชื่อเสียงป่นปี้เหรอ?”

หวางหนันหนันพยายามประคองตัวลุกขึ้นยืน ตาแดงก่ำ หน้าตาไหลพราก กัดฟันพูดเหมือนคนที่เสียสติไปแล้ว “ฉันก็คือจะทำลายนาย จะทำให้นายชื่อเสียงป่นปี้ นายต้องชดใช้ที่หลอกฉัน!”

ในใจเฉินตงเต็มไปด้วยความโกรธ มองหวางหนันหนันอย่างเย็นชา

“บ้านพวกเธอ ฉันช่วยไม่ไหวแล้วจริงๆ!”

“แล้วฉันทำอะไรได้?”

หวางหนันหนันพูดอย่างสิ้นหวัง “พวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉันและเป็นน้องชายของฉัน จะไม่ให้ฉันช่วยอะไรเลยหรือไง?”

เฉินตงไม่เถียง แต่แค่ยิ้มหยันตัวเอง

เขารู้สึกว่าตอนที่ตัวเองถามคำถามนี้ออกมาช่างโง่เขลาสิ้นดี

ถ้าหวางหนันหนันเข้าใจได้จริงๆ ก็ไม่มีทางหลังจากแต่งงานกันมาสามปียังเกิดเรื่องหย่านี้ขึ้น

“พูดสิ? นายพูดออกมาสิ?”

เห็นเฉินตงที่นิ่งเงียบไม่พูด หวางหนันหนันจึงคิดไปเองว่าตัวเองยึดกุมคุณธรรมจริยธรรมไว้ได้แล้วเลยเกรี้ยวกราดมากขึ้น “เฉินตง ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันเป็นคนขอหย่ากับนายเอง แต่ฉันหวางหนันหนัน ไม่ยอมให้นายมาหลอกฉันแบบนี้เด็ดขาด นายอยากอยู่กับนังร่านกู้ชิงหยิ่ง ได้สิ ให้ฉันมาหนึ่งล้าน แล้วฉันจะไปทันทีเลย!”

“ไม่อย่างนั้น นายอย่ามาโทษฉันไปบอกพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ของนายต่อหน้าของคนทั้งเมือง!”

“พฤติกรรมเยี่ยงสัตว์?”

เฉินตงหรี่ตาลงและพูดออกมาอย่างเย็นชา “กล้ามากที่มาขายหน้า คือเธอหาเรื่องขายหน้าเอง!”

พูดจบ เขาก็ให้บอดี้การ์ดหลบไป

หลังจากนั้นก็ทำท่าเชิญกับหวางหนันหนัน

หวางหนันหนันอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะให้เธอขึ้นเวที

ในตอนนี้เอง

เฉินตงพูดออกมาด้วยเสียงโกรธแค้น

“เธอขึ้นไป บอกกับคนทั้งเมือง ให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเอาเงินช่วยชีวิตที่ฉันให้กับแม่ฉันเอาไปซื้อบ้านให้น้องชายเธอยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนช่วยฉัน ป่านนี้แม่ฉันคงตายใน ICU ที่โรงพยาบาลนานแล้ว!”

ผ่าง!

ประโยคหนึ่งทำให้ตกตะลึงไปทั่วงาน

ทุกคนในงานพลันอึ้งกันไปหมด

เพียงไม่กี่วิสั้นๆ

ในงานก็ระเบิดเสียงอื้ออึงออกมาดังสะเทือนเลือนลั่น

“พระเจ้า! เพื่อซื้อบ้านให้น้องชาย แม้แต่เงินช่วยชีวิตของแม่เฉินตงก็เอาไปเหรอ?”

“เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ ฉันแม่งตอนนี้รู้แล้วจริงๆว่าอะไรคือปีศาจฝูตี้ ผู้หญิงคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ!”

“แม้แต่ชีวิตแม่สามีตัวเองก็ไม่สน เมียแบบนี้เก็บเอาไว้ก็เปลืองข้าวสุกหรือไง?”

……

ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เหมือนกับเสียงคลื่นซัดกระหน่ำนี้

ใบหน้าสวยของหวางหนันหนันซีดลงทันที ตกตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

เธอคิดไม่ถึงว่าแค่คำพูดคำเดียวของเฉินตงจะทำให้เธอเป็นฝ่ายร้ายขึ้นมาในทันที

นี่มันเหตุผลแบบไหนกัน?

แสงแฟลชนับไม่ถ้วนส่องไปที่ตัวหวางหนันหนัน

หวางหนันหนันโมโหจนกระทืบเท้าอย่างแรงแล้วตะคอกออกมาเสียงดัง “ทำไมพวกเธอต้องพูดถึงฉันแบบนี้? ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ผู้ชายเหี้ยคนนี้ต่างหากที่เนรคุณ!”

“เหอะ!”

เฉินตงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “เธอมีเหตุผลขนาดนี้ ฉันไม่แคร์ที่จะให้เธอขึ้นไปพูดบนเวที”

พูดจบ เฉินตงก็หันหลังเดินจากไป

การเปิดจองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ

หวางหนันหนันอยู่ที่นี่ ทำให้เขาไม่อยากเผชิญกับหวางหนันหนันอีกแม้แต่วินาทีเดียว

ส่วนการอาละวาดของหวางหนันหนันจะกระทบถึงยอดของหลงถิงฮัวหยวนหรือไม่นั้น เขาไม่ได้ไปคิดมันเลย ซื้อบ้าน “ทำเงิน” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ “ข่าวฉาวโฉ่” ของเขาก็จะกระทบถึงความกระตือรือร้นของผู้ซื้อบ้านได้

ส่วนภาพลักษณ์ของเขา……

คนที่ตั้งแต่เด็กจนโตผ่านมากับชื่อเสียง “ลูกสวะ” ไม่มีทางใส่ใจกับข่าวซุบซิบอะไรอยู่แล้ว!

บทที่ 59 ดอกไม้ทั่วท้องฟ้า ไม่ทอดทิ้งไม่แยกจาก

ในชั่วพริบตานั่นเอง

กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ในฝูงชนถูกผู้คนจ้องมองมาและถูกแสงแฟลชล้อมรอบ

กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าลง ใบหน้าสวยเริ่มแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย

ต่อให้เธอตั้งแต่เด็กจนโตเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเยอะแล้ว แต่หัวใจก็ยังคงเต้นแรงอยู่ดี เหมือนกับจะทะลุออกมาจากอก

เพราะว่าสถานการณ์ที่เธอเคยผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต คืออาศัยจากเกียรติภูมิของพ่อ

แต่ครั้งนี้กลับเป็นเฉินตง แฟนของเธอให้กับเธอ

“ว้าว……เธอสวยจังเลย”

เมื่อเห็นหน้าตาของกู้ชิงหยิ่ง ฝูงชนที่แยกทางให้อัตโนมัติก็ร้องชมออกมาด้วยความตะลึงอย่างไม่หยุดหย่อน

“มิน่าล่ะ ถ้าฉันมีแฟนที่สวยขนาดนี้ ฉันก็ยอมรอ!”

“ประธานเฉินเก่งจริงๆ อายุน้อยก็ประสบความสำเร็จขนาดนี้แล้ว ยังมีแฟนที่สวยขนาดนี้อีก ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วล่ะ!”

……

นี่ทำให้กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าต่ำลงกว่าเดิม มือเรียวเล็กอดไม่ได้ที่จะกำชายกระโปรงแน่นด้วยความตื่นเต้นและเดินเร็วกว่าเดิม

ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยมีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนจริงๆ

เมื่อเธอเดินมาถึงข้างเวที มือใหญ่มือหนึ่งก็ยื่นมาข้างหน้า

กู้ชิงหยิ่งชะงักและหยุดฝีเท้าลง

“ตื่นเต้นเหรอ?”

เสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้น

ใบหน้าสวยแดงก่ำของกู้ชิงหยิ่งเงยขึ้นมองเฉินตง เม้มริมฝีปากแน่นพร้อมพยักหน้า

จากนั้น เธอก็ยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือของเฉินตง

ถูกมือใหญ่ของเฉินตงจับไว้ หัวใจที่เต้นแรงของกู้ชิงหยิ่งก็ผ่อนคลายลงทันที ความรู้สึกตื่นเต้นก็สงบขึ้นมาไม่น้อย

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกแต่ดีมาก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเล็กน้อย

ผู้คนจ้องมองมา แสงสว่างล้อมรอบตัว

เฉินตงในชุดสูทและกู้ชิงหยิ่งในกระโปรงขาวดุจดั่งนางฟ้า กำลังเดินไปตรงกลางของเวทีอย่างช้าๆ

“นายทำแบบนี้ไม่กลัวเจ้านายของนายจะด่านายเอาเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งมองซ้ายมองขวาและถามออกมาเสียงเบาๆ

เฉินตงหัวเราะ “ฉันจะด่าตัวเองได้ยังไงกัน?”

ร่างเล็กของกู้ชิงหยิ่งพลันสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมมองไปที่เฉินตงอย่างตกใจ

ยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมาจากคำพูดของเขา

เฉินตงก็ยกไมโครโฟนขึ้นและพูดประกาศออกมาด้วยรอยยิ้ม “แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ คนนี้คือกู้ชิงหยิ่ง เป็นแฟนของผมครับ”

ชั่วพริบตานั้นเอง

เสียงปรบมือที่คล้ายกับเสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่นขึ้น

ก่อนหน้านี้ทุกคนยังสงสัยอยู่ว่าเฉินตงเสียมารยาทขนาดนี้คือเพื่อรอใครกันแน่

แต่พอเห็นกู้ชิงหยิ่งและการแนะนำของเฉินตงแล้ว ความไม่พอใจที่ยังเหลืออยู่นั้นก็หายไปหมดเกลี้ยง

ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย กิ่งทองใบหยก

ผู้ชายขยันทำงาน ก็เพื่อเมื่อตอนที่มีเกียรติคุณแล้ว สามารถแบ่งปันกับผู้หญิงที่ตัวเองรักและเป็นประจักษ์พยานด้วยกันมิใช่เหรอ?

และที่สำคัญ หน้าตาของกู้ชิงหยิ่งสามารถทำให้ทุกคนในงานยอมรับได้

ใครที่มีแฟนแบบนี้ก็คงเลือกทำแบบเฉินตงเหมือนกัน

“ประธานเฉิน คุณไม่ใจกว้างแล้วนะครับแบบนี้ แฟนสวยขนาดนี้ เราเคยเจอกันก็หลายครั้ง แต่แอบซ่อนไว้เพิ่งพามาให้รู้จักวันนี้เนี่ยนะครับ?” บนเวที หัวหน้าแผนกคนหนึ่งพูดล้อออกมา

เฉินตงยิ้มตอบกลับ “ท่านเจิ้ง ผมไม่ใช่เพราะว่าอยากอวดความรักในโอกาสสำคัญในวันนี้หรอกหรือครับ?”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนบนเวทียิ้มออกมากันหมด

กู้ชิงหยิ่งมองท่านเจิ้งคนนั้นอย่างตกตะลึง เธอเพิ่งกลับประเทศได้ไม่นาน จึงรู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้น้อยมาก

แต่เธอก็รู้ว่าท่านเจิ้งคนนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีน้ำหนักมากคนหนึ่งของเมืองนี้!

สามารถพูดคุยหัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนานกับท่านเจิ้งได้ ในเมืองนี้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น!

เธอมองไปที่เฉินตงโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากสีแดงอ้ำอึ้ง

ไม่รอให้กู้ชิงหยิ่งได้เปิดปากพูด เฉินตงก็หันหลังไปให้สัญญาณกับพิธีกรเสียก่อน “เริ่มได้แล้วครับ”

“โอเคครับ! จากนี้ขอเรียนเชิญประธานเฉินของบริษัทไท่ติ่งและหัวหน้าทุกท่านตัดริบบิ้นให้กับหลงถิงฮัวหยวนของพวกเราได้ครับ!”

เสียงพูดของพิธีกรที่ผ่านไมโครโฟน ทำให้กู้ชิงหยิ่งต้องหยุดถามความสงสัยนั้นออกมาก่อน

แต่คำพูดของพิธีกรได้พิสูจน์ยืนยันคำพูดของเฉินตงที่พูดกับกู้ชิงหยิ่งในเมื่อกี้แล้ว

ใบหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง ถึงขนาดที่ว่าหลังจากที่ตกใจสุดขีดแล้วก็งงอึ้งไปเลย

เธอรู้สึกยากที่จะเชื่อ

คนที่เธอกลับประเทศมาเพื่อที่จะช่วย แต่ดันแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างเงียบๆถึงขนาดนี้!

นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่เฉินตงจะให้เธอเหรอ?

พนักงานหญิงดึงริบบิ้นสีแดงขึ้นต่อหน้าผู้คนอย่างรวดเร็ว

เฉินตงพากู้ชิงหยิ่งที่ยังตื่นตะลึงอยู่ไปที่ด้านหลังริบบิ้น หลังจากนั้นก็หยิบกรรไกรขึ้นส่งไปที่มือของกู้ชิงหยิ่งแล้วโอบเธอไว้จากข้างหลัง

ณ เวลานี้ สายตาทุกคู่และแสงแฟลชก็โฟกัสที่บนเวทีกันหมด

หรือควรจะบอกว่า โฟกัสไปที่พวกเขาสองคน

กู้ชิงหยิ่งสมองว่างเปล่าไปหมด ถูกเฉินตงโอบไว้ มุมปากของเธอพลันเผยรอยยิ้มอ่อนหวานออกมาอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่าถูกความสุขและความหวานโอบล้อมเอาไว้

ถึงขนาดที่ว่าเธอยังไม่ได้สติกลับมา พิธีตัดริบบิ้นก็จบลงแล้ว

ปัง!

เสียงสลุตดังขึ้นสนั่น ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

จากนั้น

ปังๆๆ……

กู้ชิงหยิ่งที่ตกใจจนตั้งตัวไม่ทัน รีบมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินตง

เพราะเสียงสลุต72นัดที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายขวาของสำนักงานขายดังขึ้นพร้อมกัน

เสียงอานุภาพเกรียงไกร ดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง

“เงยหน้ามองท้องฟ้าสิ”

เสียงของเฉินตงดังขึ้นข้างหูของกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งเหมือนกับลูกแมวที่กำลังตกใจ ยื่นหัวออกมาจากอ้อมกอดของเฉินตงเล็กน้อยและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันทีที่เสียงสลุตดังขึ้น กลีบดอกไม้หลายกลีบก็ถูกส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและก็กำลังโปรยปรายอยู่เต็มท้องฟ้าในตอนนี้

กลีบดอกไม้หลากสี หลากหลายสีสัน หลากหลายรูปร่าง ขณะที่กำลังลอยลงมาอยู่นั้น ก็ถูกแสดงแดดส่องกระทบเข้า สว่างพร่างพรายและโรแมนติก

กู้ชิงหยิ่งมองกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย

ช่วงเวลานี้ เธอลืมสถานะของตัวเอง ลืมพื้นหลังของตัวเอง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเหมือนกับเด็กผู้หญิง

ยกมือขึ้นไปรับดอกไม้หนึ่งกลีบ กู้ชิงหยิ่งพูดเสียงงึมงำ “กุหลาบ?”

“ฉันรู้ว่าเธอชอบกุหลาบเลยให้คนไปหากุหลาบทุกสีมา”

เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยนและยิ้มบางๆ “ฝนดอกไม้แบบนี้ ชอบหรือเปล่า?”

ความรักที่กู้ชิงหยิ่งมีต่อเขา เขาเข้าใจทั้งหมด

ในตอนที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ยังอยู่กับเขาอย่างไม่ลังเล งั้นเธอก็คุ้มค่าให้เขามอบทุกอย่างให้

ความสุขของเธอ ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ!

“ชอบ ชอบมากเลย……”

ดวงตาสวยของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้ากระโจนเข้าใส่อ้อมกอดของเฉินตง “ขอบคุณนะ”

ฉากนี้ ถูกคนทั้งงานจ้องมองให้ความสนใจ

และยิ่งถูกสื่อทุกคนใช้กล้องบันทึกเอาไว้

ไม่มีใครไม่ชอบฉากสารภาพรักด้วยดอกไม้ทั่วท้องฟ้าแบบนี้ มีกระทั่งการอวยพรอย่างจริงใจ และมีผู้หญิงไม่น้อยเลยทีเดียวที่มองกู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาอิจฉา

ครืน……

และในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าก็เกิดเสียงดังขึ้นเป็นพักๆ

ฉับพลันนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้

“ดูนั่นสิ! เฮลิคอปเตอร์!”

มีคนพูดออกมาอย่างตกใจ ทันใดนั้น สถานที่นี้ก็ระเบิดเสียงตกใจกันออกมา เสียงดังสนั่นคล้ายกับเสียงฟ้าร้อง

ท่ามกลางดอกไม้โปรยปรายเต็มทั่วท้องฟ้านี้ มีเฮลิคอปเตอร์สามลำกำลังบินเข้ามาจากทางไกล

“นี่มัน……” กู้ชิงหยิ่งมองฉากบนท้องฟ้าอย่างตกใจ

เฉินตงเขี่ยสันจมูกของกู้ชิงหยิ่งอย่างเอ็นดูและยิ้มพูด “นี่ก็เป็นเซอร์ไพรส์ที่ให้เธอเหมือนกัน”

ร่างเล็กของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหวเล็กน้อยและหัวใจก็เต้นแรงตุบตับ

ไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินถึงข้างบนสำนักงานขาย

ในขณะที่ถูกสายตาตกใจของทุกคนและกล้องนับไม่ถ้วนโฟกัสเข้าอยู่

เฮลิคอปเตอร์สามลำนั่นก็เปิดประตูเครื่องบินออก ลูกโป่งหลากสีนับไม่ถ้วนก็ลอยลงมาพร้อมกันกับแผ่นคำสามใบ

“กู้ชิงหยิ่ง”

“เธอใช้ทั้งชีวิตมาเดิมพัน”

“ฉันจะยอมให้เธอแพ้ได้อย่างไร”

แผ่นคำสามคำ ประโยคสามคำ ราวกับฟ้าผ่าระเบิดเข้าไปในใจของทุกคน

ผ่าง……

สถานที่นี้ระเบิดเสียงตกใจออกมาอีกครั้ง

ร่างเล็กของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหว เวลานี้ น้ำตาทะลักออกมาราวกับพนังกั้นแม่น้ำแตกออก

เธอมองเฉินตงอย่างซาบซึ้งดีใจ แต่เฉินตงแค่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “นี่เป็นคำสาบานที่ฉันให้เธอ ขอบคุณที่เธอไม่ทอดทิ้ง จากนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่แยกจาก”

ไม่ทอดทิ้งไม่แยกจาก……

กู้ชิงหยิ่งกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเฉินตง มุดหัวไว้ข้างใน ร่างเล็กสั่นเทาเล็กน้อย

“ตาบ้า ไหนบอกว่าเป็นเซอร์ไพรส์ไง ทำไมต้องทำให้คนเค้าร้องไห้ด้วยเล่า?”

เหมือนจะเป็นคำพูดที่ต่อว่าแต่ก็ทำให้เฉินตงยิ้มออกมา มือขวาตบหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ ริมฝีปากแตะลงบนหัวของกู้ชิงหยิ่งช้าๆ

ภาพนี้เหมือนกับถูกหยุดเอาไว้

ภายใต้สายตาอิจฉาปนตกตะลึงของทุกคน

กล้องมากมายนับไม่ถ้วนก็รีบบันทึกฉากนี้เอาไว้กันอย่างรวดเร็ว

และในขณะเดียว ช่วงเวลาที่มีความสุขนี้

ก็มีเงาสวยพริ้มเพราเงาหนึ่งวิ่งมาทางสำนักงานขายอย่างเร็ว……

บทที่ 58 หมื่นคนรอคอย เธอมาแล้ว!

หลงถิงฮัวหยวน

คืออาคารชุดภาคตะวันออกของเมืองที่จะเปิดจองในวันนี้

ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านหน้าสำนักงานขายที่ตกแต่งหรูหรานั่นก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ล้นหลามมากจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้

ในความจริงแล้ว มีหลายคนมากที่ซื้อห้องเพื่อ “ทำเงิน” ถึงขนาดที่ว่าต่อแถวกันยาวเหยียดที่หน้าสำนักงานขายตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อคืน

ใครจะคิดไปว่า ภาคตะวันตกของเมือง สถานที่ที่สกปรกและสภาพแวดล้อมแย่ที่คนในเมืองนี้ต่างก็ละทิ้งไปราวกับรองเท้าเก่าที่ขาดลุ่ยก็จะมีวันที่เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองแบบนี้

แถวยาวเหยียดจนมองไม่เห็นหัวท้าย แม้จำนวนคนที่ต่อแถวจะเยอะเกินกว่าจำนวนห้องของตึกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของคนที่ต้องการจะซื้อห้องได้

แถวยิ่งอยู่ยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ

พื้นที่ข้างหน้าสำนักงานขายเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น รถยนต์ก็ถูกให้ไปจอดอยู่ที่ห่างจากนี่อีกหนึ่งกิโลเมตร

ถึงขนาดที่ว่าเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ไม่ให้เกิดอันตรายจากการรวมตัวกัน หน่วยงานรักษาความปลอดภัยของเมืองนี้ถึงกับต้องตั้งใจส่งคนมาดูแลสถานที่กันเลนทีเดียว

สื่อต่างๆของเมืองนี้ต่างก็มาตั้งหลักที่เขตเฉพาะแล้ว กล้องก็ตั้งไว้พร้อมแล้ว เตรียมพร้อมลุยทุกเมื่อ

ฉากแบบนี้ ใหญ่โตอลังการเป็นประวัติการณ์!

ต่อให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์สิบอันดับแรกของเมืองนี้ก็ไม่เคยมีผลลัพธ์ที่สั่นสะท้านขนาดนี้มาก่อน

“พี่ต้าเป่าครับ วันนี้ต้องยุ่งมากแน่นอนสินะครับ”

ข้างในสำนักงานขาย มีพนักงานขายวัยรุ่นคนหนึ่งมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่นและพูดกับหลี่ต้าเป่าอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “พี่ว่า แต่เดี๋ยวคนพวกนี้พุ่งเข้ามาจะเหยียบผมตายรึเปล่าครับเนี่ย?”

“ดูแกซิ ฉันพาแกมาให้ช่วยขายห้อง ให้โอกาสแกได้ทำเงินฟรีๆ แกยังจะกลัวจะโดนเหยียบตายอีก?”

หลี่ต้าเป่ามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาดูถูกแวบหนึ่งแล้วมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่น ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก

ที่เขามาอยู่ที่นี่ เหตุผลหลักก็เพราะว่าจำนวนเปิดขายของไท่ติ่งมีไม่มากพอกับสถานการณ์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นเฉินตงจึงยืมคนมาช่วยจากโจวเย่นชิวมาล่วงหน้า

นึกย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไท่ติ่งตอนนั้นยังอยู่ในมือเขา

แต่ตอนนี้ แค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ สถานะของเขากับเฉินตงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงเท่านี้ เฉินตงยังสามารถพาไท่ติ่งที่ถูกเขาทำให้เสียหายมาก่อนหน้า ให้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้เท่าสภาพในวันนี้

นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ หลี่ต้าเป่าก็อายจนหน้าแดงซ่านออกมามากและก็หัวเราะเยาะตัวเอง

เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแปลกไปของหลี่ต้าเป่า จึงพับแขนเสื้อขึ้นและยิ้ม “พี่ต้าเป่าพูดถูก ห้องพวกนี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดอะไรมากเลย แค่สนเรื่องเซ็นสัญญาก็พอ ยิ่งเซ็นได้เยอะเท่าไรค่าคอมมิชชั่นก็ยิ่งได้เยอะสินะครับ”

สิ้นเสียงที่พูด เสี่ยวหม่าที่ดูแลการขายในครั้งนี้ ก็รีบพาคนวิ่งออกไปข้างนอก

“เร็วเข้า เถ้าแก่มาแล้ว!”

หลี่ต้าเป่าดึงสติกลับมาและเลิกคิ้วขึ้น รีบพาเด็กหนุ่มตามพวกพนักงานขายวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร็ว

ถนนกว้างขวางที่อยู่ข้างนอกสำนักงานขาย ตอนนี้กลับแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้

แต่พอหน่วยงานรักษาความปลอดภัยมารักษาความเรียบร้อย บนถนนกว้างเส้นเดิมนั่นก็แยกทางที่สามารถให้รถหนึ่งคันขับผ่านออกมาได้

มาแล้ว!

พวกสื่อที่มีประสาทรับรู้ที่ว่องไวต่างก็พากันเล็งกล้องไปที่ทางผ่านนั่น

ส่วนบรรดาผู้ซื้อห้องที่ต่อแถวรอคอยอยู่ก็จ้องมองมาด้วย

จากนั้น

รถแท็กซี่สีเหลืองสลับเขียวคันหนึ่งก็ขับมาอย่างช้าๆ

ฉากนี้ทำให้คนดูถึงกับคิ้วขมวดแน่น

ทำไมถึงมีรถแท็กซี่บุกเข้ามาได้?

เอี๊ยด!

รถแท็กซี่จอดลงด้านหน้าพวกเสี่ยวหม่าที่มาต่อแถวรอคอย

เสี่ยวหม่ารีบเดินขึ้นหน้าไปเปิดประตูฝั่งหลังของรถ

“พี่ตงครับ ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทุกท่านก็มาถึงแล้วครับ”

เฉินตงที่สวมใส่เสื้อสูทและรองเท้าหนังลงจากรถ มองดูผู้คนหนาแน่นด้วยสีหน้าสดใสและพลังงานเต็มเปี่ยม

สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

ไม่ใช่เพราะเขาชอบอานุภาพใหญ่โตแบบนี้ แต่เพราะสถานการณ์แบบนี้คุ้มค่าแล้วกับที่เขาและเหล่าพนักงานทำงานหนักกันอย่างไม่รู้วันไม่รู้คืนในตลอดหนึ่งเดือนนี้

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงเดินนำไปที่สำนักงานขายก่อนเลย

เสี่ยวหม่าและเหล่าพนักงานขายเดินตามไปติดๆ แบ่งเป็นสองแถวคล้ายกับมังกรยาวสีดำสนิทสองตัว

ภาพนี้ ทำให้พวกสื่อและผู้ซื้อบ้านต่างก็ทำหน้าตะลึงงันกันอยู่กับที่

หลังจากที่เฉินตงพาพวกพนักงานขายเข้าไปในสำนักงานขายแล้ว

ในกลุ่มสื่อ จู่ๆก็มีเสียงตกใจดังขึ้นว่า

“เชี้ย! นั่นมัน นั่นเหมือนจะเป็นเถ้าแก่ปัจจุบันของไท่ติ่งนี่!”

คำพูดนี้ทำให้ตกใจกันทั่วสนั่น

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที ล้วนเผยสีหน้ายากที่จะเชื่อออกมา

“เถ้าแก่ของไท่ติ่ง? นั่งรถแท็กซี่มา? เมื่อกี้ฉันตาฝาดหรือเปล่า?”

“เถ้าแก่คนนี้ทำตัวค้อมต่ำเกินไปแล้ว พัฒนาภาคตะวันตกของเมืองที่เป็นตัวทำเงินขนาดนี้ จะเสียดายกับการแค่ซื้อรถแค่คันเดียวเนี่ยนะ?”

“จบกันๆ เมื่อกี้ลืมถ่ายไว้ซะด้วย นี่ถ้าได้ถ่ายไว้นะ รับรองเลยว่าต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน”

……

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด คล้ายกระแสน้ำและคลื่นทะเลที่โหมซัดกระหน่ำ

พอเฉินตงมาถึงแล้ว ไม่นาน พิธีกรก็ขึ้นเวทีเริ่มพูด

นี่ก็เป็นการประกาศว่างานเปิดจองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

ไม่มีการอืดอาดยืดยาด ยิ่งไม่มีการแสดงร้องเพลงเต้นรำตามธรรมเนียมเมื่ออสังหาริมทรัพย์ทำการเปิดจอง

เพราะเฉินตงรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านที่ต่อแถวมาตลอดทั้งคืนนี้ต้องการมากที่สุด

ภายใต้สถานการณ์ที่เหมือนกับผ่ากระบอกไม้ไผ่นี้ อะไรก็ตามที่พยายามขับดุนให้เด่นในงานแถลงเปิดตัว ล้วนเป็นสิ่งเกินความจำเป็นทั้งสิ้น ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆแม้แต่นิดเดียว

หลังจากที่พิธีกรกล่าวคำปราศรัยให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาแล้ว ไม่นานก็ประกาศให้เริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น

เฉินตงตั้งแต่ที่เข้ามาในสำนักงานขาย ก็ไปพบปะและทักทายกับพวกหัวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พิธีกรประกาศเริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น คนทั้งหลายก็ทยอยขึ้นเวทีไปทีละคนๆ

ขณะนั้นเอง กล้องนับไม่ถ้วนก็เล็งไปที่คนทั้งหลายที่อยู่บนเวทีนั่นและเปิดแฟลชขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง

ส่วนผู้ซื้อบ้านที่มารวมตัวกันในสำนักงานขาย ก็จ้องมองด้วยประกายตาระยิบระยับด้วยเช่นกัน

พนักงานหญิงที่สง่าผ่าเผยและเรียบร้อย ไม่นานก็นำกรรไกรมอบไว้ในมือของเฉินตงและในมือของแขกรับเชิญที่ตัดริบบิ้นทุกคน

ในขณะที่พิธีกรกำลังจะประกาศให้ตัดริบบิ้นนั้น

จู่ๆ เฉินตงก็เดินขึ้นหน้าบอกกับพิธีกรว่า “ขอโทษนะครับ รบกวนทุกท่านช่วยอีกรอสักครู่นะครับ”

พิธีกรสีหน้าพลันชะงักขึ้นมา

ทุกคนในงานก็มองหน้ากันและกัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

บทเวที แขกรับเชิญที่ถูกเชิญมาให้ตัดริบบิ้นต่างก็ขมวดคิ้วกันด้วย

เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินตงตลอดก็แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที รีบเดินไปที่ข้างหลังของเฉินตง

“พี่ตง ทำอะไรน่ะ? นี่เป็นพิธีตัดริบบิ้นนะครับ บนเวทีก็มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนรออยู่นะครับ!”

เฉินตงยิ้มพูดกับเสี่ยวหม่าเบาๆว่า “แฟนพี่ยังไม่มาน่ะ”

ผ่าง!

เสี่ยวหม่าเหมือนถูกฟ้าผ่า ตกใจงงอยู่กับที่

พี่ตงบ้าไปแล้วเหรอ?

แฟนยังไม่มาก็เลยไม่สนใจหัวหน้ากับคนมากมายนับพันนับหมื่นคนนี้เนี่ยนะ?

และในเวลาสั้นๆนี้เอง กล้องของพวกสื่อก็มีแสงแฟลชออกมากันอย่างบ้าคลั่ง แถมมากกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย

เถ้าแก่ของไท่ติ่ง จู่ๆก็เรียกหยุดในพิธีตัดริบบิ้นโดยที่ไม่สนใจคนมากมายนับพันนับหมื่นนี้ นี่เป็นข่าวใหญ่มาก!

เฉินตงไม่สนใจกับแสงแฟลชของพวกสื่อ แต่ไปยิ้มกับเสี่ยวหม่าแทนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

จากนั้นก็เดินไปที่ไมโครโฟนของด้านหน้าเวที ก้มหัวขอโทษและอธิบายว่า

“ต้องขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ รบกวนทุกท่านช่วยรออีกสักครู่นะครับ เพราะว่ามีคนที่สำคัญต่อผมมากคนหนึ่งยังมาไม่ถึง ช่วงเวลานี้ของวันนี้ ผมอยากจะแบ่งปันกับเธอและเป็นประจักษ์พยานด้วยกันกับเธอครับ”

คำอธิบายอย่างจริงใจนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนในงานคลายลงเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา คนสำคัญแบบไหนกันนะที่ทำให้เถ้าแก่ของไท่ติ่งทำสิ่งที่เสียมารยาทออกมาได้ในเวลาแบบนี้?

จากนั้น เฉินตงก็เดินไปข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งวีแชทให้กับกู้ชิงหยิ่ง

“ถึงแล้วยังน่ะ?”

“ถึงแล้วจ้ะ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน หันหลังกวาดตามองที่ผู้คนมากมายนี้

เมื่อเขาเห็นเงาสวยพริ้มเพรานั่นกำลังเดินมาอย่างไวในฝูงชน รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเขาก็อ่อนโยนถึงขีดสุดและยกไมโครโฟนขึ้นอย่างช้าๆ

“ทุกคนครับ คนที่ผมรอมาถึงแล้วครับ”

ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งห้องก็เงียบสนิท

สายตาทุกคู่หันไปมองทิศทางที่เฉินตงมองอยู่

ในกลุ่มสื่อ กล้องทุกตัวก็ระเบิดแสงแฟลชลานตาออกมา และเล็งไปที่นั่นกันอย่างพร้อมเพรียง

บทที่ 57 วันที่15 มาถึง!

หลายวันต่อจากนั้น

กำลังวังชาทั้งหมดของเฉินตงอยู่ที่การเตรียมการเปิดจองของอาคารชุดที่ภาคตะวันตกของเมืองทั้งหมด

เตรียมการมาหนึ่งเดือน เขาไม่ยอมให้ศึกนี้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

ตามกาลเวลาผ่านไป โปสเตอร์โฆษณาเกี่ยวกับการเปิดจองอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในถนนสายหลักและทุกซอยของเมืองนี้

และเมื่อตอนที่ผู้สูงอายุและวัยรุ่นคุยกัน หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองก็เหมือนจะกลายเป็นหัวข้อหลักไปแล้ว

ราวกับว่าความสนใจของทั้งเมืองนี้อยู่ที่อาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองทั้งหมด

คนที่มีกำลังที่จะซื้อบ้าน พวกเขาล้วนคันไม้คันมืออยากจะลองดูกันทั้งนั้น

เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันตกของเมืองก่อนที่ยี่เคอจะเข้าตั้งที่นี่ พอยี่เคอเข้าตั้งแล้ว ราคาบ้านก็จะต้องสูงขึ้นแน่นอน

นี่เป็นโอกาสดีที่จะทำเงินได้

เรื่องทำเงิน ใครๆก็กระตือรือร้นกันทั้งนั้น

กระทั่งที่ว่ามีหลายคนใช้เส้นสายของตัวเองคิดที่จะทำการซื้อจากภายในอย่างเงียบๆ

เฉินตงทายไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

หมกมุ่นกับอสังหาริมทรัพย์สามปี เขารู้ดีว่าเรื่องทำการซื้อจากภายในมันหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่เขาไม่คิดจะขายห้องจากภายในออกไปมากนัก เพราะนี่เป็นศึกครั้งแรกของเขา เขาต้องการผลลัพธ์ที่สั่นสะท้านไปทั่วเมือง

ถ้าทำการซื้อขายห้องจากภายในมากเกินไปล่วงหน้า วันที่เปิดให้จองวันแรกวันนั้น อสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันตกของเมืองยังจะขายดีได้อย่างไร?

ถ้าเรื่องทำการซื้อขายจากภายในถูกเผยแพร่ออกไป ด้วยความคาดหวังของผู้คนที่มีต่ออสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันตกของเมืองในตอนนี้จะต้องส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของไท่ติ่งเป็นแน่

เพราะฉะนั้น เขาจึงให้เสี่ยวหม่าคัดเลือกมาแค่ส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากเด็กเส้นที่เส้นใหญ่เกินกว่าบริษัทพวกเขาจะปฏิเสธทำการซื้อขายจากภายในได้ ส่วนคนที่ต้องการทำการซื้อจากภายในที่เหลือ ปฏิเสธให้หมด

ข่าวไท่ติ่ง “ปฏิเสธการซื้อขายจากภายใน” เผยแพร่ออกไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว

นี่ก็ทำให้ตัวเมืองคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

ต้องรู้ว่าคนที่อยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ภาคตะวันตกของเมืองหาได้ถมเถไป เด็กเส้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่มากกว่าคือต้องแย่งด้วยตัวเอง

ไท่ติ่งปฏิเสธทำการซื้อขายจากภายใน บอกได้ชัดเจนแล้วว่าก็เพื่อต้องการให้ทุกคนแข่งซื้ออสังหาริมทรัพย์กันอย่างยุติธรรม

นี่มัน……เป็นบริษัทที่มีจิตสำนึก!

พอข่าวกระจายออกไป ทำให้พวกคนที่ต้องการซื้อห้องแต่ไม่มีเส้นสายตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ยิ่งตั้งมั่นว่าจะต้องแย่งมาให้ได้หนึ่งห้องในการซื้อห้องครั้งนี้ให้ได้

ส่วนพวกเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนกับบรรยากาศแบบนี้

แต่ก่อนตอนที่พวกเขาขายห้อง ครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช่โฆษณากันอย่างยากลำบาก สร้างประเด็นให้เป็นที่พูดถึง?

แล้วไท่ติ่งล่ะ?

ภาคตะวันตกของเมืองที่ไม่มีใครยอมรับ สัญญาที่สูงเกินจริงถึงสามสิบล้าน ทำให้ไท่ติ่งกลายเป็นที่เยาะเย้ยของคนในวงการทุกคน

แต่กลับมีกระแสร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในเมืองนี้

วิลล่าเขาเทียนซาน

โจวเย่นชิวดูข่าวอาคารชุดที่ภาคตะวันตกของเมืองในมือถือก็พลันยิ้มออกมา แล้วดันแว่นตากรอบทองที่อยู่บนดั้งจมูก

“จินหลินหรือจะเป็นสัตว์ในหนองน้ำ เพียงแค่ได้เจอสถานการณ์ก็จะกลายเป็นมังกรทันที เฉินตงเอ๋ยเฉินตง ไท่ติ่งที่ฉันจะให้หลี่ต้าเป่าเอาไว้ใช้ในตอนแก่ กลัวว่าจะต้องใช้นายที่เป็นมังกรตัวจริง นำสูงขึ้นไปถึงท้องฟ้าเก้าหมื่นไมล์แล้วล่ะมั้ง”

ต่อให้เป็นเขาที่รุ่งโรจน์ในวงการการค้ามาหลายปี ก็ไม่เคยเจอการเปิดให้จองระยะแรกที่เปิดจองดีขนาดนี้

ในสถานการณ์ที่ทั้งเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงแบบนี้ ไม่มีใครสงสัยถึงผลลัพธ์ของการเปิดจองครั้งนี้แน่นอน

นอกจากขายดี!

ก็ยังเป็นขายดี!

โจวเย่นชิวถอนหายใจออกมา สีหน้าก็พลันฉายแววฉงนและจริงจังขึ้นมา “แต่ว่า ท่านหลงจากไปกะทันหันแบบนี้เพราะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

การเดิมพันในครั้งนั้น ฉันทำถูกหรือทำผิดกันแน่นะ?

ด้วยความสามารถของโจวเย่นชิวในเมืองนี้ เขาก็ย่อมรู้ดีว่าเฉินตงเจอเรื่องอะไรมาบ้าง ยิ่งรู้ว่าเรื่องที่ซัพพลายเออร์คว่ำบาตร คือใครเป็นคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง

ก่อนที่เฉินตงจะมาช่วยเขา เขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว

แต่เขาก็รู้ดีถึงเบื้องหลังของเฉินเทียนหย่าง เขาไปต่อกรด้วยไม่ได้

ถ้าพนันแพ้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว ต้องได้รับความเสียหายอย่างหนักอย่างไม่ต้องสงสัย

โจวเย่นชิวส่ายหัวเก็บความกังวลลง “ศึกวันที่15 นี้ ฉันเริ่มคาดหวังในตัวนายมากขึ้นซะแล้วสิ”

ส่วนตระกูลหวาง

จากกี่วันนี้มานี้ที่ทั้งเมืองวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองกันอย่างร้อนแรง

หวางเต๋อ จางซิ่วจือและหวางเห้า ล้วนเสียใจจนลำไส้เขียวไปหมดแล้ว

แค่จางซิ่วจือนึกขึ้นมาได้ ก็จะต่อว่าหวางหนันหนันทุกครั้ง

ดูจากกระแสร้อนแรงในตอนนี้ สมมุติว่าตอนนั้นพวกเขาได้ซื้อห้องที่ภาคตะวันตกของเมือง ตอนนี้ก็คงหาเงินได้เยอะแล้ว

ไม่เพียงแต่รวบรวมเงินค่าสินสอดของหวางเห้าจนครบ ยังจะมีเงินเหลือเฟืออีกด้วย

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นได้แค่ความเพ้อฝันเท่านั้น

ตอนนี้ราคาบ้านของภาคตะวันตกของเมือง บ้านของพวกเขาทำได้แค่แหงนมองแล้ว

หวางหนันหนันถูกบีบบังคับจนต้องไปนอนที่โรงแรมข้างนอก ไม่กล้ากลับบ้าน

เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอกลับบ้านก็จะต้องถูกพ่อแม่กับน้องชายต่อว่าอย่างโกรธแค้นแน่นอน

หลบมาที่โรงแรม กลับเงียบสงบเสียอีก

แต่ความรู้สึกของเธอก็ค่อยๆกลายเป็นความเสียใจอย่างสุดขีดตามการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงของทั้งเมือง

ในใจเธอนั้น

เฉินตงเป็นรองประธานของไท่ติ่ง

ภาคตะวันตกของเมืองคือไท่ติ่งพัฒนาขึ้นมา

หลังจากวันที่15 ไม่พูดว่าอนาคตเฉินตงจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ที่ไท่ติ่ง แค่โบนัสก้อนนั้นก็ต้องไม่น้อยแล้วแน่นอน

ถ้าย้อนกลับไปได้ หวางหนันหนันในตอนนั้นจะไม่หย่ากับเฉินตงอย่างเด็ดขาดแบบนี้แน่นอน

และทั้งหมดนี้ เธอก็แค่คิดตอนที่รู้สึกเสียใจเท่านั้น

ในขณะที่สำนึกแค้นใจ เธอก็เริ่มบ้าคลั่งมากขึ้นทุกที

วันที่15!

ในวันที่15 นี้ เธอจะทำให้เฉินตงชื่อเสียงป่นปี้ เธอจะให้คนทั้งเมืองรู้ว่ารองประธานของไท่ติ่งเป็นขยะแบบไหน

ในเมื่อไม่ได้ ก็ต้องทำลาย

คือเขาเฉินตงไม่เมตตาเธอก่อน งั้นก็อย่าโทษที่เธอไม่ไว้หน้าเขา

โกหกเธอ ต้องชดใช้!

วันที่15 ใกล้เข้ามาแล้วทุกที

ทั้งบริษัทไท่ติ่งกำลังอยู่ในโหมดทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง

เฉินตงนำพนักงานทุกคนทำงานโต้รุ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

ไม่มีใครบ่นว่า ทุกคนเหมือนกับว่าฉีดเลือดไก่มา ก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง

นี่เป็นศึกพลิกตัวของไท่ติ่ง

ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้เก็บเกี่ยวผลพวงของความพยายามที่ต่อสู้มาตลอดหนึ่งเดือนกำลังจะได้มาถึงในไม่ช้า

คืนวันนี้ เฉินตงให้ทุกคนเลิกงานเร็วรีบกลับบ้านไปพักผ่อน

พรุ่งนี้ก็คือวันที่15แล้ว เตรียมการมานานขนาดนี้ คืนก่อนหน้าต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พรุ่งนี้ถึงจะมีสภาพที่ดีที่สุดไปเผชิญกับงานเปิดจองได้

ทำงานโต้รุ่งติดต่อกันหลายวันทำให้เฉินตงเหนื่อยล้าสุดขีด

เขาลากร่างกายที่เหนื่อยล้าไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นจึงค่อยกลับบ้าน

นอนอยู่บนเตียงอยู่ แต่เฉินตงกลับนอนไม่ค่อยหลับ

อาจจะเป็นโรคทั่วไปของการที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าติดต่อกันหลายวัน

พอหยุดลง ก็กลับทำให้นอนไม่หลับ

เฉินตงจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหากู้ชิงหยิ่ง

เพิ่งดังได้แค่รอบเดียวก็รับสายแล้ว

“ประธานเฉินคะ ในที่สุดท่านก็นึกขึ้นได้แล้วเหรอว่ายังมีแฟนอยู่?”

เฉินตงหัวเราะ “จะลืมเธอได้ยังไงล่ะ สองสามวันนี้ไม่ใช่เพราะว่างานยุ่งมากหรอกเหรอ? พรุ่งนี้ก็จะเปิดจองแล้วไงครับ”

“ตาทึ่ม ฉันล้อเล่นย่ะ ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้นายยุ่งมาก ไม่กล้าโทรหานายเลยด้วย เสียงนายฟังดูเหนื่อยมากเลยนะ รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะต้มซุปเอาไปให้นายนะ” กู้ชิงหยิ่งพูด

เฉินตงชะงักอยู่ชั่วขณะ

ในใจจู่ๆก็รู้สึกว่าการถูกเป็นห่วงแบบนี้ มีความสุขมาก

หลายวันมานี้ เขาเหนื่อยมากจริงๆ

แต่สามปีมานี้ เขายังมีวันที่เหนื่อยกว่าช่วงหลายวันนี้อีก

แต่เขาไม่เคยได้รับความเป็นห่วงที่เรียบง่ายและทำให้เขามีความสุขแบบนี้มาก่อน

เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะเหนื่อยหรือไม่ เพื่อตัวเอง เพื่อคนข้างกาย จะลำบากและเหนื่อยมากแค่ไหนก็ไม่เป็นไร

เพราะว่าเขาตั้งแต่เด็กจนโตก็คือใช้ชีวิตลำบากแบบนี้มาตลอด

แต่พอมีคำพูดนี้ของกู้ชิงหยิ่ง เขาก็พลันรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั้งตัวผ่อนคลายลงเยอะขึ้นมาทันที

จู่ๆ ตาของเฉินตงก็แฉะขึ้นมาเล็กน้อย

“นี่ ตาทึ่ม ทำไมนายไม่พูดเลย? อย่าบอกนะว่านอนแล้วน่ะ?” เสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นมาในสาย

เฉินตงเช็ดหางตาและยิ้มพูดว่า “ยังไม่นอน ฝุ่นเข้าตานิดหนึ่งน่ะ กำลังขยี้ตาอยู่ เธอไม่ต้องมาแล้ว จำสัญญาของเราพรุ่งนี้ด้วยนะ เธอนอนเร็วๆล่ะ”

“ก็ได้จ้ะ ฝันดีนะ”

หลังจากวางสาย เฉินตงก็เช็ดความเปียกชื้นตรงหางตาจนแห้งแล้ว จึงปิดตาลงและหลับไปอย่างสนิท

ทั้งคืนไม่มีคำพูดใดๆ

เมื่อแสงแรกส่องลงบนพื้นดิน

เฉินตงก็ตื่นขึ้นจากความฝัน พักผ่อนหนึ่งคืนทำให้เขากำลังวังชาเต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง

มองดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆตรงหน้าต่าง

เฉินตงก็เผยรอยยิ้มมั่นใจออกมา “วันที่15 มาถึงแล้วสินะ”

บทที่ 56 นายไม่มีความเมตตา ฉันก็จะไร้ความปรานี

บทที่ 56 นายไม่มีความเมตตา ฉันก็จะไร้ความปรานี

“แม่……”

หวางหนันหนันรู้สึกสิ้นหวังแล้ว น้ำตาไหลพรากมองไปทางจางซิ่วจืออย่างสิ้นหวัง

แต่จางซิ่วจือกลับด่าอย่างเอือมระอา “ร้องๆๆ ร้องเป็นอย่างเดียว แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

“หนันหนัน แกก็อย่าไปทำให้แม่แกโกรธแล้ว แม่แกเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ” หวางเต๋อทนดูต่อไม่ได้ จึงพูดกับหวางหนันหนันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

หลังจากที่หวางหนันหนันออกไป

หวางเต๋อถึงจะถอนหายใจออกมาและต่อว่าจางซิ่วจือ “คุณน่ะ ทำไมเรื่องอะไรก็ไปโทษแต่ลูกสาวล่ะ?”

“คุณโทษฉันเหรอ? งั้นคุณก็ไปหาเงินมาสิ!”

คำพูดของจางซิ่วจือทำให้หวางเต๋อหน้าแดงออกมา

น้ำเสียงหวางเต๋อคลายลงเล็กน้อย “แต่ถ้าเฉินตงไม่มีเงินล่ะ?”

“พ่อ เฉินตงจะไม่มีเงินได้ยังไง? ไม่มีเงินแล้วจะไปรักษาไอ้แม่ผีทะเลของมันได้ยังไง?” หวางเห้าตะคอกออกมา

“แกหุบปากไปเลย ยังเห็นบ้านนี้วุ่นวายไม่พอหรือไง?”

หวางเต๋อจ้องอย่างโกรธเคือง หวางเห้าตกใจจนรีบหยุดตะคอก

หวางเต๋อจึงพูดกับจางซิ่วจือแทน “หลังจากที่หนันหนันแต่งงานกับเฉินตง บัตรเครดิตทั้งหมดก็คือหนันหนันเป็นคนเก็บเอาไว้ ในบ้านมีเงินเท่าไหร่หนันหนันรู้ดีที่สุด เธอไม่น่าจะโดนหลอกนะ”

“ให้ผมพูดนะ เฉินตงมีเงินไปรักษาแม่มันน่าจะเป็นเพราะมันไปยืมเงินบริษัทมันเอง ยังไงก็เป็นถึงรองประธาน แค่ยืมเงินนิดหน่อยไม่น่าจะยากอะไร”

วิเคราะห์อยู่พักหนึ่ง จางซิ่วจือก็เริ่มคลายความโมโหลงเล็กน้อยและขมวดคิ้วครุ่นคิดขึ้นมา

หลายวิผ่านไป จู่ๆจางซิ่วจือก็เงยหน้าขึ้นและพูดออกมาอย่างร้ายกาจ “ฉันไม่สนว่ามันจะมีเงินหรือไม่มี ในเมื่อมันยืมบริษัทมันได้ครั้งหนึ่ง ก็ยืมครั้งที่สองได้ ปีก่อนบ้านเราไม่รังเกียจมัน ให้มันมาเกาะเราได้ แต่มันกลับเนรคุณไปหย่ากับหนันหนัน แค่สองแสนก็คิดจะถีบไสไล่ส่งหนันหนันออกไปงั้นเหรอ?”

“คุณ……”

หวางเต๋อหน้าแดงซ่านขึ้นมาฉับพลัน พูดอะไรไม่ออก

จางซิ่วจือเท้าสะเอวไม่ยอมหยุดพูด “ฉันทำไม? เรื่องนี้คุณต้องฟังฉัน เพื่อเสี่ยวเห้าของพวกเรา ให้หนันหนันไปเอาเงินจากเฉินตงมาอีกกี่แสน แบบนี้ถึงจะยุติธรรมกับหนันหนัน ไอ้ชายหงส์นั่นคิดจะใช้แค่สองแสนไล่หนันหนันออกไป ไม่มีทาง!”

หวางเต๋อถอนหายใจออกมา นั่งลงโซฟา ก้มหน้าไม่เถียงต่อ

แต่เป็นหวางเห้าที่ควงแขนจางซิ่วจืออย่างดีใจ “ขอบคุณครับแม่ แม่ดีกับผมที่สุดเลย”

จางซิ่วจือขยี้ผมหวางเห้าอย่างเอ็นดู “เพราะความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ทั้งนั้น แกเป็นลูกชายแท้ๆของแม่ แม่จะไม่รักแกได้ยังไงจริงไหม?”

……

เปรี้ยง!

ฟ้าร้องสนั่นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา

หวางหนันหนันเดินอยู่บนถนนอย่างสิ้นหวัง ทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน

สายตาพร่ามัวทั้งสองข้าง เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำตาหรือน้ำฝน

เดินได้ไม่ไกลเธอก็เดินต่อไม่ไหวแล้ว นั่งลงบนถนนอย่างอ่อนแรง

แสงสลัวของไฟถนน บนถนนที่วังเวง

ไม่มีใครมาสังเกตเห็น หวางหนันหนันจึงร้องไห้ออกมาอย่างใจสลายราวเช่นพนังกั้นแม่น้ำแตกน้ำไหลพรากออกมา

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหย่ากับเฉินตงแล้ว ตัวเองจะต้องมาใช้ชีวิตที่ตื่นตระหนกวุ่นวายทุกวันอย่างนี้

ความรู้สึกสำนึกเสียใจถาโถมเข้ามา

เธอหยิบมือถือขึ้นมาอยู่หลายครั้ง หวังจะหาคนระบาย แต่ก็ต้องวางลงทุกครั้งอย่างจำใจ

เพราะเธอพลันคิดขึ้นมาได้ว่า แต่งงานสามปีนี้เธอเคยชินกับชีวิตสุขสบายที่เฉินตงให้กับเธอ พอชีวิตเธอเปลี่ยนไปแล้ว นิสัยของเธอจึงยิ่งอยู่ยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้น จนทำให้เพื่อนจากเธอไปกันหมด

ในที่สุด หวางหนันหนันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา น้ำตาคลอเบ้าหาวีแชทของเฉินตง

“เฉินตง ฉันอยากเจอนาย……”

รออยู่ครึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่ตอบกลับ

หวางหนันหนันรู้สึกโกรธเล็กน้อยจึงดันทุรังส่งวีแชทไปหาอีกครั้ง

“ครั้งก่อนนายบอกจะเจอฉันเอง ทำไมตอนนี้ถึงหลบหน้าไม่เจอฉันล่ะ? ฉันให้นายทุกอย่างเท่าที่ฉันให้ได้ แม้กระทั่งร่างกายฉันก็ให้นายไปแล้ว ตอนนี้แค่อยากเจอนายสักครั้งมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หลังจากที่ส่งไปอีกหนึ่งข้อความแล้ว แต่หวางหนันหนันก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พอ จึงรีบพิมพ์ข้อความที่สามต่อ

“นายก็คือหลอกฉัน นายมันผู้ชายเลว! นายเพื่อที่จะไปอยู่กับกู้ชิงหยิ่งนังร่านนั่นเลยตั้งใจหลอกให้ฉันหย่า เฉินตง ถ้าคืนนี้นายไม่มาเจอฉัน นายต้องเสียใจแน่!”

หลังจากที่กดส่งข้อความแล้ว ไม่นานก็ได้รับข้อความตอบกลับ

ติ้ง!

เสียงแจ้งเตือนวีแชททำให้หวางหนันหนันมีสมาธิขึ้นมา

แต่พอเธอเห็นข้อความตอบกลับของเฉินตงแล้วก็พลันรู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง สัมผัสได้ถึงร่างกายที่เปียกโชกไปทั้งตัวหนาวสะท้านถึงกระดูก

คำตอบของเฉินตงสั้นๆง่ายๆ

“ฉันช่วยไม่ไหวแล้ว!”

หลายวิผ่านไป นัยน์ตาของหวางหนันหนันก็ค่อยๆฉายแววบ้าคลั่งออกมา

เธอกัดฟันแน่นและพูดลอดไรฟันออกมา

“พวกเธอบีบบังคับฉัน พวกเธอทุกคนบีบบังคับฉัน ทุกคนบีบบังคับฉัน! เฉินตง นายกับฉันก็อย่าได้อยู่ดีกันอีกเลย นายไม่เมตตากับฉันก่อน ก็อย่าโทษที่ฉันไร้ความปรานีกับนายแล้วกัน นายราบรื่นที่ไท่ติ่งมากไม่ใช่เหรอ? วันที่15 ฉันจะไปอาละวาดที่งานแถลงข่าวการเปิดจองของบริษัทนาย ฉันจะดูซิว่านายจะยังเป็นรองประธานของบริษัทนายอีกได้ยังไง!”

ในห้องเช่า หลังจากที่ส่งข้อความไปแล้ว เฉินตงก็ยิ้มหยันออกมา

เขาไม่ใช่คนนิสัยอืดอาดยืดยาด ในเมื่อหย่ากับหวางหนันหนันแล้วก็ต้องตัดให้ขาดอย่างเด็ดขาด

ไม่อย่างนั้น เขาก็จะผิดต่อความทุ่มเทเสียสละของกู้ชิงหยิ่ง

และอีกอย่าง การเจ็บป่วยของแม่ก็ทำให้เขาเห็นถึงสันดานของคนตระกูลหวางและหวางหนันหนันอย่างชัดเจนแล้ว

การกระทำของพวกเขาน่าเกลียดเกินไป!

สามปีมานี้ เขาอดทนและยอมเพื่อหวางหนันหนันมาตลอด แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นความรุนแรงที่ทวีมากขึ้นของพวกคนตระกูลหวาง

เรื่องบางเรื่องยอมกันได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็เป็นขีดจำกัดของเขา สุดที่จะยอมแล้ว!

ส่วนเรื่องการทุ่มเท หวางหนันหนันทุ่มเทเสียสละมาเยอะ แล้วเขาล่ะ?

เฉินตงไม่มีความง่วงแล้ว

ส่วนเรื่องที่หวางหนันหนันมาก่อกวน เขาไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์ของหวางหนันหนันในตอนนี้เป็นเพราะว่าตัวเธอเองและครอบครัวของเธอ ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่เขารู้สึก ก็มีแต่ความโกรธเท่านั้น

โกรธที่หวางหนันหนันมารบกวนการนอนของเขา

เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งโทรมาท่านหลง

แต่โทรศัพท์ก็ยังคงปิดเครื่องเหมือนเดิม

นี่ทำให้เฉินตงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นห่วงขึ้นมา

ตั้งแต่ที่ท่านหลงจากไป เขาก็พยายามติดต่อท่านหลงอยู่หลายครั้ง เพราะเขาอยากรู้ให้ได้ว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง ตั้งแต่ที่ท่านหลงจากไป โทรศัพท์ก็อยู่ในโหมดปิดเครื่องตลอด

เขาก็เคยถามคุนหลุนอยู่หลายครั้ง แต่คำตอบที่ได้ก็อ้ำๆอึ้งๆตลอดและปิดปากไม่ยอมพูด

ถอนหายใจออกมาหนึ่งที

เฉินตงวางโทรศัพท์ลง การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่างทำให้เขารู้จักตระกูลขึ้นมาเล็กน้อย

ก็เพราะว่ารู้จักแล้ว เขาถึงได้รู้สึกว่ามันน่ากลัว

ตระกูลที่สามารถควบคุมเศรษฐกิจของโลก มองชีวิตคนเป็นแค่เรื่องขี้ผงจะมีอำนาจมากขนาดไหน?

แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนคนนั้นส่งคุนหลุนมาให้กับเขาล่วงหน้า

ไม่แน่ วันแรกที่เขาได้เจอกับเฉินเทียนหย่างก็คงถูกเฉินเทียนหย่างฆ่าตายแล้ว

หลังจากนั้น……ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว

พอเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว เฉินตงก็เข้าใจคำพูดของท่านหลงที่พูดกับเขาในตอนนั้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าปีนั้นตกลงเกิดอะไรขึ้นอะไรขึ้นกันแน่ จนทำให้คุณพ่อคนนั้นถึงกับต้องทิ้งลูกทิ้งเมีย

เฉินตงลุกขึ้นไปห้องน้ำ เอามือรองน้ำเย็นล้างหน้า

ความง่วงที่ยังหลงเหลืออยู่ก็พลันหายไปทั้งหมด

เขาเปลี่ยนเป็นชุดกีฬา ค่อยๆย่องออกจากห้องเช่าไปฝึกที่สวนสาธารณะข้างหมู่บ้าน

ก่อนที่จะได้รู้เรื่องราวทั้งหมด สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา

ไม่เพียงแค่ด้านธุรกิจและอำนาจเงินทอง แม้แต่ร่างกายก็ห้ามละเลย

และในเวลาเดียวกันที่เฉินตงออกจากห้องเช่า

ห้องรับแขกที่คุนหลุนนอนอยู่ก็แง้มออกเล็กน้อย

มองประตูที่เพิ่งปิดลงเมื่อกี้ คุนหลุนก็ยิ้มออกมาอย่างชื่นชม “คุณชายเหมือนนายท่านจริงๆ”

พูดจบ รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็ค่อยๆหายไป ก้มลงมองดูโทรศัพท์ที่กำแน่นอยู่นี้ก็พลันรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย

ช่วงนี้ไม่ได้มีแค่เฉินตงที่โทรหาท่านหลง

เขาเองก็โทรด้วย และยังโทรหานายท่านด้วย

แต่ไม่ว่าจะเป็นนายท่านหรือท่านหลง โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องกันทั้งคู่

มันทำให้คุนหลุนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ที่บ้าน……น่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

บทที่ 55 ความโกรธแค้นของตระกูลหวาง

บทที่ 55 ความโกรธแค้นของตระกูลหวาง

ช่วงเวลาเย็นในวันเดียวกัน

โทรทัศน์ท้องถิ่นได้แถลงข่าวออกมาหนึ่งข่าว

“อสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งจะทำการเปิดจองอาคารชุดภาคตะวันตกของเมืองในวันที่15 ของเดือนนี้ค่ะ”

ข่าวนี้เหมือนเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ระเบิดไปทั่วเมืองอีกครั้ง

ทั้งเมืองสั่นสะเทือน จิตใจประชาชนสั่นไหว

ข่าวที่ยี่เคอประกาศว่าจะมาตั้งอยู่ที่นี่ด้วยในตอนนั้น ก็ทำให้ราคาบ้านของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองสูงขึ้นตามไปด้วย

มีคนไม่น้อยเลยที่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้รีบซื้อบ้านในย่านเมืองเก่า

และในครั้งนี้ อสังหาริมทรัพย์ที่ปรับปรุงใหม่แล้วเปิดขายในตลาด ทำให้เหล่าคนที่เสียดายมาก่อนหน้าใจเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

แค่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันตกของเมือง หลังจากที่ยี่เคอปักหลักเข้ามาแล้ว ราคาบ้านของภาคตะวันตกของเมืองต้องสูงขึ้นแน่นอน

เพราะว่าช่วงหลายปีมานี้ สถานที่ที่ยี่เคอเคยตั้งหลักมา ราคาบ้านก็ล้วนสูงขึ้นตามไปด้วย!

กระแสร้อนแรงเกี่ยวกับการซื้อบ้านเกิดขึ้นกับชาวเมืองของเมืองนี้อย่างเงียบๆอย่างไม่รู้ตัว

เฉินตงนั่งพิงอยู่ที่โซฟา ดูข่าวที่ฉายอยู่ในทีวีตอนนี้

เขายิ้มออกมาอย่างมั่นใจ

กระแสร้อนแรงนี้เป็นนานถึงหนึ่งเดือนกว่า ที่เหลือ ก็แค่รอปะทุในวันที่15 ทีเดียว

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

มองดูสายเรียกเข้า เฉินตงก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา

“ฮัลโหล เสี่ยวหยิ่ง”

“ดีใจด้วยนะประธานเฉิน วันนี้15 ก็จะเปิดจองบ้านของภาคตะวันตกของเมืองแล้ว ฉันเห็นจากข่าวหมดแล้วล่ะ”

เฉินตงยิ้ม “เสี่ยวหยิ่ง วันนั้นเธอลางานได้หรือเปล่า?”

เขารู้ว่าหลังจากที่กู้ชิงหยิ่งกลับประเทศแล้วก็เริ่มทำงานแล้ว แต่นี่ก็เพิ่งไปไม่กี่วัน แถมช่วงนี้ยังเกิดเรื่องมากมายอีกด้วย เลยทำให้เขาตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ากู้ชิงหยิ่งทำงานที่ไหน

“แน่นอนสิ! บริษัทแฟนฉันเปิดจองดีมากขนาดนี้ จะต้องได้เงินโบนัสจากเถ้าแก่เยอะมากแน่ๆ ต้องให้นายเลี้ยงข้าวให้ได้!”

ในสาย กู้ชิงหยิ่งน้ำเสียงดีใจมาก “จริงสิ เมื่อตอนบ่ายที่นายบอกว่าจะเซอร์ไพรส์ฉันในวันที่15 อย่าบอกนะว่าหมายถึงเงินโบนัสน่ะ?”

ยัยนี้นี่ ถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่รู้เหรอเนี่ย?

แต่ก็ดี แบบนี้การเซอร์ไพรส์ของวันที่15 ถึงจะได้ยิ่งตื่นตะลึง ยิ่งตื่นเต้น!

เฉินตงหัวเราะออกมาอย่างมีพิรุธ “ประมาณนั้นน่ะ”

“คิคิ……ฉันจะไป Genting Sky ในวันนั้นฉันก็มีเซอร์ไพรส์ให้นายด้วยนะ” กู้ชิงหยิ่งหัวเราะพูดออกว่าอย่างมีเลศนัย

เซอร์ไพรส์?

เฉินตงตะลึงงันวูบหนึ่ง

ส่วน Genting Sky เขาไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย

มันคือร้านอาหารไพรเวทไฮโซ ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกที่สูงที่สุดในเมืองนี้ สามารถก้มลงมองเห็นทั่วเมืองได้ ถ้าโชคดีได้เจอหมอก ก็จะรู้สึกเหมือนตัวกำลังอยู่บนทะเลหมอก

ภัตตาคาร Genting ได้ชื่อเสียงมาจากเหตุนี้นี่เอง

กล่าวกันว่า ค่าใช้จ่ายต่ำสุดก็เป็นหลักแสนขึ้นแล้ว

นี่จึงเป็นเหตุทำให้เมืองนี้มีแค่คนส่วนน้อยที่สามารถไปใช้บริการภัตตาคาร Genting ได้

ต่อให้เป็นเฉินตงในแต่ก่อนที่เป็นรองประธานได้เงินหลักล้านต่อปี ก็ไม่กล้าฟุ่มเฟือยขนาดนี้

แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ต้องแคร์แล้ว

“ได้สิ” เฉินตงยิ้มพูด

ในสาย กู้ชิงหยิ่งกำลังตื่นเต้นมาก “อร๊ายยย วันนั้นฉันควรแต่งตัวยังไงดีนะ ต้องแต่งตัวให้สวยหน่อยแล้ว ไป Genting Sky ที่ที่ไฮโซขนาดนั้น ต้องห้ามทำให้แฟนฉันขายหน้าเด็ดขาด”

เฉินตงหัวเราะ จริงๆแล้วกู้ชิงหยิ่งสวยมาก แม้จะแค่แต่งตัวง่ายๆสบายๆ แต่แค่เสน่ห์ที่พัฒนามาตั้งแต่เด็กจนโต ก็สวยกว่าดาราบางคนแล้ว

และอีกอย่าง กู้ชิงหยิ่งจะไม่เคยไป Genting Sky?

เขารู้ว่าที่กู้ชิงหยิ่งพูดแบบนี้ก็เพราะแค่อยากออดอ้อนกับเขาในฐานะแฟน

เฉินตงกำลังคิดจะอวยกลับ

แต่ในสาย เสียงของกู้ชิงหยิ่งจู่ๆก็ดังขึ้น “และยิ่งไปกว่านั้นนะ เรื่องขูดรีดคนมีตังค์เรื่องจริงจังขนาดนี้ ไม่แต่งตัวให้สวยหน่อยก็คือทำผิดต่อเสี่ยเฉินน่ะสิ”

เฉินตงพลันหัวเราะออกมาไม่ได้แล้ว

แฟนคนนี้ เอาไม่ได้แล้วมั้ง?

คุยเรื่อยเปื่อยกับกู้ชิงหยิ่งอีกสักพัก เฉินตงก็วางสายลง

อีกฝั่ง หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งวางสายลงแล้ว ก็รอคอยวันที่15 มาถึงอย่างตื่นเต้น

เธอหัวเราะออกมาอย่างมีพิรุธ “ตาทึ่ม ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สินะว่าฉันเป็นเถ้าแก่ของยิงลี่? รอบอกเขาในวันที่15 ถึงตอนนั้นเขาคงทั้งดีใจทั้งตกใจจนตะลึงงันไปเลยสินะ”

ในขณะที่พึมพำอยู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการท่าทางเฉินตงตอนตะลึงงัน รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันอ่อนหวานมากขึ้น

……

บ้านตระกูลหวาง

บรรยากาศตอนนี้ราวกับกำลังจะแข็งตัวเข้าเต็มที

ความกดอากาศต่ำจนทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

ครอบครัวหวางหนันหนันทั้งสี่คนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี แต่ละคนแสดงสีหน้าต่างกัน

หวางเต๋อและจางซิ่วจือโกรธจนหน้าเขียวปัด จางซิ่วจือถึงกับกำหมัดแน่น ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเหมือนกับจะกินคน

หวางเต๋อจ้องโทรทัศน์เขม็งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ส่วนหวางหนันหนันก้มหน้านั่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาสวยน้ำตาคลอเบ้าคล้ายกำลังจะร้องไห้ออกมา

“พี่ ทำไมแต่ก่อนพี่ถึงไม่เกลี้ยกล่อมพวกเรามากกว่านี้เนี่ย?”

หวางเห้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ทำลายบรรยากาศเงียบสงัดในห้องรับแขกนี้ และขอร้องอ้อนวอนกับจางซิ่วจือว่า “แม่……พวกแม่ยังอยากให้ผมแต่งงานกับเสว่เอ๋ออยู่หรือเปล่าเนี่ย?”

แค่ประโยคเดียว ก็ทำให้จางซิ่วจือระเบิดออกมาทันที

เธอลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธแค้น “หวางหนันหนัน ตกลงในใจแกยังมีบ้านนี้อยู่หรือเปล่า? ตอนนั้นถ้าแกเกลี้ยกล่อมแม่กับพ่อแกอีกสักนิด ให้เราไปซื้อบ้านที่ภาคตะวันตกของเมือง ป่านนี้เสี่ยวเห้าก็คงแต่งงานกับเสว่เอ๋อไปนานแล้ว เพราะแก เพราะแกเลย!”

คำพูดบาดลึกเสียดแทงเข้าไปในกระดูก

หวางหนันหนันมองจางซิ่วจือด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง

เมื่อกี้ตอนที่ดูข่าว เธอก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

แต่เธอก็รับไม่ได้จริงๆ เรื่องมันก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่คนทั้งบ้านก็ยังโทษเธอเรื่องที่ไม่ได้ซื้อบ้าน

“แม่……ทำไมต้องโทษหนูด้วย? หนูยังทำเพื่อบ้านนี้ไม่เยอะพออีกเหรอ?”

หวางหนันหนันกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป ร้องไห้ขอร้องออกมา “ขอร้องล่ะ ปล่อยหนูไปเถอะ หนูพยายามแล้วจริงๆ แต่งงานกับเฉินตงในสามปีนี้ หนูเอาเงินจากที่บ้านมาเยอะเท่าไหร่แล้ว? และก็ช่วยเสี่ยวเห้ามาแล้วอีกกี่ครั้ง แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ?”

“ไร้สาระ!”

สีหน้าจางซิ่วจือเต็มไปด้วยความดุดันและพูดออกมาอย่างโหดร้ายว่า “แกเป็นพี่สาว แกก็สมควรเอาจากที่บ้านอยู่แล้ว แกคิดว่าตัวเองน่าภาคภูมิใจนักเหรอ? เรื่องแต่งงานของน้องชายที่ใหญ่ขนาดนี้ แกก็ช่วยอะไรไม่ได้ ยังจะมาอ้างกับแม่อีก? ”

หวางหนันหนันรู้สึกเหนื่อยใจเต็มแก่ ก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง

“ร้องๆๆ ร้องเป็นอย่างเดียว! แกมันไม่มีประโยชน์ ถ้าฟังที่แม่กับพ่อแกพูดแต่แรกไปแต่งงานกับคนรวย บ้านเราจะตกอับถึงขั้นนี้? แต่แกก็ดื้อจะลดตัวไปแต่งงานกับไอ้เหี้ยเฉินตงให้ได้!”

จางซิ่วจือด่ากัดไม่ปล่อย ไม่สนใจความรู้สึกของหวางหนันหนันในตอนนี้แม้แต่น้อย

หวางเห้าที่ทำสีหน้าน้อยใจอยู่ข้างๆพอได้ยิน “เฉินตง” สองคำนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที

เขาพูดออกมาโดยไม่คิดว่า “พ่อแม่ เฉินตงมีเงิน! ผมเคยเจอไอ้แม่ผีทะเลของเฉินตงที่โรงพยาบาลลี่จิง พยาบาลเคยบอกผมว่าแม่ของมันเพิ่งผ่าตัดปลูกถ่ายตับมาช่วงนี้ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ตอนนั้นที่พี่เอาสองแสนกลับมา บอกชัดว่ามันเป็นเงินสองแสนสุดท้ายของเฉินตง”

“ว่าไงนะ?”

หวางเต๋อและจางซิ่วจือสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที

จางซิ่วจือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพูดว่า “เสี่ยวเห้า แกพูดบ้าอะไรน่ะ ไอ้เศษสวะนั่นจะยังมีเงินเหลืออีกได้ยังไง?”

หลังจากนั้น หวางเห้าก็พูดออกมาอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “จริงๆนะ ผมที่เป็นลูกจะโกหกพวกแม่ทำไม? พวกเราโดนหลอกแล้ว พี่โดนเฉินตงหลอกแล้ว มันต้องวางแผนเอาไว้นานแล้วแน่ๆ ตั้งใจใช้ข้ออ้างสองแสนนั้นเพื่อหย่ากับพี่!”

ได้ยินที่พูด

หวางเต๋อและจางซิ่วจือสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธขึ้นมาทันที

จางซิ่วจือยิ่งเหมือนกับถูกฟ้าผ่า นั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ตีอกกระทืบเท้าร้องไห้พูดว่า “โอ๊ย……เลวจริงๆ ไอ้เศษสวะนั่นทำไมถึงได้ชั่วขนาดนี้ บ้านเราคือไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษมันหรือไง?”

“หวางหนันหนัน กูไม่สนว่าแกจะใช้วิธีอะไร แกต้องไปเอาอีกหลายแสนจากเฉินตงมาอีกให้ได้ ไม่อย่างนั้น กูที่เป็นแม่แก ก็จะตายต่อหน้าแก!”

บทที่ 53 คำอธิบายแบบขอไปที

หวางเห้าขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

หลินเสว่เอ๋อทำไมถึงเข้าไปห้องคนไข้ของไอ้แม่ผีทะเลของเฉินตง?

ในตอนนี้ เขารู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว

ค่อยๆเดินไปที่ห้องคนไข้ทีละก้าวๆ

และในห้องคนไข้นั้น

เห็นหลินเสว่เอ๋อและหลี่หลานยิ้มกันอย่างเป็นมิตร และให้ฟ่านลู่มาดูแลหลินเสว่เอ๋อ

ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องจางซิ่วจือเมื่อกี้

หลินเสว่เอ๋อในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับหลี่หลานไม่หยุด ถึงขนาดที่ว่าปอกแอปเปิ้ลให้หลี่หลานด้วยตัวเอง

ลักษณะท่าทางก่อนหลังนี้ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หลินเสว่เอ๋อและหลี่หลานที่อยู่ในห้องคนไข้คุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างมีความสุข ไม่มีมองหน้ากันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

และนอกห้องคนไข้ หวางเห้าก็เห็นทุกอย่างในห้องผ่านกระจกบนประตูได้อย่างชัดเจน

สมองของเขาตอนนี้ส่งเสียงตุ้บๆไม่หยุด ยืนงงอยู่หน้าประตู

ถึงขั้นที่ว่าไม่มีความคิดอะไรผุดขึ้นมาเลย ราวกับคอมพิวเตอร์ค้างยังไงอย่างงั้น

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

เขายังไงก็คิดไม่ถึงว่าหลินเสว่เอ๋อที่ตอนอยู่ต่อหน้าเขาและครอบครัวเขาเป็นเทพธิดาเย็นชา แต่พออยู่กับไอ้แม่ผีทะเลของเฉินตงกลับอ่อนโยนได้ขนาดนี้

และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลินเสว่เอ๋อทำไมถึงรู้จักหลี่หลาน?

เวลาค่อยๆผ่านไป

คนในทางเดินมองหวางเห้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลายใจ

แต่หวางเห้าไม่มีจิตใจไปสนเรื่องอื่น ความสนใจทั้งหมดอยู่ในห้องคนไข้หมดแล้ว

และเป็นแบบนี้อยู่ครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดหลินเสว่เอ๋อก็ลุกขึ้นและเดินออกมา พอเธอเปิดประตูห้องคนไข้ก็เห็นหวางเห้าที่ยืนงงอยู่ รอยยิ้มบนหน้าเธอเลือนหายไปทันที

หลังจากที่ตื่นตระหนกอยู่สักพัก หลินเสว่เอ๋อก็ตั้งสติกลับมาเหมือนเดิมและถามเสียงเย็นชาว่า

“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”

หัวใจของหวางเห้าสั่นไหวชั่วขณะ รีบตั้งสติกลับอย่างรวดเร็ว แล้วความรู้สึกโกรธก็ทะลักพรั่งพรูออกมา

“ฉัน……”

ยังไม่ทันรอเขาตะโกนออกมา สีหน้าของหลินเสว่เอ๋อก็เย็นเยือกขึ้นมาทันที “นายอย่าไปรบกวนคุณน้าพักผ่อน ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป

หวางเห้ารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งไปตามหลินเสว่เอ๋อ “เสว่เอ๋อ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เธอจะไม่อธิบายกับฉันหน่อยเหรอ?”

“อธิบายอะไร?” หลินเสว่เอ๋อมองหวางเห้าอย่างเอือมระอา เธอไม่เคยมีนิสัยที่ต้องอธิบายกับหวางเห้ามาก่อน

โดยเฉพาะกับเรื่องเมื่อกี้ ดันซวยถูกหวางเห้าจับได้ซะอีก เธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

“ยายแก่ผีทะเลในห้องคนไข้นั่น ทำไมเธอถึงไปเยี่ยมมัน?”

หวางเห้าโกรธจนตาโตเบิกกว้าง เหมือนกับสิงโตตัวผู้ที่กำลังโกรธจัด

“หวางเห้า นายพอได้แล้ว! นายพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ อะไรคือยายแก่ผีทะเล?”

หลินเสว่เอ๋อตวาด “น้ายังไงก็เป็นแม่ของอดีตสามีพี่สาวนาย ฉันไปเยี่ยมน้าหน่อยจะเป็นไรไป? เพราะว่าเรื่องของเราสองคนทำให้พี่เขยนายต้องหย่ากับพี่สาวนาย ฉันไปเยี่ยมเพราะรู้สึกผิด นายยังจะมาทำเป็นมีเหตุอีกเหรอ?”

หวางเห้าชะงัก

เป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ?

ยังไม่รอให้เขาได้ตั้งสติ หลินเสว่เอ๋อก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและกอดเขาไว้ แล้วเขย่งเท้าเอาปากแตะขอบปากเขาเบาๆและพูดเสียงอ่อนโยน “เอาน่า ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก ฉันแค่ไปเยี่ยมเพราะรู้สึกผิดจริงๆ นายกลับไปดูแลแม่นายให้ดีเถอะ แล้วไปรวบรวมค่าสินสอดมาให้ครบ เราสองคนก็จะได้แต่งงานกัน”

“จริงเหรอ?”

หวางเห้าดีใจขึ้นมาทันที “เธอ เรื่องครั้งนั้นเธอไม่โทษพวกเราแล้วเหรอ?”

“ตาบ้า จะโทษพวกนายได้ยังไงล่ะ?” หลินเสว่เอ๋อตำหนิแล้วทำท่าสะบัดมือ “เอาล่ะ ฉันกลับไปทำงานก่อนนะ นายอย่าคิดมาก”

มองแผ่นหลังของหลินเสว่เอ๋อ หวางเห้ายืนอึ้งอยู่กับที่ด้วยความตกใจและดีใจ

เขารู้สึกโกรธเรื่องที่หลินเสว่เอ๋อไปเยี่ยมแม่ของเฉินตงจริงๆ

แต่ในใจเขา หลินเสว่เอ๋อที่มีวุฒิการศึกษาสูง ในด้านการวางตัวและการจัดการเรื่องราวนั้นก็จัดการได้ละเอียดรอบคอบและทะลุปรุโปร่งมากกว่าเขาจริงๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หลินเสว่เอ๋อก็มีจิตใจดีอีกด้วย

เพราะฉะนั้น คำอธิบายแบบขอไปทีของหลินเสว่เอ๋อเมื่อกี้ สำหรับเขาแล้วก็ถือว่าอธิบายเหตุการณ์เมื่อกี้ได้ดีมากแล้ว

หลังจากที่เลิกสงสัยแล้ว ในใจของหวางเห้าก็เหลือแต่ความดีใจและความตื่นเต้น

หลังจากงานหมั้น หลินเสว่เอ๋อก็ไม่เจอเขาอีกเลย เขารู้ว่าหลินเสว่เอ๋อโกรธ ถึงขั้นที่กลัวว่าจะต้องเลิกกับหลินเสว่เอ๋อด้วยซ้ำ

แต่วันนี้ หลินเสว่เอ๋อมาเยี่ยมคุณแม่ และจากคำพูดเมื่อกี้ก็บ่งบอกชัดว่าไม่โกรธแล้ว พวกเขายังมีความเป็นไปได้กันอยู่!

“เสว่เอ๋อ เธอวางใจได้เลย ฉันจะให้พ่อแม่ฉันและพี่สาวรีบรวบรวมเงินให้ครบเพื่อจะได้แต่งงานกับเธอ”

หวางเห้ากำหมัดแน่นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

เมื่อหวางเห้ากลับถึงห้องคนไข้อย่างดีอกดีใจ หวางเต๋อและจางซิ่วจือก็ตกตะลึง

กี่วันมานี้ พวกเขาสองคนไม่เห็นหวางเห้าดีใจขนาดนี้มาก่อน

“เสี่ยวเห้า มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจเหรอ?” จางซิ่วจือเริ่มถามก่อนเลย

หวางเห้ายิ้มบอก “พ่อครับแม่ครับ เสว่เอ๋อไม่โกรธแล้ว เมื่อกี้เธอยังบอกผมว่า ขอแค่พวกเรารวบรวมเงินมาให้ครบก็แต่งงานกันได้เลย”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดีเลย” หวางเต๋อประสานมือเข้าด้วยกันอย่างตื่นเต้น

ส่วนจางซิ่วจือแสดงท่าทีว่าคิดเอาไว้ไม่ผิดและยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “เสว่เอ๋อเด็กคนนี้น่ะ ทั้งสวยทั้งจิตใจดี การศึกษาก็สูง แม่รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่ถือสาแน่นอน เสี่ยวเห้า แกต้องไม่ทำให้คนเขาผิดหวังนะ”

“มันแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมชีวิตนี้นอกจากเสว่เอ๋อแล้ว ใครก็ไม่แต่ง”

หวางเห้ากำหมัดแน่นและสายตาแน่วแน่ แต่สีหน้าจู่ๆก็หม่นหมองขึ้นมา “แต่ว่า พ่อครับแม่ครับ เงินสินสอดนี้เมื่อไหร่ถึงจะครบล่ะครับ?”

ได้ยินที่พูด

หวางเต๋อและจางซิ่วจือก็ชะงักพร้อมกัน

ทั้งสองสบตากัน จางซิ่วจือโกรธจนกัดฟันแน่น “ต้องโทษพี่สาวนาย ยัยนั่นทำเรื่องพัง เรื่องนี้ต้องให้มันไปหาวิธีจัดการเอง”

“กดดันลูกสาวแบบนี้ไม่เหมาะสมหรือเปล่า?” หวางเต๋อลังเลเล็กน้อย

“มีปัญญาคุณก็ไปหาเงินมาให้ได้สิ? คุณมันก็แค่คนสอนหนังสือโง่ๆ ยืมคนไปทั่วแต่ก็ยังรวบรวมไม่พอไม่ใช่หรือไง?”

จางซิ่วจือมองค้อนใส่หวางเต๋อ คิดแล้วก็ตัดสินใจว่า “รอให้แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็จะหาคนรวยๆให้ยัยนั่นแต่งงานกับเขาแล้วขอสินสอดมาเยอะๆ แบบนี้เสี่ยวเห้าก็จะมีเงินแต่งงานแล้ว”

“ฮ่าๆๆ……ขอบคุณครับแม่” หวางเห้ากอดจางซิ่วจืออย่างดีใจ

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน

……

ฟ้าเริ่มมืดลง

เฉินตงไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งอยู่ดูแลเขาอีกเพราะต้องมาลำบากทรมานด้วยกันกับเขา จึงให้กู้ชิงหยิ่งกลับบ้านไป

กู้ชิงหยิ่งตอนแรกก็ไม่ยอม แต่ก็รับมือกับท่าทีเด็ดขาดของเฉินตงไม่ไหว จึงได้แต่ลากร่างกายที่เหนื่อยล้านี้ออกจากโรงพยาบาล

รอให้กู้ชิงหยิ่งออกไปแล้ว

เฉินตงจึงขยับร่างกายสองสามทีแล้วเปลี่ยนท่าทีสบายกว่านี้

เพราะแผลบนหน้าอกจึงทำให้เขาตอนนี้ยังลุกขึ้นนั่งไม่ได้ ถูกกู้ชิงหยิ่งนอนทับแขนอยู่นาน หลังของเขาก็เกือบชาแล้ว

พอสบายขึ้นมาหน่อยแล้ว เฉินตงจึงถามออกไป “คุนหลุน จัดการกับเรื่องหลังจากนั้นยังไง?”

คุนหลุนพูด “จางเห้อหมิงถูกลงโทษตามกฎหมาย และโทษต้องไม่เบาแน่นอนครับ”

“นายรู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงเขา”

เฉินตงหัวเราะ ในสายตาเขา จางเห้อหมิงก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น

ก็แค่คนขี้ประจบคนหนึ่งที่คิดจะเอากู้ชิงหยิ่งไปเอาใจเฉินเทียนหย่าง

คุนหลุนแสดงสีหน้าจนใจเล็กน้อย “เฉินเทียนหย่างแค่ขาหักหนึ่งข้างและออกไปจากเมืองนี้แล้วครับ”

“แค่นี้เองเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะเย็นชาหนึ่งที

“หลักฐานของเขาไม่พอที่จะให้ลงโทษตามกฎหมายได้ครับ”

คุนหลุนอ้ำอึ้งอยู่สักพักแล้วพูดออกมาด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งว่า “คุณชายครับ ท่านคงไม่รู้อำนาจของตระกูลเฉินมากนัก พวกเราฆ่าเฉินเทียนหย่างไม่ได้ ถ้าฆ่าแล้ว แม้แต่คุณท่านก็ปกป้องพวกเราไม่ได้ครับ”

“แล้วเขาฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?”

สีหน้าเฉินตงแสดงถึงความโกรธแค้น สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด หัวเราะเย้ยหยันหนึ่งที “เพราะฉันเป็นแค่ลูกสวะ ไม่มีสถานะที่จะทำได้สินะ?”

บทที่ 53 คำอธิบายแบบขอไปที

หวางเห้าขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

หลินเสว่เอ๋อทำไมถึงเข้าไปห้องคนไข้ของไอ้แม่ผีทะเลของเฉินตง?

ในตอนนี้ เขารู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว

ค่อยๆเดินไปที่ห้องคนไข้ทีละก้าวๆ

และในห้องคนไข้นั้น

เห็นหลินเสว่เอ๋อและหลี่หลานยิ้มกันอย่างเป็นมิตร และให้ฟ่านลู่มาดูแลหลินเสว่เอ๋อ

ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องจางซิ่วจือเมื่อกี้

หลินเสว่เอ๋อในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับหลี่หลานไม่หยุด ถึงขนาดที่ว่าปอกแอปเปิ้ลให้หลี่หลานด้วยตัวเอง

ลักษณะท่าทางก่อนหลังนี้ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หลินเสว่เอ๋อและหลี่หลานที่อยู่ในห้องคนไข้คุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างมีความสุข ไม่มีมองหน้ากันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

และนอกห้องคนไข้ หวางเห้าก็เห็นทุกอย่างในห้องผ่านกระจกบนประตูได้อย่างชัดเจน

สมองของเขาตอนนี้ส่งเสียงตุ้บๆไม่หยุด ยืนงงอยู่หน้าประตู

ถึงขั้นที่ว่าไม่มีความคิดอะไรผุดขึ้นมาเลย ราวกับคอมพิวเตอร์ค้างยังไงอย่างงั้น

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

เขายังไงก็คิดไม่ถึงว่าหลินเสว่เอ๋อที่ตอนอยู่ต่อหน้าเขาและครอบครัวเขาเป็นเทพธิดาเย็นชา แต่พออยู่กับไอ้แม่ผีทะเลของเฉินตงกลับอ่อนโยนได้ขนาดนี้

และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลินเสว่เอ๋อทำไมถึงรู้จักหลี่หลาน?

เวลาค่อยๆผ่านไป

คนในทางเดินมองหวางเห้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลายใจ

แต่หวางเห้าไม่มีจิตใจไปสนเรื่องอื่น ความสนใจทั้งหมดอยู่ในห้องคนไข้หมดแล้ว

และเป็นแบบนี้อยู่ครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดหลินเสว่เอ๋อก็ลุกขึ้นและเดินออกมา พอเธอเปิดประตูห้องคนไข้ก็เห็นหวางเห้าที่ยืนงงอยู่ รอยยิ้มบนหน้าเธอเลือนหายไปทันที

หลังจากที่ตื่นตระหนกอยู่สักพัก หลินเสว่เอ๋อก็ตั้งสติกลับมาเหมือนเดิมและถามเสียงเย็นชาว่า

“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”

หัวใจของหวางเห้าสั่นไหวชั่วขณะ รีบตั้งสติกลับอย่างรวดเร็ว แล้วความรู้สึกโกรธก็ทะลักพรั่งพรูออกมา

“ฉัน……”

ยังไม่ทันรอเขาตะโกนออกมา สีหน้าของหลินเสว่เอ๋อก็เย็นเยือกขึ้นมาทันที “นายอย่าไปรบกวนคุณน้าพักผ่อน ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป

หวางเห้ารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งไปตามหลินเสว่เอ๋อ “เสว่เอ๋อ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เธอจะไม่อธิบายกับฉันหน่อยเหรอ?”

“อธิบายอะไร?” หลินเสว่เอ๋อมองหวางเห้าอย่างเอือมระอา เธอไม่เคยมีนิสัยที่ต้องอธิบายกับหวางเห้ามาก่อน

โดยเฉพาะกับเรื่องเมื่อกี้ ดันซวยถูกหวางเห้าจับได้ซะอีก เธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

“ยายแก่ผีทะเลในห้องคนไข้นั่น ทำไมเธอถึงไปเยี่ยมมัน?”

หวางเห้าโกรธจนตาโตเบิกกว้าง เหมือนกับสิงโตตัวผู้ที่กำลังโกรธจัด

“หวางเห้า นายพอได้แล้ว! นายพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ อะไรคือยายแก่ผีทะเล?”

หลินเสว่เอ๋อตวาด “น้ายังไงก็เป็นแม่ของอดีตสามีพี่สาวนาย ฉันไปเยี่ยมน้าหน่อยจะเป็นไรไป? เพราะว่าเรื่องของเราสองคนทำให้พี่เขยนายต้องหย่ากับพี่สาวนาย ฉันไปเยี่ยมเพราะรู้สึกผิด นายยังจะมาทำเป็นมีเหตุอีกเหรอ?”

หวางเห้าชะงัก

เป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ?

ยังไม่รอให้เขาได้ตั้งสติ หลินเสว่เอ๋อก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและกอดเขาไว้ แล้วเขย่งเท้าเอาปากแตะขอบปากเขาเบาๆและพูดเสียงอ่อนโยน “เอาน่า ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก ฉันแค่ไปเยี่ยมเพราะรู้สึกผิดจริงๆ นายกลับไปดูแลแม่นายให้ดีเถอะ แล้วไปรวบรวมค่าสินสอดมาให้ครบ เราสองคนก็จะได้แต่งงานกัน”

“จริงเหรอ?”

หวางเห้าดีใจขึ้นมาทันที “เธอ เรื่องครั้งนั้นเธอไม่โทษพวกเราแล้วเหรอ?”

“ตาบ้า จะโทษพวกนายได้ยังไงล่ะ?” หลินเสว่เอ๋อตำหนิแล้วทำท่าสะบัดมือ “เอาล่ะ ฉันกลับไปทำงานก่อนนะ นายอย่าคิดมาก”

มองแผ่นหลังของหลินเสว่เอ๋อ หวางเห้ายืนอึ้งอยู่กับที่ด้วยความตกใจและดีใจ

เขารู้สึกโกรธเรื่องที่หลินเสว่เอ๋อไปเยี่ยมแม่ของเฉินตงจริงๆ

แต่ในใจเขา หลินเสว่เอ๋อที่มีวุฒิการศึกษาสูง ในด้านการวางตัวและการจัดการเรื่องราวนั้นก็จัดการได้ละเอียดรอบคอบและทะลุปรุโปร่งมากกว่าเขาจริงๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หลินเสว่เอ๋อก็มีจิตใจดีอีกด้วย

เพราะฉะนั้น คำอธิบายแบบขอไปทีของหลินเสว่เอ๋อเมื่อกี้ สำหรับเขาแล้วก็ถือว่าอธิบายเหตุการณ์เมื่อกี้ได้ดีมากแล้ว

หลังจากที่เลิกสงสัยแล้ว ในใจของหวางเห้าก็เหลือแต่ความดีใจและความตื่นเต้น

หลังจากงานหมั้น หลินเสว่เอ๋อก็ไม่เจอเขาอีกเลย เขารู้ว่าหลินเสว่เอ๋อโกรธ ถึงขั้นที่กลัวว่าจะต้องเลิกกับหลินเสว่เอ๋อด้วยซ้ำ

แต่วันนี้ หลินเสว่เอ๋อมาเยี่ยมคุณแม่ และจากคำพูดเมื่อกี้ก็บ่งบอกชัดว่าไม่โกรธแล้ว พวกเขายังมีความเป็นไปได้กันอยู่!

“เสว่เอ๋อ เธอวางใจได้เลย ฉันจะให้พ่อแม่ฉันและพี่สาวรีบรวบรวมเงินให้ครบเพื่อจะได้แต่งงานกับเธอ”

หวางเห้ากำหมัดแน่นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

เมื่อหวางเห้ากลับถึงห้องคนไข้อย่างดีอกดีใจ หวางเต๋อและจางซิ่วจือก็ตกตะลึง

กี่วันมานี้ พวกเขาสองคนไม่เห็นหวางเห้าดีใจขนาดนี้มาก่อน

“เสี่ยวเห้า มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจเหรอ?” จางซิ่วจือเริ่มถามก่อนเลย

หวางเห้ายิ้มบอก “พ่อครับแม่ครับ เสว่เอ๋อไม่โกรธแล้ว เมื่อกี้เธอยังบอกผมว่า ขอแค่พวกเรารวบรวมเงินมาให้ครบก็แต่งงานกันได้เลย”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดีเลย” หวางเต๋อประสานมือเข้าด้วยกันอย่างตื่นเต้น

ส่วนจางซิ่วจือแสดงท่าทีว่าคิดเอาไว้ไม่ผิดและยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “เสว่เอ๋อเด็กคนนี้น่ะ ทั้งสวยทั้งจิตใจดี การศึกษาก็สูง แม่รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่ถือสาแน่นอน เสี่ยวเห้า แกต้องไม่ทำให้คนเขาผิดหวังนะ”

“มันแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมชีวิตนี้นอกจากเสว่เอ๋อแล้ว ใครก็ไม่แต่ง”

หวางเห้ากำหมัดแน่นและสายตาแน่วแน่ แต่สีหน้าจู่ๆก็หม่นหมองขึ้นมา “แต่ว่า พ่อครับแม่ครับ เงินสินสอดนี้เมื่อไหร่ถึงจะครบล่ะครับ?”

ได้ยินที่พูด

หวางเต๋อและจางซิ่วจือก็ชะงักพร้อมกัน

ทั้งสองสบตากัน จางซิ่วจือโกรธจนกัดฟันแน่น “ต้องโทษพี่สาวนาย ยัยนั่นทำเรื่องพัง เรื่องนี้ต้องให้มันไปหาวิธีจัดการเอง”

“กดดันลูกสาวแบบนี้ไม่เหมาะสมหรือเปล่า?” หวางเต๋อลังเลเล็กน้อย

“มีปัญญาคุณก็ไปหาเงินมาให้ได้สิ? คุณมันก็แค่คนสอนหนังสือโง่ๆ ยืมคนไปทั่วแต่ก็ยังรวบรวมไม่พอไม่ใช่หรือไง?”

จางซิ่วจือมองค้อนใส่หวางเต๋อ คิดแล้วก็ตัดสินใจว่า “รอให้แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็จะหาคนรวยๆให้ยัยนั่นแต่งงานกับเขาแล้วขอสินสอดมาเยอะๆ แบบนี้เสี่ยวเห้าก็จะมีเงินแต่งงานแล้ว”

“ฮ่าๆๆ……ขอบคุณครับแม่” หวางเห้ากอดจางซิ่วจืออย่างดีใจ

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน

……

ฟ้าเริ่มมืดลง

เฉินตงไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งอยู่ดูแลเขาอีกเพราะต้องมาลำบากทรมานด้วยกันกับเขา จึงให้กู้ชิงหยิ่งกลับบ้านไป

กู้ชิงหยิ่งตอนแรกก็ไม่ยอม แต่ก็รับมือกับท่าทีเด็ดขาดของเฉินตงไม่ไหว จึงได้แต่ลากร่างกายที่เหนื่อยล้านี้ออกจากโรงพยาบาล

รอให้กู้ชิงหยิ่งออกไปแล้ว

เฉินตงจึงขยับร่างกายสองสามทีแล้วเปลี่ยนท่าทีสบายกว่านี้

เพราะแผลบนหน้าอกจึงทำให้เขาตอนนี้ยังลุกขึ้นนั่งไม่ได้ ถูกกู้ชิงหยิ่งนอนทับแขนอยู่นาน หลังของเขาก็เกือบชาแล้ว

พอสบายขึ้นมาหน่อยแล้ว เฉินตงจึงถามออกไป “คุนหลุน จัดการกับเรื่องหลังจากนั้นยังไง?”

คุนหลุนพูด “จางเห้อหมิงถูกลงโทษตามกฎหมาย และโทษต้องไม่เบาแน่นอนครับ”

“นายรู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงเขา”

เฉินตงหัวเราะ ในสายตาเขา จางเห้อหมิงก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น

ก็แค่คนขี้ประจบคนหนึ่งที่คิดจะเอากู้ชิงหยิ่งไปเอาใจเฉินเทียนหย่าง

คุนหลุนแสดงสีหน้าจนใจเล็กน้อย “เฉินเทียนหย่างแค่ขาหักหนึ่งข้างและออกไปจากเมืองนี้แล้วครับ”

“แค่นี้เองเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะเย็นชาหนึ่งที

“หลักฐานของเขาไม่พอที่จะให้ลงโทษตามกฎหมายได้ครับ”

คุนหลุนอ้ำอึ้งอยู่สักพักแล้วพูดออกมาด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งว่า “คุณชายครับ ท่านคงไม่รู้อำนาจของตระกูลเฉินมากนัก พวกเราฆ่าเฉินเทียนหย่างไม่ได้ ถ้าฆ่าแล้ว แม้แต่คุณท่านก็ปกป้องพวกเราไม่ได้ครับ”

“แล้วเขาฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?”

สีหน้าเฉินตงแสดงถึงความโกรธแค้น สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด หัวเราะเย้ยหยันหนึ่งที “เพราะฉันเป็นแค่ลูกสวะ ไม่มีสถานะที่จะทำได้สินะ?”

บทที่52 คนโง่! มาเยี่ยม

เฉินตงลืมตาขึ้นช้าๆ

กลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อโชยเข้ามาในจมูก

เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ฉันยังไม่ตาย?”

คุนหลุนที่สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างๆพลันโล่งอกขึ้นมาทันทีและยิ้มพูดว่า “คุณชายครับ มีดสั้นแทงไม่โดนจุดสำคัญ ตอนนั้นท่านแค่สลบเพราะเสียเลือดมากเกินไป โชคดีจริงๆครับที่ช่วยได้ทันเวลา”

เฉินตงยิ้มออกมา มันเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน

สถานการณ์ในตอนนั้น เขาแค่อยากปกป้องกู้ชิงหยิ่ง ต่อให้จะถูกเฉินเทียนหย่างแทงตายขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่เสียใจ

ขอแค่ยื้อเวลารอให้คุนหลุนมาช่วยกู้ชิงหยิ่งได้ทันเวลา เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว

มีดแทงไม่โดนจุดสำคัญ ทั้งหมดเป็นเพราะโชคช่วยจริงๆ

เฉินตงมองดูรอบๆห้อง และจู่ๆ สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา “นี่คือโรงพยาบาลอะไร?”

ถ้าให้แม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บ แม่ต้องรับไม่ไหวแน่ๆ

“คุณชาย วางใจได้เลยครับ”

คุนหลุนรีบปลอบ “ตอนที่ท่านหลงจากไปได้กำชับไว้แล้ว เพราะฉะนั้น ผมเลยส่งท่านมาที่โรงพยาบาลอีกแห่งครับ”

เฉินตงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเปิดปากพูด “ชิงหยิ่งเป็นยังไงบ้าง?”

ตอนนั้นก่อนที่เขาจะสลบไม่ได้สติ เขาเห็นคุนหลุนหักขาของเฉินเทียนหย่างด้วยตาของตัวเอง กู้ชิงหยิ่งก็คงปลอดภัยแล้วแน่นอน

แต่ถูกจางเห้อหมิงวางยา เหตุการณ์เป็นมายังไงเขาเองก็ไม่รู้

“เธอก็ไม่เป็นไรครับ” คุนหลุนพูด “ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ คุณกู้ดูแลท่านเองเลยนะครับ”

หนึ่งวันหนึ่งคืน?

เฉินตงยิ้มออกมา “ยัยนี่ ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ยังจะมาดูแลข้างๆอีก เธอเคยต้องมาลำบากแบบนี้ที่ไหนกัน?”

ถึงเขาจะไม่รู้พื้นฐานครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งมากนัก แต่ก็รู้ว่าฐานะครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งร่ำรวยมาก ให้ความรู้สึกว่าเธอคือลูกคนรวยกับเขาตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

ให้คุณหนูมาดูแลข้างเตียงทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้วถือว่าไม่ใช่ภาระที่เบาๆเลย

เพิ่งพูดจบได้ไม่นาน

แอ๊ด……

ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออก

กู้ชิงหยิ่งถือกระติกอาหารสูญญากาศเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

การดูแลตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้ร่างกายของเธอเหนื่อยล้ามาก แต่จากการคาดเดาของคุณหมอ เฉินตงก็คงใกล้ฟื้นแล้ว

เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่สนใจกับความเหนื่อยล้า ออกจากห้องคนไข้กลับบ้านไปต้มซุปให้เฉินตง

เฉินตงบาดเจ็บหนักขนาดนี้ พอฟื้นแล้วก็ต้องบำรุงให้ดีๆ

พอสายตาของกู้ชิงหยิ่งกวาดมองไปบนเตียงคนไข้อย่างเหนื่อยล้า ร่างเล็กของเธอพลันสั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ

วินาทีต่อมา

ตาของเธอแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน รีบวิ่งไปที่เตียงอย่างดีใจสุดขีด แล้วกระโดดเข้าใส่อ้อมอกของเฉินตง “เฉินตง ในที่สุดนายก็ฟื้นแล้ว!”

“ซี๊ด……”

เฉินตงสีหน้าเปลี่ยนทันที ถูกกู้ชิงหยิ่งกดทับจนเจ็บแผลอย่างหนัก จึงรีบพูด “เสี่ยวหยิ่ง เจ็บ เจ็บครับ……”

กู้ชิงหยิ่งตกใจ รีบลุกขึ้นจับหน้าอกของเขาอย่างตื่นตระหนก “ขอ ขอโทษนะ ฉันตื่นเต้นเกินไปน่ะ ไม่คิดว่าจะโดนแผลของนาย”

“ไม่เป็นไรหรอก”

เฉินตงอดกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้และฝืนยิ้มออกมา

มองกู้ชิงหยิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เฉินตงจึงลูบหัวเธออย่างเห็นใจ “เธอโง่หรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทำไมถึงยังทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้อีก?”

“อะไรคือไม่เป็นอะไรแล้ว?”

ดวงตาสวยของกู้ชิงหยิ่งจ้องเขม็ง แต่ดวงตากลับน้ำตาคลอเบ้า “นายเพื่อที่จะช่วยฉันเลยบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ต่อให้ฉันต้องเหนื่อยแค่ไหนมันก็คุ้มค่า นายต่างหากที่โง่ โง่ที่สุดเลย!”

พูดจบ เธอก็ฟุบลงที่แขนของเฉินตง และร้องไห้ออกมาเสียงดัง

สถานการณ์เปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ ทำให้เฉินตงตั้งรับไม่ทันกันเลยทีเดียว

มองดูกู้ชิงหยิ่งที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของเขา เขาก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา

คุนหลุนสีหน้าขรึมลง กระแอมออกมาหนึ่งทีแล้ว เดินออกห้องคนไข้โดยที่ไม่เหลียวหลังมองกลับ

“คนโง่ นายมันโง่ชัดๆ ใครขอให้นายมาช่วยกัน? นายรู้หรือเปล่าว่า มีดแทงเข้าไปในเนื้อมันเจ็บมากเลยนะ นายยังเลือดไหลออกมาเยอะด้วย นายมันคนโง่ชัดๆ”

กู้ชิงหยิ่งร้องไห้ไปพูดไป

เฉินตงหัวเราะ “เพราะว่าเธอคือแฟนของฉันไงล่ะ”

“แต่นายก็ยังเป็นคนโง่อยู่ดี” กู้ชิงหยิ่งพูดตำหนิ

เฉินตงอมยิ้มไม่พูดอะไรออกมา เพียงแต่ยกมือขึ้นตบหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ

เขารู้ว่ากู้ชิงหยิ่งต้องตกใจมากแน่ๆ และก็สงสารเขามากด้วย ตอนนี้ร้องไห้ระบายออกมาก็ดีกับกู้ชิงหยิ่งเหมือนกัน

ไม่นาน เสียงร้องไห้ของกู้ชิงหยิ่งก็ค่อยๆเบาลง

ไม่หลับไม่นอนหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้เธอเหนื่อยล้าถึงขีดสุด

บวกกับหลังจากร้องไห้ออกเมื่อกี้ จึงรู้สึกง่วงขึ้นมา

มองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมอกของเขา เฉินตงจึงตบหลังของเธอเบาๆอย่างเอ็นดูและพูดกระซิบเสียงเบาว่า “ยัยซื่อบื้อ เธอกล้าเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาเดิมพันแล้ว แล้วฉันจะยอมให้เธอแพ้ได้ยังไง? ปกป้องเธอ คือสิ่งที่ฉันควรทำ”

……

หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร หลินเสว่เอ๋อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เธอยังไงก็คิดไม่ถึงว่า เมื่อคืนแต่งตัวอย่างดี รีบไปที่ “ท่าเรือตู้หยู” อย่างดีอกดีใจ แต่นอกจากจะไม่ได้เจอเฉินตงแล้ว กลับได้เจอหวางหนันหนันแทนซะงั้น

ฉากที่ทั้งสองเจอกันโดยบังเอิญ ตอนนี้คิดแล้วก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่เลย

ตั้งแต่ที่งานหมั้นล้มเหลว เธอก็ไม่ไปเจอหวางเห้าอีกเลยและยิ่งไม่ไปติดต่อกับคนตระกูลหวางด้วย

ยังไงซะเหตุการณ์ตอนนั้น ในสายตาของคนนอกก็คือความผิดของคนตระกูลหวางทั้งหมด

ส่วนที่เธอไม่ติดต่อไป ก็ทำให้เธอยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นอย่างที่คิดไว้

แต่สำหรับหวางหนันหนันแล้ว เธอยังไงก็รู้สึกผิดต่อเธออยู่ดี

ส่วนสายตาของหวางหนันหนันที่มองเธอ ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างที่คิด

แต่เพราะว่าหวางเห้า พวกเธอจึงไม่ได้แตกหักกันอย่างสิ้นเชิง ยังนั่งฝืนหาเรื่องคุยกันอย่างราบรื่นได้ชั่วขณะ

หลังจากที่รอเฉินตงอยู่นานแต่เขาก็ไม่มา วีแชทก็ไม่ตอบกลับ โทรไปก็ไม่รับสาย หลินเสว่เอ๋อถึงลุกขึ้นเดินจากไป

“แกล้งฉันเล่นเหรอ?”

หลินเสว่เอ๋อเกาหัวอย่างหงุดหงิด ที่เธอเจอหวางหนันหนันที่ “ท่าเรือตู้หยู” ได้ พอคิดดูดีๆแล้ว ก็มีแต่เฉินตงเท่านั้นที่ควบคุมเรื่องทุกอย่างนี้ได้

ฟันขาวกัดริมฝีปากสีแดงแน่น หลินเสว่เอ๋อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

เธอเคยคิดให้หวางเห้าเป็นตัวสำรอง แต่เธอก็ปล่อยเฉินตงไปไม่ได้จริงๆ

โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับเงินห้าล้านจากเฉินตงมาแล้ว ความคิดที่ไม่อยากปล่อยไปก็ทวีมากขึ้น

แต่เฉินตงไม่สนใจเธอเลย นี่ทำให้เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หวางเห้าผู้ชายโง่คนนี้ ยังไงก็ต้องกำให้อยู่หมัดอยู่แล้ว!

หลังจากที่ตัดสินใจได้ หลินเสว่เอ๋อก็มองดูล็อบบี้ที่มีคนไม่มากนัก จึงลุกขึ้นไปขอลางานกับผู้จัดการ

ออกจากธนาคาร เธอก็ไปซื้อผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่แถวนี้ทันที วางแผนว่าจะไปเยี่ยมจางซิ่วจือ

พอใกล้จะไปจ่ายตังค์ เธอก็พลันนึกขึ้นได้ว่าแม่ของเฉินตงก็อยู่ที่โรงพยาบาลลี่จิงเหมือนกัน

ลังเลอยู่สักพัก หลินเสว่เอ๋อก็กลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง ซื้ออาหารเสริมมาชุดใหญ่ ไปจ่ายตังค์เสร็จก็ไปโรงพยาบาลต่อ

พอถึงโรงพยาบาลลี่จิงแล้ว หลินเสว่เอ๋อไปฝากอาหารเสริมที่เคาน์เตอร์พยาบาลก่อน หลังจากนั้นค่อยหิ้วถุงผลไม้ไปห้องคนไข้ของจางซิ่วจือ

การมาของหลินเสว่เอ๋อทำให้จางซิ่วจือ หวางเต๋อและหวางเห้าดีใจกันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะหวางเห้า ยิ่งไปล้อมตัวหลินเสว่เอ๋อ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

แต่ว่านี่กลับทำให้หลินเสว่เอ๋อรู้สึกว่าหวางเห้าเป็นคนไร้ประโยชน์ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแสดงถึงความรังเกียจออกมา

เวลาเยี่ยมนั้นสั้นมาก อยู่แค่ไม่กี่นาทีหลินเสว่เอ๋อก็ขอลากลับแล้ว

หวางเต๋อและจางซิ่วจือรีบให้หวางเห้าเดินไปส่ง หวางเห้าก็รีบตามไปอย่างกระตือรือร้น

หลินเสว่เอ๋อคิ้วขมวดเล็กน้อย “หวางเห้า นายไปดูแลคุณน้าเถอะ ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ”

หลังจากที่เดินออกจากห้องคนไข้ หลินเสว่เอ๋อก็หายใจเข้าลึกๆ สีหน้าแต่เดิมที่ฉายแววเย็นชาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที

เธอรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล เอาอาหารเสริมที่ฝากไว้หิ้วกลับมา แล้วรีบเดินไปที่ห้องคนไข้ของหลี่หลาน

และในตอนที่เธอเดินเข้าห้องคนไข้นั่นเอง

ทางเดินที่อยู่ไม่ไกลจากนี่ หวางเห้าที่หิ้วกระติกน้ำออกมาเติมน้ำร้อนให้จางซิ่วจือ ก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง

บทที่51 ชีวิตแลกชีวิต

ฉึก!

เลือดสีแดงสดกระเซ็นออกมา

เฉินตงขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าฉายแววดุร้ายออกมา

แขนข้างซ้ายของเขามีเลือดไหลทะลักออกมาจากรอยบาด

โชคดีที่เขาหลบได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นต่อให้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้แขนเขาพิการได้เลย

สำหรับเฉินเทียนหย่างแล้ว ชีวิตคนไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

“เหอะๆ……คิดว่าจะเก่งขนาดไหน ที่แท้ก็ยังเป็นแค่ขยะอยู่ดี”

เฉินเทียนหย่างหันหลังช้าๆ ยืนหน้าประตูขวางทางไปของเฉินตงและหัวเราะเยาะเย้ย

“ฟู่……”

เฉินตงหายใจเข้าลึกๆ จ้องเฉินเทียนหย่างเขม็งด้วยสีหน้าที่ขรึมจัด

จู่ๆ เฉินเทียนหย่างก็ยกขาขึ้นหนึ่งข้างยันขอบประตูไว้และหัวเราะพูดว่า “จริงๆแกมีทางเลือกนะ แค่แกคลานลอดหว่างขาฉัน แกก็จะรอด แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องอยู่ที่นี่”

“งั้นมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะได้อยู่!”

นัยน์ตาของเฉินตงฉายแววแน่วแน่ออกมา เวลานั้นเอง เขาก็หยิบเก้าอี้ขึ้นมาหนึ่งตัวพุ่งไปหาเฉินเทียนหย่าง

ในห้องที่มืดสลัว ทั้งสองคนกำลังซัดกันนัว

มีเสียงมีดสั้นกระแทกเข้ากับเก้าอี้ขึ้นมาเป็นพักๆ

ผ่านการสู้รบจริงมาแล้วรอบหนึ่ง เฉินตงก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับเฉินเทียนหย่างแล้ว ก็ยังห่างชั้นกันมากอยู่ดี

ไม่นาน เขาก็เริ่มเสียเปรียบ

มีดสั้นที่เย็นเยียบเฉียดโดนตัวเขาอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตั้งสติเร็ว หลบออกได้อย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง ป่านนี้เขาคงเลือดอาบเต็มตัวแล้ว

ฉึก!

ในที่สุด มีดสั้นก็บาดโดนแขนขวาของเฉินตงจนได้

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที รอยบาดแขนขวาลึกจนเห็นกระดูก เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด

เฉินเทียนหย่างหยุดมือ แล้วมองเฉินตงเหมือนกับมองตัวตลก

ความเปลี่ยนแปลงของเฉินตงทำให้เขารู้สึกตกใจมากจริงๆ

แต่ก็แค่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเท่านั้น

เขาไม่คิดว่า เฉินตงจะมีความสามารถมากพอที่จะต่อต้านเขาได้

“ลูกสวะก็คือลูกสวะ ต่อให้พลิกชีวิตให้ดีขึ้นได้ ก็ยังเป็นลูกสวะวันยังค่ำ”

เฉินเทียนหย่างยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แกว่งมีดสั้นไปมาสะบัดเลือดที่ติดอยู่บนมีดสั้นพูดว่า “แกไม่อยากไป ฉันก็จะทิ้งแกอยู่ที่นี่ ให้เขาเลิกความคิดที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ของแกอย่างถาวร”

เฉินตงสีหน้าเย็นยะเยือก แต่พยายามเก็บอาการไว้

แต่วินาทีนี้ หัวใจของเขากลับเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

เพราะเขาสัมผัสได้ถึงการคุกคามจากความตายแล้วจริงๆ

ความสามารถของเขากับเฉินเทียนหย่างห่างชั้นกันมากพอสมควร ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่ใช่กำลังภายนอกอะไรก็มาทดแทนกันได้

และเฉินเทียนหย่างก็เปิดเผยความอาฆาตออกมาอย่างชัดเจน

คนบ้านี่ ไม่แน่ครั้งต่อไปก็จะเอามีดสั้นแทงทะลุหัวใจเขาเลยก็เป็นไปได้

แต่พอนึกถึงกู้ชิงหยิ่งที่ยังสลบอยู่ข้างนอก สายตาของเฉินตงก็พลันฉายแววเหี้ยมโหดขึ้นมาและกัดลิ้นตัวเองหนึ่งที

ใช้ความเจ็บปวดช่วยให้ตัวเองใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว

หยิบเก้าอี้ที่อยู่ข้างกายขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมพร้อมลงมือ

“หืม?!”

เฉินเทียนหย่างเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เฉินตงตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว แต่ก็ยังมีใจสู้อยู่

วินาทีต่อมา

เฉินเทียนหย่างค่อยๆยกมีดสั้นขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้าตั้งท่าโจมตี “ครั้งนี้ แกตายแน่!”

“ก็มาสิ!”

เฉินตงแผดเสียงคำรามลั่น ยกเก้าอี้ขึ้นพุ่งไปหาเฉินเทียนหย่าง

ตั้งแต่เด็กจนโต เขาต้องแบกรับชื่อเสียงว่าเป็นลูกสวะ เดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ไม่เคยถอยหลังกลับ

ตอนนี้ เกี่ยวข้องกับกู้ชิงหยิ่ง เขาก็ยิ่งถอยหลังกลับไม่ได้

ฟึ่บ!

เสียงแผดก้องของมีดสั้นจู่โจมเข้ามา

รูม่านตาเฉินตงหดลง แต่กลับไม่หลบออก

ฉึก!

มีดสั้นแทงทะลุอกของเขา

มุมปากของเฉินเทียนหย่างเพิ่งปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา แต่ทันใดนั้น พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที

โครม!

เสียงเก้าอี้ฟาดลงบนตัวของเฉินเทียนหย่างดังโครมจนแตกกระจาย

ร่างกายของเฉินเทียนหย่างเซทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจกลัวและจ้องเฉินตงที่อยู่ข้างหน้าเขม็ง ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

“แก……”

มือข้างหนึ่งของเฉินตงถือมีดสั้นไว้ มืออีกข้างจับคอของเสื้อเฉินเทียนหย่างอย่างหยาบคายและแสยะยิ้มพูด “ฉันตายก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวสู้กับนายอย่างไม่คิดชีวิตเหรอ?”

ถึงแม้จะยิ้มอยู่ แต่น้ำเสียงเย็นยะเยือกนั่น กลับทำให้เฉินเทียนหย่างรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจเต้นรัวตุบๆไม่หยุด

เวลานี้ เฉินเทียนหย่างที่กำลังเผชิญหน้ากับเฉินตงที่กำลังแสยะยิ้มอยู่ ก็พลันรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกอย่างไม่ได้พบเห็นได้บ่อยมากนัก

เฉินเทียนหย่างกล้าฆ่าเฉินตงจริงๆ

แต่เขายังไงก็คิดไม่ถึงว่า เฉินตงตั้งใจโดนเขาแทงเพื่อที่จะได้ลงมือจัดการเขา

นี่คือวิธีต่อสู้แบบชีวิตแลกชีวิต!

“ตาย แกไปตายซะ!”

เฉินเทียนหย่างจู่ๆก็เหมือนเสียสติไปแล้ว มือขวาจับมีดสั้นไว้และบิดมันอย่างโหดเหี้ยม

แควก……

เสียงที่น่าใจหายนี้ดังออกมาจากหน้าอกของเฉินตง

เป็นเสียงของมีดสั้นแทงเนื้อจนฉีกขาด

แต่เฉินตงก็ไม่ปล่อยมือ ต่อให้มือซ้ายถูกมีดสั้นบาดจนเลือดอาบเต็มมือก็ไม่ยอมปล่อย

เขาจ้องเขม็ง จ้องเฉินเทียนหย่างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

สัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากอกอย่างรวดเร็ว เขายกมือขวาขึ้นจับมีดสั้นไว้ แล้วกดเข้าไปในอกอย่างโหดร้าย มีแต่แบบนี้ เขาถึงจะยื้อเวลาต่อไปได้

ถึงจะช่วยกู้ชิงหยิ่งได้

“คนบ้า แกแม่งมันบ้า! ตาย! ตายสิวะ!”

ใบหน้าเฉินเทียนหย่างซีดเล็กน้อย สายตาเลื่อนลอยคำรามออกมาด้วยความโกรธ

ปฏิกิริยาของเฉินตงทำให้เขากลัวแล้วจริงๆ

เขาอยากดึงมีดสั้นที่แทงอยู่ในอกของเฉินตงออกมามาก แต่มือทั้งสองข้างของเฉินตงกลับกดมีดสั้นไว้แน่น

คนบ้านี่……ไม่กลัวตายหรือไง?

นี่มันไม่ใช่สันดานของลูกสวะนี่!

“คุณชาย!”

ในเวลานี้เอง เสียงแผดร้องคำรามราวกับเสียงฟ้าร้องอันทรงพลังดังขึ้น

สีหน้าของเฉินตงพลันสบายใจขึ้นมาทันที ยิ้มพูดออกมาอย่างโล่งอก “คุนหลุน……มาแล้วเหรอ?”

ที่เขาเลือกวิธีต่อสู้แบบไม่กลัวตายแบบนี้ ใช่เพราะอยากเอาชนะเฉินเทียนหย่างจริงๆ

การปะทะกันเมื่อกี้ทำให้เขารู้ว่า การคิดแต่จะฝืนสู้ ไม่มีทางชนะเฉินเทียนหย่างได้แน่นอน

เพราะฉะนั้น กดมีดสั้นเข้าไปในอกเพื่อยื้อเวลา คือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา

เพราะตอนที่มาโรงแรมไท่ซาน เขาก็ได้บอกกับคุนหลุนไว้แล้ว

แค่คุนหลุนมาถึงก็จะรอด!

ในขณะเดียวกัน ลำตัวสูงตระหง่านราวกับหอคอยเหล็กของคุนหลุนก็วิ่งพุ่งมาถึงหน้าประตูแล้ว

ปัง!

คุณหลุนตาโตด้วยความโกรธจัด มือขวาต่อยหลังของเฉินเทียนหย่างอย่างรุนแรง

“อ๊าก!”

เฉินเทียนหย่างร้องออกมาด้วยความทรมาน ตัวลอยข้ามผ่านเฉินตงตกลงบนพื้นอย่างจัง

“คุณชาย……”

คุนหลุนรีบพยุงเฉินตงด้วยความตื่นตกใจ มองหน้าอกของเฉินตงที่เต็มไปด้วยคราบสีแดงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเดือดขึ้นมา

เขาคือนายท่านส่งมาให้ปกป้องคุณชาย

แต่ตอนนี้ คุณชายกลับถูกเฉินเทียนหย่างทำร้ายหนักขนาดนี้!

“เฉินเทียนหย่าง แกมันรนหาความตาย!”

คุนหลุนโกรธจนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

ทันใดนั้น เฉินเทียนหย่างก็ด่าออกมา “คุนหลุน! หมาอย่างแกอย่าลืมว่ากินข้าวบ้านใครโตขึ้นมา ลงมือกับฉัน แกแม่งไปตายซะเถอะ!”

คุนหลุนสีหน้าพลันชะงักลง

ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

เงียบสนิทจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก

ทันใดนั้น เสียงอ่อนแรงแต่กลับแฝงความอาฆาตก็ดังขึ้น

“หักขาของเขา คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

คุนหลุนมองเฉินตงอย่างตกตะลึง

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง

เขารู้ว่าคุนหลุนยังไงก็เป็นคนของตระกูล และเฉินเทียนหย่างก็เป็นอัจฉริยะที่ตระกูลปลูกฝังเองกับมือ

ให้คุนหลุนฆ่าเฉินเทียนหย่าง ต่อให้คุนหลุนกล้า แต่ปัญหาหลังจากนั้น ก็เพียงพอที่จะให้คุนหลุนตายได้แล้ว

แต่ถ้าแค่ทำให้ขาหักหนึ่งข้าง……

“รับทราบครับ!”

คุนหลุนยิ้มออกมาอย่างเย็นยะเยือก ปล่อยเฉินตงลง แล้วก้าวเท้าพุ่งตรงไปหาเฉินเทียนหย่าง

วินาทีต่อมา

“อ๊าก……”

เสียงร้องทรมานราวกับเสียงเชือดหมู ดังสะท้อนทั่วโรงแรมไท่ซาน

บทที่ 50 หมอบลงเดี๋ยวนี้

เมื่อเฉินตงลงจากรถอย่างเร่งรีบใจร้อน

สายตาของเขาแข็งค้าง

จุดที่ไม่ไกลออกไปในลานจอดรถ รถพอร์เชอ911จอดอยู่ตรงนั้นหนึ่งคัน

เป็นรถของกู้ชิงหยิ่ง!

หรือมาสายแล้ว?

เฉินตงสนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายพุ่งตรงเข้าไปในโรงแรมไท่ซาน

เพิ่งเข้าห้องโถงมา เขาก็เห็นร่างเงาที่คุ้นเคยของคนเดินแทรกเข้าไปในลิฟต์

“เสี่ยวหยิ่ง!”

เฉินตงตะโกนเรียก แต่ประตูลิฟต์ได้ปิดลงแล้ว และดึงดูดสายตาผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องโถง

รีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ เขาตวาดเสียงพูด“ผู้ชายกับผู้หญิงคู่นั้นอยู่ห้องไหน?”

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์สะดุ้งตกใจ แต่การรักษาความลับส่วนตัวของลูกค้าคือหน้าที่สำคัญของพวกเธอ

เธอกำลังจะตอบอย่างติดอ่าง

ปัง!

เฉินตงทุบใส่โต๊ะเคาน์เตอร์ กัดฟันพูดว่า“แฟนสาวของผมถูกวางยา หากเธอเป็นอะไรไป โรงแรมไท่ซานของพวกคุณก็ แม่ง อย่าเปิดเลย”

บัดนี้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่อยากจะใส่ใจอะไรทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยฝีมือของท่านหลง การที่ทำให้โรงแรมไท่ซานปิดกิจการก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้!

พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ตกใจกลัวกับคำพูดของเฉินตง รีบกล่าวว่า “ชั้น 18 ห้องวีไอพี 999”

เฉินตงหันกายวิ่งไปที่ลิฟต์

โชคดีที่ไม่เสียเวลาที่หน้าเคาน์เตอร์มากนัก ตอนเขาไปถึงชั้นที่ 18ก็เห็นจางเห้อหมิงประคองกู้ชิงหยิ่งเดินไปตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”

เฉินตงก้าวเท้ายาวเข้าไป

จางเห้อหมิงที่เตรียมจะเคาะประตูก็สะดุ้งตกใจ ขณะที่ประคองกู้ชิงหยิ่งอยู่ก็หันหน้าไปมอง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที

“เฉิน……ตง……”ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งไม่มีแรงเหลืออีกเลย แม้กระทั่งการรับรู้ก็เริ่มพร่ามัว

ชั่วพริบตาเฉินตงก็กระโจนเข้ามาถึง

ไม่รอให้เสียเวลา ปล่อยหมัดชกจนจางเห้อหมิงกระแทกที่บานประตู

จางเห้อหมิงคิดอยากจะหลบ แต่ช่วงนี้เฉินตงฝึกซ้อมอย่างหนักหนาทารุณกับคุนหลุน พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ใช่คนธรรมดาจะต้านทานไหว

เกิดเสียงปัง จางเห้อหมิงตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด พลางปล่อยตัวกู้ชิงหยิ่ง แล้วโซเซไปด้านหลังจนล้มลงไปในที่สุด

เขากุมใบหน้าเกิดความเจ็บปวดราวหมูถูกเชือด เลือดสดไหลลงมาจากระหว่างนิ้ว

หมัดครั้งนี้ชกจนสันจมูกของเขาหักไปเลยทีเดียว

“เสี่ยวหยิ่ง……”

เฉินตงอุ้มกู้ชิงหยิ่งขึ้นมาด้วยใบหน้าวิตกกังวล

เกือบไปแล้ว!

เกือบไปแค่นิดเดียวเอง!

ถ้าหากเขามาช้าแค่แป๊บเดียว หรือระหว่างทางมีเรื่องเกิดขึ้น

สิ่งที่รอคอยเขากับกู้ชิงหยิ่งก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง สายตาเลือนรางจ้องมองเฉินตง ยิ้มอย่างใสซื่อ“คุณมาแล้วจริงๆ?”

พูดจบเธอก็หลับตาสลบไสลไปเลย

โครม!

สมองของเฉินตงเกิดเสียงระเบิดขึ้นมา เพลิงโกรธก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง

ราวกับภูเขาไฟระเบิดออกมาจากกลางอก

เขาจ้องลึกจางเห้อหมิงดุจสัตว์ เปล่งวาจาออกจากระหว่างฟัน“คุณไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของผมเหรอ?”

พูดจบเขาประคองกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยนไว้ที่พื้น

จากนั้นใบหน้าอันเย็นชาก็ค่อยๆเดินมายังจางเห้อหมิง

บัดนี้จางเห้อหมิงตกใจจนเอ๋อไปแล้ว นอกจากปิดเลือดสดที่ไหลออกมาทางจมูกก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

เขาคาดไม่ถึง เรื่องที่วางแผนอย่างดีกลับมีเฉินตงเข้าแทรกแซงกลางคัน

กินปูนร้อนท้อง มือข้างหนึ่งของเขาดันพื้นเอาไว้พร้อมกับถอยหลังด้วยความหวาดผวา“เฉินตง คุณ คุณฟังผมอธิบายก่อน นี่ นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ ”

“คิก!”

เฉินตงหัวเราะเป็นพิธี

จากนั้นก็ยกเท้าขึ้น

ปัง!

เท้าถีบใส่หัวของจางเห้อหมิงอย่างแรง

จางเห้อหมิงยกมือขึ้นบังด้วยสัญชาตญาณ แต่พลังอันน่าสะพรึงกลัวทำให้เขากระเด็นไปชนกันผนัง แล้วสลบคาที่ไปเลย

เฉินตงจ้องมองจางเห้อหมิงที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตั้งยันจบ ยิ่งไม่ได้สนใจว่าถีบออกไปแล้วจางเห้อหมิงจะตายหรือเปล่า

เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ

เขาไม่เอากูหลังให้ตายที่โรงยิมมวยใต้ดิน เป็นเพราะเขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้ที่แท้จริง จึงไม่มีความจริงเป็นต้องฆ่า

แต่ตอนนี้เขาอัดเข้าไปเต็มที่

กู้ชิงหยิ่งเป็นแฟนสาวของเขา เป็นผู้หญิงของเขา

ยิ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนของเขา!

คิดจะแตะต้องเหรอ ต้องตาย!

เฉินตงหันหน้าไปมองประตูที่ปิดเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาเกิดความโมโหแล่นพล่านขึ้นมา

สองหมัดที่กำไว้แน่นเกิดเสียงกรอบแกรบ

อันนี้คือ……จะเอาเธอไปมอบให้คนอื่นใช่ไหม?

แฟนสาวของเธอถูกจางเห้อหมิงวางยาแล้วส่งมาที่ห้องนี้ เพื่อจะประจบประแจงคนในห้องนี้?

ตลกสิ้นดี!

ปัง!

ถีบแรงๆหนึ่งครั้ง ประตูห้องโรงแรมก็ถูกเปิดออก

ด้านในห้องกำลังเปิดเพลงบรรเลงได้อย่างมีอรรถรส

ผ้าม่านปิดสนิททำให้ภายในห้องมืดเล็กน้อย

ส่วนภายในห้องรับแขกมีเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยก้มหน้าเอาสองมือที่ประสานกันรองคางของตัวเองอยู่

“เฉินเทียนหย่าง?”

ถึงแม้ไฟจะสว่างไม่เพียงพอให้เฉินตงรู้ว่าเป็นเฉินเทียนหย่าง แต่เขาก็สามารถแยกแยะได้จากมุมเล็กๆ

ผู้ที่คิดจะฆ่าเขา ถึงเขาจะกลายเป็นเถ้าผงธุลีก็ไม่อาจลืมเลือน

“ฮ่าๆๆ……”

เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกที่มีความโหดร้ายดังลั่น เฉินเทียนหย่างค่อยๆเงยหน้าขึ้น นัยน์ตามืดครึ้มจ้องมองมายังเฉินตง “ลูกสวะอย่างมึงกล้าแย่งแม้กระทั่งเหยื่อของกูเลยเหรอ?”

น้ำเสียงราวกับคนชั้นสูงคุยเสียดสีให้คนที่ต่ำต้อยกว่าตน

เขาค่อยๆลุกขึ้นจัดแจงเสื้อสูทแล้วเดินมาที่ประตูอย่างช้าๆ

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกประหลาดใจที่ด้านในห้องเป็นเฉินเทียนหย่าง

แต่ว่าเรื่องเกี่ยวกับกู้ชิงหยิ่ง

เขาจึงก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว“กูจะพาเธอกลับไป”

“มึงมีดีอะไรถึงคิดจะพาไป?”เฉินเทียนหย่างหัวเราะถากถาง“เพราะฝึกทักษะการต่อสู้กับคุนหลุนไม่กี่วันเหรอ?อย่าเล่นตลกเลย ลูกสวะก็คือลูกสวะอยู่วันยังค่ำ กูว่ามึงเป็นเศษไร้ค่าก็คือเศษไร้ค่า มึงไม่มีทางเทียบกับกูที่มีพรสวรรค์และได้รับการฝึกซ้อมอย่างมืออาชีพมาตั้งแต่เด็กหรอก”

วง!

ยังไม่ทันพูดจบ

เฉินเทียนหย่างก็กระโจนเข้าหาเฉินตงโดยฉับพลัน

พอเข้าใกล้เขาก็กระโดดขึ้น เท้าข้างหนึ่งไปแตะที่ผนัง ส่วนอีกข้างแหวกกลางอากาศจนเกิดเสียง จากนั้นก็ปล่อยเท้าแตะเข้าหาเฉินตง

เฉินตงสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นมา เกิดเสียง ปัง เขาบังลูกแตะของเฉินเทียนหย่างได้

“หืม?”

เฉินเทียนหย่างตกตะลึง

แต่วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เฉินตงใช้สองมือบังเท้าของเฉินเทียนหย่างได้ด้วยความแรงแสงแล้ว สองมือก็เคลื่อนที่ไปจับขาขวาของเฉินเทียนหย่างอย่างว่องไว

“คลานลงไปเดี๋ยวนี้!”

หลังมีเสียงตะโกนดังขึ้น เฉินตงก็ใช้แรงกดเฉินเทียนหย่างไปที่พื้นอย่างอุกอาจ

เฉินเทียนหย่างหน้าเปลี่ยนสี ไม่ทันตอบสนองใดๆ

ถูกเฉินตงเล่นงานจนเกิดเสียงปังไปกระแทกที่พื้น

แม้แต่คนอย่างเขาสีหน้าก็ต้องซีดขาว เกือบจะลอยกระเด็นออกไป

ไม่รอให้เฉินตงมาถึง เฉินเทียนหย่างก็รีบลุกขึ้น จ้องเฉินตงตาเขม็งด้วยความประหลาดใจ

เขาคาดไม่ถึงว่าไอ้ลูกสวะคนนี้จะเปลี่ยนแปลงได้มากในเวลาสั้นๆเช่นนี้

เขามั่นใจว่าทักษะการต่อสู้ของเมื่อกี้ครั้งที่แล้วเฉินตงยังใช้ไม่เป็นอยู่เลย

ถึงแม้ใช้เป็น แต่ก็ไม่อาจงัดออกมาใช้ในเวลาชั่วพริบตาเช่นนี้

ความสามารถต่อสู้เช่นนี้ทำให้เขาเสียวที่แผ่นหลัง

แต่เฉินเทียนหย่างก็เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน

เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ซึ่งผ่านการฝึกฝนจากตระกูลเฉินมาอย่างมีระบบ ก็แค่ตกตะลึง แต่ยังไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นในตัวเองของเขาได้

“น่าสนใจ วันนี้มึงต้องนอนคลานอยู่ที่นี่ ผู้หญิงข้างนอกก็ต้องนอนอยู่ตรงนี้ด้วย”

เขาหัวเราะถากถาง พลางเผยความเชื่อมั่นในตัวเองที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเฉิน

วินาทีต่อมา

เฉินเทียนหย่างพุ่งเข้าหาเฉินตงอย่างอุกอาจ

เฉินตงเตรียมรับมือด้วยสีหน้าจริงจัง

ทันใดนั้น

สายตาของเขามีแสงกะพริบปรากฏขึ้นมา เห็นว่ามือขวาของเฉินเทียนหย่างถือกริชไว้ในมือ

เมื่อนำกริชออกมาก็คล้ายกับงูพิษพุ่งทะยานมายังทิศทางของเขา

บทที่ 49 แตะต้องผู้หญิงของผม ต้องตาย

ตอนพลบค่ำ

เฉินตงเลิกงานก่อนเวลา

กลางคืนต้องไปกินข้าวกับกู้ชิงหยิ่ง เขาคิดว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขานัดดินเนอร์กัน ต้องตั้งใจหน่อย

กู้ชิงหยิ่งไม่ติดใจอดีตของเขา เขายิ่งไม่มีเหตุผลผลักกู้ชิงหยิ่งให้ห่างออกไป

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ คนเราก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

ไม่ใช่ถูกทำร้ายมาก็เก็บตัวปฏิเสธทุกอย่างไป

สำหรับการนัดดินเนอร์ครั้งแรกกู้ชิงหยิ่งก็ตั้งใจมากอย่างเห็นได้ชัด

เธอสะสางงานให้เรียบร้อยแต่เช้า ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งหน้าแต่งตา

แต่เธอไม่รู้ว่าตอนเธอออกจากห้องทำงานแล้ว จางเห้อหมิงแอบย่องเข้ามาเงียบๆ

เขามองดูด้านหลังด้วยความระมัดระวัง จากนั้นจางเห้อหมิงก็เอายาออกมาจากกระเป๋ากางเกงหนึ่งขวดเล็กแล้วนำยาสองเม็ดลงไปในแก้วของกู้ชิงหยิ่ง

ยาชนิดนี้เขามีช่องทางซื้อมาจากการไปเที่ยวสังสรรค์ในบาร์ต่างๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

หลังจากที่มียาตัวนี้ ผู้หญิงที่ต้องตาเขาในบาร์ เขาก็จัดการอยู่หมัดทุกราย

ยาจำนวนสองเม็ดเพียงพอให้คนไร้เรี่ยวแรง ขาดการรับรู้ไปจนถึงเช้าของอีกวัน

เขย่าแก้วน้ำอย่างละเอียดรอบคอบ แน่ใจว่ายาละลายหมดแล้ว ดวงตาของจางเห้อหมิงก็เกิดแสงเย็นระยิบระยับ

“กู้ชิงหยิ่ง อย่าโทษผมเลย”

พูดจบเขาก็หันหลังออกจากห้องทำงานไปอย่างเงียบๆ

หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งกลับเข้ามาที่ห้องทำงานก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ

เธอมองดูเวลารู้สึกว่ายังเช้าอยู่ จึงยกแก้วขึ้นมาดื่มน้ำพลันอ่านข้อมูลไปด้วย

ไม่นานความรู้สึกเวียนหัวก็ถาโถมเข้าหา

“เหนื่อยเกินไปหรือ?”

กู้ชิงหยิ่งกดขมับอย่างสงสัย

ช่วงนี้เธอทำงานหนักไป เพราะจะช่วยเหลือไท่ติ่งเธอคิดสรรหาสารพัดวิธีเพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของยิงลี่

แต่หลังจากพักผ่อนมาได้สักพัก ความรู้สึกมึนเวียนไม่ได้คลายลด แต่กลับแรงมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก

จากนั้นเธอก็รู้สึกล้าและอ่อนไปทั้งตัว เหมือนค่อยๆถูกดูดพลังงานไปจนเกือบหมด

กู้ชิงหยิ่งเอามือถือออกมา วีแชทหาเฉินตง“เฉินตง ฉัน……ฉันรู้สึกเหนื่อยกะทันหัน”

ติ๊ง!

เฉินตงตอบ:คุณอยู่ไหน?ผมเตรียมตัวเสร็จแล้ว ไปรับคุณได้

กู้ชิงหยิ่งยิ้มแย้ม

ไอ้คนบ้างานยังรู้จักเตรียมตัวมารับฉันด้วยเหรอ?

ไม่มีรถสักคัน ควรจะเป็นฉันที่เป็นฝ่ายไปรับคุณมากกว่า

แต่เธอตอบหนึ่งข้อความว่า“ฉันอยู่ที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ค่ะ”

ดินเนอร์ครั้งแรก เฉินตงให้ความสำคัญกับครั้งนี้มากๆอย่างเห็นได้ชัด

ผู้ชายไปรับผู้หญิงถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

เธอไม่มีทางไปทำร้ายศักดิ์ศรีของเฉินตงเพราะเขาไม่มีรถหรอก

หลังจากที่เธอส่งข้อความเสร็จ

เอี๊ยะ……

ประตูห้องทำงานถูกจางเห้อหมิงเปิดออก

จางเห้อหมิงเดินเข้าไปด้านหน้ากู้ชิงหยิ่งด้วยรอยยิ้ม“ประธานกู้ ยังไม่เลิกงานเหรอครับ?”

“ไม่ ไม่มีอะไร……ก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ต้องพักแป๊บหนึ่ง”

กู้ชิงหยิ่งยกมือขึ้นมาโบก ความเหนื่อยล้าตัวอ่อน เวียนศีรษะยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้น

“พนักงานเลิกงานกันหมดแล้ว เหลือเพียงคุณกับผมเอง”

จางเห้อหมิงแย้มยิ้ม“หรือให้ผมไปส่งคุณดีไหม?”

พูดจบ เขาไม่สนว่ากู้ชิงหยิ่งจะตกลงไหม เขาก็เข้าไปประคองกู้ชิงหยิ่งขึ้นมา จับไหล่ของกู้ชิงหยิ่งแล้วเดินออกไปด้านนอก

กู้ชิงหยิ่งอยากจะคัดค้าน แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย ถูกพยุงขึ้นมาแล้วเกือบเซตัวไปอยู่ในอ้อนกอดของจางเห้อหมิงด้วยซ้ำ

ได้กลิ่นที่ลอยมาจากลม จางเห้อหมิงก็เกิดอาการฟุ้งซ่านมองดูกู้ชิงหยิ่งอย่างหดหู่ใจ

หน้าตาสวยงามเพียงนี้ เดิมทีควรจะเป็นเขาที่ได้เชยชม

ตอนนี้ต้องสละมอบให้กับเฉินเทียนหย่างซะแล้ว

“คุณ……ปล่อยฉัน”

คำพูดของกู้ชิงหยิ่งทำให้ความคิดของจางเห้อหมิงมลายหายไปทันที

สีหน้าเขาดุร้ายขึ้นมา ไม่ได้สนใจกับคำพูดของเธอเลยสักนิด ประคองกู้ชิงหยิ่งเดินออกไปด้านนอกต่อ

กู้ชิงหยิ่งไม่ได้โง่ แต่เธอกลับเป็นคนฉลาด ไม่ใช่ทายาทใสซื่อแอ๊บแบ๋วอะไรทั้งนั้น

เห็นได้ชัดว่าอาการของร่างกายตอนนี้ไม่ได้เกิดจากความเพลียใดๆ

ถูกวางกลชัดๆ!

จางเห้อหมิงไม่สนใจไยดีทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นใจและหวาดกลัวเหลือเกิน โชคดีที่มือถือยังมีหน้าที่คุยสนทนากับเฉินตงอยู่

เธอวิดีโอคอลหาเฉินตงอย่างไร้เรี่ยวแรง……

เฉินตงเดินออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เห็นกู้ชิงหยิ่งตอบกลับมา รู้สึกประหลาดใจ“ทำไมยัยคนนี้ถึงอยู่ที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ได้?”

ไม่รอให้เขาวิเคราะห์ให้เข้าใจ วิดีโอคอลก็เข้ามา

เขาเปิดออกมาดู

ทันใดนั้นปรากฏภาพมัวๆเลือนรางและขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่หน้าจอมือถือ

สีหน้าเฉินตงเคร่งขรึมขึ้นมา

เขาไม่ได้พูดทันที แต่ขมวดคิ้วจ้องมองดูภาพ

เห็นได้ชัดว่ากู้ชิงหยิ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ และยังมีอิริยาบถที่แปลกประหลาดอีกด้วย เห็นมีคนกำลังพยุงเธอเลือนรางแล้วเดินออกไปด้านนอก

เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

สมองของเฉินตงเกิดเสียง“โครม”ขึ้นมา

เขารีบขวางแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วปรับมือถือเป็นเสียงมือถือให้เงียบ เกือบพูดกับคนขับรถแท็กซี่ด้วยการตะคอก “เร็ว!บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่!รีบไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เดี๋ยวนี้!”

คนขับรถแท็กซี่สะดุ้งตกใจกลัว รีบขับรถออกไป

ปัง!

เฉินตงนำเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งพันกว่าหยวนตบที่เก้าอี้คนขับ

“เร็วหน่อย เร็วหน่อยสิ ผมจะไปช่วยคน!”

“โอ้โห!”

สีหน้าคนขับรถแท็กซี่เปลี่ยนรีบเหยียบคันเร่งให้ถึงที่สุด และพุ่งทะยานออกไป

เฉินตงนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ สองมือจับมือถือไว้แน่น จากนั้นก็จับจ้องอยู่ที่วีดีไอคอล

ถึงแม้เขาจะปิดเสียง แต่เขาสามารถได้ยินเสียงของอีกฝั่ง มีแต่อีกฝั่งไม่ได้ยินเสียงของเขาเฉยๆ

สองมือของเขาสั่นเทา หายใจเร็วหอบ

ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ!

ไม่เช่นนั้นกู้ชิงหยิ่งคงไม่ส่งวิดีโอคอลอย่างนี้มาหรอก

เขาไม่รู้ว่าทำไมกู้ชิงหยิ่งถึงอยู่ที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู้ชิงหยิ่ง

แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือเขาต้องรีบไปหากู้ชิงหยิ่ง

ขัดขวางไม่ให้เกิดอันตรายอะไรขึ้น

“คุณ คุณส่งฉันไปไหน?”

ในวีดีโอคอลมีเสียงของกู้ชิงหยิ่งที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงดังขึ้น

มันทำให้หัวใจของเฉินตงทะลักมาถึงลำคอ

“โรงแรมไท่ซาน”

เสียงของจางเห้อหมิงดังขึ้น

ชั่วขณะนั้นดวงตาเฉินตงเกือบถลึงออกมา แววตาราวกับจะกินคน

เขาฟังเสียงของจางเห้อหมิงออก ได้ยินคำว่า“โรงแรมไท่ซาน”เขายิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

“แตะต้องผู้หญิงของกู แม่ง หาที่ตายชัดๆ!”

เปล่งเสียงออกมาตามระหว่างฟัน คนขับรถด้านข้างถึงกลับขนลุกฟูกันเลยทีเดียว

คนขับรถอยากจะปลอบใจเฉินตง แต่เหลือบมองวิดีโอคอลสักครู่ แล้วมองสีหน้าของเฉินตง

คนขับรถจึงทิ้งความคิดออกไป แล้วขับให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงของตนถูกทำร้ายเด็ดขาด!

ปัง!

อีกฝั่งเกิดเสียงขึ้นกะทันหัน จากนั้นก็เห็นภาพเพดานในวีดีโอคอล

เห็นได้ชัดว่ามือถือตกแล้ว

สีหน้าเฉินตงเคร่งขรึม“โชเฟอร์รีบขับไปที่โรงแรมไท่ซานด่วน”

เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ไม่อาจขัดขวางที่หน้าบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ได้แล้ว

แต่รีบไปที่โรงแรมไท่ซานก็ยังมีโอกาสช่วยกู้ชิงหยิ่งได้สูง

ระหว่างทางเฉินตงหายใจเร็ว นัยน์ตามีความเย็นแผ่ซ่านออกมาราวกับสัตว์ร้ายจะกัดกินคน

มือถือถูกเขาบีบจนเกิดเสียงกรอบแกะ

แต่สติปัญญาที่เหลืออยู่ทำให้เขาแจ้งไปบอกคุนหลุนด้วย

มีคุนหลุนอยู่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องชกต่อยอีกต่อไป!

ในที่สุดโรงแรมไท่ซานก็ปรากฏสู่สายตา

เกิดเสียงดังเอี๊ยด!

ท้ายรถแท็กซี่หมุนหนึ่งครั้ง ก่อนที่จึงจอดตรงหน้าประตูโรงแรมไท่ซาน

บทที่ 48 นัดเจอกัน

เมื่อกลับมาถึงบ้านเฉินตงก็ไม่ได้พักผ่อน แต่พาคุนหลุนมาที่สวนสาธารณะเล็กๆใกล้บ้านเพื่อฝึกซ้อมอย่างหนักและโหดเหี้ยมต่อ

การต่อสู้สนามจริงครั้งแรกทำให้เขามีประสบการณ์มากขึ้น และรู้จุดอ่อนของตัวเองด้วย

เฉินตงไม่ใช่คนที่จะอยู่ที่เดิม ไม่พากเพียรพยายามให้ก้าวหน้าต่อไป

ตั้งแต่เด็ก เขาโดนเรียกว่า ลูกสวะ แต่ก็ค่อยๆปืนไต่มาจนถึงวันนี้

เขารู้ว่ามีเพียงมานะให้มากขึ้น ถึงจะได้สิ่งที่เพิ่มขึ้น

เขาอยากเอาชนะเฉินเทียนหย่างก็ต้องขยันกว่าเฉินเทียนหย่างร้อยเท่าพันเท่า

แม้กระทั่งไม่คำนึกถึงชีวิต

ความยอดเยี่ยมมีไว้สำหรับคนมานะพยายาม ไม่เคยเข้าข้างใคร รวมทั้งผู้มีพรสวรรค์ด้วย

ในเวลาเดียวกัน

โรงแรมไท่ติ่ง ภายในห้องวีไอพี

เฉินเทียนหย่างจ้องมองจางเห้อหมิงอย่างโหดร้าย ไม่ได้พูดอะไร

อากาศภายในห้องราวกับต่ำลงยังไงอย่างนั้น

จางเห้อหมิงหัวหดรู้สึกหวาดกลัว ยืนอยู่กับที่ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว

กู้ชิงหยิ่งแอบแก้ประกาศทางเว็บไซด์บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ ทำให้เฉินตงมีทางรอดต่อไปได้

เขาไม่อาจเปลี่ยนกลับมาได้ ฉะนั้นตอนนี้จึงได้แต่ปรากฏตัวที่นี่เพื่อเอาของมาคืนเฉินเทียนหย่าง

“คิก!”

เฉินเทียนหย่างหัวเราะเสียงเย็น จ้องมองบัตรเอทีเอ็มบนโต๊ะ“ประธานจางเอาเงินแล้วไม่ทำงาน ตอนนี้ยังเอาเงินมาคืนอีก คุณคิดจะล้อเล่นกับผมเหรอ?”

จางเห้อหมิงหน้าเปลี่ยนสี รีบอธิบาย“พี่เฉินครับ ผม ผมไม่ได้จงใจล้อคุณเล่นนะครับ ผมเองก็ถูกบังคับครับ ลูกสาวเจ้านายผมมาสานงานต่อที่บริษัท ผมเลยต้องกลายเป็นรองประธาน เธอเป็นคนเปลี่ยนประกาศเองครับ”

เขาไม่กล้าปกปิดแม้แต่น้อย

ในสายตาของเขาเฉินเทียนหย่างก็คือผู้ที่มีผ้าคลุมลี้ลับปกคลุมอยู่ร่างกาย

เขาไม่รู้ว่าเฉินเทียนหย่างมีอำนาจเพียงใด แต่เขาไม่กล้าขัดใจเขาเป็นแน่

“ลูกสาวเจ้านายคุณ?”

ความโหดร้ายในดวงตาของเฉินเทียนหย่างยิ่งรุนแรงมากขึ้น“จุดนี้ผมคาดไม่ถึงเลย”

ให้อภัยแล้ว?

จางเห้อหมิงแน่นหน้าอก แอบโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ

จากนั้นก็มองไปยังที่นั่ง เขามาที่ห้องครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งเขาก็ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้นมาตลอดครึ่งชั่วโมง

“นั่งสิ”เฉินเทียนหย่างกล่าว

รอจางเห้อหมิงนั่งแล้ว เฉินเทียนหย่างถามต่อว่า“เจ้านายของคุณเป็นใครกันแน่?ลูกสาวเขามาก็ทำให้ประธานอย่างคุณขาดอำนาจไปเลย?”

“ผม ที่จริงผมก็เคยพบเจ้านายไม่กี่ครั้งเองครับ เขาทำธุรกิจใหญ่โต เขาอยากเก็บบริษัทวัสดุก่อสร้างไว้เป็นที่ระลึกถึงได้คงอยู่มาจนทุกวันนี้ เขาไม่ได้มาที่บริษัทเป็นประจำครับ”

จางเห้อหมิงยิ้มอย่างอึดอัด“กู้ชิงหยิ่งกับเฉินตงเป็นเพื่อนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ คาดหวังเพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้ จึงดื้อทำอย่างนี้ครับ”

เฉินเทียนหย่างยกคิ้ว“มีรูปถ่ายกู้ชิงหยิ่งไหม?”

จางเห้อหมิงหยุดชะงัก ลังเลไปสักพัก ก่อนที่ดวงตาจะหนักแน่นขึ้นมากะทันหัน“มีครับ”

พูดพลางล้วงมือถือออกมา จากนั้นก็หารูปถ่ายของกู้ชิงหยิ่งเจอ

ซึ่งเป็นรูปที่เขาแอบถ่ายตอนอยู่ที่บริษัท

เขาคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับกู้ชิงหยิ่ง ตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าเฉินเทียนหย่างก็น่าจะคิดอยากได้ตัวเธอเช่นกัน

สาเหตุที่เขาเลือกอย่างหลัง เพราะเขาอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดเฉินเทียนหย่าง

หากทำงานต่อที่ยิงลี่ มากสุดเขาก็ได้เป็นประธาน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เข้าร่วมงานวงการธุรกิจที่แท้จริงกับเจ้านาย

แต่การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่าง ทำให้เขามีความหวังเห็นหนทางที่เร็วกว่า

เมื่อเฉินเทียนหย่างเห็นรูปถ่ายกู้ชิงหยิ่งในมือถือ ถึงเขาจะเคยเห็นผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ก็อดตาสว่างวับไม่ได้ ถูกความสวยดึงดูดเข้าแล้ว

เฉินเทียนหย่างพูดอย่างไม่รีรอ“ช่วยผมนัดเจอเธอหน่อย”

หางตาจางเห้อหมิงกระตุกสองครั้ง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว พยักหน้า“ได้ครับผมจะพยายาม”

“ผมไม่ได้ให้คุณพยายามสุดความสามารถ แต่ต้องนัดให้ได้ต่างหาก!”

น้ำเสียงเฉินเทียนหย่างแน่วแน่ เอาบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาโยนใส่ตัวจางเห้อหมิง“เงินของผมออกไปแล้ว ไม่คุ้นที่ต้องรับคืนมา”

พูดจบ เขาก็สะบัดมือให้จางเห้อหมิงออกไป

หลังจากเดินออกจากโรงแรม จางเห้อหมิงถึงได้ดึงสติกลับคืนมา

เดิมทีเขาอยากจะอยู่ที่บริษัทใช้หลักการเก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน อยากมีช่วงเวลาดีๆกับกู้ชิงหยิ่งที่บริษัท

แต่ตอนนี้การตอบสนองของเฉินเทียนหย่างทำให้เขาจนปัญญา

ด้วยการมองคนของเขาที่มากประสบการณ์ ทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของเฉินเทียนหย่าง?

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางเห้อหมิงพูดเสียงต่ำ“ไม่อำมหิตเป็นเจ้าคนนายคนไม่ได้ กู้ชิงหยิ่งคุณอย่างโทษผมเลย!”

……

เช้าวันต่อมา

เมื่อกู้ชิงหยิ่งมาถึงบริษัท จางเห้อหมิงก็รีบเข้ามาหาที่ห้องทำงานส่วนตัวทันที

“ประธานกู้”

จางเห้อหมิงเรียกหนึ่งประโยค

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว“มีเรื่องอะไร?”

เธอรู้สึกไม่ดีกับจางเห้อหมิงเลย โดยเฉพาะตอนที่จางเห้อหมิงผิดสัญญาไปต่อต้านไท่ติ่ง จางเห้อหมิงก็เหลือเพียงความขยะแขยงในใจเธอแล้ว

“คือว่าตอนกลางคืนมีเวลาว่างไหมครับ?”

จางเห้อหมิงลูบมือ“ผมอยากเชิญคุณทานข้าวครับ ถือเป็นการขอโทษครับ”

“อืม รู้แล้ว ฉันรับการขอโทษจากคุณ”กู้ชิงหยิ่งพลิกเอกสาร น้ำเสียงเย็นเหยียบ“แต่ว่าอาหารคืนนี้ก็ไม่ต้องแล้ว”

จางเห้อหมิงรู้สึกร้อนใจ กำลังจะเปิดปากพูด

กู้ชิงหยิ่งยกมือสะบัด“คุณออกไปก่อน ฉันยังต้องดูข้อมูลที่ขายวัสดุให้กับไท่ติ่ง”

ประโยคเดียวทำให้จางเห้อหมิงไม่อาจพูดต่อได้ ได้แต่ถอยออกไปในห้องทำงานอย่างเงียบๆ

กลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของตน สีหน้าจางเห้อหมิงก็เคร่งขรึมขึ้นขีดสุด

เคาะนิ้วเบาๆที่โต๊ะ เกิดเสียง“ตงตง”

ผ่านไปสักพัก ดวงตาของเขาก็หรี่ขึ้นมา พูดอย่างโหดร้ายว่า“จะบีบผมจริงๆใช่ไหม?”

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงกำลังยุ่งอยู่กับงานก็ได้รับข้อความวีแชทจากกู้ชิงหยิ่ง

“คุณเฉิน กลางคืนมีเวลาว่างไหม?ไปทานข้าวด้วยกัน”

“ครับ”

เฉินตงตอบกะทัดรัดหนึ่งตัว เผยรอยยิ้มออกมา

กำลังจะวางมือถือลง วีแชทก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เห็นเจ้าของข้อความวีแชท เฉินตงขมวดคิ้วรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

หวางหนันหนันเป็นคนส่งข้อความมาหา

เนื้อหาง่ายมาก ฉันอยากคุยกับคุณ

เฉินตงไม่ได้แยแส เขาไม่มีอะไรจะคุยกับหวางหนันหนันแล้ว

ทุกอย่างจบลงแล้ว

มีความจำเป็นต้องอธิบายให้หวางหนันหนันเข้าใจเรื่องระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่งไหม?

ไม่รอให้เขาวางมือถือลง วีแชทก็มีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง

ข้อความที่หนึ่งมาจากหวางหนันหนัน

“ถ้าไม่คุยกับฉัน ฉันจะไปหาคุณที่บริษัท!”

เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้กำลังข่มขู่อยู่

แต่บ้านตระกูลหวางน่าจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของไท่ติ่งแล้ว

คำพูดของหวางหนันหนันนี้ เห็นได้ชัดว่ายังคิดว่าเขาเป็นรองประธานที่ไท่ติ่งอยู่ จะมาโวยวายให้เกิดความชุลมุนขึ้นที่บริษัท

ส่วนอีกข้อความมาจากหลินเสว่เอ๋อ

“คุณเฉินค่ะ คืนนี้มาทานข้าวที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”

เฉินตงนวดจมูกอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาหมุนไปมา

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา

จากนั้นก็ตอบข้อความวีแชทให้หวางหนันหนัน

“ได้สิ คืนนี้เจอกันที่ท่าเรือตู้หยู”

จากนั้นเขาก็ตอบข้อความของหลินเสว่เอ๋อต่อ

“ได้สิ แต่ไม่ไปที่บ้านคุณนะ ผมเชิญคุณไปที่ท่าเรือตู้หยู”

วางมือถือลง เฉินตงหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ท่าเรือตู้หยูถือเป็นร้านอาหารชั้นเยี่ยมร้านหนึ่ง ดูทิวทัศน์ยามราตรีข้างแม่น้ำ เป็นจุดนัดพบของหนุ่มสาวมากมาย

เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่สาวกับน้องสะใภ้คู่นี้เจอกันจะเป็นอย่างไร?

บทที่ 47 ท่าเดียวก็พอ

ใบหน้ากูหลังย่นยับ กระตุกหางตารอยแผลตะขาบหนึ่งครั้ง

เป็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจริงๆเหรอ?

ชั่วเวลาอันสั้นๆ การเปลี่ยนแปลงของเฉินตงในสายตาของเขา ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ทำให้กูหลังประหลาดใจเหลือเกิน

ท่ามกลางความมืดมิด คุนหลุนเบิกตากลมโต เต็มไปด้วยความตกตะลึง “ดี เร็วดี!”

เขาพาเฉินตงมาที่โรงยิมมวยใต้ดินบอกว่าให้เฉินตงเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้ในสนามจริง แต่ความจริงแล้วเพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจของเฉินตงต่างหาก

ประสบการณ์ต่อสู้ก็คือทักษะการต่อสู้ผสมผสานกับสภาพจิตใจที่หนักแน่นและสงบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถึงจะนำมาใช้ในสนามจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพราะเฉินตงทำฟิตเนสเป็นกิจวัตรประจำวัน บวกกับร่างกายมีคุณสมบัติมาแต่เกิด ฉะนั้นหลังคุนหลุนฝึกฝนเขาอย่างหนักหน่วงและทารุณมาหลายวัน ร่างกายจึงมีความพร้อมเต็มที่แล้ว

ขาดก็แต่สภาพจิตใจเท่านั้น

หากสภาพจิตใจของคนเราไม่ค่อยแข็งแกร่ง ถึงแม้จะมีร่างกายกำยำ แต่เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ก็จะเป็นอย่างเฉินตงตอนปะทะกับกูหลังใหม่ๆ มึนงงไร้ทิศทางคล้ายกับไม้แกะสลักรูปไก่ที่อยู่นิ่งให้คนอื่นทุบตี

สำหรับสภาพจิตใจของเฉินตงที่เปลี่ยนแปลง ทำให้คุนหลุนตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี

เขาคาดไม่ถึงว่าแค่ประลองฝีมือไม่นาน เฉินตงก็พัฒนาขึ้นมาเร็วขนาดนี้!

“สายตาของนายท่านแม่นยำเสมอมา”คุนหลุนพูดเองเอยเอง

บนอัฒจันทร์ผู้ชม บัดนี้ยังคงส่งเสียงร้องอยู่เหมือนเดิม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรงเหล็กใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น

อาจจะเป็นเพราะระยะห่าง ผู้ชมจึงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฉินตงเลย

“ฮู้……”

กูหลังหายใจออกแรงๆหนึ่งครับ นัยน์ตาประกายแวววาว“น่าสนใจแฮะ”

เพิ่งสิ้นเสียง กูหลังก็เกิดอารมณ์บ้าบิ่นขึ้นมาทันที

ร่างกายราวกับหมาป่า ความเร็วดั่งสายฟ้า

การเปลี่ยนแปลงของเฉินตงทำให้เขาจุกที่ลำคอ โดยไม่คิดจะเล่นอีกต่อไป อยากจะรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด

ใต้แสงไฟที่แรงเจิดจ้า

เฉินตงยืนขึ้นอย่างมั่นคงโดยไม่โซเซเลย ดวงตาใต้หน้ากากจับจ้องการเข้าโจมตีของกูหลังอยู่

สงบเข้าไป

ต้องสงบเข้าไว้

เขาปรับการหายใจของตัวเองตลอด

วิ้ว!

เสียงแหวกลมกลางอากาศดังขึ้นมา

กูหลังปล่อยหมัดมายังใบหน้าของเฉินตง

และในเวลานี้

เฉินตงเลิกคิ้ว รีบขยับเอวหมุนหน้าไปอีกทาง

วิ้ว!

ข้างหูมีเสียงลมพาดผ่าน

“หลบได้เหรอ?”

สีหน้ากูหลังเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน

แต่ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชนทำให้เขาปรับอารมณ์กลับมามั่นคงได้เหมือนเดิมในช่วงเวลาสั้นๆ เขาอยากใช้ประโยชน์จากแรงที่กระโจนเข้าใส่ โดยใช้ข้อศอกขวาตรงไปยังใบหน้าของเฉินตง และในเสี้ยววินาทีนั้นเขาจะหักข้อศอกแล้วโจมตีขมับของเฉินตงแรงๆ

นี่เป็นท่าไม้ตาย!

หากตรงเป้าเมื่อไหร่ กูหลังรับประกันได้เลยว่าเฉินตงไม่ตายก็ต้องพิการอย่างแน่นอน

ปัง!

เฉินตงยกมือซ้ายขึ้นบังข้อศอกของกูหลังด้วยความเร็วแสง

การจู่โจมที่ทรงพลัง ถึงแม้จะสามารถกดมือที่บังอยู่ของเขาจนโดนหัวในที่สุด แต่ก็สามารถลดแรงกระแทกที่อาจถึงตายได้ให้น้อยลงไปมาก

“หลบได้อีกแล้วเหรอ?”

ในใจกูหลังเกิดคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำขึ้นมา

เขาไม่เคยเห็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะปรับตัวได้เร็วหลังจากเข้ามาอยู่ในกรงเหล็กนี้แล้วเลย!

เพียงแต่ระยะเวลาตกตะลึงตาค้างเท่านั้น

เสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นข้างหูกะทันหัน

“ท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เฉินตงโค้งตัวลง ประดุจดั่งเสือที่รอคอยสถานการณ์เอื้ออำนวยอยู่เสียอย่างนั้น เขากำหมัดมือซ้าย ใช้แรงโน้มถ่วงจากการโค้งตัวของเอว

ปัง!

หมัดเดียวก็โดนรักแร้ด้านซ้ายของกูหลังเข้าอย่างจัง

“อา!”

กูหลังร้องอย่างอนาถ โดนชกจนลอยออกไปแล้วตกลงสู่พื้นทันที

ความเจ็บปวดมากมาย ความรู้สึกชาบริเวณรักแร้ที่คล้ายกับจะเป็นอัมพาตได้เลย ทำให้เขาหน้าซีดเผือดเกือบจะยืนขึ้นมาไม่ได้

สนามที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนร้องเชียร์ก็เงียบกริบทันควัน

บรรดาผู้ชมในความมืด ต่างเบิกตากลมโตมองดูภาพในกรงเหล็กที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

มีเพียงคุนหลุนที่อยู่ในความมืด หลังจากการตื่นตระหนกผ่านไปก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณชายออมมือให้ด้วยเหรอ?”

ทักษะการต่อสู้ก็คือทักษะที่ใช้ฆ่าคน นี่เป็นบทสรุปที่เขาได้รับในช่วงความเป็นความตาย

ความอยู่รอดภายในกรงเหล็กนั้นไม่ค่อยถูกคนเห็นความสำคัญเท่าไหร่นัก

ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ของเขา หมัดเมื่อสักครู่ของเฉินตงมีไม่ต่ำกว่าสิบวิธีที่สามารถทำให้กูหลังอย่างเขาต้องตายหรือไม่ก็พิการ

แต่เฉินตงกลับชกที่รักแร้ของกูหลัง

เช่นนี้จะทำให้อีกฝ่ายสูญเสียพลังการต่อสู้ไปชั่วคราว แต่ไม่ได้ทำร้ายจุดสำคัญของร่างกายเลย

ภายในกรงเหล็ก

เฉินตงเดินเข้าไปหากูหลัง

กูหลังลุกขึ้นยืนแล้ว ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้เขาสีหน้าซีดเซียว ส่วนมือซ้ายก็ห้อยลงไม่อาจยกขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นๆนี้

การปะทะครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

การต่อสู้ถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย มือข้างหนึ่งสูญเสียพลังการต่อสู้ จากนี้ก็ต้องเกิดการนองเลือดดั่งภูเขาหิมะระเบิดแน่นอน

“คุณแพ้แล้ว”

เฉินตงมองกูหลังอย่างสงบเงียบ

“คุณไม่ชกต่อ?”

กูหลังมึนไปหมด เขาทำใจเตรียมไปนอนอยู่คลองเลือดบนพื้นแล้ว

ต่อสู้ในกรงเหล็กมาหลายปี รู้ว่าที่นี่ก็เหมือนกับการประชันกันของเหล่าสัตว์ป่าที่ดุร้าย เขาเข้าใจกฎข้อนี้ดี

หยุดเมื่อเหมาะสมนั้นไม่เคยมีมาก่อนเลย

อย่างสภาพเขาในตอนนี้ หากเป็นคู่ต่อสู้อื่นก็ต้องอัดเขาอย่างไร้ปรานี เพื่อแสดงโชว์เลือดสดให้ผู้ชมสำราญใจ

สีหน้าเฉินตงเรียบเฉยโดยไม่พูดอะไร

กูหลังไม่เข้าใจ ผู้สวมหน้ากากตรงหน้าให้ความรู้สึกเขาที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

มีความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยุดเมื่อสู้กันจนเห็นผลแพ้ชนะ

ทำให้เขาก็ปริปากพูด“คุณสามารถชกผมต่อไปได้ คุณหักแขนผมทิ้งหนึ่งข้าง หรือกระทืบผมให้นอนอยู่บนกองเลือด อีกทั้งตีผมให้ตายก็ยังได้ เพราะอำนาจของโรงยิมชกมวยใต้ดินแห่งนี้ พวกเราสามารถคลี่คลายกับตำรวจได้ แล้วทำไมไม่ชกต่อล่ะ?”

“ผมแค่อยากหาประสบการณ์ต่อสู้ ทำไมต้องโหดร้ายอย่างนี้ด้วย?”เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม“ความรู้สึกชกมวยครั้งแรกไม่เลวเลยขอบคุณคุณมาก”

ขอบคุณ?

ครั้งแรก?

กูหลังตกตะลึง

มองนัยน์ตาผ่านหน้ากากเขาเหมือนจะเห็นแววตายิ้มของอีกฝ่ายได้

ผ่านไปเป็นเวลาเนิ่นนาน

กูหลังก้มหน้าลง“ขอบคุณคุณมาก”

เขารู้ดีว่าหากเฉินตงไม่รั้งมือก็จะเป็นดั่งที่เฉินตงพูด“ท่าเดียวก็เกินพอแล้ว”ซึ่งก็คือเขาจะต้องเจอจุดจบที่น่าสะพรึงกลัวเพียงหมัดเดียว

“ไปแล้ว”

เฉินตงโบกมือบอกให้กรรมการเปิดกรงเหล็กออก

เขามีประสบการณ์ต่อสู้ครั้งแรกแล้ว เขารู้ว่าควรใช้กระบวนท่าไหนต่อสู้

ต่อจากนี้ไป เขาเพียงแค่สั่งสมประสบการณ์ต่อสู้อย่างนี้ก็พอแล้ว

ส่วนตอนนี้ไม่ควรอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงันเช่นนี้

เพราะผู้ชมอย่างน้อยร้อยละเก้าสิบต้องเสียเงินจากการแทงพนัน

เขารีบไปจากที่นี่ เพื่อจะได้ให้ผู้ชมมีเวลาทำใจบ้าง

“คุณชื่ออะไร?”

ด้านหลังมีเสียงของกูหลังส่งมา

เฉินตงไม่ได้หยุดเดิน ยกมือซ้ายขึ้นโบกไปมา

กูหลังยืนอยู่กับที่ด้วยใบหน้าแปลกประหลาด สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา

ออกจากโรงยิมชกมวยอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

“คุนหลุน เมื่อกี้ผมสู้เป็นยังไงบ้าง?”เฉินตงถามความคิดเห็นของคุนหลุน

ดวงตาคุนหลุนเป็นประกายแวบหนึ่ง กล่าวว่า“ยัง ยังใช้ได้มั้ง”

เฉินตงพยักหน้า มือซ้ายลูบคางของตน“อืม ผมก็รู้สึกว่าการตอบสนองช้าไป ตอนเริ่มแรกปรับอารมณ์ไม่ทันถูกกูหลังชกไปสองครั้งถ้าไม่ใช่เขาประมาทเลินเล่อ ผมไม่มีโอกาสเอาคืนเลย”

คุนหลุนมองทิวทัศน์ยามค่ำผ่านกระจกรถ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี

คุณชาย……ตั้งใจเกินไปไม่ดีนะ

บทที่ 46 ลองมาอีกครั้งสิ

“ผมไป?”

เฉินตงหายใจติดขัด มองไปยังกรงเหล็กที่น่าอนาถอย่างเคร่งเครียด

ถึงแม้เขาเร่งอยากจะชนะเฉินเทียนหย่างมาก และให้คุนหลุนฝึกซ้อมเขาอย่างหนักและเหี้ยมโหด

แต่ให้เขาไปแข่งมวยใต้ดินจริงๆ หากเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวนั่นคือการตอแหลทั้งเพ

ด้านหลังมีเสียงของคุนหลุนดังขึ้น

“คุณชายครับ ทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงจะพัฒนาขึ้นจากการต่อสู้ในสนามจริงครับ หากคุณอยากประลองฝีมือกับเฉินเทียนหย่างภายในหนึ่งเดือน การฝึกฝนที่บ้าคลั่งก็ไม่เพียงพอครับ”

ระหว่างคิ้วของเฉินตงเลิกย่น สายตากลายเป็นแน่วแน่อย่างยิ่ง

แน่นอน เฉินเทียนหย่างฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญที่บ้านตระกูลเฉินมาตั้งแต่เด็ก

ถึงแม้เขาจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเฉินเทียนหย่างที่ผ่านการฝึกฝนอย่างมืออาชีพนั้นแกร่งกว่าเขามาก

ตั้งแต่เด็กเฉินเทียนหย่างได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี อีกทั้งเขาไม่สงสัยเลยว่าตระกูลเฉินต้องส่งคนให้ต่อสู้จริงกับเฉินเทียนหย่างแน่ๆ

ถ้าหากเขาเพียงพึงวิธีการฝึกซ้อมแบบเลือดเย็นอย่างหนัก อย่าว่าแต่ภายในหนึ่งเดือนเลย ถึงจะเป็นหนึ่งปีก็ไม่อาจเอาชนะเฉินเทียนหย่างได้

เรื่องบางเรื่อง ความแตกต่างราวฟ้ากับดิน หากรู้ว่าไม่อาจใช้ความพากเพียรพยายามเอาชนะได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้วิธีเลี่ยงอันตรายถึงจะมีโอกาส

“ได้!”

เฉินตงพูดอย่างหนักแน่นหนึ่งคำ

ภายในโรงยิมมวยใต้ดินมีเสียงดังก้องขึ้นอยู่นาน ตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว

การแข่งมวยใต้ดินเช่นนี้ หมัดสะเทือนเนื้อคือท่าที่ทำให้เลือดพุ่งออกมามากที่สุด ซึ่งอาจถึงชีวิตได้เลยทีเดียว

คล้ายกับโคลอสเซียม เมื่อเข้าสู่สนามแข่งสำหรับผู้ชม จะไม่มีคำว่าชีวิต มีเหลือแต่คราบเลือดและการทารุณที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจเท่านั้น

แน่นอน สาเหตุที่ทำให้ได้รับความนิยมเป็นล้นพ้นเช่นนี้ เพราะโรงยิมมวยใต้ดินมีการพนันแพ้ชนะนั่นเอง

เมื่อประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมชิงชัยชนะในแต่ละครั้งก็จะเป็นเวลาในการพนันเลือกคนใหม่อีกครั้ง

ซึ่งการจ่ายค่าแทงนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นๆ

เมื่อหน้าจอใหญ่แสดงรายชื่อคู่ต่อสู้ยกต่อไป

จากเดิมที่กำลังเสียงดังลั่นในความมืดอยู่นั้นก็ได้กลับกลายเป็นสงบเงียบขึ้นมา

ทุกคนต่างมองหน้าจออิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

ตงvsกูหลัง

“ตง?”

เฉินตงมองชื่อของตัวเองก็อดขำไม่ได้ คุนหลุนตั้งชื่อให้เขาได้สะเพร่ามาก?

แต่เมื่อเห็นค่าแทงที่ประกาศออกมาขาก็หัวเราะไม่ออกกันเลยทีเดียว

จ่ายค่าแทงเขาคือ 1ต่อ 10!

จ่ายค่าแทง“กูหลัง”คือ 1 ต่อ 3!

ไม่เพียงเท่านี้ ด้านล่างรายชื่อของกูหลังมีรายงานประวัติการแข่งขันอันยาวเหยียบปรากฏอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือแข่งสิบนัด

ชนะแปดครั้ง เสมอหนึ่งครั้ง และแพ้หนึ่งครั้ง

ส่วนสำหรับพื้นที่ด้านล่างรายชื่อของเฉินตงนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

ความแตกต่างของการจ่ายค่าแทงและประวัติการแข่งขันก็เป็นที่ประจักษ์กันดีอยู่แล้วว่าเกือบไม่ต้องคาดเดาอะไรเลย

แม้กระทั่งเฉินตงที่เพิ่งมาโรงยิมมวยใต้ดินครั้งแรกยังดูออกเลย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชมที่อยู่ในวงการนี้มายาวนานแล้ว

เพล้ง!

เสียงฮือฮาดังขึ้นมา

“มือใหม่?มือใหม่จะลงสนามเหรอ?”

“ค่าแทง 1 ต่อ 10 ไม่ใช่มือใหม่แล้วจะเป็นอะไร?ไม่มีประวัติการแข่งขันก็ต้องปะทะกับกูหลังแล้ว มือใหม่คนนี้ตายชัวร์ๆ”

“ฮ่าๆๆ……เดี๋ยวได้ดูโชว์กูหลังฆ่าคนเป็นแน่ มือใหม่คนนี้ต้องถูกกูหลังฆ่าในกรงเหล็กแน่ๆ”

……

แก๊งๆ!

จากนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้องของระฆังขึ้นมา

การแทงพนันเริ่มต้นขึ้น

ไม่มีใครโง่ การต่อสู้ที่ไม่น่าตื่นเต้นครั้งนี้ ถึงแม้ผลตอบแทนเมื่อแทงกูหลังชนะแล้วจะได้น้อย แต่ก็ต้องชนะอย่างแน่นอน ผู้ที่แทงกูหลังชนะนั้นมีทั้งหมดร้อยละเก้าสิบ

ส่วนร้อยละสิบที่เหลือคือหวังจะเลี่ยงพนันสักครั้ง เพราะ 1 ต่อ 10 นั้นได้คุ้มมากเลย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนมือใหม่ก็เคยชนะมาก่อนเช่นกัน ถึงแม้จะน้อยมาก แต่ก็ยังมีอยู่จริง

“คุณชาย”

คุนหลุนยื่นหน้ากากสีขาวให้เฉินตง

เฉินตงพยักหน้ารับหน้ากากมาสวม

เขามาที่โรงยิมมวยใต้ดินก็เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อสู้จริง ซึ่งการไม่เปิดเผยตัวตนคือสิ่งที่ดีที่สุด

จากการประกาศของกรรมการนอกกรงเหล็ก

เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆ ภายใต้เสียงอึกทึกของผู้ชม เขาเดินเข้าไปในความมืดมิด บนหัวมีแสงสว่างของไฟ เดินเข้ามาจนอยู่ภายในกรงเหล็ก

จากนั้นกรรมการประกาศให้กูหลังลงสู่สนาม ทันใดนั้นทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงตะโกนที่ครึกครื้น

เฉินตงก็เห็นรูปร่างลีนคนหนึ่ง ผู้ชายเปลือยท่อนบนเผยกล้ามเนื้อสีบรอนซ์เป็นมัดๆค่อยๆเดินเข้ามาในกรงเหล็ก

หน้าตาที่แสนจะธรรมดา เกือบจะผอมแห้ง แต่ดวงตาคู่นั้นดุจหมาป่าดุร้าย ใต้หางตาข้างขวามีรอยแผลเป็นรูปตะขาบมาถึงบริเวณขมับ

เฉินตงกับกูหลังสบตากัน รู้สึกแข็งทื่อและขนแผ่นหลังตั้งขึ้นมา

หัวใจเต้นตึกตักเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

เสียงตะโกนของผู้ชม แสงไฟที่แสบตา ยังมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามของกูหลังที่แผ่ออกมา

ณ ขณะนี้ ความตื่นเต้นอันแรงกล้าทำให้เฉินตงรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย

นี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะสู้จริงๆกับคนอื่น อีกทั้งเมื่อสักครู่ก็เพิ่งเห็นการต่อสู้ที่นองเลือดอยู่หมาดๆ

เสียงนกหวีดดังขึ้น

กูหลังที่อยู่ตรงข้ามโค้งตัวคำนับ ราวกับกระสุนปืนพุ่งทะยานมาหาเฉินตง

ไม่มีคำพูดท้าทายใดๆ และไม่มีกิริยาที่ไร้ประโยชน์

ด้านในกรงเหล็กต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

การกระทำและคำพูดที่ไม่สำคัญสามารถตัดสินว่าใครจะมีเลือดท่วมตัวและกลิ้งไปนอนอยู่กับพื้นได้เลย

“คุณชาย……”

นอกกรงเหล็กที่มืดมน คุนหลุนเรียกอย่างเป็นห่วงหนึ่งประโยค

ด้วยประสบการณ์จากการเป็นทหารเลี่ยงตายมาหลายปี เขารู้ว่าด้านในกรงเหล็กเฉินตงเป็นรอง กูหลังเป็นต่ออย่างเห็นได้ชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น คุนหลุนสังเกตเห็นความตื่นเต้นอันแรงกล้าของเฉินตงได้

ปัง!

หมัดที่ไร้กระบวนท่าใดๆ

เฉินตงก็รู้สึกว่าบริเวณใบหน้ามีค้อนมหึมาทุบลงมา เกิดเสียงน่าอนาถ ในสมองเกิดเสียงวงๆๆ จากนั้นก็ล้มมาอยู่กับพื้น

เลือดสดไหลออกมาจากลำคออย่างระงับไม่ได้

ไม่รอให้เขาตอบสนอง สายตาเลือนรางก็เห็นเท้าของกูหลังกำลังถีบมาทางใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว

เฉินตงเอาสองมือไปบดบังใบหน้าด้วยสัญชาตญาณ

ปัง!

เสียงแตกระเบิดดังขึ้น เฉินตงเดินสะเปะสะปะไปข้างหลังแล้วชนเข้ากับกรงเหล็กด้านบน

การจู่โจมที่ทรงพลังทำให้เขากระอักเลือดออกมาหนึ่งครั้ง หยดเลือดแปดเปื้อนบนหน้ากากขาว

กรีด!

คราบเลือดสดกระตุ้นให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจจนต้องตะโกนร้องออกมาเสียงดัง

“ผมประเมินคุณสูงไปแล้ว”

เวลานี้กูหลังผู้เป็นต่อไม่ได้รีบร้อนจู่โจมต่อ เขาสามารถดูความสามารถของเฉินตงออกจากการปะทะในเวลาอันสั้น

คนตรงหน้าอ่อนหัดยังเป็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอยู่เลย!

หรืออาจเคยประลองฝีมือกับคนจริงๆเป็นครั้งแรก

ไม่เช่นนั้นการตอบสนองที่ทึ่มราวกับไม้แกะสลักรูปไก่ ช่างยากต่อการเข้าใจเหลือเกิน

ยิ้มอย่างเหยียดหยาม“คุณมาชกมวยหรือมาให้ผมชกกันแน่”

เฉินตงเช็ดคราบเลือดที่ปาก เขาถูกกูหลังชกจนหน้าครึ่งซีกบวมช้ำไปหมด

และเมื่อกี้ใช้สองมือบังเท้าของกูหลัง เวลานี้ปวดราวกับกระดูกแตกร้าวยังไงอย่างนั้น

เขากัดฟันแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดสุดกำลัง จ้องเขม็งกูหลังที่อยู่ตรงหน้า

กูหลังหยอกล้อ เขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง

หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องถูกตีจนตายอยู่ในกรงเหล็กแห่งนี้แน่ๆ

หรือมีคุนหลุนอยู่ เขาคงไม่ถูกตีจนตาย แต่จุดจบต้องน่าอนาถมากๆเลยทีเดียว

ซึ่งไม่ใช่ผลที่เขาอยากได้

ทันใดนั้นเขานึกถึงคำพูดของคุนหลุนหนึ่งประโยค

“สงบนิ่ง!ต้องสงบนิ่งถึงขีดสุด!มีเพียงความสงบถึงจะสามารถพบจุดบกพร่องของศัตรูได้ โจมตีครั้งเดียวก็เอาให้ถึงตายไปเลย

ซึ่งทักษะการต่อสู้ก็มีเทคนิคสำหรับฆ่าคนได้ด้วย ใช้ท่าไม้ตายท่าเดียวในความเงียบสงบก็เพียงพอแล้ว!”

“ฮู๊ว……”

หายใจออกแรงๆหนึ่งเฮือก เฉินตงค่อยๆหลับตาลง

“หืม?”

กูหลังจอมขี้แหย่รู้สึกสงสัยขึ้นมา

ภายใต้ความมืดมน คุนหลุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

หลังจากหลับตาลง เฉินตงพยายามปรับการหายใจ เพื่อใช้การหายใจให้อารมณ์ของตนเป็นปกติ

ไม่นาน เขาก็ไม่รู้สึกว่าที่นี่เสียงดังหนวกหูและไม่รู้สึกแสบตาไฟบนหัวอีกต่อไป

ทุกอย่างสงบเงียบลง เขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

จากใบหน้าที่ว้าวุ่นและเคร่งเครียดเล็กน้อย บัดนี้หนักแน่น สงบและลึกล้ำเป็นอย่างมาก เขาอยู่ใต้หน้ากากสีขาว แต่ยังสามารถชวนให้กระวนกระวายขึ้นมาได้

เฉินตงยิ้มบางๆ“ลองมาอีกครั้งสิ”

บทที่ 45 ความอัปยศอดสู

เฉินตงกลับมาถึงห้องเช่าอย่างหดหู่ใจ

สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลลี่จิงทำให้เขากระสับกระส่ายยากจะวางใจ

การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่างไม่ใช่บังเอิญอย่างเด็ดขาด

สิ่งที่เขาวิตกกังวลก่อนหน้านี้ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

แต่เขาไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเด็ดขาด

“คุณชายเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”คุนหลุนถามเฉินตงด้วยความสงสัย

เฉินตงมองดูเวลาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“คุนหลุนตอนนี้ออกไปช่วยผมฝึกฝนร่างกายหน่อย”

คุนหลุนขมวดคิ้ว“คุณชายครับ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณก็ทำงานมาทั้งวันร่างกายคงรับไม่ไหวนะครับ?”

เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเฉินตงถึงเป็นเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่

“คุนหลุนที่นายเคยฝึกผมทุกวันยามเช้า ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จะชนะเฉินเทียนหย่าง?”เฉินตงถาม

คุนหลุนครุ่นคิดชั่วครู่“อย่างน้อยหนึ่งปี”

ตอนนี้เขาจัดตารางฝึกซ้อมให้เฉินตงฝึกทุกเช้า ซึ่งถือว่าถึงขีดสุดของร่างกายในการฝึกฝนแล้ว

แต่เฉินเทียนหย่างผ่านการฝึกฝนอย่างเคร่งครัดจากบ้านตระกูลเฉินมาก่อน สามารถทำให้เฉินตงสู้กับเฉินเทียนหย่างได้ภายในหนึ่งปี

มันเป็นเวลาที่เขาคาดการณ์เร็วที่สุดแล้ว

“แล้วถ้าผมอยากให้ภายในเวลาหนึ่งเดือน สามารถสู้กับเฉินเทียนหย่างได้อย่างไม่เป็นรองเขาล่ะ?”น้ำเสียงของเฉินตงแน่วแน่มากๆ

“คุณชาย……”คุนหลุนเข้าใจว่าทำไมเฉินตงถึงเป็นแบบนี้แล้ว

ความดุดันทะลักออกมาจากนัยน์ตาของเฉินตง“ภายในหนึ่งเดือนนะ ผมไม่สนว่าคุณจะฝึกผมยังไง ถึงแม้จะเพิ่มการฝึกเป็นสิบเท่าร้อยเท่า แต่หลังจากหนึ่งเดือนผมก็ต้องอัดเฉินเทียนหย่างให้คลานลงกับพื้น!”

น้ำเสียงหนักหน่วง ชวนให้คุนหลุนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

……

วันรุ่งขึ้น

บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ก็เกิดเสียงโต้เถียงอย่างอึกทึกขึ้นในยามเช้า

ด้านในห้องทำงานส่วนตัวของประธาน

จางเห้อหมิงโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชี้ไปยังคอมพิวเตอร์ที่กำลังปรากฏเว็บไซต์ของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อย่างโมโห “ประธานกู้ คุณบ้าแล้วเหรอ?แอบเปลี่ยนประกาศต่อต้านไท่ติ่งมาเป็นการสนับสนุนแทน คุณรู้ไหมว่าจะมีผลกระทบที่รุนแรงขนาดไหน?”

“รู้”กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมย

“แล้วเปลี่ยนทำไมอีก?คุณอยากให้ผมรายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายใหญ่ทราบเหรอ?”จางเห้อหมิงขู่ขึ้นมา

ทันใดนั้นหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งเคลือบความเย็นยะเยือกขึ้นมา เธอจ้องเขม็งจางเห้อหมิง “รายงานได้ นอกเสียจากคุณอยากเก็บกระเป๋าออกจากงาน!”

“คิก……”จางเห้อหมิงโกรธจนหัวเราะออกมา

แต่คำพูดประโยคหลังของกู้ชิงหยิ่งทำให้เขายิ้มแข็งค้าง

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆพูดอย่างสงบนิ่งว่า“นอกเสียจากอยากให้คุณพ่อฉันรู้ว่าคุณแอบเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง!”

“คุณพูดซี้ซั้ว ผมอุทิศตนทำงานเพื่อยิงลี่ ประธานกู้ถึงคุณจะเป็นคุณหนูใหญ่ก็ไม่ควรใส่ร้ายกันอย่างนี้นะครับ”จางเห้อหมิงรู้สึกว้าวุ่นอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาเล็กน้อย

กู้ชิงหยิ่งยิ่งสงบเงียบ หน้าสวยประดับรอยยิ้มขึ้นมา“ไม่ใช่สิ ไม่น่าจะเป็นแค่เก็บกระเป๋าออกจากบริษัทนะ น่าจะต้องเข้าคุกด้วย?”

จางเห้อหมิงหน้าแดงไม่อาจพูดอะไรได้

จากนั้น

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆลุกขึ้นยืน สองมือวางไว้ที่โต๊ะ พูดด้วยท่าทางดุร้าย“เรื่องพวกนี้ของคุณ หากตรวจสอบขึ้นมาก็มีโทษทางกฎหมายนะ

คิดว่าฉันเป็นทายาทหน้าโง่อย่างนั้นเหรอ?”

“ฉันไม่เพียงแต่เปลี่ยนประกาศเท่านั้น ตอนนี้ฉันยังแจ้งบอกคุณให้ไปร่างสัญญาของไท่ติ่งใหม่แล้วดำเนินการตามเงื่อนไข!”

“ฟังให้ดี นี่คือการแจ้งบอก ไม่ใช่เจรจา!”

บรรยากาศกดดัน ไม่อาจโต้แย้งได้

ถึงจะเป็นจางเห้อหมิง ตอนนี้ราศีก็ถดถอยเป็นอย่างมาก

ลังเลได้สักพัก จางเห้อหมิงก้มหน้าพูดเสียงเบาว่า“ได้ครับ”

พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป

กู้ชิงหยิ่งกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ยิ้มอย่างลำพองใจ“มีฉันกับโจวเย่นชิวช่วยเหลือ คนบ้างานในไท่ติ่งก็คลายกังวลได้แล้ว คนบ้างานอยากจะเซอร์ไพรส์ฉัน หากถึงวันนั้นเขารู้ว่าฉันเป็นประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้างไหมนะ?”

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

งานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนอย่างราบรื่น

ทำให้เฉินตงคาดไม่ถึงว่า จากเดิมบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่กลับคำ ตอนนี้รับปากจะขายให้กับไท่ติ่งใหม่อีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ อีกทั้งยังเซ็นสัญญาใหม่อีกครั้งด้วย

สำหรับเรื่องนี้ เฉินตงรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

วงการธุรกิจไม่มีศัตรูที่แน่นอน มีแต่ผลกำไรที่ยั่งยืน

ในเมื่อยิงลี่ให้การสนับสนุน เขาก็ต้องตอบรับด้วยความยินดีอยู่แล้ว

แน่นอนมีบทเรียนจากครั้งก่อน เขาไม่ได้ละทิ้งบริษัทวัสดุก่อสร้างที่โจวเย่นชิวช่วยหาให้

ถึงแม้หนึ่งในสามบริษัทที่เขาเลือกออกมายังคงเสนอราคาสูงกว่าท้องตลาดก็ตาม

แต่มีสองบริษัทคอยขายวัสดุก่อสร้างให้โอกาสเลี่ยงก็น้อยลงไปมาก

และที่สำคัญ ด้วยผลกำไรจากโครงการแปลงโฉมย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เขาไม่ใส่ใจกับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นบางส่วนเลย

จากที่มีวัสดุก่อสร้างส่งเข้ามา จึงได้ดำเนินโครงการต่อไป

เรื่องนี้ทำให้เกิดคลื่นเล็กๆขึ้นในเมือง

บริษัทวัสดุก่อสร้างที่ร่วมมือกันต่อต้านไท่ติ่งต่างจ๋อยไปตามๆกัน

ผู้ที่สะทกสะท้านจนคลั่งที่สุดก็คือเฉินเทียนหย่างนั่นเอง

ปัง!

ภายในห้องวีไอพีที่โรงแรมไท่ซาน เฉินเทียนหย่างชกแจกันดอกไม้จนแตก

โทรทัศน์กำลังเสนอข่าวภาคค่ำในเนื้อหาโครงการแปลงโฉมที่เมืองตะวันตกอยู่

“สมควรตาย!สมควรตายจริงๆ!”

ดวงตาขุ่นเคืองใจของเฉินเทียนหย่างเบิกกว้าง มือซ้ายถูกเศษแจกันบาดจนเป็นแผล เลือดสดไหลรินลงมา แต่เขากลับไม่ใส่ใจเลย “เฉินตง ไอ้ลูกสวะ มึงถึงกับได้รับการช่วยเหลือจากโจวเย่นชิวเลยเหรอ ไอ้เฮียโจวเย่นชิว หากไม่เห็นแต่หน้าตระกูลเฉินของพวกกู

เขาคงไม่ช่วยไอ้สวะนี้แน่ๆ!”

เขาคาดไม่ถึงเลยว่ายังมีโจวเย่นชิวอยู่อีกคน

เดิมทีคิดว่าออกเงินเล็กน้อยก็จะทำให้เฉินตงฉิบหายอย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะมาไม้นี้

ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินเทียนหย่างได้รับการศึกษาระดับพรีเมี่ยม

ตอนนี้กลับถูกคนที่เขาคิดว่าเป็น“ลูกสวะ”อย่างเฉินตงเอาชนะไปได้ สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!

ความอัปยศอดสู!

และในเวลาที่เฉินเทียนหย่างกำลังบันดาลโทสะอยู่นั้น

คุนหลุนได้พาเฉินตงมายังโรงยิมมวยใต้ดินของเมืองนี้

ภายในสนามมืดครึ้ม กลางเวทีแข่งขันมีไฟเปิดให้สว่างไสวและยังเต็มไปด้วยเสียงตะโกนเชียร์ที่หนวกหูมากมาย

ภาพพวกนี้ทำให้เฉินตงช็อกมาก

และกลางเวทีแข่งขันมีกรงเหล็กอยู่ ด้านในมีการสู้อย่างโหดเหี้ยมแบบเอาเป็นเอาตายกันอยู่

“คุนหลุนนายหาที่แบบนี้ได้ยังไง?”เฉินตงมองคุนหลุนอย่างประหลาดใจ

พูดตามความจริงหากไม่ใช่เพราะคุนหลุนพามา

วิถีการใช้ชีวิตของเขาคงไม่มีทางมีที่แบบนี้ได้หรอก

ร่างกายคุนหลุนมั่นคงไม่กระดุกกระดิกราวกับเป็นหอคอยเหล็กที่ตั้งตระหง่านไว้ก็ไม่ปาน อยู่ในที่อันมืดครึ้มเช่นนี้ทำให้รู้สึกถูกกดขี่อย่างไม่รู้ตัว

เขายิ้มบางๆ“คุณชาย ถึงแม้ผมจะเดินอยู่ในที่มืดอย่างนี้ แต่คุนหลุนอย่างผมก็ไม่ได้ชื่นชอบหรอก”

“แล้วนายพาผมมาทำไม?”เฉินตงไม่เข้าใจจุดประสงค์

ปัง!

สิ้นเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดก็ได้จบลง

หนึ่งในนั้นถูกคู่ต่อสู้ชกจนลอยไปชนกับกรงเหล็ก ใบหน้าแนบติดกรงเหล็กแล้วค่อยๆทรุดตัวลงมาอยู่กับพื้น โดยไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง

โครม!

ทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง

เฉินตงมองจนตาแข็งทื่อ

ทันใดนั้น

คุนหลุนผลักเฉินตงจากด้านหลังหนึ่งครั้ง“คุณชาย คุณแข่งยกต่อไป!”

บทที่ 44 ข่มขู่

เลื่อนตำแหน่งแล้วเหรอ?

ดวงตากู้ชิงหยิ่งแวววาว จากนั้นบ่นขึ้นมาเล็กน้อย

เฉินตงนี่นะเลื่อนตำแหน่งก็ไม่บอกสักคำ

พยักหน้า กู้ชิงหยิ่งเอ่ยว่า“ถ้าขอพบประธานเฉินค่ะ”

ตอนที่เธอดูข้อมูลของไท่ติ่ง รู้ว่าไท่ติ่งเป็นเพียงหนึ่งในบริษัทเล็กๆของเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น

เฉินตงเลื่อนตำแหน่งมาเป็นประธานไท่ติ่ง แต่ก็ยังคงต้องเชื่อคำสั่งจากเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังอยู่ดี ฉะนั้นเธอต้องช่วยเฉินตงอธิบาย

“ขออภัยค่ะคุณผู้หญิง ประธานเฉินของพวกเราไม่อยู่ในบริษัทค่ะ”พนักงานเคาน์เตอร์เอ่ยด้วยความขอโทษ

หัวใจกู้ชิงหยิ่งเต้นตึกรัก หรือว่าจะถูกเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังเรียกตัวไปพบ?

โครงการแปลงโฉมย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองถือเป็นการออกไข่ทองเชียวนะ ตอนนี้ไท่ติ่งถูกบริษัทค้าขายวัสดุก่อสร้างต่อต้านเช่นนี้ เฉินตงผู้เป็นประธานของบริษัทจึงยากที่จะบอกปัดความรับผิดชอบได้

นึกมาถึงตรงนี้ ใบหน้ากู้ชิงหยิ่งก็ซีดขาวขึ้นมาทันควัน

เธออยากจะช่วยเฉินตง แต่คาดไม่ถึงว่าเพิ่งกลับเข้าประเทศมา ผลงานเรื่องแรกจะเป็นเช่นนี้

หากไม่ใช่เป็นเพราะจางเห้อหมิงแอบตัดสินแทนลับหลังเช่นนี้ เรื่องนี้ก็คงไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้!

ติ๊ง!

ลิฟต์ด้านหลังดังขึ้น

เฉินตงเดินเข้ามาเห็นว่ากู้ชิงหยิ่งอยู่ที่นี่ จึงรู้สึกประหลาดใจ“เสี่ยวหยิ่ง ทำไมถึงมาที่บริษัทล่ะ?”

เวลาเดียวกันเขามองพนักงานเคาน์เตอร์ด้วยความเบื่อหน่าย ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งน่าจะรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของไท่ติ่งแล้วสินะ

เดิมทียังคิดว่าให้ผ่านไปสักพักหนึ่งก่อน แล้วจะเซอร์ไพรส์ให้เธอ ตอนนี้เห็นทีปิดเธอไม่ได้อีกแล้ว

กู้ชิงหยิ่งเงยหน้ามองเฉินตง รีบเข้าไปต้อนรับ พลางพูดด้วยความเป็นห่วงว่า“ฉัน ฉันกำลังจะมาอธิบายกับคุณ บริษัทพวกคุณถูกผู้ค้าวัสดุก่อสร้างต่อต้านแล้วใช่ไหม?”

“คุณรู้ได้ยังไง?”เฉินตงรู้สึกประหลาดใจ

“ฉันรู้อยู่แล้ว!”

นัยน์ตาคู่งามของกู้ชิงหยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ ดึงเฉินตงมาด้านข้างอย่างกังวลใจ พูดเสียงเบาว่า “คุณถูกเจ้านายเรียกตัวไปด่ามาใช่ไหม?”

เจ้านาย?

เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งอย่างประหลาดใจ เธอยังไม่รู้เหรอ?

เห็นเฉินตงหยุดชะงัก กู้ชิงหยิ่งร้อนใจเป็นที่สุด“คุณเลื่อนตำแหน่งจากรองประธานเป็นประธาน คือผู้ดูแลไท่ติ่ง เกิดเรื่องใหญ่กับโครงการก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเช่นนี้ เจ้านายไท่ติ่งคงต้องโมโหใส่คุณใช่ไหม”

ฮ่าๆๆ!

ทันใดนั้นเฉินตงก็หัวเราะออกมา

การตอบสนองของกู้ชิงหยิ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าไท่ติ่งเป็นของใครเลย

ที่แท้เข้าใจผิดแล้ว

เมื่อครุ่นคิดจนละเอียด เฉินตงก็เข้าใจได้แล้ว

กู้ชิงหยิ่งรู้ชาติกำเนิดและฐานะของตนดี หากไม่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา เขาก็ไม่อาจเป็นเจ้าของไท่ติ่งได้เลย

ส่วนความคิดของกู้ชิงหยิ่งคือ การคาดเดาปกติเมื่อรู้สถานะของเขาก่อนหน้านี้

“คุณยังมีอารมณ์หัวเราะอีก?”กู้ชิงหยิ่งทำตาขาวใส่เฉินตง

“ไม่เป็นไร คลายปัญหาได้แล้ว”เฉินตงโบกมือ

ในเมื่อกู้ชิงหยิ่งยังไม่รู้ความจริง เขาจึงคิดจะปกปิดต่อไป รอให้ย้ายเข้าวิลล่าเขาเทียนซานก่อน แล้วค่อยบอกกู้ชิงหยิ่ง เพื่อเซอร์ไพรส์ให้เธอจะดีกว่า

“อะไรนะ?แก้ไขได้แล้ว?”

ใบหน้ากู้ชิงหยิ่งเผยความตกตะลึงขึ้นมา บริษัทค้าขายวัสดุก่อสร้างต่างร่วมมือกับทั้งเมือง เพื่อต่อต้านไท่ติ่ง เป็นไปได้ยังไงที่เฉินตงสามารถคลี่คลายปัญหาในเวลาอันสั้นนี้?

ถึงแม้ไปหาวัสดุมาจากที่อื่นก็ไม่ใช่จะจัดการได้ในเวลาครึ่งวันอย่างนี้นี่นา

หรือ……เขากลัวฉันจะเป็นห่วง จึงปลอบใจฉัน?

ทันใดนั้นกู้ชิงหยิ่งเข้าใจเสียที ใบหน้าของเธอมองเฉินตงอย่างจริงจัง พูดอย่างตั้งใจกับเขาว่า “เฉินตง ฉันไม่อนุญาตให้คุณปิดบังฉันนะ คุณวางใจได้ ฉันจะหาวิธีช่วยเหลือคุณแน่นอน”

เฉินตงขำกับท่าทีตั้งอกตั้งใจของกู้ชิงหยิ่ง ยักไหล่ พลางเอ่ยว่า“จัดการได้แล้วจริงๆ ผมมีเบื้องบนคอยช่วยเหลือ”

ท่ามกลางความแปลกใจของกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงพูดเสียงเบาว่า“คุณรู้จักโจวเย่นชิวไหม?”

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วมีอารมณ์ตกตะลึงปนสงสัยสลับกันไป

ไปต่างประเทศมาสามปี ทำให้เธอไม่รู้เรื่องของบ้านเมืองเลย และตอนที่ไปต่างประเทศก็เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี ยังไม่มีประสบการณ์อะไร ดังนั้นเธอไม่รู้จักคนที่ชื่อโจวเย่นชิวเลย

“เฉินตง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร คุณต้องบอกฉันนะ เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดต่อคน”

กู้ชิงหยิ่งทิ้งประโยคพิสดารไว้หนึ่งประโยค จากนั้นก็ก้มหน้าจากไป

ในเมื่อเฉินตงแก้ไขปัญหาได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นเธอก็ควรกลับเข้าบริษัทหาวิธีจัดการจางเห้อหมิงจะดีกว่า

มองแผ่นหลังของกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงก็นวดจมูกขึ้นมา“ทำไมยัยนี้ถือผิดต่อผมกันนะ?”

ส่ายหัว เฉินตงหันหลังเดินเข้าบริษัท

เห็นบรรดาพนักงานส่งแววตาตั้งความหวังมา เฉินตงยิ้มหวาน“แก้ไขได้แล้ว”

เย้!

ดีใจกันยกใหญ่

พนักงานทุกคนต่างรู้สึกร่าเริงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

“พี่ตงเก่งมาก ฉันรู้ว่าพี่ตงแก้ไขปัญหาได้อยู่แล้ว”

“ติดตามพี่ตงแล้วรู้สึกปลอดภัยมาก ตอนนี้ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจแล้ว”

“ไปทำงานกันเถอะ ทุกคนเริ่มทำงานกัน เร็วๆๆ พี่ตงเก่งอย่างนี้พวกเราจะอู้งานไม่ได้นะ”

……

เห็นห้องทำงานคึกคัก เฉินตงก็หัวเราะขึ้นมา เข้าไปห้องทำงานส่วนตัวแล้วเริ่มยุ่งงานต่อ

พอร์เชอ911เปล่งเสียงดั่งสัตว์ร้ายขับเข้ามายังลานจอดรถของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

กู้ชิงหยิ่งกลับเข้าห้องทำงาน ไม่ได้รีบร้อนจัดการจางเห้อหมิงทันที

เรื่องนี้ทำให้เธอลำบากใจมาก

คุณพ่อเลือกจางเห้อหมิงให้มาเป็นประธานบริษัทวัสดุยิงลี่กับมือ ถึงแม้เธอมาบริหาร แต่จางเห้อหมิงก็มีบารมีมากในบริษัทอยู่ดี

เธอไม่ได้บอกสาเหตุที่กลับมาประเทศให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ หากบีบคั้นจางเห้อหมิงมากเกินไป เรื่องก็จะแดงไปถึงทางคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเช่นนั้นเธอก็ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป

เธอไม่มั่นใจว่าตอนนี้เฉินตงจะเป็นที่ชื่นชอบคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า ถึงแม้ในใจของเธอเฉินตงนั้นดีเลิศมากแล้ว แต่เธอไม่อาจคาดเดาความคิดของคุณพ่อคุณแม่ได้เลย

ดังนั้นเธอจึงแอบกลับมาโดยอยากใช้ความสามารถของตน เพื่อให้เฉินตงยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ยอดเยี่ยมถึงขั้นทำให้คุณพ่อคุณแม่ยอมรับในตัวเขาได้

เป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้เธอระแวงหน้าระแวงหลังไปหมด เข้าทำนองที่ว่า หยิกเนื้อก็กลัวเจ็บเล็ก ปวดหัวกับการหาวิธีจัดการจางเห้อหมิงเหลือเกิน

ลังเลได้สักพัก กู้ชิงหยิ่งเก็บความคิดนี้ลงไปชั่วครู่ จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์พิมพ์ชื่อโจวเย่นชิวค้นหาข้อมูล

หากเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้จริงๆก็น่าจะค้นเจอข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้

หลังจากกู้ชิงหยิ่งเห็นข้อมูลของโจวเย่นชิวทางอินเทอร์เน็ตก็ต้องตกตะลึงตาค้าง

โจวเย่นชิวคือเจ้าของกิจการไท่ติ่งเหรอ?

เมื่อดูข้อมูลของโจวเย่นชิวอย่างละเอียดแล้ว เธอจึงกระจ่างขึ้นมา “มิน่าล่ะไอ้คนบ้างานยังมีสีหน้าเรียบเฉย ที่เจ้าของกิจการแซ่โจวผู้นี้มีอำนาจในเมืองนี้มาก หากคิดจะฟื้นฟูไท่ติ่งแค่เพียงเอ่ยปากสักหนึ่งประโยคก็ได้แล้ว?”

ปิดคอมพิวเตอร์เสร็จ ความกังวลใจของกู้ชิงหยิ่งก็มลายหายไป

เธอกรอกนัยน์ตา จู่ๆก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เปิดเว็บไซต์ของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ขึ้นมา

……

หลังเลิกงานตอนกลางคืน เฉินตงไปเยี่ยมเยียนคุณแม่ที่โรงพยาบาล

เมื่อเขาเดินออกมาที่ประตูโรงพยาบาลลี่จิงก็มีเงาร่างหนึ่งขวางทางเขาไว้

“ที่แท้ แม่ของคุณก็พักอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้นี่เอง?”

เสียงหัวเราะเย็นเชิงตลกดุจเข็มทิ่มหู

สีหน้าเฉินตงเย็นยะเยือกกะทันหัน อารมณ์ขุ่นเคือง

“เฉินเทียนหย่าง หมายความว่ายังไง?”

มองรอยยิ้มชั่วร้ายของเฉินเทียนหย่าง เฉินตงรู้สึกจุกอยู่บริเวณลำคอ เวลาเดียวกันก็รู้สึกกระวนกระวายใจ

ตอนเจอหน้าเฉินเทียนหย่างครั้งก่อน หากคุนหลุนไม่มา คาดว่าเฉินเทียนหย่างคงคิดจะฆ่าฟันเป็นแน่

สำหรับความคิดอย่างเฉินเทียนหย่าง ชีวิตคนก็ไม่ต่างไปจากมดเลย

“คิกคิก……”

เฉินเทียนหย่างหัวเราะเสียงเย็น“แม่นายไม่ใช่ควรจะตายแล้วเหรอ?”

ประโยคเดียวราวกับคมมีดเสียบอยู่กลางหัวใจของเฉินตงแรงๆ

คุณแม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ส่วนเขาได้ฟังคำพูดของเฉินเทียนหย่างก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความข่มขู่ที่แฝงอยู่

วินาทีต่อมา

เฉินตงเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อของเฉินเทียนหย่างไว้“มึงกล้าลงมือกับแม่กู แม่ง กูจะสู้กับมึงสุดชีวิตเลย!”

ปัง!

เฉินเทียนหย่างปัดมือของเฉินตงออก ยิ้มอย่างดูแคลน“นายมีคุณสมบัติมาสู้กับกูด้วยเหรอ?แม่ง สะสางเรื่องวัสดุก่อสร้างของไท่ติ่งให้ได้ก่อนเถอะ”

“ไอ้ลูกสวะอย่างมึง กูออกเงินนิดหน่อยก็ทำให้มึงไม่ได้ไปผุดไปเกิดชั่วนิรันดร์แล้ว”

บทที่ 43 ผู้ช่วยเหลือ

หลังจากเฉินตงออกจากบริษัท

เสี่ยวหม่าปรบมือก่อน“ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม?พี่ตงต้องสะสางได้แน่ๆ ครั้งก่อนพี่ตงบอกว่าโครงการเปลี่ยนโฉมเมืองทางตะวันตกไม่ขาดทุนแน่ ผลสุดท้ายทุกคนก็ย่อมรู้ดีใช่ไหม?ทุกคนต้องเชื่อมั่นในตัวพี่ตงนะ พวกเรารีบรวบรวมพลังทำงานกันเถอะ!”

ได้ยินดังนั้น เหล่าพนักงานที่กระวนกระวายใจก็เผยรอยยิ้มออกมา

หลังจากผ่านเรื่องเฉินตงกวาดซื้อไท่ติ่ง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเขตตะวันตกก็พุ่งขึ้นมา

พนักงานทุกคนจึงนับถือเฉินตงขึ้นขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

มีรถแท็กซี่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่

เฉินตงลงจากรถมองคฤหาสน์ตรงหน้า ก่อนจะมองคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

เขาจำได้ว่าคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งเขาเป็นคนซื้อไว้เอง

ยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง“เฉินเทียนหย่าง มังกรแกร่งไม่อาจกดขี่งูเจ้าถิ่นได้หรอก คุณคิดจะบ่งการทุกที่ แต่บางคนไม่ใช่คุณจะสั่งให้ทำตามได้!”

ตั้งแต่เรื่องที่คุนหลุนพูดเมื่อคนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเที่ยงวันนี้

เฉินตงทายได้คร่าวๆแล้วว่าเป็นเฉินเทียนหย่างล่อกัดอยู่ด้านหลัง

เขาไม่รู้เบื้องหลังของตระกูลเฉินว่าจะใหญ่เพียงใด

แต่สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในบัตรเอทีเอ็มลายดอกชงโค เศรษฐีในเมืองไม่อาจเทียบเทียมได้เลย

เฉินเทียนหย่างอยู่ในเมืองนี้ เพียงแค่กล้าใช้เงินก้อนใหญ่ก็เรื่องง่ายที่จะให้ธุรกิจด้านการค้าขายวัสดุก่อสร้างต่อต้านไท่ติ่งได้เลย

แต่เขาคิดว่าเฉินเทียนหย่างคงไม่อาจซื้อตัวเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ได้

จัดเสื้อสูทให้เป็นระเบียน เฉินตงก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป

เพราะได้โทรมานัดหมายไว้แล้ว ฉะนั้นพ่อบ้านในคฤหาสน์จึงไม่ได้ถามอะไร เมื่อเห็นเฉินตงก็เชิญเข้าห้องรับแขกด้วยความนอบน้อม

เพลงคลาสสิคอันไพเราะได้กระจายทั่วทั้งมุมห้อง

ทำให้คฤหาสน์สไตล์โบราณยิ่งครึกครื้นเก่าเดิม เพียงพอต่อการแสดงวิสัยทัศน์ทางวัฒนธรรมได้เลย

“นายท่านครับ คุณเฉินตงมาถึงแล้วครับ”

พ่อบ้านกล่าวอย่างนอบน้อมต่อผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา

ผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้า

ดวงตาที่อยู่ใต้แว่นตาสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ

ซึ่งก็คือโจวเย่นชิว

“ประธานโจว”เฉินตงเรียก

โจวเย่นชิวไม่มีทีท่าหยิ่งยโสเลย สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางลากเฉินตงมา“เฉินตงมานั่งสิ มาถึงที่นี่ก็ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ เมื่อก่อนผมก็คิดว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ และวันนี้คุณก็ประสบผลสำเร็จแล้ว ทำไมยังเกรงใจอยู่ล่ะ?”

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเรื่องของหลี่ต้าเป่ามาใส่ใจ

ใบหน้าเฉินตงประดับรอยยิ้มตามโจวเย่นชิวไปที่ห้องรับแขก แล้วนั่งลงที่โซฟา

แวบแรกที่ถูกต่อต้านเขาก็นึกถึงโจวเย่นชิวเป็นอันดับแรก

โจวเย่นชิวเป็นเศรษฐีประจำเมือง อำนาจและกลอุบายนั้นมีมากมาย

อีกทั้งโจวเย่นชิวก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารด้วยตัวเองอยู่หนึ่งแห่ง

แม้กระทั่งเฉินตงก็ไม่รู้ว่าโจวเย่นชิวมีอำนาจสูงใหญ่เท่าไหร่ จึงได้แต่เอาประสบการณ์ที่เคยพบเจออันน้อยนิดประดิษฐ์ประต่อเพื่ออ้างอิงในการคาดเดาเท่านั้น

เฉินเทียนหย่างคิดว่ากว้างซื้อวัสดุทั่วทั้งเมืองแล้วสามารถกดหัวงูเจ้าถิ่นอย่างเขาได้

แต่ทว่าเฉินเทียนหย่างไม่อาจกวาดซื้อโจวเย่นชิวผู้เป็นมังกรแกร่งประจำเมืองนี้ได้!

ถึงแม้ท่านหลงจะไม่อยู่แล้ว แต่บารมีที่ท่านหลงมีต่อโจวเย่นชิวนั้นยังไม่จางหายไปไหน

ใช้อำนาจผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือตน เฉินตงก็รู้จักใช้เป็นอย่างดี!

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนให้หลี่ต้าเป่าเลี้ยงข้าวของขมา เขาก็ไว้หน้าโจวเย่นชิวไม่ได้ทำเกินเลยอะไร อันนี้ชาผู่เอ๋อชั้นดีที่ผมไหว้วางเพื่อนให้ซื้อมา ชาก้อนหนึ่งราคาห้าแสน รสชาติไม่เลวทีเดียว”โจวเย่นชิวรินชาให้เฉินตงอย่างยิ้มแย้ม

“ขอบคุณประธานโจวมากครับ”

เฉินตงยิ้มขอบคุณ หันไปพูดว่า“ประธานโจวครับ มีเคยเรียนท่านตอนคุยสายแล้วนะครับ ขอให้ประธานโจวช่วยครั้งนี้ด้วยครับ ไม่เช่นนั้นไท่ติ่งก็ต้องเจอมรสุมใหญ่แน่ๆเลยครับ”

ไม่ได้กล่าวทักทายอะไรมากมาย เพียงแต่พูดใจความสำคัญทันที

แต่น้ำเสียงของเฉินตงนั้นเหมาะสมไม่ขาดไม่มากจนเกินไป

เพราะเขารู้ดีว่าการใช้อำนาจบารมีคนอื่นกอบโกยผลประโยชน์นั้นไม่ควรลดตัวเองให้ต่ำมากนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการย้อนกลับมาทำร้ายตนได้

อย่างไงเสียโจวเย่นชิว……ก็เป็นนักธุรกิจหัวหม้อ

เป็นไปดังคาด

โจวเย่นชิวลิ้นรสได้อึกหนึ่ง ถามว่า“ท่านหลงล่ะ?”

เฉินตงยิ้ม“ท่านหลงเป็นเพียงผู้มีพระคุณกับผมเท่านั้น หากผมมีปัญหาอะไรก็ไปเชิญให้ท่านอาวุโสออกตัวช่วยเหลือ ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนผมมาก็เท่ากับสูญเปล่าซิครับ”

“ฮ่าๆๆ……พูดถูก”

โจวเย่นชิวหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ“เหมือนกับตอนนั้นที่ผมเคยช่วยดันคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ให้โอกาสคุณแสดงความสามารถ ไหนเลยจะทำให้คุณกลายเป็นรองประธานภายในสามปีได้ล่ะ”

วางถ้วยน้ำชาลง โจวเย่นชิวโบกมือไปมา“ความจริงแล้วตอนที่คุณกำลังเดินทางมา ผมได้ติดต่อบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างนอกพื้นที่มาสามบริษัทแล้ว ด้วยความสามารถของพวกเขา ขายวัสดุให้กับโครงการก่อสร้างของคุณนั้นไม่ยากหรอก เพียงแต่การจ่ายเงินและการเสนอราคาอาจจะแพงกว่าในเมืองเล็กน้อย”

“ผมเข้าใจครับ ช่วยคนเวลาคับขัน เงินไม่ใช่ปัญหาเลยครับ”

เฉินตงพยักหน้า กำมือแสดงความขอบคุณให้แก่โจวเย่นชิว“ครั้งนี้ต้องขอบคุณประธานโจวที่เข้าช่วยเหลือในยามคับขันเช่นนี้ครับ

น้ำใจครั้งนี้ เฉินตงจะจดจำไว้ครับ”

“ทำไมพูดอย่างนั้น ผมเป็นคนค้ำจุนเจ้าหนุ่มน้อยอย่างคุณมากับมือ จะทนมองดูคุณพินาศได้อย่างไรกัน?สนามการค้าคล้ายกับสนามรบ ต้องมีเวลาที่ถูกคนขุดหลุมให้จมดินนั่นแหละ?ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเอง”

โจวเย่นชิวพูดว่าไม่เป็นอะไร แสดงท่าทางให้เฉินตงชิมชาต่อ

เฉินตงกลับดื่มชาในแก้วจนหมด ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า“ในเมื่อประธานโจวรับปากจะช่วยเหลือแล้ว ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวกลับไปที่ไท่ติ่งก่อนนะครับ ยังมีเรื่องให้ผมไปสะสางอีกมากมาย ไม่อาจชะล่าใจได้เลยครับ”

“ได้ เดี๋ยวผมจะส่งใบเสนอราคาจากกลุ่มค้าวัสดุก่อสร้างให้คุณทางอีเมลนะ คุณลองเลือกดูสักบริษัท จากนั้นก็เซ็นสัญญากับพวกเขา”

ออกจากคฤหาสน์

แสงแดดสาดส่องบนตัว ทำให้เฉินตงรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

แต่แผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นออกจนเปียกแฉะไปหมดแล้ว

เขาหันหน้าไปมองคฤหาสน์แวบหนึ่ง ก้นบึ้งของใต้ดวงตาก็คลี่ยิ้ม

เมื่อสักครู่หากแสดงอาการตื่นเต้นออกมาสักนิด หรือคุยกับโจวเย่นชิวมากกว่านี้ อาจจะเผยพิรุธเรื่องท่านหลงไปแล้วก็เป็นได้

ครั้งก่อนหลี่ต้าเป่าแค่ก่อนเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้ท่านหลงออกตัวได้แล้ว ส่วนครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ แต่ท่านหลงกลับไม่มาพบหน้าโจวเย่นชิวเลย

หากไตร่ตรองให้ละเอียดก็จะพบว่าเรื่องมันลุ่มลึกน่าดู

โจวเย่นชิวเป็นนักธุรกิจ จึงเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก หากรู้ว่าท่านหลงไม่อยู่แล้ว เรื่องจะช่วยเหลือหรือไม่คงต้องดูว่าเขาจะคำนวณหาผลประโยชน์ยังไงบ้างแล้วล่ะ

การที่ท่านหลงอยู่หรือไม่อยู่มีผลกระทบท่าทีโจวเย่นชิวที่มีต่อเขา

ณ ขณะที่เฉินตงออกจากคฤหาสน์นั้น

โจวเย่นชิววางถ้วยน้ำชาลง ดึงแว่นตาสีทองบริเวณจมูกขึ้นมา กล่าวอย่างลึกล้ำขึ้นมาว่า “เฉินตงเอ๋ย ผมพนันมาชั่วชีวิต ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกต้องนะ ท่านหลงไม่อยู่ในเมืองนี้แล้ว ผมพนันกับคุณสักตาหนึ่ง หวังว่าเมื่อเขากลับมาจะรู้น้ำใจของผมนะ?”

ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

พอร์เชอ911ขับเข้ามา เมื่อเหยียบแบร์รถก็จอดเทียบตำแหน่งของลานจอดรถได้อย่างพอดิบพอดี

กู้ชิงหยิ่งลงจากรถด้วยความเร่งรีบ ร่างเงาที่งดงามทำให้ดึงดูดสายตาตกตะลึงไม่น้อย

แต่เธอกลับไม่เอามาใส่ใจ รีบวิ่งเข้าไปภายในตึก

กดลิฟต์เสร็จ กู้ชิงหยิ่งก็เหนื่อยหอบ แก้มมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

เพราะเมื่อสักครู่วิ่งเป็นเหตุ

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จางเห้อหมิงก็แอบต่อต้านไท่ติ่งลับหลังอีก เธอจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เฉินตงเข้าใจ สิ่งสำคัญก็คืออธิบายให้หัวหน้าของเฉินตงทราบ อีกทั้งคิดหาทางออกกับเฉินตงด้วยกัน

ฉะนั้นเธอจึงมาที่ไท่ติ่งด้วยตัวเอง

ติ๊ง!

ลิฟต์ขึ้นมาถึงแล้ว

กู้ชิงหยิ่งวิ่งออกมาจากลิฟต์ ซักถามหน้าเคาน์เตอร์ว่า“สวัสดีค่ะ ฉันคือกู้ชิงหยิ่ง ประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ค่ะ ฉันอยากพบประธานหลี่ของพวกคุณ”

เธอคิดแต่อยากจะช่วยเฉินตง แต่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลไท่ติ่งมากนัก เพียงแต่เคยเห็นชื่อประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งว่าชื่อหลี่ต้าเป่าในเอกสารฉบับหนึ่ง

“ประธานหลี่?”พนักงานเคาน์เตอร์รู้สึกมึนงง

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกร้อนใจ“ก็คือหลี่ต้าเป่าเขาไม่อยู่เหรอคะ?ถ้าเช่นนั้นฉันอยากพบรองประธานเฉินของพวกคุณ”

“รองประธานเฉิน?”

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เผยสีหน้าแปลกใจ“ตอนนี้รองประธานเฉินเป็นประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของพวกเราค่ะ”

โครมโรม!

ร่างบางของกู้ชิงหยิ่งสั่น ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

บทที่ 42 เอาให้ถึงตาย

ประโยคสุดท้ายที่กู้ชิงหยิ่งตอบ

ทำให้เฉินตงไม่เข้าใจความหมายเสียเลย

กลับมาถึงห้องเช่า ภายในห้องรับแขกยังมีไฟเปิดสว่างอยู่

คุนหลุนนั่งหลับตาอยู่บนโซฟา

เฉินตงยิ้ม“คุนหลุนยังไม่พักผ่อนอีกเหรอ?”

“คุณชายครับ ท่านหลงได้โทรศัพท์มาครับ”

คุนหลุนลืมตาขึ้น พูดอย่างมีความเคร่งขรึมเล็กน้อย“ท่านหลงออกจากบ้านกลางดึก ส่วนเฉินเทียนหย่างไม่ได้ไปจากเมืองนี้”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เฉินตงถาม

ท่านหลงคือคุณพ่อผู้ซึ่งไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนส่งมาช่วยเหลือตน ตอนนี้เร่งรัดกลับบ้าน คงต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับเฉินเทียนหย่างด้วย ไม่เช่นนั้นคุนหลุนไม่เอาสองเรื่องมาพูดรวมกันหรอก

“ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ”คุนหลุนส่ายหัว“แต่ตอนที่ท่านหลงคุยทางโทรศัพท์เหมือนจะเกี่ยวข้องกับเฉินเทียนหย่างครับ”

ทันใดนั้นเฉินตงรู้สึกตลกสิ้นดี

คุณพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนบอกให้เขากลับไปสายงานของตระกูลต่อ แต่เฉินเทียนหย่างคนเดียวก็สามารถทำให้ผู้ช่วยของพ่ออย่างท่านหลงต้องกลับไปตอนกลางดึก

ราวกับว่า……คุณพ่อคนนั้นไม่ค่อยมีอิทธิพลความสามารถในตระกูลสักเท่าไหร่?

คล้ายกับรู้ความคิดของเฉินตง คุนหลุนจึงอธิบายว่า“คุณชายครับ ตระกูลเฉินไม่ธรรมดาเลยครับ และอำนาจภายในก็ไม่สมดุลกันอย่างรุนแรงครับ ดังนั้นคุณท่านก็อาจมีเรื่องติดขัดอยู่เป็นบางครั้ง”

“ช่างเขาเถอะ”

เฉินตงโบกมือไม่ได้ใส่ใจอะไร

ตอนที่โครงการเปลี่ยนโฉมย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองคืบหน้าไปอย่างราบรื่น บททดสอบครั้งนี้เกือบได้คะแนนเต็มแล้ว ซึ่งเพียงพอให้คุณพ่อภาคภูมิใจได้เลยทีเดียว

ถึงแม้ท่านหลงจะไม่อยู่ข้างกาย และยังมีเฉินเทียนหย่างอยู่ในเมืองอีก แต่เขาก็รู้สึกว่าคงไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมาทันทีหรอก

ตระกูลเฉินถึงจะมีบารมีค้ำฟ้า

แต่จะมาถึงในเมืองนี้ได้เชียวเหรอ?

ถึงแม้เฉินเทียนหย่างจะเป็นมังกรแกร่งกล้า แต่ก็ไม่อาจเอาชนะเขาที่เป็นงูเจ้าถิ่นในเมืองนี้ได้หรอกมั้ง?(คือสำนวน)

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น

เฉินตงตื่นเช้าตรู่เฉกเช่นปกติ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายและฝึกวิชาการต่อสู้มือเปล่ากับคุนหลุน จากนั้นก็เดินทางไปที่บริษัท

อสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ระหว่างทางเขาได้โทรหาฟ่านลู่ กำชับเธอว่าห้ามคนอื่นเข้าใกล้ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่ออาการป่วยของคุณแม่

เมื่อวานพบหวางหนันหนันที่โรงพยาบาลโดยบังเอิญ ด้วยนิสัยของตระกูลหวางคงไม่ยอมเลิกรากันง่ายๆหรอก

ยุ่งงานจนถึงเที่ยง จู่ๆเสี่ยวหม่าก็พุ่งเข้ามาในห้องทำงาน

“ไม่ดีแล้วพี่ตง ธุรกิจค้าขายวัสดุก่อสร้างทั่วทั้งเมืองประกาศไม่ยอมขายให้กับไท่ติ่งของเรา รวมทั้งบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ด้วยครับ”

สีหน้าเฉินตงมืดครึ้มขึ้นมากะทันหัน

แม้แต่เขาก็ตกตะลึงกับคำพูดของเสี่ยวหม่า

ไท่ติ่งรับทำโครงการปรับโฉมย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองมา ตอนนี้นับว่ามีหน้ามีตาในเมืองแห่งนี้ไม่น้อย หากกลุ่มธุรกิจค้าขายวัสดุก่อสร้างไม่มีน้ำเข้าสมอง คงไม่ตัดสินใจกระทำเช่นนี้เด็ดขาด

อีกทั้งเมื่อวานเพิ่งจะเซ็นสัญญารับซื้อวัสดุก่อสร้างกับบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่หมาดๆนี่!

เสี่ยวหม่าร้อนรนจนเหงื่อเต็มหน้าผาก“พี่ตงครับ เรื่องนี้ใหญ่มากนะครับ ผมได้ติดต่อกับประธานจางของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่แล้วครับ เขาแจ้งมาว่ายินดีชดใช้ค่าผิดสัญญาครับ ถ้าหากบริษัทของพวกเราถูกทุกบริษัทในเมืองต่อต้านเช่นนี้ โครงการแปลงโฉมก็ต้องชะลอตัวออกไป งานก่อสร้างก็ต้องหยุดดำเนินการจนกว่าจะหาบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างจากแหล่งนอกเมืองมาได้……”

“ผมรู้”เฉินตงตัดบทเสี่ยวหม่า หากเริ่มดำเนินการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เมื่อใด ทุกวินทีก็จะมีความหมาย ซึ่งต้องใช้เงินด้วยกันทั้งสิ้น ระหว่างที่รอหาบริษัทวัสดุก่อสร้างใหม่มาได้ ช่วงนี้ก็เพียงพอให้ไท่ติ่งของพวกเขาขาดทุนอย่างย่อยยับได้เลย!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆเฉินตงก็พูดเสียงเบาว่า“เป็น……คุณหรือเปล่าครับ?”

เวลาเดียวกัน

บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

ปัง!

กู้ชิงหยิ่งโยนเอกสารลงบนโต๊ะด้วยความโมโห ใบหน้าสวยงามกำลังมีเพลิงโกรธอยู่ จ้องเขม็งจางเห้อหมิง “ประธานจาง คุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง?เมื่อวานเพิ่งเซ็นขายวัสดุให้แก่ไท่ติ่ง วันนี้ทำไมบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ของพวกเราก็ร่วมประกาศต่อต้านขึ้นมาด้วย?”

เธอก็เพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อสักครู่นี้

ส่วนเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการต่อต้านไท่ติ่งเสียเลย

จางเห้อหมิงเป็นตัวแทนบริษัทและเป็นตัวแทนเธอเซ็นหนังสือประกาศฉบับนี้เอง!

“อันนี้เป็นกฎของธุรกิจครับ ไท่ติ่งทำให้ทุกบริษัทโกรธเสียแล้ว”

จางเห้อหมิงแสร้งทำเป็นลำบากใจ พลางเอ่ยขึ้นมาว่า“ถ้าบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ไม่ทำเช่นนี้ จะถูกธุรกิจในเครือเดียวกันกดขี่ได้นะครับ ถึงแม้บริษัทของพวกเราจะเป็นอันดับหนึ่งในเมืองนี้ แต่ก็รับอะไรอย่างนี้ไม่ได้นะครับ”

หยุดชะงักได้สักพัก จางเห้อหมิงกดเสียงเบาลงราวกับเป็นการบ่นพึมพำ“ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาร่วมงานกับไท่ติ่งของเราก็ออกราคาต่ำสุด ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน พวกเราก็ถือโอกาสนี้ทำลายสัญญานั้นทิ้งเสียเลยครับ”

“คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุสามขวบหรือไง?”

กู้ชิงหยิ่งโมโหจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว นิ้วชี้เรียวสวยชี้ไปยังแฟ้มเอกสาร“เซ็นสัญญาแล้ว คุณเพิ่งจะบอกฉันตอนนี้?ถึงบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะขาดทุนให้กับไท่ติ่งแล้วจะทำไม?ไท่ติ่งเป็นบริษัททำเงินที่ดีขนาดนี้ ตอนนี้ทุกบริษัทต่างร่วมมือกันต่อต้าน ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่?”

ประโยคสุดท้ายกู้ชิงหยิ่งเกือบจะเบียดเสียงออกมาทางฟัน

เธอไม่ใช่ทายาทโง่งมเสียหน่อย เธอผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว แม้กระทั่งตอนใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยหยุดนิ่ง พากเพียรพยายามเสมอมา

เรื่องง่ายๆแค่นี้ จางเห้อหมิงหลอกเธอไม่ได้หรอก

เธอกลับเข้าประเทศก็เพื่อช่วยเหลือเฉินตง ถึงแม้ต้องแลกมาด้วยราคาแพง แต่เธอก็รับได้ทั้งนั้น

แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น

สีหน้าจางเห้อหมิงซีดเซียว กัดกระพุ้งแก้มแน่น

จากนั้น กู้ชิงหยิ่งพูดอีกว่า“ไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ฉันก็ไม่สนว่าคุณรับผลประโยชน์มาเท่าไหร่ ตอนนี้รีบไปขอโทษกับไท่ติ่งเดี๋ยวนี้

และต้องทำตามกฎระเบียบสัญญาฉบับนี้ด้วย ไม่เช่นนั้น คุณ……ออกไปจากบริษัทได้เลย!”

“เสี่ยวหยิ่ง!”นัยน์ตาจางเห้อหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนจะระเบิดออกมาแล้ว“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?คุณรู้บ้างไหมว่าถ้าทำเช่นนี้บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะขาดทุนเท่าไหร่?”

“ฉันไม่สน!”ท่าทีของกู้ชิงหยิ่งแน่วแน่มาก

จางเห้อหมิงพูดเสียงเย็นยะเยือก“เจ้านายใหญ่เป็นคนจ้างผมมา มีเพียงเจ้านายใหญ่ถึงจะมีคุณสมบัติไล่ผมออก คุณไม่มีสิทธิ์!”

พูดจบหันหลังเดินออกไป

กู้ชิงหยิ่งโมโหจนใบหน้าแดงระเรื่อไปหมด นั่งตะลึงค้างอยู่บนเก้าอี้

ชั่วขณะนั้นคำพูดของจางเห้อหมิงทำให้เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

เพราะเธอไม่ได้บอกเป้าหมายที่แท้จริงที่กลับประเทศให้พ่อแม่ทราบ

ถ้าหากเรื่องนี้เข้าหูพ่อแม่เมื่อไหร่ก็จะปิดไม่ได้อีกต่อไป

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กู้ชิงหยิ่งลุกขึ้นเดินไปด้านนอก

เรื่องนี้เธอจำเป็นต้องอธิบายให้เฉินตงเข้าใจ

ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ต้องข้ามจางเห้อหมิงไป เธอก็จะขายวัสดุก่อสร้างให้กับเฉินตงเป็นแน่

ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่กระทบถึงผลกำไรของไท่ติ่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออนาคตของเฉินตงอีกด้วย!

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

บรรยากาศอันตึงเครียดปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ

พนักงานทุกคนต่างกังวลใจ นั่งไม่เป็นสุข

ถูกบริษัทการค้าต่อต้านราวกับจะฆ่ากันให้ตายไปเลยเสียอย่างนั้น เพราะมันประดุจดั่งมีเฉือนเข้าที่ลำคอก็ไม่ปาน

ปัง!

เฉินตงเดินออกมาจากห้องทำงาน

ทันใดนั้นทุกคนต่างมองมาอย่างพร้อมเพรียง

เฉินตงยิ้มพลันกล่าวว่า“ทำไมไม่ทำงานแล้วหละ?โครงการเปลี่ยนโฉมฝั่งตะวันตกของเมืองมีผลกระทบกับบริษัทพวกเรามากเลยนะ ห้ามทุกคนขี้เกียจ”

ประโยคที่พูดไปเชิงล้อเล่น แต่ไม่อาจทำให้พนักงานหัวเราะได้เลย

เสี่ยวหม่าสนิทกับเฉินตงที่สุด บัดนี้ยืนขึ้นมาพูด“พี่ตง……”

“พอแล้ว เรื่องเล็กๆเอง”

เฉินตงโบกมือตัดบทของเสี่ยวหม่า“ผมออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง เรื่องวัสดุน่าจะจัดการได้ในวันนี้”

โครม!

พนักงานทุกคนต่างตกตะลึงไปตามๆกัน

บริษัทค้าวัสดุก่อสร้างทั่วทั้งเมืองนี้ร่วมมือกันต่อต้านไท่ติ่ง ถึงแม้จะไปหานอกเมืองก็ไม่อาจจัดการแล้วเสร็จได้ภายในครึ่งวันหรอก!

บทที่ 40 เอากับผู้หญิงสำส่อน

อากาศ เหมือนหยุดชะงักไปในทันที

สีหน้ายิ้มแย้มของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปทันที เธอนึกไม่ถึงว่าจะเจอหวางหนันหนันในโรงพยาบาล

ส่วนเฉินตงสีหน้าเยือกเย็น แววตาเหลือบไปมองดูแก้วเก็บน้ำร้อนในมือของหวางหนันหนัน ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

สามปีมานี้ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะป่วยหนักขนาดไหน หวางหนันหนันไม่เคยเป็นห่วงเลยสักนิด ในวันนี้กลับดูแลแม่ของเธอเองอย่างดี

ยังไงก่อนจะหย่ากัน แม่ของเขาก็เคยเป็นแม่ของหวางหนันหนันเหมือนกัน

แต่ว่า เฉินตงก็ปล่อยวางได้แล้ว คนตระกูลหวางไม่เคยนับถือแม่ของเขาเป็นญาติเลย หวางหนันหนันเอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือที่จะต้องนำมาช่วยชีวิตแม่ของเขาไปให้น้องชายของเขาซื้อบ้าน ไม่เคยเป็นห่วงแม่ของเขา เรื่องนี้ดูปกติเกินไปจริงๆ

หวางหนันหนันมองดูกู้ชิงหยิ่งอย่างตกตะลึง สมองรู้สึกมึนงง

ถ้าไม่ใช่เพราะเจอกันโดยบังเอิญในโรงพยาบาล เธอไม่รู้เลยสักนิดว่ากู้ชิงหยิ่งกลับมาแล้ว

สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ก็คือ กู้ชิงหยิ่งอยู่ด้วยกันกับเฉินตง

เธอเดินเข้ามาตรงหน้าของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่ง ถามว่า: “เธอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่บอกฉัน?”

“หนันหนัน ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวาน” กู้ชิงหยิ่งพูด

ทันใดนั้น หวางหนันหนันตาแดงขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นมาชี้หน้าเฉินตง พูดกับกู้ชิงหยิ่ง: “แล้วทำไมเธออยู่ด้วยกันกับเขา?”

“หนันหนัน…..” หน้าตาของกู้ชิงหยิ่งหม่นหมองลง: “ฉันกับเธอ และเฉินตง ต่างก็เป็นเพื่อนกัน ฉันกลับมา แล้วมาเยี่ยมแม่ของเฉินตง มีอะไรที่ไม่ทำถูกเหรอ?”

“ไม่ถูกแน่นอน!”

หวานหนันหนันตาแดงก่ำ รู้สึกน้อยใจ ก็ยังดื้อดึงกัดฟันพูดและเงยหน้าขึ้นสูงๆ: “ฉันถึงจะเป็นเพื่อนเธอ เพราะฉัน เธอถึงได้รู้จักกับเฉินตง!”

ในใจของเธอ การกระทำเช่นนี้ของกู้ชิงหยิ่ง ก็คือการทรยศ!

แอบกลับมาเงียบๆ แล้วคบกับเฉินตง

มันคืออะไร?

“พูดพอรึยัง? พูดพอแล้ว เราไปกันเถอะ” เฉินตงทำหน้าเย็นชา ไม่อยากจะพูดกับหวางหนันหนันแม้แต่คำเดียว เสียเวลาเปล่าๆ

เขาดึงมือของกู้ชิงหยิ่ง แล้วเดินผ่านหวางหนันหนัน

ภาพนี้ ทำให้หวางหนันหนันโมโหจนระเบิด

ทำไม

ทำไมผู้ชายที่เลิกกับฉันแล้ว จะต้องมาคบกับเพื่อนสนิทของฉัน?

“ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้!”

หวางหนันหนันตบมือของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งออก จากนั้นตบไปที่หน้าของเฉินตงหนึ่งที

เพี๊ยะ!

“หวางหนันหนัน คุณเป็นบ้าอะไร?”

กู้ชิงหยิ่งตกใจ เอามือไปจับหน้าของเฉินตงด้วยความสงสาร: “เราไปกันเถอะ เราอย่าไปทะเลาะกับเค้า”

แต่ หวางหนันหนันเหมือนเป็นบ้าอย่างนั้น ดึงมือของกู้ชิงหยิ่งไว้ไม่ยอมปล่อย

“เธอมาเยี่ยมแม่ของเขาไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เป็นเพื่อนของเธอ แม่ฉันก็ป่วย เธอทำไมไม่มาเยี่ยมแม่ฉันด้วยล่ะ?”

พูดแล้ว เธอเหมือนเป็นบ้า ใช้แรงดึงตัวกู้ชิงหยิ่งไปทางห้องผู้ป่วยของจางซิ่วจือ

ปั้ง!

ประตูห้องถูกหวางหนันหนันดันออก

หวางเต๋อ จางซิ่วจือและหวางเห้าตกตะลึงกันทั้งหมด

เห็นหวางหนันหนันร้องไห้น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ทั้งสามคนตกตะลึงทันที

แต่ตอนที่เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ตามเข้ามาทีหลัง โดยเฉพาะตอนที่เฉินตงเข้ามา

หวางเห้าโมโหขึ้นมาทันที: “เฉินตง แกกล้ารังแกพี่สาวฉันเหรอ? วันนี้กูเอาแกตายแน่!”

“เสี่ยวเห้า เขารังแกพี่สาวแก ไล่ตีมันออกไป!” จางซิ่วจือทำหน้าโหดร้าย โครงหน้าก็บูดเบี้ยว

เห็นหวางเห้าพุ่งเข้ามา กู้ชิงหยิ่งตกใจอย่างมาก

ในเวลานี้ เฉินตงรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ด้านหน้าของกู้ชิงหยิ่ง เผชิญหน้ากับหวางเห้าและตะโกนด่า

“ไอ้เด็กไม่เอาไหนอย่างแก กล้าสู้กับผมเหรอ?”

หวางเห้าหยุดอยู่กับที่โดยทันที เขาเตี้ยกว่าเฉินตงหนึ่งหัว ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาอกเอาใจ ไม่กล้าจะสู้กับเฉินตงจริงๆหรอก

เขาดึงตัวหวางหนันหนันไป และถาม: “พี่ ไอ้เลวนี่มันรังแกพี่ใช่ไหม?”

หวางหนันหนันทนไม่ไหวจนร้องไห้ตั้งนานแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ร้องจนไม่มีเสียง

ภาพนี้หวางเต๋อและจางซิ่วจือกัดฟันแน่นๆและโมโหมาก

จางซิ่วจือหยิบหมอนแล้วขว้างใส่เฉินตง

“ไอ้เลว! เฉินตงแกมันเลวทราม รังแกลูกสาวฉัน ตระกูลหวางของฉันไปทำอะไรให้บรรพบุรุษพวกแก? ตอนที่หนันหนันลดตัวลงไปแต่งงานกับชายหงศ์อย่างแก ให้แกอาจเอื้อมตระกูลหวางของเรา แกตอบแทนเธออย่างนี้เหรอ?”

เฉินตงสีหน้าขมขื่น มองหน้าจางซิ่วจือที่กำลังบ้าคลั่งอย่างเยือกเย็น

ส่วนกู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วและโมโห อยู่ด้านหลังของเขา

อาจเอื้อม?

ลดตัวลงไปแต่งงานด้วย?

กู้ชิงหยิ่งเป็นพยานคนสำคัญที่เห็นเฉินตงและหวางหนันหนันคบกันตั้งแต่ต้นจนแต่งงานและหย่ากัน การตะคอกด่าของจางซิ่วจือ ใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ!

“แล้วก็เธอ กู้ชิงหยิ่ง! ฉันนึกไม่ถึงจริงๆเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ หนันหนันของฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจเหรอ? ทำไมเธอต้องร่วมมือกับไอ้บ้านนอกอย่างเฉินตงมารังแกเค้า?”

น้ำเสียงที่แหลมคมของจางซิ่วจือ ตะโกนด่าอย่างร้อนแรง

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆสีหน้าเคร่งขรึม สายตาดุร้าย เหมือนจะกลืนกินเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งให้ได้อย่างนั้น

หึหึ!

เฉินตงหัวเราะออกมากะทันหัน

เขาจ้องมองจางซิ่วจือด้วยสายที่โหดร้าย: “จางซิ่วจือ คุณเกิดปีหมาหรือไง? เห่าใครกัดใคร? ใครรังแกใครกันแน่ ตาของคุณบอดหรือไง?”

“แก แกกำลังพูดกับ? แกกล้าพูดจากับฉันแบบนี้เหรอ?” จางซิ่วจือจ้างด้วยตาโตๆ ตะโกนพูดอย่างตกใจ

“ผมกำลังพูดกับคุณ!”

เฉินตงพูดอย่างเยือกเย็น

เมื่อก่อน เพราะหวางหนันหนัน เขายอมอดทนไม่โต้ไม่ตอบ ถอยหลังยอมให้ทุกอย่าง

แต่ตอนนี้หย่าก็หย่ากันแล้ว ทำไมต้องทนต่อไปอีก?

“เฉินตง! นายหุบปากเดี๋ยวนี้! เค้าเป็นแม่ฉันนะ!”

หวางหนันหนันกำลังร้องไห้และกระทืบขา: “นาย นายมันเลว! แล้วก็เธอ กู้ชิงหยิ่งแกมันแรด พวกแก พวกแกวางแผนไว้ตั้งแต่แรก!”

เธอโมโหมากขนาดนี้ ไม่เพียงเพราะว่าเธอกับกู้ชิงหยิ่งเป็นเพื่อนกัน กลับมาแล้วยังไม่บอกเธอด้วย แต่กลับอยู่ด้วยกันกับเฉินตง

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เธอรู้ว่าเฉินตงหย่ากับเธอแล้ว ตั้งใจวางแผนแน่ๆ!

ส่วนภาพในตอนนี้ ทำให้หวางหนันหนันยิ่งมั่นใจกับสิ่งที่ตนเองเดาไว้ในใจ

กู้ชิงหยิ่งที่อ่อนหวานสั่นไปทั้งตัว

ไฟแห่งความโกรธที่อัดอั้นไว้ในใจ ระเบิดออกมาทั้งหมด

เธอเดินออกมาจากด้านหลังของเฉินตง จ้องมองหวางหนันหนันอย่างโมโห: “หวางหนันหนัน ฉันไม่รู้ว่าเธอเอาความหยิ่งยโสมาจากไหน?”

“หยิ่งยโส? หึหึ ฉันหยิ่งยโสเหรอ”

หวางหนันหนันร้องไห้น้ำตาไหลไปด้วย เหมือนคนถูกรังแกคนหนึ่ง เงยหน้าขึ้นสูงๆอย่างดื้อรั้น ชี้นิ้วไปทางเฉินตง: “เขา คือไอ้สวะที่ไม่เอาไหน คือชายหงส์จนๆคนหนึ่ง คือขยะที่ฉันไม่เอาแล้วโยนทิ้ง ในเมื่อเธออยากจะเก็บขยะ งั้นก็เก็บไปเลย กูไม่เสียดายหรอก!”

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจน

ในห้อง ทุกคนตะลึงกันหมด

ใบหน้าสวยๆอย่างกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความเยือกเย็น จากการอบรมเลี้ยงดูของตระกูลแล้ว วินาทีนี้ก็ทนไม่ไหวที่จะยื่นมือออกมาตบตีคน

“ครั้งนี้ ฉันตบแทนเฉินตง!” กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างเย็นชา

เฉินตงตะลึงจนทำตัวไม่ถูก หัวใจกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง

จากนั้น กู้ชิงหยิ่งมองหน้าหวางเต๋อจางซิ่วจือและหวางเห้า แล้วหัวเราะเสียงหนึ่ง: “ตระกูลหวางอย่างพวกคุณ เอาความเย่อหยิ่งทะนงตัวมาจากไหน? ก็เพราะมีเพียงทะเบียนบ้านที่เมืองนี้ใบเดียว? ก็รู้สึกว่าเฉินตงบังอาจเอื้อม?”

“คนเป็นพ่อแม่ลำเอียงอยากมีหน้ามีตา คนเป็นน้องเป็นแค่นักเลงขอกินขอใช้รอแต่ความตาย แล้วก็หวางหนันหนัน เธอมันปีศาจฝูตี้ พวกคุณมันไม่มีอะไรดีทั้งครอบครัว!”

เสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยม ดังกังวานอยู่ในห้องผู้ป่วย

กู้ชิงหยิ่งรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเฉินตงและตระกูลหวาง และสงสารมาโดยตลอด ตอนที่เผชิญกับตระกูลหวางที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้เธอจะอดทนได้แค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้เฉินตงถูกรังแกอีก

ในใจของเธอ เฉินตงถูกรังแกมากพอแล้ว

แม้แต่เงินช่วยชีวิตแม่ของตนเอง ก็ถูกตระกูลหวางเอาไปให้น้องชายซื้อบ้าน จะให้เฉินตงยอมแค่ไหนถึงจะพอ?

“เฉินตงไปทำอะไรให้ตระกูลหวางเหรอ? เขาสอบได้ที่หนึ่งทั้งสี่ปีตอนเรียนมหาลัย เงินรางวัลนักเรียนดีเด่นเยอะแยะ เขาเป็นแค่ขยะงั้นเหรอ?”

“เขาเรียนจบมาแค่สามปี ก็เป็นถึงรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ส่วนพวกคุณนอกจากทะเบียนบ้านใบเดียว ยังมีอะไรดี? ตกลงใครบังอาจเอื้อมใครกันแน่?”

“เขากับหวางหนันหนันแต่งงานกันมาสามปี คอยช่วยเหลือเรื่องเงินกับตระกูลหวางตลอด เงินที่ได้มาจากการทำงานมีเท่าไหร่ก็ให้หวางหนันหนันเอากลับบ้านพวกคุณหมด? แม้กระทั่งเงินที่เอาไว้ช่วยชีวิตแม่ของเขา สุดท้ายก็ถูกหวางหนันหนันเอามาให้หวางเห้าซื้อเรือนหอ นี่หรือชายหงส์ที่ยากจนในสายตาพวกคุณ?”

ซักถามเป็นชุดใหญ่ ทำให้หวางเต๋อจางซิ่วจือและหวางเห้าตะลึงจนตาค้าง

หวางหนันหนันสองมือจับหัว ตะโกนร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจ: “พอแล้ว กู้ชิงหยิ่ง แกมันก็แค่คนที่เก็บรองเท้ามือสอง(เอากับผู้หญิงสำส่อน)!”

“เหอะเหอะ!”

กู้ชิงหยิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา: “พวกคุณรู้สึกว่าเฉินตงคือรองเท้ามือสองเหรอ? เป็นขยะ? ดี งั้นฉันเก็บไปจริงๆละกัน!”

เฉินตงมองหน้ากู้ชิงหยิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

“คนตระกูลหวางก็คือปลิงที่คอยเกาะตัวและดูดเลือดของเฉินตงนั่นแหล่ะ หวังเงินฆ่าคนยังจะมาเย่อหยิ่งผยองไม่รู้จักยางอาย รู้สึกว่าตัวเองสูงส่งมาก?”

กู้ชิงหยิ่งและเฉินตงจับมือประสานกันทั้งสิบนิ้ว ยกขึ้นมาสูงๆ เหมือนกำลังประท้วงอย่างนั้น: “พวกคุณไม่เอา ฉันเอา! ฉันชอบเฉินตง ฉันจะคบกับเฉินตง อีกอย่างฉันจะบอกอะไรให้ ฉันมีความสามารถที่จะทำให้เขาไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิต แล้วเดินขึ้นไปที่สูงสุด!”

บทที่ 40 เอากับผู้หญิงสำส่อน

อากาศ เหมือนหยุดชะงักไปในทันที

สีหน้ายิ้มแย้มของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปทันที เธอนึกไม่ถึงว่าจะเจอหวางหนันหนันในโรงพยาบาล

ส่วนเฉินตงสีหน้าเยือกเย็น แววตาเหลือบไปมองดูแก้วเก็บน้ำร้อนในมือของหวางหนันหนัน ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

สามปีมานี้ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะป่วยหนักขนาดไหน หวางหนันหนันไม่เคยเป็นห่วงเลยสักนิด ในวันนี้กลับดูแลแม่ของเธอเองอย่างดี

ยังไงก่อนจะหย่ากัน แม่ของเขาก็เคยเป็นแม่ของหวางหนันหนันเหมือนกัน

แต่ว่า เฉินตงก็ปล่อยวางได้แล้ว คนตระกูลหวางไม่เคยนับถือแม่ของเขาเป็นญาติเลย หวางหนันหนันเอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือที่จะต้องนำมาช่วยชีวิตแม่ของเขาไปให้น้องชายของเขาซื้อบ้าน ไม่เคยเป็นห่วงแม่ของเขา เรื่องนี้ดูปกติเกินไปจริงๆ

หวางหนันหนันมองดูกู้ชิงหยิ่งอย่างตกตะลึง สมองรู้สึกมึนงง

ถ้าไม่ใช่เพราะเจอกันโดยบังเอิญในโรงพยาบาล เธอไม่รู้เลยสักนิดว่ากู้ชิงหยิ่งกลับมาแล้ว

สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ก็คือ กู้ชิงหยิ่งอยู่ด้วยกันกับเฉินตง

เธอเดินเข้ามาตรงหน้าของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่ง ถามว่า: “เธอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่บอกฉัน?”

“หนันหนัน ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวาน” กู้ชิงหยิ่งพูด

ทันใดนั้น หวางหนันหนันตาแดงขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นมาชี้หน้าเฉินตง พูดกับกู้ชิงหยิ่ง: “แล้วทำไมเธออยู่ด้วยกันกับเขา?”

“หนันหนัน…..” หน้าตาของกู้ชิงหยิ่งหม่นหมองลง: “ฉันกับเธอ และเฉินตง ต่างก็เป็นเพื่อนกัน ฉันกลับมา แล้วมาเยี่ยมแม่ของเฉินตง มีอะไรที่ไม่ทำถูกเหรอ?”

“ไม่ถูกแน่นอน!”

หวานหนันหนันตาแดงก่ำ รู้สึกน้อยใจ ก็ยังดื้อดึงกัดฟันพูดและเงยหน้าขึ้นสูงๆ: “ฉันถึงจะเป็นเพื่อนเธอ เพราะฉัน เธอถึงได้รู้จักกับเฉินตง!”

ในใจของเธอ การกระทำเช่นนี้ของกู้ชิงหยิ่ง ก็คือการทรยศ!

แอบกลับมาเงียบๆ แล้วคบกับเฉินตง

มันคืออะไร?

“พูดพอรึยัง? พูดพอแล้ว เราไปกันเถอะ” เฉินตงทำหน้าเย็นชา ไม่อยากจะพูดกับหวางหนันหนันแม้แต่คำเดียว เสียเวลาเปล่าๆ

เขาดึงมือของกู้ชิงหยิ่ง แล้วเดินผ่านหวางหนันหนัน

ภาพนี้ ทำให้หวางหนันหนันโมโหจนระเบิด

ทำไม

ทำไมผู้ชายที่เลิกกับฉันแล้ว จะต้องมาคบกับเพื่อนสนิทของฉัน?

“ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้!”

หวางหนันหนันตบมือของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งออก จากนั้นตบไปที่หน้าของเฉินตงหนึ่งที

เพี๊ยะ!

“หวางหนันหนัน คุณเป็นบ้าอะไร?”

กู้ชิงหยิ่งตกใจ เอามือไปจับหน้าของเฉินตงด้วยความสงสาร: “เราไปกันเถอะ เราอย่าไปทะเลาะกับเค้า”

แต่ หวางหนันหนันเหมือนเป็นบ้าอย่างนั้น ดึงมือของกู้ชิงหยิ่งไว้ไม่ยอมปล่อย

“เธอมาเยี่ยมแม่ของเขาไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เป็นเพื่อนของเธอ แม่ฉันก็ป่วย เธอทำไมไม่มาเยี่ยมแม่ฉันด้วยล่ะ?”

พูดแล้ว เธอเหมือนเป็นบ้า ใช้แรงดึงตัวกู้ชิงหยิ่งไปทางห้องผู้ป่วยของจางซิ่วจือ

ปั้ง!

ประตูห้องถูกหวางหนันหนันดันออก

หวางเต๋อ จางซิ่วจือและหวางเห้าตกตะลึงกันทั้งหมด

เห็นหวางหนันหนันร้องไห้น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ทั้งสามคนตกตะลึงทันที

แต่ตอนที่เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ตามเข้ามาทีหลัง โดยเฉพาะตอนที่เฉินตงเข้ามา

หวางเห้าโมโหขึ้นมาทันที: “เฉินตง แกกล้ารังแกพี่สาวฉันเหรอ? วันนี้กูเอาแกตายแน่!”

“เสี่ยวเห้า เขารังแกพี่สาวแก ไล่ตีมันออกไป!” จางซิ่วจือทำหน้าโหดร้าย โครงหน้าก็บูดเบี้ยว

เห็นหวางเห้าพุ่งเข้ามา กู้ชิงหยิ่งตกใจอย่างมาก

ในเวลานี้ เฉินตงรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ด้านหน้าของกู้ชิงหยิ่ง เผชิญหน้ากับหวางเห้าและตะโกนด่า

“ไอ้เด็กไม่เอาไหนอย่างแก กล้าสู้กับผมเหรอ?”

หวางเห้าหยุดอยู่กับที่โดยทันที เขาเตี้ยกว่าเฉินตงหนึ่งหัว ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาอกเอาใจ ไม่กล้าจะสู้กับเฉินตงจริงๆหรอก

เขาดึงตัวหวางหนันหนันไป และถาม: “พี่ ไอ้เลวนี่มันรังแกพี่ใช่ไหม?”

หวางหนันหนันทนไม่ไหวจนร้องไห้ตั้งนานแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ร้องจนไม่มีเสียง

ภาพนี้หวางเต๋อและจางซิ่วจือกัดฟันแน่นๆและโมโหมาก

จางซิ่วจือหยิบหมอนแล้วขว้างใส่เฉินตง

“ไอ้เลว! เฉินตงแกมันเลวทราม รังแกลูกสาวฉัน ตระกูลหวางของฉันไปทำอะไรให้บรรพบุรุษพวกแก? ตอนที่หนันหนันลดตัวลงไปแต่งงานกับชายหงศ์อย่างแก ให้แกอาจเอื้อมตระกูลหวางของเรา แกตอบแทนเธออย่างนี้เหรอ?”

เฉินตงสีหน้าขมขื่น มองหน้าจางซิ่วจือที่กำลังบ้าคลั่งอย่างเยือกเย็น

ส่วนกู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วและโมโห อยู่ด้านหลังของเขา

อาจเอื้อม?

ลดตัวลงไปแต่งงานด้วย?

กู้ชิงหยิ่งเป็นพยานคนสำคัญที่เห็นเฉินตงและหวางหนันหนันคบกันตั้งแต่ต้นจนแต่งงานและหย่ากัน การตะคอกด่าของจางซิ่วจือ ใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ!

“แล้วก็เธอ กู้ชิงหยิ่ง! ฉันนึกไม่ถึงจริงๆเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ หนันหนันของฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจเหรอ? ทำไมเธอต้องร่วมมือกับไอ้บ้านนอกอย่างเฉินตงมารังแกเค้า?”

น้ำเสียงที่แหลมคมของจางซิ่วจือ ตะโกนด่าอย่างร้อนแรง

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆสีหน้าเคร่งขรึม สายตาดุร้าย เหมือนจะกลืนกินเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งให้ได้อย่างนั้น

หึหึ!

เฉินตงหัวเราะออกมากะทันหัน

เขาจ้องมองจางซิ่วจือด้วยสายที่โหดร้าย: “จางซิ่วจือ คุณเกิดปีหมาหรือไง? เห่าใครกัดใคร? ใครรังแกใครกันแน่ ตาของคุณบอดหรือไง?”

“แก แกกำลังพูดกับ? แกกล้าพูดจากับฉันแบบนี้เหรอ?” จางซิ่วจือจ้างด้วยตาโตๆ ตะโกนพูดอย่างตกใจ

“ผมกำลังพูดกับคุณ!”

เฉินตงพูดอย่างเยือกเย็น

เมื่อก่อน เพราะหวางหนันหนัน เขายอมอดทนไม่โต้ไม่ตอบ ถอยหลังยอมให้ทุกอย่าง

แต่ตอนนี้หย่าก็หย่ากันแล้ว ทำไมต้องทนต่อไปอีก?

“เฉินตง! นายหุบปากเดี๋ยวนี้! เค้าเป็นแม่ฉันนะ!”

หวางหนันหนันกำลังร้องไห้และกระทืบขา: “นาย นายมันเลว! แล้วก็เธอ กู้ชิงหยิ่งแกมันแรด พวกแก พวกแกวางแผนไว้ตั้งแต่แรก!”

เธอโมโหมากขนาดนี้ ไม่เพียงเพราะว่าเธอกับกู้ชิงหยิ่งเป็นเพื่อนกัน กลับมาแล้วยังไม่บอกเธอด้วย แต่กลับอยู่ด้วยกันกับเฉินตง

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เธอรู้ว่าเฉินตงหย่ากับเธอแล้ว ตั้งใจวางแผนแน่ๆ!

ส่วนภาพในตอนนี้ ทำให้หวางหนันหนันยิ่งมั่นใจกับสิ่งที่ตนเองเดาไว้ในใจ

กู้ชิงหยิ่งที่อ่อนหวานสั่นไปทั้งตัว

ไฟแห่งความโกรธที่อัดอั้นไว้ในใจ ระเบิดออกมาทั้งหมด

เธอเดินออกมาจากด้านหลังของเฉินตง จ้องมองหวางหนันหนันอย่างโมโห: “หวางหนันหนัน ฉันไม่รู้ว่าเธอเอาความหยิ่งยโสมาจากไหน?”

“หยิ่งยโส? หึหึ ฉันหยิ่งยโสเหรอ”

หวางหนันหนันร้องไห้น้ำตาไหลไปด้วย เหมือนคนถูกรังแกคนหนึ่ง เงยหน้าขึ้นสูงๆอย่างดื้อรั้น ชี้นิ้วไปทางเฉินตง: “เขา คือไอ้สวะที่ไม่เอาไหน คือชายหงส์จนๆคนหนึ่ง คือขยะที่ฉันไม่เอาแล้วโยนทิ้ง ในเมื่อเธออยากจะเก็บขยะ งั้นก็เก็บไปเลย กูไม่เสียดายหรอก!”

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจน

ในห้อง ทุกคนตะลึงกันหมด

ใบหน้าสวยๆอย่างกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความเยือกเย็น จากการอบรมเลี้ยงดูของตระกูลแล้ว วินาทีนี้ก็ทนไม่ไหวที่จะยื่นมือออกมาตบตีคน

“ครั้งนี้ ฉันตบแทนเฉินตง!” กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างเย็นชา

เฉินตงตะลึงจนทำตัวไม่ถูก หัวใจกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง

จากนั้น กู้ชิงหยิ่งมองหน้าหวางเต๋อจางซิ่วจือและหวางเห้า แล้วหัวเราะเสียงหนึ่ง: “ตระกูลหวางอย่างพวกคุณ เอาความเย่อหยิ่งทะนงตัวมาจากไหน? ก็เพราะมีเพียงทะเบียนบ้านที่เมืองนี้ใบเดียว? ก็รู้สึกว่าเฉินตงบังอาจเอื้อม?”

“คนเป็นพ่อแม่ลำเอียงอยากมีหน้ามีตา คนเป็นน้องเป็นแค่นักเลงขอกินขอใช้รอแต่ความตาย แล้วก็หวางหนันหนัน เธอมันปีศาจฝูตี้ พวกคุณมันไม่มีอะไรดีทั้งครอบครัว!”

เสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยม ดังกังวานอยู่ในห้องผู้ป่วย

กู้ชิงหยิ่งรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเฉินตงและตระกูลหวาง และสงสารมาโดยตลอด ตอนที่เผชิญกับตระกูลหวางที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้เธอจะอดทนได้แค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้เฉินตงถูกรังแกอีก

ในใจของเธอ เฉินตงถูกรังแกมากพอแล้ว

แม้แต่เงินช่วยชีวิตแม่ของตนเอง ก็ถูกตระกูลหวางเอาไปให้น้องชายซื้อบ้าน จะให้เฉินตงยอมแค่ไหนถึงจะพอ?

“เฉินตงไปทำอะไรให้ตระกูลหวางเหรอ? เขาสอบได้ที่หนึ่งทั้งสี่ปีตอนเรียนมหาลัย เงินรางวัลนักเรียนดีเด่นเยอะแยะ เขาเป็นแค่ขยะงั้นเหรอ?”

“เขาเรียนจบมาแค่สามปี ก็เป็นถึงรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ส่วนพวกคุณนอกจากทะเบียนบ้านใบเดียว ยังมีอะไรดี? ตกลงใครบังอาจเอื้อมใครกันแน่?”

“เขากับหวางหนันหนันแต่งงานกันมาสามปี คอยช่วยเหลือเรื่องเงินกับตระกูลหวางตลอด เงินที่ได้มาจากการทำงานมีเท่าไหร่ก็ให้หวางหนันหนันเอากลับบ้านพวกคุณหมด? แม้กระทั่งเงินที่เอาไว้ช่วยชีวิตแม่ของเขา สุดท้ายก็ถูกหวางหนันหนันเอามาให้หวางเห้าซื้อเรือนหอ นี่หรือชายหงส์ที่ยากจนในสายตาพวกคุณ?”

ซักถามเป็นชุดใหญ่ ทำให้หวางเต๋อจางซิ่วจือและหวางเห้าตะลึงจนตาค้าง

หวางหนันหนันสองมือจับหัว ตะโกนร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจ: “พอแล้ว กู้ชิงหยิ่ง แกมันก็แค่คนที่เก็บรองเท้ามือสอง(เอากับผู้หญิงสำส่อน)!”

“เหอะเหอะ!”

กู้ชิงหยิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา: “พวกคุณรู้สึกว่าเฉินตงคือรองเท้ามือสองเหรอ? เป็นขยะ? ดี งั้นฉันเก็บไปจริงๆละกัน!”

เฉินตงมองหน้ากู้ชิงหยิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

“คนตระกูลหวางก็คือปลิงที่คอยเกาะตัวและดูดเลือดของเฉินตงนั่นแหล่ะ หวังเงินฆ่าคนยังจะมาเย่อหยิ่งผยองไม่รู้จักยางอาย รู้สึกว่าตัวเองสูงส่งมาก?”

กู้ชิงหยิ่งและเฉินตงจับมือประสานกันทั้งสิบนิ้ว ยกขึ้นมาสูงๆ เหมือนกำลังประท้วงอย่างนั้น: “พวกคุณไม่เอา ฉันเอา! ฉันชอบเฉินตง ฉันจะคบกับเฉินตง อีกอย่างฉันจะบอกอะไรให้ ฉันมีความสามารถที่จะทำให้เขาไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิต แล้วเดินขึ้นไปที่สูงสุด!”

บทที่ 39 ผู้หญิงสามคนพูดคุยกัน

ลังเลอยู่สักพัก เฉินตงอัดอั้นความคิดที่อยากจะบอกกู้ชิงหยิ่งทันที

เขามองดูกู้ชิงหยิ่งที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ ยิ้มและพูด

“เสี่ยวหยิ่ง อีกสักช่วงเวลาหนึ่งผมมีอะไรเซอร์ไพรส์คุณ”

กู้ชิงหยิ่งเป็นเพื่อนของเขา เรื่องหลายๆอย่าง ควรจะบอกความจริงให้เขารู้

เขาไม่อยากให้สิ่งที่กำลังประสบอยู่ในเดือนนี้ ในตอนที่กู้ชิ่งหยิ่งเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ทำให้เธอรู้สึกสงสาร

“เซอร์ไพรส์?”

กู้ชิงหยิ่งกระตุกคิ้ว ไม่ตามซักถาม แต่ยิ้มๆและพยักหน้า: “โอเค”

ขับรถเข้าไปในที่จอดรถของโรงพยาบาล

หลังจากลงจากรถแล้ว กู้ชิงหยิ่งให้เฉินตงช่วยถือของ

เปิดกระเป๋าเดินทางออกมา เฉินตงตกตะลึงจนหยุดชะงักกับที่

เต็มไปด้วยผลไม้และอาหารเสริมบำรุงร่างกาย ยัดเต็มกระเป๋าทั้งใบ

“มาเยี่ยมคุณป้าครั้งแรก จะเสียมารยาทไม่ได้ แค่ซื้ออะไรมานิดหน่อย ไม่รู้คุณป้าชอบหรือเปล่า?” กู้ชิงหยิ่งยิ้มและพูดไปด้วย

หัวใจของเฉินตงกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง

คำพูดล้อเล่นคำเดียวของกู้ชิงหยิ่ง เหมือนเข็มเล็กๆทิ่มเข้าไปในใจของเขา

เขาเข้าใจแม่มาก ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะมาด้วยมือเปล่า แม่ของเขาต้องดีใจอย่างแน่นอน

เมื่อเทียบความเคารพนับถือกับกู้ชิงหยิ่งแล้ว บางคน สามปีไม่เคยมาเยี่ยม ในปากยังคอยด่าว่า “ตาแก่ผีบ้า”

คนหนึ่งคือเพื่อน คนหนึ่งคืออดีตภรรยา ทั้งสองคน แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

“เป็นอะไร?”

กู้ชิงหยิ่งถาม

“ไม่มีอะไร คุณซื้อมาเยอะเกินไปแล้ว!” เฉินตงพยายามยิ้มไว้ ถือของทั้งหมดเข้าไปในโรงพยาบาล

ส่วนกู้ชิงหยิ่งถือผลไม้ถึงเดียวและเดินตามอยู่ด้านหลัง รีบพูด: “เฉินตงคุณรอฉันด้วย ฉัน ฉันรู้สึกตื่นเต้น คุณเข้าไปพร้อมกับฉันนะ”

ในห้องผู้ป่วย

หลี่หลานกำลังพูดคุยกับฟ่านลู่อย่างมีความสุข

ตั้งแต่ที่ฟ่านลู่มาดูแล อาการป่วยของหลี่หลานดีขึ้นมาก สีหน้าก็อมชมพูขึ้นมาก

หลี่หลานชอบฟ่านลู่เหมือนลูกตัวเองเลย

ส่วนฟ่านลู่ก็รู้สึกถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงตั้งใจดูแลหลี่หลานอย่างดี

เฉินตงผลักประตูเข้ามา เห็นทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุขพอดี

“คุณเฉิน”

ฟ่านลู่รีบลุกขึ้นยืน รีบเข้ามาช่วยถือของบนมือของเฉินตง

“ตงเอ๋อ ทำไมซื้อของมาเยอะขนาดนี้ล่ะ?” หลี่หลานพูดด้วยความแปลกใจ

หลายปีมานี้ เธอมีชีวิตที่ลำบากมาตลอด ถึงแม้หลังจากที่เฉินตงรวยแล้ว เพราะเธอยังเจ็บป่วยอยู่ จึงไม่เคยได้รับอะไรดีๆเลย

เห็นเฉินตงซื้อของมาเยอะขนาดนี้ เธอรู้สึกสงสารเอ็นดู

นี่ต้องใช้เงินของลูกไปตั้งเท่าไหร่?

“เพื่อนของผมซื้อมาครับ”

เฉินตงยิ้มและหันกลับไปเรียกกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งกลับค่อยๆเดินเข้าไปด้วยความเกร็งกลัว เหลือบตาไปมองหน้าเฉินตง

บอกให้คุณรอก่อนรอก่อน แต่ก็รีบร้อนเข้ามาเองก่อน ตอนนี้ทำให้เธอต้องตื่นเต้นขนาดนี้

แต่ว่า เธอก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว: “คุณป้าสวัสดีค่ะ หนูเป็นเพื่อนของเฉินตงค่ะ ชื่อกู้ชิงหยิ่ง”

“สวัสดี สวัสดี”

หลี่หลานยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน แต่หันไปมองเฉินตง แล้วเปลี่ยนสีหน้าไปอีกแบบ: “เฉินตง ลูกยังไม่รีบไปช่วยเธอถือของอีก?”

ภาพนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งหัวเราะออกมานิดๆ สีหน้าที่ตื่นเต้นโล่งใจขึ้นมามาก

เธอรีบยื่นผลไม้ไปบนมือของเฉินตง จากนั้นเดินเข้าไปตรงหน้าของหลี่หลานด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม: “มีแต่คุณป้าที่รู้จักเอ็นดูคนอื่น”

หลี่หลานยิ้ม มองดูหน้าตาของกู้ชิงหยิ่งแล้ว รู้สึกคุ้นๆ: “คุณกู้ ป้าเคยเห็นหนูที่ไหนรึเปล่า?”

เฉินตงวางผลไม้ลง กำลังจะอธิบาย

กู้ชิงหยิ่งรีบพูดขึ้นมากะทันหัน: “ไม่มีนี่คะ หนูก็เพิ่งเจอหน้าคุณป้าครั้งแรก”

เฉินตงมองหน้ากู้ชิงหยิ่งด้วยความแปลกใจ

ตอนที่เรียนมหาลัยสี่ปี กู้ชิงหยิ่งเคยเจอแม่อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งในงานแต่งเมื่อสามปีก่อน เธอยังเป็นเพื่อนเจ้าสาวอีกด้วย

เพราะสามปีไม่เคยได้เจอกัน คุณแม่อายุเยอะขึ้น จึงนึกไม่ค่อยออกในทันทีทันใด

กู้ชิงหยิ่งทำไมไม่ยอมรับล่ะ?

หลี่หลานยิ้มๆและพยักหน้า ไม่ซักถามอีกต่อไป

แต่หันไปพูดกับฟ่านลู่: “เสี่ยวลู่ รบกวนหนูไปรินน้ำแก้วหนึ่งให้คุณกู้หน่อยนะ”

“ได้ค่ะคุณป้า” ฟ่านลู่เริ่มยุ่งๆขึ้นมา ไม่เพียงแค่รินน้ำให้กู้ชิงหยิ่ง ยังหยิบผลไม้ออกมาบางส่วน เอาไปล้างน้ำด้านนอก เตรียมเอาไว้รับแขก

ทำโน่นทำนี่ เฉินตงดูแล้วรู้สึกพอใจมาก

อีกทั้งเขายังดูออก แม่พอใจฟ่านลู่มาก

แต่กู้ชิงหยิ่ง มองดูฟ่านลู่แล้ว อดใจไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

แต่ว่า ไม่นานนัก กู้ชิงหยิ่งก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม จับมือหลี่หลานไว้และคุยกันอย่างสนิทสนมขึ้นมา

เฉินตงนั่งอยู่ข้างๆ มองดูกู้ชิงหยิ่งและหลี่หลานที่คุยกันอย่างมีความสุข จึงไม่รบกวนเขาสองคน

ไม่นานนัก ฟ่านลู่ถือผลไม้กลับมา

ผู้หญิงทั้งสามคน คุยกันอย่างมีความสุขมากกว่าปกติ

กู้ชิงหยิ่งก็ไม่ได้เล่นตัว แต่กลับเรียบง่ายเข้ากับคนได้ดี อีกทั้งยังรับแอปเปิ้ลจากมือฟ่านลู่มาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้หลี่หลานกินเข้าปากง่ายๆ

ไม่นาน เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไป

เพราะเวลาดึกมากแล้ว เฉินตงพูดก่อนว่าจะกลับแล้ว

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าและยิ้มพูดกับหลี่หลาน: “คุณป้าพักผ่อนเยอะๆนะคะ ต่อไปหนูจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ”

“ดีดีดี”

หลี่หลานพยักหน้า แล้วพูดกับเฉินตง: “ตงเอ๋อ ฟ้ามืดแล้ว อย่าลืมส่งคุณกู้กลับบ้านด้วยล่ะ”

“รู้แล้วครับแม่”

เฉินตงพยักหน้า

เดินออกจากห้องผู้ป่วยแล้ว ในที่สุดเฉินตงก็อดใจไม่ไหวที่จะถาม: “จริงสิ เมื่อกี้ทำไมคุณไม่บอกแม่ผม คุณกับผมเป็นเพื่อนนักเรียนกัน ยังเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ผมอีกด้วย”

“ผู้ชาย ทำอะไรคิดไม่รอบคอบเลย”

กู้ชิงหยิ่งเหล่ตามองเฉินตง: “อาการป่วยของคุณป้าในตอนนี้ กระทบกระเทือนจิตใจได้เหรอ? ถ้าฉันยอมรับว่าเคยเป็นเพื่อนนักเรียนยังเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวอีก จะทำให้เขานึกถึงแต่เรื่องเก่าๆนึกถึงเรื่องคุณกับหนันหนันรึไง?”

เฉินตงตกตะลึงไปสักพัก

ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ชิงหยิ่งตักเตือน เขายังนึกไม่ถึงจุดนี้

ไม่รอให้เขาตื่น ข้างหูก็มีเสียงคำพูดแปลกๆของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้น

“จริงสิ คุณยังไม่บอกฉันเลย ฟ่านลู่ที่ดูแลคุณป้าคนนั้น คือใครกัน?”

เฉินตงยักคิ้ว: “นางพยาบาลที่จ้างมาดูแลแม่ไงครับ”

“ใช่นางพยาบาลจริงๆเหรอ?” กู้ชิงหยิ่งรู้สึกมีลางสังหรณ์และบ่นไปด้วย: “งั้นทำไมฉันรู้สึกว่าคุณป้าดีกับเธอมากเลยล่ะ? เมื่อกี้ตอนที่พูดคุยกัน คุณป้าคุยกับเธอ ยังเยอะกว่าที่คุยกับฉันเลยนะ”

เฉินตงพูดอะไรไม่ออก กู้ชิงหยิ่งคิดมากเกินไปรึเปล่า?

แต่เขาก็ยังอธิบายว่า: “บางทีอาจจะเป็นเพราะฟ่านลู่ดูแลได้ดี อีกอย่างตัวเธอก็ดูน่าสงสารด้วย แม่ผมคงจะเป็นเพราะรู้เรื่องราวของเธอด้วย”

“เรื่องอะไร?” กู้ชิงหยิ่งถาม

เฉินตงส่ายหัว แต่ไม่เอ่ยปากพูด

ฟ่านลู่เป็นผู้หญิง ผู้หญิงรักสวยรักงามที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็น ก็ไม่ทำให้มือของตนเองด้านหนาขนาดนี้? นี่คือเรื่องส่วนตัวของฟ่านลู่ เขาควรจะต้องให้เกียรติเธอบ้าง

“ชิ…..ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด”

กู้ชิงหยิ่งทำปากจู๋ “ในเมื่อเป็นแค่นางพยาบาลของคุณป้า งั้นก็ไม่เป็นไร”

“อะไรไม่เป็นไร?” เฉินตงถามด้วยความไม่เข้าใจ

กู้ชิงหยิ่งรีบหลบสายตา กำลังจะเปลี่ยนเรื่องพูด

ทันใดนั้น เสียงตะโกนเรียกก็ดังขึ้น

“ชิงหยิ่ง?!”

ทั้งสองคนตกใจทันที เงยหน้ามาดู

ที่ที่ไม่ไกลนัก หวางหนันหนันถือแก้วเก็บน้ำร้อน กำลังมองดูเขาสองคนอย่างประหลาดใจ

บทที่ 38 เกาะคนกินโดยไม่รู้ตัว

เวลาใกล้เที่ยง

เฉินตงกำลังจะออกจากบริษัท เพื่อไปเจรจาเรื่องสัญญา

ทันใดนั้น เสี่ยวหม่ารีบร้อนวิ่งเข้ามาที่ห้องทำงาน

“พี่ตงครับ แย่แล้ว!”

เฉินตงขมวดคิ้วและยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ: “เรื่องอะไร?”

“ประธานบริษัทลี่ยิงมาที่บริษัทเราด้วยตนเองแล้ว” เสี่ยวหม่าพูด

พู่!

น้ำชาในปากของเฉินตงพุ่งออกมาทันที สีหน้าตกตะลึง

ถึงว่าเสี่ยวหม่ารีบร้อนใจขนาดนี้

ลี่ยิงคือบริษัทวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ บริษัทอสังหาที่ร่วมมือกันก็มีแต่บริษัทที่อยู่สิบลำดับต้นๆ

บริษัทอย่างไท่ติ่ง ในสายตาลี่ยิง ก็แค่เนื้อมด

ถึงแม้จะมีสัญญาของโครงการปรับเปลี่ยนย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองอยู่ในมือ เรื่องเจรจาก็ควรจะเป็นพวกเขาที่จะเป็นฝ่ายเข้าไปหาบริษัทลี่ยิง

“ไปดูซิ”

เฉินตงลุกขึ้น เดินตามเสี่ยวหม่าออกไปด้านนอก

ในห้องประชุม

จางเห้อหมิงขมวดคิ้วแน่น ในมือถือสัญญาและในเสนอราคา แต่ในใจของเขากำลังหยดเลือด

แค่คำว่าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้แผนการอันดีของเขาที่วางไว้ก่อนหน้านั้น ถูกฟันจนย่อยยับในพริบตา

ราคาบ้านในย่านเมืองตะวันตกที่พุ่งขึ้นตามลำดับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์สิบลำดับต้นของเมืองเราต่างอิจฉากันจนตาแดงมาก

ส่วนตัวเขาก็รู้ดี ในนี้สามารถทำกำไรได้สูงขึ้นเยอะมาก

นี่คือเค้กก้อนใหญ่ ที่กำลังส่องประกายเป็นสีทองเลยทีเดียว

อีกทั้งยังเป็นที่แน่นอนว่ามีแต่บริษัทลี่ยิงเท่านั้นที่สามารถทำได้

ดังนั้นเขาถึงแกล้งทำเป็นยืดเยื้อกับไท่ติ่ง พยายามหาทางเอากำไรให้ได้มากที่สุด

แต่ว่า ลูกสาวคนเดียวของเจ้านายใหญ่กู้ชิงหยิ่ง ทำการตัดสินใจเช่นนี้ เขาไม่สามารถคัดค้านได้

ตอนที่เฉินตงและเสี่ยวหม่าเดินมาถึงห้องประชุม เห็นท่าทางของจางเห้อหมิงที่กำลังรู้สึกเจ็บอกเจ็บใจพอดี

เฉินตงทำท่านิ่งๆและยิ้มเล็กน้อย: “ท่านประธานจางมาเยือนถึงที่ ต้องขออภัยที่เสียมารยาทให้ท่านต้องรอ”

“ประธานเฉิน” จางเห้อหมิงยิ้มอย่างขมขื่น จับมือกับเฉินตง แล้วก็พูดว่า: “ครั้งนี้บริษัทไท่ติ่งของคุณกำลังจะบินไกลแล้วนะครับ”

คุณค่าของโครงการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ย่านสลัมภาคตะวันตกของเมือง เฉินตงเข้าใจดี

เขายังรู้อีกว่า เจ้าของบริษัทอสังหาทั้งหมดต่างก็อิจฉาตาร้อนจนจะกลายเป็นกระต่ายอยู่แล้ว

สำหรับคำพูดแบบนี้ เขาไม่ถอนตัว ยิ้มๆเล็กน้อย

เพี๊ยะ!

จางเห้อหมิงวางใบเสนอราคาวางลงบนโต๊ะ: “คุณดูก่อนนะครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเราสามารถเซ็นสัญญานี้ให้เรียบร้อยได้เลย”

เฉินตงตะลึง เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างๆก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

บริษัทลี่ยิงทำไมปล่อยวางอย่างกะทันหัน?

ท่านประธานจาง ยังวิ่งมาเซ็นสัญญาด้วยตนเองอีกด้วย?

เฉินตงหยิบสัญญาขึ้นมาเปิดดูด้วยความแปลกใจ

แค่ดูไปได้สองหน้า เขาก็ตกใจแล้ว: “ท่านประธานจาง คุณแน่ใจหรือเปล่าครับว่าไม่ได้หยิบสัญญามาผิด?”

“บนนั้นยังมีชื่อฝ่ายA/B จะผิดได้ยังไงครับ” จางเห้อหมิงเอามือนวดขมับ เขารู้สึกเจ็บกะโหลกนิดหน่อย

เฉินตงเปิดดูสัญญาอย่างรวดเร็ว แต่คิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่รู้ว่าจริงๆว่ามีปัญหาตรงไหน!

ราคาวัสดุที่เสนอมาทั้งหมด ต่ำกว่าก่อนหน้านั้นตั้งสามเปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งวิธีการชำระเงิน ยังเปลี่ยนเป็นจ่ายทีละไตรมาส ก่อนหน้านั้นต้องจ่ายทุกเดือนนะ!

จ่ายเงินเป็นไตรมาส นั่นคือวิธีการจ่ายเงินที่บริษัทลี่ยิงมั่นใจในความสามารถของคู่ค้าถึงจะสามารถทำได้

สัญญาฉบับนี้ สำหรับเขาและบริษัทไท่ติ่งแล้ว มันเหมือนทองตกลงมาจากฟ้าชัดๆ!

แม้กระทั่งตัวเขาเอง ยังตกใจจนเนื้อกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

ดูสัญญาจนจบอย่างรวดเร็วแล้ว เฉินตงยื่นสัญญาให้เสี่ยวหม่า

เสี่ยวหม่าเปิดดูไปแค่หน้าเดียว ตกตะลึงทันที: “เชี่ย!”

ตกใจจนร้องเสียงดังออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที รีบหันไปขอโทษเฉินตงและจางเห้อหมิง

จากนั้น เสี่ยวหม่าก็ก้มหน้าดูสัญญา ยิ่งดูยิ่งตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก

“ไม่ต้องดูแล้ว สัญญาฉบับนี้ ทำให้ผมเจ็บใจ” จางเห้อหมิงดูอย่างอัดอั้นใจ

“เสี่ยวหม่า เอาปากกามา”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อยและพูด

สัญญาฉบับนี้ เซ็นเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

จับมือกันแล้ว จางเห้อหมิงกล่าว: “อีกอย่าง ตั้งแต่วันนี้ไป ผมคือรองประธานบริษัทลี่ยิงแล้ว สัญญาฉบับนี้ คุณต้องขอบคุณท่านประธานคนใหม่ของเรา”

เฉินตงส่งจางเห้อหมิงออกจากบริษัทด้วยความสงสัย

เสี่ยวหม่าอดกลั้นความตื่นเต้นในใจและพูดว่า: “พี่ตงครับ บริษัทลี่ยิงเปลี่ยนทัศนคติกับบริษัทเรามากเกินไปแล้ว คุณว่าท่านประธานคนใหม่ที่เพิ่งมารับตำแหน่งที่บริษัทลี่ยิง เค้าเสียสติหรือเปล่า?”

อย่าว่าแต่เสี่ยวหม่าเลย แม้แต่ตัวเขาเองยังคิดเช่นนี้

ปรับราคาลงสามเปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนเป็นชำระเงินทุกไตรมาส

นี่คือการช่วยเหลือไท่ติ่งชัดๆ!

“รีบทำงานเถอะ จางเห้อหมิงบริหารลี่ยิงมานานหลายปีขนาดนี้ ประธานคนใหม่ทำให้เขาต้องลดตำแหน่งลงไปเป็นรองประธาน ต้องมีฝีมือและความสามารถของเขา ถ้าเขาอยากช่วย บุญคุณครั้งนี้พวกเราและบริษัทไท่ติ่งต้องจดจำไว้แน่นอน”

เฉินตงตบๆไหล่ของเสี่ยวหม่า

ที่จริงเขาพอจะเดาออกเล็กน้อย

ตามที่เสี่ยวหม่าพูดเช่นนั้น บุญคุณที่ช่วยเหลือไท่ติ่งสามารถบินได้สูงขึ้นครั้งนี้ เขาไม่มีทางที่จะลืม

หลังจากที่โครงการภาคตะวันตกของเมืองเสร็จเรียบร้อย ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ไท่ติ่งมีฐานะเปลี่ยนไปมาก

หลังจากนี้การเจริญเติบโตของไท่ติ่ง ยังมีงานเยอะแยะมากมายที่ร่วมมือกัน

ถ้าจะให้พูดจริงๆล่ะก็ บางทีสายตาของท่านประธานคนใหม่กว้างไกลกว่าจางเห้อหมิง

แต่ว่า สัญญาช่วยเหลือฉบับนี้ ก็ยังทำให้เขารู้สึกฝืนความคิดของตนเองอยู่

แบ่งกำไรสามเปอร์เซ็น นี่เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยจริงๆ!

เฉินตงกลับไปนั่งในห้องทำงานด้วยความสงสัยและแปลกใจมาก

ปั้ง!

เสี่ยวหม่ารีบวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนอีกครั้ง: “พี่ตง จาง ประธานจางกลับมาอีกแล้ว เขาอยากเปลี่ยน เปลี่ยนสัญญา!”

เฉินตงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

เพิ่งจะเซ็นสัญญาเสร็จ ก็จะรีบกลับมาเปลี่ยน?

ทำเหมือนเด็กเล่นขายของรึไง?

ไม่รอให้เขาลุกขึ้น จางเห้อหมิงเดินเข้ามาที่ห้องทำงานทันที

สีหน้าของเขาในตอนนั้น ดำจนเหมือนถ่านอย่างนั้น

เขาไม่รู้ว่ากู้ชิงหยิ่งคิดยังไงจริงๆ

เพิ่งจะเดินออกจากไท่ติ่ง โทรมากริ๊งเดียวให้เขากลับมาอีกครั้ง อีกอย่างข้อมูลที่เปลี่ยนในสัญญา…..

“ท่านประธานจาง……” เฉินตงเอ่ยปากถาม

จางเห้อหมิงโบกมือ ขัดขวางคำพูดของเขา: “ไม่ต้องถามแล้ว เปลี่ยนข้อตกลงในสัญญาใหม่ วิธีชำระเงินเปลี่ยนเป็นจ่ายสิ้นปี!”

เปรี้ยง!

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

เสี่ยวหม่ายิ่งตกใจพูดไม่ค่อยออก: “จริง จริงเหรอครับ?”

“ไม่ต้องพูดแล้ว เปลี่ยนเถอะ” จางเห้อหมิงหน้าบึ้ง นวดขมับอย่างแรง

“เสี่ยวหม่า รีบไป” เฉินตงพูดอย่างตกตื่นใจ

สัญญาที่ให้ความช่วยเหลือถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่รีบๆเซ็น งั้นก็โง่สิ?

ถึงแม้ไม่รู้ว่าประธานคนใหม่ของบริษัทลี่ยิงทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ แต่เขาไม่จำเป็นต้องโง่ไปสืบสาวให้ถึงที่สุด

ไม่ช้า สัญญาได้ถูกพิมพ์ขึ้นมาใหม่

จางเห้อหมิงไม่ดูก็เซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว

ที่จริงแล้ว ในใจของเขา สัญญาฉบับนี้มีข้อมูลอะไรยังไงบ้าง เขาไม่จำเป็นต้องดูแล้ว

กู้ชิงหยิ่งแก้สัญญาจนเป็นแบบนี้แล้ว ดูไปก็ไม่มีประโยชน์

เห็นจางเห้อหมิงจะเดินออกไป เฉินตงก็ยังอดใจไม่ไหวที่จะถามคำหนึ่งด้วยความดีใจ: “ท่านประธานจางครับ ประธานที่มาใหม่หมายความว่า…..”

“ไม่มีอะไร เธอไม่ได้หมายความว่าอะไรเลย”

จางเห้อหมิงโบกมือด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

มันก็ไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลยเหรอ!

ในเมื่อเจ้านายใหญ่รวย ลูกสาวอยากจะเผาผลาญทรัพย์สมบัติ ใครจะขัดขวางได้?

ตอนเย็น

เพื่อฉลองที่ได้เซ็น “สัญญาช่วยเหลือ”นี้สำเร็จ พนักงานบริษัทบ่นอยากจะฉลองสักหน่อย

เฉินตงยิ้มและหยิบเงินส่วนหนึ่งให้เสี่ยวหม่า ให้เขาพาพนักงานไปฉลอง

ส่วนเขา ยังต้องไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาล

เมื่อวานตกลงกับกู้ชิงหยิ่งไว้แล้ว

ตอนที่เขาเดินออกจากบริษัท ก็มองเห็นรถปอร์เช่911จอดอยู่ข้างถนนอยู่ไกลๆ

นั่งขึ้นไปบนรถ หน้าตาของเฉินตงก็ยังนิ่งๆ ทำให้กู้ชิงหยิ่งตะลึงและแปลกใจ

“คนบ้างาน คุณทำไมสีหน้าไม่ค่อยดี?” กู้ชิงหยิ่งถาม ในใจคิดหรือว่าราคาที่เสนอไปยังสูงไปหน่อยรึเปล่า?

“ไม่มีอะไร ขับรถเถอะ” เฉินตงตอบ

“ชิ คุณไม่พอใจจริงๆนิ”

กู้ชิงหยิ่งสตาร์ทรถ ขับรถไปตามถนน: “พูดออกมาเร็วๆ ให้ฉันดีใจหน่อยซิ”

เฉินตงพยักหน้า เปิดปากยิ้ม: “บังเอิญว่า ผมก็รู้สึกดีใจจริงๆ วันนี้ได้เซ็นสัญญากับบริษัทวัสดุก่อสร้างลี่ยิงเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างใบเสนอราคาวัสดุและวิธีการชำระเงิน ก็เข้าข้างทางบริษัทไท่ติ่งทั้งหมด อีกจางเห้อหมิงอดีตประธานลี่ยิงยังบอกว่า ประธานที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นคนตัดสินใจ ผมกำลังแปลกใจเรื่องนี้แหล่ะ ดังนั้นจึงยิ้มไม่ออก”

“คริคริ……บางทีท่านประธานคนใหม่เค้าอาจจะชื่นชอบคุณไงล่ะ?”

กู้ชิงหยิ่งดีใจจนหัวเราะขึ้นมา

“พูดไปเรื่อย” เฉินตงเหล่ตามอง

กู้ชิงหยิ่งกระพริบกระพริบตาและตอบ: “เป็นยังไง? งานใหญ่สำเร็จแล้ว ท่านรองประธานอย่างคุณมีหน้ามีตาในบริษัทขึ้นมาบ้างป่าว? เจ้านายคุณชมคุณหรือเปล่า?”

เฉินตงทำสีหน้าหายใจไม่ออก

เขายังไม่ได้บอกกู้ชิงหยิ่งว่า ตอนนี้ตนเองก็คือเถ้าแก่ของบริษัทไท่ติ่ง

ตอนนี้……จะพูดดีไหม?

บทที่ 37 ผลาญทรัพย์สมบัติ

เช้าตรู่วันที่สอง

กู้ชิงหยิ่งออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้า เดินทางไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างของพ่อเพื่อทำการส่งมอบหน้าที่การงาน

กับธุรกิจครอบครัวของพ่อแล้ว บริษัทวัสดุก่อสร้างนี้ไม่มีอะไรจริงๆ

ถ้าที่นี่ไม่ใช่เป็นบริษัทแรกที่พ่อก่อตั้งและบริหารตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ก็คงจะไม่เก็บบริษัทไว้พัฒนาต่อเรื่อยมา

เพราะเฉินตงทำงานอยู่ที่บริษัทไท่ติ่ง เธอจึงเข้าไปทำงานบริษัทที่มีธุรกิจคล้ายคลึงกัน จะได้ช่วยเหลือเฉินตงได้ง่ายขึ้น

ตอนที่เฉินตงไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วกลับไปทำงานที่บริษัท

เสี่ยวหม่าก็รีบร้อนถือเอกสารเป็นปึกเดินเข้ามา

“พี่ตงครับ นี่มีเรื่องด่วนที่ต้องให้คุณตัดสินใจ”

วางเอกสารลง เสี่ยวหม่าก็พูดต่อ: “เพราะโครงการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ย่านสลัมเมืองภาคตะวันตกกว้างและใหญ่เกินไป ดังนั้นครั้งนี้พวกเราจึงหาบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้เพื่อซัพพลายวัสดุก่อสร้างให้กับทางเรา แต่ตอนนี้พวกเขายังลังเลไม่มีการตอบรับ เพราะคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่ง”

เฉินตงหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่แสดงกิริยาอาการที่ตกใจมากนัก

บริษัทไท่ติ่งเป็นแค่หนึ่งในบริษัทอสังหาที่มีเป็นร้อยเป็นพัน เป็นธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม้แต่หนึ่งในสิบก็ยังเบียดเข้าไปไม่ได้

คุณสมบัติ เป็นบาดแผลใหญ่ของบริษัทไท่ติ่งมาโดยตลอด

พูดอย่างไม่เกรงใจเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ต้าเป่าเป็นประธานใหญ่ในช่วงก่อน ชอบดื่มเหล้าชอบสาวๆสวยๆ ยอมเซ็นสัญญาที่มีมูลค่ามากถึงสามสิบล้านอย่างไม่คิด บริษัทไท่ติ่งก็คงจะได้งานใหญ่ขนาดนี้ยาก

เพราะความผิดพลาดของเขาครั้งนั้น ทำให้เราได้โอกาสพลิกผันขนาดนี้ แต่ว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้ ถ้ายังให้บริษัทวัสดุก่อสร้างมาซัพพลายสินค้าให้กับไท่ติ่งเหมือนเมื่อก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าทำไม่ได้แน่นอน

พวกเขาไม่สามารถทำได้!

แต่การหาบริษัทวัสดุก่อสร้างมาร่วมมือด้วย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง

“บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่?”

มองดูข้อมูลในเอกสารแล้ว เฉินตงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่น: “นี่เป็นซัพพลายเออร์สำหรับบริษัทก่อสร้างโครงการใหญ่ของเมืองนี้เชียวนะ คุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งอย่างเรา แตกต่างกันเกินไปจริงๆ”

“ใช่ครับ สาเหตุก็เพราะคุณสมบัติบริษัท ดังนั้นถึงแม้จะรู้ว่าเราได้งานโครงการในภาคตะวันตกของเมืองแล้ว พวกเขาก็ยังลังเล”

เสี่ยวหม่าเครียดมาก: “ดังนั้นพี่ตงว่าพวกเราจะพยายามเข้าเจรจาด้วย หรือว่าเปลี่ยนบริษัทวัสดุก่อสร้างอื่นๆดี? หรือว่าจะใช้บริษัทวัสดุก่อสร้างที่เคยร่วมงานเมื่อก่อน?”

“บริษัทวัสดุก่อสร้างเมื่อก่อน พวกเขาซัพพลายสินค้าโครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหวหรอก เมืองนี้ก็ไม่มีบริษัทไหนที่ใหญ่กว่าบริษัทยิงลี่แล้ว”

เฉินตงวางเอกสารลง ยิ้ม: “พอละ เข้าไปเจรจาอีกครั้ง บ่ายวันนี้ ผมจะไปขอพบประธานบริษัทของเขาด้วยตนเอง”

อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาสามปี เขาเข้าใจดีทุกอย่าง

สาเหตุเพราะคุณสมบัติของบริษัท มันก็แค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น

อีกทั้ง ตอนนี้ไท่ติ่งมีโครงการในภาคตะวันตกของเมืองอยู่ในมือ หลังจากที่มีข่าวบริษัทยี่เคอเข้าร่วมลงทุนแล้ว ราคาบ้านของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ

ขอแค่ประธานของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ไม่โง่ ต้องยอมร่วมมือด้วยแน่นอน

ที่ยังลังเลอยู่ในตอนนี้ ก็แค่เรื่องการเงินและกำไรยังคุยไม่ถึงจุดสำคัญเท่านั้น

แต่ว่าครั้งนี้ บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เหมือนจะโลภมากไปหน่อย!

ที่สำนักงานใหญ่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน กำลังเปิดอ่านเอกสารในด้านต่างๆนาๆ

ถึงแม้พ่อจะโทรเข้ามาสั่งการไว้ ทำให้เธอและประธานบริษัทคนเก่าส่งมอบงานกันอย่างราบรื่น อีกทั้งประธานคนเก่าจะยินดีฝึกอบรมเธอ

แต่ถ้าอยากจะถือครองบริษัทนี้อย่างเต็มที่ ลำดับแรกต้องเข้าใจสถานการณ์การบริหารงานของบริษัทและเรื่องอื่นๆอีกด้วย

เธอยากจะช่วยเหลือเฉินตง ก็ต้องรีบยืนหยัดอยู่ในบริษัทนี้ให้ได้

ตงตง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

กู้ชิงหยิ่งไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง: “เข้ามาค่ะ”

มีหนุ่มอายุสามสิบกว่าๆ ใส่สูทเต็มยศเดินเข้ามา

เขาคือประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จางเห้อหมิง สาเหตุเพราะกู้ชิงหยิ่ง ได้มาเป็นประธานอย่างราบรื่น

เรื่องนี้ จางเห้อหมิงไม่รู้สึกว่าไม่พอใจเลยสักนิด

กู้ชิงหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้านายใหญ่ของเขา อาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ ให้ลูกสาวมาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ นั่นคือการให้เกียรติบริษัทยิงลี่ ให้เกียรติเขา

ยิ่งไปกว่านั้น เขาชื่นชมในความสามารถของกู้ชิงหยิ่งมาก

ท่านนี้ ไม่ใช่ลูกหลานไฮโซที่เอาแต่ใช้เงินเที่ยวเตร่จริงๆ

อีกทั้ง เป็นเพราะอายุต่างกันไม่มาก ดังนั้นจางเห้อหมิงยังมีความคิดอย่างอื่นอีกด้วย

แต่ว่าทั้งหมดนี้ ยังแสดงออกมาไม่ได้ในตอนนี้

จางเห้อหมิงนำเอกสารชุดหนึ่งวางบนโต๊ะของกู้ชิงหยิ่ง ยิ้มอย่างสุภาพบุรุษและพูด: “เสี่ยวหยิ่งครับ คุณขยันเกินไปแล้วนะครับ พักผ่อนสักครู่หนึ่งเถอะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้ว เงยหน้าขึ้นไปมองจางเห้อหมิง: “ประธานจางคะ นี่คือเอกสารอะไรคะ?”

จางเห้อหมิงมองดูใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งแล้ว เหม่อลอยไปสักพัก

จากนั้นตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบตอบกลับไปว่า: “นี่คือเอกสารข้อมูลรายละเอียดที่บริษัทไท่ติ่งอยากร่วมมือกับบริษัทเรา ตอนนี้เป็นงานที่เร่งรีบมากที่สุดในบริษัท”

“ไท่ติ่ง?”

กู้ชิงหยิ่งรีบหยิบเอกสารขึ้นมาดู เธอจำได้ว่าเฉินตงเป็นรองประธานอยู่ที่บริษัทนี้แหล่ะ

จางเห้อหมิงรายงานอยู่ข้างๆ: “เดือนก่อน บริษัทไท่ติ่งได้รับงานสัญญาโครงการปรับภูมิทัศน์ย่านสลัมภาคตะวันตกของเมือง โชคดีจริงๆ หลังจากที่พวกเขาได้เซ็นสัญญาไม่นาน บริษัทยี่เคอกรุ๊ปก็ประกาศเข้าร่วมโครงการของเมืองนี้ อีกทั้งยังเลือกสถานที่เมืองตะวันตกอีกด้วย ทำให้ราคาบ้านย่านเมืองตะวันตกสูงขึ้นมาทันที”

“งั้นก็ดีไม่ใช่หรือคะ?” กู้ชิงหยิ่งยักคิ้วและกล่าว: “อย่างนี้ สัญญานี้ของพวกเขาที่เซ็นไป ก็เท่ากับว่ากำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว บริษัทเราร่วมมือกับพวกเขา ก็ได้กำไรไปด้วยสิ”

“ดีก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” จางเห้อหมิงแกล้งทำเป็นลำบากใจ

พอพูดคำนี้ออกไป

กู้ชิงหยิ่งเงียบไป สองมือกอดอก: “ประธานจาง อย่าเอาเรื่องคุณสมบัติมาอ้าง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ3ขวบนะ อยากจะอัพราคาก็บอกตรงๆ”

“เหอะๆ เสี่ยวหยิ่งเข้าใจผมจริงๆ”

จางเห้อหมิงยิ้มอย่างเขินๆ: “ที่จริงตอนนี้บริษัทของเราก็ยังกำลังลังเลเรื่องการร่วมมือครั้งนี้ ก็เพื่ออยากจะยืดเยื้อบริษัทไท่ติ่ง แล้วเจรจาเรื่องราคาและวิธีการจ่ายเงิน ให้เราได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”

“เป็นอย่างที่เสี่ยวหยิ่งพูดจริงๆ เรื่องของคุณสมบัติที่จริงก็ต้องพิจารณา แต่บริษัทไท่ติ่งมีโครงการภาคตะวันตกของเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่ในมือ ก็เท่ากับว่าอุ้มไก่ที่สามารถออกไข่ทองอย่างนั้น พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะอยากจะพยายามให้บริษัทมีกำไรมากที่สุด”

ตั้งแต่ที่เขาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่มาจนถึงตอนนี้ เขาพยายามทำงานเพื่อให้บริษัทได้กำไรให้มากที่สุด จุดนี้ทำให้เจ้านายใหญ่พอใจเป็นอย่างมาก

จางเห้อหมิงเข้าใจดี ในตอนที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ในมือของเจ้านายใหญ่ก็เป็นที่หนึ่งของเมืองนี้แล้ว ส่วนเขาก็เป็นแค่คนที่ดำเนินการบริหารต่อเท่านั้น

แต่ถ้ามีผลงานที่ดีพอ เขาก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆในอาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ นั่นถึงจะเป็นเวทีที่เขาอยากจะไปให้ถึง

“อย่างนี้ไม่ดี” กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วและส่ายหัว: “ทำธุรกิจ การร่วมมือจะเอากำไรให้มากที่สุดไม่ได้ แต่ควรจะเป็นต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ทุกคนได้กำไร อย่างนี้ถึงจะเป็นการร่วมมือที่ยืนยาวต่อไปได้เรื่อยๆ”

จางเห้อหมิงตะลึงไปสักพัก รีบตอบกลับ: “เสี่ยวหยิ่งพูดได้ถูกต้อง งั้นคุณคิดว่าการร่วมมือครั้งนี้ ควรทำยังไง?”

“ก็ควรจะร่วมมือแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างราคาสินค้าทั้งหมดนี้ต้องปรับใหม่ก่อน” กู้ชิงหยิ่งพูด

ในใจของจางเห้อหมิงรู้สึกผิดหวังนิดๆ ปรับราคาใหม่ หมายความว่าจะไม่ได้กำไรมากที่สุด

แต่คนที่ตัดสินใจคือกู้ชิงหยิ่ง เขาไม่สามารถคัดค้านได้ ได้กำไรน้อยก็ช่างมันเถอะ

จางเห้อหมิงยิ้มและถาม: “ปรับเท่าไหร่?”

กู้ชิงหยิ่งชี้ที่เอกสาร: “เอาอย่างนี้ วัสดุทุกอย่าง ตามราคาที่แจ้งในตอนนี้ ปรับลดลง3%ทั้งหมด”

เปรี้ยง!

จางเห้อหมิงเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น ยิ้มไม่ออกทันที

แต่ใช้สายตาที่ตกตะลึงและแปลกใจจ้องมองหน้ากู้ชิงหยิ่ง

คุณหนูใหญ่มาสานต่อบริษัทคือมาฝึกงานจริงๆหรือ?

แน่ใจว่าไม่ได้มาผลาญทรัพย์สมบัติ?

ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ยังไม่ทันยกมือขึ้นก็เอามีดหั่นมือตัวเองซะแล้ว?

“ตามนี้ ทำตามที่ฉันบอก รีบไปเซ็นสัญญาที่บริษัทไท่ติ่งทันที”

กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างตั้งมั่นไม่ให้จางเห้อหมิงคัดค้านได้

จางเห้อหมิงรู้สึกมึนงง ถือเอกสารแล้วเดินออกไป จนถึงตรงหน้าประตู ด้านหลังมีเสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นมากะทันหัน

“แล้วก็อีกอย่าง ประธานจางเรียกฉันว่าประธานกู้นะคะ ฉันไม่ชอบชื่อเสี่ยวหยิ่ง”

“ครับ ได้ครับประธานกู้” จางเห้อหมิงรู้สึกหน้าแตก

จนประตูปิดสนิท

กู้ชิงหยิ่งยิ้มดีใจขึ้นมาทันที: “เผอิญจริงๆ ช่วยเฉินตงได้เร็วขนาดนี้ ปรับราคาลง3เปอร์เซ็นต์ น้อยเกินไปรึเปล่า?”

บทที่ 36 ความเอ็นดูของกู้ชิงหยิ่ง

ร้านอาหารฝรั่งWinnie

ครั้งแรกที่มากินอาหารฝรั่งในชีวิตของเฉินตง ก็คือร้านอาหารร้านนี้ ตอนนั้นกู้ชิงหยิ่งเป็นคนเลี้ยงด้วย

ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสี่ปี เขาและหวางหนันหนัน กู้ชิงหยิ่งแล้วก็เพื่อนๆอีกสองสามคน จะนัดกันมากินข้าวด้วยกันที่นี่บ่อยๆ

สามปีก่อน ตอนที่กู้ชิงหยิ่งจะจากไปต่างประเทศ ก็มาลากับเขาและหวางหนันหนันที่ร้านอาหารร้านนี้

ดังนั้น ร้านอาหารนี้เป็นสถานที่มีความหมายเป็นพิเศษ

“คนบ้างาน? นึกไม่ถึงว่าคุณยังจำได้เหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งลูบๆผมที่เปียกชื้น สายตามองไปในร้านอาหารที่เปิดไฟสว่างเจิดจ้า

“จะลืมได้ไง?”

เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น

กู้ชิงหยิ่งขมวดจมูกขึ้น: “แต่ว่าคุณขี้งกเกินไปหน่อยรึเปล่า? อย่างน้อยตอนนี้ก็มีตำแหน่งงานเป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้วนะ ฉันกลับมาตั้งไกล คุณพอฉันมาที่แบบนี้เหรอ?”

สามปีมานี้ ถึงแม้เธอจะอยู่คนละซีกโลก แต่ก็คอยติดตามข่าวคราวของเฉินตงกับหวางหนันหนันตลอดเวลา

ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ส่งข้อความถามเฉินตงในวีแชทในตอนที่เฉินตงกับหวางหนันหนันเพิ่งจะหย่ากัน

ในสายตาของเธอ เฉินตงสามารถใช้เวลาสามปี จากนักศึกษาที่จบเพิ่งเรียนจบมหาลัยและทำงานจนมีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึงรองประธานบริษัท เก่งที่สุดแล้วจริงๆ

และสิ่งนี้ คงเป็นที่สุดแห่งชีวิตของเฉินตงแล้วล่ะ?

“แล้วคุณอยากไปร้านอาหารที่ไหนครับ? ตามใจเลย ผมเลี้ยง” เฉินตงยิ้มและพูดอย่างใจกว้าง

“ไม่เป็นไร ร้านนี้ก็ได้”

กู้ชิงหยิ่งเบะปาก แล้วลงจากรถก่อน

เธอรู้ดี ถึงแม้เงินเดือนของรองประธานบริษัทไม่น้อย แต่เงินทั้งหมดส่วนมากก็ให้หวางหนันหนันและค่ารักษาอาการป่วยของแม่

เธอไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ

ลงจากรถ เสื้อผ้าเปียกกันทั้งสองคน แต่ก็ไม่สนใจอะไร

ตอนที่เขาสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหาร ทำให้ดึงดูดสายตาผู้คนหันมามองกันไม่น้อย

เพราะมาทานข้าวร้านอาหารฝรั่งด้วยความซมซานขนาดนี้ ดูไม่งามจริงๆ

หลังจากที่นั่งลงและสั่งอาหารเสร็จแล้ว อาหารก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกินไปคุยไป มีความสุขมาก

แต่ทั้งสองคนไม่ได้พูดถึงหวางหนันหนันเลยสักนิด

กู้ชิงหยิ่งไม่อยากพูดถึงหวางหนันหนันให้เฉินตงรู้สึกเสียใจในเวลานี้

ส่วนเฉินตง ก็เพราะไม่อยากกระทบอารมณ์ของกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้

“จริงสิ หลังจากที่กลับมาแล้ว ฉันอยากหางานทำ”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มๆและกระพริบตา: “ท่านรองประธาน จ้างฉันไปทำงานที่บริษัทคุณไหม?”

เฉินตงตกใจและยิ้มอย่างขมขื่น: “พระเจ้าเอ๋ย คุณเป็นหวัดจริงๆแล้วหรือนี่?”

“คุณนั่นแหล่ะ ไข้ขึ้นจนสมองเสียไปแล้ว” กู้ชิงหยิ่งเหล่ตาและบ่นกลับไปหนึ่งคำ นี่เป็นคำพูดที่เขาทั้งสองล้อเล่นกันบ่อยๆตอนเรียนมหาลัย

เฉินตงแกล้งทำเป็นโล่งใจ: “งั้นก็ดี แต่ว่าอย่างน้อยคุณก็เป็นคุณหนูไฮโซ เพิ่งจะกลับมา ทำไมคิดอยากจะทำงานแล้ว?”

เขาก็พอรู้บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัวของกู้ชิงหยิ่ง

นี่คือคุณหนูไฮโซที่มาตรฐานที่สุด ให้คุณหนูไฮโซมาทำงานที่บริษัทไท่ติ่งเหรอ?

นี่มันล้อเล่นกันหรือเปล่า?

“ไม่ไปทำงานจะช่วยคุณได้ไงล่ะ?”

กู้ชิงหยิ่งพูดอยู่ในใจ แต่มองดูเฉินตงแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดอย่างอัดอั้นใจ: “ไม่ทำงาน พ่อฉันจะให้ฉันไม่สืบสานธุรกิจของเขาแล้ว”

เฉินตงพูดอะไรไม่ออกอยู่สักพัก

จากนั้นกู้ชิงหยิ่งก็พูดต่อ: “ช่างเถอะ ท่านรองประธานเฉินไม่จ้างฉัน งั้นฉันก็ไปทำงานที่บริษัทพ่อก็ได้”

เฉินตงพยักหน้า ไม่ซักถามอะไรอีก

เขาไม่อยากซักถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมากเกินไป

ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนกลับไปที่รถด้วยความดีใจ

“ไปที่บ้านคุณได้ไหม?” กู้ชิงหยิ่งชีกระโปรงที่เปียกชื้นบนตัวเธอ: “ฉันอยากไปอาบน้ำที่บ้านคุณสักหน่อย แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”

เฉินตงกระตุกคิ้ว ห้องเช่าสภาพแบบนั้น ให้กู้ชิงหยิ่งไป รู้สึกลำบากใจยิ่งนัก

ยิ่งกว่านั้นคือ ในบ้านมีคุนหลุนอยู่ด้วย

เฉินตงส่ายหัว: “บ้านผมยังเช่าอยู่อยู่เลย ที่บ้านรกมาก ผมส่งคุณไปโรงแรมดีกว่า”

เช่าบ้าน?

หน้าตายิ้มแย้มของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปกะทันหัน เห็นสายตาของเฉินตงแล้ว รู้สึกเอ็นดูสงสารขึ้นมาทันที

สามปีที่ฉันไม่อยู่ เขาลำบากมามากเกิน

เธอยิ้มๆและพยักหน้า: “งั้นก็ได้”

“งั้นไปโรงแรมไท่ซานละกัน” เฉินตงบอก

“ได้เลย”

กู้ชิงหยิ่งไม่ปฏิเสธ และไม่ได้บอกว่าจะจ่ายค่าใช้จ่ายเอง

เธอรู้สถานการณ์ของเฉินตงดี เงินที่ได้มาให้หวางหนันหนันและแม่รักษาอาการป่วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเช่าบ้านอยู่จนถึงตอนนี้

แต่ เธอไม่อยากทำร้ายศักดิ์ศรีของเฉินตงเพราะความสงสารของตนเอง ทำให้เฉินตงรู้สึกว่าเธอกังวลว่าเขาจะจ่ายไม่ไหว

ศักดิ์ศรีของผู้ชาย ไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหยามได้

สตาร์ทรถ

ในรถมืดๆเล็กน้อย

กู้ชิงหยิ่งถามขึ้นมากะทันหัน: “จริงสิ ช่วงนี้คุณป้าเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ดี” เฉินตงตอบ

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว: “ที่จริง เรื่องของคุณ ฉันรู้หมดแล้ว ฉันช่วยคุณได้นะ ไม่ ฉันหมายถึงช่วยคุณป้า”

“ผมหาทางออกด้วยวิธีอื่นได้แล้ว แม่ผมกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เฉินตงตอบ

“จริงเหรอ? ดีจังเลย!”

กู้ชิงหยิ่งดีใจจนยิ้มขึ้นมา: “เฉินตง คุณเก่งมากเลย คุณรู้ไหม ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ฉันก็รู้สึกนับถือคุณมาก คุณเป็นไอดอลของฉันเลยนะ”

“อย่ามาประจบสอพลอเลย ตอนเรียนมหาลัยคือคิดอยากจะมาลอกการบ้าน แต่ตอนนี้ลอกการบ้านไม่ได้แล้วนะ” เฉินตงเหล่ตาจ้องหน้าเธอ

กู้ชิงหยิ่งหัวเราะ เปลี่ยนคำพูด: “งั้นพรุ่งนี้ฉันไปเยี่ยมคุณป้าหน่อยได้ไหม?”

เฉินตงพยักหน้า: “ได้สิ พรุ่งนี้หลังจากผมเลิกงาน พาคุณไปพร้อมกัน”

ขับรถไปถึงโรงแรมไท่ซาน

เฉินตงช่วยกู้ชิงหยิ่งเอากระเป๋าเดินทางลงจากรถ เปิดห้องเรียบร้อย

ส่งกู้ชิงหยิ่งกลับขึ้นไปห้องพัก เขาก็หันหลังเดินออกไป

มองดูประตูที่กำลังปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งหายไปทันที แต่เปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เอ็นดูและสงสารอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันรู้ทุกอย่าง คุณกับหวางหนันหนันหย่ากัน เพราะหวางหนันหนันเอาเงินสองแสนสุดท้ายที่ต้องเอาไว้รักษาแม่ เรื่องนี้ เป็นใครก็คงทนไม่ได้”

หลังจากที่หวางหนันหนันและเฉินตงหย่ากัน ตระกูลหวางก็รีบปล่อยข่าวลือออกไปทันที

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลหวางคิดว่าตนเองดีนักดีหนา รู้สึกว่าเฉินตงไม่คู่ควรกับตระกูลหวางและหวางหนันหนัน

แต่กู้ชิงหยิ่งกลับรู้สึกว่า คนที่เป็นฝ่ายไม่คู่ควรและบังอาจเอื้อม คือตระกูลหวางต่างหาก!

ข่าวลือของการหย่าในครั้งนี้ ถึงแม้ตระกูลหวางจะจงใจใส่ร้ายและโกหกกลับเรื่องดำให้กลายเป็นขาว แต่กู้ชิงหยิ่งเข้าใจสถานการณ์ของเฉินตงและหวางหนันหนัน ว่ามันมีหลายสาเหตุ

เงินช่วยชีวิตของแม่เฉินตง ยังเป็นเงินที่มีเพียงแค่สองแสนก้อนสุดท้าย

กลับถูกหวางหนันหนันเอากลับไปให้บ้านตัวเองทั้งหมด จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะจะจ่ายเงินดาวน์บ้านใหม่ให้หวางเห้า

มันน่าตลกสิ้นดีจริงๆ!

กู้ชิงหยิ่งไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้น เฉินตงเจอเรื่องร้ายๆมามากมายขนาดไหน

แต่เธอรู้ ข้างหนึ่งคือแม่ป่วยหนัก ส่วนอีกข้างหนึ่งคือภรรยาของเขากลับทำลายความหวังสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงที่มากถึงเพียงนี้ เป็นใครก็ไม่สามารถรับได้

ส่วนเฉินตง ก็อดทนผ่านมันมาได้แล้ว!

“คุณเหนื่อยเกินไป ฉันไม่อยากให้คุณเหนื่อยขนาดนั้น ดังนั้นฉันก็เลยกลับมาไง”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน แววตาตั้งมั่นอย่างแน่วแน่: “ฉันจะต้องช่วยคุณแน่นอน ฉันรู้ ความสามารถของคุณไม่ใช่เป็นได้แค่รองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น”

พูดจบ เธอหยิบมือถือออกมาโทร

“คุณพ่อคะหนูถึงแล้ว เพิ่งจะทานข้าวเสร็จแล้วมาที่โรงแรม”

หยุดไม่สองสามวิ กู้ชิงหยิ่งยิ้มและพูด: “คุณพ่อคะ ลูกอยากไปทำงานที่บริษัทวัสดุก่อสร้างของพ่อ ไหนๆแล้ว บริษัทนั้นท่านก็แค่เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกความพยายามในอดีต ให้ลูกไปฝึกฝนเรียนรู้งาน ก็คงไม่เป็นไรมั้งคะคุณพ่อ?”

“เด็กโง่ ไปบริษัทที่เล็กๆขนาดนั้น เสียดายความรู้ความสามารถ อยากทำงานก็กลับมาติดตามอยู่ข้างๆพ่อก็พอแล้ว?” เสียงโทรศัพท์ฝั่งโน้น เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูของพ่อ

“ไม่เอา อยู่กับพ่อแล้ว งั้นก็กลายเป็นหนูต้องสืบสานธุรกิจของพ่อน่ะสิคะ? หนูยังอยากสู้นี่คะ” กู้ชิ่งหยิ่งยกขาที่ขาวๆขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ขยับไปมาและอ้อน: “ได้ไหมคะคุณพ่อคะ?”

“ก็ไปสิ พ่อโทรหาประธานบริษัทคนเก่าหน่อย ลูกไปก็ทำแทนหน้าที่เขาได้เลย”

“คริคริ……ขอบคุณค่ะพ่อ คุณพ่อดีที่สุดเลย”

บทที่ 35 รับคนที่สนามบิน

“นาย กำลังพูดกับใคร?”

เฉินเทียนหย่างกัดฟันพูดออกมาคำหนึ่ง

คนหนุ่มๆในวงศ์ตระกูล ใครที่ไม่อยากควบคุมวงศ์ตระกูล?

แต่อยู่ดีๆท่านปู่ก็วิ่งไปข้างนอกหาไอ้ลูกสวะคนนี้ คิดอยากจะพากลับมาอยู่ในตระกูล แบบนี้มันตบหน้าพวกเขาชัดๆ

ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์เอกของวงศ์ตระกูล จะยอมหลีกทางให้ไอ้ลูกสวะคนนี้ได้ยังไง?

เฉินตงยิ้มๆอย่างไม่พอใจ: “คุนหลุน กลับบ้านเถอะ”

นี่ถูกมองข้ามไปเหรอ?

เฉินเทียนหย่างโมโหอย่างมาก สายตาดุร้ายจนจะกินคนได้เลย

แต่เขารู้ดี มีคุนหลุนอยู่ เขาจะทำอะไรเฉินตงไม่ได้เลย

คุณปู่ถึงกับเอาบอดี้การ์ดส่วนตัวไปอยู่ข้างกายของไอ้ลูกสวะนั่น เห็นได้ชัดคุณปู่ให้ความสำคัญแค่ไหน

“แกจะได้รู้ ความแตกต่างของยอดคนกับไอ้ลูกสวะ” น้ำเสียงของเฉินเทียนหย่างเยือกเย็นทิ่มแทงใจมาก

กลับไปถึงบ้าน เฉินตงนั่งลงไปโซฟาด้วยความอ่อนล้า

“เมื่อกี้ ขอบคุณคุณมากนะครับ”

คุนหลุนส่ายหัว: “เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ”

เฉินตงยิ้มๆอย่างไม่เข้าใจ

เมื่อกี้ถ้าคุนหลุนไม่มา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าเฉินเทียนหย่างจะทำเขายังไงบ้าง

เหมือนที่ท่านหลงพูดจริงๆว่า พวกเขา…..ไม่กลัวการฆ่าคนเลย

“คุนหลุน เมื่อกี้คุณบอกว่าวิชาต่อสู้ของเฉินเทียนหย่าง คุณเป็นคนสอนเขาเองเหรอ?” เฉินตงยักคิ้ว

“ใช่”

เฉินตงยิ้มๆ แววตาตั้งมั่น: “สอนผมด้วยสิ”

การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่าง ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

ไม่ใช่เพราะอยากจะแย่งชิงสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมด แต่เป็นเพราะเฉินเทียนหย่างพวกเขาไม่สนใจในชีวิตคน

เมื่อฝ่ายตรงข้ามมองข้ามชีวิตคน ความรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นจะเหมือนดอกหญ้าข้างทางที่เจริญเติบโตงอกเงยขึ้นมา เพราะเฉินตงยังมีคนที่ต้องปกป้องดูแล

หลังจากวันนั้นแล้ว เฉินตงไปออกกำลังกายตอนเช้าจะไปสวนสาธารณะพร้อมกับคุนหลุน จากนั้นก็เปียกเหงื่อทั้งตัวและกลับไปอาบน้ำ แล้วรีบตรงเข้าทำงานที่บริษัท

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี

อาการป่วยของแม่ ก็กำลังหายดีขึ้นเป็นลำดับ

ส่วนเฉินเทียนหย่าง หลังจากที่ปรากฏตัวในตอนเช้าวันนั้น ก็ไม่เคยเห็นเงาเลย

เหมือนเป็นแค่ตอนหนึ่งในชีวิตของเฉินตง ทำให้มีคลื่นพายุซัดมา แล้วก็สงบเงียบไป

พริบตาเดียว ก็ถึงวันที่1เดือน9แล้ว

เวลาตอนเที่ยง เฉินตงไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง มัวแต่อ่านแผนงานเปิดจองโครงการที่พวกเสี่ยวหม่าส่งมา

โครงการก่อสร้างระยะแรกของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถทำการเปิดจองโครงการได้แล้ว

มีข่าวคราวของการเข้ามาร่วมลงทุนของบริษัทยี่เคอกรุ๊ปแล้ว เขาให้ความสำคัญกับการเปิดจองโครงการในครั้งนี้อย่างมาก และยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ดังนั้นความเหน็ดเหนื่อยและความพยายามทั้งหมด ก็ถึงเวลาได้รับผลตอบแทนแล้ว

ในที่สุดก็ได้ตรวจสอบข้อมูลแผนงานเปิดจองโครงการเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเซ็นอนุมัติ เฉินตงจับดั้งจมูกที่บวม

มองดูนาฬิกา ก็เป็นเวลาบ่าย1โมงแล้ว

ท้องฟ้าด้านนอก มืดครึ้มมาก

เหมือนฝนกำลังจะตกหนัก

เฉินตงขมวดคิ้ว เหมือนรู้สึกว่าลืมเรื่องอะไรบางอย่าง

เขาหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อสักครู่ตอนที่เขากำลังตรวจงานอยู่นั้น มือถือปิดเสียงเงียบไว้

มือขวาเลื่อนไปดูวีแชท อ่านข้อความคร่าวๆสักพัก

ทันใดนั้น แววตาเฉินตงหยุดชะงัก

มองดูข้อความที่กู้ชิงหยิ่งส่งมาในวีแชท

ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป

ข้อความวีแชทที่กู้ชิงหยิ่งส่งมา: “เฉินตง คุณมารับที่สนามบินหรือยังคะ?”

ส่วนเวลา คือครึ่งชั่วโมงก่อน

แย่ละ!

ทำไมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้?

เฉินตงโมโหมาก ก่อนที่กู้ชิงหยิ่งจะกลับมาได้นัดกับเขาไว้แล้ว

มัวแต่ยุ่งกับงาน จนทำให้เขาผิดนัดสัญญา?

เฉินตงรีบร้อนส่งข้อความให้กู้ชิงหยิ่ง: “ชิงหยิ่ง คุณยังอยู่สนามบินไหม? ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้ผมงานยุ่งมากจนลืม มือถือปิดเสียงไว้”

ตั้งแต่งานแต่งของเขาและหวางหนันหนันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็ออกนอกประเทศ ส่วนวิธีที่เคยติดต่อกันเมื่อก่อนก็ไม่มีเลย มีเพียงวีแชทเท่านั้นที่ยังติดต่อกันได้

ติง!

“ยังอยู่ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งตอบ

“ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

เฉินตงรู้สึกผิดอยู่สักพัก ใส่เสื้อกันหนาวแล้วรีบร้อนวิ่งออกไป

ที่สนามบิน

คนเดินไปเดินมา

แต่คนที่ไปๆมาๆ ต่างก็จะพากันมองหญิงสาวที่อยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างตะลึง

หญิงสาวคนนั้นใส่หมวกกันแดด ใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาว ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่ง

การแต่งตัวที่เรียบง่ายสุดๆ แต่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนเห็นนางฟ้าเลยทีเดียว

เพราะว่า หญิงสาวคนนั้นสวยมากเกินไปจริงๆ!

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ คนบ้างาน”

กู้ชิงหยิ่งวางมือถือลง แล้วทำปากจู๋บ่นมาหนึ่งคำ

เธอและเฉินตง หวางหนันหนันต่างก็เป็นเพื่อนมหาลัยที่เรียนห้องเดียวกัน เธอรู้และเข้าใจสถานการณ์ในครอบครัวของเฉินตงเป็นอย่างดี

หลังจากที่เรียนจบ เพื่อที่จะได้แต่งงานกับหวางหนันหนัน เฉินตงขยันทำงานทุกวันทุกคืนอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงได้ฉายา “คนบ้างาน”นี้มา

มองผ่านหน้าต่าง เห็นอากาศด้านนอกมืดครึ้มมาก

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกน้อยใจและบ่น: “ฝนจะตกแล้วนะ”

ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอส่งข้อความให้เฉินตง ที่จริงเธอลงเครื่องมานานแล้ว

เธอไม่ได้รับคำตอบจากเฉินตง แต่ก็ไม่ได้ออกไปไหน

เพราะว่าหลังจากที่จากกันสามปี คนที่เธออยากเจอคนแรก ก็คือเฉินตง

และอยากให้ความสัมพันธ์ของเธอและเฉินตง เริ่มต้นใหม่จากสนามบินนี้

แต่เธอนึกไม่ถึงว่า สาเหตุเพราะเรื่องงาน คนบ้างานคนนี้กลับลืมเรื่องที่จะต้องมารับเธอที่สนามบิน

หลังจากที่น้อยใจไปสักพัก กู้ชิงหยิ่งถอนหายใจลึกๆ แล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใครให้คุณขยันขนาดนั้นล่ะ?”

ตอนที่เฉินตงเร่งรีบไปถึงสนามบิน เวลาก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว

ท้องฟ้าที่มีแต่เมฆหมอกหนาและมืดครึ้มๆ ในที่สุดก็ทนแรงกดอากาศไม่ไหว

ฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก

ตอนที่เขาวิ่งเข้าไปในสนามบินด้วยตัวเปียก พริบตาเดียวก็มองเห็นกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายตรงมุมนั้น

จากกันนานสามปี กู้ชิงหยิ่งกับเมื่อก่อนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่มีความขี้เล่นเหมือนเด็กๆในตอนที่จากกันในปีนั้น

“ชิงหยิ่ง ขอโทษด้วยนะครับ ผมมาช้าเกินไป”

เฉินตงรีบเดินตรงเข้าไปตรงหน้ากู้ชิงหยิ่งและพูดอย่างรู้สึกผิด

พอเห็นเฉินตงปุ๊บ กู้ชิงหยิ่งที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่นั้น ยิ้มแย้มขึ้นมาด้วยความดีใจและลุกขึ้นมา ไม่สนใจว่าตัวเฉินตงจะเปียกฝนไปทั้งตัว รีบพุ่งเข้าไปกอดเฉินตงทันที

“คนบ้างาน ไม่เจอกันนานจัง!”

“นี่นี่ รีบปล่อยผมออก ทำให้เสื้อคุณเปียกหมดแล้ว”

เฉินตงรีบตะโกนพูดและแยกตัวออกมา

กู้ชิงหยิ่งปล่อยตัวเฉินตงออกและเหล่ตามองเขา: “ฉันยังไม่รังเกียจคุณเลย คุณรังเกียจฉันแล้วเหรอ”

เฉินตงพูดอะไรไม่ออกสักพัก แล้วรีบรับกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองอันที่อยู่ด้านหลังกู้ชิงหยิ่งและพูดว่า: “ไปเถอะครับ ผมจองโต๊ะอาหารไว้แล้ว คงหิวแย่แล้วมั้ง?”

กู้ชิงหยิ่งเอามือกุมท้องเอาไว้ แกล้งทำเป็นปวดท้อง: “หิวจนท้องร้องโจ๊กๆแล้ว”

เฉินตงหัวเราะ แล้วเดินออกจากสนามบินพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง

“ใช่สิ ฝนตกหนักขนาดนี้ คุณทำไมไม่กางร่มมาล่ะ?” กู้ชิงหยิ่งถาม

“มาด้วยความเร่งรีบเกินไป ลืมเอาด้วย” เฉินตงตอบ

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เดี๋ยวเป็นหวัดจะทำยังไง? ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย”

เฉินตงยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของกู้ชิงหยิ่งมีอะไรแปลก

ทั้งสองคนเดินออกจากสนามบิน

แต่เพราะฝนตกอย่างหนัก ที่รอรถในสนามบิน ว่างไม่มีใครเลย

“รถไปไหนหมดล่ะ?” กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตะลึง

“ฝนตกหนักขนาดนี้ เที่ยวบินก็ล่าช้า รถแท็กซี่คงรับลูกค้ารอบสุดท้ายแล้วออกไปหมดแล้ว”

เฉินตงรู้สึกอัดอั้นใจ เมื่อกี้เข้ามาด้วยความรีบร้อนเกินไป เขาลืมเตือนคนขับรถแท็กซี่ให้รอก่อน

กู้ชิงหยิ่งตะลึงไปสักพัก: “ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่า รถของคุณล่ะ?”

เฉินตง: “ผมไม่ได้ซื้อรถครับ”

“งั้นเรากลับไปไม่ได้แล้วสิ”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเศร้าใจและก้มหัวลง ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม ตบมือหนึ่งที: “ไม่เป็นไร ฉันไปหาวิธี”

พูดจบ เธอก็วิ่งฝ่าฝนออกไปด้านหน้า

“กู้ชิงหยิ่ง เดี๋ยวคุณตากฝนจนเป็นหวัดไม่สบายจะทำยังไง? รีบกลับมา!” เฉินตงตะโกนบอก

“ไม่เป็นไร อย่างมากก็กินยาพร้อมกับคุณไง” กู้ชิงหยิ่งตอบกลับ

เฉินตงมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สาวน้อยคนนี้ทำไมยังใจกล้าเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิดเลย?

แต่ว่า เขารู้สึกแปลกใจ กู้ชิงหยิ่งสามปีกลับมาครั้งเดียว จะคิดอะไรได้ล่ะ?

หลังจากนั้นยี่สิบนาที

มีรถปอร์เช่911คันหนึ่งขับตรงมาตามเลนถนนรอบสนามบิน

เอี๊ยด

ปอร์เช่911จอดตรงด้านหน้าของเฉินตง

เฉินตงตะลึงไปสักพัก จากนั้นเห็นหน้าต่างรถเลื่อนลงมา เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ตัวเปียกอยู่ข้างใน

กู้ชิงหยิ่งยิ้มและพูด: “รีบขึ้นรถเร็วๆ กลับบ้านได้แล้ว”

“รถคุณไปเอามาจากไหน?” เฉินตงตกตะลึง แล้วรีบเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บขึ้นรถและนั่งเข้าไปในรถ

กู้ชิงหยิ่งชี้ไปไกลๆโน่น: “สามปีก่อนตอนที่ฉันไปต่างประเทศ ข้างสนามบินมีอู่รถซ่อมรถยนต์อยุ่นั่นไง? ฉันก็เลยไปเดินดูแถวๆนั้น จนเจอร้าน4S จึงซื้อมามั่วๆคันนึง”

ซื้อรถปอร์เช่911หนึ่งคัน

ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?

เฉินตงเอามือไปจับบัตรธนาคารดอกชงโคในกระเป๋ากางเกงโดยอัตโนมัติ

ความคิดที่ง่ายๆแบบนี้ ทำไมผมคิดไม่ออก?

บทที่ 34 คนที่มาจากตระกูลเฉิน เฉินเทียนหย่าง

หลังจากที่ลาท่านหลงแล้ว

เฉินตงและคุนหลุนกลับไปถึงห้องเช่า

ภาพในห้อง ทำให้คุนหลุนตกตะลึง

“รู้สึกคับแคบ?” เฉินตงถาม

คุนหลุนส่ายหัวและพูด: “หลายปีมานี้คุณชายคงเหนื่อยยากลำบากมาก”

เฉินตงยิ้ม เขาชอบนิสัยเช่นนี้ของคุนหลุน สิ่งที่ควรพูดก็พูด สิ่งที่ไม่ควรพูดก็ไม่พูด

ตามความคิดของท่านหลงแล้ว หลังจากนี้อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง คุนหลุนต้องคอยอยู่ข้างกายของเขา ถ้านิสัยทำให้เขาไม่ชอบใจ จะยุ่งยากจริงๆ

“ในบ้านมีคนเพิ่มมากขึ้น ผมหาบ้านพักใหม่แล้ว เดือนหน้าย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย”

เฉินตงยิ้มและพูดขึ้นมาคำหนึ่ง เขตวิลล่าเขาเทียนซานมีราคาที่แพงมาก คือสาเหตุหนึ่ง ก็เพราะการตกแต่งภายในบ้านตอนก่อสร้างเริ่มแรก เป็นนักออกแบบที่มีความสามารถมีชื่อเสียงมาร่วมกันออกแบบตกแต่ง จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะให้การออกแบบมีสไตล์ที่เหมือนกันทั้งหมด จะทำให้เจ้าของรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น

หรือพูดได้อีกแง่มุมหนึ่งคือ เขาแค่ใช้เวลาวันเดียว ก็สามารถซื้อเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เสร็จ แล้วย้ายเข้าไปอยู่ได้อย่างราบรื่น

คุนหลุนพยักหน้า เขาไม่สนใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเลยสักนิด

หลังจากที่ติดตามตระกูลเฉินแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ

แต่ตอนที่อยู่ในสนามรบ อยู่กับชีวิตที่เต็มไปด้วยมีดอาบเลือด เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่เลย ระหว่างอยู่หรือตาย ขอแค่ได้มีชีวิตรอด

สภาพแวดล้อมจะแย่ยังไงก็ตาม เขาก็เคยผ่านมาแล้ว

หลังจากที่ท่านหลงตักเตือนแล้ว เหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก

เฉินตงก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่ในตารางชีวิตประจำวัน เพิ่มแผนการออกกำลังกายช่วงเช้า

หลายปีที่ผ่านมา เขายุ่งกับการงาน ดิ้นรนหาทางรักษาอาการป่วยของแม่ ออกกำลังกายก็ทำได้เพียงบางครั้งที่ว่าง ไม่เข้มงวดถึงขนาดต้องทำทุกวัน

แต่ว่า คำพูดคำหนึ่งของท่านหลง “การอบรมขั้นพิเศษ” ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้างปลาที่ติดอยู่ในคออย่างนั้น

พลาดไปแล้ว ก็จะเป็นยอดคนไม่ได้หรือ?

หรือว่า…..เทียบกับยอดคนไม่ได้?

เขาไม่เชื่อ!

ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินตงถูกด่าว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อมาตลอด ค่อยๆก้าวมาทีละก้าวอย่างทุกข์ยากลำบากจนถึงวันนี้ ความกดดันที่เคยได้รับทั้งหมด นอกจากตัวเขาเองแล้ว ก็มีเพียงแต่หลี่หลานแม่ของเขาที่รู้

ชีวิตของเขา ไม่ใช่ใครๆก็จะสามารถตัดสินได้

ฟ้าเพิ่งจะสว่างนิดๆ

เฉินตงก็เปลี่ยนชุดกีฬา ออกไปวิ่งในสวนสาธารณะข้างๆ

เวลาเช้าตรู่ อากาศสดชื่น

เพียงแค่ไม่นาน เฉินตงก็เหงื่อไหลจนเปียกไปทั้งตัว หายใจอย่างเหนื่อยหอบ

แต่เขาไม่หยุดวิ่ง เพราะมันยังไม่เพียงพอ

เวลายังเช้าอยู่ ในสวนสาธารณะยังไม่มีคนแก่ที่มาออกกำลังกายตอนเช้าเลยสักคน

เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเวลาทำงาน เขาจึงต้องเลื่อนเวลาออกกำลังกายตอนเช้าให้เช้ากว่าปกติ แน่นอนว่าต้องเสียสละเวลานอนพักผ่อนเล็กน้อย แต่เขาไม่แคร์

บนทางเดินเท้าของสวนสาธารณะ โคมไฟทางเท้าส่องแสงสีเหลืองสลัวๆ

ตอนที่เฉินตงวิ่งไปถึงตรงที่มืดๆ สายตาของเขามัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ตรงด้านหน้าของเขา มีเงาของคนๆหนึ่งโผล่มา

เงาของคนๆนั้นโผล่มาปุ๊บ ก็มุ่งตรงเข้ามาหาเขา

“ใคร?”

เฉินตงตะโกนดังๆหนึ่งเสียง

ในเวลานี้ คนที่มาวิ่งออกกำลังกายเช้าก็ยังไม่มีใครมา ในสวนสาธารณะที่มืดๆมีคนมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างกะทันหัน เขานึกว่าพวกโจรขโมยวิ่งราวทรัพย์

แต่กลับมีเสียงที่เยือกเย็นหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ให้ฉันประเดิมความสามารถของลูกสวะอย่างแกดูหน่อยซิ!”

คนตระกูลเฉิน!

ในใจของเฉินตงตกตะลึง มาได้ไวจริงๆนะ!

เงาของคนพุ่งมาถึงตรงหน้า กระโดดขึ้นสูงๆ ถีบเข้าหาเขาทันที

เฉินตงแค่ออกกำลังกาย ไม่เคยฝึกต่อสู้เลยสักนิด

แต่ตามสัญชาตญาณ เขาก็รีบยกสองมือขึ้นมากันไว้ด้านหน้าอก

ปั้ง!

เสียงหนึ่งดังขึ้น

เฉินตงร้องโอยหนึ่งเสียง รู้สึกเจ็บจนแขนจนจะหัก พุ่งตัวออกไปและล้มลงบนพื้นอย่างแรง

“ไอ้ลูกสวะก็คือลูกสวะ ขยะแบบนี้เหรอ เขาคิดยังไงให้แกมาควบคุมดูแลวงศ์ตระกูล?”

พอเงาลงพื้นแล้ว ยังไม่หยุดยั้ง พุ่งไปที่เฉินตงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

แสงไฟมือสลัว เงาคนยิ่งดุร้ายรวดเร็วมาก

ทำให้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เฉินตงก็ยังมองหน้าของเขาไม่ชัด

เห็นเงาคนพุ่งตรงเข้ามา เฉินตงนึกถึงคำพูดที่คุยกับท่านหลงเมื่อคืนนี้

คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้……กล้าฆ่าคน!

ความเยือกเย็นที่ทิ่มแทงกระดูกพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าไปจนถึงหัวกะโหลก

ในเวลานี้ คนนั้นได้พุ่งมาจนถึงตรงหน้าของเขาและกำลังยกเท้าขึ้นมาอย่างสูง เหมือนขวานศึก เหวี่ยงมาด้วยเสียงวูบๆ กำลังฟาดมาบนหัวของเขา

จะฆ่าผมจริงเหรอ?!

เฉินตงกระพริบตา เมื่อกี้ต่อสู้กันแป๊บเดียว เขาก็รู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีพละกำลังแรงมาก ซึ่งต่างกับตัวเขามาก

แค่ใช้แรงเบาๆนิดเดียวก็ฆ่าเขาให้ตายได้

ทันใดนั้น เฉินตงเห็นมีเงาดำหนึ่งโผล่มาขวางไว้ตรงหน้าของเขา

มีเงาดำโผล่มากะทันหัน ก้มตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ใช้ไหล่ขวางเงาของขาด้านขวานั่นที่กำลังถีบมาอย่างแรง

“ไปให้พ้นจากที่ซะ อย่าให้กูเห็นหน้าแกอีก!”

เงาดำที่รูปร่างใหญ่นั้นจับขาขวานั่นไว้ แล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรง

ใช้วิธีการเหวี่ยงที่รุนแรงมาก จนคนบินออกไปไกลๆ

ล้มลงกับพื้นแล้ว เงาคนยังกลิ้งไปหลายตลบ ถึงจะหยุดในที่สุด

“คุนหลุน!”

เฉินตงเห็นหน้าตาคนที่ขวางอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว

รูปร่างตัวใหญ่ดั่งขุนเขาของคุนหลุนแข็งแรงเหมือนหอไอเฟล ที่ยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง แต่ไม่ตอบรับเฉินตง

แต่หันไปด่าคนที่ถูกเหวี่ยงจนบินไปไกลคนนั้น

“เฉินเทียนหย่าง กล้าแตะต้องคุณชายเฉินตงของข้า นายอยากตายรึไง?”

“คุนหลุน? นายแน่มาก เห็นทีนายท่านเห็นไอ้ลูกสวะนี่เป็นหัวแก้วหัวแหวนจริงๆ ถึงกับจัดให้นายมาปกป้องเขา”

เฉินเทียนหย่างลุกขึ้นยืน ถูกคุนหลุนเหวี่ยงกระแทกอย่างแรงเมื่อสักครู่นี้ ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บเท่าไหร่นัก

ภาพนี้ เฉินตงดูจนตะลึงอ้าปากค้าง

รูปร่างของเฉินตงกับเขาไม่ต่างกันมากนัก

แต่ถ้าเมื่อกี้คนที่ถูกคุนหลุนเหวี่ยงคือเขา ต้องลุกขึ้นยืนไม่ไหวแน่นอน

เฉินเทียนหย่างเดินมาถึงใต้แสงไฟแล้ว ทำให้เฉินตงมองเห็นหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน

โครงหน้าที่แหลมคม ผิวขาวจนเหมือนโรคจิต มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

คนๆนี้เป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่มีอารมณ์รุนแรง

เฉินตงเข้ามาอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ สายตาที่มองคนก็ไม่เบานะ

แน่นอน

เฉินเทียนหย่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดกับคุนหลุนอย่างเย่อหยิ่งผยอง: “แต่ว่า นายกล้าฆ่าผมเหรอ? นายก็แค่บอดี้การ์ดที่ตระกูลเฉินว่าจ้างมาทำงานเท่านั้น ส่วนผมเป็นถึงหนึ่งในทายาทผู้สืบทอดตระกูลเฉินในอนาคต!”

“ผมเป็นบอดี้การ์ดของนายท่าน ไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฉิน ถ้านายไม่เชื่อ ลองดูได้”

คำพูดของคุนหลุน เยือกเย็นจนเข้ากระดูก: “อย่าลืม เทคนิคการต่อสู้ของนาย ผมเป็นคนสอนนาย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเทียนหย่างหยุดชะงัก ดวงตาดั่งเม็ดพลอยสีดำกระพริบๆ ส่งไอแห่งความเยือกเย็นออกมา

“นาย จะปกป้องมันจริงๆเหรอ?”

“นายท่านให้ปกป้อง คุนหลุนตายก็ต้องปกป้อง!”

“นายซื่อสัตย์พอนิ!”

เฉินเทียนหย่างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และยกนิ้วโป้งให้คุนหลุน: “ไอ้ขยะลูกสวะคนนี้ แม้แต่ขาของผมยังรับไม่ได้ ถึงว่าต้องให้นายมาปกป้องดูแล แต่ว่า นายอย่าเข้าใจผิด วันนี้ผมยังไม่ฆ่าเขาหรอก”

“ผมแค่อยากมาดู ไอ้ลูกสวะที่สามารถทำให้นายท่านสั่งให้บริษัทยี่เคอกรุ๊ปประกาศข่าวช่วยเหลือไอ้นี่ จะมีหน้าตายังไง มีความสามารถอะไร”

พูดแล้ว เขาหันไปมองเฉินตง ปิดปากแล้วส่ายหัว พูดอย่างผิดหวังว่า: “ตอนนี้ดูๆแล้ว ก็แค่นี้ ไม่เห็นจะเก่งอะไรเลย นายท่านคงถูกน้ำมันหมูบังใจ(หมายความว่าตอบสนองช้า)แล้วจริงๆ”

“นายหวาดกลัวไปแล้วเหรอ?”

เฉินตงลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดตรงมุมปาก ยิ้มแล้วมองหน้าเฉินเทียนหย่าง: “ถ้าขยะที่ไม่เอาไหนอย่างนายมีความสามารถหน่อย ทำไมเขาจะต้องหาไอ้ลูกสวะอย่างผมกลับไปรับช่วงต่อตระกูลเฉินล่ะ?”

เสียงหัวเราะที่ประชดประชัน เหมือนมีดและธนู

ทิ่มลงไปตรงกลางใจของเฉินเทียนหย่าง

ทำให้เฉินเทียนหย่างเงียบขรึมจนพูดอะไรไม่ออก

บทที่ 33 ผู้มาเยือนที่ไม่หวังดี

พอทำการตรวจครั้งใหญ่แล้ว โชคดีที่หลี่หลานไม่ได้เป็นอะไรมาก

แต่ก็ทำให้ฟ่านลู่และคุณหมอจางรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย

ตอนที่เฉินตงไปถึงโรงพยาบาลในตอนกลางคืน หลี่หลานและฟ่านลู่ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย

ถือว่าคนเป็นแม่รักและเป็นห่วงลูกชาย

ความเหน็ดเหนื่อยของเฉินตง หลี่หลานเห็นกับตาตัวเองมาตลอด เธอไม่อยากให้เรื่องของตนเองทำให้เฉินตงยิ่งรู้สึกกดดันมากไปกว่านี้

แต่ฟ่านลู่ มองๆเฉินตงแล้วอยากจะบอกหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา นึกถึงคำขอร้องของหลี่หลาน สุดท้ายก็อดใจเอาไว้ในที่สุด

“ตงเอ๋อ ช่วงนี้ลูกดูเหนื่อยมากเลยนะ”

หลี่หลานมองดูเฉินตงด้วยความรักใคร่ ดวงตาแดงเล็กน้อย

เธอป่วยและผ่าตัด เฉินตงและหวางหนันหนันหย่ากัน มันเกิดขึ้นภายในเวลาอันสั้นๆที่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น

ไม่ว่าเรื่องไหน คนปกติทั่วไปก็ยอมรับไม่ได้

แต่เฉินตงกลับทนรับมันและเผชิญด้วยตัวคนเดียว อีกทั้งยังรีบทำงานหาเงิน เพื่อค่ารักษาพยาบาลที่แสนแพงของเธอ

“แม่ ไม่เป็นไรครับ”

เฉินตงยิ้มๆ เห็นแม่อาการดีขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ทำให้ความกดดันในใจของเขาค่อยๆรู้สึกเบาลง

ส่วนเรื่องความเหนื่อย ก็เหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ นอกจากความกดดันแล้ว ยังมีเรื่องงานของบริษัทไท่ติ่งที่เยอะแยะมากมาย

แต่ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมันคุ้มค่า

พยายามให้ถึงที่สุด ถึงจะได้สิ่งที่เขาอยากได้

“เฮ้อ……เพราะแม่ทำให้ลูกเหนื่อย ไม่อย่างนั้นลูกก็คงไม่ลำบากขนาดนี้” หลี่หลานก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกผิด

เฉินตงส่ายหัว: “แม่ ห้ามแม่พูดแบบนี้อีกนะครับ แม่เลี้ยงดูผมจนเติบใหญ่ ผมดูแลแม่จนแก่เฒ่า ตั้งหลายสิบปีมานี้ แม่ยังไม่เคยพูดว่าเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว ทำไมกลับรู้สึกกลัวผมจะเหนื่อยล่ะครับ งานของผมที่ทำอยู่ มันเบากว่าที่แม่ไปทำให้คนอื่นจนดึกดื่นในเมื่อก่อนเสียอีก”

ตั้งแต่เล็กจนโต เพื่อเลี้ยงดูเขา แม่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จึงทำให้สุขภาพแย่ในตอนนี้

เทียบกับงานของแม่แล้ว เขารู้สึกเบากว่าเยอะ

สำหรับแม่แล้ว เขามีแต่จะรู้สึกขอบคุณเท่านั้น

เกลียด ต้องใช้กับชายคนนั้นที่ใจร้ายทิ้งพวกเขาไป

“ลูกโง่เอ๋ย” หลี่หลานมองหน้าเฉินตงด้วยหน้าดุนิดๆ

เฉินตงยักคิ้วและยิ้มพูด: “แม่ พักผ่อนและรักษาตัวเองให้ดีๆ รอให้แม่ออกจากโรงพยาบาล ผมมีอะไรเซอร์ไพรส์แม่ด้วยนะ”

พูดจบ เขายืนขึ้นจะออกไป

กลับมองเห็นฟ่านลู่กำลังมองพวกเขาสองแม่ลูกคุยกัน ดวงตาสองข้างแดงเล็กน้อย

เฉินตงไม่ได้พูดอะไรมาก ทักทายคำหนึ่ง แล้วก็เดินออกจากโรงพยาบาล

เพิ่งจะออกจากตึกห้องพักผู้ป่วย เฉินตงก็เห็นที่จอดรถมีรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมจอดอยู่ ทำให้เขาเดินตรงไปทันที

นั่งเข้าไปในรถ เฉินตงยิ้มและถาม: “ท่านหลง ทำไมมาที่โรงพยาบาลกะทันหันล่ะครับ?”

“กระผมอยากมาเยี่ยมแม่ของคุณ แต่ว่าคุณชายยังไม่ได้บอกเรื่องราวความเป็นมาให้แม่ของคุณ กระผมเลยไม่สะดวกขึ้นไป” ท่านหลงกล่าว

เฉินตงหยุดชะงักไปสักพักและมองท่านหลงอย่างแปลกใจ: “แค่นี้เหรอครับ?”

สีหน้าและแววตาของท่านหลงเปลี่ยนไปเป็นเข้มขรึมขึ้นมาทันที: “ที่จริงแล้วคือมีเรื่องอย่างหนึ่งในบ้าน กระผมอยากจะบอกคุณชายให้ทราบ พอเดาได้ว่าเวลานี้คุณชายต้องมาดูแม่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นจึงมาหาที่นี่โดยตรง”

“เรื่องอะไรครับ?”

เฉินตงถามอย่างเฉื่อยชา ท่านหลงไม่โทรมาพูดทางโทรศัพท์ แต่มาหาด้วยตัวท่านเอง ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ

ท่านหลงถอนหายใจหนึ่งครั้งและพูดอย่างเข้มขรึม: “ที่บ้านมีคนมาหาคุณ”

“หาผม?”

เฉินตงขมวดคิ้ว

ท่านหลงกล่าว: “เพราะการประกาศแจ้งเรื่องการเข้าร่วมบริษัทยี่เคอกรุ๊ปในครั้งก่อน ในบ้านมีคนสังเกตถึงคุณ กำลังเข้ามาแล้ว เป็นผู้ไม่หวังดี”

“พ่อผมคนนี้เก่งจริงๆเลย ควบคุมทั้งวงศ์ตระกูล ยังเปิดพุงเปิดไส้มาเจรจากับผม อีกทั้งยังคุมคนในบ้านไม่อยู่ปล่อยให้เค้ามาหาเรื่องผมอีก” เฉินตงหัวเราะเยาะอย่างประชดประชัน

“คุณชายครับ เรื่องภายในวงศ์ตระกูล มันไม่ได้ง่ายๆอย่างที่คุณคิดนะครับ”

ท่านหลงพูดอธิบายอย่างอดทน: “นายท่านอยากให้คุณกลับไปควบคุมดูแลตระกูล แต่ในขณะเดียวกัน สมาชิกในตระกูลก็อยากจะให้คนของตนเองมาดูแล ตระกูลควบคุมทรัพย์สินและการเงินของทั้งโลก ใครๆเห็นก็ต้องตาโต เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องการแย่งชิงเพื่อเอามาครอบครอง ทำให้ต่างฝ่ายไม่เข้ากันเหมือนดั่งน้ำกับไฟ คนพวกนั้นต่างก็มองคุณเป็นตะปูที่คอยกีดขวางพวกเขา”

“แล้วก็ฆ่าผมได้ใช่ไหม?” เฉินตงแกล้งถามและยิ้ม

ท่านหลงไม่ตอบคำถาม แต่พยักหน้า

เฉินตงเก็บรอยยิ้มขึ้น จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าคำถามเมื่อกี้มันน่าตลกมาก

คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลที่ลึกลับของตนเอง ทรัพย์สมบัติเยอะแยะมากมาย สำหรับคนที่โลภมากพวกนั้น แค่ฆ่าคนๆเดียวมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย

“คุนหลุน”

ท่านหลงออกเสียงพูดคำหนึ่ง

“อยู่ครับท่านหลง”

บนที่นั่งคนขับในรถโรลส์รอยซ์ มีชายหนุ่มที่รูปร่างใหญ่หันกลับมาตอบรับ

เฉินตงขมวดคิ้ว คนที่ขับรถให้ท่านหลงก่อนหน้านี้ไม่ใช่คนนี้

คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้หน้าตาเหลี่ยมๆ คิ้วเข้มตากลม ทรงผมตั้งขึ้นตรงๆอย่างกับเสาเหล็ก ทั้งตัวดูแล้วเต็มไปด้วยความเข้มขรึมดุร้าย ดูน่าเกรงขาม

“คุณชายครับ คุนหลุนคือคนที่นายท่านให้กระผมหาคนมาปกป้องคุณชายเป็นพิเศษครับ”

ท่านหลงสีหน้าเข้มขรึมมาก ท่าทางไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด: “คุนหลุนเป็นหัวหน้าทหารหน่วยรบที่จ้างมารับใช้ในต่างประเทศ ในปีนั้นนายท่านออกนอกประเทศ เห็นและชื่นชมคุนหลุน จึงรับไว้เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชา เขาเก่งเรื่องการต่อสู้ ยิงปืน สืบค้นและอื่นๆ”

สือ~

ฟังท่านหลงแนะนำแล้ว เฉินตงรู้สึกเย็นลึกๆในใจ

คนอย่างทหารรับใช้ เมื่อก่อนเขาเคยเห็นแต่ในทีวี สำหรับเขาแล้ว มันไม่อาจเอื้อมเลย

แต่ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว อีกทั้งยังมาปกป้องเขาด้วย

อดไม่ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ข้างหูมีเสียงถอนหายใจของท่านหลงดังขึ้น

เฉินตงมองดูท่านหลงอย่างสงสัย: “เกิดอะไรขึ้นครับ?”

“การชนะของการต่อสู้ครั้งแรกของคุณชาย กลับทำให้คุณชายกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน เรื่องนี้คือเรื่องที่นายท่านและกระผมนึกไม่ถึงเลย กระผมรู้สึกผิดจริงๆ”

ท่านหลงพูดตำหนิตัวเอง: “แต่มันสายไปแล้ว ยังไงขอให้คุณชายระวังตัวด้วยนะครับ”

“พวกเขา ร้ายกาจอย่างที่ท่านพูดจริงๆเหรอครับ?” เฉินตงไม่ค่อยเข้าใจ

เป็นคนเหมือนกัน คนในตระกูลที่พูดถึงพวกนั้น ร้ายกาจถึงขนาดทำให้ท่านหลงต้องจ้างทหารมาปกป้องเขาเลยหรือ?

“ความสามารถในการควบคุมดูแลวงศ์ตระกูลของคุณชาย กระผมไม่แปลกใจและสงสัยเลย แต่ว่าคุณชายต้องรู้ไว้ว่า สิ่งที่ต้องการในการควบคุมดูแลวงศ์ตระกูลไม่ใช่แค่ความสามารถ”

ท่านหลงรู้สึกเสียดาย “คุณชายอยู่ข้างนอกมาตลอด อาศัยอยู่กับแม่อย่างยากลำบาก พลาดโอกาสการฝึกอบรมดูแลชั้นดีของตระกูล มีบางด้านที่ไม่ดีพอเท่ากับคนในตระกูลพวกนั้น”

การอบรมชั้นดีเหรอ?

เฉินตงหัวเราะ แต่คำพูดของท่านหลง ทำให้เขารู้สึกเบาใจลง

“ไม่เป็นไร ผมจะต้องทำให้ดีกว่านี้ ให้แข็งแกร่งมากกว่าพวกเขา!”

“ไอ้ลูกสวะอย่างผมถูกด่าว่าตีมาตั้งแต่เล็กจนโต ถ้าชนะพวกที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ท่านว่าเขาจะเสียหน้าตาแต่นั่นไหม?”

ถึงแม้จะกำลังยิ้มอยู่ แต่สายตาของเฉินตงดูคึกคะนองอย่างหนักแน่น เหมือนกำลังมีไฟแห่งการต่อสู้แผดเผาอยู่

เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนแอรังแกง่ายๆ เรื่องมันพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้ว จะเป็นหรือตายก็ปลงแล้ว ไม่พอใจก็สู้

มีคนที่เก่งกาจอย่างคุนหลุนอยู่ข้างๆ เขาไม่ค่อยกังวลใจเท่าไหร่นัก

“เฮ้อ……” ท่านหลงรู้สึกได้กับคำพูดที่ประชดประชันของเฉินตง จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างอัดอั้นใจ

เฉินตงหันไปถาม: “คนๆนั้นจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่?”

คนที่ตอบเขา ไม่ใช่ท่านหลง แต่เป็นคุนหลุนที่ขับรถ

น้ำเสียงของคุนหลุนหนักแน่น: “คุณชาย ที่อยู่ของพวกเขาลึกลับซับซ้อน ติดตามไม่ได้ แต่คำนวณเวลาดูแล้ว น่าจะถึงนานแล้วครับ”

บทที่ 32 วันที่1

คำพูดของคุณหมอจาง ทำให้ทุกคนตะลึงหมด

ใครก็คิดไม่ถึง ครอบครัวของหวางเห้าที่มาเรียกร้องความยุติธรรมจะเป็นคนแบบนี้

วินาทีนั้น แววตาที่แปลกๆและสายตาที่ตำหนิมองมาที่ตัวของหวางเห้า

หวางเห้าหน้าแดงขึ้นมาทันที พูดอะไรไม่ออก

สุดท้ายเขาจ้องฟ่านลู่แล้วก็หันหลังกลับไป

ฟ่านลู่รีบร้อนเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย ตบหลังเบาๆให้หลี่หลานและปลอบโยนเธอไปด้วย: “คุณป้าคะ ท่านต้องระวังสุขภาพตนเองหน่อยนะคะ ฉันรีบโทรบอกพี่ตงเดี๋ยวนะคะ”

หลี่หลานห้าฟ่านลู่และหายใจลึกๆไปด้วย: “อย่า อย่าบอกเขา ฉัน ฉันไม่เป็นไร”

“แต่ว่า……” ฟ่านลู่ลังเลอยู่สักพัก

หลี่หลานส่ายหัว: “ตงเอ๋อเหนื่อยมามากแล้ว เรื่องนี้อย่าให้เขาต้องมาปวดหัวอีก”

เวลานี้ คุณหมอจางก็เดินเข้ามา

เขาขมวดคิ้วแน่นๆ มองหลี่หลานด้วยความกังวลและพูด: “คุณป้าหลี่ครับ ผมพาคุณไปตรวจสุขภาพหน่อยนะครับ ตรวจให้แน่ใจว่าคุณไม่เป็นไร ผมถึงจะไม่โทรบอกคุณเฉิน”

หวางเห้ารีบร้อนเดินไปทางห้องผู้ป่วย

ตอนแรกเขาคิดจะไปหาเรื่องเพื่อขอค่าเสียหายชดเชย

เฉินตงแกล้งวางแผนเพื่อหย่ากับพี่สาวของเขา เงินแค่สองแสน บ้าชะมัด

แต่การที่คุณหมอจางออกมา กลับทำให้เขาหาเรื่องไม่สำเร็จเหมือนที่คิดไว้แต่ยังกลับถูกด่าว่าจนเสียหาย กลายเป็นคนร้ายใจสายตาผู้คน

ในขณะที่ หวางหนันหนันที่อยู่ตรงราวบันได ในที่สุดก็สงบจิตใจขึ้นมาได้บ้าง แล้วเดินออกมา

เธอก็เจอกับหวางเห้ากำลังหัวเสียทำสีหน้าที่แย่มาก

“เสี่ยวเห้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

“พี่”

หวางเห้าเห็นหวางหนันหนัน ก็อารมณ์ขึ้นทันที: “พี่รู้ไหมนายเฉินตงมีเงินจริงๆนะ? แม่ของเขาผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”

ถึงแม้เมื่อกี้จะทะเลาะกันรุนแรง แต่ก่อนที่เขาจะออกมา เขาก็ยังได้สอบถามข่าวคราวที่หลี่หลานเพิ่งจะได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับไม่นาน

เรื่องนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกโมโห การผ่าตัดปลูกถ่ายตับตั้งแต่ต้นจนจบต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากขนาดไหน?

เฉินตงไม่เพียงแค่ให้แม่ของเขาผ่าตัด ยังจ้างนางพยาบาลมาดูแลอีกด้วย นี่มันเหมือนคนไม่มีเงินหรือ?

“สวี่!”

สีหน้าของหวางหนันหนันเปลี่ยนไปทันที รีบปิดปากหวางเห้าทันที: “เดี๋ยวแม่ได้ยิน จะสะเทือนใจอีก จะทำยังไง?”

หวางเห้าโมโหมาก

หวางหนันหนันรีบดึงตัวหวางเห้าเข้าไปตรงราวบันได

“พี่ นี่พี่รู้แล้วเหรอ?” หวางเห้าถามด้วยความตกตะลึง ปฏิกิริยาของหวางหนันหนัน ดูออกได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้ว

หวางหนันหนันพยักหน้าและถอนหายใจ: “ครั้งก่อนที่นายให้ฉันไปหาเฉินตง ฉันเคยมาหาหลี่หลาน แต่……นายไม่ควรมาหาเธอเลย”

ครั้งก่อนเธอมาหาเรื่องจนทะเลาะกันรุนแรง ทำให้หลี่หลานต้องเข้าห้องICU ตอนนี้ทำให้เค้าจำฝังใจ

ถ้าหวางเห้ามาทำให้หลี่หลานโมโหจนเป็นอะไรไปอีก นั่นมันจะกลายเป็นการฆ่าคนเลยนะ!

“ทำไมผมจะไม่ควรไปหาเธอ? ลูกชายเขาทิ้งพี่ไปเพื่อช่วยชีวิตของเค้า แล้วยังใช้แผนการชั่วๆแบบนั้นมาหลอกพี่อีก ไอ้บ้านนอกอย่างเฉินตงรังแกพี่แบบนี้แล้ว ผมเป็นน้องชายพี่ทนดูไม่ได้หรอก!”

หวางเห้าโมโหจนหน้าแดงหูแดง แววตาดุร้ายมาก

หวางหนันหนันตกใจแล้วจ้องหน้าหวางเห้า น้องชายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างกันทันหัน?

คำพูดประโยคนี้ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อย

แต่ว่า เธอก็ยังส่ายหัวและพูดอย่างอัดอั้นใจ: “ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ฉันรับมันไว้คนเดียวทั้งหมด ไม่เป็นไร”

“ไอ้เหี้ย! ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชอบเฉินตงในตอนแรก ตระกูลของพวกเขาจะบังอาจเอื้อมตระกูลของเราได้เหรอ? คนบ้านนอกชาวสวนอย่างสองแม่ลูกนี้ จิตใจเลวจะตาย!”

สีหน้าของหวางเห้าเต็มไปด้วยความโกรธ กัดฟันไว้อย่างแน่น: “เฉินตงมีเงินเยอะมากขนาดนั้น เอาให้แม่ของเขาทั้งหมด คิดเอาเงินแค่สองแสนมาฟาดหัวแล้วไล่พี่ออกจากบ้าน ไม่มีทาง!”

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินตงวางแผนหลอกหวางหนันหนันให้หย่ากัน ตอนนี้เขากับหลินเสว่เอ๋อเตรียมจะแต่งงานกันแล้ว

ยิ่งไม่มีทางทะเลาะกันจนทำให้ครอบครัวเสียหน้าหมด

แค่เขาขอเงินชดเชยค่าเสียหายกับเฉินตงได้สักหน่อย เงินค่าสินสอดที่จะไปสู่ขอหลินเสว่เอ๋อก็ครบพอดี!

“พอแล้วเสี่ยวเห้า!”

หวางหนันหนันกัดฟันพูดอย่างอัดอั้นตันใจ: “พี่รู้ว่านายอยากรีบๆแต่งงาน เรื่องของเฉินตง ฉันจัดการเอง นายไปดูแลแม่ให้ดีก็พอ อย่าไปบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ด้วย เดี๋ยวทำให้แม่สะเทือนใจอีก”

พูดจบ เธอหันหลังเดินออกไปทันที

หวางเห้ารู้สึกโมโห: “จัดการ? ถ้าพี่จัดการเองได้ จะไปหลอกเสว่เอ๋อของผมทำไม ทำให้ครอบครัวของเราย่ำแย่ขนาดนี้?”

แต่ว่า หวางหนันหนันที่เดินออกไปแล้ว ไม่ได้ยินคำพูดนี้

บริษัทไท่ติ่ง

เฉินตงกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน การพัฒนาย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเป็นงานหลักที่สำคัญของเขาในตอนนี้

ถึงแม้ได้แก้ไขปัญหาเรื่องสัญญาที่มีราคาอันแสนแพงแล้ว แต่ยังมีงานที่ต้องทำเหลืออยู่ด้านหลังมากมาย

ต้องรีบเริ่มสร้างตึกใหม่ขึ้นมาขายโดยเร็ว!

ยี่เคอกรุ๊ปเข้ามาปักหลักเป็นแค่งานเบื้องต้น ส่วนผลงานหลักที่แท้จริงของเขา คือการขายอสังหาริมทรัพย์

มีแต่เงินทองเข้ากระเป๋าบัญชีจริงๆแล้ว ทั้งโปรเจคงานถึงจะถือได้ว่าสำเร็จอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาก็สามารถส่งมอบงานให้พ่อที่เขาไม่เคยเห็นหน้าคนนั้นได้

ติง!

วีแชทมีข้อความใหม่

เฉินตงหยิบขึ้นมาดู เสียสมาธิอีกครั้ง

ข้อความที่กู้ชิงหยิ่งส่งมาสั้นๆ: เฉินตง วันที่1ฉันก็จะกลับไปแล้วนะ มีกระเป๋าและของเยอะมาก คุณมารับฉันหน่อยได้ไหม?

วันที่1?

เฉินตงคิดไปคิดมาอยู่สักพัก เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว

สามปีก่อน ในงานแต่งงานของเขาและหวางหนันหนัน กู้ชิงหยิ่งเป็นเพื่อนเจ้าสาว อีกอย่างในระหว่างงานแต่ง ก็ได้ช่วยเหลืองานไม่น้อย

ในวันนี้กู้ชิงหยิ่งจะกลับมา ในฐานะที่เขาเพื่อนเก่าก็ควรไปรับหน่อย

“ได้ครับ”

ตอบข้อความหนึ่งคำแล้ว เฉินตงก็ทำงานต่อ

แต่ แป๊บเดียว ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าอีกครั้ง

เขาหยิบมาดู สีหน้าเย็นชานิดๆ

คนที่ส่งข้อความมา คือหลินเสว่เอ๋อ

ผู้หญิงคนนี้ จะตามจีบเขาจริงๆหรือ?

ข้อความง่ายๆสั้นๆ: “คุณเฉินคะ คืนนี้ว่างไหม? อยากเชิญคุณมาเที่ยวที่บ้าน ทำกับข้าวให้คุณทาน

คำพูดที่มีเล่ห์ในแบบนี้ เฉินตงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

แต่ว่า เขาตอบกลับไปทันที: ไม่ดีกว่าครับ ผมชอบทานอาหารที่ทำเอง

ที่ธนาคาร

หลินเสว่เอ๋อกำลังมองดูวีแชทในมือถืออย่างหงุดหงิด สายตาเต็มไปด้วยไม่พอใจ

เฉินตง……ตั้งใจพูดเช่นนี้ใช่ไหม?

เธอรับเงินมาจากเฉินตงห้าล้าน ไม่ได้ทำให้เธอดีใจได้นานเท่าไหร่

เพราะในใจของหลินเสว่เอ๋อ เหมือนว่าเฉินตงเปิดทางให้เธอแล้ว ในเมื่อได้ห้าล้านมาแล้ว ดังนั้นก็ต้องได้มากกว่านั้นอีก

อีกทั้งเธอก็ยินดีที่จะทุ่มเทบางอย่างเพื่อสิ่งนี้

ในเมื่อคืนนั้นเธอได้ขอโทษเฉินตงและได้ชดใช้ไปหมดแล้ว

แต่กิริยาอาการที่เฉินตงทำกับเธอ ทำให้เธอเดาใจไม่ถูก

สู้ทนฝ่าฟันทำงานในเมืองนี้มานานมากขนาดนี้ หลินเสว่เอ๋อยังสามารถเอาตัวเข้าแลกกับผู้จัดการธนาคาร แล้วนั่งทำงานอย่างสบายๆด้านหลังเคาน์เตอร์ได้ มีการงานที่มีหน้ามีตา สำหรับผู้ชายแล้ว เธอรู้ดีทุกอย่างจริงๆ!

ผู้ชายทุกรูปแบบ เธอก็เคยเจอมาหมดแล้ว

ขอแค่เธอต้องการ เธอก็สามารถเอาชนะใจทุกคนได้ง่ายๆ

แต่เฉินตง เหมือนก้อนหินที่แข็งๆก้อนหนึ่ง แม้เธอจะคิดแผนการเป็นร้อยพัน ก็ไม่สามารถทำให้ใจของเขาอุ่นขึ้นมาได้เลย

การตอบรับที่เยือกเย็น ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลินเสว่เอ๋อยอมแพ้ไปตั้งนานแล้ว

แต่พอนึกถึงเงินห้าล้านที่อยู่ในบัตรเอทีเอ็มนั่นแล้ว เธอไม่อยากปล่อยเฉินตงไปง่ายๆ จึงกัดฟันจะทนต่อไป

หลินเสว่เอ๋อโมโหอยู่ในใจและกัดฟันบ่นอยู่คนเดียว: “ต้องโทษหวางเห้าที่ไม่เอาไหน ถ้าพาเธอไปรู้จักกับคนในครอบครัวของเขาตั้งแต่แรก ฉันก็รู้จักคุณเฉินตั้งนานแล้ว คุณเฉินเก่งและดีขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมคนตระกูลหวางไม่สนใจคุณเฉิน”

ถ้าได้เจอกับคุณเฉินก่อนหน้านี้ เธอคงมีภาพลักษณ์ที่ดีๆต่อคุณเฉินบ้าง ไม่ถึงกับเจอกับคุณเฉินด้วยเรื่องที่ไปถอนเงินที่ธนาคาร แล้วเธอไปขอโทษเขากลางคืนจนทำให้เธอดูมีภาพลักษณ์ที่แย่ซะขนาดนั้น

การตอบรับของเฉินตง ทำให้หลินเสว่เอ๋อโยนความผิดไปที่คนตระกูลหวางทั้งหมด จึงรู้สึกโกรธแค้นคนตระกูลหวางมาก

บทที่ 31 มียางอายไหม

ถูกหวางเห้าชกที่หน้าเต็มๆ

ฟ่านลู่ไม่หลบเลยสักนิด เธอเคยเป็นนักมวยระดับจังหวัด

เรื่องชกต่อยต่อสู้กัน เธอไม่เคยกลัวจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างของเธอกับหวางเห้าก็พอๆกัน ไม่ต่างกันมาก

แค่เอียงตัว ก็หลบหมัดของหวางเห้าได้ทันที ฟ่านลู่ก้มตัวยื่นมือชกเข้าไป

ปั้ง!

ชกไปที่ท้องของหวางเห้า

หวางเห้า “อ้า”ตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง เอามือจับที่ท้องและถอยออกไปสามเก้า แล้วนั่งลงกับพื้น

ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทางของฟ่านลู่รวดเร็วว่องไวมาก

ตั้งตัวยืนตรง ฟ่านลู่รวบผมมัดหางม้า แล้วยิ้มอย่างดูถูก: “คนอย่างคุณ เมื่อก่อนฉันจัดการวันละสิบคน!”

“มึง……” หวางเห้าจับท้องไว้และยังอยากจะตะโกนด่า แต่ในท้องทั้งใส้ทั้งพุงเหมือนคนเข้าด้วยกันหมด เจ็บจนพูดไม่ออก

ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้หลี่หลานตะลึงจนตาค้าง

เขานึกไม่ถึงว่าฟ่านลู่เป็นผู้หญิง แต่กลับสามารถต่อยผู้ชายจนล้มลงได้

“ไสหัวออกไป เดี๋ยวนี้!”

ฟ่านลู่ยกมือขึ้นมาจับคอเสื้อของหวางเห้า เหมือนหิ้วเป็ดไก่อย่างนั้นและผลักตัวเขาออกจากห้องผู้ป่วย: “อย่ามารบกวนคุณป้าอีกนะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันโหดร้าย จะตีให้ขาหักจนพิการไปเลย”

“ปล่อยมือออก!”

หวางเห้าสะบัดมือของฟ่านลู่ออกอย่างแรง แล้วถามด้วยสีหน้าที่เจ็บ: “มึงคิดว่ามึงเป็นใคร? ฉันเป็นน้องเมียของคนที่ไม่เอาไหนอย่างเฉินตงนะเว้ย!”

น้องเมีย?

ฟ่านลู่ตกตะลึงไปสักพัก เธอไม่เคยได้ยินเฉินตงพูดถึงเรื่องนี้เลย

แต่ว่า เธอจึงตอบกลับไปว่า: “คุณเฉินจ้างให้ฉันมาดูแลคุณป้า”

“โอ้โห? มีเงินจ้างนางพยาบาลด้วยหรือนี่?”

หวางเห้ายักคิ้ว ยิ่งมั่นใจกับเรื่องที่ตนคิดไว้ในใจ แล้วตะโกนพูดอย่างเสียงดัง: “ตอนนั้นยังพูดด้วยหน้าตาน่าสงสารว่ามีเงินเหลือแค่สองแสน หาเรื่องจะขอหย่ากับพี่สาวผมอีก ดูตอนนี้แล้ว ที่แท้ก็มีแผนการ แกล้งทำเป็นจน เอาเงินให้พี่สาวสองแสนแล้วไล่ออกจากบ้าน ยังบังคับให้หย่าอีก ประหยัดเงินไปเยอะเลยนะ พอหลังจากนั้นก็รวยขึ้นมาทันที?”

ทันใดนั้นฟ่านลู่รู้สึกตกตะลึงทำตัวไม่ถูก

แต่หลี่หลานกลับร้องไห้และตะโกนขึ้นมากะทันหัน: “หุบปาก ลูกชายชั้นไม่ใช่คนอย่างที่แกพูด แกกำลังใส่ร้ายเขา!”

ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่ตนเองรอดจากความตายกลับมาแล้ว ลูกชายทำไมถึงรวยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

แต่ก่อนหน้านั้นที่เธอยังรู้สึกตัวและมีสติดีๆอยู่นั้น ลูกชายเป็นยังไง เธอรู้ดีกว่าใครๆ

มีแม่ที่ไหนไม่รักลูก ก่อนหน้านั้นที่เธอป่วยหนัก ได้แต่มองดูลูกชายลำบาก

“ใส่ร้าย? ผมใส่ร้ายเขายังไง? พี่สาวผมต่างหากที่ถูกใส่ร้าย!”

หวางเห้าก็ยังไม่ยอมเลิกราวี กัดฟันตะคอกอย่างเสียงดัง: “ในตอนนั้นเฉินตงที่เป็นชายหงศ์คนนี้โชคดี ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ชาวไร่ชาวสวน พี่สาวผมก็ไม่แคร์ยอมลดตัวลงไปแต่งงานกับเค้า แต่มาตอนนี้ เขามีเงินรวยขึ้นเท่านั้น ก็หย่ากับพี่สาวผม พวกชาวสวนบ้านนอกอย่างพวกคุณ จิตใจแข็งกว่าก้อนหินซะอีก!”

“หุบปาก หุบปากของนายเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ยอมให้นายว่าลูกชายฉันแบบนี้!” หลี่หลานตะโกนตอบด้วยเสียงสั่นไปทั้งตัว

เห็นหลี่หลานที่อารมณ์ขึ้น ฟ่านลู่ก็รู้สึกร้อนใจด้วย

เปี๊ยก!

ฟ่านลู่ตบไปที่หน้าหวางเห้าหนึ่งที: “คุณรีบออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

“ผม……” หวางเห้ากำลังจะโต้ตอบ

เปี๊ยก!

ฟ่านลู่ตบหน้าหวางเห้าอีกครั้ง: “ฉันบอกให้คุณออกไป!”

ใบหน้าของหวางเห้าบวมแดงครึ่งหน้าแล้ว แต่ถ้าให้เขาสู้กับฟ่านลู่ เขาไม่กล้าจริงๆ

ในใจรู้สึกโมโหอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เฉินตงแกล้งจนแล้วหย่ากับพี่สาว ตอนนี้เขาก็หมั้นกับหลินเสว่เอ๋อสำเร็จและเตรียมจะแต่งงานแล้ว

หวางเห้าเปิดปาก กำลังจะตะโกนพูดอีก

เปี๊ยก!

ฟ่านลู่ตบไปอีกครั้ง

หวางเห้ารู้สึกมึน โดนตบไปสามทีจนสมองของเค้ามีเสียงวงๆอยู่ในหัว

นั่งนี่ ผีบ้ารึเปล่า?

เสียงทะเลาะกัน ทำให้หน้าระเบียงมีคนยืนมุงดูกันอย่างสงสัย

ได้ยินเสียงตะโกนของหวางเห้า ทุกๆคนเริ่มขมวดคิ้วและมองอย่างดูถูก แน่นอนว่าพวกเค้ากำลังมองไปทางเฉินตงและหลี่หลานในห้องผู้ป่วย

ส่วนท่าทางที่ดุร้ายของฟ่านลู่ ยิ่งทำให้ทุกคนตกตื่นใจ

“ออกไป! ฉันบอกให้นายออกไป!”

ฝ่ามือของฟ่านลู่ผลักไปที่หน้าอกของหวางเห้า

หลี่หลานจะได้รับผลกระทบมากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าปล่อยให้หวางเห้ามายุ่งวุ่นวายต่อไป ต้องแย่แน่ๆ

หันกลับไปมองหลี่หลานที่กำลังร้องไห้จนตัวสั่น ฟ่านลู่รีบร้อนไปปลอบโยน: “คุณป้าคะ มีฉันอยู่ ไม่เกิดเรื่องอะไรแน่นอนค่ะ!”

“มีคุณอยู่? นางพยาบาลตัวเล็กๆอย่างคุณจะพลิกฟ้าได้หรือไง?”

หวางเห้ายืดหอยาวๆและตะโกนอย่างโมโห ปกติอยู่บ้านเค้าก็เป็นคนที่ทะนงตัวจนชินแล้ว ตอนนี้ “ดูออก” กับนิสัยที่เลวทรามของเฉินตง วันนี้ถ้าไม่เอาเรื่องให้ถึงที่สุด เขาไม่มีทางหายโมโหง่ายๆอย่างแน่นอน

“นายอย่ามาหาเรื่องอีกเลยนะ ตอนนี้คุณป้าถูกกระทบกระเทือนจิตใจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว นายทำอย่างนี้จะทำร้ายเธอนะ” ฟ่านลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ขอร้อง

“ทำร้ายเธอ? ถ้าเธอตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม!”

หวางเห้ายกมือขึ้นมาสะบัด: “ชาวสวนแม่ลูกสองคนนี้ บังอาจเอื้อมตระกูลหวางของพวกเรา หลายปีมานี้ ไอ้สัตว์นรกอย่างเฉินตงมันเอาเงินมารักษาผู้หญิงคนนี้จนจะไม่เหลือสมบัติอะไรแล้ว เค้าเคยรู้สึกผิดต่อพี่สาวผมไหม?”

“พอแล้ว!”

ฟ่านลู่แหกปากตะโกนลั่น ขวามือยังกำหมัดไว้แน่นๆอยากจะชกออกไปอีกที

แต่เธอรู้ดีว่า ถึงตนเองจะต่อยเก่งยังไง ก็ตีหวางเห้าให้ตายไม่ได้

“เสี่ยวลู่ ให้เขาออกไป ให้เขาออกไป……” หลี่หลานกัดปากพูดจนเลือดจะออกอยู่แล้ว “ตระกูลของเราไม่เคยเป็นหนี้ตระกูลของเขา ลูกชายของฉันทนทุกข์ทรมานเพราะหวางหนันหนันมามากพอแล้ว นี่เขากำลังใส่ร้ายลูกชายฉัน”

“คุณป้าคะ เดี๋ยวฉันให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณป้าต้องทนไว้นะคะ” ฟ่านลู่ก็ตาแดงไปด้วย

กิริยาอาการหลี่หลานแสดงต่อเธอ เธอรู้สึกได้

แม้แต่นางพยาบาลยังรู้สึกสงสารได้ถึงขนาดนี้ มันน่าสงสารเหมือนที่ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพูด?

ในเวลานี้พอดี

คุณหมอจางก็วิ่งตามพยาบาลที่นำทางให้ วิ่งมาอย่างรีบร้อน

ผลักดันกลุ่มคนออกและเห็นภาพนี้ คุณหมอจางตกใจจนขนหัวลุก

ครั้งก่อนหลี่หลานถูกกระทบกระเทือนจิตใจจนอาการป่วยกำเริบ ทำให้เกือบจะช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้

ครั้งนี้ยังมาอีก?

เห็นหวางเห้าโวยวายเสียงดังมาก คุณหมอจางรีบร้อนเข้าไปดุว่า: “ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ คุณคิดว่าที่นี่คือบ้านของคุณหรือไง?”

หวางเห้าโดนดุจนตะลึงไปสักพัก

คุณหมอจางหันหน้าไปมองทางฟ่านลู่: “คุณคือนางพยาบาลที่คุณเฉินจ้างมาใช่ไหม? เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือครับ? ว่าอย่าให้คุณหลี่ถูกกระทบกระเทือนจิตใจอีก”

ฟ่านลู่ตอบด้วยความอัดอั้นใจ: “ฉัน ฉันห้ามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมไป”

“ทำไมผมต้องไป? คุณแค่นางพยาบาลเล็กๆคนหนึ่งที่ไอ้หนุ่มบ้านนอกชาวสวนชาวไร่เค้าจ้างมาดูแลแม่ของเขา คุณจะมาห้ามผมไม่ให้มาทวงความยุติธรรมให้พี่สาวได้ยังไง?” หวางเห้าตะโกนอย่างเสียงดัง

“พอแล้ว!”

คุณหมอจางโกรธและดุดังๆ: “คำนึงก็ชาวสวนบ้านนอก คนบ้านนอกไม่ใช่แพะรับบาปนะ! มารยาทเช่นนี้อย่างคุณ ยังมีหน้าพูดคำพูดเช่นนี้หรือครับ?”

หวางเห้าหน้าแดงและกำลังจะโต้ตอบกลับ

คุณหมอจางขี้เกียจจะพูดให้เสียเวลาอีก รีบยกมือขึ้นมาโบกและสั่งการ: “รีบเรียกรปภ.ขึ้นมาลากตัวคนๆนี้ออกไป!”

“คุณ คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้?” หวางเห้าตกใจ

คุณหมอจางพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห: “ในฐานะที่ผมเป็นหมอใหญ่โรงพยาบาลแห่งนี้! แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาก็ห้ามผมไม่ได้หรอก!”

หวางเห้าโมโหอย่างมาก

แต่คุณหมอจางก็ยังตะโกนด่าอย่างไม่หยุดยั้ง: “คุณเฉินมาเจอกับครอบครัวของคุณ นั่นแหล่ะคือความซวยที่แท้จริง! คุณหลี่พักรักษาที่โรงพยาบาลนานขนาดนี้ ผมเป็นหมอประจำตัวที่รักษาเธอ ก็เห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง ครั้งไหนที่ไม่ใช่คุณชายหลี่มาดูแลคุณผู้หญิงหลี่ด้วยตนเอง? พี่สาวคุณและพวกคุณเคยมากี่ครั้ง?”

“แม่คุณมาหาผมที่โรงพยาบาล ถามว่าแม่ของคุณเฉินจะหมดลมหายใจเมื่อไหร่ พี่สาวคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ของเขาไปให้ทางบ้านของพวกคุณ ตอนนี้คุณยังหน้าด้านมาหาเรื่องคุณหญิงหลี่ที่นี่อย่างไร้ยางอาย”

“ครอบครัวของคุณรู้จักอายบ้างไหม?”

บทที่ 30 ความสงสัยของหวางเห้า

หวางหนันหนันรู้สึกหายใจไม่ออก

พลางมองจางซิ่วจือด้วยความอึ้งไป

“แม่ เรื่องในงานหมั้น ฉันคุยกับหลินเสว่เอ๋อดีแล้วจริงๆ !” หวางหนันหนันรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก

งานหมั้นทำให้ตระกูลหวางเสียหน้า ช่วงนี้โดนจางซิ่วจือว่าประจำ จนเธออธิบายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว

“คุณยังจะมาโกหกอีก!”

จางซิ่วจือโกรธจนด่าออกมาว่า: “เสว่เอ๋อมีพื้นเพดีขนาดนั้น คุณกำลังจะบอกว่าเธอหลอกตบตาพวกเรา เพื่อก่อเรื่องในงานหมั้นงั้นเหรอ?”

“พี่ คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” หวางเห้าเองก็ร้อนใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน: “เสว่เอ๋อเป็นคนแบบไหน ฉันรู้ดี เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน”

หวางหนันหนันโกรธตัวสั่น พลางน้อยใจจนน้ำตาแทบไหลออกมา

เธอร้องไห้พลางพูดว่า: “ทำไมพวกคุณไม่เชื่อฉันเลย?แม่ ใครเป็นลูกสาวแม่กันแน่เนี่ย?”

จางซิ่วจือหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะเอามือกุมหน้าอก: “ฉันดูที่เรื่องไม่ได้ดูที่คน คุณเป็นลูกสาวฉัน เสว่เอ๋อก็เป็นสะใภ้ที่จะแต่งเข้ามา คุณยังจะมาท้าทายกันอีกเหรอ?”

“ฉัน……” หวางหนันหนันกำลังจะเปิดปากพูด

หวางเต๋อพูดออกมาด้วยความเหลืออด: “พอแล้วหวางหนันหนัน คุณยังอยากจะทำให้แม่อาการกำเริบอีกเหรอ?”

ประโยคเดียว ทำให้หวางหนันหนันเลิกเถียง

“แม่ คุณพักผ่อนให้มากๆ ฉันจะไปทำงาน” หวางหนันหนันวางกระติกเก็บความร้อนลง ก่อนจะปิดตาแล้ววิ่งออกไป

“ทำงานๆ เอาแต่สนใจเงินเดือนเท่าขี้มด มันพอใช้ไหมน่ะ?ฉันเป็นแม่แท้ๆ ของคุณ ตอนนี้ป่วยอยู่ ยังจะไม่สนใจกันอีกเหรอ?”

ด้านหลัง มีเสียงของจางซิ่วจือพูดด้วยความโกรธ

เมื่อได้ยิน หวางหนันหนันก็แทบบ้า เลยเดินจากทางเดิน เข้าไปที่ตรงบันไดตึก ก่อนจะทนไม่ไหว แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ทำไมทุกคนถึงโทษฉัน?ฉันทำอะไรผิด?ทำไมถึงให้ฉันแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียว?”

เมื่อถามเองตอบเอง และร้องไห้ไปด้วย ความกดดันในช่วงนี้ ก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมด

แม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล เธอมีแรงกดดันสูงมาก วิ่งวุ่นไปหมด ไม่เพียงแค่ส่งข้าวส่งน้ำให้แม่กับน้องชาย แต่ยังต้องไปทำงานอีก

แต่สิ่งที่ได้รับ กลับเป็นคำถามที่ไร้เยื่อไงและไม่เข้าใจจากแม่

เธออยากจะถามหลินเสว่เอ๋อเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นในงานหมั้น

แต่เธอก็อดทนไว้

เพราะว่าเธอรู้ ว่าหลินเสว่เอ๋อไม่มีทางพูดความจริง ในสถานการณ์แบบนี้ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ข้างหลินเสว่เอ๋อ จนเธอต้องอธิบายแก้ต่างมากมาย

ตอนที่ตกอยู่ในภวังค์ หวางหนันหนันก็มองไปที่ด้านหน้าอย่างเหม่อลอย ก่อนจะพึมพำ: “เฉินตง……”

แต่งงานมาสามปี ความน้อยใจแบบนี้ เธอเองก็เคยได้รับ

แต่ทุกครั้งจะมีเฉินตงคอยปลอบ ช่วยเธอแก้ไข

ตอนที่กำลังพึมพำ หวางหนันหนันก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะส่งข้อความให้เฉินตง

“เฉินตง ฉันเหนื่อยจังเลย”

รอมานาน แต่ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ

หวางหนันหนันร้องไห้อยู่แบบนั้นด้วยความเจ็บปวด และดูไม่มีหวังอะไรแล้ว

ในห้องพักผู้ป่วย

หวางเต๋อมองจางซิ่วจืออย่างไร้ทางเลือก: “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะ ช่วงนี้ เห็นลูกสาวก็โกรธขึ้นมาแล้ว จะไม่รักษาร่างกายแล้วเหรอ?”

“คุณโทษฉันเหรอ?”

จางซิ่วจือเลิกคิ้วขึ้น พลางมองหวางเต๋อตาขวาง: “เธอเป็นคนสัญญาว่าทำเรื่องกับเสว่เอ๋อเรียบร้อยแล้วแท้ๆ แต่งานหมั้นล่ะ?เพื่อนพี่น้องกว่าสามสิบโต๊ะ ฉันต้องมาเสียหน้าไปหมดเลย!”

หวางเต๋อพึมพำ กำลังจะแก้ต่าง จางซิ่วจือก็พูดต่อ: “ตระกูลหวางของพวกเราเสียหน้าไปหมดแล้ว!ถ้าเกิดมันทำให้เสว่เอ๋อไม่พอใจแล้ว เลิกกับเสี่ยวเห้าไป ตระกูลหวางยังจะมีคนสืบทอดตระกูลได้อีกเหรอ?คุณฝันไปเถอะ!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หวางเต๋อนิ่งไป

เขารู้ ว่าลูกไร้ประโยชน์นั้น ได้มาเจอหลินเสว่เอ๋อที่การศึกษาดี มีตระกูลที่ดี งานก็ดี มันถือว่าเหลือเชื่อเกินพอแล้ว

หลินเสว่เอ๋อจะเลิกกับหวางเห้าจริงๆ หวางเห้าจะไปหาผู้หญิงแบบนี้อีก คงจะไม่มีใครชอบหวางเห้าได้

จางซิ่วจือเหมือนจะคิดอะไรออก เลยมองหวางเห้า: “จริงสิลูกชาย งานหมั้นน่ะเสว่เอ๋อไม่พอในมาก คุณ คุณได้ไปอธิบายให้เธอฟังหรือยัง?”

“แม่ เสว่เอ๋อไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันไปหาเธอที่บ้าน เธอก็ไปทำงาน เธอไม่นั่งรถของฉันแล้ว ไม่พูดกับฉันสักคำ” หวางเห้าโกรธควันออกหู ใบหน้ารีบร้อน

“ให้ตายเถอะ……”

จางซิ่วจือถอนหายใจพลางมองเพดาน: “ถ้าไม่ใช่เพราะหวางหนันหนันนั่น พวกเราคงหาอีกแสนหนึ่ง จะเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

หวางเห้าถูกคำพูดของจางซิ่วจือทำให้คิดถึงแต่หลินเสว่เอ๋อ

เขาคิดถึงก่อนหน้านี้ที่หลินเสว่เอ๋อพูดกับเขา บอกว่าเฉินตงมีเงิน ให้เขาไปเอากับเฉินตง

จากนั้นเขาก็ไปบังคับหวางหนันหนัน หวางหนันหนันกลับไม่ได้ไปหาเฉินตงเหรอ?ทำไมถึงไปหาหลินเสว่เอ๋อแทนล่ะ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ หวางเห้าโกรธเป็นอย่างมาก: “พ่อแม่ แม่ของเฉินตงป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลลี่จิงใช่ไหม?”

หวางเต๋อกับจางซิ่วจือตกใจอึ้งไปตามๆ กัน

จากนั้นหวางเต๋อพยักหน้า: “ได้ ได้ยินว่าพี่สาวคุณเคยพูด น่าจะอยู่ที่โรงพยาบาลลี่จิง”

เขาเองก็ไม่แน่ใจ หลังจากที่แม่ของเฉินตงป่วยหนักและเข้าโรงพยาบาล พวกเขาเลยสนใจแต่เรื่องราวและเหตุผล เคยมาที่โรงพยาบาลครั้งเดียว เลยไม่ได้รู้จักมากมาย

“ฉันจะไปหา”

หวางเห้าหันตัวออกจากห้องผู้ป่วยไป

เขาจะไปยืนยันสักหน่อย ว่าเฉินตงมีหรือไม่มีเงินกันแน่

คำพูดของหลินเสว่เอ๋อนั้น เขาเชื่อ

ถ้าเกิดว่าเฉินตงมีเงิน งั้นอาการป่วยของแม่เขาก็ต้องได้ดีขึ้น

ถ้าอย่างนั้น……เป้าหมายที่เฉินตงหย่ากับพี่สาวเขาก็คือ……

กัดฟันกรอด หวางเห้ามีแววตาที่พร้อมฆ่าคนออกมา

ในห้องผู้ป่วย

ฟ่านลู่กำลังช่วยหลี่หลานเช็ดล้างร่างกาย อย่างระมัดระวัง และละเอียดมาก เพราะกลัวว่าหลี่หลานจะเจ็บ

หลี่หลานยิ้มขึ้นในทันใด: “เสี่ยวลู่ มือของคุณที่ด้าน……”

“ขอโทษ ที่ทำให้คุณป้าเจ็บ” ฟ่านลู่ตกใจ ก่อนจะรีบขอโทษ

“ไม่ๆ เสี่ยวลู่คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว” หลี่หลานรีบอธิบาย: “คุณป้าสงสัยในตัวหนูน่ะ ทำไมมือถึงได้ด้านขนาดนี้ ลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ฟ่านลู่นิ่งไป ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา พลางก้มหน้าพูด: “ไม่เป็นไรหรอกคุณป้า ฉันไม่สนใจ”

เมื่อเห็นท่าทีของฟ่านลู่ หลี่หลานก็ถอนหายใจออกมาอย่างไร้ทางเลือกใดๆ พลางยิ้มเบาๆ แล้วพูด: “เด็กโง่”

ปัง!

ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก

หลี่หลานกับฟ่านลู่ต่างตกใจ และมองไปด้วยความสงสัย

หวางเห้าเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นหลี่หลานบนเตียง ก็ขึ้นเสียง: “เฉินตงบอกว่าคุณใกล้ตายแล้วใช่ไหม?”

หลี่หลานตกใจกลัวตัวสั่น

เธอไม่ได้รู้จักอะไรหวางเห้ามากมาย แต่ด้วยอาการป่วยของเธอในตอนนี้ เปิดประตูเดินเข้ามาพูดแบบนี้ มันเหมือนแช่งกันชัดๆ !

ฟ่านลู่ยิ่งเย็นชากว่า ก่อนจะรีบพูดสั่งว่า: “ขอให้คุณออกไป!”

“ทำไมต้องให้ฉันออกไปด้วย?” หวางเห้าโกรธมาก “ฉันเป็นน้องของภรรยาเฉินตง ทำไมต้องให้ฉันออกไปด้วย?”

อาการของหลี่หลานนั้นดีกว่าแต่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าได้รับการรักษาไปไม่น้อย

เฉินตงรักษาแม่ที่ใกล้ตายคนนี้ เลยจะมาหย่ากับพี่สาว!

ถ้าเกิดว่าเขาสองคนไม่ได้หย่า แล้วพี่สาวเอาเงินจากเฉินตงมาหน่อย เขากับหลินเสว่เอ๋อก็จะหมั้นกันอย่างราบรื่น และเตรียมงานแต่ง จะมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน?

หลี่หลานตัวสั่นเทา และร้องไห้ออกมาในทันที

เมื่อเห็นหลี่หลานร้องไห้ ฟ่านลู่ก็ร้อนใจ

ตอนที่เฉินตงรับเธอมาทำงาน ก็ได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ตอนนี้หลี่หลานรับแรงอะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว!

“คุณออกไปให้พ้น อย่ามาทำร้ายจิตใจคุณป้านะ!”

ฟ่านลู่รีบปรี่เข้ามา

หวางเห้าเองก็เข้ามาด้วยท่าทีเหิมเกริม ก่อนจะต่อยไปที่หน้าของฟ่านลู่: “หลบไป คุณเกี่ยวอะไรด้วย?”

บทที่ 29 บรรยากาศทั้งสองในห้องพักผู้ป่วย

ในสำนักงานขาย เงียบเป็นป่าช้า

ทุกคนต่างหัวขาวโพลน

หนึ่งร้อนยี่สิบล้านเหรอ!ไม่ลังเลเลย เหมือนกับ……ซื้อกับข้าวเลย?

“โอเค ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” หลี่ต้าเป่าพูดด้วยความยินดี

นี่เป็นบิลแรกในการขายของเขา แถมยังเป็นบ้านที่หรูดูดีที่สุดอีกด้วย

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ตั้งแต่เปิดขายมา ก็โด่งดังเป็นอย่างมาก

ระดับอยู่กลางเขาแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะดูดีมีชาติตระกูล แต่ราคากลับทำให้คนร่ำรวยอยากได้แต่ก็ทำได้แค่มองต่อไป

จางโยวโยวรู้สึกเหมือนจะตายในตอนนั้น

ร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรง หน้าซีดเซียว ตาเลื่อนลอย

บิลหนึ่งร้อยยี่สิบล้าน เพียงเพราะว่าตัวเองตาไม่ถึง เลยถูกหลี่ต้าเป่าเอาไปแบบง่ายๆ งั้นเหรอ?

ในตอนนี้เองเธอไม่ได้รู้สึกอะไรต่อแรงที่หลี่ต้าเป่าทำเลย

แถมยังอยากจะตบตัวเองแรงๆ ซ้ำอีกด้วย

บิลใหญ่ขนาดนี ถ้าเธอทำได้ ก็จะได้เงินเยอะเลยล่ะ

อีกอย่าง มันสามารถทำให้เธอปิดการประเมินในเดือนนี้ได้ด้วย!

พนักงานขายของวิลล่าในเขาเทียนซานนั้นเยอะมากจริงๆ เลยทำให้คนต่างหิวกระหาย อยากจะมาทำงานที่บ้านพักของเขาเทียนซาน

ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำผลงานรั้งท้ายจะถูกคัดออกจากบ้านพักตากอากาศเขาเทียนซาน

แต่การประเมินของเธอนั้น เดือนนี้มันน้อยมาก ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่เธอคงไม่ปรี่เข้าไปหาหลี่ต้าเป่าหรอก

ถ้าให้พูดอีกอย่าง เดือนนี้เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ถ้าเกิดว่าภายในเวลาไม่กี่วันนี้ เธอไม่สามารถปิดการประเมินนี้ได้ เธอก็จะถูกคัดทิ้ง และตกงาน!

จางโยวโยวนั่งยองลง ก่อนจะปิดหน้าร้องไห้ ด้วยความไม่เสียดายเป็นอย่างมาก

ผู้จัดการฝ่ายขายกับเพื่อนร่วมงานต่างมองเธอ แต่ไม่มีใครเข้าไปปลอบใจเลย

การจัดการการซื้อบ้านแต่ละหลังนั้นมันยากมาก แต่ทว่าเมื่อมีหลี่ต้าเป่าวุ่นเต้นให้ อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยากมาก

เมื่อเซ็นสัญญากันเสร็จ เฉินตงก็หยิบกุญแจออกมา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บ้านก็ถือเป็นของเขาแล้ว

ตอนที่ออกจากสำนักงานขายนั้น เฉินตงเห็นว่าจางโยวโยวกำลังถูกผู้จัดการการขายต่อว่าอยู่ด้านนอก เขาแอบได้ยินผู้จัดการการขายพูดว่าเชิญออกด้วย

เฉินตงยิ้ม เพราะการกระทำของจางโยวโยวเอง เขาทำอะไรไม่ได้

เมื่อกลับไปที่บริษัทไท่ติ่ง

เสี่ยวหม่าก็รีบเดินเข้าไปรายงานเฉินตงด้วยความยินดีว่า: “พี่ตง คุณนี่เก่งจริงๆ !เรื่องที่ฉันรับผิดชอบที่เขตนั้น แก้ปัญหาได้แล้ว ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ”

“แก้ได้ก็ดีแล้ว ไปทำงานเถอะ งานที่เขตนั้นมันสำคัญมากสำหรับคุณ อย่าได้มีความผิดพลาดเลยนะ” เฉินตงยิ้มพลางพูดเบาๆ

“วางใจเถอะ พี่ตง” เสี่ยวหม่าทุบหน้าอกเป็นการรับประกัน

……

โรงพยาบาลลี่จิง

หลี่หลานฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนแอ

ร่างกายที่ได้รับการฟื้นฟูแล้ว เมื่อกลับเข้าไปในicu ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

หลี่หลานนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ในมือถือแอปเปิลที่ฟ่านลู่ปลอกไว้ให้ ค่อยๆ กินไป

เมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยอ่อน และขอบตาดำๆ ของฟ่านลู่ หลี่หลานก็สงสาร: “เสี่ยวลู่ ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเหนื่อย”

ฟ่านลู่ตกใจ: “คุณป้า ฉันไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยเลย ฉันทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า?คุณป้าอย่าไล่ฉันออกนะ”

เธอถือเงินหนึ่งหมื่นของเฉินตง เพื่อดูแลหลี่หลานยี่สิบสี่ชั่วโมง เหนื่อยมาก แต่ก็ยังสบายกว่างานบิดเหล็กเมื่อก่อน

แต่คำพูดของหลี่หลาน กลับทำให้เธอคิดว่าจะถูกไล่ออก

เธอกลับไม่รู้ ว่าหลี่หลานคุ้นเคยกับการมีชีวิตลำบาก เพื่อเลี้ยงเฉินตงให้เติบโตขึ้นมา เลยรู้ว่าความลำบากนั้นมันลำบากขนาดไหน

หลี่หลานพูดไป เพื่อเห็นแก่ความลำบากของฟ่านลู่จริงๆ และเหนื่อยแทน

แต่ปฏิกิริยาของฟ่านลู่ กลับทำให้หลี่หลานยิ้มออกมา: “เสี่ยวลู่ คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณป้าหมายความว่าคุณน่าจะเหนื่อยจริงๆ ไม่ได้จะไล่คุณออก ป้าเองก็เคยลำบากมา คุณกับลูกฉันอายุพอๆ กัน เห็นคุณเหนื่อย ก็สงสาร”

เธอกลัวว่าฟ่านลู่จะติดมาก เลยอธิบาย: “คุณทำดีหมดเลย จนป้าชอบไม่ทันแล้วเนี่ย จะไปไล่ออกได้อย่างไรกัน แต่ทว่ามีที่ไม่ดีอยู่ ก็คือคุณไม่รู้จักพักผ่อนบ้างเลย!”

ฟ่านลู่มีดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะฟุบอยู่ตรงข้างเตียง พลางร้องไห้ออกมา: “คุณป้าทำฉันตกใจหมด ฉันก็คิดว่าคุณจะไม่เอาแล้ว งานนี้มันสำคัญกับฉันมากนะ”

หลี่หลานยิ้มพลาง มองฟ่านลู่ด้วยความลึกซึ้ง ก่อนจะเอามือขึ้นมาตกไหล่ของฟ่านลู่เบาๆ พลางพูดเสียงอ่อนว่า: “เด็กดี คุณป้าไม่มีทางไม่เอาคุณหรอก ไม่งั้นคุณก็โทรหาลูกชายฉัน ให้เขามาดูแลฉันคืนหนึ่ง แล้วคุณกลับบ้านไปนอนซะ”

ฟ่านลู่สั่นเทา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา พลางพูด: “คุณป้า พี่ตงยุ่งมาก ฉันคือคนที่เขารับมาเพื่อให้ดูแลคุณ จะไปเรียกเขามา แล้วฉันไปพักได้อย่างไร”

“ก็ได้ แต่ทว่าคุณต้องเชื่อฟังป้านะ ตอนกลางคืนต้องนอนให้เยอะๆ อย่าตื่นขึ้นมาเพียงเพราะฉันขยับตัวนะ”

หลี่หลานพูดไป เมื่อเห็นว่าฟ่านลู่จะต่อต้าน เธอก็จริงจังขึ้นมา: “เป็นสาวอยู่ดีๆ กลายเป็นหมีแพนด้าซะอย่างนั้น แล้วใครจะมาแต่งด้วยเนี่ย?คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ หน่อย”

ฟ่านลู่อึ้งไป ดวงตาแดงก่ำ และมีน้ำตาคลอ

คำพูดของหลี่หลาน เหมือนกับลมโชยเบาๆ ที่พักเข้ามาในจิตใจของเธอ

เธอ ไม่ได้ยินคนพูดด้วยความเป็นห่วงขนาดนี้มานานแล้ว

เพียงแวบเดียว

ฟ่านลู่ก็อยู่ในอ้อมอกของหลี่หลาน พลางร้องไห้แล้วพูด: “ขอบคุณ ขอบคุณคุณป้ามากจริงๆ”

ห้องพักผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง

จางซิ่วจือนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ด้วยใบหน้าซีดเซียว มองเพดาน และหางตามีน้ำตาไหลออกมา

งานหมั้นนั้น เธอถูกทำให้โกรธจนโรคหัวใจกำเริบ ดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน เลยมีชีวิตอยู่ต่อได้

หวางเต๋อนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ พลางปอกผลไม้ และส่งให้จางซิ่วจือชิ้นหนึ่ง: “กินหน่อยเถอะ?”

จางซิ่วจือส่ายหัว และร้องไห้ต่อไป

เธอมีภาพลักษณ์ดีๆ ดังนั้นงานหมั่นของหวางเห้ากับหลินเสว่เอ๋อเลยจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าอะไร

แต่งานหมั้นนั้น กลับทำให้เธอต้องมาเสียหน้า ต่อหน้าเพื่อนพี่น้องของเธอ อย่างแตกละเอียด

มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

“เห้อ” หวางเต๋อรู้นิสัยของจางซิ่วจือดี เลยถอนหายใจ แต่ไม่กล้าพูดโน้มน้าวอะไร

ตั้งแต่ต้นจนจบ หวางเห้าเอาแต่นั่งบนเก้าอี้ และเล่นROVอย่างตั้งใจ โดยที่ไม่ได้สนใจหวางเต๋อกับจางซิ่วจือ แถมยังพูดคุยกับเกมออกมาบ้างด้วย

“ตีป้อมเลย ตีสิ!” หวางเห้าตะโกนออกมาเสียงดัง

หวางเต๋อขมวดคิ้ว ก่อนจะด่า: “หวางเห้า เสียงเบาหน่อย นี่มันโรงพยาบาล!คุณบอกว่าจะมาดูแลแม่ แล้วนี่มันเรียกว่าดูแลยังไงกัน?”

“รู้แล้วๆ” หวางเห้าพูดด้วยความหงุดหงิด ดวงตาเอาแต่มองโทรศัพท์: “ฉันไม่มาโรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของฉัน แล้วจะให้อยู่บ้านเล่นเกมเหรอไง?”

หวางเต๋อโกรธจนอยากจะด่าออกมา

ใกล้เที่ยง

หวางหนันหนันเอากระติกเก็บความร้อน เข้ามาในห้องพักผู้ป่วย

เมื่อเห็นว่าหวางเห้ายังคงเล่นเกม ก็มีสีหน้าจริงจัง: “หวางเห้า คุณไม่มาดูแลแล่ เอาแต่เล่นเกม โตแค่ไหนแล้วเนี่ย?”

หวางเห้าก้มหน้า กำลังจะเปิดปากตอบ

จางซิ่วจือที่ร้องไห้บนเตียงก็ระเบิดอารมณ์ออกมา

เธอชี้ไปที่หวางหนันหนันก่อนจะด่า: “คุณยังมีหน้าว่าน้องชายคุณอีกเหรอ?งานหมั้นของเขาถูกคุณพังหมดแบบนี้ คุณทำให้ตระกูลหวางขายหน้า คุณทำเรื่องแบบนี้ คุณโตแค่ไหนแล้ว?”

บทที่ 28 หนึ่งร้อยยี่สิบล้าน

เห็นได้ชัด ว่าอีฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นลูกค้าเสียเวลา

ไม่อยากจะเสแสร้งด้วยซ้ำ

เฉินตงเองก็ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองอะไร เลยเอามือใส่กระเป๋า ก่อนจะดูไปพลาง

เมื่อเห็นว่าจางโยวโยวกำลังจะออกไป เฉินตงเลยยิ้มเบาๆ พลางพูด: “รบกวนคุณ ช่วยแนะนำให้ฉันหน่อยสิ”

จางโยวโยวขมวดคิ้วเป็นมาชนกัน ด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

หลี่ต้าเป่าทำให้เธอเสียแรง แล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลย

แต่ตอนนี้ กลับถูกผู้จัดการบอกให้มาดูแลลูกค้าที่อยู่ตรงหน้า มันยิ่งทำให้เธอหมดความอดทน

จะไม่ซื้ออยู่แล้ว แล้วจะแกล้งทำอะไรอีกทำไม?

ต้องรับบ้าอะไรกัน!

แต่เมื่อเห็นว่าผู้จัดการกำลังมองตัวเอง จางโยวโยวเลยกัดฟัน ก่อนจะเดินเจ้าไปตรงหน้าของเฉินตง

“คุณคะ คุณอยากดูบ้านพักแบบไหนดี?”

ถึงแม้ว่าในใจจะไม่อยากทำ แต่ถ้ามีเรื่องกับผู้จัดการ อาจจะเสียงานนี้ไปเลยก็ได้

เธอยังไม่ได้โง่ขนาดที่จะเสียงานไป เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

“ใหญ่หน่อย” เฉินตงพูด

จางโยวโยวมองบนใส่ ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญ มาดูถึงที่บ้านเขาเทียนซาน ยังจะเอาใหญ่หน่อยอีก จะหลอกลวงกันไปถึงไหน?

หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดความหงุดหงิดเอาไว้ภายใน จางโยวโยวหันตัวเดินไปทางโมเดล

เฉินตงทำเหมือนเดินเล่นปกติ เดินตามหลังเธอไป ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆ โมเดลนั้น

จางโยวโยวชี้ไปที่โมเดล: “นี่ขนาดสามร้อยตารางเมตร เป็นบ้านที่เล็กที่สุดของพวกเราแล้ว”

เธอไม่อยากพาเฉินตงมาดูจริงๆ แต่อยากให้เฉินตงรู้ว่าไม่มีทางจะได้รีบๆ ออกไป

ราคาบ้านสามร้อยตารางเมตร ก็สามารถบี้ไอยาจกตรงหน้าได้แล้ว ไล่ออกไปเร็วเท่าไหร่ เธอก็เหนื่อยน้อยลงเท่านั้น

เฉินตงมองโมเดล จู่ๆ ก็รู้สึกตลก

เขามองจางโยวโยว ก่อนจะพูดว่า: “เล็กที่สุดเหรอ?คุณฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือไง?”

เมื่อถูกถามแบบนี้ จางโยวโยวกลับไม่ได้สนใจอะไร เลยเล่นwechatไปเพื่อติดต่อลูกค้าที่จะมาดูบ้านในวันนี้ และพูดไปด้วย: “สามร้อยตารางเมตรก็ตั้งหลายสิบล้านแล้ว ฉันอยากให้คุณรู้ไว้”

“รู้เอาไว้งั้นเหรอ?”

รอยยิ้มบนหน้าของเฉินตงนั้นมีมากกว่าเดิม แต่แววตากลับเย็นยะเยือกขึ้น: “คุณดูจากตรงไหนว่าฉันไม่มีเงิน ใช้วิธีนี้มาดูถูกฉันเหรอ?”

จางโยวโยววางโทรศัพท์ ก่อนจะมองเฉินตงด้วยท่าทีเย้ยหยัน: “ดูถูกเหรอ?ก็คงใช่แหละ คุณดูสภาพคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าสิ มันเหมือนคนมีเงินตรงไหน?”

พูดไป เธอก็ชี้สิ่งที่เฉินตงใส่ จากนั้นก็ชี้ออกไปข้างนอกสำนักงานขาย ก่อนจะยิ้มเยาะ: “คนมีเงินที่ไหนจะนั่งแท็กซี่มาดูบ้าน?”

เฉินตงมีรอยยิ้มบนใบหน้าหายวับไป ก่อนจะจับจมูกด้วยความไร้ทางเลือก

รถ รถอีกแล้ว

คนมีเงิน ต้องมีรถแพงๆ เหรอ?

“ดูเสร็จหรือยัง?ตอนนี้ออกไปได้หรือยัง?”

จางโยวโยวจะเดินออกมา แต่ จู่ๆ ก็ยิ้มพลางหันกลับมาพูด: “จริงสิ ถ้าคุณอยากจะถ่ายรูปไปอวดในโซเชียล ก็เชิญตามสบายเลยนะ พวกเราไม่ห้ามอยู่แล้ว”

เฉินตงโกรธเป็นอย่างมาก: “ฉันจะดูบ้านที่ใหญ่ที่สุด!”

ในตอนนั้นยังเช้าอยู่ คนในสำนักงานไม่ได้เยอะมาก

เสียงของเฉินตงสะท้อนในสำนักงาน ทุกคนเลยหันมามอง

จางโยวโยวมีใบหน้าเย็นชา คนคนนี้ ตั้งใจกวนกันใช่ไหม?

“โยวโยว ตกใจอะไรไป?” ผู้จัดการการขายขมวดคิ้วพูด

ถึงแม้ว่าเขาเองก็คิดว่าเฉินตงไม่ได้จะมาซื้อบ้าน แต่ในฐานะพนักงานขาย ก็ต้องดูแลลูกค้าทุกคน มันเป็นหน้าที่ของพวกเขา ถ้าเกิดว่าให้เฉินตงก่อเรื่องขึ้นมา สำนักงานขายคงจะดูไม่ดี

“ผู้จัดการ เขาแต่ตั้งใจมากวน” จางโยวโยวกำมือแน่น ก่อนจะพูดออกมาด้วยความโกรธ: “ฉันให้เขาดูบ้านสามร้อยตารางเมตร เขาไม่มีปัญญาซื้อ แล้วจะดูใหญ่สุดมันจะไม่ใช่กวนกันเหรอ?”

เฉินตงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเยือกเย็น คำพูดดูถูกแบบนี้ มันมากเกินไปแล้วนะ?

แต่ในตอนนั้นเอง

หลี่ต้าเป่าที่หน้าตาบวมฉึ่งก็เดินกลับมาที่สำนักงานขายพอดี

จางโยวโยวทำกับเขาก่อนและหลัง ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด เลยออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย

เพิ่งจะเข้ามา ก็ได้ยินเสียงบ่นของจางโยวโยว

หลี่ต้าเป่าตกใจอึ้งไป มีคนกล้ามามีเรื่องที่สำนักงานขายของบ้านพักตากอากาศเขาเทียนซานอีกเหรอ?

เมื่อมองผ่านจางโยวโยวก็เห็นว่าตรงหน้าคือเฉินตง

ผ่าง!

หลี่ต้าเป่าตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยน

ไอคนใจโฉดนี่ เมื่อวานเพิ่งจะเก็บกวาดฉัน วันนี้มาที่นี่อีกทำไม?

“ผู้จัดการ เขามาหาเรื่องที่สำนักงานขายบ้านเขาเทียนซาน คุณยังไม่รีบเรียนผู้รักษาความปลอดภัยมาเอาตัวออกไปอีกเหรอ?” จางโยวโยวเองก็พูดออกไปอย่างไม่สนใจแล้ว เพราะตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่ดี ถ้าจะให้มาดูแลคนที่ดูไม่มีปัญญาซื้อบ้านแบบนี้อีก ฆ่าเธอให้ตายเสียยังจะดีกว่า

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ต้าเป่าก็อึ้งไป ก่อนจะรีบเดินเข้ามา

“จางโยวโยว คุณพูดบ้าอะไรน่ะ?”

จางโยวโยวระเบิดอารมณ์ออกมาก่อนจะชี้ไปที่หลี่ต้าเป่า: “หลี่ต้าเป่า คุณจะมายุ่งทำไมเหรอ?ตอนนี้คุณไม่ใช่ผู้จัดการการชายแล้ว คิดว่าฉันจะยอมก้มหัวให้คุณเหรอ?”

ตอนที่หลี่ต้าเป่าเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย เธอทำอะไรเอาไว้เยอะ แต่เมื่อหลี่ต้าเป่าถูกดึงลงจากตำแหน่ง ทุกอย่างที่เธอทำก็หมดไปโดยปริยาย

มันทำให้เธอรู้สึกแย่มาก

เพี๊ยะ!

หลี่ต้าเป่าโกรธจนควันออกหู เลยตกเข้าที่หน้าของจางโยวโยว: “คุณหุบปากนะ!”

เขาเป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ แต่เขาไม่ได้โง่

ในสถานการณ์แบบนี้พี่เขยอยากจะหย่ากันแล้ว

ถ้าไม่ทำตัวดีๆ โจวเย่นชิวหย่ากับพี่สาวเขาจริงๆ เขาถึงจะถูกดึงลงตำแหน่งล่างสุดจริงๆ

จางโยวโยวกำลังมีเรื่องกับเฉินตง เป็นคนที่แม้แต่โจวเย่นชิวก็ไม่กล้ามีเรื่องด้วย

จางโยวโยวจะก่อเรื่องนั้น เขาไม่สนใจ แต่ถ้ามาทำเรื่องกับเฉินตง เขาต้องสนใจอยู่แล้ว

“คุณตบฉันเหรอ?หลี่ต้าเป่าคุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” จางโยวโยวเอามือปิดหน้าตัวเองพลางตะโกนออกมา

ผู้จัดการฝ่ายขายกับพนักงานขายต่างมารวมตัวกัน และฉุดหลี่ต้าเป่าเอาไว้

ยังไม่ทันรอให้ผู้จัดการฝ่ายชายสีหน้าไม่ดีพูดอะไร จู่ๆ หลี่ต้าเป่าก็สะบัดมือของทุกคนออก: “ปล่อยฉันนะ!”

จากนั้น ทุกคนพากันจับจ้อง

หลี่ต้าเป่าเดินไปหาเฉินตง ตอนที่อยู่ต่อหน้าเฉินตงนั้น เขาโค้งลงไป ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มพลางพูด

“คุณชายเฉิน คุณมีดูบ้านที่นี่ใช่ไหม?ขอโทษด้วย พวกเขาไม่รู้ตัวตนของคุณ!”

เมื่อคืนเพิ่งถูกสั่งสอนไป เมื่อมาเจอเฉินตง เขาไม่กล้าทำตัวโอ้อวดเหมือนเคยแล้ว

เขาพูด เหมือนกับตัวเองต่ำต้อยมาก

แต่ เมื่อจางโยวโยวและคนอื่นได้ยิน กลับรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ

ทุกคนถลึงตา ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ถึงแม้ว่าตอนนี้หลี่ต้าเป่าจะเป็นแค่พนักงานขาย แต่ก็ยังเป็นน้องชายของโจวเย่นชิว

นอบน้อมต่อคนธรรมดาได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เฉินตงยิ้มเบาๆ พลางพูดกับหลี่ต้าเป่า: “ฉันมาดูบ้านชุดน่ะ เอาแบบใหญ่ที่สุดเลย!”

“ไม่มีปัญหา ฉันจะพาคุณไปดูเอง” หลี่ต้าเป่าโค้งให้ก่อนจะเดินนำไป

ฉากนั้น ทำให้ทุกคนงงกันเป็นอย่างมาก

จางโยวโยวยิ่งร้อนใจขึ้นไปใหญ่

“คุณเฉิน คุณว่าชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?นี่เป็นบ้านที่ดีที่สุดของเขาเทียนซาน อยู่ตรงกลางภูเขาเลย ที่……” หลี่ต้าเป่าอธิบายโดยละเอียด

“ฉันคุ้นเคยดี”

เฉินตงรู้สภาพของเขตวิลล่าเขาเทียนซานดี เลยพูดออกมา: “เท่าไหร่?”

“ร้อยห้าสิบล้าน!” หลี่ต้าเป่าพูด “แต่ทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่เขยฉัน ฉันสามารถช่วยลดราคาให้คุณได้ เหลือสักร้อยสามสิบล้าน”

“รูดบัตรเลย!” เฉินตงหยิบบัตรเครดิตชงโคออกมา

บทที่ 27 ดูห้อง

เช้าตรู่วันที่สอง

เฉินตงได้รับข้อความในโทรศัพท์

เมื่อเห็นว่าเป็นบัตรเครดิตชงโค ที่โอนเข้ามากว่าพันล้าน เขาก็ยิ้มเยาะ

มันทำให้เขารู้ว่าเขาเข้าใจคำพูดของท่านหลงเมื่อวานผิดไปแล้ว

พันล้านไม่สามารถชดเชยได้ เลยโอนมาให้อีกพันล้านงั้นเหรอ?

มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ง่ายและลวกๆ จริงๆ เลย!

พ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าเนี่ย มีเงินมากแค่ไหนกันแน่นะ?

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เฉินตงก็ดูบ้านเช่าสองห้องนอน จู่ๆ เขาก็นึกถึงสิ่งที่ฟ่านลู่พูดกับเขา

มีเงินในมือเยอะขนาดนี้ ยังอยู่บ้านเก่าๆ อีก ทำไมต้องมีทำให้ตัวเองน้อยใจด้วยนะ?

ยังไม่ต้องสนใจเรื่องรถในตอนนี้ก็ได้ แต่บ้านอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนใหญ่หน่อย

เขาทำสำเร็จ อีกเดี๋ยวแม่ก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว บ้านก็ต้องมีฟ่านลู่เพิ่มมาอีก มีแต่สองห้องนอนไม่พอแน่นอน

ลังเลอยู่สักพัก เฉินตงก็ตัดสินใจไปดูบ้านพักตากอากาศ

ถ้าเทียบกับห้องพักธรรมดานั้น บ้านเดี๋ยวมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า

เขาอายุพอๆกับฟ่านลู่ หลังจากนี้ฟ่านลู่ต้องมาอยู่ในบ้านเขาอีก ถ้าบ้านเล็กเกินไป เดี๋ยวจะเกิดเรื่องที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดได้

เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เฉินตงก็ออกจากบ้านเพื่อขับไปที่เขตบ้านเดี่ยวที่ดีที่สุดของเมือง

……

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน เป็นเขตที่มีแต่คนรวยๆ อยู่กัน

หนึ่งตารางเมตรราคาหนึ่งแสน เลยทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาอยู่

แต่นี่ เป็นแค่ราคาเริ่มต้นของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

สิ่งที่ทำให้คนมีความตื่นเต้นได้คือบ้านที่มันตั้งอยู่ตรงกลางภูเขา เจ้าของที่นี่ถึงจะเป็นราคาที่สูงลิ่วจริงๆ

อยู่ที่บ้านที่ตั้งอยู่กลางเขา สามารถมองเห็นทั้งเขตได้อย่างชัดเจน บรรยากาศเขียวชอุ่มสวยงาม สิ่งที่ดึงดูดก็คือ ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นและตก จะมาแสงสาดเข้ามา คลุมทั้งบ้านยิ่งสวยขึ้นไปอีก

หลี่ต้าเป่าเดินเข้าไปในที่ซื้อขายบ้านของเขาเทียนซาน

การทำโฆษณาการขายบ้านในเขาเทียนซานนั้น เป็นผลงานของพี่เขยเขาอย่างโจวเย่นชิว

แต่ทว่า หลังจากเจอเรื่องเมื่อคืนมา หลี่ต้าเป่าไม่ใช่แค่ตาจมูกบวม แต่ขนาดตำแหน่งการขายนั้นยังเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ในตอนแรกเขายังพึ่งพาพี่เขยได้ และได้เป็นผู้จัดการของการขาย แต่ผ่านไปเพียงคืนเดียว โจวเย่นชิวที่โกรธมากและขู่จะหย่ากับพี่สาวเขา ทำให้เขาต้องไปขอโทษเฉินตง มันทำให้จากที่เขาได้เป็นผู้จัดการการขาย กลายมาเป็นแค่คนขายเท่านั้น

“เฮ้ย หลี่ต้าเป่า มาทำอะไรแต่เช้าเลย?” มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดทำงานอย่างมืออาชีพและแต่งหน้าหนายิ้มพลางเดินเข้ามา “คืนนี้เป็นวันเกิดของฉัน หลี่ต้าเป่าต้องมาดื่มเป็นเพื่อนนะ”

การเข้ามาทำการขายวันแรกของหลี่ต้าเป่า เขาบอกทุกคนไว้หมดแล้ว ว่าเขาเป็นน้องชายของผู้บริหารอย่างโจวเย่นชิว นี่เป็นสิ่งที่เขามักจะทำอยู่บ่อย

เมื่อได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ อย่างหนึ่งคือจะได้ทำอะไรได้สะดวกขึ้น

แค่ฐานะของตัวเองคนเดียว ก็สามารถทำให้ผู้หญิงพวกนี้เข้ามาหาได้เหมือนกับเป็นผีเสื้อแล้ว

ตรงหน้ามีผู้หญิงคนหนึ่ง

“ได้สิๆ” หลี่ต้าเป่ายังหย้าบวมอยู่ ยิ้มแล้วดูไม่ได้เลย

“แต่ทว่า หลี่ต้าเป่า การประเมินงานเดือนนี้ของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นหลี่ต้าเป่า……ฉันจะทำดีตอบแทนคุณนะ”

ผู้หญิงคนนี้ยิ้มสวย ก่อนจะจับไปที่แผงอกของหลี่ต้าเป่าเบาๆ เพื่อทำให้หลี่ต้าเป่าหัวใจกระชุ่มกระชวย

ฉากแบบนี้เขาเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทำไมจะไม่เข้าใจความหมายของผู้หญิง?

เพียงแต่ว่า แค่คิดก็ใจหายแล้ว

เขาเลยพูดเบาๆ ด้วยอารมณ์หมองว่า: “อันที่จริงฉัน……”

“จางโยวโยว หลี่ต้าเป่า พวกคุณยังไม่รีบไปเก็บของอีก เดี๋ยวจะเริ่มทำงานแล้ว ยังจะยืนกันอยู่ทำไม?” วัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น

จางโยวโยวขมวดคิ้ว ก่อนจะตอบว่า: “ฉันกับผู้จัดการหลี่มีเรื่องต้องไปจัดน่ะ”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณมีอะไรก็มารายงานกับฉัน ประธานโจวบอกมาเอง ว่าตอนนี้หลี่ต้าเป่าถูกลดขั้นมาเป็นพนักงานขายแล้ว ผู้จัดการพนักงานขายให้ฉันเป็นคนทำแทน”

วัยกลางคนยิ้มพลางพูดอย่างเย็นชา ทันทำให้จางโยวโยวอ้าปากค้างไปเลย

หลี่ต้าเป่าไม่ได้เป็นน้องชายของประธานโจวหรอกเหรอ?

เพียงคืนเดียวก็ถูกประธานโจวกำจัดแล้ว?

เพียงตอนแรกที่ได้เห็นรอยแผลของหลี่ต้าเป่า จางโยวโยวเป็นคนฉลาด

เลยยิ้มสวยออกมา ก่อนจะพูด: “หลี่ต้าเป่า เดี๋ยวฉันไปทำงานก่นนะ”

ผู้จัดการหลี่กับหลี่ต้าเป่าเปลี่ยนคำเรียกไปหมด อย่างเลี่ยงไม่ได้

หลี่ต้าเป่ามองเรือนร่างของจางโยวโยว ก่อนจะพูดด้วยความไม่เต็มใจ: “โยวโยว วันเกิดคุณคืนนี้……”

“อ๋อ หลี่ต้าเป่า คืนนี้ฉันต้องทำงานดึกเพื่อการประเมินน่ะ” จางโยวโยวไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ แต่กลับเติมบาดแผลให้หลี่ต้าเป่า

จางโยวโยวหลบหลี่ต้าเป่าไปแล้ว ก่อนจะรีบไปหาคนวัยกลางคนที่สั่งเมื่อครู่

“พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลี่ต้าเป่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของภรรยาของประธานโจวเลยนะ!”

วัยกลางคนกลอกตามองบน ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ: “เห็นรอยแผลบนหน้าเขาไหมล่ะ?ประธานโจวทำเองกับมือเลยล่ะ น่าจะไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตที่ไหนมา ผู้บริหารฝ่ายการขายได้รับสายจากประธานโจวตอนกลางดึก ว่าให้เอาหลี่ต้าเป่าลงไป”

“ได้ยินผู้จัดการบอกว่า คนใหญ่คนโตคนนั้นขนาดประธานโจวเองยังไม่กล้ามีเรื่องเลย แถมประธานโจวยังคิดจะหย่ากับภรรยาอีก”

ความลับไม่มีในโลก ยิ่งในบริษัทที่มีคนเยอะแยะวุ่นวายยิ่งแล้วใหญ่

“ให้ตายเถอะ!”

จางโยวโยวมองด้วยสายตากลมโต พลางเอามือสวยปิดปาก: “งั้นก็หมายความว่า หลี่ต้าเป่าคงจะหมดหวังแล้วงั้นเหรอ?”

หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากชายวัยกลางคน จางโยวโยวก็รู้สึกโกรธหลี่ต้าเป่ามาก ก่อนจะดึงเสื้อผ้า แล้วด่า: “แม่งเอ้ย!”

เมื่อเฉินตงรีบเดินเข้ามาในแผนกการขายของบ้านเดี่ยวเขาเทียนซาน

คนขับแท็กซี่มองเฉินตงจากกระจกหลัง ก่อนจะขำ: “น้องเอ้ย มาสมัครงานเป็นคนขายที่เทียนซานเหรอ?ตาถึงนะเนี่ย ฉันขับแท็กซี่มาเนี่ยรู้ข่าวดีที่สุดเลย พนักงานขายที่เทียนซานเนี่ย ได้เงินเดือนห้าหมื่นเชียวนะ!”

“มาซื้อบ้าน” เฉินตงจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถ

คนขับแท็กซี่งงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะมองพวงมาลัย พลางบ่นพึมพำ: “ให้ตายเถอะ เพิ่งเคยเห็นคนอวดดีขนาดนี้ นั่งแท็กซี่มาซื้อบ้านเดี่ยว แถมแต่งตัวที่เรียบง่าย ?งั้นฉันก็ขับโรลส์-รอยซ์แล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินคนขับรถพูด เฉินตงยิ้ม แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

ขณะที่เขาเดินเข้าไปในที่ขายของบ้านพักเทียนซานนั้น

จางโยวโยวกับพนักงานขายหลายๆ คนก็เห็นเขา

คนที่จะมาเป็นพนักงานขายในบ้านพักตากอากาศของเขาเทียนซานได้ เป็นคนเก่งทั้งนั้น และก็ต้องเป็นคนที่ดูอารมณ์คนเก่งและวางตัวดีเป็นอย่างมากด้วย

ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่มีข่าวลือที่ว่าเงินเดือนต่ำสุดห้าหมื่นได้หรอก

“ได้เวลาสอบแล้ว” พนักงานขายผู้ชายคนหนึ่งพูดล้อขึ้น

นี่เป็นความสนุกที่พวกเขามีกันในแต่ละวัน จะดูความสามารถในการซื้อขายจากการมองคน

เมื่อพูดออกไป

จางโยวโยวและอีกหลายๆ คนก็พูดด้วยความรังเกียจพร้อมกันว่า: “ยากจน!”

“ใครจะเข้าไปต้อนรับ?” พนักงานขายชายถาม

“เสียเวลา”

“ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ไป ใครกล้า ก็ลองให้พนักงานขายใหม่อย่างหลี่ต้าเป่าเข้าไปลองดูสิ?”

“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะไปต้อนรับเขา นั่งแท็กซี่มา เสื้อผ้าดูไม่ได้ ไม่มีนาฬิกาสักเรือน ดูสะอาดสะอ้าน ดูยังไงก็ไม่ใช่คนมีตัง แต่แอบหล่ออยู่ แต่ทว่าดูซื่อๆ ไม่ไปหรอก”

พนักงานขายหลายคนพูดจบแล้วก็แยกย้ายกัน

การเป็นพนักงานขาย การดูลูกค้าก่อนมันเป็นสิ่งที่จะลดความเหนื่อยลงได้ในการซื้อขาย

เฉินตงในสายตาของพวกเขา เป็นลูกค้าที่ไม่มีทางซื้อบ้านได้และจะเสียเวลา ถ้าเกิดต้อนรับลูกค้าแบบนี้ อาจจะพลาดโอกาสในการต้อนรับลูกค้ารวยๆ จริงๆ ก็ได้

จางโยวโยวส่ายหัว ขณะที่กำลังออกไป ผู้จัดการการขายก็เดินเข้ามา: “โยวโยว เมื่อกี้คุณบอกว่าการประเมินของเดือนนี้ไม่พอไม่ใช่เหรอ?นี่ไง การประเมินคะแนนมาหาแล้ว รีบไปเร็ว!”

เพื่อนร่วมงานต่างหัวเราะใส่

จางโยวโยวขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้า และเดินเข้าไปพลาง ปากก็บ่นไปด้วยว่า: “ไอหลี่ต้าเป่าเอ้ย!”

เฉินตงเดินเข้ามาในสำนักงานขาย ก็เห็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งเจ้ามาต้อนรับด้วยความโกรธ

เขาไม่ได้สนใจอะไร ยิ้มอ่อนๆ พลางพูด: “สวัสดี ฉันอยากจะมาดูบ้านวิลล่าตากอากาศสักหน่อย”

จางโยวโยวที่กำลังโกรธเพราะคิดถึงเรื่องของหลี่ต้าเป่า ก็ไม่อยากจะยิ้มเพราะหน้าที่การงาน เลยพูดออกไปว่า: “ดูเอาเองละกัน”

เฉินตงขมวดคิ้ว พลางรู้สึกฝืดคอขึ้นมา

เขาทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาสามปี การที่หญิงตรงหน้าพูดแบบนี้ใส่เขา เขารู้ดีว่าหมายความว่าอย่างไร

บทที่ 26 ฉันมันคนระยำ

“โอ๊ย!”

หลี่ต้าเป่าร้องเสียงดัง ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น ทั้งหัวเต็มไปด้วยเหล้าและเลือดกับเศษแก้ว

เขามองโจวเย่นชิวด้วยความตกใจ พลางทำหน้าเหยเก ก่อนจะค่อยๆ ถูกเลือดกบ ดูน่ากลัวไม่น้อย

“คุณ คุณทำร้ายฉันงั้นเหรอ?โจวเย่นชิว ฉัน ฉันจะฟ้องพี่สาวฉัน!”

“คุณทำผิดมหันต์ ฉันฆ่าคุณให้ตายก็ยังไม่พอ!”

โจวเย่นชิวมีเหงื่อออกเต็มไปหมด พลางยกเท้าเหยียบหลี่ต้าเป่า ก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า: “มีเรื่องกับท่านหลง คุณยังกล้ามาทำตัวแบบนี้อีกเหรอ?เดี๋ยวจะกลับไปหย่ากับพี่สาวคุณให้ดู ต่อให้คุณไปฟ้องคนใหญ่คนโตที่ไหนก็ต้องมาขอโทษท่านหลงและเฉินตงอยู่ดี!”

น้ำเสียงเย็นชา ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่พูดนั้นมันจริงหรือหลอก

หลี่ต้าเป่าอาบเลือด ด้วยท่าทีเกรงกลัว เลยมองโจวเย่นชิวด้วยความร้อนรน

เพราะที่พึ่งของเขา ก็คือพี่สาว

หลายปีมานี้ สามารถยืนอย่างโอ่อ่าได้ และกินๆ นอนๆ ในบริษัทของพี่เขยได้อย่างสบายใจ ก็เพราะความเอ็นดูที่พี่สาวมีให้ และความไม่โต้ตอบของโจวเย่นชิวที่มีต่อพี่สาวเขา

ถ้าเกิดว่าโจวเย่นชิวหย่ากับพี่สาวของเขาจริงๆ เขาก็ไม่เหลืออะไรแล้ว

เมื่อคิดได้ว่าจะเสียชีวิตสุขสบายอย่างในตอนนี้ไป หลี่ต้าเป่าก็อ่อนลงในที่สุด

เขาดิ้น เหมือนกับหมาที่กำลังจะตาย ก่อนจะมาเกาะขาโจวเย่นชิว: “พี่เขย ฉันผิดแล้ว ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด……อย่าหย่ากับพี่สาวฉันเลยนะ”

โจวเย่นชิวมีท่าทีเย็นชา แต่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาทำธุรกิจมาหลายปี ค่อยๆ ขึ้นมาเป็นนักธุรกิจใหญ่

ความเด็ดเดี่ยวนั้น ไม่ใช่แค่ในสนามรบเท่านั้น แต่ในการทำธุรกิจเขาก็มี

เขาพูดเสียงเย็นชา: “ฉันให้คุณ ขอโทษเฉินตงกับท่านหลงก่อน!”

เพล้ง!

เอาขวดแก้วที่แตกไปครึ่งหนึ่งโยนลงกับพื้น

ก่อนจะพูดจนทำให้หลี่ต้าเป่าตกใจอย่างแรง

เขาหันกลับมามองเฉินตงกับท่านหลงด้วยท่าทีเย็นชา

ก่อนจะมาคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินตงอย่างไม่ลังเลใจ

“เฉินตง ฉันขอโทษ ฉันจะชดใช้ให้คุณ เห็นแก่การร่วมงานที่ผ่านมาของเขาเถอะ ปล่อยฉันไปเถอะ”

หลี่ต้าเป่าร้องห่มร้องไห้ ก่อนจะเอาหัวโขกให้เฉินตงอย่างจับ จนหัวเกิดเสียงปังๆ

เขารู้ ว่าท่านหลงเป็นคนสนับสนุนเฉินตง มาออกหน้าวันนี้ ก็เพื่อเฉินตง

ถ้ายังอยากจะมีชีวิตที่สงบสุข ก็ต้องหวังให้เฉินตงพยักหน้ายกโทษให้

แต่ เฉินตงยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เฉยๆ ไม่ได้ปรายตามองมา และไม่มองหลี่ต้าเป่าเลยแม้แต่น้อย

ฉากนี้ ถูกท่านหลงกับโจวเย่นชิวมองอยู่

หลี่ต้าเป่ามองเฉินตงด้วยความหมดหวัง ใบหน้ามีเลือดไหล ดูโซซัดโซเซไม่น้อย เลยไม่มีท่าทีทระนงเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว

ก่อนหน้านี้เขามีความสงบสุขในชีวิตมาจนเคยชินแล้ว ถ้าเกิดว่าให้เขาต้องเสียชีวิตแบบนั้นไป มันเหมือนกับฆ่าเขาให้ตายเลยล่ะ

แต่ท่าทีของเฉินตงนั้น กลับทำให้เขารู้สึกสลดมากกว่าเดิม

ปัง!

โจวเย่นชิวเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะเตะเข้าที่ด้านหลังของหลี่ต้าเป่า

หลี่ต้าเป่าร้อง “โอ๊ย” ออกมาด้วยความเจ็บปวด หัวที่ถูกเตะนั้นก็โขกลงกับพื้น

“โขกลงไป!โขกจนกว่าจะตาย!จนกว่าเฉินตงจะยกโทษให้ ไม่อย่างนั้นก็ทำจนกว่าจะตายไปตรงนี้เลย!”

น้ำเสียงของโจวเย่นชิวนั้นเย็นชามาก บนหน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ซึมออกมา

ในเมืองนี้ เขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยและเก่งกาจ เป็นคนใหญ่คนโต

แต่เมื่อเทียบกับท่านหลง เขาไม่มีแม้แต่ปัญญาจะถือรองเท้าให้ท่านหลงเลยด้วยซ้ำ

ไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้เคยคงไม่สามารถได้ไท่ติ่งมาในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหรอก

หลี่ต้าเป่าทำให้เฉินตงลำบากเป็นอย่างมาก วันนี้ถ้าเกิดว่าเฉินตงไม่พยักหน้ายกโทษให้ ท่านหลงคงจะต้องมาลงที่เขาแน่นอน

เมื่อเป็นแบบนี้ สำหรับโจวเย่นชิว มันเหมือนปลาเล็กกินปลาใหญ่ ยังไงคนที่ด้อยกว่าไม่ตายก็ไม่มีทางได้เกิดอีกต่อไปแล้ว

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะมองโจวเย่นชิวสักพัก

จากนั้น แววตาก็มองไปที่หัวที่กำลังโขกลงพื้นอย่างไม่หยุดเพื่อขอให้ยกโทษให้ของหลี่ต้าเป่า

“ฉันเคยบอกแล้ว ว่าเดี๋ยวจะทำให้คุณต้องร้องไห้เลยล่ะ!”

ในเสียงนั้น มีความไม่แยแสปนอยู่ ทำให้หลี่ต้าเป่าตัวแข็งทื่ออยู่กับพื้น และก้มหัวอยู่แบบนั้น

ตอนแรกที่เขากล้าเย่อหยิ่งใส่เฉินตง ก็เพราะอำนาจในมือของพี่เขยตัวเอง เพราะคิดว่าเฉินตงก็เป็นแค่หมาน้อยที่พลิกมามีบทบาทก็เท่านั้นเอง

แต่ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลย ว่าคนที่คอยสนับสนุนเฉินตง แข็งแกร่งมากเสียจนพี่เขยเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องด้วย

ถ้าเกิดว่าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่มีทางหาเรื่องเฉินตง

ปัง!

เฉินตงลุกขึ้น แล้วยกเท้าขึ้นเตะหลี่ต้าเป่ากระเด็น: “ฉันพูดจริงทำจริง เดี๋ยวจะทำให้คุณร้องไห้ ก็จะทำให้ได้ร้องจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้ากล้ามาก่อเรื่องอีก ฉันก็ยินดีจะทำให้หนักกว่าเดิม”

เขาไม่ได้มีนิสัยอ่อนโยน ในสามปีมานี้ เขาทำเพื่อรักษาแม่ เลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนช่วยหลี่ต้าเป่าทำเรื่องไม่ดี หลี่ต้าเป่าเองก็ถือจุดนี้ มาใช้เขาตลอดเวลา

หลังจากซื้อไท่ติ่งแล้ว หลี่ต้าเป่าก็ไปนัดบอดกับหวางหนันหนัน สำหรับเขา มันเป็นความน่าอับอายของเขา

หลังจากถูกเขาแก้แค้น หลี่ต้าเป่าก็ไปก่อเรื่องที่โครงการปรับเปลี่ยนย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เลยทำให้เกิดเรื่องในคืนนี้

เขาเห็นแก่โจวเย่นชิว เลยจะปล่อยหลี่ต้าเป่าไป แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอีก เขาเชื่อ ว่าท่านหลงสามารถทำให้คนหายไปได้ง่ายๆ เลย โดยไม่มีข่าวอะไรใดๆ เลยด้วย

เมื่อได้ยินดังนั้น

โจวเย่นชิวก็ม่านตาหดลง

หลี่ต้าเป่านั้นกลัวจนหัวใจเต้นเร็วเสียมากกว่า

แววตามีประกายของท่านหลง มองมาที่เฉินตงด้วยความชื่นชมและเซอร์ไพรส์

คนคนหนึ่งมีความสามารถ ก็สามารถช่วยเขาเจริญก้าวหน้าได้เร็วขึ้น

แต่นิสัยของคนคนหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเป็นคนลังเล ไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด เกรงว่าจะมีความสามารถมากแต่ไหนก็จะถูกนิสัยแบบนี้ทำให้เสีย

ในสายตาของเขา เฉินตงเป็นคนรับกิจการต่อจากท่านปู่ เป็นเสาหลักของครอบครัวในอนาคต

มีคนบางคนในครอบครัว เป็นพวกหวังแต่ได้อย่างโหดร้ายเท่านั้น

ถ้าเกิดว่าเฉินตงเป็นคนลังเล เกรงว่าจะได้ใจครอบครัวของเขา แล้วโดยบี้จนตายไปเอง

แต่ตอนนี้ การแสดงออกของเฉินตง ทำให้รู้เลยว่าน่าจะเป็นคนสิ่งที่ผู้สืบทอดควรจะมี!

“แน่นอนๆ เฉินตงคุณวางใจเถอะ ฉันจะสั่งสอนหลี่ต้าเป่าให้ดี ถ้ามีครั้งหน้า ฉันจะจัดการเอง” โจวเย่นชิวเกรงกลัวมาก แต่ก็รีบยิ้มตอบ คำพูดของเฉินตงทำให้หินที่อยู่ในใจตกลงพื้นแล้ว

“ประธานโจว คืนนี้ขอบคุณมาก งั้นพวกเราไปก่อนนะ” เฉินตงยิ้มเบาๆ ก่อนจะพาท่านหลงออกไป

โรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมออกไปจากโรงแรมไท่ซาน

ตอนที่นั่งอยู่บนรถ เฉินตงพูดกับคนขับว่า: “ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลลี่จิง”

สุดท้ายท่านหลงก็อดไม่ได้ที่จะชม: “คุณชาย การตัดสินใจเมื่อสักครู่ มันทำให้ฉันนับถือจริงๆ”

เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่งๆ และมองวิวที่กำลังวิ่งถอยหลังไป

จู่ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองท่านหลง: “ไม่ว่าจะเป็นใคร ถูกคนว่าเป็นลูกสวะแบบนั้น คงจะไม่มีนิสัยลังเลใจอะไรออกมาหรอก”

ถึงแม้ว่าจะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับขมขื่นเป็นอย่างมาก แววตาก็มีความไม่สบายใจอยู่ด้วย

ท่านหลงหยุดยิ้มไป เขาเข้าใจความหมายของเฉินตง

คำด่าลูกสวะนั้น มันรวมถึงอะไรได้เยอะมาก ประสบการณ์ตั้งแต่คุณชายเกิดมาจนถึงตอนนี้ ก็ถือเป็นความน้อยอกน้อยใจที่คุณชายมีต่อท่าน

หายใจเข้าลึกๆ ท่านหลงพูดเบาๆ ว่า: “คุณชาย อันที่จริงตอนที่เขายังนั้นก็โดนบังคับเหมือนกัน ปีที่ผ่านๆ มาเขารู้สึกผิดต่อพวกคุณแม่ลูก ตอนนั้นเขา……”

เฉินตงยกนิ้วขึ้น เพื่อบอกให้หยุดพูด

“ฉันไม่อยากฟังอะไรเจ็บปวด ชีวิตคนมันลำบากพอแล้ว ทิ้งลูกทิ้งครอบครัวไป อยากจะชดเชยพันล้านเหรอ?ปลูกฝังฉันมาเป็นคนรับช่วงต่อก็อยากจะชดเชยงั้นเหรอ?ตัวเขาเองที่เอาเลือดเนื้อเชื้อไขไปเป็นของแลกเปลี่ยน ลูกสวะอย่างฉันก็จะเอาครอบครัวของเขามาแลกเปลี่ยนเหมือนกัน”

ท่านหลงส่ายหัว เมื่อได้ยินคำว่าลูกสวะคำนี้ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าใจถูกเข็มทิ่มแทง

บทที่ 25 ถูกบังคับจนคนดีต้องกลับกลายเป็นเลว

มาแล้ว!

หลี่ต้าเป่าดวงตาเปล่งประกาย ก่อนจะรีบลุกขึ้น จากนั้นก็จัดแจงสูทให้เรียบร้อย

พี่เขยพาเขามาในที่แบบนี้ แน่นอนว่าจะเอาเขามาฝากอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าเกิดว่าสามารถได้รับการสนับสนุนของแขกใหญ่คนนั้น การงานหลังจากนี้ของเขาก็จะง่ายขึ้นแล้ว

“หึๆ เฉินตง ฉันพึ่งพาพี่เขยของฉัน เพียงแค่ฉันเต็มใจจะปีนขึ้นไป ใช้แรงเพียงนิดหน่อยก็ได้แล้ว แล้วคุณล่ะ?ถึงจะซื้อไท่ติ่งมา ก็ถูกฉันบี้ตายอยู่ดี!”

หลี่ต้าเป่าคิดออก เลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างภูมิอกภูมิใจ

เมื่อเขาเห็นคนสองคนที่เข้ามาในห้องรับรองของโรงแรมไท่ซาน หัวสมองของเขาก็มีเสียงตึงตังขึ้นมา

รอยยิ้มบนใบหน้ากลับหายไปในทันตา ทำหน้าบู้บี้ ด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก

“ทำ ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”

มีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ จนเสียงสะท้อนในห้องรับรองของโรงแรมไท่ซาน

“ต้าเป่า คุณเรียกบ้าอะไร?” พี่เขยดันแว่นขอบทองบนจมูก ก่อนจะยิ้มแหะๆ แล้วเปิดที่นั่งสำคัญญให้ “ขอโทษที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับๆ ท่านหลงเฉินตง เชิญนั่งลงก่อน”

“พี่เขย นี่ นี่……”

หลี่ต้าเป่าแทบบ้า ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลย ว่าแขกที่พี่เขยบอกว่าน่าเคารพมากที่สุดคนหนึ่ง จะเป็นเฉินตง

“ตกใจมากใช่ไหม?”

เฉินตงเดินไปข้างหน้าหลี่ต้าเป่า ก่อนจะยิ้มเบาๆ

สีหน้าของหลี่ต้าเป่าซีดลง ก่อนจะมองพี่เขยสักพัก เขาพยายามอดทน และนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดีเลย

เพียงแวบเดียว เฉินตงที่ถูกเขามองเป็นหมาน้อยตัวหนึ่ง กลับกลายเป็นแขกคนสำคัญของพี่เขยเสียอย่างนั้น

ถ้าอย่างนั้นที่พึ่งพาของเขา ยังจะมีอะไรได้อีก?

สิ่งที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากกว่า ก็คือพี่เขยนั้น พาเขามารับใช้เฉินตง!

“มีตาหามีแววไม่”

ชายวัยกลางคนปรายตามองหลี่ต้าเป่า ก่อนจะแอบขบปากเบาๆ

งานเลี้ยงในวันนี้ เขารู้ถึงที่ไปที่มาแล้ว

ในตอนแรกรู้ว่าท่านหลงช่วยเฉินตงซื้อไท่ติ่ง เขาก็ขายไท่ติ่งทิ้งอย่างไม่ลังเล ส่วนเหตุผลหลักๆ นั้น ก็คือไม่อยากจะมีเรื่องกับท่านหลง

ส่วนเรื่องกำไรหรือขาดทุนของไท่ติ่งนั้น เขาไม่ได้สนใจเลย

เพราะว่าบริษัทอสังหานี้เป็นสิ่งที่เขาใช้ในการฆ่าเวลาน้องชายของภรรยาที่ไร้ประโยชน์คนนี้

หลังจากขายไท่ติ่งทิ้ง เขาเองก็เคยบอกหลี่ต้าเป่ากลายๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ต้าเป่าจะไม่เข้าใจ แล้ววิ่งวุ่นไปมีเรื่องกับเฉินตง

มันเลยทำให้ท่านหลงมาถามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!

ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าท่านหลงเป็นเพียงคนสำคัญของเฉินตง เพราะถึงอย่างไรความสามารถของเฉินตง ในสามปีนี้ เขาก็รู้จักเป็นอย่างดี

คนมีความสามารถแบบเฉินตง ไม่มีทางอยู่ที่บริษัทนาน ถ้าเกิดเจอคนที่ดีกว่า เขาก็คงจะไปแล้ว

แต่เพราะว่าอุปสรรคของการโยกย้ายทางภาคตะวันตกของเมือง เลยทำให้ท่านหลงมาถามด้วยตัวเอง นี่มันไม่ใช่การพึ่งพากันของคนสำคัญแล้ว แต่กลับเป็นเขามาช่วยเฉินตงทุกอย่าง มันมีความแตกต่างยังเห็นได้ชัดอีกด้วย!

คืนนี้ภายในห้องรับรองไท่ซาน เขาอยากจะปรับความเข้าใจ และให้หลี่ต้าเป่าขอโทษซะ

แต่เมื่อเฉินตงกับท่านหลงเดินเข้ามา หลี่ต้าเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเป็นเจ้านายอย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลย

“ประธานโจว คุณเป็นคนยุ่งมากสินะ” ท่านหลงยิ้มเบาๆ

“ท่านหลงล้ออะไรเล่นเนี่ย เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ฉันโจวเย่นชิวก็ไม่เท่าไหร่หรอก?” วัยกลางคนหยอกเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

ในขณะนั้นเอง โจวเย่นชิวมองไปทางเฉินตง ก่อนจะยิ้มให้: “ไอน้อง!ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณเนี่ยอนาคตไกล สามารถซื้อไท่ติ่งได้ ฉันดีใจด้วยนะ!”

“ขอบคุณประธานโจว” เฉินตงพยักหน้าอย่างถ่อมตัว “ฉันมีวันนี้ได้ ก็เพราะการปลูกฝังของเจ้านายทั้งนั้นเลย”

สำหรับโจวเย่นชิว เขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ

ในสามปีนั้น สามารถทำให้เขาเปลี่ยนจากพนักงานธรรมดาให้มาเป็นรองผู้บริหารได้ เป็นเพราะความเห็นดีเห็นงามและการปลูกฝังของโจวเย่นชิวทั้งนั้น

มันไม่เหมือนกับการปลูกฝังให้ทำเรื่องไม่ดีเหมือนกันตอนที่เป็นผู้ช่วยให้กับหลี่ต้าเป่า นี่มันเป็นการนำพาของเจ้านายกับลูกน้องจริงๆ !

โจวเย่นชิวหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะเชิญท่านหลงกับเฉินตงมานั่ง

แต่ทว่า จริงๆ ด้วยฐานะของท่านหลงควรจะนั่งหัวโต๊ะหลัก แต่ตอนที่นั่งลง ท่านหลงย้ายไปอีกที่หนึ่ง แล้วให้เฉินตงนั่งตรงหัวโต๊ะ

ฉากนี้ มันทำให้โจวเย่นชิวม่านตาหดลง และหัวใจก็เต้นเร็วขึ้น

วินาทีต่อมาก เมื่อเขามองตาเฉินตง ก็มีแต่ความสงสัยและตกใจ

เมื่อนั่งลง โจวเย่นชิวมองหลี่ต้าเป่าด้วยสายตาเย็นชา: “หลี่ต้าเป่า เมื่อครู่ฉันพูดอะไรกับคุณ?”

หลี่ต้าเป่าแทบเป็นบ้า

ให้เขามารับใช้เฉินตง จะเป็นไปได้อย่างไร?

ที่บ้าน เขาหยิ่งจะตายไป ในตอนนี้มาเจอคำตำหนิของพี่เขย เลยเถียงกลับไป: “พูดอะไร?ให้ฉันมาเทเหล้าให้เฉินตงเหรอ?ทำไมต้องทำ?ก่อนหน้านี้ที่ไท่ติ่ง เขาตามตูดฉันมาติดๆ !”

เมื่อพูดออกไป ทั้งห้องรับรองก็เงียบสงัดลง

โจวเย่นชิวถลึงตา โกรธจนควันออกจมูก

ปัง!

โจวเย่นชิวตบโต๊ะเข้าอย่างจัง จนจานชามมันกระทบกันเสียงดัง

“หลี่ต้าเป่า ถ้าเก่งนักก็ทำอีกทีสิ ฉันเป็นพี่เขยคุณนะ!”

หลี่ต้าเป่าเถียงคอเป็นเอ็น: “คุณเป็นพี่เขยฉันแล้วยังไง?เชื่อไหมว่าฉันสามารถโทรไปหาพี่ฉันได้ตอนนี้เลย?”

โจวเย่นชิวหยุดการกระทำนั้นลง

หลายปีมานี้ เขาเป็นคนโดดเด่นภายนอก ในวงการธุรกิจก็รุ่งไม่น้อย

แต่ในบ้านนั้น เขากลับไม่กล้าปริปาก และยอมภรรยาตลอดเวลา หลี่ต้าเป่าเองก็อยู่ใต้การดูแลของภรรยาเขา อยู่ในบริษัทของเขากินๆ นอนๆ มาจนอายี่สิบกว่า

เพียงแต่ว่า วันนี้เขามาออกงานสำคัญแบบนี้ เพื่ออะไรกันนะ?

ไม่ใช่เพื่อให้หลี่ต้าเป่าได้ชดใช้และขอโทษหรอกเหรอ?

ท่านหลงไม่กล้ามีเรื่องด้วยด้วยซ้ำ คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่ต้าเป่า จะมากล้าแบบนี้ได้อย่างไร?

เฉินตงนั่งตรงหัวโต๊ะอย่างนิ่งเฉย ปฏิกิริยาของหลี่ต้าเป่านั้นเป็นไปตามที่เขาคาด

แต่ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำคอเป็นเอ็นของโจวเย่นชิว จู่ๆ เขาก็เห็นใจขึ้นมา

ดูๆ ไปแล้วประธานโจวอยู่ในบ้านคงจะเป็นรองน้องชายไม่น้อยเลย

ท่านหลง จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา: “ประธานโจว นี่เป็นวิธีแก้ไขปัญหา ที่คุณบอกในสายเหรอ?”

คำพูดหยอกนั้น มันทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายลง

กลับทำให้คนนอบน้อมมากขึ้น

มันไม่เหมือนกับการเจอความสดใสจากเฉินตงเลย

“ท่านหลง ขอโทษ”

โจวเย่นชิวรีบขอโทษ ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดกับหลี่ต้าเป่า: “หลี่ต้าเป่า ความจริงแล้ว ที่คืนนี้ฉันพาคุณมา ก็เพราะอยากให้คุณขอโทษเฉินตง แล้วฉันอยากให้คุณรีบจบเรื่องที่เกิดขึ้นทางภาคตะวันตกของเมืองที่คุณทำเอาไว้!”

“ไม่อย่างนั้น……”

“ไม่อย่างนั้นอะไร?” หลี่ต้าเป่าเอามือทั้งสองข้างรองหัวเอาไว้ด้านท้ายทอย โดยที่ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจเฉินตงกับท่านหลงเลยด้วยซ้ำ

เขาพิงเก้าอี้ ก่อนจะหลับตาแล้วยิ้มเยาะ: “พี่เขย ฉันไม่สัญญา คุณจะมาทำร้ายฉันหรือเปล่านะ?”

“คุณ……”

โจวเย่นชิวโกรธเป็นอย่างมาก ฐานะของเขา ปกติต้องรักษาการกระทำเป็นอย่างมาก

อีกอย่าง ในฐานะนักธุรกิจ ต้องไม่แสดงสีหน้าท่าทาง

แต่ปฏิกิริยาของหลี่ต้าเป่า ทำให้เขาควบคุมต่อไปไม่ได้จริงๆ เขาพูดออกมาทั้งๆ ที่กัดฟันว่า: “คุณ คุณมันไร้ประโยชน์ ไม่มีอะไรมาช่วยคุณได้อีกแล้ว!”

เมื่อพูดจบภายใต้แววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของเฉินตงกับท่านหลง

จู่ๆ โจวเย่นชิวก็ลุกขึ้นมาปลดกระดุมคอเสื้อออก ก่อนจะหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วสาวเท้าก้าวไปหาหลี่ต้าเป่า

ปัง!

ขวดเหล้าที่มีเหล้าอยู่เต็มถูกคว้ามา จากนั้นก็ฟาดไปที่หัวของหลี่ต้าเป่า

บทที่ 24 แขกที่เคารพมากที่สุด

MG Club

หลังจากวางสายไป หลี่ต้าเป่าก็ยิ้มพลางโยนโทรศัพท์ไปอีกทาง: “ขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนงั้นเหรอ?”

เรื่องของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เป็นเขาที่หาคนไปจัดการจริงๆ ด้วย

ในใจของหลี่ต้าเป่า เฉินตงเป็นเพียงแค่คนที่เคยกระดิกหางดุกดิกอยู่ข้างกายเขาก็เท่านั้นเอง

ถึงจะมีคนช่วยเหลือ ให้เฉินตงซื้อไท่ติ่ง แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หมาตัวเล็กๆ นั้นมาเหยียบหัวเขาแน่นอน

ในสถานการณ์แบบนี้ ครั้งก่อนที่ตรอกภายนอกของMG Club เขาถูกคนของเฉินตงสั่งสอนไปไม่น้อย

หลังพิงพี่เขยของเขาที่เป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ การแก้แค้นนี้ทำไมจะทำไม่ได้?

เขารู้ว่าเฉินตงมีคนช่วยอยู่เบื้องหลัง แต่จะช่วยอย่างไร ก็คงไม่มีทางเหมือนที่พี่เขยช่วยเขาหรอก?

“พี่ต้าเป่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” หญิงที่แต่งหน้าจัดซบอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ต้าเป่า

หลี่ต้าเป่ายักไหล่: “ก็แค่หมาเห่านะ หมาที่คิดว่าตัวเองเป็นคนไปแล้ว คุณว่ามันตลกไหม?”

ผู้หญิงชี้ไปที่อกของหลี่ต้าเป่าก่อนจะทำนิ้ววนเป็นวงกลม พลางพูดเสียงอ่อยว่า: “พี่ต้าเป่า……”

หลี่ต้าเป่าเลิกคิ้วขึ้น ความไม่พอใจนั้นมันหายไปในพริบตา พลางเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งตัณหา

……

หลังจากวางสายไป เฉินตงก็โทรหาท่านหลง

หลี่ต้าเป่าเก่งกาจแค่ไหน เขานั้นรู้ดีกว่าใคร ทำเรื่องแบบนั้นออกมา เขามีวิธีร้อยแปดที่จะเล่นงานหลี่ต้าเป่า

แต่พี่เขยของหลี่ต้าเป่านั้น ทำให้เขาลังเล

เคยเป็นถึงเจ้านายเก่าของเขา คนคนนั้นให้ความรู้ความเคารพแก่เขา เขาถึงได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองผู้บริหารได้ภายในเวลาเพียงแค่สามปี

เขารู้ดี เกี่ยวกับความสามารถของเจ้านาย ไม่มีทางได้เลื่อนตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาช่วยหลี่ต้าเป่าอยู่หลายครั้งหลายหน และหลี่ต้าเป่าได้มายืนอยู่ข้างกายอย่างงสง่างาม

ถ้าเกิดว่าไม่สามารถโน้มน้าวเจ้านายคนนั้น มันทำให้หลี่ต้าเป่าไม่มีทางกุมอำนาจต่อรองและหาที่พึ่งได้ ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยนิสัยที่เจ้าคิดเจ้าแค้นของหลี่ต้าเป่า ทำให้ไม่นานก็ก่อเรื่องอื่นขึ้นมาอีก

ครั้งก่อนท่านหลงสามารถซื้อขายกับไท่ติ่งได้ภายในเวลาไม่กี่นาที มันทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้านายนั้นรู้จักท่านหลงเป็นอย่างดี

เพียงไม่นาน ท่านหลงก็โทรกลับมา และนัดที่โรงแรมไท่ซานเวลาแปดโมง

เฉินตงตอบตกลง แต่ในใจกลับรู้สึกไร้ทางเลือกใดๆ

ความสามารถของเจ้านายในเมืองนี้ เขารู้เป็นอย่างดี ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะคำพูดของท่านหลง ให้เขาไปคนเดียว เกรงว่าเจ้านายคงจะไม่ให้โอกาสแม้แต่จะเจอหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าเขาเคยเป็นคนที่เจ้านายยกย่อง แต่คนที่เจ้านายเอ็นดูยกย่องนั้นไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว

ตอนบ่าย เฉินตงได้รับโทรศัพท์จากบริษัทแม่บ้านนั้น พี่เลี้ยงคนนั้นตอบตกลงแล้ว แต่ทว่าอยากจะเจอเฉินตงสักหน่อย

ตอนที่เฉินตงไปที่บริษัทแม่บ้านนั้น นอกจากเจ้านายวัยกลางคน ก็ยังมีผู้หญิงอีกคนนั้นอยู่บนโซฟา เป็นคนที่เหมือนกับรูปในรายละเอียดแนะนำข้อมูลเลยล่ะ

“คุณเฉิน ฉันแนะนำให้คุณก่อน นี่คือฟ่านลู่”

ชายวัยกลางคนยิ้มพลางต้อนรับเฉินตง ก่อนจะแนะนำให้เฉินตงฟัง

ฟ่านลู่ลุกขึ้นมา ก่อนจะยิ้มด้วยความสดใสให้เฉินตงพลางยื่นมือออกมา: “สวัสดี คุณเฉิน ฉันชื่อฟ่านลู่ ขอบคุณคุณมากที่รับฉันทำงาน”

เฉินตงจับมือ ก่อนจะมองฟ่านลู่

ใบหน้าของเธอนั้นไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร มันเหมือนกับในรูปเลย สวยงามสดใส มัดผมเปีย ตอนที่ยิ้มมีลักยิ้มเล็กๆ ด้วย มันทำให้รู้สึกเหมือนกับความสดใสที่หอมหวาน

ส่วนสูง170cmนั้น ทำให้เธอดูไม่เหมือนใครแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินตงตกใจก็คือ ตอนที่จับมือกับฟ่านลู่นั้น เขาเพิ่งจะค้นพบ ว่ามือของฟ่านลู่นั้นด้านมาก เป็นไตแข็งๆ เต็มไปหมด

ถ้าเกิดว่าไม่ได้ทำงานหนักมาแรมปี คงจะไม่มีทางเกิดผิวด้านแบบนี้ขึ้นมาได้

แต่ทว่าเพียงแค่จับมือกันตอนนั้น ก็ทำให้เขารู้สึกได้ ถึงแรงมือที่ฟ่านลู่มี

มันทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่เคยฝึกการต่อสู้มา

อันที่จริงปกติเฉินตงก็ออกกำลังกาย รวมไปถึงส่วนสูง180ของเขา ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความแข็งแรง

แต่เขามั่นใจ ว่าตัวเองนั้นไม่มีทางชนะฟ่านลู่ได้

“เงินเดือนหนึ่งหมื่น แต่ว่าคุณต้องดูแลแม่ของฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนี้งานของฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลามาดูแลเธอตลอด ตอนนี้เธอป่วยอยู่ เลยไม่สามารถรับอะไรที่กระทบต่อจิตใจได้เลย”

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะให้เจ้าของบริษัทหาแม่บ้านนั้นบอกฟ่านลู่ไปแล้ว แต่เขาก็พูดอีกครั้ง: “ถ้าเกิดว่าคุณเต็มใจ ฉันอยากให้พวกเรามาทำงานกันอย่างเป็นทางการ”

“ยินดี” ฟ่านลู่พยักหน้าอย่างไม่ลังเล

เงินเดือนที่เธอคาดหวังเอาไว้นั้นคือแปดพัน เฉินตงให้เธอถึงหนึ่งหมื่น แถมแค่ดูแลคุณป้าคนเดียว สำหรับเธอ มันเหมือนลาภลอยเลยล่ะ

หลังจากเซ็นต์สัญญาการทำงานกันเรียบร้อย เฉินตงก็พาฟ่านลู่ไปที่โรงพยาบาลลี่จิง

โบกแท็กซี่คันหนึ่ง เมื่อขึ้นรถไปแล้ว ฟ่านลู่มองเฉินตงด้วยสายตาประหลาดตลอดทาง

“คุณสงสัยอะไร?” เฉินตงถาม

ฟ่านลู่ตกใจ ก่อนจะรีบก้มหน้าลง: “ขอโทษค่ะคุณเฉิน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่ควรถาม แต่แค่คิดว่าคุณสามารถจ่ายเดือนละหมื่นเพื่อหาพี่เลี้ยง แต่กลับไม่มีรถเนี่ยนะ”

เฉินตงยิ้มออกมา เขาเพิ่งจะมีเงินได้เพียงครึ่งเดือน หลังจากผ่าตัดปลูกตับให้แม่เสร็จ เขาก็ทุ่มเททุกอย่างให้กับการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เลยยังไม่ได้คิดเรื่องอื่น

“สนใจแต่งานหมดแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่ได้ซื้อรถน่ะ” เฉินตงตอบเพียงประโยคเดียว ก่อนจะถามกลับ: “ก่อนหน้านี้คุณทำงานที่ก่อสร้างเหรอ?”

“อือ” ฟ่านลู่พยักหน้า ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “คุณเฉินรู้ได้อย่างไรกัน?”

เฉินตงยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ ภายนอกของฟ่านลู่นั้นก็ไม่ได้แย่ แถมยังเคยฝึกการต่อสู้มาอีก ทำไมถึงทำงานเป็นพี่เลี้ยงหรือไม่ก็กรรมกรล่ะ?

เขาชี้ไปที่มือของฟ่านลู่: “มือของคุณมันด้านแข็งน่ะ”

ฟ่านลู่เอามือทั้งสองข้างซ่อนเอาไว้ตรงขา ก่อนจะก้มหน้าลงโดยปริยาย

ผู้หญิงอายุ28ปี มีใครไม่อยากมีมือสวยๆ สะอาดๆ บ้างเหรอ?

“ยกอิฐในไซต์ก่อสร้างเหรอ?” เฉินตงถามต่อ

“ไม่ใช่” ฟ่านลู่ส่ายหัว ก่อนจะพูดเบาๆ : “บิด บิดเหล็กน่ะ”

เฉินตงลูบจมูก ก่อนจะยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ พี่เลี้ยงที่หามาให้แม่นั้น ฟ่านลู่เหมาะเหม็งมากเลย!

หลังจากไปถึงโรงพยาบาลลี่จิง เฉินตงก็พาฟ่านลู่ไปที่ห้องพักผู้ป่วยของแม่ ก่อนจะพูดเรื่องการดูแลในเรื่องต่างๆ อย่างละเอียด จากนั้นก็โอนเงินให้ฟ่านลู่เป็นจำนวนห้าพัน ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายของเธอกับแม่

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ เขาก็กลับไปที่บริษัท ก่อนจะรีบทำงานต่อ

ตอนหนึ่งทุ่ม เฉินตงออกจากบริษัท

มีโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมจอดอยู่ข้างถนน รออย่างเงียบๆ

เฉินตงขึ้นรถ ท่านหลงพูดด้วยความเคารพ: “คุณชาย เจ้านายเก่าของคุณไปรออยู่ที่ร้านอาหารของไท่ซานแล้ว เขาบอกว่าจะให้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม”

“อือ” เฉินตงพยักหน้า

โรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมค่อยๆ ขับออกไป

ในขณะเดียวกัน ในห้องรับรองของโรงแรมไท่ซาน

คนที่มากับพี่เขยก็คือหลี่ต้าเป่าถูกห้องรับรองของไท่ซานทำให้ตกใจอึ้งไป

โรงแรมไท่ซานนั้นเป็นโรงแรมห้าดาวเดียวในเมือง

แต่ห้องรับรองไท่ซานก็เป็นห้องรับรองห้าดาวของโรงแรมไท่ซานเช่นเดียวกัน!

ชีวิตของหลี่ต้าเป่านั้นหรูหรา แต่ก็ยังไม่เคยมาที่ห้องรับรองของไท่ซาน ส่วนใหญ่การร่วมก็จะอยู่ที่MG Clubเสียมากกว่า

แต่สถานที่ระดับสูงอย่างห้องรับรองไท่ซานนั้น เขาไม่มีสิทธิ์จะมา นี่เป็นเพราะพี่เขยเขาพามาเลยล่ะ

“ขอบคุณพี่เขยที่พาฉันมาเปิดหูเปิดตา”

หลี่ต้าเป่าตื่นเต้นจนพูดกับชายวัยกลางคนที่แก่กว่าเขาว่า: “คืนนี้มาอยู่ที่ห้องรับรองไท่ซานแล้ว แขกที่มาต้องเป็นลูกค้าระดับสูงมากเลยใช่ไหม?”

ชายวัยกลางคนนั้นมีปอยผมที่ขาว ใส่แว่นขลิบทอง ดูดีไม่น้อยเลย

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ต้าเป่า เขาก็ยิ้มแต่ก็เหมือนจะไม่ยิ้มพลางพูดว่า: “เป็นแขกที่น่าเคารพมากที่สุดเลยล่ะ!เดี๋ยวคุณทำตัวดีๆ หน่อยนะ”

“วางใจเถอะพี่เขย ฉันจะไม่ทำให้คุณเสียหน้า” หลี่ต้าเป่าทุบอกเป็นการรับประกัน โดยไม่ได้สนใจแววตาเย็นชาของพี่เขยเลย

เมื่อพูดจบ

แกร่ก……

ประตูของห้องรับรองไท่ซาน ก็ค่อยๆ ถูกเปิดออก

บทที่ 23 ฉันอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก

ออกไปจากบริษัทไท่ติ่ง

เฉินตงนั่งรถไปบริษัทแม่บ้านใกล้ๆ

“สวัสดี มีอะไรให้ช่วยไหม?” มีชายอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี ออกมาทักทาย

เฉินตงพูด: “ฉันอยากจะหาพี่เลี้ยงสักคน”

เพราะว่าคำพูดเสียดแทงใจของหวางหนันหนัน อาการป่วยของแม่ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำพูดของหมอก็เหมือนเป็นการบอกให้เขานับเวลาถอยหลังแล้ว

ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เลยไม่ได้ดูแลแม่ยี่สิบสี่ชั่วโมง

หาพี่เลี้ยงดูแลแม่ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย

“คุณมาหาถูกคนแล้ว บริษัทของพวกเราเป็นบริษัทเฉพาะเลย คุณนั่งก่อนเถอะ”

ชายวัยกลางคนยิ้มพลางเชิญเฉินตงนั่งลง หลังจากเทน้ำชาแล้ว เขาถึงได้ถาม: “พี่เลี้ยงสำหรับคุณ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?”

เฉินตงจิบน้ำชา ก่อนจะพูด: “ต่อสู้ได้!”

“ต่อสู้ได้งั้นเหรอ?”

ชายวัยกลางคนที่กำลังดื่มชานั้น เมื่อได้ยินคุณสมบัตินี้ ก็สำลักน้ำชาออกมา ก่อนจะมองเฉินตงด้วยสายตาแปลกๆ : “แค่กๆ ……คุณสมบัตินี้คุณจะ……”

มาหาพี่เลี้ยง หรือมาหานักเลงชวนตีกันแน่เนี่ย?

“อยากได้ที่ต่อสู้เป็นน่ะ” เฉินตงพูด

แต่งงานกับหวางหนันหนันมาสามปี สำหรับท่าทีการกระทำของคนในตระกูลหวางนั้น เขารู้เป็นอย่างดี

เป้าหมายของการหาพี่เลี้ยงก็เพื่อไม่ให้แม่ถูกกระทำอะไรได้อีก

ถ้าจะหาคนที่อ่อนแอ มันคงจะไม่ได้

“โอเค ฉันจะช่วยคุณหาเอง” ชายวัยกลางคนเก็ความสงสัยเอาไว้ในใจ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูรายชื่อของพี่เลี้ยง ในขณะเดียวกันก็ถามว่า: “ยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ไหม?เงินเดือนที่จะให้พี่เลี้ยงเท่าไหร่ดี?”

“เท่าไหร่ก็ได้ ขอเพียงแค่ต่อสู้เป็น และช่วยฉันดูแลแม่ของฉัน” เฉินตงพูดอย่างสบายอารมณ์

แม่เป็นทุกอย่างของเขา ขอเพียงแค่ปกป้องแม่เอาไว้ให้ จะให้จ่ายเท่าไหร่เขาก็ยอม

ในสถานการณ์แบบนี้ เขาเองก็ไม่ได้ขัดสนอะไร

ชายวัยกลางคนงงเป็นไก่ตาแตก

เขาทำงานหาแม่บ้านมาเกือบยี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขอคุณสมบัติที่แปลกขนาดนี้

หลังจากที่หาราวๆ ครึ่งชั่วโมง จู่ๆ ดวงตาของชายวัยกลางคนก็เปล่งประกาย

“คุณ คุณมาดูสิว่าคนนี้พอได้ไหม?”

พูดไป เขาพลางหันจอคอมไปทางเฉินตง

เฉินตงดูอย่างละเอียด

บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีข้อมูลโดยละเอียดเขียนอยู่

แถมยังมีรูปภาพอยู่ด้วย

อายุของผู้หญิงไม่มาก เพียงแค่ยี่สิบแปดปี เมื่อดูรูป ก็เห็นว่าดูสวยบริสุทธิ์ดี แถมยังยิ้มสวยอีกด้วย

แต่ทว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้สำคัญมาก

ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนี้สูง170cm ก่อนหน้านี้ยังเป็นนักมวยมาก่อนด้วย

“เธอนี่แหละ!”

เฉินตงตกลง

ชายวัยกลางคนพูด: “คุณตาถึงจริงๆ แต่ทว่าเงินเดือนของคนนี้ต้องการแปดพันนะ”

สำหรับการทำงานและดูแลที่นี่นั้น แปดพันมันถือว่าสูงมาก

อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย เมื่อเทียบการทำความสะอาดดูแลกับพวกป้าแล้ว มันเทียบไม่ติด แถมประวัติของผู้หญิงคนนี้อยู่ท้ายๆ ในบริษัทตลอดเลย

เขาเองก็พยายามให้ผู้หญิงคนนี้ลดค่าแรงลงหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ผู้หญิงคนนี้ถึงปฏิเสธไป

“หมื่นหนึ่ง!” เฉินตงชี้นิ้วขึ้นมา “แต่ฉันต้องการให้เธอดูแลแม่ของฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ”

“ได้!ฉันจะติดต่อเธอให้เดี๋ยวนี้เลย”

ชายวัยกลางคนดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเอาข้อมูลจากใต้กล่องเก็บเอกสารขึ้นมา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ขายของจนหมดโกดังอย่างโล่งใจ

เมื่อจัดการข้อมูลการรับเข้าทำงานแล้ว หลังจากที่ได้เบอร์ติดต่อมา เฉินตงก็กลับไปที่บริษัทไท่ติ่ง

“พี่ตง ไม่ได้การแล้ว ทางฝั่งภาคตะวันตกของเมืองเกิดเรื่องแล้ว” เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน เสี่ยวหม่าของบริษัทก็รีบวิ่งเข้ามา ด้วยท่าทีรีบร้อน

“เกิดเรื่องอะไร?”

เฉินตงขมวดคิ้ว เขาเข้ามาในบริษัทก่อนเสี่ยวหม่าหนึ่งเดือน ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้มีความสามารถเหมือนกัน ความก้าวหน้าก็ไม่เหมือนกัน

แต่การทำงานอย่างตั้งใจและจริงจังของเสี่ยวหม่านั้น เฉินตงรู้ ดังนั้นหลังจากที่เขาเป็นรองผู้บริหาร เลยให้เสี่ยวหม่าจัดการให้เขา

โปรเจคการเปลี่ยนแปลงของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เขาปล่อยวางอำนาจที่มี เสี่ยวหม่ากลับเป็นคนรับผิดชอบเขตนี้แทน

เสี่ยวหม่าเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก: “ฉันเพิ่งกลับมาจากภาคตะวันตกของเมือง ไม่รู้ว่าทำไมคนที่จะเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยนั้น จู่ๆ ก็มีเรื่องขึ้นมา บอกว่าเราให้เงินน้อยเกินไป เลยจะเป็นตัวขวางนี้”

ใบหน้าของเฉินตงจริงจังขึ้น: “การเปลี่ยนแปลงย่านสลัมเป็นโปรเจคของเมือง การชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าในตอนแรกหลี่ต้าเป่ามากถึงสาวสิบล้าน ค่าชดเชยนั้นเกินมาตรฐานเกินไปแล้ว อีกอย่างคนที่จะทำการโยกย้ายที่อยู่นั้นได้จัดการไปหมดแล้ว เซ็นต์สัญญาไปหมดแล้วด้วย ทำไมไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับมามีเรื่องขึ้นมา?”

“ฉันเองก็ไม่รู้”

เสี่ยวหม่าไร้ทางเลือก: “หลังจากที่ข่าวของยี่เคอกรุ๊ปตั้งรกรากในที่นี่ได้แพร่ออกไป ราคาบ้านของภาคตะวันตกของเมืองก็พุ่งสูงขึ้น ฉันกังวลว่าคนที่ต้องย้ายออกจะไม่พอใจกับเงินชดเชยของพวกเรา แถมเรายังเคยสอบถามความต้องการของคนที่จะต้องโยกย้ายออกจากภาคตะวันตกของเมืองนั้น ก็เพราะว่าพวกเราจะชดเชยให้มากกว่ามาตรฐาน พวกเขาเลยไม่ได้บ่นอะไร”

“ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนฉันยังพูดคุยสนุกสนานกับตาแก่ในเขตนั้นอยู่เลย”

ยิ่งเสี่ยวหม่าพูด ก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ: “แต่เมื่อครู่เมื่อฉันไป ตาแก่คนนั้นก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคน แถมยังจะเตะก้นฉันอีกด้วย”

“หึๆ ชักสนุกแล้วสิ”

เฉินตงยิ้ม: “เปลี่ยนไปมากภายในชั่วโมงเดียว เรื่องนี้ถ้าไม่ใช่ผีเข้า ก็คงจะแปลก”

ทำงานมาสามปี เขาสามารถกลายเป็นรองผู้บริหารของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว เลยถือเป็นการยืนยันในความสามารถของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ในสามปีนี้ถึงแม้ว่าเขาจะช่วยหลี่ต้าเป่าแบกรับคำก่นด่าและภาระมากมาย แต่ก็เพราะว่าภาระและเสียงก่นด่านี้ ความสนิทกับหลี่ต้าเป่า เลยทำให้เขาได้รับรู้อะไรหลายๆ อย่างที่ปกติคงจะไม่มีทางได้เข้าถึงมันเลย

เรื่องราวๆ นี้ เขาเองก็เคยเจอมาก่อน

“พี่ตง มีคนมาใส่ร้ายพวกเรางั้นเหรอ?” เสี่ยวหม่าพูดด้วยความสงสัย

“ไม่อย่างนั้นก้นของคุณจะถูกเตะออกมาได้อย่างไร?” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มด้วยความสนุกสนานยิ้มเยาะ จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง: “ไปทำงานก่อนเถอะ ยังไม่ต้องสนใจเขตนั้นของคุณ เดี๋ยวฉันจะไปตรวจสอบให้ดี”

“พี่ตง ฉัน เขตของฉันนั้นเป็นที่ที่อยู่ใจกลางมากที่สุด ไม่ต้องสนใจก่อนจริงเหรอ?” เสี่ยวหม่าร้อนใจ เขาได้มารับผิดชอบทั้งเขต ก็เพราะเฉินตงเป็นคนดูแลพามา ดังนั้นเลยตั้งใจรับผิดชอบมาก

เขารู้ถึงความสำคัญของเขตนี้เป็นอย่างดี ถ้าเกิดว่าไม่สามารถโยกย้ายออกไปได้อย่างราบรื่น มีแผนอีกมากมายที่จะต้องเลื่อนออกไป

สำหรับอสังหานั้น เลื่อนออกไปเพียงนาทีเดียว ก็เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น!

“มากสุดให้เวลาหนึ่งวัน” เฉินตงโบกมือ ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย

ตามความสามารถของท่านหลงนั้น ถ้าเกิดว่าไม่สามารถหาได้ว่าใครทำไท่ติ่งภายในหนึ่งวัน ยี่เคอกรุ๊ปก็จะสามารถเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่ง นั่นก็คงแปลกแล้ว

เฉินตงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะโทรไปหาท่านหลง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์หนึ่งโทรขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของหลี่ต้าเป่า จู่ๆ เฉินตงก็รู้อะไรบางอย่างขึ้นมา

เขารับโทรศัพท์ ก่อนจะมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของหลี่ต้าเป่าดังขึ้น: “โอ้ย ขอบคุณผู้บริหารเฉินมากที่เจียดเวลามารับโทรศัพท์ของฉันได้”

“คุณทำเหรอ?” เฉินตงถาม

“ฉันทำอะไรเหรอ?” หลี่ต้าเป่าตกใจ จากนั้นก็ถอนหายใจ: “เฉินตง ฉันทำงานอยู่ที่บริษัทอสังหาของพี่เขยของฉันอีกที่หนึ่ง ได้ยินมาว่าภาคตะวันตกของเมืองของพวกคุณเกิดเรื่องขึ้น คุณเคยเป็นคนทำงานด้วยกันกับฉัน จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงคุณหน่อยเหรอ?”

เฉินตงหัวเราะเสียงเย็นชา ทำมาเป็นหน้าเนื้อใจเสือ ปลอมกว่านี้ได้ไหมนะ?

แต่ทว่า จู่ๆ ก็มีสายเข้ามาหาหลี่ต้าเป่า มันทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาไปสอบถามจากท่านหลงแล้ว

เฉินตงพูดเสียงเย็นชา: “เวลาหนึ่งวัน ถ้าคุณไม่ทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ฉันจะทำให้คุณร้องไห้เลยคอยดู!”

“คุณมาขู่ฉันเหรอ?จะให้ฉัน หลี่ต้าเป่าตกใจกลัวเหรอ?” หลี่ต้าเป่าขึ้นเสียง

เฉินตงยิ้มเยาะ ก่อนจะวางสายไป

บทที่ 22 ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์

งานหมั้น พังแล้ว!

โกหกการแต่งงานงั้นเหรอ?

ทุกๆ คนต่างมีความคิดกันไปต่างๆ นานา

งานหมั้นสามสิบโต๊ะนี้ ครอบครัวของตระกูลหวางที่สนิทจริงๆ มีไม่เท่าไหร่

จางซิ่วจือเชิญทุกคนมา เพื่อหน้าตาของตัวเองทั้งนั้น

ดังนั้น เลยไม่สามารถคาดหวังว่าคนพวกนี้จะไว้หน้าตระกูลหวาง

“เป็นผู้หญิง มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่เสียใจจนถึงที่สุด คงไม่ทำแบบนี้หรอก”

“ขายหน้าจัง!ขายหน้ามากจริงๆ ต้องมาบังคับผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ฉันบอกแล้ว ว่าหลินเสว่เอ๋อดีขนาดนี้ ทำไมถึงมามองหวางเห้า ที่แท้หวางเห้าก็หลอกลวงนี่เอง!”

……

เมื่อได้ยินทุกคนซุบซิบ จางซิ่วจือกับหวางเต๋อก็อายเป็นอย่างมาก

หวางหนันหนันหันหน้าไปมองบัตรที่ถูกหลินเสว่เอ๋อโยนออกมา ในตอนนั้น เธอก็นิ่งไป และรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

“เสว่เอ๋อ ฉันจะไปหลอกอะไรคุณได้อย่างไร?”

หวางเห้าเองก็ร้อนใจ ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตแล้วลุกขึ้น ก่อนจะถามหลินเสว่เอ๋อด้วยความงุนงง

หลินเสว่เอ๋อมีสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน และพูดพลางสะอื้นว่า: “คุณยังกล้ามาถามอีกเหรอ?หวางเห้า ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”

หวางเห้าร้อนใจ: “ฉัน ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ?”

เพี๊ยะ!

หลินเสว่เอ๋อยกมือขึ้นมาตบหน้าของหวางเห้า จนทำให้หวางเห้ามึนไปจริงๆ เลย

“เห้อ หลินเสว่เอ๋อ มาตบเสี่ยวเห้าได้อย่างไร?”

เมื่อจางซิ่วจือเห็นฉากนั้น ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนกัน

เธอเองก็ไม่สนแล้วว่าจะเสียหน้าไหม เลยผละหวางเต๋อออกก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวที

ในตอนนั้นเอง หลินเสว่เอ๋อชี้หวางเห้าพลางร้องไห้แล้วพูดว่า: “คุยกันเอาไว้ว่าสินสอดห้าแสน ทำไมถึงให้ฉันมาแค่สี่แสนล่ะ?หวางเห้า สินสอดนี้ไม่ใช่ว่าฉันจะเอาไป นะฉันจะเอาไปให้พ่อแม่ของฉันเป็นการตอบแทน!พวกเขาเลี้ยงฉันมาจนโต ฉันมาแต่งงานกับคุณตั้งไกล ห้าแสนนี้ต้องเอาไว้ใช้ตอนแก่ไงล่ะ”

“ทำไมคุณถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ เงินก้อนนี้ ยังต้องมาโกหกฉัน แล้วหักเงินออกงั้นเหรอ?”

ผ่าง!

ทุกคนในงานต่างพากันตกใจ

ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป

จัดงานหมั้นแล้ว แต่เงินสินสอดยังหามาให้ครบไม่ได้ ยังคิดจะจัดงานหมั้นอีกงั้นเหรอ?

“เห้อ โชคร้ายห่วยแตกจริงๆ นี่มันหลอกผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”

“ตระกูลหวางไม่มีคุณธรรมเลย จัดงานหมั้นหรูหราอลังการขนาดนี้ แต่เงินสินสอดกลับหามาให้ครบไม่ได้”

“หลินเสว่เอ๋ออยู่ตั้งไกล มาแต่งงานกับลูกของหวางเห้า ก็ต้องเอาสินสอดไปให้พ่อแม่ในการเลี้ยงดู ว่ากันตามความจริงแล้วเงินแค่ห้าแสนตระกูลหวางยังโกงเลย หน้าด้านเกินไปหรือเปล่า?”

……

เสียงวิจารณ์ต่างๆ ด่าทอไปที่ตระกูลหวาง

ไม่มีใครคิดว่าการที่หลินเสว่เอ๋อก่อเรื่องในงานหมั้นนั้นมันผิดแปลกอะไรเลย

หญิงจากที่ห่างไกลคนหนึ่ง มาแต่งงานกับหวางเห้า สินสอดก็ถูกหักออก เป็นใครใครก็รับไม่ได้หรอก?

ในสถานการณ์แบบนี้ คนที่รู้เรื่องราวระหว่างหลินเสว่เอ๋อกับหวางเห้า ก็รู้อยู่แก่ใจดี หลินเสว่เอ๋อต้องแต่งกับหวางเห้าอยู่แล้ว นี่มันจัดการเอาไว้หมดแล้ว!

ตามความรู้สึกและเหตุผล การที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งถูกบังคับจนมาก่อเรื่องในงานหมั้น มันทำให้ตระกูลหวางเสียหน้าเปล่าๆ !

ปั่ก!

หวางหนันหนันนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว ในตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนเลือดหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง

เสียงต่อว่าของพี่น้องทุกคนรอบๆ มันเหมือนกับเป็นเสียงจากปีศาจที่สนเสียนอยู่ในหู จนทำให้เธอมึนงงไปเลย

ความวุ่นวายนี้ ภาพลักษณ์ของพวกเธอตระกูลหวาง มันสูญเสียไปต่อหน้าญาติพี่น้องทั้งหมดแล้ว!

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ไม่ใช่แบบนี้เลย!”

จางซิ่วจือแทบบ้า เธอเชิญแขกมากว่าสามสิบโต๊ะก็เพราะภาพลักษณ์ และอยากจะโอ้อวดอย่างเห็นได้ชัด

แต่ตอนนี้ เพื่อนพี่น้องจำนวนสามสิบโต๊ะกลับกำลังหัวเราะเยาะและต่อว่า มันทำให้เธอรู้สึกอยากตาย

“หรือว่าเด็กจากทางไกลอย่างหลินเสว่เอ๋อ จะมาโกหกหลอกลวงต่อหน้าพวกเรางั้นเหรอ?”

มีคนหนึ่งในกลุ่ม พูดขึ้นมา: “พวกคุณตระกูลหวางก็ได้ ไม่มีปัญญาแต่งงานก็ไม่ต้องแต่ง อย่ามากลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสิ!”

จางซิ่วจือตัวสั่นเทา ก่อนจะหันไปมอง ก็พบว่าแขกทุกคนยืนขึ้นมา จนไม่รู้เลยว่าคนที่พูดนั้นคือใคร

ดวงตาของเธอแดงไปหมด ก่อนจะวิ่งไปอยู่ต่อหน้าหวางหนันหนัน

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือนั้นตบไปที่ใบหน้าของหวางหนันหนัน จนทำให้หวางหนันหนันที่กำลังเหม่ออยู่นั้นมีสติกลับมาได้

จางซิ่วจือโกรธเหมือนจะกินคนได้ทั้งตัว มือขวาก็จิ้มไปที่ขมับของหวางหนันหนัน: “ยัยบ้า คุณคุยดีแล้วไม่ใช่เหรอ?คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเสว่เอ๋อสัญญาแล้ว?ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?”

“แม่……ฉัน……”

หวางหนันหนันกำลังจะเปิดปากอธิบาย แต่เธอรู้ ว่าในตอนนั้นถึงจะชักแม่น้ำทั้งห้าสายมาก็อธิบายอะไรไม่ได้แล้ว

และยิ่งหยุดคำพูดต่างๆ นานาของคนที่มาร่วมงานได้อีกด้วย

จางซิ่วจือร้องออกมาว่า “อั้ยหยา ให้ตายเถอะ” จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง โดยที่ไม่เหลือความสง่างามเหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว

หวางเต๋อเองก็ทำอะไรไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงเลยว่างานหมั้นดีๆ แบบนี้ จู่ๆ มันจะทำให้พวกเขาตระกูลหวาง มีแต่คนหัวเราะเยาะใส่ และขายหน้าขนาดนี้

มีเสียงดังขึ้น

หวางเต๋อนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจัง เอาสองมือปิดหน้า เพราะไม่มีทางจะสู้หน้าญาติๆ ได้แล้ว

“พี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”

บนเวที หวางเห้าร้อนใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก: “คุณช่วยอะไรไม่ได้ ก็อย่ามาทำร้ายฉัน!”

ถ้าเกิดว่าหวางหนันหนันคุยกับหลินเสว่เอ๋อให้เสร็จก่อน ตามที่เขารู้จักหลินเสว่เอ๋อ ในตอนนั้นหลินเสว่เอ๋อคงจะไม่มีทางก่อเรื่องขึ้นต่อหน้าคนอื่นแบบนี้!

“ฉัน……” ปากแดงๆ ของหวางหนันหนันพึมพำ ด้วยความน้อยใจสุดขีด ก่อนจะมีน้ำตาไหลรินออกมา

ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนแก่ก็ค่อยๆ เริ่มเดินออกมา

ไล่กันตามอายุ คนแก่ชี้ไปที่หวางเต๋อและจางซิ่วจือ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก: “หวางเต๋อ ซิ่วจือ เรื่องที่พวกคุณก่อขึ้นมันทำให้พวกเราตระกูลหวางเสียหน้ากันหมด งานหมั้นในวันนี้ใหญ่โตมาก แต่เงินกลับออกเงินไม่เท่าไหร่งั้นเหรอ?พวกคุณยังไปโกหกเด็กสาวนั่นอีกงั้นเหรอ?”

หลังจากตำหนิเสร็จ คนแก่ก็หันไปพูดกับทุกๆ คนในงาน: “ทุกคนแยกย้ายกันเถอะๆ งานหมั้นนี้มันล่มแล้ว”

คนนานตำหนิดุด่า ก่อนจะออกจากงานไป

เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด กลับถูกหลินเสว่เอ๋อใช้โทรศัพท์ถ่ายเอาไว้หมดแล้ว และส่งให้เฉินตงผ่านwechat

เมื่อทุกคนแยกย้าย หลินเสว่เอ๋อก็เช็ดน้ำตา พลางพูดกับหวางเห้าด้วยท่าทีน้อยใจ: “หวางเห้า ถ้าคุณรักฉันจริง อยากจะแต่งกับฉัน ก็เอาสินสอดมาให้ครบ งานหมั้นนี้ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก”

เมื่อพูดจบเธอก็หันตัวเดินออกไป

“เสว่เอ๋อ เสว่เอ๋อ……” หวางเห้าร่ำร้องขอให้กลับมา

แต่หลินเสว่เอ๋อลงจากเวที แล้วก็ไปเลย

เมื่อเห็นภาพแบบนี้ จางซิ่วจือที่ร้องห่มร้องไห้ ก็รู้สึกปวดหน้าอก หน้าแดงขึ้น จากนั้นก็ร้องโอ้ยดังขึ้นมา

ปัง!

จางซิ่วจือล้มลงกับพื้น

หวางเต๋อกับหวางหนันหนัน และหวางเห้าต่างตกใจกันหมด

“ไม่ได้การแล้ว รีบไปส่งโรงพยาบาล อาการโรคหัวใจของแม่พวกคุณกำเริบแล้ว!” หวางเต๋อมีสีหน้าซีดเซียว พลางร้องเสียงดัง

บริษัทไท่ติ่ง

เฉินตงค่อยๆ เลื่อนดูโทรศัพท์ ก่อนจะดูคลิปที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาให้จนจบ มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น: “หลินเสว่เอ๋อไม่เลวเลย งานหมั้นงานนี้ทำให้คนในงานต่างดุด่าว่ากล่าวไปเลยล่ะ”

เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาล่าสุด “คืนนี้ว่างไหม?” ก่อนจะทำงานต่อไป

ติ๊ง!

จู่ๆ หวางหนันหนันก็ส่งข้อความมา: “เฉินตง แม่ของฉันอาการโรคหัวใจกำเริบอยู่โรงพยาบาล ที่โรงพยาบาลลี่จิง”

เฉินตงตอบกลับไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์: “แม่ของฉันป่วยนานแล้ว”

วางโทรศัพท์ลง เขาเลิกคิ้วขึ้น จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่สำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เลยลุกเดินออกไปข้างนอก

บทที่ 21 สะสวยดั่งหยก

โต๊ะอาหารภายใต้แสงจันทร์ มีไวน์แดงตั้งตระหง่านอยู่

ทั้งหมดทุกอย่างนั้น มันเหมาะเหม็งมาก เลยทำให้บรรยากาศมันร้อนแรงอย่างลึกซึ้ง

หลินเสว่เอ๋อที่เริ่มเมาก็เอาตัวเข้ามาใกล้พลางซบอกของเฉินตง ไออุ่นที่แอลกอฮอล์นำมานั้น มันทำให้กลิ่นอายความหอมก็มากขึ้นตามไปด้วย

ด้วยระยะที่อยู่ไม่ห่างกัน มันทำให้เฉินตงรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมา

ภายใต้แสงไฟนั้น หลินเสว่เอ๋อที่ใส่ชุดลูกไม้สีดำ มันทำให้ดูสะสวยเกินใคร

เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ดวงตาลง รอยยิ้มบนใบหน้ามันก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ นั้น จู่ๆ เฉินตงก็เปิดปากพูด: “ฉันกับคุณแค่ร่วมมือกันเท่านั้น”

เรือนร่างของหลินเสว่เอ๋อนั้นสั่นเทา ขนตายาวสวยนั้นก็สั่นไปด้วย ก่อนจะยิ้มแห้งๆ พลางพูด: “ใช่ ก็แค่ร่วมมือกันเท่านั้น”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงนั่นหายไป: “ฉันบอกว่า ฉันให้เงิน คุณช่วยฉัน ก็แค่นั้นเอง”

เมื่อพูดจบมือของเขาทั้งสองก็จับเอวบางๆ ของหลินเสว่เอ๋อ ก่อนจะผลักเธอออก ลุกขึ้น จากนั้นก็พูดแผนออกมา พลางหันตัวออกไป

ท่าทีก่อนและหลังที่เปลี่ยนไป ดูเด็ดขาดนั้น ทำให้หลินเสว่เอ๋อรับมือกับความกะทันหันนี้ไม่ทัน ความเมานั้นมันเลยลดลงไปแล้ว

เขาหมายความว่าอย่างไรกันนะ?

มาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงต้องแยกจากกันด้วย?

เธอกลับไม่รู้ ว่าเฉินตงเป็นห่วงแม่ การที่ให้เธอมาห้าล้านก็เพื่อแก้แค้นให้แม่ ไม่ได้มีเป้าหมายอื่นเลย เฉินตงในตอนนั้นเองกลับไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่านั้น

ในสถานการณ์แบบนี้ เฉินตงรู้แล้วว่าหลินเสว่เอ๋อเป็นคนแบบไหน!

เพี๊ยะ!

หลินเสว่เอ๋อปาแก้วไวน์ในมือของเธอลงพื้น และสะบัดผมด้วยความหงุดหงิดใจ

คืนนี้เตรียมการมาตั้งมากมาย สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลวเสียอย่างนั้น

มันทำให้เธอเศร้าใจเป็นอย่างมาก

ติ๊งต่อง!

อ็อดของประตูดังขึ้น

หลินเสว่เอ๋อตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด: “ใคร?”

“เสว่เอ๋อ ฉันเป็นพี่สาวของหวางเห้า มีเรื่องจะมาหาคุณ” ข้างนอกประตูมีเสียงของหวางหนันหนันดังขึ้น

หลินเสว่เอ๋อขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยความอารมณ์ร้อน

แต่ทว่า เธอก็ยังลุกขึ้นไปใส่เสื้อคลุม จากนั้นก็เอาจานชามและแก้วของเฉินตงเข้าไปไว้ที่ห้องครัว เก็บกวาดแก้วที่อยู่ที่พื้น

เปิดไฟขึ้นมา หลังจากที่จัดแจงเสื้อผ้าเสร็จ ก็เปิดประตูให้หวางหนันหนันเข้ามา

เมื่อได้ฟังคำขอร้องของหวางหนันหนัน หลินเสว่เอ๋อก็รู้สึกดีใจมาก เธอกำลังหงุดหงิดใจที่เธอไม่มีแผนในการเข้าถึงเฉินตง แต่ตอนนี้ตระกูลหวางเอาโอกาสมาส่งให้ถึงที่แล้ว

หลินเสว่เอ๋อเลยตอบตกลงโดยไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย

หวางหนันหนันเห็นว่าหลินเสว่เอ๋อตอบตกลง ก็รู้สึกขอบคุณจนอยากจะร้องไห้

หวางเห้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของเธอ

พ่อแม่รู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับงานแต่งงานของหวางเห้าเป็นอย่างมาก

เธอเป็นพี่สาว เลยเอาเงินจากเฉินตงไปช่วยหวางเห้า มันทำให้ในใจของเธอรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

ระหว่างนั้นมีเรื่องนัดบอดกับหลี่ต้าเป่า แต่เมื่อคิดว่าน้องชายจะได้แต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อแล้ว เธอเองก็ไม่สนใจแล้ว

คนบ้านเดียวกัน อย่างไรก็เป็นคนบ้านเดียวกัน

ตอนที่หวางหนันหนันกลับไปถึงบ้าน แล้วเอาเรื่องนี้กลับไปบอกกับพ่อแม่และหวางเห้า

คนบ้านก็ดีใจเป็นอย่างมาก

“เห้อ……เสี่ยวเห้าหาผู้หญิงดีๆ มาได้แล้ว เสว่เอ๋อคนนี้เป็นคนดี คิดถึงพวกเราเป็นอย่างมาก” จางซิ่วจือมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ

หวางเห้าพยักหน้าอย่างภูมิใจ: “ไม่หรอก แม่ไม่ดูหน่อยเหรอว่าลูกคุณเป็นใคร?”

“ไอเด็กเมื่อวานซืน หลังแต่งงาน ก็ต้องทำดีกับเสว่เอ๋อ เสว่เอ๋อเรียนมาสูง แถมทำงานในธนาคาร ตอนนี้มาหมั้นกับคุณ เงินสินสอดก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถือเป็นโชคดีของคุณนะ”

จางซิ่วจือสอนหวางเห้าอย่างจริงจัง มุมปากกลับยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว: “แต่ทว่า หลังจากนี้ เรามีสะใภ้อย่างเสว่เอ๋อ ฉันไปไหนมาไหนก็ต้องอวดกับพวกญาติๆ เสียหน่อย”

พูดไป เธอก็คิดขึ้นได้: “แล้วหนันหนัน คุณดูสิว่าหาใครมา?เฉินตงเป็นพวกเกาะพ่อแม่กิน สุดท้ายยังมาหาเรื่องหย่ากับคุณอีก มันทำให้ฉันเสียหน้า”

หวางหนันหนันมีสีหน้านิ่งเฉยไป ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความมืดมนในจิตใจ

พรุ่งนี้เป็นงานหมั้นของหวางเห้าแล้ว เธอไม่อยากบอกเรื่องที่รู้ทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง แล้วทำให้เขาไม่พอใจ

“ฉันบอกคุณว่า วันมงคลแบบนี้จะมาพูดอะไร?ต้องยินดีกันหน่อย!”

หวางเต๋อเป็นเหมือนคนใหญ่สุดของบ้าน มองจางซิ่วจือ ก่อนจะเริ่มพูดออกมา: “จริงสิ เชิญญาติๆ และเพื่อนๆ มากันหมดแล้วใช่ไหม?ฉันจะไปโทรเชิญก่อนนะ”

“ใช่ๆ ฉันยังต้องโทรไปถามโรงแรมอีก อย่าทำสกปรก เดี๋ยวจะไม่ดีต่อเสว่เอ๋อ” จางซิ่วจือรีบไปทำด้วยความร้อนรน

คืนวันนี้ ความวุ่นวายที่ผ่านมาของตระกูลหวาง กลายเป็นบรรยากาศที่น่ายินดีในวันนี้

แต่ในโรงพยาบาล เฉินตงกำลังดูแลแม่อยู่ข้างเตียง

เมื่อเห็นแม่ที่นอนหลับอยู่ สีหน้าที่กลับมามีสีสันแล้ว ก็กลับซีดเผือดลงอีกครั้ง

เขารู้สึกสงสารขึ้นมา

เขาเช็ดหน้า ก่อนจะมองออกไปทางแสงไปที่สาดส่องทางหน้าต่าง พลางบ่นพึมพำว่า: “ตระกูลหวาง พวกคุณยังดีใจกันอยู่ใช่ไหม?พวกคุณเคยรู้สึกผิดต่อแม่ของฉันบ้างไหมเนี่ย?”

เขาหัวเราะเย้ย เฉินตงคิดว่าตัวเองคิดเยอะเกินไป และมองคนของตระกูลหวางสูงเกินไป

ถ้าเกิดว่าตระกูลหวางรู้สึกผิดจริงๆ หวางหนันหนันคงไม่เอาเงินรักษาแม่ไปช่วยหวางเห้าหรอก

ยิ่งไม่มีทาง หลังจากที่หวางหนันหนันทำให้แม่ของเขาป่วยหนักขึ้น ก็ไม่ถามถึงอาการป่วยเลย เอาแต่พูดถึงเรื่องเงินและโกหกไปวันๆ

“หวังว่าพรุ่งนี้พวกคุณจะไม่เสียใจภายหลังนะ” เฉินตงยิ้มขึ้นด้วยความเยือกเย็น ในดวงตาก็มีประกายเปล่งขึ้น “นี่เป็นสิ่งที่พวกคุณต้องจ่าย”

วันต่อมา

วันเช้าตรู่ เฉินตงถามคุณหมอจาง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าแม่ไม่ได้อาการหนักแล้ว ก็รีบไปที่โรงแรมไท่ซาน จองห้องชุดใหญ่ที่สามารถเห็นห้องโถงได้ ก่อนจะเปิดไวน์ราไฟต์1982ขวดหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น

หน้าประตูใหญ่ของโรงแรม

จางซิ่วจือที่แต่งหน้าแต่งตัวอย่างสวยงามพาหวางเต๋อที่ใส่สูทสวยมาต้องรับแขก

สีหน้าของสามีภรรยาทั้งสองเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ก่อนจะรีบไปพูดคุยต้องรับแขกอย่างสนุกสนาน

“ซิ่วจือ พวกคุณทั้งสองโชคดีจังเลย มีทั้งลูกชายลูกสาว แถมลูกชายก็จะแต่งงานแล้วด้วย คุณสองคนกำลังจะได้อุ้มหลานแล้ว”

จางซิ่วจือยิ้มเบิกบานใจ: “ฮ่าๆ ……ที่ไหนกันเล่า เสี่ยวเห้าเพิ่งจะจัดงานหมั่นกับเสว่เอ๋องานเอง กว่าจะได้อุ้มหลานก็อีกนาน”

“วันนี้ในงานหมั้นน่ะ คุณทำออกมาได้สง่างามและยิ่งใหญ่มาก ทั้งหมดกี่โต๊ะกันเนี่ย?”

เมื่ออยู่ต่อหน้าการถามไถ่ของญาติๆ จางซิ่วจือก็ยืดตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะยิ้มด้วยความภูมิใจพลางพูด: “ไม่ได้เยอะเท่าไหร่หรอก แค่สามสิบโต๊ะเท่านั้นเอง ญาติพี่น้องพ้องเพื่อนก็มากันครบแล้ว มาเจอเสว่เอ๋อสักหน่อย”

“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ญาติๆ ต่างพากันตกใจ งานหมั้นก็จัดไปสามสิบโต๊ะแล้ว คงจะเชิญทุกคนทั้งหมดมาจนครบเลยสินะ?

“ไม่เยอะหรอกๆ !เสว่เอ๋อเกิดมาดีเรียนก็เก่งแถมยังได้งานดีๆ อีกด้วย ฉันเห็นเธอเป็นลูกแท้ๆ เลยล่ะเลยไม่สามารถทำให้ไม่ดีกับเธอได้”

จางซิ่วจือยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู: “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าบ้านของเธออยู่ไกล พ่อแม่ของเธอสุขภาพไม่ดี เสว่เอ๋อเห็นแก่พ่อแม่ของเธอ เลยไม่ให้เชิญไป ฉันคงจะเชิญญาติๆ ของเธอมาหมด คงจะต้องจัดสักหกสิบโต๊ะได้”

เมื่อพูดออกไป ญาติๆ ก็เดินเข้าไปในโรงแรม

เดินไปเพียงไม่ไกล รอยยิ้มของพวกญาติๆ ก็หายวับไป

“หึ!มาอวดร่ำอวดรวยอะไรกัน?ไม่ใช่หวางเห้าแค่หาภรรยาดีๆ ได้เหรอ?ก็แค่โชคดีหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ดูบ้างเลยว่าลูกสาวเพิ่งจะหย่าน่ะ”

เมื่อได้ยินคำนี้ หวางเต๋อกับจางซิ่วจือก็ยิ้มเจื่อน

หวางเต๋อดึงๆ จางซิ่วจือ ก่อนจะพูดเสียงต่ำ: “คุณทำแบบนี้มันเกิดไปหรือเปล่า?”

“ก็ฉันอยากอวดให้โดดเด่นนี่หน่า!เสี่ยวเห้าของฉันหาภรรยาดีๆ ได้ คำพูดพวกนั้นของพวกเขา ก็แค่อิจฉา ถ้าเก่งมากนักก็ให้ลูกชายพวกเขาหาให้ได้บ้างสิ?” จางซิ่วจือมีสีหน้าต่างออกไป

ในตอนนั้นเอง หวางหนันหนันที่ใส่ชุดสีแดงเดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “พ่อแม่ พี่น้องพ้องเพื่อนมากันหมดแล้วใช่ไหม พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

หวางเต๋อกับจางซิ่วจือยิ้มพลางพยักหน้า จางซิ่วจือพูดกับหวางหนันหนันด้วยความรัก: “หนันหนัน ช่วงนี้คุณทำเพื่อน้องชาย คุณเหนื่อยแล้วล่ะ”

“แม่ ฉันไม่เหนื่อย ฉันเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเสี่ยวเห้านะ” หวางหนันหนันเบี่ยงความสนใจ พลางมองไปที่บรรยากาศครึกครื้นที่อยู่ตรงหน้า ความเหนื่อยของเธอนั้นคุ้มค่าแล้ว

งานหมั้นเปิดพิธีแล้ว

ภายใต้การดูแลของจางซิ่วจือ ยังเชิญพิธีกรมาด้วย

บรรยากาศครึกครื้น ทำให้ทุกคนหัวเราะเฮฮา บรรยากาศมีสีสันมาก

แต่ ท่ามกลางเสียงเพลงจรรโลงใจ ไฟหรี่ลง และไฟรอบๆ ก็เริ่มเปิดขึ้น

ภายใต้บรรยากาศครึกครื้นในงาน จู่ๆ ก็เงียบลง

ท่ามกลางการแนะนำตัวของพิธีกรเฉพาะ

หวางเห้าใส่สูท ในมือถือดอกไม้ ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาบนเวที

จากนั้น มีคนใส่ชุดเจ้าสาว คือหลินเสว่เอ๋อที่แต่งหน้าอ่อนๆ เดินขึ้นมาบนเวที

หลินเสว่เอ๋อสวยมาก ภายใต้แสงไฟ เมื่อเดินออกมา ทำให้ทุกคนในงานต่างจับจ้อง และอึ้งไปตามๆ กัน

หวางเห้ามองหลินเสว่เอ๋อ และยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาโดยไม่รู้ตัว

แต่ด้านล่างเวทีนั้น จางซิ่วจืออยู่บนอ้อมกอดของหวางเต๋อ สามีภรรยาทั้งสองมองบนเวทีด้วยรอยยิ้ม

หวางหนันหนันกุมมือทั้งสองข้างเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำ พลางยิ้มอย่างเบิกบาน

“เสว่เอ๋อ คุณแต่งงานกับฉันเถอะ!”

เมื่อทั้งงานถูกเร้าบรรยากาศไปจนถึงจุดหนึ่ง หวางเห้าก็คุกเข่าลง ก่อนจะเอาดอกไม้ส่งให้ตรงหน้าหลินเสว่เอ๋อ และพูดออกมาเสียงดัง

แต่

หลินเสว่เอ๋อไม่ได้รับดอกไม้นั้น แถมยังมองหวางเห้าอยู่ตรงหน้า

บรรยากาศ ต่างนิ่งสงัดไปในทันตา

ทุกคนในที่นี้ตกใจอึ้งไป

จากนั้น หลินเสว่เอ๋อพูดด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์: “ขอโทษนะหวางเห้า ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันยังไม่สามารถแต่งงานกับคุณได้ คุณไม่ได้รักฉันเลยแม้แต่น้อย!”

เมื่อพูดออกไป ทุกคนต่างพากันซุบซิบ ด้วยท่าทีตกใจ

งานหมั้นที่ถูกจัดเอาไว้แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่แต่งงาน มันหมายความว่าอย่างไรกันเนี่ย?

จางซิ่วจือทนไม่ไหมแล้ว เลยยืนขึ้นก่อนจะถามหลินเสว่เอ๋อ แต่กลับถูกหวางเต๋อกับหวางหนันหนันจับเอาไว้

“ทำไม?” หวางเห้างงเป็นไก่ตาแตก

เพียงแวบเดียว จู่ๆ ดวงตาของหลินเสว่เอ๋อก็แดงขึ้นมา ก่อนที่จะมีน้ำตาไหลออกมา

เธอเอาบัตรเอทีเอ็มออกมาก่อนจะปาใส่หน้าหวางเห้า แล้วร้องออกมาว่า: “เพราะว่าคุณโกหกฉันไง!”

ผ่าง!

ญาติๆ ทั้งสามสิบโต๊ะ ต่างพากันตกใจออกมาเสียงดัง

งานหมั้น พังแล้ว!

บทที่ 20 ริมฝีปากแดงที่ร้อนแรง

เมื่อเฉินตงมาถึงโรงพยาบาลลี่จิง คุณแม่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน

เซ็นชื่อเล่นด่วนที่สุดในขณะนี้ก็คือ ความปลอดภัยของคุณแม่

ถ้าคุณแม่ไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างก็ยังพอจะเจรจากันได้

ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็ กับนิสัยของเขาแบบนี้ เขาไม่รับประกันว่าตนเองจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง

เฉินตงใบหน้าจมลง นั่งยองๆอยู่นอกห้องฉุกเฉิน

เขากัดฟันส่งข้อความวีแชทไปหาหวางหนันหนัน

น้ำเสียงเหมือนกำลังขอร้อง

“ครั้งก่อนคุณไม่สนใจในชีวิตของแม่ผมครั้งนี้ยังอยากทำอันตรายเธอเป็นครั้งที่ 2 อีกเหรอ?คุณปล่อยคนแก่อย่างเธอเถิดนะขอร้องล่ะ”

ผ่านไป 5 นาที หวางหนันหนันส่งข้อความวีแชทตอบกลับ

แต่พอเห็นเนื้อหาในข้อความแค่นั้นแหละ ความโมโหที่ไม่สามารถควบคุมได้ ได้ระเบิดออกมาจากศีรษะของเฉินตง

ข้อความตอบจากหวางหนันหนันคือ:“เฉินตงคุณนี่มันหลอกลวงกันชัดๆ!คุณนี่มันผู้ชายเหี้ยจริงๆ!คนบอกว่าเงิน 2แสนนั่นเป็นเงินจำนวนสุดท้ายสำหรับช่วยชีวิตแม่คุณ แล้วตอนนี้ทำไมแม่คุณยังไม่ตาย?แล้วยังอยู่ในระยะที่ร่างกายกำลังจะหายดีแล้ว นี่แสดงว่าคุณมีเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!ฉันจะช่วยน้องชายฉัน มาขอเงินกับแม่คุณนิดหน่อย ถือว่าเป็นค่าตอบแทนในการหย่าของเราสองคน ไม่สมควรเลยหรือไง?”

ตูม!

เฉินตงโกรธจนหน้าเขียว มือก็ชกไปที่ฝาผนัง กัดฟันพูดว่า:“ตระกูลหวาง หวางหนันหนัน……พวกคุณกำลังบีบบังคับผม!”

ประตูห้องฉุกเฉินเปิด

เฉินตงรีบเข้าไปดึงคุณหมอจาง ถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ:“คุณหมอจาง แม่ผมเป็นยังไงบ้าง?”

คุณหมอจางดึงหน้ากากอนามัยลง ยิ้มอย่างยกภูเขาออกจากอก:“คุณเฉินสบายใจได้แล้วครับ โชคดีที่ช่วยเหลือได้ทัน อาการท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอจาง”เฉินตงราวกับยกก้อนหินออกจากอก ซาบซึ้งจนเกือบจะคุกเข่าให้คุณหมอจางเลย

ท่าทีนี้ทำให้คุณหมอจางตกใจจนเปลี่ยนสีหน้า รีบเข้าไปพยุงเฉินตงไว้

เล่นตลกอะไร?

คนที่ท่านหลงมาทำการรักษาด้วยตนเอง อย่าว่าเขาไม่กล้ารับเลย ถึงจะเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็คงจะรับการคุกเข่าจากเฉินตงไว้ไม่ไหวหรอก

ตามด้วย คุณหมอจางที่กำชับด้วยสีหน้าให้เกียรติ:“แต่ว่า คุณเฉิน มีคำพูดคำนึง ในฐานะที่ผมเป็นหมอส่วนตัวของแม่คุณ ยังไงเขาก็ต้องบอกว่า ในเมื่อคุณกับอดีตภรรยาของคนหย่ากันแล้ว คงเข้าใจในความรู้สึกที่อยากปกป้องท่านไม่อยากให้ท่านถูกกระทบกระเทือนจิตใจ แต่การที่อดีตภรรยาของคุณช่างไม่สนใจในความเป็นความตายของท่านเลย”

“ครั้งนี้ทำการรักษาฉุกเฉินได้ทัน ถือเป็นความโชคดีของท่าน แต่ถ้าอดีตภรรยาของคุณยังมาอีกละ?สภาพอาการของผู้อาวุโสท่านในตอนนี้ ไม่สามารถถูกอะไรมากระทบกระเทือนได้แม้แต่น้อย ”

ถอนหายใจทีหนึ่ง คุณหมอจางหันหน้าเดินจากไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงค่อยๆจางหายไป สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาแทนคือความเยือกเย็นอย่างน่าขนลุก

เขากำหมัดแน่น เห็นเส้นเลือดชัดเจน และมีเสียงกระดูกนิ้วมือด้วย

ครั้งก่อน หวางหนันหนันทำเพื่อเงินดาวน์บ้านให้น้องชายในงวดแรก เอาเงินจะมาสองแสนจำนวนที่เหลือท้ายสุดสำหรับช่วยชีวิตแม่ของเขาไป

ครั้งนี้ ก็ทำไปเพราะน้องชายเธอ เกือบจะทำให้คุณแม่ตายซะแล้ว

การกระทำแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกขยะแขยงจริงๆ!

“ทำเพื่อช่วยน้องชายของตนแล้ว ไม่สนใจในชีวิตของแม่ผม เล่นตลกกับชีวิตแม่ผมอยู่หรือไง?”

ดวงตาเฉินตงประกายความเยือกเย็น:“พวกคุณทุ่มเทเพื่อให้ไอ้ขยะที่ไร้ประโยชน์อย่างหวางเห้าได้หมั้นกับหลินเสว่เอ๋ออย่างสุดจิตสุดใจไม่ใช่เหรอ?งั้นผมก็จะเล่นด้วยกับพวกคุณ!”

อีกฝั่งนึง หวางหนันหนันตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกนั่งลงบนริมถนน

แดดที่ร้อนจ้า เธอกลับไม่สัมผัสถึงความอบอุ่นเลยสักนิด

เธอไม่ได้โง่ หลายครั้งที่เคยติดต่อเฉินตง ความไม่ไยดีของเฉินตงทำให้เธอเข้าใจว่า ถึงแม้จะไปหาเฉินตงอีกครั้งก็ตาม คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมแน่

เพราะฉะนั้น เธอก็เลยนึกได้ว่าไปหาหลี่หลานดีกว่า

หลายปีมานี้ตอนที่หลี่หลานป่วยหนัก เธอไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่

แต่หวางหนันหนันเข้าใจดีว่า หลี่หลานเอ็นดูคนเป็นลูกสะใภ้อย่างเธอมาก หากได้รับความช่วยเหลือจากหลี่หลาน ละก็ งั้นการขอเงินจากเฉินตงก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย

แต่เมื่อเธอเอาตะกร้าผลไม้ ไปถึงโรงพยาบาล ภาพที่ได้เห็นไม่ใช่หลี่หลานคนที่ใบหน้าซีดเซียวผอมเหี่ยวจนกำลังจะตาย เธอถึงกับตะลึง

เมื่อถามพยาบาล ถึงรู้ว่าหลี่หลานได้ทำการปลูกถ่ายตับเรียบร้อยแล้วกำลังอยู่ในระยะที่กำลังจะหายดีเป็นปกติ

หวางหนันหนันอารมณ์เสียทันที

นี่ก็ทำให้เธอเชื่อในสิ่งที่หวางเห้าพูด

และ เธอก็รู้สึกว่าการที่เฉินตงหย่ากับเธอ เป็นไปได้ว่านี่เป็นแผนการที่เฉินตงจงใจสร้างขึ้นมา ใช้จำนวนเงิน 2 แสนหลอกให้หย่ากัน เมื่อเทียบกับการหย่าร้างทำข้อตกลงแล้ว การหย่าแบบนี้ประหยัดเงินได้มากกว่าเยอะเลย!

ยิ่งคิดยิ่งโมโห เมื่อหวางหนันหนันหาตัวหลี่หลานพบ ก็ทั้งร้องไห้ทั้งบ่นเสียงดัง

ในเมื่อหย่ากันแล้ว เฉินตงสมควรจะชดใช้ให้เธอ เธอจะไม่ลดให้แม้แต่นิดเดียวเลย

แม้จะต้องหน้าด้านแค่ไหน เธอก็จะต้องแย่งของที่เธอสมควรจะได้ให้ได้ อย่างน้อยก็สามารถช่วยเรื่องที่เร่งด่วนมากในตอนนี้ ช่วยน้องชายเธอสักหน่อย

ถ้าเป็นเพราะความใจร้อนของเธอ แล้วทำให้หย่ากันกับเฉินตงติดกับดักของเขา ทำให้ไม่สามารถช่วยน้องชายเธอได้ ชาตินี้เธอคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ

แต่สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงก็คือ หลี่หลานที่ตอนแรกยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยดีๆเลย จู่ๆก็อาการไม่ดีในทันที ถูกคุณหมอและพยาบาลพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว

นี่ทำเอาหวางหนันหนันตกใจมาก เธอไม่ทันได้สนใจถึงค่าชดเชย ก็วิ่งออกไปอย่างตกใจและทำอะไรไม่ถูก

“นี่ไม่เกี่ยวกับฉันนะ ฉันไม่ใช่เป็นคนทำ เฉินตง คุณเป็นคนที่ทำให้ไอ้แม่ของคุณตายเอง”

หวางหนันหนันส่ายหน้าอย่างหน้าชา ในดวงตากลับมีน้ำตาคลอไม่หยุดท:“เฉินตง คุณนี่มันผู้ชายเหี้ย ทำไมต้องหลอกฉันด้วย?เมื่อก่อนฉันไม่ฟังคำห้ามของพ่อแม่ ยังไงก็พยายามจะแต่งงานกับคุณให้ได้ เช่าห้องใช้ชีวิตอยู่แบบลำบากลำบนกับคุณ ฉันช่วยเหลือทางบ้านหน่อยจะเป็นไรไป?ฉันช่วยน้องชายแท้ๆของฉันจะเป็นไป?”

“เพื่อเหตุผลเหล่านี้ คุณถึงกับวางแผนสร้างกับดักใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ จงใจหย่ากับฉัน คุณนี่มันใจร้ายใจดำจริงๆเลย!เรามีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ฉันจริงใจกับคุณ คุณกลับไม่เห็นค่า คุณมันคนเนรคุณชัดๆ!”

พอยิ่งด่า หวางหนันหนันก็ยิ่งร้องไห้เสียงดัง

เธอรู้สึกว่าตนเองขมขื่นสุดๆ

ใจเธอพังทลายแล้ว นั่งลงบนถนน ก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างเจ็บปวดทรมาน

เธอผู้เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่สนใจในสายตาที่มองมาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาแถวนี้อีกต่อไป

เวลานี้ คุณแม่จางซิ่วจือโทรศัพท์มาหา

“เงินล่ะ?ขอได้หรือยัง?”

“แม่….ยัง ยังเลยค่ะ”หวางหนันหนันพยายามกดเสียงร้องไห้ไว้ เมื่อก่อนที่เธอแต่งงานกับเฉินตงเธอเป็นคนเลือกเอง นะเธอก็เป็นคนไปอย่างเอง ถ้าให้คุณแม่รู้ว่า เฉินตงหลอกเธอ ผลที่ตามมาคงไม่ดีแน่ๆ

คนบ้าทำเพื่องานแต่งของน้องชายแล้ว ก็เหนื่อยมากพอแล้ว คนเป็นลูกสาวอย่างเธอ ก็ไม่อยากทำให้คุณแม่ไม่สบายใจไปมากกว่านี้ในเวลานี้

“ฉันทายไม่ผิดจริงๆ แกมันยัยเด็กไร้ประโยชน์ชัดๆ!”

จางซิ่วจือดุด่าด้วยเสียงแหลม กล่าวตำหนิว่า:“ดีที่พ่อแกไปขอร้องญาติพี่น้องให้ช่วย สุดท้ายก็ได้ยอดมา 2แสน บวกกับเงินเก็บของทางบ้านอีก4แสน อีก 1แสนที่เหลือ คนที่เป็นพี่สาวยัง ไงก็สมควรจะช่วยเสี่ยวเห้าสินะ?”

“จริงหรอคะ?”หวางหนันหนันลืมตาโตดีใจ ปาดน้ำตาบนใบหน้า กล่าว :“แม่ ฉัน ฉันต้องหาวิธีช่วยเสี่ยวเห้ารวมเงินให้ครบยอดให้ได้ค่ะ”

พอวางสาย หวางหนันหนันก็รู้สึกลำบากใจเลย

เงินจำนวน1แสน สำหรับเธอ มันยากเกินไป

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายครั้ง แต่ก็วางลง เธอก็ยังพอมีเพื่อนอยู่ แต่ถ้าให้เธอไปยืม งั้นก็แสดงว่าเป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า หลังจากที่เธอหย่ากับเฉินตง ได้ใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก?

ช่วงแรกๆที่เพิ่งจะหย่ากับเฉินตง เธอยังเคยหัวเราะเยาะเย้ยเฉินตงต่อหน้าเพื่อนเลย

ส่ายศีรษะ จู่ๆหวางหนันหนันก็มีความคิดที่แปลกประหลาด

“เงินก็มีตั้ง 4 แสนแล้ว หากฉันไปขอร้องเสว่เอ๋อ ว่าเงิน 1แสนที่เหลือ ฉันจะเขียนหลักฐานที่ยังเหลือต้องจ่ายให้เธอ เธอน่าจะยอมตกลงหมั้นให้ก่อนสินะ?”

คำขอร้องแบบนี้มันดูเป็นไปได้ยากจริงๆ

แต่เมื่อเทียบกับวิธีอื่นที่เธอคิดได้ ทำเพื่อน้องชายแล้ว เธอยอมขอร้องน้องสะใภ้ในอนาคต ยังดีกว่าไม่บอกให้ทุกคนรู้เธอน่าสงสารแค่ไหน

แม้จะต้องอัปยศอดสู ยังไงก็ยังเป็นคนกันเอง

หายใจเข้าลึกๆทีนึง หวางหนันหนันลุกไปหาหลินเสว่เอ๋อ

ในขณะเดียวกัน

หลินเสว่เอ๋อใจสับสนวุ่นวายกับเรื่องเฉินตง วัดกับการที่ไม่ได้นอนทั้งคืน กำลังทำงานอย่างใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เกิดข้อผิดพลาดมาหลายครั้งแล้ว

ตลอดช่วงเช้า เธอถูกลูกค้าร้องเรียนไปหลายครั้งแล้ว ดีที่ผู้จัดการปกป้องเธอไว้

ติ้ง!

เสียงข้อความมือถือดังขึ้น

หลินเสว่เอ๋อยึดโทรศัพท์มือถือขึ้นมายังเหม่อลอย ถึงกับตกตะลึงทันที จ้องตาโตๆ กรีดร้อง“อร้าย”เสียงดังคำนึง

เนื้อหาในข้อความคือ:รหัสบัตรธนาคารเลขท้าย3827ของคุณ ยอดเข้า5000000

มีเลข0ยาวเป็นชุดทำให้หลินเสว่เอ๋อมองจนสมองเบลอ เธอไม่แคร์ในสายตาแปลกๆของคนอื่น รีบเข้าไปในเว็บธนาคารตรวจเช็คยอดเงินของตนเอง

มียอดเงินเข้า 5 ล้านจริงๆด้วย!

โอ้พระเจ้าช่วย!

หลินเสว่เอ๋อมึนไปหมดแล้ว ทันใดนั้นเอง มีเสียงข้อความในวีแชทเธอเข้า

พอหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความที่เฉินตงส่งมา

เนื้อหาในวีแชทนั้นก็คือ:ให้เงินคุณ 5 ล้าน ตกลงหมั้นกับหวางเห้าซะ แต่คุณต้องช่วยอะไรผม 1 อย่าง!

ใบหน้าที่สะสวยของหลินเสว่เอ๋อแดงก่ำ ใจเต้นเร็วมาก

เงินจำนวนตั้ง5ล้าน ทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองไปตั้งนานแล้ว

ที่เฉินตงให้ ยอดมันมากกว่าที่บ้านหวางเห้าให้เยอะมากๆเลยแหละ!

หลินเสว่เอ๋อตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว:“เสว่เอ๋อทำเพื่อคุณเฉินได้ทุกอย่างค่ะ(รักนะ จุ๊บๆ)”

จากนั้น เธอก็รีบจัดการเรื่องธุรการให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว มือสวยเท้าคาง กำลังครุ่นคิด

เฉินตงให้เงินเธอ 5 ล้าน แม้ว่าจะต้องให้เธอช่วยอะไรบางอย่าง แต่เงินจำนวน 5 ล้านตั้งมากมายขนาดนี้ ในใจเธอคิดว่า อาจจะมีความเป็นไปได้อีกแบบนึงก็ได้นะ?

เพื่อจะพิสูจน์สิ่งนี้ หลินเสว่เอ๋อส่งข้อความไปให้เฉินตง

“คุณเฉินคะ คืนนี้คุณช่วยมาหาฉันที่บ้านได้ไหมคะ?พรุ่งนี้ฉันก็จะมาหมั้นแล้ว(น่าสงสาร)”

ในไม่นาน เฉินตงก็ส่งข้อความตอบกลับมา

“ได้!”

เห็นคำว่า“ได้” หลินเสว่เอ๋อหน้าแดงทันที สติหลุดลอยไปหมด

จริงเหมือนที่เธอทายไว้เลย!

หวางเห้าเทียบกับเงินจำนวน 5 ล้านไม่ได้เลยสักนิด แล้วในเมื่อเขายังเป็นถึงเฉินตงด้วย

คืนนี้ เธอต้องแสดงออกให้ดีๆ!

ตอนสองทุ่ม แสงไฟที่สวยงามได้เริ่มสว่างไสวขึ้น

เมื่อเฉินตงมาถึงที่บ้านหลินเสว่เอ๋อตามข้อมูลตำแหน่งที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาให้ บนโต๊ะอาหาร ถูกเสิร์ฟอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว และยังมีเทียนตั้งไว้หลายเล่ม

แสงไฟให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลายมาก มีอากาศลอยไปด้วย กลิ่นหอมฉุนมาก

เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่เห็นข้อความในวีแชทที่หลินเสว่เอ๋อส่งมา เขานึกว่าเป็นการเจรจาวางแผนเรื่องงานหมั้นวันพรุ่งนี้ ก็เลยตอบตกลงอย่างง่ายดาย

แต่เมื่อภาพเหตุการณ์ในตอนนี้……อดีตน้องสะใภ้ช่างน่าจับมาลงโทษจริง!

“คุณเฉิน เชิญนั่งค่ะ”

หลินเสว่เอ๋อสีหน้าเย้ายวนดึงดูดใจมาก เชิญเฉินตงให้นั่งที่ด้วยแววตาใสๆเป็นประกาย

พอเทไวน์แดงที่เธอเขย่าๆวนๆไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เธอก็หันไปปิดไฟทันที

ในร้านอาหารที่มืด มีเพียงแสงสว่างของแสงเทียน

เฉินตงขมวดคิ้วมองดูทุกอย่าง เขาจะไม่รู้ความต้องการของหลินเสว่เอ๋อได้ยังไง?

ทันใดนั้นเอง หลินเสว่เอ๋อดึงผ้ากันเปื้อนและเสื้อคลุมออก ภายใต้แสงไฟสลัวๆ เธอกลับใส่ชุดเดรสกระโปรงลูกไม้สีดำ หุ่นเซี๊ยะมาก

“คุณเฉินคะ เสว่เอ๋อเชิญคุณดื่มแก้วนึงค่ะ”หลินเสว่เอ๋อถือแก้วเหล้าขึ้นด้วยท่าทีที่เย้ายวนใจ พูดเสียงหวาน

มุมริมฝีปากของเฉินตงยกขึ้น ยิ้มเล็กน้อย ชนแก้วเบาๆ แล้วก็ดื่มทีเดียวหมดแก้ว

หลินเสว่เอ๋อเทเหล้าอีกครั้ง แล้วชนแก้วกับเฉินตง

เฉินตงก็ไม่เกรงกลัว ยิ้มเบาๆและดื่มหมดแก้วทุกครั้ง

ไม่มีคำพูดใดๆ และไม่มีการรับประทานอาหาร

มีเพียงเทเหล้า กับดื่มเหล้า สภาพอารมณ์ของทั้งสองคน ค่อยๆเริ่มอ่อนโยนขึ้น

เมื่อใกล้จะดื่มหมดขวด แก้มสวยๆทั้งสองข้างของหลินเสว่เอ๋อแดงก่ำ มีอาการเมานิดหน่อย เธอรวบรวมความกล้า เธอแก้วเล่าเขย่าไปมา ลุกขึ้น โดนเข้าไปหาเฉินตง

จากนั้น นั่งลงบนตักของเฉินตง

ได้ทันทีทันใดนั้น เฉินตงรู้สึกเหมือนตกเข้าไปในภวังค์แห่งความอ่อนโยน กลิ่นหอมฟุ้งจมูก ความรู้สึกในการมองเห็นได้รับผลกระทบอย่างแรง

แม้เขาจะรู้ตั้งนานแล้วว่าหลินเสว่เอ๋อวางแผนที่จะกระทำอะไรที่ไม่ดีไม่ร้าย ก็อดไม่ได้ที่จะใจหวั่นไหว

ในสายตา หลินเสว่เอ๋อหลับตาทั้งสองข้างเบาๆ ริมฝีปากแดงๆโน้มเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว……

บทที่ 19 พี่สาว พี่เป็นก็เป็นแค่ของมือสองแล้วนะ

หลินเสว่เอ๋อนอนพลิกไปพลิกมา อารมณ์เสียจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เธอนึกไม่ถึงจริงๆเลยว่า เธอแต่งตัวซะสวยมาเสิร์ฟถึงที่ แค่คำพูดประโยคเดียวของเฉินตง ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังไปแจ้งข่าวดีเพื่อขออั่งเปาเลย

เธอหลงคิดว่าตนเองสามารถควบคุมและรู้ความคิดทุกอย่างของผู้ชายทุกคน อาจจะจะใช้วิธีอะไรในการบีบบังคับให้ผู้ชายเชื่อง

แต่ว่า กับเฉินตงแล้ว เธอมีความรู้สึกพ่ายแพ้มากเป็นพิเศษ

ได้ยิ่งไปกว่านั้น การที่เธอทำดีกับเฉินตง ก็เพิ่งจะเริ่มขึ้นหลังจากคืนนั้นที่ทำการขอโทษ

แล้วก็เป็นเพราะมีคืนที่ไปทำการขอโทษนั้น เธอถึงเลือกที่จะทำดีกับเฉินตงไม่หยุด

เธอเข้าใจดีว่า ถึงแม้เธอจะเดินเข้าไปในชีวิตของเฉินตงไม่ได้ แต่ขอเพียงแค่มีการปฏิสัมพันธ์กับเฉินตง กับสภาพการเงินของเฉินตงแล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวจากเขา มันก็ยังได้มากกว่าอันที่ได้จากการแต่งงานของเธอกับหวางเห้า

เธออยากหาหวางเห้าให้มาเป็นตัวแบกรับของที่ไม่ดีเมื่อคนอื่นไม่ต้องการแล้ว แต่ถ้าหากได้จำนวนที่เยอะกว่า เธอก็ไม่ถือสาที่จะรับของที่สามารถได้มาไว้ในมือ มากสุดก็แค่หาคนที่จะมาเป็นตัวแบกรับของที่ไม่ดีเมื่อคนอื่นไม่ต้องการมาใหม่ก็ได้แล้ว

แต่ปฏิกิริยาในการตอบสนองของเฉินตง ทำให้เธออารมณ์เสียมาก!

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ เช้าของวันที่ 2 ตอนที่หลินเสว่เอ๋อได้รับสายปลุกให้ตื่นนอนจากหวางเห้า กลับไม่มีความนุ่มนวลและอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้อีก

มีเพียงความหงุดหงิดอารมณ์เสียและเสียงตะโกนพูดเสียงดัง:“หวางเห้า มาปลุกเช้าแบบนี้ คุณช่างน่ารำคาญจริงๆเลยนะ?”

“เสว่เอ๋อ ผม นี่เป็นบริการการโทรปลุกให้ตื่น ที่เรา2 คนเคยนัดกันไว้ไม่ใช่เหรอ?”หวางเห้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“ปลุกอะไรกัน?ฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนเนี่ย!”หลินเสว่เอ๋อเกาศีรษะจนผมยุ่งอย่างหงุดหงิด

“อะไรนะ?คุณไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน ผมจะขึ้นไปตอนนี้เลย เสว่เอ๋อคุณเหนื่อยขนาดนี้ งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว”หวางเห้ารู้สึกเป็นห่วง

เมื่อได้ยินคำว่า“ทำงาน”2 คำนี้ เสว่เอ๋อโมโหทันที เธอทนมามากพอแล้วกับความเป็นห่วงที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้แบบนี้

“ไม่ทำงานงั้นเหรอ?ไม่ทำงานคุณจะเลี้ยงฉันหรือไง?คุณว่างแบบนี้ คุณไปคิดเรื่องค่าสินสอดยังดีกว่า นี่เรายังจะหมั้นและแต่งงานกันอีกไหม?ถ้าคุณไม่อยากหมั้นและแต่งงานจริงๆ งั้นเราก็เลิกกันเถอะ!”

หวางเห้ารีบกล่าว:“เสว่เอ๋อคุณใจเย็นๆสิ บ้านเรากำลังคิดหาวิธีอยู่ วันหมั้นแต่งงานต้องมีค่าสินสอดพอที่จะให้คุณได้แน่นอน!”

“พวกคิดอะไรกัน?พี่เขยคุณรวยขนาดนั้น ไม่รู้หรือไง?”

ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด!

ไม่รอให้หวางเห้าพูดจบ หลินเสว่เอ๋อก็วางสายแล้ว

เธอเอาเฉินตงไม่อยู่ ถ้าหวางเห้ายังเป็นตัวรับของที่คนอื่นไม่ต้องการแล้วไม่ได้ละก็ งั้นการที่เธอคบกับหวางเห้านานขนาดนี้ คงเป็นแค่การเสียเวลาชีวิตช่วงวัยสาวเปล่าๆ?

หลินเสว่เอ๋อพักอยู่ด้านล่างของอพาร์ตเมนต์ หวางเห้าที่นั่งอยู่ในรถออดี้สีหน้างุนงง

เขาไม่รู้ว่าทำไมหลินเสว่เอ๋อถึงจู่ๆก็โมโหขนาดนี้

แต่ตอนที่หลินเสว่เอ๋อวางสายนั้น เขาก็ได้ยินคำว่า”เลิกกันเถอะ”จริงๆนี่นา

หวางเห้ากังวลสุดๆ ตาแดงพร้อมกับรีบโทรศัพท์หาคนที่บ้าน

เมื่อรับสายแล้ว เขาก็พูดกับจางซิ่วจือพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย:“แม่……เสว่เอ๋อบอกว่าจะไม่มีงานหมั้นอีก จะบอกเลิกผมแล้ว”

“เสี่ยวเห้า ลูกใจเย็นนะ เรากำลังคิดหาวิธีอยู่ไม่ใช่หรอ?”จางซิ่วจือก็กังวลแล้ว

“เป็นวิธีอะไรได้เหรอครับ?เฉินตงรวยขนาดนั้น ให้พี่สาวไปขอตรงๆเลยสิ เธอเป็นถึงพี่สาว ขนาดงานแต่งของน้องชายก็ไม่สนใจบ้างเลยหรอ?”หวางเห้าร้องพูดเสียงดัง

เพิ่งจะพูดจบ ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงของจางซิ่วจือที่ดังมาก:“อะไรนะ?เฉินตงรวยงั้นเหรอ?”

“ผมไม่สน ยังไงผมก็จะหมั้นกับเสว่เอ๋อเร็วๆนี้เลย ถ้าพวกคุณยังรวบรวมเงินไม่พอ งั้น งั้นผมจะไปตายเ!”หวางเห้าตะโกนพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย จากนั้นก็วางสายทันที

ในบ้านตระกูลหวาง

หลังจากวางสาย จางซิ่วจือก็โมโห ตาแดงไปถีบประตูห้องหวางหนันหนัน“ยัยเด็กบ้า แกจะนอนอยู่ได้?”

หวางหนันหนันหรี่ตามองจางซิ่วจือ สีหน้ามึนงง:“แม่ วันนี้ถึงวันหยุดของฉันนิคะ”

“หยุดอะไรกัน น้องชายแกจะตายอยู่แล้ว คนเป็นพี่อย่างแกยังมานอนอยู่ได้อีก?”จางซิ่วจือกระชากตัวหวางหนันหนันออกมาจากในผ้าห่มท่าทีราวกับบ้าไปแล้ว

หวางหนันหนันตกใจจนกรีดร้องออกมา ตอนแรกยังอยากขัดขืน แต่พอได้ยินว่าหวางเห้าโกรธเรื่อง ก็รีบถามดังๆอย่างร้อนใจ:“เกิดอะไรขึ้น?น้องชายเป็นอะไรไป?”

“ค่าสินสอด!เสี่ยวเห้ากับเสว่เอ๋อกำลังจะหมั้นกัน ถ้าค่าสินสอดยังไม่พอ เสว่เอ๋อก็จะเลิกกับเสี่ยวเห้า เสี่ยวเห้าก็จะฆ่าตัวตายแล้ว!”

จางซิ่วจือร้อนใจจนตบหน้าหวางหนันหนันทีนึง พูดพร้อมกับสะอื้นร้องไห้ไปด้วย:“ทำไมฉันถึงมีลูกสาวที่ไร้ประโยชน์อย่างแก ขนาดน้องชายแท้ๆยังไม่ช่วย นี่แกกำลังจะบีบบังคับให้ฉันกับพ่อแกต้องตายตามน้องชายแกไปใช่ไหม”

หวางหนันหนันตะลึง เจ็บปวดตรงใบหน้ามาก

ในดวงตาประกายไปด้วยแสงน้ำตา ตะโกนพูดอย่างเจ็บปวดทรมาน:“แต่ฉันได้คิดวิธีที่สามารถคิดได้จนทุกวิถีทางแล้ว พวกคุณยังจะให้ฉันทำยังไงอีก?”

เพียะ!

จางซิ่วจือตบหน้าหวางหนันหนันอีกทีนึง:“แกโกหกมั่ว!น้องชายแกก็บอกแล้วว่าเฉินตงรวยมาก เขามีเงินแต่แกไม่ให้เขาควักกระเป๋า และยังอยากกับเขาอีก แกจงใจทำลายชีวิตน้องชายแกใช่ไหม!”

เปรี้ยง!

หวางหนันหนันราวกับถูกฟ้าผ่า หรี่ตามองจางซิ่วจือด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

เวลานี้ ใจเธอพังทลายหมดแล้ว

ปากแดงขยับสั่น พูดพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย:“เขาไม่มีเงินแล้วจริงๆ หลังจากแต่งงาน บัตรเครดิตธนาคารของเขาอยู่ในมือฉันหมด เขามีเงินเท่าไหร่ฉันรู้หมด เงิน 2 แสนจำนวนท้ายสุดก็ให้พวกคุณแล้วนี่ ถ้าเขามีเงินจริงๆ คนเป็นพี่อย่างฉันจะไม่ช่วยเสี่ยวเห้าได้ยังไงกัน?”

“เสี่ยวเห้าบอกว่าเขารวยเขามีเงิน แสดงว่าโกหกเราหรือไง?”สติสัมปชัญญะของจางซิ่วจือไม่เหลือหมดแล้ว นั่งลงบนพื้น ร้องไห้งอแงบ่นเสียงดัง:“ชีวิตฉันช่างลำบากจริงๆเลย มีลูกสาวจะกลายเป็นของมือสอง ตอนนี้ลูกชายจะแต่งงานก็ไม่สำเร็จ ฉันจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”

“ได้ ฉันจะไปตาย!เสี่ยวเห้าจะฆ่าตัวตาย ฉันก็ตายตามไปด้วยดีกว่า!”

ทันใดนั้น จางซิ่วจือลุกขึ้นวิ่งมาออกจากห้องนอน

หวางหนันหนันตกใจจนจะเป็นบ้า รีบวิ่งออกมารั้นจางซิ่วจือไว้:“แม่……นี่แม่อยากทำอะไรโง่ๆสิ”

เวลานี้ หวางเต๋อที่ได้ยินเสียงก็วิ่งออกมา กอดจางซิ่วจืออย่างตื่นตระหนก:“งานแต่งของลูกชาย คุณจะทำเรื่องโง่ๆทำไม?”

“ขนาดลูกชายจะแต่งงานฉันยังช่วยไม่ได้เลย ลูกสาวฉันขนาดน้องชายตนเองยังไม่ช่วย คนเป็นแม่อย่างฉันตายๆไปซะยังจะดีกว่า!”

จางซิ่วจือดิ้นรนอย่างสุดแรง จนลักษณะใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด:“ฉันแต่งงานกับทางครอบครัวคุณ จนกลายมาเป็นหญิงแก่อัปลักษณ์ คนที่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ขนาดงานแต่งของลูกชายยังไม่มีปัญญาจัด!”

หวางเต๋อสีหน้าไม่ดีสุดๆ กล่าวกับหวางหนันหนันว่า:“หวางหนันหนัน ลูกจะยอมปล่อยให้แม่ของลูกตายจริงๆเหรอ?”

“หนู……”

หวางหนันหนันตะลึง ความคิดในสมองมีเพียงความว่างเปล่า

จู่ เธอก็นึกถึงเรื่องซื้อบ้าน

ไม่แน่……เฉินตงอาจจะรวยจริงๆล่ะ?

ใช่แล้ว!เขาเป็นรองประธานของไท่ติ่ง น่าจะยังมีเงินอยู่!

ใจหวางหนันหนันพังทลายจนกระทืบเท้าทีนึง ร้องไห้กล่าว:“พวกคุณพอได้แล้ว ฉันไม่ยอมให้พวกคุณตายหรอก ฉันเป็นพี่สาวของเสี่ยวเห้า ยังไงฉันก็ต้องช่วยเขา!ฉันจะไปหาเฉินตงเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปขอกับเขาเอง!”

พูดจบ เธอก็วิ่งออกไปเลย

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

หลังจากที่เฉินตงส่งอาหารเช้าไปให้แม่เรียบร้อย ก็กลับมายังห้องออฟฟิศ

การปฏิวัติย่านสลัมที่ตะวันตกของเมืองถึงแม้จะค่อยๆดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องงานก่อสร้างทุกอย่างล้วนสะเพร่าไม่ได้เลย มีบางเรื่องที่คนเป็นอย่างเขาจำเป็นต้องลงมือทำเอง

และแล้ว เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน

ก็มีสายโทรศัพท์เรียกเข้า

เฉินตงรับสายโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็พูดทันทีว่า:“คุณเฉิน ไม่ดีแล้ว อดีตภรรยาของคนมาเยี่ยมหน้าคุณที่โรงพยาบาล แม่ของคุณรู้ว่าคุณหย่ากับภรรยาแล้ว จิตใจถูกสะเทือนหนักมาก สถานการณ์อันตรายมาก กำลังทำการช่วยเหลือฉุกเฉินอยู่ คุณรีบมาเถอะ”

ปั้ง!

ร่างกายเฉินตงแข็งทื่อ ปากกาในมือถูกนิ้วโป้งของเขาหักเป็น 2 ท่อน

สายตาของเขา จู่ๆก็กลายเป็นสายตาที่มีความดุร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน

ราวกับว่าเป็นสัตว์ป่าที่จะกลืนกินมนุษย์!

บทที่ 18 ความมีเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหล

ตามข่าวที่ยี่เคอกรุ๊ปจะเข้ามาตั้งหลักปักฐาน ทำให้ดังสนั่นกันทั่วทั้งเมือง

มีกี่บ้านที่มีความสุขและมีกี่บ้านที่ไม่มีความสุข

แค่สองวัน ราคาบ้านที่ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง พุ่งสูงขึ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์

นี่เกือบจะใกล้เคียงกับที่เฉินตงคาดไว้เลย

ราคาบ้านในย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเป็นเพราะตำแหน่งและสภาพแวดล้อม ทำให้ที่นี่แตกต่างจากที่อื่นในเมืองนี้

ข่าวการเข้ามาตั้งหลักปักฐานของยี่เคอกรุ๊ป เป็นอะไรที่ทรงอิทธิพลมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ราคาบ้านของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองจะเพิ่มขึ้นถึงตำแหน่งของราคาเฉลี่ยของอสังหาริมทรัพย์

ตามที่ราคาบ้านในย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองสูงขึ้น ทำให้พนักงานไท่ติ่งที่ตื่นตระหนกในตอนแรก พ้นจากความตระหนกนั้น กระตือรือร้นขึ้น และกำลังใจสูงขึ้น บรรยากาศภายในออฟฟิศกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

เฉินตงมีความสุขที่ได้เห็นฉากดังกล่าว การได้รับชัยชนะในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ทำให้พนักงานทุกคนเห็นความสามารถของเขา ในอนาคตไท่ติ่งจะมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน

พนักงานบางคนยังสงสัยว่าทำไมเฉินตงถึงเชื่อว่าสัญญาราคาสูงเสียดฟ้าจะพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี เฉินตงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่พูดถึงประเด็นนี้เลย

วันที่สาม จากการที่คนทั้งหมดในไท่ติ่งเร่งทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

สองทุ่ม เฉินตงพาพนักงานไปที่ร้านอาหาร “ท่าเรือบี้ปอ” งานเลี้ยงฉลองได้เริ่มขึ้น เฉินตงได้ดื่มเหล้าไม่น้อย ชนแก้วกับพนักงาน ไม่ปฏิเสธพนักงานที่มาชนแก้วสักคนเลย

ตลอดสามปีที่อยู่ไท่ติ่งมา ไม่ว่าจะด้วยความสามารถของเขา หรือการเข้ากับเพื่อนร่วมงาน ล้วนได้รับการยอมรับจากพนักงานทุกคน

พนักงาน บริษัท ก็รู้ดี เหตุผลที่ไท่ติ่งสามารถรักษาสถานการณ์ที่สามารถทำกำไรได้มาโดยตลอด ฮีโร่คนที่ใหญ่ที่สุดคือรองประธานมืออาชีพในการรับมือกับข้อผิดพลาดแทน

นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนที่ไท่ติ่งเปลี่ยนเจ้าของกิจการ ทุกคนถึงอยากจะทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองไปเดิมพันสักครั้ง และเหตุที่ไม่อยากจากไปพร้อมเจ้าหลี่

ความไร้ประโยชน์ของเจ้าหลี่กับสิ่งที่เขาทำ พนักงานของบริษัทล้วนทราบดี คนโง่เท่านั้นที่เต็มใจที่จะออกไปพร้อมกับเขา

และโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นในใจของพนักงานทุกคนที่มีต่อเฉินตงเพิ่มมากขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

ยังไงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินตงก็ไม่สะทกสะท้าน และไม่เคยแสดงความตื่นตระหนกมากเกินไปเกี่ยวกับสัญญาราคาสูงของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเลย

กินและดื่มกันจนได้ที่แล้ว

เฉินตงเมาหนักมากแล้ว ต่อหน้าพนักงานที่กระตือรือร้น เขาใจกว้างควักเงินหนึ่งแสนหยวนให้กับพนักงานในบริษัทเพื่อเปลี่ยนสถานที่ในการไปสนุกต่อ จากนั้นเขาก็ออกจากร้านอาหาร”ท่าเรือบี้ปอ”

ความมึนเมาของเฉินตงลดน้อยลง เพราะลมของแม่น้ำที่พัดผ่านมา

มองไปที่แม่น้ำระยิบระยับ เขาก็ถอนหายใจออกมาเป็นกลิ่นของแอลกอฮอล์

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับจางหายไป เปลี่ยนเป็นความเศร้าโศก ดวงตาก็เริ่มแดงแล้ว

แค่ครึ่งเดือน เขาประสบกับปัญหาแม่ป่วยหนักจนอาจตายได้ หย่ากับภรรยา เพราะปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว)อย่างหวางหนันหนันได้เอาเงิน2แสนหยวนเป็นเงินจำนวนสุดท้ายสำหรับช่วยชีวิตแม่ไป เพียงเพื่อนำไปดาวน์บ้านงวดแรกสำหรับงานแต่งของน้องชายเธอ

ช่างตลกจริงๆ!

เขารักภรรยาอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายเพื่อรวบรวมเงินดาวน์บ้านแต่งงานให้น้องชายแล้ว กลับไม่สนใจชีวิตแม่ของเขาเลย

นี่ทำให้เขารู้สึกใจแทบสลาย เลยเลือกที่จะหย่ากัน

ถ้าเป็นคนอื่น ภายใต้การโจมตีไม่หยุดแบบนี้ บางทีอาจจะใจพังทลายลงตั้งนานแล้ว

แต่เขาโชคดี พ่อที่เนรคุณก็ปรากฏขึ้น ไม่เพียงแค่ช่วยแม่ ยังทำให้เขามีเงินอีก เหมือนมือใหญ่ที่ทรงพลัง สามารถเปลี่ยนเส้นทางชีวิตที่ทุกข์ยากของเขาได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการกลับมาช่วยของพ่อเขาอย่างกะทันหัน ซึ่งไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดแน่นอน แต่เขาไม่สนหรอก

เพราะผ่านประสบการณ์มากมาย ทำให้เฉินตงรู้ดีแล้ว

เงินช่างเป็นอะไรที่เหี้ยจริงๆ แต่ถ้าไม่มีเงิน ตัวเองก็ไม่ใช่อะไรเลยทั้งนั้น

ตอนนี้ดีแล้ว ชัยชนะครั้งแรกของไท่ติ่ง มอบคำตอบที่สมบูรณ์แบบให้พ่อเขา แม่ได้รับชีวิตใหม่ที่ร่างกายกำลังฟื้นตัว ในที่สุดเขาก็ได้ยกก้อนหินออกจากอก โล่งอกสักที

ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ก็นึกถึงช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา แววตาที่กำลังเมาหนักขอเฉินตง กลายเป็นดุและคม ยิ้มอย่างขมขื่น “หวางหนันหนัน ถ้าวันหนึ่งคุณรู้ ผมคนที่เคยถูกครอบครัวของคุณดูถูก หลังจากหย่ากับคุณแล้วก็มีความสามารถในการแก้ปัญหาทั้งหมดในครอบคุณได้อย่างง่ายดาย คุณจะเสียใจไหมกับเรื่องที่วันนั้นไม่สนชีวิตแม่ของผมแล้วเอาเงิน2แสนหยวนไป?”

พอเงยหน้าขึ้น เฉินตงตะลึงทันที

นี่มันตึกที่ผมกับหวางหนันหนันเช่ามาก่อนไม่ใช่เหรอ?

เดินมาที่นี่ได้ยังไง?

ขำตลกตัวเอง เฉินตงนึกขึ้นได้

ท่าเรือบี้ปอห่างจากที่นี่ไม่ไกล ถึงขนาดแต่ก่อนหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเขากับหวางหนันหนันยังไปเดินเล่นที่ท่าเรือบี้ปอและยังตากลมที่นี่อยู่เลย

ในสภาพที่มึนเมา ทำให้เขาเดินไปที่บ้านเก่าโดยอัตโนมัติ

“กลับไปไม่ได้อีกแล้ว ”เฉินตงส่ายหัว กำลังจะหันหลังแล้วเดินจากไป

“คุณเฉิน!”

เสียงที่ประหลาดใจทำให้เฉินตงหยุดเดิน “คุณอาศัยอยู่ที่นี่จริงเหรอ?”

เฉินตงขมวดคิ้ว บนใบหน้าความเย็นชา

น้องสะใภ้คนนี้ ความเจ็บครั้งนั้นยังไม่ลึกซึ้งพอเหรอ?

เขาหันไป ก็เห็นหลินเสว่เอ๋อยืนอยู่ใต้โคมไฟถนนในที่ไม่ไกล มองเขาอย่างมีความสุขแบบประหลาดใจ

หลินเสว่เอ๋อสวมชุดเดรสสีขาว เผยให้เห็นผิวที่ขาวดุจหิมะ กลับถูกลมกลางคืนพัดมาจนหนาวสั่น ร่างกายที่บอบบางก็ขดตัว

“คุณหมายความว่าอะไร?” เฉินตงตอบกลับ

หลินเสว่เอ๋อมาหาอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ขดเพราะความหนาวเย็นก็ถูกคลี่ออก ราวกับพยายามแสดงด้านที่ดีที่สุดให้เฉินตงเห็น

“หยุด!”

เฉินตงดุอย่างเย็นชา

“ทำไม?”หลินเสว่เอ๋อผงะ

“นำสัตว์ตัวน้อยของคุณเก็บไว้ ”เฉินตงหันไปด้านข้าง ไม่มองหลินเสว่เอ๋ออีก

หลินเสว่เอ๋อมองไปที่เท้าของเธอ พูดอย่างสงสัยว่า “ฉัน ฉันไม่ได้นำสัตว์ตัวน้อยมานิ”

เฉินตงถูขมับตาของเขาที่มีความเมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ กระต่าย ”

หลินเสว่เอ๋อตัวสั่น หน้าก็แดงทันที มองไปที่เฉินตงด้วยความเขินอาย “คุณเฉิน คุณนี่ร้ายมากเลยนะ”

แววตาเป็นประกายมีเสน่ห์อย่างน่าดึงดูด แล้วบิดเอวพริ้ว

เฉินตงเริ่มอารมณ์หงุดหงิด หันหลังแล้วเดินจากไป

หลินเสว่เอ๋อก็ก้าวไปข้างหน้า ดึงแขนของเขาไว้ พูดเสียงหวาน “เค้าก็แค่……อยากให้คุณได้ชม”

“ผมไม่สนใจในตัวคุณ”เฉินตงพยายามสะบัดมือของหลินเสว่เอ๋อออก

แต่หลินเสว่เอ๋อก็คว้ามือของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง มีน้ำตาในดวงตา ร้องอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ขอร้องคุณอย่าไปเลยนะ คืน คืนนี้ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาเจอคุณ”

ทันใดนั้นเฉินตงก็ขำอย่างเย็นชา “หวางเห้าก็โง่จริงๆเลย บอกที่อยู่ของผมให้กับคุณโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง คงจะเบื่อชีวิตที่มันสงบสุขเกินไป เลยอยากโดนสวมเขาหรือไงเนี่ย?”

ที่อยู่ของบ้านเช่าที่เขาและหวางหนันหนันเช่าอยู่นั้น มีน้อยคนที่รู้ ซึ่งรวมถึงคนในตระกูลหวางด้วย

ความซื่อบื้อและไร้ประโยชน์ของหวางเห้า เพียงแค่หลินเสว่เอ๋อพูดคําสองคําออกมาก็ล้วงความลับได้อย่างง่ายดาย

หลินเสว่เอ๋อในสายตาของตระกูลหวางอาจเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาที่รักนวลสงวนตัว แต่เขารู้ดีว่าที่จริงแล้วหลินเสว่เอ๋อเป็นนังชาเขียว(ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อย ใสซื่อแอ๊บแบ๊ว อ่อนต่อโลก แต่ทำตัวร่าน)ต่างหาก

เขาไม่ใช่คนที่เวลาหิวแล้วจะไม่เลือก ยิ่งไม่ใช่คนโง่ด้วย

หลินเสว่เอ๋อสีหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินตงจะพูดอะไรออกมาตรงๆเช่นนี้ พูดไม่ไว้หน้าเธอเลย

แต่เมื่อนึกถึงฐานะทางบ้านของเฉินตง แม้ว่าเฉินตงจะเช่าบ้านหลังที่ดูเก่าและเล็ก แต่บัตรพันล้านใบนั้นไม่ผิดแน่นอน

ที่เธอหาหวางเห้า ก็เพื่อให้หวางเห้าเป็นตัวรับของที่ไม่ดีต่อจากคนอื่นเมื่อคนอื่นไม่ต้องการแล้ว

แต่เฉินตงนั้นดีกว่าหวางเห้าหลายสิบล้านเท่า!

เพราะคืนนั้นเธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อขอโทษเฉินตง นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรวบรวมความกล้าที่จะมาหาเฉินตงในคืนนี้ คิดว่าจะลองพยายามเป็นครั้งสุดท้าย

แม้ว่า เธอจะรู้ว่าเฉินตงเป็นอดีตพี่เขยของหวางเห้า

ริมฝีปากแดงขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ดวงตามีน้ำตาคลอด้วย หลินเสว่เอ๋อแสดงความน่าสงสารออกมาได้อย่างเต็มที่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้ “ฉัน ฉันอาจจะหมั้นกับหวางเห้าเร็วๆนี้แล้ว ก็เลยอยากมาเจอคุณในคืนนี้ อยากเจอมากๆเลยนะคะ ”

เฉินตงสะบัดมือหลินเสว่เอ๋อออก หันหลังและเดินจากไป

“โอเค ผมรู้แล้ว งั้นผมจะนำเงินห่อซองอั่งเปาให้พวกคุณก็ได้ ”

บทที่ 17 เขาพอใจง่ายขนาดนี้เลยเหรอ

เขารู้ได้ยังไง?

หวางหนันหนันมองดูข้อความบนวีแชทของเฉินตงอย่างไม่น่าเชื่อ เหลือเพียงความคิดเดียวอยู่ในสมอง

ทันใดนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกาย เริ่มเข้าใจแล้ว

ยี่เคอกรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งในประเทศ ก่อนที่ข่าวที่จะเข้ามาตั้งหลักปักฐานที่เมืองนี้จะออกมา ก็ไม่เคยมีข่าวลืออะไรเลย

แต่ นี่เป็นเพียงคนอื่นที่พูดถึง

เฉินตงเป็นถึงรองประธาน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง!

แต่ไท่ติ่งนั้นเล็กมากเทียบไม่ได้กับยี่เคอกรุ๊ปเลยสักนิด แต่ยังไงซะก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลสูงในพื้นที่นี้ ได้รับข้อมูลก่อนที่ข่าวจะปล่อยออกมา ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ

ในเวลานี้ หวางเต๋อที่หงุดหงิดจู่ๆก็ถอนหายใจแล้วพูด :“หนันหนัน เมื่อคืนลูกควรพูดชักชวนพ่อให้มากกว่านี้ ”

หวางหนันหนันมองไปที่หวางเต๋อด้วยความประหลาดใจ

ยังไม่รอเธอพูด จางซิ่วจือก็โกรธชี้ไปที่จมูกของหวางหนันหนันและด่า

“ยัยเด็กบ้า ต้องโทษแกนั่นแหละ ต้องโทษแก! เมื่อคืนนี้ทำไมแกไม่พูดชักชวนพวกเราให้มากๆหน่อยล่ะ ถ้าเราซื้อบ้านก่อนกำหนด สินสอดแต่งงานของน้องชายแกก็คงเพียงพอแล้ว แกกำลังทำร้ายน้องชายของแกจริงๆ!”

คำพูดที่รุนแรง ทำให้ดวงตาของหวางหนันหนันแดงทันที

“คุณพ่อคุณแม่ ฉันพูดชักชวนแล้ว แต่พวกคุณไม่ฟังนิคะ……”

“เหลวไหล!”

จางซิ่วจือโบกมือขวา ขัดจังหวะการอธิบายของหวางหนันหนัน “แกเป็นลูกสาวของเรา แกชักชวนเรามากๆหน่อยทำไมเราจะไม่ฟัง?

แกมีเจตนาแกล้งแน่ แกต้องแค้นเรื่องฉันที่บังคับให้แกไปนัดบอด ตอนนี้ล่ะ โอกาสรวยก็ไม่มีแล้ว เสี่ยวเห้าที่จะแต่งงานก็ไม่สำเร็จแล้ว!”

ในขณะที่พูด เธอทรุดตัวลงบนโซฟา แล้วร้องไห้

แค่ได้ยินคำว่าแต่งงานไม่สำเร็จ หวางเห้าก็เถียงขึ้นมาทันที

“พี่ ผมเป็นน้องชายแท้ๆของพี่นะ พี่ทำแบบนี้ได้ลงคอเหรอ? ถ้าผมแต่งงานกับเสว่เอ๋อ ไม่ได้ ให้ผมตายไปยังดีกว่า !”

เสียงร้องไห้ที่วุ่นวาย ทำให้หวางหนันหนันแทบบ้าทันที

มือทั้งสองข้างเธอเกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาแดง น้ำตาคลอ

“ฉันทำอะไรผิดเนี่ย?”

ร้องไห้ไปคำเดียว หวางหนันหนันก็หันหลังและวิ่งเข้าไปในห้อง เสียงประตูห้องดัง“ปั้ง”

ทรุดลงบนเตียง กอดผ้าห่ม แล้วร้องไห้ขึ้นมา

“ทำไม ? ทำไมต้องให้ฉันต้องแบกรับทุกอย่าง? ฉันทำอะไรผิดเหรอ? ฉันเคยเตือนพวกคุณแล้ว แล้วตอนนี้ทำไมต้องมาโทษฉันอีกด้วย?”

เสียงร้องดังออกมาจากผ้าห่ม

ทันใดนั้น หวางหนันหนันก็เปิดผ้าห่มออกและลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดพึมพำด้วยเสียงร้องไห้ว่า “เฉินตง ที่คุณยอมเตือนฉัน แสดงว่าในใจยังมีฉันใช่ไหม?”

ในขณะที่พูด เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหาเฉินตง

ตุ๊ด……

เสียงโทรศัพท์ดังเพียงเสียงเดียว ก็ถูกฝั่งตรงข้ามวางสาย

หวางหนันหนันไม่ยอมตายใจและโทรต่ออีกครั้ง

เพิ่งโทรติด ก็ถูกอีกฝั่งวางสายทันที

ร่างกายของหวางหนันหนันสั่นไม่หยุด ร้องไห้และพูด เธอยังคงไม่ยอมแพ้

เธอคิดว่า ที่เฉินตงยังเตือนเธอบน วีแชทอยู่ แสดงว่าในใจยังคงมีเธออยู่แน่ๆ

เธอต้องการเฉินตง และยังต้องการให้เฉินตงมาช่วยน้องชายเธอ

เธอเปิดดูข้อความวีแชทของเฉินตง แล้วรีบส่งข้อความ: ที่คุณยังเตือนฉันได้ ในใจคุณยังมีฉันอยู่ใช่ไหม? เฉินตง ช่วยฉัน ช่วยน้องชายฉันด้วย……ถ้าเสี่ยวเห้าแต่งงานไม่ได้ เขากับแม่ฉันก็จะไปตาย คุณเป็นรองประธานในไท่ติ่งคงหาบ้านในราคาพิเศษได้ใช่ไหม?

น้ำเสียงขอร้องที่เธอใช้ เป็นน้ำเสียงที่ไม่เคยใช้มาก่อนในเวลาสามปีที่เธอแต่งงานกับเฉินตง

กริ๊ง!

สักพัก ก็ตอบกลับมา

เฉินตงตอบมาง่ายๆว่า “เกี่ยวอะไรกับผม?”

MG Club

ในชุดคลุมอาบน้ำ เจ้าหลี่ที่ใบหน้าบวมช้ำระบมไปหมดราวกับสุนัขบ้าเลย ขว้างปาของไปมั่วซั่วภายในห้อง และร้องคำรามเสียงดัง

“แม่งเอ๊ย ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้วะ?”

ปั้ง!

เก้าอี้ทุบโดนทีวี หน้าจอทีวีแตกกระจาย มีควันดำพ่นออกมา

หญิงสาวสวมชุดชีฟองที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกหวาดกลัวมาก ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง และจับศีรษะไว้

ได้ยินเสียงที่ทุบทีวีดัง ยิ่งกลัวมากขึ้นจนกรีดร้อง “อร๊าย”

เจ้าหลี่มีใบหน้าที่ดุร้ายและน่ากลัวมาก หยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วปาใส่“กูสั่งให้ออกไป!”

จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโซฟา เหมือนมีโรคฮิสทีเรีย พยักหน้าไม่หยุด และยอมรับความเป็นจริงไม่ได้

โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ไท่ติ่งเซ็นสัญญาราคาสูงด้วยราคากว่า 30 ล้านหยวนซึ่งเกินงบประมาณ ยังไงก็ถึงวาระที่ต้องล้มละลายแน่ๆ

นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขายังคงหัวเราะประชดเยาะเย้ยเฉินตงอีก หลังจากเฉินตงสั่งคนไปทุบตีเขาในเมื่อคืนนี้

ในสายตาเขา เฉินตงเป็นแค่ตัวเล่นตลกที่โง่เง่า ตั๊กแตนหลังผ่านฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมีชีวิตได้เพียงไม่กี่วัน

แต่ตอนนี้ ยี่เคอกรุ๊ปจะตั้งหลักปักฐานอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง”และมูลค่ากับผลกระทบที่สั่นสะเทือนของเนื้อหาข่าวนี้ ในฐานะอดีตผู้จัดการใหญ่ของไท่ติ่ง เขาจะไม่รู้ได้ยังไง?

เขาไม่มีความสามารถขนาดนั้นก็จริง แต่เขาไม่โง่!

ยี่เคอกรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะลงทุนในเมืองนี้จริงหรือไม่ในอนาคต เพราะเพียงแค่ปล่อยข่าวที่เหลวไหลนี้ออกมา ก็เพียงพอที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ทางตะวันตกของเมืองแล้ว

ในหลายปีนี้ อสังหาริมทรัพย์ของยี่เคอกรุ๊ปเข้าพื้นที่ไหน อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นั้นจะไม่มีคำว่าไม่พุ่งสูงขึ้น!

มีตัวทำลายล้างที่สำคัญนี้อยู่ อย่าว่าแต่ว่าตอนนั้นเขาเซ็นสัญญามูลค่ากว่า 30 ล้าน แม้จะทะลุหนึ่งร้อยล้าน ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองของเมืองมีแนวโน้มสูงขนาดนั้น พอราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น เพียงพอสำหรับให้เฉินตงพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้แล้ว!

และคำพูดที่เขาเยาะเย้ยเฉินตงเมื่อคืนนี้ ตอนนี้กลับเหมือนฝ่ามือ ที่ตบแรงๆไปที่ใบหน้าของเขา

“โชคเหรอ? ใช่ คุณแค่โชคดี เวลามีลมพายุพัดมา ขนาดหมูโง่ยังสามารถถูกพัดจนบินได้เลย มาเจอกับยี่เคอกรุ๊ปพอดี เลยทำให้หมูโง่อย่างคุณสามารถบินสูงได้เพราะลม”

หลี่ต้าเป่าพึมพำโดยไม่พอใจ จากนั้นหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออก

“ฮัลโหล พี่ ผมไม่อยากทำงานในบริษัทนี้อีกแล้ว ผมยังคงชอบทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากกว่า พี่เขยยังมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกบริษัทหนึ่งไม่ใช่เหรอ? พี่ช่วยบอกกับพี่เขย ให้ย้ายผมไปทำที่นั่นเถอะ?”

“พี่สาวผมใจดีที่สุดเลย พี่ดีกับน้องชายที่สุดแล้ว พี่ต้องช่วยผมนะครับ ”

วางสายโทรศัพท์ หลี่ต้าเป่ายิ้ม “เฉินตง หมูที่ถูกพัดจนสามารถบินได้ ผมมีพี่เขยคอยหนุนหลัง คอยดูสิ ในครั้งนี้ยังไงผมก็จะเอาคุณตายแน่!”

……

เฉินตงไม่ได้ดูข่าวท้องถิ่น หลังจากเสร็จสิ้นงานโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองแล้ว เขาก็รีบกลับบ้านเพื่อทำซุปให้แม่

ในใจเขา แม่คือทุกอย่างของเขา

ธุรกิจและเงิน เป็นเพียงเครื่องมือที่จะทำให้แม่เขามีความสุข

พอเขากลับมาจากโรงพยาบาล ผลักประตู ก็เห็นท่านหลงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา

“ท่านหลง คุณไม่ทักทายอะไรก็เข้าบ้านแล้ว มันจะเกินไปหน่อยมั้ย?”เฉินตงยิ้มแบบขำๆ

“คุณชาย กระผมอยากรีบแจ้งข่าวดีให้คุณ ”

ท่านหลงมองไปที่ดวงตาของเฉินตง เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาไม่สามารถอดกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าได้ในขณะนี้ “กระผมได้ค้นพบราคาบ้านของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเมือง ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากการเผยแพร่ข่าว บริษัททั้งหมดในทางตะวันตกของเมืองล้วนขึ้นราคาสูงเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์ทุกบริษัท!”

“แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์?”เฉินตงส่ายศีรษะอย่างไม่ค่อยพอใจ “ดูเหมือนว่าอิทธิพลของยี่เคอกรุ๊ปของคุณยังไม่มากพอนะ!”

เพราะทางตะวันตกของเมืองคือย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ทรุดโทรมและสกปรกยุ่งเหยิงมาก ราคาบ้านจึงเป็นอะไรที่ผิดปกติในเมืองนี้เสมอ การเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็เป็นเพียงการเอื้อมถึงราคาที่อยู่อาศัยปกติในเมืองนี้

ต่างกันนิดหน่อย กับสิ่งที่เขาคาดหวังไว้

“เฮ้อ คุณชาย นี่เพิ่งนานแค่ไหนเอง? ในไม่กี่วันนี้ ราคาที่อยู่อาศัยทางตะวันตกของเมืองจะต้องสูงขึ้นเรื่อยๆแน่ ”ท่านหลงหัวเราะ แล้วพูด “แต่ นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญที่สุดคือการต่อสู้ครั้งแรกของคุณชายถือได้ว่าเป็นการชนะที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คุณท่านพอใจมาก!”

“ฮ่าๆ”

เฉินตงยักคิ้วแบบขำๆ “เขาพอใจได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”ท่านหลงสีหน้าสำลัก

เฉินตงยิ้มอย่างเยาะเย้ย ระงับความหดหู่ในใจ ถือกระติกข้าวเก็บความร้อนแล้วเข้าห้องครัว “ผู้ชายที่พอใจได้ง่ายขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนั้นเขาทิ้งเราสองแม่ลูกแล้วจากไป ”

ท่านหลงจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดลง สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆทีนึง

บทที่ 16 ข่าวสำคัญ พลิกสถานการณ์ให้กลับมามีชัย

หวางหนันหนันกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง ทั้งตัวเปียกไปหมด และกระอักกระอ่วนใจมาก

เมื่อเข้าบ้าน พ่อแม่และน้องชายหวางเห้าที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ลุกขึ้นยืน

“ในที่สุดคุณก็ยอมที่จะกลับมาซะมี?”จางซิ่วจือกล่าวอย่างเคร่งขรึม แค่ให้คุณไปนัดบอด คุณยังใส่อารมณ์อีก?”

ร่างกายของหวางหนันหนันสั่น มองไปที่จางซิ่วจือด้วยความประหลาดใจ “แม่ คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

“รู้สิ เสี่ยวเห้ากลับมาก็บอกกับฉันแล้ว”

จางซิ่วจือชี้ไปที่หวางเห้า ประโยคต่อมาทำให้หวางหนันหนันน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้ “แค่สัมผัสจะทำไม? ยังไงก็แค่ไปนัดบอด ถ้าคืนนี้คุณไม่กลับมา ฉันก็รู้สึกโล่งใจ ถือว่านัดบอดสำเร็จ เราจะได้มีเงินค่าสินสอดสำหรับเสี่ยวเห้า ”

“แม่ คุณคิดว่าฉันเป็นสิ่งของเหรอ?” หวางหนันหนันร้องไห้

ใบหน้าของหวางเต๋อจมลง แล้วมองไปที่จางซิ่วจือ ต่อหน้าลูก คุณพูดเช่นนี้ทำไม?”

“ฉันเป็นคนให้กำเนิดเธอเอง ฉันจะพูดไม่ได้หรือไง?” สีหน้าจางซิ่วจือเปลี่ยน แล้วมือเท้าเอวพูด “เธอทำเรื่องนัดบอดเสียหมด แล้วเงินค่าสินสอดของเสี่ยวเห้าล่ะ?แค่ให้เธอช่วยน้องชายแค่นี้ยังทำไม่ได้ ยังจะไม่ให้ฉันพูดอีก?”

คำถามทั้งหมดนั้น ทำให้หวางเต๋อพูดอะไรไม่ออก

แต่หวางหนันหนันฟังออกว่า หวางเห้าต้องไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นในร้านอาหาร หลังจากนั้นเธอวิ่งหนีไปแล้ว หวางเห้าต้องไปฟังคำพูดของหลี่ต้าเป่าที่พยายามหลีกเลี่ยงประเด็นที่สำคัญที่สุด

แอบหงุดหงิดอยู่คนเดียว หวางหนันหนันกำลังจะอธิบาย

“พี่สาว คุณจะช่วยผมไหมนิ?”

จู่ๆหวางเห้าก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมา “ผมเป็นน้องชายของพี่นะ ถ้าพี่ช่วยผมไม่ได้ ผมกับเสว่เอ๋อก็จะแต่งงานกันไม่ได้ แล้วผมยังมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? ผมตายไปซะยังดีกว่า!”

“เสี่ยวเห้าตายไป งั้นไอ้แก่อย่างเราทั้งสองมีชีวิตไปก็ไม่มีความหมาย ตายๆไปด้วยกันซะยังจะดีกว่า!”จางซิ่วจือเห็นด้วยและเริ่มร้องไห้

วุ่นวายกันทั้งบ้าน

เมื่อเผชิญกับแม่และน้องชายที่กำลังอยากตาย หวางหนันหนันใจล่มสลาย ก้มศีรษะและนั่งยองๆบนพื้น แล้วร้องไห้เสียงดัง

“หนันหนัน พ่อขอพูดอะไรสักหน่อย ลูกดูสิแม่กับน้องชายทำถึงขนาดนี้แล้ว คนเป็นพี่สาวอย่างลูกก็กล้ำกลืนความลำบากนี้ช่วยน้องชายหน่อยเถอะ?”

หวางเต๋อกล่าวอย่างลึกซึ้งว่า:“ที่จริงลูกก็ไปนัดบอดกับหลี่ต้าเป่าแต่แรกอยู่แล้ว พ่อรู้ว่าลูกปฏิเสธเรื่องแบบนี้ แต่คนเขาอาจจะจับโดนมือโดยบังเอิญ แล้วลูกก็หนีแล้วสิ?”

“พ่อ……”หวางหนันหนันขมขื่นสุดๆ นั่นเป็นเพียงการสัมผัสจริงๆหรือ?

ถึงขนาดทำเหมือนฉันเป็นหญิงขายบริการแล้ว!

เธอก็รู้ดี ว่าเธอจะอธิบายอะไรตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เธอไม่สามารถโต้เสียงได้

ทันใดนั้น เธอนึกถึง วีแชทของเฉินตง และคิดซะว่าลองดูมันอาจจะดีก็ได้ ร้องไห้และพูดว่า” พ่อ เราไปซื้อบ้านให้เสี่ยวเห้าที่ภาคตะวันตกของเมืองดีไหม? บางทีราคาที่บ้านทางตะวันตกของเมืองสูงขึ้น จะได้มีเงินค่าสินสอดของเสี่ยวเห้าด้วย!”

สีหน้าของหวางเต๋อจมลง

จางซิ่วจือด่าทันที “ซื้อบ้านทางทิศตะวันตกของเมือง นี่แกซื่อบื้อหรือไง? ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองที่เก่าๆนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่มีแต่พวกแรงงานที่มาจากเมืองอื่น ราคาบ้านจะสูงขึ้นได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้! มีแต่คนโง่ที่จะซื้อบ้านที่นั่น!”

“พี่สาว พี่บ้าไปแล้วหรือเปล่า? ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองที่สกปรกยุ่งเหยิงนั่น เสว่เอ๋อจะตกลงให้เราซื้อบ้านที่นั่นได้อย่างไร?” หวางเห้าเห็นด้วยตาม “ผมเป็นน้องชายแท้ๆของพี่นะ พี่ก็เป็นพี่สาวแท้ๆของผม ถ้าไม่อยากช่วยผม ก็อย่าทำร้ายผมสิ?”

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหวางหนันหนัน ฟันขบริมฝีปากสีแดงของเธอแรงๆ แทบจะมีเลือดออกแล้ว

เธอรู้ดีว่าย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเป็นยังไง และยังสงสัยในความถูกต้องของข้อมูลวีแชทจากเฉินตง

แต่สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วน ราคาบ้านในย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองราคาถูก และเงินที่เหลือหลังจากซื้อบ้านสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเงินสินสอดได้

ไม่อย่างนั้น จะให้เธอทำไงล่ะ?

จะให้ไปขายตัวจริงๆหรือไง?

“พอแล้ว! สองแม่ลูกไม่จบไม่สิ้นแล้วหรือไง บ้านสงบอยู่ดีๆกลับกลายเป็นวุ่นวายทั้งบ้าน!”

หวางเต๋อไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป ตะโกนไปว่า “ไม่ได้จริงๆ เราลองคิดวิธีอื่นก็ได้แล้ว”

“นั้นคุณลองคิดมาวิธีนึงซิ? คุณก็แค่ครูสอนหนังสือ นั้นคุณควักธนบัตรจำนวนมากออกมาสิ ให้เสี่ยวเห้าของเราแต่งงานสิ? ไม่อย่างนั้น คุณจะอยากให้ไม่มีลูกหลานไว้สำหรับสืบตระกูลเลยหรือไง?”

จางซิ่วจือผลักดันหวางเต๋อ ประโยคเดียวทำให้หน้าของหวางเต๋อซีดไปเลย

หวางเต๋อเป็นครูสอนหนังสือ เชื่อในหลักเหตุผลที่ว่าความอกตัญญูมี 3 สิ่ง เรื่องไม่มีลูกหลานเป็นข้อสำคัญที่สุด การไร้สิ้นลูกหลานสำหรับสืบสกุลแบบนี้เป็นอะไรที่อึดอัดยิ่งกว่าฆ่าเขาอีก

หงุดหงิดจนดึงจับผมของเขาแรงๆ หวางเต๋อตบตัวเองแรงๆทีนึง “งั้นผม ก็กัดฟันหน้าด้านไปให้สุด ไปขอยืมกับพวกเพื่อนเก่า ยืมคนละนิดๆหน่อยๆมารวมกันยังจะไม่ครบยอดค่าสินสอดมันหรือไง?

“ยืมแล้วไม่ต้องคืนเหรอ?”จางซิ่วจือตะโกนพูดเสียงดัง

หวางหนันหนันดูซีดเซียว มองแม่ด้วยตาแดง ในขณะนี้จู่ๆเธอก็มึนๆ

ยืมมาต้องคืน?

งั้นก็ให้ลูกสาวตัวเองออกไปขายตัวงั้นเหรอ?

……

วันถัดไป หวางเต๋อออกไปยืมเงินตั้งแต่เช้า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขาหัวเสียมาก คำพูดของจางซิ่วจือสะทกสะท้านโดดจุดที่เจ็บปวดของเขา ทำให้เขาจำเป็นต้องหน้าด้านออกไปยืมเงิน

หวางหนันหนันไม่นอนทั้งคืน เพราะตาร้องไห้จนบวม เธอออกจากบ้านด้วยร่างกายที่เหนื่อยจนอ่อนแรง แล้วไปทำงาน

แต่งงานกับเฉินตงเป็นเวลาสามปี เธอไม่ได้กลายเป็นแม่บ้าน แต่ได้หางานแผนกต้อนรับส่วนหน้าของบริษัทเป็นงานที่สบายๆ ทำเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ได้3,000 หยวนต่อเดือน

ยังไงก็มีเฉินตงอยู่ดูแลทางบ้านแล้ว ค่าจ้างที่เธอได้รับล้วนเอามาเป็นค่าขนมสำหรับตนเอง

แต่ หลังจากหย่ากับเฉินตง เงินสามพันหยวนนี้เป็นรายได้ทั้งหมดของเธอแล้ว

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน หวางหนันหนันที่เดินอยู่บนถนนยังคงใจลอย มองดูผู้คนที่เดินไปมา เธอที่สะอื้นทีนึง แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโพสต์ในโซเชียลว่า ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นฉันที่เป็นคนแบกรับทุกอย่าง

สักพัก โพสต์นี้ก็มีคนกดถูกใจและคอมเมนต์ มีคำปลอบใจต่างๆ

สิ่งนี้ทำให้อารมณ์ของหวางหนันหนันสงบลงเล็กน้อย

แต่ในบริษัทไท่ติ่ง

เฉินตงเห็นที่หวางหนันหนันโพสต์ในโซเชียล ทันใดนั้นก็รู้สึกตลกเล็กน้อย

วางโทรศัพท์ลง เขามุ่งเน้นไปที่โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ในคืนนี้ก็จะปล่อยข่าวแล้ว เขาจะไม่ให้มีความผิดพลาดใด ๆ

แค่พริบตา ก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว

หลังจากวันที่วุ่นวายทุกคนก็นั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น ดูข่าวท้องถิ่น พร้อมกับเป็นการผ่อนคลายและพักร่างกายที่เหนื่อยมาทั้งวัน

“ข่าวล่าสุดของยี่เคอกรุ๊ป กำลังเตรียมจะเข้ามาตั้งหลักปักฐานที่เมืองนี้ สร้างศูนย์การค้าพลาซ่าขนาดใหญ่ของเมือง การเลือกสถานที่เริ่มต้นที่เขตย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ประเด็นและนี่จะเป็นการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง แล้วติดตามรอบๆย่านการค้าของเมือง ยี่เคอกรุ๊ปยังมีแผนรายละเอียดเพิ่มเติม อีกมากมาย สถานีนี้จะติดตามรายงานต่อไป”

ข่าวสั้น ๆนี้ กลับเป็นการปล่อยข่าวที่เป็นแก่นสำคัญๆออกมา

เหมือนลูกระเบิดขนาดใหญ่ ที่ทิ้งระเบิดทั้งเมือง

ยี่เคอกรุ๊ปนั้น ขึ้นชื่อว่าได้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ!

การจะเข้ามาตั้งหลักปักฐานของมัน ทุกคนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร

ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง……ราคาจะเพิ่มสูงขึ้น!

ตามข่าวที่ปล่อย ทำให้MG Club นั้นต้องมีเสียงกรีดร้องอย่างน่าเศร้าแน่

“แม่ง ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นแบบนี้ได้ไง? อ๊า……”

และในตระกูลหวาง

เมื่อหวางหนันหนันลากร่างกายที่อ่อนล้ากลับถึงบ้าน กลับพบว่าทั้งพ่อและแม่และหวางเห้า กำลังนั่งอยู่หน้าทีวี

ทั้งสามคนดูทีวีอย่างตั้งใจ ทั้งครอบครัวเงียบสงบ

“เกิดเรื่องอะไรเหรอ?”หวางหนันหนันถาม

จู่ๆจางซิ่วจือก็กรีดร้องขึ้นมา “ยี่เคอกรุ๊ปจะมาสร้างพลาซ่าในเมืองของพวกเรา สถานที่รับเลือกแห่งแรกอยู่ที่ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ที่นั่น……ราคาบ้านที่นั่นต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่!”

ยิ่งพูดยิ่งเครียด จางซิ่วจือหน้าเขียวไปหมด

หวางเต๋อถึงกับปิดใบหน้า ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

ถ้าพวกเขาฟังคำพูดของหวางหนันหนันเมื่อคืน เช้าวันนี้เขาคงไม่ต้องไปหายืมเงินหรอก คงไปหาซื้อบ้านที่ภาคตะวันตกของเมืองแล้ว

งั้นตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาเห็นข่าวนี้แล้ว ก็จะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกแบบนึงไปเลย

บูม!

ทันใดนั้นในสมองของหวางหนันหนันเกือบระเบิด สีหน้าเปลี่ยนไปมาก ยกมือปิดปากแทบกรี๊ดออกมา

เธอตื่นเต้นและรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดดูข้อความวีแชทของเฉินตง ทุกอักษรบนวีแชทล้วนเหมือนค้นที่ตอกลูกตาเธออย่างรุนแรง

จริงด้วย เป็นอย่างที่เขาพูดจริงด้วย? !

บทที่ 15 หักหน้าผม ก็ต้องชดใช้ผม

และเป็นการรอที่นานมาก เมื่อหวางหนันหนันกำลังจะพังทลาย ในที่สุดก็มีการตอบกลับวีแชท

กริ๊ง!

“คุณถูกคุณแม่ของคุณบังคับจริงๆ!”

ในบ้านเช่า หลังจากตอบกลับข้อความวีแชทของหวางหนันหนันแล้ว ใบหน้าของเฉินตงสีหน้าไม่ดีแบบสุดๆ รู้สึกเก็บกดความโมโหไว้มาก

เขาหรี่ตาของเขา แววตาประกายความเย็นชา ในมือขวาที่ถือโทรศัพท์ไว้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“กำลังจงใจทำให้ผมอับอายงั้นเหรอ?”

ในขณะที่กำลังพึมพำ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรให้ท่านหลง

วางสายโทรศัพท์

ดวงตาของเฉินตงลึกซึ้งมาก และกำลังตกอยู่ในความเงียบ

ใบหน้ายังคงปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็นราวกับหยาดน้ำค้าง

เขาไม่รู้ว่าหวางหนันหนันจะไปนัดบอดกับเจ้าหลี่ทำไม แต่พอเจ้าหลี่รู้ว่าหวางหนันหนันเป็นอดีตภรรยาของเขา ยังคงทำเหมือนหวางหนันหนันเป็นหญิงขายบริการอีก

นี่เป็นการทำให้เขาอัปยศอดสูชัดๆ!

เฉินตงไม่ใช่นิสัยที่เยิ่นเย้ออืดอาด ถูกคนทำให้อับอายขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ทนได้อีกหรือ?

ดูรูปภาพหน้าปกของหวางหนันหนันบนวีแชท เขาเลยตอบกลับวีแชทอีกครั้ง

“ถ้าพวกคุณยังไม่ได้ซื้อบ้านให้หวางเห้า แนะนำให้พวกคุณไปซื้อที่เมืองย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองแต่เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้ บางทีอาจจะช่วยหวางเห้าได้เก็บสินสอดที่มากพอ ”

และ เขาเชื่อว่าผ่านพรุ่งนี้ไป ราคาที่บ้านของเมืองภาคตะวันตกจะสูงขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับตลาดส่วนใหญ่ที่ส่วนใหญ่จะราคาตกต่ำลง

หลินเสว่เอ๋อขอสินสอดกับหวางเห้ามากไปก็จริง แต่ถ้าตระกูลหวางฉลาดอีกหน่อย ซื้อบ้านในย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง รอจนกว่าราคาบ้านจะสูงขึ้นแล้วค่อยขาย คงจะเก็บค่าสินสอดได้พอแล้ว

แต่ว่า หลังจากส่งข้อความวีแชทนี้ เฉินตงก็หัวเราะเยาะเย้ยตนเอง “ถ้าตามสถานะเดิมของฉันในตระกูลหวางของพวกคุณ พวกคุณอาจจะแค่ถือว่าคำพูดของผมก็เหมือนการผายลม?”

เขาขี้เกียจสนแล้ว ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทำได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่าตระกูลหวางจะไม่ฟังเขาก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าเขามีความเมตตากรุณาสุดๆแล้ว

ฝนตกหนักขึ้น

เมื่อเฉินตงเดินลงไปชั้นล่าง โรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมสีดำกำลังจอดอยู่ข้างทาง

หลังจากขึ้นรถ เฉินตงเหลือบมองไปที่ท่านหลง แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”

“คุณชาย พรุ่งนี้จะประกาศเมื่อไหร่? ”เริ่มสตาร์ทรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อม ท่านหลงถามอย่างใจเย็น แต่สายตาที่ใช้มองเฉินตงมันมีความชื่นชมมาก

สามารถคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ จากที่ที่แรกกำลังจะขาดทุนย่อยยับ กลายเป็นกำไรที่มั่นคง

ความสามารถและความกล้าหาญนี้ เพียงพอที่จะพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเฉินตงแล้ว

แม้แต่ คนในครอบครัวที่ได้รับการศึกษาระดับสูงตั้งแต่เด็ก ยังอาจไม่สามารถคิดกลอุบายแบบนี้ได้เลย

เวลามีที่พึ่งว่าจะทำการสิ่งใดก็ล้วนทำได้สบายเลย ครั้งนี้ได้รับการยืนยันโดยเฉินตงแล้ว

แต่พวกรุ่นที่อายุน้อยกว่า ก็พึ่งพาอาศัยครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโตเลย!

“ตอนเย็น ”เฉินตงยิ้ม “ทำแบบนี้ จะทำให้คนทั้งเมือง นอนไม่หลับในคืนพรุ่งนี้ไหมเนี่ย?”

ท่านหลงถึงกับผงะ แล้วหัวเราะอย่างประหลาด “คุณชาย นี้คุณก็เยาะเย้ยไปหน่อยแล้ว”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

โรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมจอดรถอยู่ข้างถนนด้านนอกคลับ

MG Club จะให้ความรู้สึกที่ประทับใจระดับไฮเอนด์กับคนตลอด ผู้ที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้ต้องรวยมาก

แต่ที่เรียกว่าระดับไฮเอนด์ นอกจากนี้ยังแสดงถึงคุณภาพและบริการระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกัน นี่ก็เป็นสาเหตุที่ดึงดูดคนที่ร่ำรวยบางคนคอยชิงดีชิงเด่นกันนอกเหนือจากพวกที่มาทำการตลาดทางธุรกิจ

เจ้าหลี่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

สามปีที่ทำงานในไท่ติ่ง เฉินตงรู้ดี ในเวลาสิบวันของเจ้าหลี่อย่างน้อยเจ็ดวันค้างคืนอยู่ใน MG Club ความถี่ในการมาที่นี่ที่สูงกว่าความถี่ในการกลับบ้านซะอีก

รอห้านาที

เฉินตงที่นั่งอยู่ในรถ แค่มองทะลุผ่านสายฝน ก็เห็นคนหลายคนที่ร่วมนำตัวเจ้าหลี่ออกมาจากMG Club

ภายใต้แสงไฟ เจ้าหลี่สวมชุดคลุมอาบน้ำ ท่าทางดูหวาดกลัว แล้วตะโกนเสียงดัง พร้อมกับดิ้นรนใหญ่เลย

แต่คนรักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าประตู ดังเพิกเฉยทั้งหมด

“ท่านหลงรอเดี๋ยวนะครับ ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ”เฉินตงลงจากรถ

พอเดินเข้าซอยด้านข้าง ข้างในสะท้อนเสียงกรีดร้องของเจ้าหลี่ที่ทั้งดังเหมือนฆ่าหมู และทั้งเสียงอู้อี้เหมือนกำลังชกต่อยกระสอบทราย

“หยุดต่อยเถอะ ขอร้องพวกคุณหยุดต่อย ผมไปยุโมโหใครมาเนี่ย? พวกคุณคือใคร?” เจ้าหลี่คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

ทั้งห้าคนที่ทุบตีก็หยุดลงเช่นกัน ล้อมรอบเจ้าหลี่ และไม่พูดอะไร

ความกดดันที่ได้รับ ทำให้คนร่างอ้วนและไขมันเยอะอย่างเจ้าหลี่ขดตัวเป็นลูกบอล และเกรงจนตัวสั่น

แต่เขา ยังคงมึนงงเหมือนเดิม

หลังจาก “นัดบอด”กับหวางหนันหนันล้มเหลวแล้ว เขาอัดอั้นความโมโหไว้ ก็เลยหันมาที่ MG Club

ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เขากำลังจะอาบน้ำ ชายที่แข็งแกร่งทั้งห้าคนด้านหน้าก็วิ่งตรงมา แล้วคลุมตัวเขาด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วนำตัวออกมาด้านนอกทันที

สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากขึ้นคือ ตั้งแต่ต้นจนปลาย ไม่เคยมีคนใน MG Club แทรกแซงเลย

มันเป็นสิ่งที่แย่มากจริงๆเลย!

เขารู้ดีว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังclubคือใคร ผู้ที่มีอำนาจขนาดนั้น ยังไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องที่สร้างความเสียหายกับชื่อเสียงของclubแบบนี้?

“คุณยั่วโมโหผม!”

เสียงที่คุ้นเคย ทำให้ร่างกายของเจ้าหลี่สั่นสะท้าน เขามองออกไปจากฝูงชนด้วยความไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองได้ยินผิด

เฉินตงผลักคนออก แล้วเดินเข้าไปตรงหน้าเจ้าหลี่ “ทำเรื่องหักหน้าผมให้ผมต้องอัปยศอดสู ก็ต้องชดใช้”

“เฉินตง?!”

ดวงตาของเจ้าหลี่กลมโต ชี้ไปที่คนที่ยืนตรงหน้าเขาทั้ง5คนด้วยความสะดุ้งตกใจ “นี่ นี่คุณเป็นคนทำ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว หันมาและพูดว่า “ให้เขาเชื่อสักหน่อย ”

ทั้งห้าคนมองไปเจ้าหลี่ทันที ทั้งต่อยและเตะ

เสียงกรีดร้องดังก้อง

ห้านาทีต่อมา ทั้งห้าคนหยุด จมูกและใบหน้าของเจ้าหลี่บวมช้ำเหมือนหมู

“ตอนนี้เชื่อยัง?”เฉินตงถาม

เจ้าหลี่พยักหน้า แต่หลังจากนั้นเขาก็คลายเลือดออกมาจากปาก แล้วยิ้ม “ฮาๆๆ……แม่งเอ๋อ กูมองคนผิดจริงๆด้วย เป็นหมาข้างกายกูมาสามปี กลับสามารถซื้อไท่ติ่งได้”

เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของไท่ติ่ง เจ้าหลี่เคยถามพี่เขย แต่สิ่งที่ได้คือความลับที่ไม่พูดอะไรเลยจากพี่เขย

แต่ เขารู้กำลังความสามารถของเฉินตงดี เป็นไปไม่ได้ที่เฉินตงจะซื้อกิจการไท่ติ่ง แต่ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญที่มองเห็นความสามารถของเฉินตงหมาตัวนี้ มีการสนับสนุนแบบลับๆ มันก็สมเหตุสมผล

เฉินตงมองไปที่เจ้าหลี่อย่างไม่แยแส แล้วไม่พูดอะไร

เจ้าหลี่กวาดตามองไปที่ผู้คนรอบ ๆ แล้วยิ้ม “หมาก็คือหมา แค่เพิ่งจะพลิกตัว ก็พูดเสียงใหญ่แล้ว ต้องใช้เงินจำนวนมากในการจ้างบอดี้การ์ดทั้งห้าคนนี้ใช่ไหม? แกนี่มันหลงตัวเองดีจริงๆเลย!”

ในขณะที่พูด เขาชี้ไปที่ห้าคน แล้วยิ้ม “พวกคุณ เป็นหมาให้กับไอ้โง่เง่าเต่าตุ่นนี่? เขาให้พวกคุณเท่าไหร่ กูให้เงินพวกคุณสองเท่า เอามันให้ตายเลย!”

“อย่ามาโทษว่าผมไม่เตือนคุณ ภรรยาของไอ้นี่มันออกมาขายตัวแล้ว บริษัทไท่ติ่งที่เขารับมือต่อ ถูกกูเซ็นสัญญาราคาสูงไว้ จะล้มละลายเร็ว ๆ นี้ พวกคุณไปกับเขา ระวังไม่ได้แม้แต่เงินเดือนล่ะ!”

“ผมกับหวางหนันหนันหย่ากันแล้ว แต่คุณใช้เธอเป็นเครื่องมือในการหักหน้าผมทำให้ผมอัปยศอดสู นี่ก็แปลว่าคุณสมควรตาย!”

ดวงตาของเฉินตงประกายความเยือกเย็น และพูดอย่างเย็นชา “นอกจากนี้ คนไร้ประโยชน์อย่างคุณ คงจะคิดว่าไท่ติ่งต้องล้มละลายแน่ แต่ผมบอกคุณก่อน มีผมเฉินตงอยู่ ไท่ติ่งจะมีแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!”

เจ้าหลี่ตกตะลึง

เฉินตงเพิกเฉย ลุกขึ้นและจากไป

ด้านหลัง เจ้าหลี่ได้สติ ก็หัวเราะเสียงดัง “ฮาๆๆ……แกนี่มันน่าขำจริงๆ สัญญาราคาสูงที่ขาดทุนไป30ล้าน แกนึกว่าแกเป็นพระเจ้าที่สามารถพลิกผันโชคชะตาจากร้ายกลายเป็นดีได้งั้นเหรอ? แกตายแน่! แกคอยดูกูไว้ รอไท่ติ่งแกล้มละลาย ตอนแกกลายเป็นหมาข้างถนน กูจะหาคนมาตีขาแกให้หัก ให้แกรู้สึกว่าตายซะยังดีกว่ามีชีวิตอยู่!”

เฉินตงยิ้มอย่างเหยียดหยาม เมื่อถึงพรุ่งนี้ ก็จะรู้ว่าผมสามารถพลิกผันโชคชะตาจากร้ายกลายเป็นดีได้มั้ย !

บทที่ 14 เฉินตง ฉันต้องการคุณ

ค่ำคืนที่มีลมเย็นเล็กน้อย

บนท้องฟ้ามีฝนตกลงมาปรอยๆ

หวางหนันหนันมองโทรศัพท์อย่างใจลอย ข้อความตอบกลับของเฉินตงราวกับมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอ

“พี่ เข้าไปเถอะ คนเขากำลังคอยอยู่นะ ”หวางเห้าไม่รู้เรื่องที่คุยวีแชท กล่าวเร่ง

หวางหนันหนันยกมือขึ้น ปาดน้ำตาที่คลอเบ้าหน้า เดินไปทิศทางร้านอาหาร ค่อยเงยหน้าขึ้นมองฝนที่ตกลงมาจากฟ้า ยิ้มอย่างสิ้นหวัง:“สุดท้ายแล้ว ฉันต้องเป็นคนแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเองคนเดียวเหรอ?”

ภายในร้านอาหารมืดหน่อย

แสงไฟสลัวๆ บวกกับเสียงดนตรีที่ผ่อนคลาย ทำให้ร้านอาหารกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะและดีมากในการนัดเจอกันของคู่รักต่างๆ

ตรงมุมห้อง เจ้าหลี่นั่งบนโซฟาอย่างเนือยๆ คอยจัดเส้นผมบนศีรษะที่ล้าน มองรูปถ่ายหวางหนันหนัน และปลีกรอยยิ้มหื่นๆออกมา

อายุเขาก็ขนาดนี้แล้ว แต่งงานตอนนี้ถือว่าเป็นแต่งงานตอนสูงวัยที่ช้าสุดแล้ว

แต่เขาไม่ถือสาเรื่องนี้ และไม่อยากแต่งงานด้วย เพราะเขายังเล่นสนุกไม่พอเลย

พี่สาวของเขาแต่งงานกับพี่เขยที่ร่ำรวย การช่วยเหลือของพี่สาวและพี่เขย ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายมาก

เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ในไท่ติ่ง เขาใช้อำนาจตรงนี้ มีความสัมพันธ์ลับๆกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหญิงจำนวนไม่น้อยเลย ถึงแม้ไท่ติ่งจะถูกที่เคยขายไปแล้ว เขาก็ปิดบังเรื่องสัญญาราคาสูงกับพี่เขยเขา ต่อมาวันนึงก็ไปเป็นตำแหน่งระดับผู้ดูแลในอีกบริษัทของพี่เขยอีก

การแต่งงานก็หมายถึงต้องมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งๆเขาสามารถเล่นสนุกกับผู้หญิงได้โดยไม่ต้องคิดอะไร แล้วทำไมต้องหยุดที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว แล้วเสียโอกาสที่จะได้เล่นกับผู้หญิงหลายคนล่ะ?

ที่รับปากมานัดดูตัวในคืนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขาเห็นผู้หญิงในรูปสวยเร้าใจมากพอ ก็เลยคิดแผนอะไรบางอย่าง

ถ้าสามารถใช้เงิน สนุกได้คืนนึง ทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ?

“สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณคือคุณหลี่หรือเปล่า?”

หวางหนันหนันเลิกคิ้วมองเจ้าหลี่ที่อยู่ด้านหน้า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง

อายุมาก ศีรษะล้าน รูปร่างหน้าตาห่วยสุดๆ เมื่อกี้เธอยังเห็นกับตาว่าเจ้าหลี่มองรูปภาพของเธอด้วยท่าทีและรอยยิ้มแบบนั้น

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้า เป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องบนของเฉินตง

ที่กล่าวมาทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นอะไรที่เธอปฏิเสธทั้งนั้นเลย

“คุณคือหวางหนันหนันเหรอครับ?”เจ้าหลี่เห็นหวางหนันหนัน ก็เบิกตากว้างคิดอะไรเพ้อเจ้อในทันที

หวางหนันหนันช่างสวยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาดูอายุ ล้วนแล้วเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมสุดๆไปเลย

แต่ว่า เจ้าหลี่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และเก้าอี้ออกมาให้หวางหนันหนันอย่างสุภาพ:“คุณหวางเชิญนั่งครับ”

ใบหน้าสวยๆของหวางหนันหนันเย็นชา นั่งลงและตอบกลับไปเบาๆว่า“ขอบคุณ”

กับจุดนี้ เจ้าหลี่ไม่ถือสาเลยสักนิด หลังจากนั่งลงพร้อมกับรอยยิ้ม:“ผมแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อหลี่ต้าเป่า ตัวจริงคุณหวางสวยกว่าในรูปเยอะเลยนะครับ”

หวางหนันหนันยิ้มตามมารยาท

ปั้ง!

เจ้าหลี่ดีดนิ้ว:“พนักงานครับ สั่งอาหาร”

หลังจากรับเมนูอาหารจากมือของพนักงานเสิร์ฟ เขาก็นำเมนูอาหารยื่นให้ตรงหน้ากับหวางหนันหนัน จากนั้นก็ให้พนักงานถอยก่อน

“คุณหวางชอบทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ ผมเลี้ยง”

หวางหนันหนันถือเมนูอาหารขึ้นมา ไม่มีกระจัดกระจายในการสั่งอาหาร เพียงแค่ดูไปงั้นๆ เธอแค่ไม่อยากมองใบหน้าที่ทั้งแก่ทั้งเลี่ยนทั้งหื่นกามของเจ้าหลี่ ในขณะเดียวกันก็กำลังคิดแผนการว่าจะเอาตัวรอดยังไงดี

ทันใดนั้น เบอร์ใหญ่ข้างนึงสัมผัสมาที่หลังมือของหวางหนันหนัน

หวางหนันหนันตัวสั่น ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน รีบถอยพิงด้านหลัง:“คุณหลี่ นี่คุณจะทำอะไรคะ?”

“มือของคุณหวางนี่ ทั้งขาวนุ่มและเรียบเนียนจริงๆเลยนะครับ”เจ้าหลี่ยิ้มแบบหื่นกามและเอามือขวากลับ และยังเอามาดมดูตรงปลายจมูกอีกด้วย ไม่สนใจในเสียงร้องที่ตกใจของหวางหนันหนัน ตั้งแต่กลับยักคิ้ว แล้วพูดว่า:“ว่ามาสิ จะเอาเท่าไหร่?”

“อะไรนะ?!”

หวางหนันหนันตกตะลึง

“บอกราคามาเลย!”เจ้าหลี่ขี้เกียจจะแกล้งอีกต่อไปแล้ว“คืนนี้ผมต้องได้ตัวคุณ!”

บูม!

หวางหนันหนันสีหน้าซีดเซียว ราวกับถูกฟ้าผ่า

นี่เป็นการนัดดูตัวไม่ใช่เหรอ?

มีความรู้สึกที่โดนดูถูกอย่างรุนแรง

เธอนำเมนูอาหารฟาดลงบนโต๊ะ“ปั้ง” กล่าวอย่างเย็นเยือก:“คุณหลี่ คุณกำลังดูถูกเหยียดหยามฉันเหรอคะ?ถ้าคุณมาเพื่อสิ่งนี้ ฉันคิดว่าการนัดดูตัวในครั้งนี้ก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก”

“อย่าแกล้งเป็นผู้ดีไปหน่อยเลยนะ แกคิดว่าที่กูเรียกมึงว่าคุณหวาง นั่นเป็นเพราะมารยาทงั้นหรอ?”เจ้าหลี่ยิ้มแปลกแปลก ไม่ปิดบังสายตาที่รุกรานร่างกายหวางหนันหนันเลยสักนิด

หวางหนันหนันนึกอะไรออกมาได้ทันที คำว่าคุณในคุณหวาง……..ยังมีอีกความหมายนึง!(คำว่าคุณสำหรับผู้หญิงในภาษาจีนยังมีอีกความหมายหนึ่งคือหญิงขายบริการ)!

สีหน้าของเธอเยือกเย็นสุดๆ ความโกรธผุดขึ้นมาทันที

“ผู้หญิงอย่างคุณ กูเจอมาเยอะแล้ว ใช้ในนามของการนัดดูตัว แต่เรื่องที่ทำจริงคิดว่าผมไม่รู้หรอ?”

เจ้าหลี่ยิ้มพูดเองเออเองอยู่คนเดียว:“ไอ้คนนามสกุลจางนั่นเป็นแม่เล้านำเด็กขายบริการทางเพศสินะ?โอ้พระเจ้าช่วย ตอนที่เธอแนะนำคุณให้ผม ทุกประโยคนั้นต้องมีคำว่าเงินอยู่ด้วย ชักอยากจะให้รีบๆจ่ายเงิน เธอจะได้รีบนำตัวคุณไปส่งบ้านผมซะเลย อย่างนี้แล้ว คุณยังจะแกล้งทำตัวเป็นผู้ดีอีกทำไมล่ะ?”

ใบหน้าที่สะสวยของหวางหนันหนันเปลี่ยนสีหน้าทันที ดวงตาโมโหเหมือนกับว่ากำลังจะพ่นควันออกมาเลย

แม่แนะนำอะไรยังไงกันแน่เนี่ย?

ฉันเป็นลูกสาวเธอนะ!เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง?

เวลานี้ หวางหนันหนันเจ็บปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด ความคิดในสมองว่างเปล่าไปหมด

“ขอโทษนะคะ ฉันขอตัวก่อน”สติสัมปชัญญะที่ยังเหลืออยู่ ทำให้เธอทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างเย็นเยือกและหันหน้าจะเดินจากไป

แต่ว่า…

จู่ๆเจ้าหลี่ก็อารมณ์ขึ้น จับแขนหวางหนันหนัน และดึงตัวหวางหนันหนันเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน:“จัดไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?เหยื่อที่ผมจดจ่อไว้แล้ว คุณยังอยากจะหนีอีก?”

“อร้าย!ปล่อยฉันนะ”

หวางหนันหนันตกใจสุดๆ เธอๆในสมองก็นึกถึงเฉินตง กรีดร้องเสียงดัง:“หลี่ต้าเป่า ฉันเป็นภรรยาของเฉินตงที่ทำงานอยู่ในบริษัทคนนะ!”

“หยุดร้องได้แล้ว เธอจะหยิ่งอะไรกันนักหนา?ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ?”

เจ้าหลี่ยังคงไม่ปล่อย เมื่อได้ยินว่าหวางหนันหนันเป็นภรรยาของเฉินตง ก็กระปรี้กระเปร่าทันที แววตาเป็นประกาย:“ดีเลย เฉินตงเนี่ยนะจะกล้ามาเอาเรื่องผม ภรรยาของเขาทำเรื่องแบบนี้ เขากำลังถูกสวมเขาแล้วละสิ?”

ก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหวางหนันหนันเยอะ และเฉินตงทำงานในไท่ติ่ง3ปี หวางหนันหนันก็ไม่เคยไปบริษัทเลย เจ้าหลี่ก็เลยไม่รู้จักหวางหนันหนันเลยด้วยซ้ำ

แต่ว่า ตอนนี้มีความเกี่ยวข้องกับเฉินตง ทำให้เขายิ่งมั่นใจในความคิดที่จะต้องได้หวางหนันหนันในคืนนี้ให้ได้

น่าจะมีความรู้สึกที่พิเศษไปเลยล่ะ?

นี่ก็ถือเป็นการแก้แค้นเฉินตงด้วย!

เจ้าหลี่ยิ้มอย่างลามกหื่นกาม มือล้วงกระเป๋าควักธนบัตรออกมา3ปึกหนาๆ ฟาดลงในอ้อมแขนหวางหนันหนัน:“นี่เป็นเงิน 3หมื่น ผมให้คุณหมดเลย!”

“ไอ้สารเลว ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”

หวางหนันหนันโมโหสุดๆ ดิ้นรนจนลักษณะใบหน้าบิดเบี้ยว นำธนบัตรฟาดลงบนหน้าเจ้าหลี่แรงๆ

การถูกเหยียดหยาม และความโมโห ความรู้สึกขมขื่นทั้งหมด ได้ถูกระบายออกมาทีเดียว

เจ้าหลี่ไม่ทันตั้งตัว โดนธนบัตร 3 ปึกฟาดที่ใบหน้า ร้อง“โอ๊ย”คำนึง เดินเซถอย พร้อมกับปล่อยหวางหนันหนัน

หวางหนันหนันร้องไห้ใหญ่ วิ่งออกจากโรงแรม ภายใต้การมองของผู้คน

ภายในรถออดี้ หวางเห้าที่กำลังเล่น ROV อยู่เลยหน้าขึ้นก็เห็นหวางหนันหนันวิ่งร้องไห้ออกมา ก็ตะลึงทันที

เขารีบลงจากรถ พุ่งเข้าไปหา:“พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“อย่ามาเดินตามฉัน!”

หวางหนันหนันร้องอย่างเจ็บปวดๆเสียงดัง แล้ววิ่งจากไป เหลือเพียงหวางเห้าที่สีหน้างุนงง

ฝนตกหนักขึ้น และมีเสียงฟ้าร้องเป็นพักไม่หยุด

หวางหนันหนันวิ่งพร้อมกับร้องไห้ตลอดทาง ถึงแม้ทั้งตัวจะเปียกไปหมด มอมแมมมาก

เรื่องทุกอย่างในคืนนี้ ทำให้เธอถูกเหยียดหยาม ทำลายความมั่นใจและความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอ ทำให้เธอสิ้นหวังจนอยากฆ่าตัวตาย

ในที่สุด เธอวิ่งจนเหนื่อย แล้วนั่งลงริมถนน

แลมองถนนที่ว่างเปล่า จู่ๆเธอก็ไม่รู้จะไปไหนดี เรากลับว่าได้ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับฝันร้ายเมื่อกี้นี้ผุดขึ้นมาในสมอง คำพูดของหลี่ต้าเป่า ราวกับมือใหญ่ ที่กระชากเสื้อภายนอกที่เย่อหยิ่งเธอออก แล้วนำตัวเธอมาโชว์ท่ามกลางผู้คนมากมาย

ทันใดนั้น แววตาของเธอก็มีชีวิตชีวาขึ้นนักน้อย

รีบพักผ่อนโทรศัพท์ออกมา โทรหาเฉินตง

ตื้ด……

เสียงโทรศัพท์เพิ่งจะดังขึ้น กลับถูกอีกฝ่ายตัดสายทิ้ง

หวางหนันหนันให้ตายใจ ยังคงโทรศัพท์ไปอีก แต่พอดังได้แค่ครั้งเดียวก็ถูกตัดสายอีกครั้ง

เมื่อโทรซ้ำไปหลายครั้ง หวางหนันหนันที่น้ำตาเต็มเบ้าลูกตาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หาวีแชทของเฉินตง ส่งข้อความไป

“เฉินตง!คุณจะใจร้ายใจดำขนาดนี้เลยเหรอ?ยังไงเราก็เคยเป็นสามีภรรยากันครั้งหนึ่ง คุณไม่มีความกล้าในการรับสายของฉันเลยหรือไง?ฉันต้องการคุณ ฉันอยากให้คุณช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย!”

หลังจากรอประมาณ 5 นาที ยังคงไม่มีข้อความตอบกลับในวีแชท

หวางหนันหนันสะอื้นร้องไห้ไม่หยุด ร่างกายหนาวสั่น ข่มขืนสุดๆ เริ่มมองหน้าจอโทรศัพท์ กัดฟันส่งข้อความไปอีกครั้ง

“มาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?รับสายฉันหน่อยก็ได้นะ คุณรู้ไหมว่าคนที่นัดดูตัวกับฉันคือใคร? เป็นหลี่ต้าเป่าผู้จัดการใหญ่บริษัทคุณ เขาหยามใจฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นหญิงสาวที่บริการทางเพศ!”

“ฉันขอร้องคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม ตอนนี้ฉันอยู่บนถนนใหญ่ ไม่รู้จะไปไหนดีแล้ว ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่ คุณจะไม่ยอมทนให้ฉันถูกลมที่หนาวเย็นพัดตัวใช่ไหม?ฉันต้องการคุณ ขอเพียงแค่คุณมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน คืนนี้ฉันยังเป็นของคุณ”

บทที่ 13 แม่คุณเป็นคนบังคับ ผมไม่ได้เป็นคนบังคับ

หลังเลิกงานตอนค่ำ

เฉินตงก็รีบกลับบ้านอย่างรีบเร่ง หลังจากต้มน้ำซุปเสร็จ ก็รีบกลับไปยังโรงพยาบาลลี่จิง

พ่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องผู้ป่วย ก็เจอกับคุณหมอจางกับหมอท่านอื่นออกมาจากห้องตรวจพอดี

เมื่อเห็นเฉินตง คุณหมอจางก็โบกมือให้เพื่อนว่างงานออกไปก่อน จากนั้นก็เดินก้าวใหญ่เข้ามา ยิ้มกล่าวว่า:“คุณเฉินช่างกตัญญูจริงๆ ทำกับข้าวมันต้มน้ำซุปให้แม่ของคุณทุกวันเลย”

เฉินตงยิ้ม กล่าว:“คุณหมอจาง อาการแม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ท่านฟื้นสภาพได้ดีมาก อีกไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ว่าการปลูกถ่ายตับจะมีช่วงอันตรายที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ในระยะสั้นก็ครึ่งปี ถ้าระยะยาวก็เป็นปี ถ้าผ่านพ้นไปด้วยดีซึ่งนับได้ว่าหายดีแล้ว”

คำพูดของคุณหมอจาง ทำให้เฉินตงรู้สึกเจ็บที่หัวใจ ทันใดนั้นคุณหมอจางก็ยิ้มกล่าวอีกว่า:“แต่ว่าคุณเฉินสบายใจได้เลย ท่านหลงได้กำชับไว้แล้ว ทางโรงพยาบาลจะช่วยรักษาแม่ของคุณให้หายดีอย่างสุดความสามารถ”

“ขอบคุณคุณหมอจากมากเลยนะครับ”เฉินตงกล่าวขอบคุณ

ถึงแม้ถ้าไม่มีท่านหลง เขาก็นับถือในคุณธรรมจริยธรรมของคุณหมอเฉินมาก กับการรักษาคุณแม่เมื่อไหร่ปีมานี้

“คุณเฉินเกรงใจเกินไปแล้ว แต่ว่าอาการของท่านในตอนนี้ ต้องห้ามได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจแม้แต่น้อย อารมณ์ต้องอย่าโมโหมาก สิ่งนี้ก็เคยพูดกับคุณเฉินไว้แล้วเมื่อครั้งก่อน ขอให้คุณเฉินระวังเรื่องพวกนี้ให้มากๆนะครับ”

คุณหมอจางยิ้มโบกมือ มองไปที่ห้องผู้ป่วยถ้าที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดที่จะเอ่ยพูด สุดท้ายก็ยิ้มกับเฉินตงอย่างแปลกๆ:“งั้นผมขอตัวไปตรวจห้องก่อนนะครับ”

เฉินตงมองคุณหมอจางที่เดินออกไปทีนึงอย่างรู้สึกสงสัย

เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เฉินตงหยุดชะงัก

จู่ๆเขาก็เข้าใจว่าที่คุณหมอจางกำลังจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลงไม่พูดนั่นเพราะอะไร

ในสายตาที่มองไป เห็นคุณแม่กำลังนอนบนเตียงผู้ป่วยใบหน้าที่พร้อมวางยังคงมีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น

นั่นข้างเตียงผู้ป่วย มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่ง ก้มหน้าปอกเปลือกลูกแอปเปิล

“หลินเสว่เอ๋อ คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เฉินตงเลิกคิ้ว

“คุณเฉิน คุณมาแล้วเหรอ?”

หลินเสว่เอ๋อเงยหน้าขึ้นมองเฉินตง ยิ้มอย่างสวยงาม :“ฉันเห็นคุณบอกว่าคุณป้าป่วยไงล่ะ?ก็เลยมาเยี่ยมคุณป้าหลังเลิกงานสักหน่อย”

พูดจบ ยังหั่นแอปเปิลให้คุณแม่ของเฉินตงอย่างสนิทสนม

เฉินตงมองกระติกข้าวเก็บความร้อนที่วางด้านบนตู้ที่อยู่ด้านข้างทีนึง ก็มีความเย็นชาเล็กน้อย

เขาไม่คิดเลยว่าหลินเสว่เอ๋อจะเล่นแบบนี้

ด้านหนึ่งคอยวางแผนเรื่องหวางเห้า อีกด้านก็วิ่งมา เยี่ยมแม่ของเขาถึงที่นี่ นี่มันอยู่ในสถานการณ์อะไรกัน?

“เสี่ยวตง คุณหลินดีมากเลยนะ”คุณแม่หลี่หลานมองเฉินตง สายตามองไปด้านหลังแล้วกล่าว:“หนันหนันล่ะ?”

เนื่องจากเพิ่งจะตื่นจากการผ่าตัดเสร็จไม่นาน น้ำเสียงของคุณแม่ยังคงไม่มีแรงเหมือนเดิม และสีหน้าก็ดูซีดเซียวมากด้วย

ใจเฉินตงเจ็บปวดมาก อาการของคุณแม่ในตอนนี้ คงทนไม่ไหวกับการสะเทือนอารมณ์แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ที่คุณแม่ฟื้นมา เขาก็ปิดบังเรื่องหย่าเอาไว้ คิดว่ารอให้อาการของคุณแม่ดีแล้วค่อยบอกเรื่องนี้

แต่ว่า เฉินตงไม่ได้ตอบกลับไปทันที แต่กลับมองหลินเสว่เอ๋อทีนึงอย่างเยือกเย็น

หลินเสว่เอ๋อเต้นถึงสะใภ้ที่กำลังจะแต่งงานกับคนในตระกูลหวาง เธอยังวิ่งมาเยี่ยมแม่ของเขาในโรงพยาบาลได้เลย แล้วยังจะพูดอะไรมากอีกล่ะ?

หลินเสว่เอ๋อเหมือนจะรู้ถึงความคิดของเฉินตง จึงยิ้มใส่หน้าเล็กน้อย

เฉินตงวางใจแล้ว ถึงยิ้มกล่าวอธิบาย

“แม่ครับ ช่วงนี้หนันหนันยุ่งมากหน่อย ก็เลยไม่มีเวลาว่างสักที รอให้อาการของคุณแม่ดีขึ้นสามารถกลับบ้านได้แล้ว ก็จะได้เจอกันแล้วใช่ไหมล่ะ?”

“ก็ได้”หลี่หลานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กัดแอปเปิลกินเบาๆ

“ แม่ครับ แม่พักผ่อนก่อนนะครับ ผมมีอะไรจะคุยกับคุณหลิน”

เฉินตงเดินไปด้านหน้าหลินเสว่เอ๋ออย่างรวดเร็ว เรื่องคานของเธอกระชากให้ลุกขึ้น:“รบกวนคุณออกมากับผมหน่อย”

“โอ๊ย คุณทำฉันเจ็บแล้วนะ”หลินเสว่เอ๋อสำออยแกล้งทำเป็นเจ็บ

หลี่หลานขมวดคิ้ว:“เสี่ยวตง คุณหลินมาเยี่ยมแม่ เป็นแขกนะ ลูกทำแบบนี้มันไม่เหมาะ พี่ขอโทษซะ

“อิอิ ขอบคุณค่ะคุณป้า”หลินเสว่เอ๋อยิ้มพูดกับหลี่หลาน สีหน้าเอาใจมาก

พอหันหน้าไปอีกฝั่ง ในขณะที่เธอเห็นใบหน้าที่กำลังควบคุมความโมโหไว้ของเฉินตง เธอแลบลิ้นทีนึง:“เอาล่ะๆ ฉันเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่ถือสาอะไรคุณก็ได้”

พูดจบ เธอหันหน้าไปกำชับหลี่หลาน:“คุณป้าคะ คุณป้าต้องพักผ่อนให้ดีๆ แล้วหนูจะมาเยี่ยมคุณป้าใหม่นะคะ”

จากนั้นจึงค่อยเดินตามเฉินตงออกจากห้องผู้ป่วย

“หมายความว่ายังไง?”

ยืนอยู่หน้าระเบียง เฉินตงกล่าวไถ่ถามไปตรงๆ

“ฉันก็แค่รู้ว่าคุณป้าไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยมคุณป้าไม่ได้หรือไง?”หลินเสว่เอ๋อที่ยิ้มเล่นเมื่อกี้นี้จู่ๆก็แสดงสีหน้าที่ดูน่าสงสาร ถึงขั้นดวงตาประกายไปด้วยน้ำตา:“ทำไม?ฉันทำดีคุณกลับไม่เห็นค่า?งั้นคุณมาแหย่ฉันทำไม?”

เฉินตงปวดหัวเลยทีนี้

เขาทำมือห้ามอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย:“เชิญคุณไปซะ ต่อไปไม่ต้องมาเยี่ยมแม่ผมอีก”

“ไม่!”หลินเสว่เอ๋อส่ายศีรษะ กล่าวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ:“ถ้าคุณไม่ให้ฉันมาเยี่ยมคุณป้า ฉันจะนำเรื่องที่คุณหย่าแล้วไปบอกให้คุณป้าฟัง”

ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ เธอมีความสามารถในการใช้แผนของตน และรู้ถึงความคิดของผู้ชายดี ยิ่งรู้ว่าจะใช้วิธีอะไรเพื่อคุมผู้ชายคนนึงให้อยู่

ไม่งั้นก็คงจะไม่หันมาเยี่ยมแม่ของเฉินตงแทน หลังจากถูกเฉินตงเมินใส่

“นี่คุณกำลังคุกคามผมเหรอ?”เฉินตงสีหน้าบูดบึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความดุ

“ใช่ ฉันกำลังคุกคามคุณ อยากแก้แค้นฉันมั้ยล่ะ?”หลินเสว่เอ๋อยิ้มอ่อย สายตาประกายความน่าค้นหาและมีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก ในขณะเดียวกันยังยกมือขวาขึ้น ใช้นิ้วชี้กดหน้าอกขอเฉินตงเบาๆ

เฉินตงเดินถอยหลังก้าวหนึ่ง:“ผม บอกว่าไปให้พ้นซะ!”

หลินเสว่เอ๋อหยุดยิ้ม ไม่นึกว่าเฉินตงจะปฏิเสธทันทีทันใดแบบนี้

นี่มันคนละคนกับเฉินตงในคืนนั้นชัดๆ ไม่เหมือนคนคนเดียวกันสักนิด!

เธอเป็นผู้หญิงฉลาด หรือว่าควรหยุดในระดับที่เหมาะสม

หายใจเข้าลึกๆทีนึง หลินเสว่เอ๋อดึงมือขวากลับมา ใบหน้าสวยไปที่ประกายความน่าค้นหาและมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากกลับกลายเป็นยิ้มอย่างสุภาพ

“ก็ได้ ถ้าฉันกลับล่ะ คุณสบายใจได้เลย เรื่องที่คุณหย่าฉันไม่บอกให้คุณป้าหรอก ฉันไม่ได้โง่แบบนั้น ถึงได้พูดอะไรที่สะเทือนจิตใจเธอในตอนนี้”

แลดูหลินเสว่เอ๋อที่เดินจากไป เฉินตงสับสนวุ่นวายใจมาก

แม่คือทุกอย่างในชีวิตของเขา

เขาจะไม่ยอมให้หลินเสว่เอ๋อเข้าใกล้แม่เด็ดขาด

หลินเสว่เอ๋อไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาต้องการ และการที่หลินเสว่เอ๋ออยู่ข้างกายคุณแม่ มันเป็นระเบิดเวลาที่อาจจะระเบิดได้ตลอดเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย!

ซึ่งตอนนี้เขายังไม่รู้จะจัดการยังไงดี นี่ทำให้เขาอารมณ์เสียมาก

ในเวลาเดียวกัน

หวางหนันหนันนั่งที่นั่งข้างคนขับบนรถออดี้ มองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาอย่างเหงาๆ ดวงตายังคงแดง และมีหยาดน้ำตาเป็นประกาย

หวางเห้าที่อยู่ด้านข้างกลับมีความสุขดีใจสุดๆ

ขอเพียงแค่พี่สาวนัดดูตัวเพื่อแต่งงานได้สำเร็จ ก็จะมีเงินค่าสินสอดที่เขาต้องให้หลินเสว่เอ๋อแล้ว

แลมองหวางหนันหนันทีนึง หวางเห้ายิ้มกล่าว:“พี่ พี่ดีกับผมที่สุดเลย ที่ผมได้แต่งงานกับเสว่เอ๋อ ก็เป็นเพราะพี่ที่ช่วยผม”

หวางหนันหนันไม่ได้ตอบอะไร รอยยิ้มของหวางเห้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดที่ใจ

แต่พ่อไม่ได้โต้เถียงกลับ และไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี

เพราะเธอเป็นพี่สาวของหวางเห้า การที่น้องชายจะแต่งงานเรื่องใหญ่ขณะนี้ เธอควรช่วยจริงๆ

เพียงแต่ว่า คนที่นับดูตัวเป็นชายอายุ 40 กว่า ยังเป็นหัวหน้าของเฉินตงด้วย เธอรับไม่ได้เลยจริงๆ

เห็นหวางหนันหนันท่าทีดูไม่ค่อยมีความสุข จู่ๆหวางเห้าก็แกล้งพูดล้อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลลี่จิง

“พี่ เช้าวันนี้ผมส่งเสว่เอ๋อไปทำงาน เจอเฉินตงในโรงพยาบาลลี่จิงด้วยนะ พี่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?เสว่เอ๋อบอกว่าเฉินตงรวยมาก ฮ่าๆๆ……น่าขำจริงๆเลย”

แววตาหวางหนันหนันประกายความมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย กล่าวอย่างเศร้าๆ:“เขาจะรวยได้ยังไงกัน?”

“ผมก็ว่าอย่างนั้น แต่เสว่เอ๋อกลับไม่เชื่อ ที่ว่าเธอโง่ไหมล่ะ?”

หวางเห้ากล่าวอย่างดูถูก:“ถ้าเขามีเงินที่แอบซ่อนไว้ใช้หลายแสนผมยังเชื่อ แต่ถ้ารวยอย่างที่เสว่เอ๋อบอก แว่นตาท้องฟ้าจะตกลงมา”

คำพูดที่ดูประชดลอยๆนี้

กลับทำให้หวางหนันหนันรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา ราวกับคว้าความหวังสุดท้ายเพื่อช่วยชีวิตไว้ได้

ถ้าเกิดว่า เฉินตงรวยจริงๆล่ะ?

เมื่อคิดแบบนี้ หวางหนันหนันรีบส่งข้อความไปให้เฉินตงทันที

“เฉินตง แม่ฉันบีบบังคับให้ฉันไปนัดดูตัวกับชายแก่อายุ 40 กว่า พวกเขาทำเพื่อสินสอดสำหรับให้เสี่ยวเห้าหาภรรยา ถ้ารวบรวมค่าสินสอดได้เพียงพอ ฉันก็ไม่ต้องไปนัดดูตัวกับชายแก่แล้ว คุณช่วยฉันหน่อย ได้ไหม?”

ข้อความส่งไปตั้งนาน กำลังจะขับรถไปถึงสถานที่นัดเจอแล้ว ยังไม่มีข้อความตอบกลับเลย

หวางหนันหนันเริ่มหัวร้อน จึงรีบส่งข้อความไปข้อความหนึ่ง :“เฉินตง!ไม่ว่ายังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันมา3ปี สามีภรรยากันแค่คืนเดียวก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันอย่างไม่เลือนหาย ทำได้นำร่างกายของฉัน และทุกอย่างของฉันมอบให้คุณหมดแล้ว มีคุณจะไม่ยอมช่วยจริงๆเหรอ?ถึงขนาด ไม่พูดอะไรกับฉันเลยสักคำหรือยังไง?”

รอมา10กว่านาทีแล้ว รถยนต์อาวดี้ได้จอดลงที่ลานจอดรถในร้านอาหาร

พอจอดรถเรียบร้อย หวางเห้ากล่าว:“พี่ ถึงแล้ว”

หวางหนันหนันมองโทรศัพท์ทีนึงยังคงไม่มีข้อความตอบกลับ ก็รู้สึกร้อนใจทันที กำลังคิดจะส่งข้อความไปอีกครั้ง

ติ้ง!

การแจ้งเตือนข้อความเข้าในวีแชทดังขึ้น

หวางหนันหนันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พอเห็นเนื้อหาในข้อความแค่นั้นแหละ หดหู่ใจไปเลย

“แม่คุณเป็นฝ่ายบีบบังคับ ไม่ใช่ผมที่เป็นคนบีบบังคับคุณ”

บทที่ 12 นัดบอด

การเจอหวางเห้าโดยบังเอิญเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไร เลยเฉินตงก็ไม่สนใจเลยสักนิด

ความสนใจของเขาทั้งหมดในตอนนี้ ล้วนอยู่ที่โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง

นี่เป็นกระดาษคำตอบที่เขาต้องส่งให้คุณพ่อที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน

และเป็นโอกาสที่เขาได้แสดงผลงานได้อย่างเต็มที่

สัญญาราคาสูงที่ขาดทุนไป 30 ล้าน สำหรับไท่ติ่งแล้ว มันเป็นภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่มาก

และความเสียหายแบบนี้ พนักงานในบริษัททุกคนล้วนทราบถึงผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างดี

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตอนที่เฉินตงมาบริษัทนี้ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เคร่งขรึมเป็นพิเศษของบริษัทในทุกวัน

พนักงานทุกคนล้วนก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่กลับไม่มีบรรยากาศที่ดูสบายๆเหมือนที่ผ่านมา ทั้งบริษัทดูเงียบกริบอย่างน่ากลัวมาก

เฉินตงทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เดินตรงเข้าไปยังออฟฟิศ

เขารู้ดีว่า พนักงานรู้เรื่องสัญญาราคาสูงนั้น แต่ก็ยังอยู่ทำงานเหมือนเดิม แสดงว่ามีความเชื่อมั่นในตัวเขามาก

แต่ความเชื่อมั่นนี้ ก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกตื่นตระหนกและร้อนใจของพวกเขาได้

จะขอให้พนักงานทุกคนทำตัวสบายๆเหมือนเขาก็คงไม่ได้

“มะรืนนี้ พวกคุณคงจะยิ้มได้อย่างสบายใจแล้วสินะ?”เฉินตงถูจมูก แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

เพียงแค่ท่านหลงช่วยเขาจัดการเรื่องนั้นได้ เขาก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถพลิกแพลงสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองไม่ขาดทุน ยังทำให้ได้กำไรสูงมากอีกด้วย!

หยิบมือถือออกมา เฉินตงเปิดดูวีแชท

เมื่อคืนหลังจากที่ตอบข้อความของหลินเสว่เอ๋อแล้ว เขาก็ไม่ดูวีแชทอีกเลย

ปกติแล้วเขาจะสื่อสารกับลูกค้าในวีแชทตลอด

แต่เมื่อเขาเห็นข้อความของเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานส่งมา เขาก็หลุดสติอีกครั้ง

ข้อความส่งมาเมื่อคืนนี้ เป็นข้อความประโยคธรรมดา: คุณสบายดีไหม?

ประโยคธรรมดาธรรมดานี้ กลับทำให้เฉินตงเฉยชาไปเลย ในสมองมีภาพเธอผุดขึ้นมา

ผ่านไปสักพัก เขาถูจมูกด้วยความขมขื่น ตอบกลับไปว่า:“ยังดีครับ”

ฟังตอบข้อความกลับมาในไม่กี่วินาที:“ฉันจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว จัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ก็จะกลับประเทศในเดือนหน้าแล้ว เราไม่เจอกัน 3 ปีแล้วสินะ”

สายตาของเฉินตงยิ่งดูใจลอย ราวกับว่าได้ไขเปิดประตูแห่งความทรงจำแล้ว พูดพึมพำเบาๆว่า:“กู้ชิงหยิ่ง……”

เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ ในงานแต่งงานของเขากับหวางหนันหนัน หลังจากจบงานแต่งเธอก็บินไปประเทศอื่น 3 ปีมานี้ ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย

แค่ช่วง3ปีสั้นๆ ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว เพื่อนสมัยก่อนกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง เธอจะกลับมาแล้ว แต่เขากับหวางหนันหนันกลับหย่าร้างกันแล้ว

ยิ้มขำตัวเองทีนึง เฉินตงตอบกลับไปว่า“อืม” ก็วางโทรศัพท์ลงเริ่มทำงาน

อีกฝั่งของมหาสมุทรอันไกลโพ้น

เวลานี้เป็นช่วงตอนกลางคืนพอดี

ภายในห้องที่กว้างใหญ่ มีเสียงเปียโนที่ผ่อนคลายดังอยู่

บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ

ด้านหน้าหน้าต่างยาวบานใหญ่ มีเงาคนกำลังนั่งอยู่ วางโทรศัพท์ลง ปริรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา มองไปทางไกล

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เสียงใหญ่ส่งมายังห้อง:“ชิงหยิ่ง ลูกตัดสินใจกลับประเทศเดือนหน้าจริงๆเหรอ?”

“ใช่ค่ะ”กู้ชิงหยิ่งพยักหน้ายิ้ม“คุณพ่อ ฉันไม่ได้กลับไปตั้ง3ปีแล้ว อยากกลับไปดู”

“แต่ว่าเดือนหน้ามีงานเลี้ยงอาหารค่ำ พ่ออยากให้ลูกไปร่วมงานด้วยกัน จะได้แนะนำหนุ่มๆให้ลูกได้รู้จักด้วยไง ลูกก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ให้เยอะๆหน่อย”

คิ้วกู้ชิงหยิ่งขมวดขึ้น พูดอย่างไม่ค่อยพอใจน้อย:“ คุณพ่อ ครั้งนี้เป็นคนRothschild?หรือว่าเจ้าชายแห่งผู้ประกอบการน้ำมัน?”

“มีหมดเลย!”เสียงใหญ่กล่าวตอบ

“ไม่ชอบ”กู้ชิงหยิ่งปฏิเสธ

……

ในขณะเดียวกัน ภายในบ้าน กำลังมีปากเสียงกันอย่างดุเดือด

“แม่ ฉันไม่ไป ยังไงฉันก็ไม่มีทางไปหรอก!”หวางหนันหนันกล่าวพร้อมกับร้องไห้จนตาแดง

บนพื้น เต็มไปด้วยของที่ขว้างปาจนแตกกระจุยไปหมด

ปั้ง!

จางซิ่วจือปาแจกันดอกไม้ลงบนพื้น มือเท้าสะเอวด่าว่า:“คุณบ้าไปแล้วหรอ!เมื่อก่อนตอนที่ลูกแต่งงานกับไอ้คนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถอย่างเฉินตง ฉันก็ไม่ได้ห้ามลูกไว้ ตอนนี้ก็เลยมาวุ่นวายจนถึงขั้นหย่าร้างกัน ”

“ฉันผู้เป็นแม่ อุตส่าห์ทุ่มเทอย่างสุดจิตสุดใจเพื่อแนะนำหนุ่มให้ลูกไปดูตัว ลูกกลับไม่ไป?ลูกรู้ไหมว่าคำว่าเสียหน้าคืออะไร?”

ด้านข้าง หวางเต๋อนั่งอยู่บนโซฟา ว่าได้เห็นภาพเหล่านี้ ถึงกับถอนหายใจยังไม่หยุด

“คุณพ่อ!”

หวางหนันหนันมองหวางเต๋อด้วยแววตาที่สิ้นหวัง:“พ่อช่วยฉันขอร้องคุณแม่ด้วยสิคะ?”

“เขากล้าเหรอ!”

คิ้วจางซิ่วจือขมวดเข้าหากันกลายเป็นเส้นตรง ติเตียนด้วยเสียงแหลม

หวางเต๋อไม่อาจที่จะทนนิ่งเฉยได้ จึงเอ่ยปากพูดไปว่า:“ผมก็รู้สึกว่าคนที่คุณหามาให้พวกนั้นมันไม่เหมาะสม อายุก็ตั้ง 40 กว่าแล้ว อายุไล่เลี่ยกับเราสองคนด้วยซ้ำไป”

“40 กว่าแล้วไง?”

จางซิ่วจือสีหน้าดุร้าย:“ชายอายุ 40ก็เหมือนดอกไม้ที่กำลังผลิบานดูดีจะตายไป คนเขามีเงิน ถือได้ว่าเป็นเศรษฐีชายโสดมีหน้ามีตา หนันหนันเคยหย่ามาแล้วเป็นแค่ของมือสอง คุณยังจะอยากหาหนุ่มรูปร่างสูงหล่องานดีมีฐานะอีกหรอ? หนุ่มรูปร่างสูงหล่องานดีมีฐานะเขาจะมาเหลียวแลเธอเหรอ?”

หวางหนันหนันตะลึงจนพูดไม่ออก มองจางซิ่วจือด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

เธอนึกไม่ถึงเลยว่า แม่แท้ๆของตนจะใช้คำว่า”ของมือสอง”มาเปรียบเทียบตัวเธอ

“แม่……”หวางหนันหนันเรียกเสียงสะอื้นร้องไห้ น้ำตาคลอ

“หุบปาก!”

จางซิ่วจือด่าไปคำนึง:“ถ้าเมื่อก่อนแกไม่แต่งงานกับคนขี้ขลาดไร้ความสามารถอย่างเฉินตง น้องชายแกจะแต่งงานตอนนี้ แกจะถึงกับช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”

“มีแม่คนไหนบ้างที่ไม่รักลูกตัวเอง?ที่สำคัญคือเงินเดือนของฉันกับพ่อแกมันไม่พอจ่ายค่าสินสอดในงานแต่งของเสี่ยวเห้า คนเป็นพี่ยังแกยังไงก็ควรจะช่วยสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?แกจะบีบให้ฉันกับพ่อแกไปตาย ให้ตระกูลหวางไม่มีลูกหลานสำหรับสืบสกุลหรือไง?”

หวางหนันหนันมึนงงไปหมด ฟันกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคำว่า”ไม่มีลูกหลานสืบสกุล ตัวอ่อนไปเลย พูดโน้มน้าวใจด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง:“หนันหนัน ฟังแม่พูดเถอะ ลูกเป็นพี่สาว หลังจากแต่งงานกับเฉินตง ยังมีครอบครัวอยู่ในใจไหม?เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายแท้ๆของลูกนะ”

“คนคนนั้นเป็นถึงประธานบริษัทที่เฉินตงทำงานอยู่นะ เขาเป็นถึงหัวหน้างานของเฉินตงด้วย!”หวางหนันหนันพึ่งความหวังสุดท้ายนี้ดู

เธอเพิ่งจะ 20 กว่า จะยอมคบกับชายแก่อายุ40กว่าได้ยังไง?

อีกอย่าง ตอนนี้เธอเพิ่งจะหย่ามาเอง

“แล้วไง?”จางซิ่วจือมือข้างนึงเท้าเอว กล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า :“ไอ้คนขี้ขลาดตาขาวที่ไร้ประโยชน์อย่างเขามาแต่งกับคนตระกูลหวางที่สูงเกินเอื้อม ยังกล้าหย่ากับแก งั้นก็ดี แกก็ไปเป็นภรรยาเจ้านายบริษัทที่เขาอยู่เลย ให้เขารู้ว่า เขาขี้ขลาดตาขาวและไร้ประโยชน์ขนาดไหน ”

คำพูดที่จะถึง รอยยิ้มเต็มไปด้วยความประชดประชัน

“แม่ แม่ทำเกินไปแล้วนะ!”หวางหนันหนันโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

ทันใดนั้นเอง หวางเห้ากลับมาแล้ว

ถูกหลินเสว่เอ๋อตำหนิติเตียนเป็นชุดต่อหน้าเฉินตง ถึงขนาดโดนตบไปทีนึง หวางเห้ายังหงุดหงิดไม่หายเลย

เมื่อเห็นบรรยากาศภายในบ้าน เขาก็ตะลึง:“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“เสี่ยวเห้ากลับมาแล้วหรอ?”จางซิ่วจือเรื่องสีหน้าไปเลย ยิ้มต้อนรับหวางเห้า:“ไม่มีอะไร พวกเรากับพี่สาวลูกกำลังเจรจาเรื่องช่วยเตรียมเงินค่าสินสอดให้ลูก”

เมื่อได้ยินคำว่าสินสอด หวางเห้าก็เดินเข้าไปหาหวางหนันหนันอย่างรีบร้อน จับมือหวางหนันหนันแล้วพูดเหมือนดูน่าสงสารมาก :“พี่ พี่ช่วยผมด้วยนะ ผมไม่มีวิธีอะไรแล้ว นี่เป็นเรื่องในทั้งชีวิตของผมเลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องเสว่เอ๋อกับผมคงต้องจบกันแน่ๆ”

ได้เห็นหวางเห้าที่ดูน่าสงสาร จู่ๆหวางหนันหนันก็ใจอ่อน

ลังเลอยู่สักพัก เขาพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง:“ฉันไปก็ได้”

“ดีมาก!เสี่ยวเห้า คืนนี้ลูกขับรถออดี้A4พาพี่สาวไป อีกฝ่ายเขาเป็นถึงคนมีฐานะร่ำรวย ขับรถของลูกจะได้ดูดีมีราคา ถ้าสำเร็จ เราจะได้ขอค่าสินสอดให้มันเยอะๆหน่อย”

จางซิ่วจือกล่าวอย่างปลาบปลื้มดีใจ

บทที่ 10 พบกันโดยบังเอิญ

ตอนเช้าของวันถัดไป เฉินตงก็เอาอาหารเช้าไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาล

อาการป่วยของแม่กำลังดีขึ้นๆในทุกๆวัน ใช้เวลาอีกไม่นานมากก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาที่บ้านได้แล้ว

เพราะว่าความสัมพันธ์ของท่านหลง ที่โรงพยาบาลแม่ก็ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน นี่ทำให้เฉินตงสบายใจอยู่พอสมควร

ต่อจากนี้ ก็สมควรที่จะเตรียมตัวเรื่องก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองได้แล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินออกไปหน้าเวที ลงมือทำงานเอง

งานเมื่อก่อนที่ไท่ติ่ง ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเขาที่คอยสั่งการ แต่ว่าพูดไป ด้านบนของเขาก็ยังมีเจ้าหลี่คอยที่จะขโมยความสำเร็จ

แต่ในครั้งนี้ เขาไม่ได้จำเป็นแค่ต้องพลิกโปรเจกต์ย่านสลัม ทำให้ไท่ติ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง

ที่สำคัญก็คือ เขาจะต้องแสดงความสามารถของตัวเองให้คนๆนั้นดู!

เวลายี่สิบกว่าปีแห่งการทอดทิ้งและความผิดหวัง ในปัจจุบันนี้อยู่ๆกลับอยากจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง

เงินที่ท่านหลงให้มา ที่จริงแล้วก็รู้ถึงความร้อนรนของเขา

แต่ว่าเฉินตงรู้ดี เงินนั้นสำคัญมาก แต่ว่ามีของบางอย่าง ที่เงินไม่แม้แต่จะสามารถชดเชยได้

พ่อคนนั้นที่ตัวเองไม่เคยพบเจอ ว่าไปจนจบแล้วเหมือนจะกำลังทำการแลกเปลี่ยนกับตัวเองอยู่

ถ้าเกิดว่าเขาประสบความสำเร็จ อย่างนั้นเขาถึงจะสามารถพาแม่กลับเข้าไปอยู่ในตระกูลของคนๆนั้นได้ ได้รับทุกๆอย่างมา เอาแสงแห่งเกียรติยศส่องล้อมรอบตัวแม่

ถ้าเกิดว่าพ่ายแพ้แล้ว อย่างนั้นเขากับแม่ ก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติแบบเดิม ส่วนพ่อคนนั้นบางทีอาจจะเหมือนกับไม่มีตัวตน

ความแตกต่างกันอย่างเดียว บางทีอาจจะเป็นบัตรธนาคารลายดอกชงโคที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงใบนั้นเท่านั้น

พึ่งพาอาศัยกันอยู่กับแม่มายี่สิบกว่าปี แม่ยอมสละทุกๆอย่างเพื่อเขา ต่อให้เขาไม่ได้คิดเพื่อตัวเอง แต่ก็ต้องเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของแม่แย่งกลับมาไว้ในมือ

เฉินตงค่อยๆเดินออกมาจากโรงพยาบาล ฝีเท้าเชื่องช้า ในหัวกำลังคิดเรื่องโปรเจกต์ก่อสร้างที่ย่านสลัม

ในขณะเดียวกัน

บนถนนด้านนอกโรงพยาบาล การจราจรติดขัด

บนรถออดี้ A4 หวางเห้ามองรถบนถนน ที่ไม่ขยับเลยสักนิด โมโหจนตบมือลงไปบนพวงมาลัยรถ

“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกไร้ประโยชน์พวกนี้ทำอะไรกันอยู่นะ? ขับรถขยะคันละไม่กี่หมื่น เอาหน้ามาจากไหนมาทำให้รถติดน่ะห้ะ?”

คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับขมวดเล็กน้อย “หวางเห้า เธอเป็นขี้โมโหเวลาขับรถเหรอ? คนอื่นเขาขับรถคันละไม่กี่หมื่นแล้วมันจะทำไม?”

“นี่ผมก็ไม่ได้กลัวว่าเสว่เอ๋อจะไปทำงานสายหรอกเหรอ?”

หวางเห้ายิ้มประจบ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ เสว่เอ๋อ เมื่อคืนตอนฉันชวนเธอมาเล่นเกมด้วยกันเธอบอกว่าเธอจะไปอาบน้ำ ทำไมตอนหลังก็ไม่ได้ล็อกอินล่ะ? นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันรอเธออยู่ในเกม…….”

“เธอหัดเป็นผู้ใหญ่บ้างได้ไหม?” ตาสวยของหลินเสว่เอ๋อมองค้อน ตำหนิออกมา “เมื่อคืนฉันเหนื่อย อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนเลย”

ที่จริงเมื่อคืนเพราะว่าเฉินตงไม่ยอมตอบข้อความ เธอเลยกระวนกระวายใจ ไม่มีอารมณ์ใส่ใจหวางเห้าสักนิด

แน่นอน เรื่องนี้ เธอก็ไม่มีทางพูดกับหวางเห้า

หวางเห้าคิ้วขมวด ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ธนาคารพวกเธอนี่ทำอะไรกัน? เธอเป็นแค่พนักงานเค้าเตอร์ ยังทำให้เธอเหนื่อยขนาดนี้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเธอเพิ่งจะทำงานตลอดทั้งคืนมาเองไม่ใช่เหรอ?”

หลินเสว่เอ๋อท่าทางเปลี่ยนไป สายตาวาววับก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะสบตากับหวางเห้า กลัวว่าหวางเห้าจะสังเกตเห็นอะไร

แต่ว่าภาพตรงหน้า ในมุมมองของหวางเห้า กลับคิดว่าหลินเสว่เอ๋อเหนื่อยมากจริงๆ

หวางเห้าพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นไรเสว่เอ๋อ อาทิตย์หน้าครอบครัวฉันก็รวบรวมค่าสินสอดครอบแล้ว พวกเราทั้งสองก็มาหมั้นกัน จากนั้นก็แต่งงาน ถ้าเกิดว่าเธอกลัวเหนื่อย เธอก็ไม่ต้องทำงานแล้ว”

“ไม่ทำงาน เธอเลี้ยงฉันเหรอ?” หลินเสว่เอ๋อเขม็งตาใส่หวางเห้า

หวางเห้าน้ำเสียงติดขัด จากนั้นก็รีบยิ้มประจบออกมา “เลี้ยงก็เลี้ยง เธอเป็นถึงเมียฉันเชียวนะ!”

“เอาอะไรมาเลี้ยงฉัน?” หลินเสว่เอ๋อถาม

หวางเห้าโบกมือ “แน่นอนว่าก็ต้องเป็นพี่สาวของฉันสิ คุณวางใจเถอะ พี่สาวของฉันเลิกกับอดีตพี่เขยไร้ประโยชน์นั่นแล้ว แม่ของฉันกำลังจัดการหาคนรวยให้เธอสักคน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลไม่มีเงินใช้แล้ว”

คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อขมวดแน่นขึ้นไปอีก อยู่ๆเธอก็รู้สึกไม่ดีกับหวางเห้า

ตอนที่หวางเห้าพูดคำพูดนี้ออกมา ไม่กระดากเลยสักนิด ทำไมเขาถึงได้ทำเหมือนมันเป็นเรื่องที่สมควรได้อย่างนี้นะ?

ผู้ชายที่เกาะแม่กินยังมีเหตุผล?

ถึงขนาดที่ เธอยังมีความรู้สึกผิดต่อหวางหนันหนัน

หายใจเข้าครั้งหนึ่ง หลินเสว่เอ๋อก็ถามออกมาอย่างประหลาด “พี่สาวเธอทำอะไรผิด?”

“นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่สมควรหรือยังไง? เธอเป็นพี่สาวของฉัน ฉันแต่งงานกับเธอก็เพื่อที่ว่าจะได้สืบสกุลต่อไปไง เธอก็ควรจะช่วยฉันสิ” หวางเห้าพูดออกมาเหมือนว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น

นี่ยิ่งทำให้หลินเสว่เอ๋อโกรธยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะต้องยอมรับ เธอคงจะอดไม่ได้ที่จะต้องตบหวางเห้าสักครั้ง

เพราะการแต่งงานของเธอกับหวางเห้า ไม่ใช่แค่ทำให้หวางหนันหนันหย่าร้าง ยิ่งไปกว่านั้นทำให้อดีตพี่เขยของหวางเห้ากลายเป็นตัวซวยอีก

อยู่ๆเธอก็รู้สึกเห็นใจผู้ชายที่ชื่อเฉินตงคนนั้นขึ้นมา ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

คิดถึงเฉินตง ดวงตาสวยของหลินเสว่เอ๋อก็มีแววข้องใจ

สายตาเหลือบมองไปที่หวางเห้าที่อยู่ข้างๆ หลินเสว่เอ๋อถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น “หวางเห้า อดีตพี่เขยของเธอชื่อเฉินตง เขาไม่มีเงินจริงเหรอ?”

“ชิ…..เขามันก็แค่ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง) มีเงินเสียเมื่อไหร่” หวางเห้ากลอกตามองบน “ทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ?”

หลินเสว่เอ๋อส่ายหน้า ตัวเองคิดว่าผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้วจริงๆ

ชื่อเฉินตงอย่างนี้มีคนใช้ถมเถไป ทำไมตัวเองถึงได้ฟังอะไรก็เชื่ออะไรนะ?

เธออธิบาย “ก็คือว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีลูกค้าคนหนึ่งชื่อเฉินตงมาที่ธนาคาร เอาบัตรธนาคารที่แม้แต่ฉันก็ไม่รู้จักมาถอนเงิน ดังนั้นฉันก็เลยจำได้ดี เห็นเธอบอกว่าอดีตพี่เขยเธอชื่อเฉินตง ฉันก็เลยลองถามดู”

“ฮ่าๆๆๆๆ……เสวเอ๋อ เธอคิดอะไรเนี่ย นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

หวางเห้าหัวเราะจนตัวโยน พูดขึ้นอย่างดูถูก “เฉินตงไอ้สวะนั่นก็คือชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)ที่เหมาะสม พูดถึงอนาคตก็ถือว่าพอมีบ้าง เป็นรองผู้จัดการอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง แต่ว่าเงินจำนวนน้อยนิดที่เขาหาได้ ก็เอาแต่ไปจ่ายให้กับโรงพยาบาลยื้อชีวิตไอ้แม่ใกล้ตายเอาไว้ มันมีเงิน ชื่อหวางเห้าของฉันก็เขียนกลับหัว!”

แม่ป่วย?

ร่างกายของเสว่เอ๋อกระตุก นึกถึงข้อความนั้นที่เฉินตงตอบตัวเองกลับมาเมื่อคืนในทันที

นี่……ก็เป็นเรื่องบังเอิญ?

หวังเห้ายังคงพูดจนดูถูกต่อไป “แต่ว่านะเสว่เอ๋อ เฉินตงคนนั้นที่เธอเจอก็สุดยอดอยู่เหมือนกัน บัตรธนาคารที่ถืออยู่แม้แต่เธอเองยังไม่รู้จัก จะต้องมีเงินมากแน่ๆใช่ไหม? ไอ้สวะที่เป็นอดีตพี่เขยนั่นของฉันก็ชื่อเฉินตง ทำไมชะตาชีวิตมันถึงได้ต่างกันมากนักนะ?”

ทันใดนั้นสายตาที่เหลือของหวางเห้าก็เหลือไปเห็นที่ประตูทางเข้าของโรงพยาบาลลี่จิง เงาร่างที่คุ้นตาของคนฉายในแววตา

เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดขึ้นกับหลินเสว่เอ๋อ “จริงสิเสว่เอ๋อ เธอยังไม่เคยเจออดีตพี่เขยของฉันใช่ไหม? บังเอิญพอดี แนะนำให้เธอรู้จักหน่อย เธอจะได้ดูด้วยพอดีว่าเขาเหมือนกับคนมีเงินไหม?”

พูดจบ เขาก็บังคับพวงมาลัยรถด้วยความรวดเร็ว

รถออดี้ก็ออกมาจากแถวรถติด ขับเข้ามาในประตูโรงพยาบาลลี่จิง

หลินเสว่เอ๋อโดนกระชากจนตกใจเสียยกใหญ่ ร้องขึ้นเสียงหลง “หวางเห้า เธอเป็นบ้าเหรอ? บนถนนใหญ่ขับรถแบบนี้ ไม่รักชีวิตแล้วหรือยังไง?”

ครืด!

รถออดี้จอดขวางอยู่ตรงหน้าของเฉินตง

เฉินตงที่กำลังคิดเรื่องโปรเจกต์ก่อสร้างที่ย่านสลัมก็หยุดฝีเท้าลงในทันที หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น โมโหเล็กน้อย

อีกนิดเดียว!

ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เขาหยุดรถเร็ว รถก็คงจะแล่นมา แล้วก็ชนจนเขาตัวลอยแล้ว!

“หวางเห้า?”

แววตาโมโหของเฉินตงมองไปด้านหน้า มองเห็นหวางเห้าเดินลงมาจากรถพอดี จากนั้นก็ถามขึ้นเสียงเย็น “นี่แกอยากจะฆ่าคนหรือไง?”

“ฮ่าๆๆ……เฉินตง หยอกเล่นน่า ทำให้แกตกใจแล้วสินะ? ขอโทษขอโทษ ฮ่า” หวางเห้าหัวเราะและพูดไปอย่างไม่ใส่ใจ

หยอกเล่น?

เฉินตงอารมณ์เย็นลง เอาชีวิตคนมาเล่น คือการหยอกเล่น?

หวางเห้ากลับไม่ได้สนใจความรู้สึกของเฉินตง ยกมือขึ้นชี้ไปที่โรงพยาบาลลี่จิง “นี่แกคือ……มาเยี่ยมแม่ของแกอีกแล้วสินะ?”

“อืม” เฉินตงตอบกลับไปอย่างเย็นชา

“อาการของเธอในตอนนี้คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่สินะ?”

หวางเห้าฉีกยิ้มประหลาดออกมาแล้วยักไหล่ “ที่จริงเฉินตงยังไงแกก็เป็นอดีตพี่เขยของฉัน เรื่องๆนี้ฉันจำเป็นจะต้องโน้มน้าวแกสักหน่อย แม่ของแกใกล้จะตายแล้ว แกเอาเงินไปจ่ายให้โรงพยาบาล เป็นการไปยื้อชีวิตของแม่แกไว้โดยแท้ ทรมานเธอ ไม่สู้ให้แกปล่อยให้เธอไปสบายๆดีกว่า ป้องกันไม่ให้แกเสียเงินจนหมดในตอนท้าย”

กึก!

มือทั้งสองข้างของเฉินตงกำแน่น เสียงหักข้อนิ้วดังขึ้น

ในขณะเดียวกัน หลินเสว่เอ๋อที่นั่งอยู่บนรถออดี้นั้นนิ่งไปตั้งนานแล้ว

ดวงตากลมสวยของเธอเบิกกว้าง ในสายตาใบหน้าเย็นชานั่นดูเหมือนค้อนหนัก ๆ ตอกลงมาแรงๆลงบนดวงตาของเธอ กับใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำของเธอนั้น เหมือนกันเป๊ะๆ

มือเนียนราวกับหยกของเธอยกขึ้นมาปิดริมฝีปากแดง อีกนิดก็เกือบจะกรีดร้องออกมา

จริงๆด้วย…..เป็นผู้ชายคนนั้น!

บทที่ 9 ฉันสามารถกลายเป็นผู้ชนะได้

ในบ้านเช่า

ท่านหลงที่สวมชุดถังจวงสีแดงนั่งอยู่บนโซฟา มองเฉินตงด้วยสายตาเคร่งขรึม

“คุณชาย การซื้อไท่ติ่งของคุณชายในครั้งนี้ บ้าบิ่นเกินไป โครงการก่อสร้างที่ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองที่ไท่ติ่งเพิ่งเซ็นต์สัญญาไป มากพอที่จะทำให้ไท่ติ่งล้มละลาย”

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเฉินตงว่าอยากซื้อบริษัท ท่านหลงก็ติดต่อในทันที จากปูมหลังและให้ราคาไท่ติ่งสูงกว่าราคาตลาดสามเปอร์เซ็นต์ทำให้เสร็จสิ้นการซื้อได้อย่างรวดเร็ว

แต่ว่าหลังจากที่เขาตรวจสอบไท่ติ่งหลังจากที่เกิดเรื่อง ก็ปวดหัวขึ้นมาทันใด

ถ้าเกิดว่าเป็นไท่ติ่งเมื่อก่อนที่มีกำไรพุ่งสูง หลังจบการซื้อขาย กิจการนี้ไม่มีทางขาดทุน อย่างมากก็แค่จ่ายสักร้อยล้านให้คุณชายได้ลองฝึกฝนก็แค่นั้น

คุณชายอยากจะพามารดากลับเข้าไปในตระกูล ขาดการฝึกฝนเรื่องแบบนี้ไม่ได้

กิจการในอนาคต ก็มีเพียงแค่ยิ่งทำก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ใหญ่จนถึงขนาดที่ว่าคนในตระกูลที่ชอบซุบซิบกันต้องหุบปาก

แต่กระดาษสัญญาแผ่นเดียว กลับทำให้กิจการนี้กลายเป็นขัดตา

ไท่ติ่งล้มละลายนั้น ก็ในเร็วๆนี้แหละ

มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าห้ามขาดทุน เพียงแค่เงินในบัตรธนาคารลายดอกชงโคที่นายท่านให้กับคุณชายก็พันล้าน เงินเล็กน้อยขนาดนี้ไม่ถือว่าเป็นอะไร

ที่สำคัญก็คือ สงครามครั้งแรกของคุณชายพ่ายแพ้ หลังจากนี้ถ้าเกิดว่าโดนคนพวกนั้นในตระกูลรู้เข้า ก็จะให้ฉายาคนไร้ความสามารถกับคุณชาย คุณชายคิดอยากที่จะพามารดากลับเข้าตระกูล อย่างนั้นก็ยากขึ้นแล้ว

“ท่านหลงพูดถูก ที่จริงผมทำลงไปได้บ้าบิ่นมาก” เฉินตงไม่ได้ปฏิเสธ โปรเจกต์การก่อสร้างที่ย่านสลัมเขานั้นคิดไม่ถึงจริงๆ

ท่านหลงพูดออกมาอย่างใจกว้าง “นายท่านส่งผมมาให้ดูแลคุณชาย เพราะหวังว่าคุณชายจะโตขึ้น ทำคะแนนออกมาได้โดดเด่น ในอนาคตท่านก็จะได้ส่งกิจการในตระกูลให้คุณชายต่ออย่างสง่า รับคุณชายและแม่เข้ามาในตระกูลอย่างเปิดเผย แต่ว่าการซื้อไท่ติ่งที่ล้มละลายเรื่องนี้ ถ้าเกิดว่าโดนคนพวกนั้นในตระกูลจับได้…….”

ก๊อกๆ!

เฉินตงเคาะลงบนโต๊ะ ยิ้มออกมา “ใครบอกว่าผมจะขาดทุน?”

ท่านหลงชะงักไป

“ไม่ใช่ว่าเขาอยากเห็นผมทำคะแนนหรอกเหรอ? ดังนั้นผมซื้อไท่ติ่งมา”

เฉินตงมีรอยยิ้มมั่นใจเต็มใบหน้า แต่ว่าแววตากลับมีแววเคืองโกรธ “ทิ้งผมกับแม่ผมเอาไว้ยี่สิบกว่าปี ขาดทุนนิดๆหน่อยๆ จะเป็นอะไรไป?”

ท่านหลงร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่เรื่องของเงิน!”

“โปรเจกต์ก่อสร้างย่านสลัมเซ็นต์สัญญามาในราคาที่แพงกว่าสามสิบล้าน เรื่องนี้ผมคิดไม่ถึงจริงๆ แต่ว่าผมก็ไม่ใช่เด็กหัดเดินในสายตาพวกคุณเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเวลาสามปีผมจะไต่ขึ้นมาจนได้ตำแหน่งผู้ช่วยรองผู้จัดการได้ยังไง?”

เฉินตงแววตาคมปลาบ ความมั่นใจที่แสดงออกมาทำให้ท่านหลงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาพูดต่อ “คุณบอกให้เขาวางใจได้ ผมเผชิญกับคำด่าว่าลูกนอกสมรส ค่อยๆเดินทีละก้าวมาจนถึงวันนี้ คะแนนที่เขาอยากได้ ผมจะทำมันออกมา ความโดดเด่นเก่งกาจที่เขาต้องการ ผมก็จะทำให้เขาได้เห็น!”

“ผมไม่ได้แค่จะทำ ผมยังจะทำจนเขานั้นต้องเบิกตากว้างแล้วพูดไม่ออก! เขาต้องรับผมกับแม่เข้าตระกูลอย่างเปิดเผย เอาแสงแห่งเกียรติยศมารายล้อมตัวแม่ของผม พูดออกมาได้! นั่นเป็นสิ่งที่แม่ผมควรจะได้รับ! ผมจะเอามันมาให้แม่ด้วยมือของผมเอง!”

จบจากคำพูดเสียงดังเหมือนฟ้าร้อง

มากไปกว่านั้นคือท่านหลงมีท่าทีใจเย็นเหมือนกับน้ำ ก็เปลี่ยนสีหน้าโดยไม่รู้ตัว

เขาเปิดปากกำลังจะพูดโน้มน้าว ประโยคถัดไปของเฉินตง กลับทำให้เขาชะงักไปในทันที

“ไท่ติ่งในมือของผมไม่มีทางล้มละลาย มันทำได้แค่รุ่งโรจน์ยิ่งๆขึ้นไป โปรเจกต์ก่อสร้างที่ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองไม่ได้เพียงแต่จะไม่ขาดทุน แต่ยังจะทำเงินอีกด้วย!”

เฉินตงยิ้มออกมาแล้วยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว “ให้เวลาผมสามวัน ขอแค่ท่านหลงช่วยผมเรื่องหนึ่ง ผมก็มั่นใจที่ว่าจะพลิกหมากเกมนี้ได้ทั้งกระดาน!”

ถ้าเกิดว่าเป็นเฉินตงในตอนเมื่อก่อน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อไท่ติ่งเลย แค่เรื่องมีเงินซื้อกิจการ เผชิญกับเรื่องแบบนี้ เขาเองก็ไม่มีหนทาง ทำได้แค่ยอมรับความพ่ายแพ้

แต่ว่าตอนนี้ ไม่เหมือนกัน

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงตกใจเพียงแค่ครู่เดียวหลังจากที่รู้ว่าเจ้าหลี่เซ็นต์สัญญาในราคาสูงลิบ

เขามั่นใจที่จะพลิกสถานการณ์ได้!

“คุณชาย จะทำเงินได้จริงๆเหรอครับ?”

ท่านหลงตื่นเต้นแล้ว เขานั้นมาช่วยเหลือคุณชาย ถ้าเกิดว่าคุณชายแพ้ในสงครามครั้งแรก เขาเองก็ไม่มีหนทางที่จะบอกกับนายท่าน แต่ว่าความมั่นใจกับแน่วแน่ของเฉินตง ทำให้เขามีความหวังอยู่ขึ้นมาเล็กน้อย “คุณชายท่านบอกมา ผมจะทำให้เต็มที่!”

สิบนาทีหลังจากนั้น ท่านหลงก็ออกไปจากบ้านเช่าอย่างอารมณ์ดี

หลังจากที่ได้ขึ้นไปนั่งบนรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อม เขาก็รีบโทรออกอย่างอดรนทนไม่ไหว

“นายท่าน ดูเหมือนว่าพวกเราจะมองคุณชายผิดไปตลอดเลยครับ สองสามปีมานี้ เขาโตมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก”

โทรศัพท์เพิ่งจะโดนรับสาย ท่านหลงก็รีบพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “การซื้อกิจการในครั้งนี้ ถ้าเกิดว่าตามการแผนการที่คุณชายคิดออกมาล่ะก็ จะต้องเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครับ! เงียบไปไม่กี่วินาที หลังจากนั้น ท่านหลงก็ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างคนหมดหนทาง “แต่ว่า…..ท่าทางของคุณชายที่มีต่อเรื่องในปีนั้น ยังคงมีความขุ่นข้องในใจครับ ความแค้นของเขา…….”

ภายในบ้านเช่า เฉินตงกลับไม่ได้รู้ว่าท่านหลงกำลังโทรศัพท์ไปรายงานเรื่องทุกอย่างของเขาให้บิดาฟัง

เขาถูหน้า ทำจิตใจให้สงบลง เฉินตงลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว แม่กำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่ในโรงพยาบาล สารอาหารที่จำเป็นจะต้องตามให้ทันกัน

ถึงแม้ว่าเดลิเวอรี่ด้านนอกจะสะดวก แต่ว่าเขาไม่วางใจ ต่อให้ยุ่งแค่ไหน เขาก็เลือกที่จะต้มซุปให้แม่ทานเอง

หลังจากเรียนจบ เขาทุ่มเทหาเงิน มีความต้องการหวางหนันหนัน แล้วก็ยังมีความคิดต้องการจะตอบแทนบุญคุณแม่ให้แม่สุขสบาย

ครอบครัวของหวางหนันหนันเขาแบกเอาไว้ไม่ไหว หลังจากหย่าร้างกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปความสนใจทั้งหมดของเขาจะทุ่มเทให้กับการงานและการกตัญญูต่อแม่

นำของใส่ลงไปในหม้อตุ๋นอย่างชำนาญ ปรับเป็นไฟอ่อนค่อยๆเตี่ยว ตอนนี้เฉินตงถึงค่อยกลับเข้าไปพักในห้องรับแขก

ในเวลานี้ วีแชทในโทรศัพท์ก็มีเสียงแจ้งเตือนเพิ่มเพื่อนขึ้น

หลังจากที่เห็นอีกฝ่าย เฉินตงก็หัวเราะออกมาอย่าหน่ายใจ อดีตน้องสะใภ้คนนี้ ได้รับบทเรียนไปไม่ลึกซึ้งมากพอหรือยังไง?

หลังจากที่กดตกลงรับเพื่อน หลินเสว่เอ๋อก็รีบส่งข้อความมาหนึ่งข้อความ

“คุณเฉิน เย็นนี้มีเวลาว่างหรือเปล่าคะ? เสว่เอ๋ออยากชวนคุณออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”

ดูแล้วการสั่งสอนครั้งก่อนยังไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ใช่ไหม!

เฉินตงบีบจมูก หวางหนันหนันทุ่มเทพยายามให้เขาช่วยให้น้องชายได้สู่ขอหลินเสว่เอ๋อ หลินเสว่เอ๋อกลับวิ่งมาหาเขา พวกเขารู้เข้า จะมีปฏิกิริยาแบบไหนกันนะ?

เขารีบส่งข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ขอโทษด้วย แม่ของผมเข้าโรงพยาบาล ผมจำเป็นต้องดูแลแม่ อีกอย่าง คุณทำอย่างนี้ถือว่าเป็นการคุกคามนะ”

หลินเสว่เอ๋อแค่ไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับมา “คุกคาม? คนเขาคุกคามแล้วไง คุณเฉินแย่ๆ”

เฉินตงยิ้มอย่างดูถูก กำลังจะวางโทรศัพท์ลงข้างๆ ไม่สนใจอีกแล้ว

อยู่ๆ บนหน้าจอเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยติดต่อกันเลย ก็ส่งข้อความมา

เฉินตงมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยอาการเหม่อลอยเล็กน้อย

อีกฝ่ายส่งข้อความมาหนึ่งข้อความ “เฉินตง ได้ยินมาว่านายหย่ากับหนันหนันแล้ว?”

บีบจมูกเล็กน้อย เฉินตงยิ้มออกมาอย่างข่มขื่น

เรื่องที่เขากับหวางหนันหนันหย่ากัน ยังไงเสียก็ต้องคนโดนคนรอบข้างรู้ จากนิสัยของตระกูลหวาง ยิ่งไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องโดนชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างเขา “ทิ้ง” หรอก ต้องเก็บเอาไว้

เพียงแต่ ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็ได้ คนที่มาถามเขาเรื่องนี้เป็นคนแรก กลับเป็นเธอ

ตอบกลับไปง่ายๆแค่คำว่า “อืม” หลังจากนั้น เฉินตงก็ปิดเครื่องโทรศัพท์ แล้วกลับมาในครัวใหม่อีกครั้ง ทำซุปให้มาอย่างใส่ใจ

อีกด้าน หลินเสว่เอ๋อขดตัวอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เปิดเผยไหล่ขาวบางกลิ่นหอม คิ้วเรียวขมวดแน่นมองไปที่โทรศัพท์

“ทำไมถึงไม่ตอบแล้วล่ะ? ฉันก็อุตส่าห์ออกตัวไปขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจหรือยังไง?”

หลินเสว่เอ๋อส่ายหน้า โดนความคิดนี้ของตัวเองทำให้หัวเราะออกมาแล้ว

ไม่เข้าใจ?

ถ้าเกิดไม่เข้าใจจริงๆ ครั้งก่อนทำไมทำเข้าถึงได้เข้าประเด็นมาเลยตรงๆ?

แววตาของแน่วแน่ ลังเลอยู่เล็กน้อย แล้วก็ส่งข้อความไปหาเฉินตงอีกหนึ่งข้อความ “คุณเฉิน คุณน้าป่วยเหรอคะ? เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหนเหรอคะ? ฉันอยากจะไปเยี่ยมคุณน้าเสียหน่อย”

เธอรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยอมที่จะแต่งงานกับหวางเห้า

แต่ว่า ในตอนที่มีเป้าหมายที่ดีกว่า เธอก็ไม่รังเกียจที่จะต้องมุ่งหน้าไปจับเอาไว้

ต่อให้เคยโดนทำลายศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้ชายคนนั้น โดนเหยียบย่ำตามอำเภอใจ

หัวใจของผู้ใหญ่คิดก็แต่เรื่องผลได้ผลเสีย ไม่คิดเรื่องถูกผิด

ส่วนในตอนนี้ก็วางศักดิ์ศรีของตัวเองลง เปิดรับเฉินตงด้วยความใจกว้าง ในใจของเธอ ข้อดีมากกว่าข้อเสีย

รอมาตั้งนาน ก็ไม่ได้การตอบกลับจากเฉินตง คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

ในเวลานี้พอดี หวางเห้าก็ส่งข้อความมา

“เสว่เอ๋อ เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? มาเล่นเกมกันเถอะ พ่อแม่ฉันบอกแล้วนะ อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะรวมเงินค่าสินสอดครบแล้ว พอถึงตอนนั้นพวกเราก็หมั้นกันได้แล้ว เตรียมที่จะแต่งงาน”

“รำคาญ!”

หลินเสว่เอ๋อด่าออกมาอย่างรำคาญ จากนั้นก็รีบตอบกลับไป “โอเคจ้า รู้แล้วจ้า ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

บทที่ 8 บริษัทที่กำลังจะล้มละลาย

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา

คิดที่จะซื้อบริษัท บริษัทหนึ่ง ที่จริงแล้วไม่ง่าย

ยิ่งไปกว่านั้นสองปีมานี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งภายใต้การจัดการของเขา ยังคงสามารถที่จะคงการขึ้นราคากำไรเอาไว้ได้

แต่ว่า เพียงจ่ายเงินไปมากพอ ก็ไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้

ถ้าเกิดมี อย่างนั้นก็จ่ายเพิ่มไปอีก!

บัตรธนาคารลายดอกชงโคในกระเป๋ากางเกงของเขาภายในบัตรก็พันล้านแล้ว จะซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมีมากมายเหลือเฟือ

แต่ว่า ให้ท่านหลงช่วยซื้อ ชัดเจนว่าดูง่ายกว่าให้เขาเองมานั่งคุยต่อรอง รวดเร็วกว่า

เจ้าหลี่รับโทรศัพท์ หัวเราะอย่างสอพลอ “ฮัลโหลครับ พี่เขย พี่จะมาบริษัทเมื่อไหร่ครับ? ผมจะได้เตรียมต้อนรับพี่ จะได้รายงานความคืบหน้าของงาน ผมช่วยกำจัดเนื้อร้ายออกไปให้บริษัทแล้วด้วย”

ยังไงก็ไล่เฉินตงออกไปแล้ว เขาก็สามารถที่จะโยนเรื่องสัญญาราคาสูงลิบลิ่วนั่นไปให้เฉินตงรับด้วย

ยังไงเสียเฉินตงที่โดนไล่ออก สำหรับไท่ติ่งแล้วไม่ต้องสงสัยเลยก็เป็นแค่ “คนตาย” โยนความผิดให้ “คนตาย” รับไว้ “คนตาย” ยังสามารถลุกขึ้นมาเถียงต่อได้หรือไง?

อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าหลี่ก็เปลี่ยนไปตกใจ

“อะไร? บริษัทขายแล้วเหรอ?”

เสียงร้องที่ดังขึ้นภายในห้องทำงาน เกือบทำเอาแทบหูหนวก

พนักงานที่อยู่ตรงประตูราวกับว่าโดนฟ้าผ่ากลางตัว ล้วนเผยสีหน้าประหลาดใจกันออกมา

สองปีมานี้ไท่ติ่งยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ ขอแค่เจ้าของบริษัทสมองไม่ได้อุดตัน ไม่มีทางที่จะเอาแม่ไก่ที่กำลังจะไข่แบบนี้ไปขาย!

ตามมาหลังจากนั้น ทุกๆคนราวกับว่าตื่นมาจากภวังค์ คิดถึงคำพูดเมื่อกี้ที่เฉินตงพูดออกมา

อย่าบอกนะว่า…….

สายตาที่แทบไม่อยากจะเชื่อแต่ละคู่ ค่อยๆมองไปยังเฉินตง

เจ้าหลี่เองก็มีปฏิกิริยากลับมารุนแรงเหมือนกัน ดวงตามองเฉินตงด้วยความวิตก เปล่งเสียงที่เกือบแหบแห้งออกมา “มึง…..ตกลงมึงทำได้ยังไง?”

“ตอนนี้ บริษัทเป็นของกูแล้ว”

เฉินตงค่อยๆลุกขึ้น ยิ้มออกมาอย่างทระนง ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ผลการการจัดการงานต่างๆก็ของท่านหลงช่างรวดเร็วจริงๆ

แต่ว่า เขาก็แค่รู้ความสามารถของท่านหลงจากมุมหนึ่งเท่านั้น

แต่ว่าเบื้องหลังเจ้าของไท่ติ่ง เขานั้นรู้ดีมากๆ สามารถที่ตกลงบริษัทมูลค่าร้อยล้านตามราคาตลาดได้ภายในไม่กี่นาทีแถมยังทำการซื้อได้ด้วย นี่ไม่ใช่แค่เพียงมีเงินก็สามารถจะทำได้

“ไม่มีทาง นี่มันเป็นไปไม่ได้”

เจ้าหลี่หน้าแดงหูแดง ร่ำไห้กับโทรศัพท์ราวกับคนบ้า “ พี่เขย ทำไมอยู่ๆพี่ถึงได้ขายบริษัทของเราทิ้งไปล่ะ? ทำไมถึงไม่มาปรึกษากับผมก่อน? บริษัทของพวกเราทำกำไรมาตลอดนะครับ ไม่ช้าก็เร็วก็จะเข้าตลาดได้ พี่…….”

ปั่ก!

สายตัดไปแล้ว แล้วก็ดับความหวังส้นสุดท้ายของเจ้าหลี่ให้มอดดับไปอย่างหมดจด

เฉินตงหัวเราะ พูดขึ้น “คุณตกงานแล้ว จักรพรรดิมาแล้วก็ปกป้องงานอาชีพนี้ของคุณเอาไว้ไม่ได้!”

คำพูดดูถูก เอาคำพูดเมื่อกี้ของเจ้าหลี่ตอกกลับคืนไป

เจ้าหลี่ตัวสั่น โมโหจนดวงตาแดงฉาน คำพูดของเฉินตง เหมือนกับมือใหญ่ ตบลงมาแรงๆลงบนหน้าของเขา

จะยังไงเขาก็คิดไม่ถึง คนที่ยอมรับความผิดแทนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะต้องการเงิน ทำไมอยู่ๆถึงได้มีเงินมากขนาดที่สามารถซื้อบริษัทได้

สัมผัสได้ถึงสายตาเยาะเย้ยของบรรดาพนักงาน เจ้าหลี่มีความรู้สึกกระสับกระส่าย

อับอาย โกรธแค้น ไม่ยินยอม…….ความรู้สึกต่างๆนาๆทำให้เขาใกล้จะเป็นบ้า

ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสัญญาที่อยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน อยู่ๆก็หัวเราะลั่นออกมา

“ฮ่าๆๆ….. ซื้อบริษัทใช่ไหม? เฉินตงมึงแม่งโคตรจะสุดยอด! เก่งถึงขนาดที่ว่ากูต้องรีบมองมึงใหม่ไปเลย!”

เจ้าหลี่ชี้ไปที่สัญญาที่อยู่บนโต๊ะ หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในแววตากลับมีความดุร้ายพวยพุ่ง “แต่ว่าแกไม่ควรที่จะไม่อ่านสัญญานะ การก่อสร้างปรับเปลี่ยนย่านสลัม กูเซ็นต์ราคาสูงเกินไปตั้งสามสิบล้าน! มึงซื้อไท่ติ่งไป สัญญาฉบับนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของมึง เผือกร้อนชิ้นนี้เพียงพอที่จะทำให้บริษัทของมึงล้มละลาย!”

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่ที่ตัวเองดื่มจนเมาแล้วทำเรื่องผิดพลาด แต่ว่าตอนนี้เฉินตงมาตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คน สัญญาฉบับนี้ก็ทำให้เขามีความรู้สึกยินดีขึ้นมา อย่างน้อยก็ทำให้เขาเอาความเลวทรามออกมาได้

ไท่ติ่งรับไหวก็แค่ประมาณร้อยล้าน มีสัญญาราคาสูงกว่าทั่วไปขึ้นมาสามสิบล้าน สำหรับไท่ติ่งแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือหายนะ

ในตอนนี้เฉินตงซื้อไท่ติ่ง ถือว่ากำลังรับงานของเขาไปแท้ๆ เอาชีวิตมาแสร้งทำเป็นเก่ง!

เพียงแค่สัญญาก่อสร้างนี่ ก็มากพอที่จะทำให้เฉินตงสิ้นเนื้อประดาตัว

“สามสิบล้าน?”

นัยน์ตาดำของเฉินตงหดลง สีหน้ากรุ่นโกรธมากที่สุด “คุณนี่มันโง่ดักดานสุดๆไปเลยจริงๆ!”

ซ่า…….

ประตูห้องทำงาน พนักงานทุกคนเบิกตากว้างในเวลาเดียวกัน ความตกใจพุ่งพรวดขึ้นมา

เจ้าหลี่หัวล้านมันเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?

ฐานะรองผู้จัดการของไท่ติ่ง เขาจำเป็นที่จะต้องโง่ไปถึงขนาดไหนกัน ถึงได้กล้าที่จะเซ็นต์สัญญาราคาสูงเสียดฟ้าขนาดนี้?

จากนั้น สายตาซับซ้อนปนสงสัยหลายคู่ก็จ้องมองมาที่ตัวเฉินตง

มองสีหน้าของเฉินตง เจ้าหลี่ก็ยิ่งยิ้มอย่างดีใจมากกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่ามีความรู้สึกไร้กังวลที่เปลี่ยนจากแพ้กลายเป็นชนะ

“คิดไม่ถึงล่ะสิ? ไท่ติ่งที่แกซื้อไป อย่างมากกูก็แค่ตกจากตำแหน่งของรองผู้จัดการ ยังไงเสียพี่เขยของฉันก็มีบริษัทเยอะ กูก็ยังได้งานที่ตำแหน่งใหญ่ กลับมาผงาดเหมือนเดิม! แต่ว่ามึงไม่เหมือนกัน มึงไม่ใช่แค่จำเป็นต้องมาเช็ดก้นให้กู แถมมึงยังต้องเสียเงินชดใช้จนหมดตัว โกรธหรือไม่โกรธ?”

“พูดจบหรือยัง? พูดจบแล้ว เชิญคุณออกไปจากบริษัท”

เฉินตงถอนหายใจออกมา ถูกหน้า สายตาดุดันมองไปที่เจ้าหลี่

เจ้าหลี่ไร้ความสามารถ เขานั้นรู้ดีอยู่แล้ว เซ็นต์สัญญาราคาแพง ก็อยู่ในสิ่งที่เขาคิดล่วงหน้าอยู่แล้ว

แต่ว่าสูงกว่าราคาทั่วไปสามสิบล้าน เขานั้นคิดไม่ถึงจริงๆ

“ไป กูจะออกไปเดี๋ยวนี้”

เจ้าหลี่เหมือนกับนายทหารที่ได้รับชัยชนะ จากไปด้วยรอยยิ้ม ตอนที่เดินไปจนถึงประตู สายตาหยิ่งทะนงกวาดมองไปยังพนักงาน “เรื่องราวพวกคุณก็ได้ยินกันแล้ว ยังไงเสียผมก็เคยเป็นเจ้านายของพวกคุณ อย่ามาโทษผม ว่าผมไม่ให้โอกาส”

เขายกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ไม่อย่างนั้นก็ไปกับผม ต่อไปถ้าผมมีเนื้อกินพวกคุณก็มีซุปให้กิน ไม่อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ รอวันบริษัทล้มละลายกับไอ้เฉินตงคนไร้ประโยชน์”

แต่ ไม่มีคนตอบกลับ

ไท่ติ่งตกลงเป็นใครที่เป็นคนนำ บรรดาพนักงานล้วนรู้ดี

ระหว่างเฉินตงกับเจ้าหลี่ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าความสามารถ ในวันทั่วไปทุกๆคนรู้ชัดอยู่แล้ว

เฉินตงหมุนตัว มองไปยังกลุ่มคนด้วยความเงียบ “ความสามารถของผม ทุกๆคนรู้ดี ถ้ากล้าที่จะรับไท่ติ่งมาสานต่อ เงินสามสิบล้านเล็กๆน้อยๆ มีอะไรที่จะไม่สามารถจัดการได้?”

พวกพนักงานค่อยๆหันไปมองเฉินตง ดวงตาเป็นประกายระยับ

จากนั้น กลุ่มคนก็ต่างขยับซ้ายขวา เปิดทางออกมาหนึ่งทาง

สีหน้าของเจ้าหลี่งอง้ำ เขารู้ว่าในเวลาทั่วไปในบริษัทเขาไม่ค่อยได้ใจของคนอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ในตอนที่กำลังจะไปแล้วแค่คิดจะหาคนมางัดกับเฉินตงยังทำไม่ได้ กลายเป็นว่าไม่มีใครสักคนยินดีที่จะไปกับตัวเอง

“พวกกลุ่มคนขยะสายตาสั้น คิดว่ามันเป็นเทพเทวดาจริงเหรอ? รอความตายไปกับเขาเถอะ!”

ด่าออกมาอย่างโมโหประโยคหนึ่ง เจ้าหลี่ก็ออกไปทันที

ครู่ใหญ่

พนักงานคนหนึ่งถามขึ้น “ตง พี่ตง สามสิบล้านไหวจริงๆเหรอพี่?”

“หลังจากที่ผมเป็นเจ้านายของพวกคุณ ผมเคยหลอกพวกคุณบ้างไหม?”

เฉินตงยิ้มเท่ห์ออกมา โบกมือ “ลงไปทำงานกันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของบริษัท หมุนมาลงที่โปรเจกต์การก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง”

และในตอนที่เฉินตงรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมาดูแล ตระกูลหวางก็ทะเลาะกันเสียยกใหญ่แล้ว

“พ่อแม่ ตกลงว่าเมื่อไหร่จะเก็บเงินค่าสินสอดให้ฉันจนครบเสียที?”

หวางเห้าหน้าแดงตะโกนออกมาจนเส้นเอ็นตรงลำคอปูด “ทางเสว่เอ๋อเร่งผมอีกแล้วนะ ตกลงพวกพ่อแม่จะให้ผมแต่งงานกับเธอหรือเปล่า มาสืบต่อสกุลตระกูลหวางของเราไง?”

ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีข้าวของมาประเคนให้ถึงที่ เคยชินกับการที่โดนคนทั้งครอบครัวประคบประหงมตามใจ

พ่อแม่ที่ตอนแรกยังคงสับสนอยู่ พอได้ยิน “ผู้สืบสกุล” คำสี่คำนี้ทันใดนั้นก็รีบร้อนขึ้นมาแล้ว

มารดา จางซิ่วจือ รีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “เสี่ยวเห้า ครอบครัวของเราก็กำลังรวบรวมเงินอยู่ไม่ใช่เหรอลูก?”

“ใช่ๆๆ แกมาสืบสกุลให้ครอบครัวของเราถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แกอยากจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ พ่อแม่นี่ร้อนใจยิ่งกว่าแกอีกนะ!” บิดา หวางเต๋อ เองก็พูดโน้มน้าว

“รีบๆๆ อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็รีบเอาเงินออกมาเสียทีสิ?”

หวางเห้าโมโหจน “เพล้ง” โยนแก้วลงไปบนพื้น “หนึ่งอาทิตย์ แค่เวลาหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์หน้าผมจะต้องเอาค่าสินสอดให้เสว่เอ๋อ ผมจะหมั้นกับเธอ!”

“หวางเห้า!” หวางหนันหนันทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ลุกขึ้นมาดุ “มีใครเขาพูดกับพ่อแม่แบบแกบ้างไหม? ครอบครัวเรามีใครไม่รีบร้อนเรื่องที่แกจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ? แกโยนแก้วน้ำแล้วมาโหวกเหวกงอแง นับว่าได้อะไร?”

“หวางหนันหนันหุบปาก! ที่นี่ใครอนุญาตให้แกพูด?”

จางซิ่วจือดุออกมา ทำให้หวางหนันหนันมีสีหน้าตะลึง

หวางเต๋อรู้ว่าคำพูดของจางซิ่วจือแรงเกินไป รีบดึงเอาไว้ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ผมก็บอกคุณแล้วว่าอย่ารีบให้หนันหนันหย่ากับเฉินตง ยังไงเขาก็เป็นถึงรองผู้ช่วย ยังไงก็น่าจะยังเอาเงินออกมาได้อีกนิด ตอนนี้กลับกันเลย ตัดสินใจเอาเงินสองแสนที่รักษาแม่เขาออกมา แถมยังทะเลาะจนหย่ากันอีก”

“โทษฉันล่ะสิ?”

หัวคิ้วของจางซิ่วจือเหยียดตรง “เสี่ยวเห้ากำลังจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ ไม่เอาเงินของเขามา หรือจะให้ฉันไปขอยืมมา? ยืมแล้วไม่ต้องคืนหรือยังไง?”

“แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องขอยืมเงินไปทั่วเหรอ? สินสอดห้าแสน รถหนึ่งคันบ้านหนึ่งหลัง เงินสองแสนของเฉินตงนั่นก็ไม่พอนะ” หวางเต๋อพูดขึ้นอย่างจำใจ

ความชั่วร้ายของจางซิ่วจือลุกโชนขึ้น อยู่ๆก็เดินไปอยู่ตรงหน้าของหวางหนันหนัน ยกนิ้วชี้จิ้มลงไปตรงหน้าผากของหวางหนันหนันแรงๆ “ต้องโทษแก หาแฟนแบบไอ้สวะเฉินตง ตอนนี้แม้แต่น้องชายของแกช่วยไม่ได้ แกเป็นพี่สาวประสาอะไรห้ะ?”

ร่างกายของหวางหนันหนันสั่นเทา อยู่ๆดวงตาก็แดงก่ำ ที่ขอบตามีน้ำตาเอ่อ

ด่าจบ ลูกตาของจางซิ่วจือก็กลอกไปมา “จริงสิ! ดูตัว หนันหนันแกไปดูตัวเดี๋ยวนี้ ครั้งฉันกับพ่อแกจะเป็นคนเลือก หาคนรวยๆให้แก อย่างนี้สินสอดของน้องชายแกก็มีแล้ว!”

หวางหนันหนันงุนงงไปหมด น้ำตากลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ร้องไห้แล้วพูดออกมา “แม่ นี่แม่เห็นว่าหนูเป็นอะไร?”

บทที่ 7 ซื้อบริษัท

“มึงขำอะไร?”

หัวคิ้วของเจ้าหลี่ขมวดเข้าหากันแน่น พูดขึ้นอย่างโอหัง “ตอนแรกเรื่องนี้ต้องเป็นมึงที่เข้าไป กูช่วยเหลือมึง เกิดเรื่องขึ้น อย่าบอกนะว่ามึงอยากให้กูมาเป็นแพะให้กับมึง?”

ในคำพูดนั้น บอกชัดถึงจุดสูงต่ำดำขาวแล้ว

เฉินตงยักไหล่ ไฟโกรธปะทุ หัวเราะเย้ยหยันแล้วพูดขึ้น “ขอโทษด้วยครับ ความผิดครั้งนี้ ผมขอไม่แบก”

อะไร?!

ทันใดนั้นเจ้าหลี่ก็เบิกตากว้าง ไอ้หนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้วเหรอ?

แต่ก่อนวิธีการแบบนี้ เขาล้วนแต่รับปากในคำเดียวนี่!

เห็นว่าทัศนคติของเฉินตงเปลี่ยนไป เจ้าหลี่ก็วิตกเล็กน้อย การเซ็นต์สัญญาในรอบนี้มีราคาสูงกว่าราคาที่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าตั้งสามสิบล้าน ราคาแบบนี้ มาทำการสร้างและปรับเปลี่ยนย่านสลัม ไม่ต้องพูดถึงทำเงินได้เลย จะต้องเสียเงินเยอะจนทำให้บริษัทล้มละลายได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ตอนบ่ายพี่เขยของเขาก็จะมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ ถ้าเกิดว่าโดนรู้เข้าล่ะก็ มากพอที่จะทำให้พี่เขยเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไล่เขาออกจากบริษัทได้

สองสามปีมานี้เขาเคยชินกับการช่วยกินรอวันตายบนตำแหน่งของรองผู้จัดการ ถ้าเกิดว่าไม่หาแพะรับบาปตัวแทนล่วงหน้า ต่อไปหลังจากนี้เขาจะไปหางานที่ไม่ต้องทำอะไรเลยและยังสามารถมีความสัมพันธ์ลับกันผู้จัดการทั่วไปได้ที่ไหน?

แน่ชัดอยู่แล้ว เฉินตงที่เป็นรองผู้ช่วย เป็นตัวเลือกแพะรับบาปที่ดีที่สุด

สองสามปีมานี้ มีเรื่องเฉินตงเป็นคงแบกเอาไว้ มีความสำเร็จตัวเองก็เป็นคนรับ ก็ทำให้เจ้าหลี่เคยชินกับความคิดแบบนี้

แต่ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาของเฉินตง ทำให้เขานั้นนึกไม่ถึง

“เฉินตง มึงทำตัวแบบนี้คือยังไง? มึงแม่งยังอยากจะทำงานอยู่ไหม?”

เจ้าหลี่โมโหแล้ว ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ชี้ที่จมูกเฉินตงแล้วด่าขึ้น “สองสามปีมานี้กูดูแลมึง มีบุญคุณต่อมึง มึงได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ล้วนแต่พึ่งพากูให้กูสรรหาคำพูดดีๆไปพูดต่อหน้าพี่เขยกู ไม่อย่างนั้นจากความสามารถของมึงตอนนี้ก็เป็นได้แค่ผู้จัดการในงานเล็กโปรเจกต์เล็กๆเท่านั้นแหละ!”

“เป็นคนก็ต้องมีจิตใจเมตตา ต้องรู้จัดทดแทนบุญคุณ มึงกลับมาเป็นคนเนรคุณตรงหน้ากูเหรอ?”

เฉินตงหัวเราะเสียงเย็นแล้วว่าขึ้น “คือการสรรหาคำพูดดีๆให้ตัวคุณเองหรือเปล่า? สองสามปีมานี้ คุณสนใจแค่เรื่องประจบสอพลอพี่เขยของคุณ เอาความดีเข้าตัว ครั้งไหนที่เกิดเรื่องขึ้น ไม่ใช่ผมหรือไงที่ช่วยเช็ดก้นตามหลังให้คุณด้วยความใจดี? ถ้าเกิดว่าต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ อย่างนั้นคุณก็มาทดแทนบุญคุณให้ผมสักครั้งสิ!”

ปึง!

เจ้าหลี่ตบมือลงบนโต๊ะ เสียงของเขาดุดัน “วันนี้เรื่องๆนี้ยังไงมึงก็ต้องแบก ไม่แบกมึงก็ต้องแบก! แค่ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลของแม่ที่กำลังใกล้ตายของมึง มึงเองก็คิดดูเอาเองแล้วกัน ถ้าเกิดว่าไม่มีงานตำแหน่งรองผู้จัดการนี่ขึ้นมา มึงยังจะรั้งชีวิตของแม่มึงไว้ได้อีกไหม?”

คิ้วหนาของเฉินตงขมวดแน่น ความโกรธพุ่งทะยาน

ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนไปเป็นเมื่อก่อน คำพูดนี้ของเจ้าหลี่ก็เหมือนกับปลายมีดคม ที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขา

เพื่อที่จะรักษาแม่ของเขา ที่จริงแล้วก็ยอมอดทนอดกลั้นแล้วเป็นแพะรับบาป

แต่ เวลาต่างกัน เรื่องก็ไม่เหมือนเดิม

เห็นว่าเฉินตงเงียบไป เจ้าหลี่นึกว่าเฉินตงใจฝ่อ ก็ดีใจขึ้นมาในทันที

เขาเปลี่ยนสีหน้าไป ราวกับว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น คําพูดที่จริงใจและมีน้ำหนักมีความรู้สึกรักใคร่ลึกซึ้ง “เฉินตง กูรู้ว่ามึงเป็นคนกตัญญู เรื่องนี้กูไม่ได้ให้มึงแบกฟรีๆ แสนนึง! ขอแค่มึงยินดี กูให้มึงแสนนึง เงินพวกนี้ มากพอที่จะรั้งชีวิตแม่มึงไว้ในโรงพยาบาลได้ต่ออีกช่วงหนึ่ง”

บุญคุณและอำนาจ เจ้าหลี่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

เพียงแค่เฉินตงต้องการที่ช่วยชีวิตมารดา เขาก็บังคับเฉินตงเอาไว้ได้

สำหรับเรื่องของเฉินตง เขานั้นตรวจสอบจนชัดเจนมาตั้งแต่ตอนต้นแล้ว มิฉะนั้นสองปีมานี้เขาก็ไม่มีทางที่จะชนะเฉินตงครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก

“คุณมานี่”

เฉินตงหรี่ตาและหัวเราะขึ้น “คุณช่วยผมขนาดนี้ ผมควรจะขอบคุณคุณ”

เจ้าหลี่ในใจมั่นใจมาก ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

แสนหนึ่ง กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงจะไม่เชื่อฟัง?

เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปตรงหน้าเฉินตงจิตใจสงบนิ่ง ยกมือขึ้นมาตบไหล่ของเฉินตง “ก็เป็นพี่ๆน้องๆกันทั้งนั้น กูเป็นถึงพี่ชาย ขอบคุณอะไรกันล่ะ ขอแค่มึง……..”

พลั่ก!

ไม่ได้รอให้พูดจบ เฉินตงก็ปล่อยหมัดออกไปบนหน้าของเจ้าหลี่

เสียงร้อง “อ๊าก” ของเจ้าหลี่ กุมใบหน้าเอาไว้แล้วเซถอยไปทางด้านหลัง เลือดกำเดาไหลออกมาจากซอกนิ้ว

เขาคำรามออกมาด้วยความตื่นตระหนก “เฉินตง มึงแม่งเป็นบ้าอะไร?”

“กูแม่งเป็นบ้าไปแล้ว! มึงว่ากูได้ พูดจาแช่งแม่กูให้ตายอยู่คำต่อคำ อย่างนั้นมึงก็อย่ามาโทษว่ากูหาเรื่องมึงก็แล้วกัน!”

สีหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง วิ่งขึ้นไปถีบให้เจ้าหลี่ล้มคว่ำอีกครั้ง เสียงโกรธพูดขึ้น “กูขอบคุณทั้งครอบครัวของมึง!”

“แม่มึงสิ มึงไอ้หมาบ้า มึงไม่อยากทำงานแล้วใช่ไหม ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

เจ้าหลี่ร้องลั่น แต่ว่าร่างกายที่เสพแต่สุรา ข้างในร่างกายก็กลวงโบ๋ไปตั้งนานแล้ว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะลงมือกับเฉินตงเลยสักนิด “มึงโดนไล่ออกแล้ว! เก็บข้าวเก็บของแล้วออกไปเดี๋ยวนี้! กูขอแช่งให้แม่มึงตาย! มึงไอ้หมาบ้าไม่มีงานทำ ไปรอวันตายกับแม่มึงที่โรงพยาบาลโน่น!”

ปั่กๆๆ……

เฉินตงเดินไปด้านหน้า แล้วยกเท้าขึ้นเตะบนตัวของเจ้าหลี่อย่างแรง

เรียนจบมาสามปี เขาทุ่มเททำงาน ถึงขนาดที่ว่าไม่ลังเลที่จะเป็นแพะรับบาปให้เจ้าหลี่กี่หนต่อกี่หน ก็เพื่อที่จะหาเงินเอาไปรักษาแม่ เพื่อที่จะทำให้แม่สุขสบาย

เหยียดหยามเขาได้ แต่แม่อย่าได้มาดูถูก!

ภายในห้องทำงาน มีเสียงร้องทรมานราวกับหมูโดนเชือดของเจ้าหลี่ดังออกมา

แป๊บเดียวการกระทำนั้นก็ดึงดูดความสนใจของพนักงานภายในบริษัทได้

พนักงานกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงาน มองทุกสิ่งในห้องทำงานผ่านกระจกเข้าไป ล้วนแต่งุนงงไปหมด

พระเจ้า!

วันนี้แพะรับบาปกินยาผิดมาหรือยังไง?

แต่ ไม่มีใครเข้าห้องทำงานไปห้าม ในเวลาทั่วๆไปพนักงานก็มีความคับแค้นใจเล็กๆต่อเจ้าหลี่อยู่แล้ว ในตอนนี้พนักงานมองเฉินตงลงไม้ลงมือกับเจ้าหลี่อย่างรุนแรง ล้วนแต่มีความรู้สึกที่สะใจที่ได้ปลดปล่อยความชั่วร้ายออกมา

เฉินตงต่อยไปเรื่อยๆจนเหนื่อย ตอนนี้ถึงได้หยุดลง

เจ้าหลี่ที่อยู่บนพื้นใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าปูดบวมช้ำเลือด แต่ว่ายังคงเขม็งตามองเฉินตงอย่างดุดัน “มึงจบแล้ว! เป็นตัวมึงเองที่ส่งแม่ใกล้ตายของมึงเข้าไปในวิหารของเทพฮาเดส วันนี้ต่อให้เป็นจักรพรรดิ์มา ก็ไม่มีทางที่จะปกป้องงานนี้ของมึงเอาไว้ได้!”

เฉินตงหัวเราะเยาะเย้ย ประกายเย็นชาในดวงตาวาววับออกมา “ตอนแรกวันนี้กูก็มาเพื่อที่จะลาออกอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ กูเปลี่ยนความคิดแล้ว”

เจ้าหลี่ตกใจ

จากนั้น เขาก็มองเห็นเฉินตงหยิบโทรศัพท์ออกมา มองเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วก็โทรออก

ผ่านไปไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็โดนรับสาย

“ท่านหลง ผมต้องการที่จะซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง!” น้ำเสียงของเฉินตงยิ่งกว่าเฉียบขาด

เจ้าหลี่ที่ยังคงตกใจอยู่ในตอนแรก ก็หัวเราะออกมาในทันที

“ฮ่าๆๆ…….กูตกใจแทบแย่ กูตกใจแทบแย่ กูแม่งก็นึกว่ามึงมันเปลี่ยนความคิดทิ้งไปแล้วเสียอีก ซื้อบริษัท? ไอ้คนจนอย่างมึง เงินก็ทิ้งไปกับโรงพยาบาลหมดแล้ว มึงมาซื้อบริษัท!”

คนที่อยู่ด้านนอกห้องทำงาน ทุกๆคนเหมือนกับโดนฟ้าผ่า เผยสีหน้าตกใจกันออกมา

กลุ่มคนที่เงียบเหมือนกับตายในตอนแรก ในพริบตาเดียวก็เสียงดังกันขึ้นมา

“ฉัน ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? รองผู้จัดการเฉินจะซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของพวกเรา?”

“พูดเล่นอะไร! แพะรับบาปจะต้องโดนบีบจนร้อนรนไปหมดแล้ว ตั้งใจที่จะทำให้เจ้าหลี่โมโห เขาจะมีเงินซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งได้ยังไง? ถึงแม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของพวกเราจะไม่ใหญ่ แต่ถ้าเกิดซื้อจริงๆล่ะก็ หนีไม่พ้นหนึ่งร้อยล้านหรอก!”

“พี่ตงเป็นรองผู้ช่วยผู้จัดการที่จริงก็ทำเงินได้จำนวนไม่น้อยนะ แต่ว่าฉันน่ะได้ยินมาว่า เงินที่เขาหามาได้ในสามปีนี้ ถ้าไม่ใช่เอาไปจ่ายค่ารักษาให้แม่ที่อยู่ในโรงพยาบาล ไม่ก็โดนเมียเอาเงินไปให้แม่ยาย เขาจะมีเงินร้อยล้านที่ไหนมาซื้อบริษัทน่ะ”

………

ฟังคำพูดต่างๆของพนักงาน เฉินตงยังคงมีสีหน้าเหมือนปกติ กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างใจเย็น รออยู่อย่างเงียบๆ

กลายเป็นเจ้าหลี่ ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เหมือนกับลืมเรื่องเมื่อกี้ที่โดนเฉินตงชกเข้าไปจังๆ ถ่มน้ำลายปนเลือดลงบนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูถูก พูดขึ้น “ดูสิ เป็นเรื่องที่แม้แต่พวกพนักงานก็รู้ มึงมาทำเป็นแสร้งต่อหน้ากู? แถมยังจะซื้อบริษัท เงินน้อยๆนั่นของมึงเอาไปซื้อกล่องเก็บอัฐิให้แม่ยังเหมาะกว่า!”

เฉินตงมองเจ้าหลี่ด้วยแววตาดุดันครั้งหนึ่ง เจ้าหลี่ตกใจเสียจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วหุบปากลง

ตามมาหลังจากนั้น เจ้าหลี่ก็เดินเซกลับไปยังเก้าอี้นั่งของเจ้าของ กำลังเตรียมที่จะนั่งลง

โทรศัพท์ อยู่ๆก็ดังขึ้น

เจ้าหลี่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นพี่เขยโทรมา

ตอนแรกช่วงบ่ายพี่เขยจะมาตรวจบริษัท จะโทรศัพท์มาหาให้รู้ก่อนก็เป็นเรื่องปกติ

พ่นน้ำลายปนเลือดออกมาอีกครั้ง เจ้าหลี่โยกโทรศัพท์ไปมาต่อหน้าเฉินตงด้วยท่าทางดุร้าย “พี่เขยกูโทรมาแล้ว มึงแม่งอยากจะซื้อบริษัทใช่ไหม? จะให้เอาโทรศัพท์ให้มึงหรือเปล่า มึงลองมาปรึกษากับพี่เขยกูดู”

พูดจบ เขาก็รับสาย

บทที่ 6 แพะรับบาป

เช้าตรู่ หลินเสว่เอ๋อตื่นขึ้นมาจากความฝัน

ภายในห้องเหลือเพียงเธอแค่คนเดียว

เธอลุกขึ้นมานั่งด้วยความเมื่อยล้า ห่อตัวเข้าหาผ้าห่มอย่างโศกเศร้า เมื่อคืนอาการเมาค้างทำให้หัวของเธอยังไม่ค่อยมีสติ

ทันใดนั้น หางตาที่เหลือของเธอก็เหลือบไปเห็นแผ่นข้อความที่ตรงหัวเตียง

พอหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ทำให้ความรู้สึกอดสูในใจของเธอนั้นระเบิดออกมาอีกครั้ง

“คุณ…….คงจะเคยเล่นโยคะมาก่อนใช่ไหม?”

ต่อให้เฉินตงจะไปแล้ว แต่ว่าเธอยังคงรู้สึกได้ถึงการล้อเลียนผ่านตัวอักษร

ขยุ้มผมอย่างกลุ้มใจ หลินเสว่เอ๋อมีความรู้สึกเหมือนไม่รู้จะเอาความโมโหโยนไปไว้ที่ไหนได้แต่เก็บเอาไว้

แต่ว่าที่ทำให้เธอดีใจก็ดี อีกฝ่ายถึงกับทิ้งข้อความเอาไว้แบบนี้ อย่างนั้นเรื่องเมื่อวานก็คงจะนับว่ายกโทษให้แล้ว

และในเวลานี้พอดี หวางเห้าก็โทรมาหา

“เสว่เอ๋อ เสว่เอ๋อ เธอรีบๆล็อกอินเข้ามาดูคะแนนฉันสิ เมื่อคืนฉันน่ะสุดยอดมากๆเลยนะ ได้MVPติดกันสิบตาเลยล่ะ!”

น้ำเสียงตื่นเต้นในโทรศัพท์ของหวางเห้า ทำให้หลินเสว่เอ๋อเป็นบ้า แกคิดแต่เล่นเกม?

เธอระเบิดออกมาเลยทันที “หวางเห้า เธออายุเท่าไหร่แล้ว ยังไร้สาระขนาดนี้อีกเหรอ? ที่สั่งให้เธอไปเตรียมค่าสินสอดมา เมื่อไหร่เธอถึงจะเตรียมให้ฉันได้สักที? ตกลงนี่เธอยังอยากแต่งงานอยู่หรือเปล่า? จะมาสู่ขอฉันไหม?”

ปลายสายอีกฝั่งอย่างหวางเห้ารู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เงียบไปไม่กี่วินาที ก็รีบพูดขึ้นมา “เสว่เอ๋อเธออย่าโกรธสิ ครอบครัวของเรากำลังพยายามเก็บเงินอย่างหนักอยู่ ต้องโทษไอ้เฉินตงคนชาติชั่วไร้ประโยชน์ เร็วๆนี้แหละ อีกไม่นานผมก็จะได้สู่ขอคุณแล้ว”

เฉินตง?!

ร่างกายอ้อนแอ้นของหลินเสว่เอ๋อสั่น คนเมื่อคืนก็ชื่อเฉินตงเหมือนกัน!

ตามความสามารถเดิม เธอเปิดปากถามขึ้น “ใครคือเฉินตง? เฉินตงที่เธอบอกมีเงินเยอะอย่างนั้นเหรอ?”

“มีเงินกับผีน่ะสิ!”

หวางเห้าด่าทอออกมา “เป็นพี่เขยไร้ประโยชน์ของผมเอง เป็นชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)คนหนึ่ง หลังจากที่พี่สาวของผมแต่งงานกับเขาก็ย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เขามีเงินก็สบายไปแล้ว”

หลินเสว่เอ๋อส่ายหน้า หัวเราะเยาะตัวเอง เฉินตงที่ออกมาจากปากหวางเห้า ชัดเจนเลยว่าไม่ใช่ผู้ที่ถือบัตรธนาคารลายดอกชงโคคนนั้น

“เสว่เอ๋อ เธอรอก่อนนะ พ่อแม่ของฉันกับพี่สาวของฉันกำลังช่วยฉันเก็บเงินอยู่ ไม่นานก็จะเก็บเงินครบแล้ว”

ปลายสายหวางเห้าที่พูดถึงเฉินตงขึ้นมา ดูเหมือนกรุ่นก็ปะทุขึ้นมาด้วยเหมือนกัน “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอ้พี่เขยเฮงซวยคนนั้นของผม อ้อ ไม่ใช่ อดีตพี่เขยไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกเราสองคนก็คงจะมีงานเลี้ยงไปแล้ว”

“เกี่ยวอะไรกับเขา?” หลินเสว่เอ๋อสงสัย

“เขาแต่งงานกับพี่สาวผม ก็คือพี่เขยของผม ผมที่เป็นน้องชายจะแต่งงาน เขาก็ควรจะช่วยสักหน่อยไม่ใช่เหรอ? เขากลับกันเลย มัวแต่เอาเงินไปเททิ้งไว้กับแม่ที่กำลังจะตายที่อยู่ในโรงพยาบาล ไม่ใช่แค่ไม่ช่วยผม แถมยังหย่ากับพี่สาวผมอีก เธอว่าเขาชาติชั่วหรือไม่ชาติชั่ว?”

ริมฝีปากแดงเรื่องของหลินเสว่เอ๋อขยับ อยู่ๆก็มีความรู้สึกเหมือนกินแมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

เธอพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ “เอาอย่างนี้ก่อนแล้วกัน เมื่อคืนฉันทำงานล่วงเวลามาทั้งคืน ขอนอนก่อน” จากนั้นก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง

เวลาหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น เฉินตงไปๆกลับๆระหว่างบ้านเช่ากับโรงพยาบาล ทุ่มเทไปกับการดูแลมารดา

หลังจากที่เข้ารับการเปลี่ยนถ่ายตับ ร่างกายของมารดาก็กำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง จากการตัดสินของแพทย์ ไม่นานก็สามารถที่จะกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว

ส่วนเรื่องของหลินเสว่เอ๋อ เขาไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

เรื่องในคืนนั้น เป็นแค่เพียงความคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเจอเข้ากับหวางเห้า บวกกับถ้าไม่ใช่เพราะหวางเห้ามาพูดจาเย้ยหยันดูถูกเหยียดหยามเขา เขาก็ไม่มีทางที่จะใช้หลินเสว่เอ๋อเป็นเครื่องโจมตี

วันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เฉินตงดูแลแม่มาทั้งคืน เตรียมที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนสักครู่ เพิ่งจะเดินออกมาจากโรงพยาบาล ก็มีสายจากบริษัทเรียกเข้า

“เฉินตง มึงแม่งไปตายห่าที่ไหนแล้ว?” เพิ่งจะรับสาย อีกฝั่งของสายก็มีเสียงแหลมดังของผู้ชายดังขึ้น

คิ้วของเฉินตงขมวดเข้าหากัน ปลายสายของโทรศัพท์เป็นเจ้านายของเขาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหลี่

ในตอนแรกที่แม่ป่วยหนัก เขาไปขอเจ้าหลี่หยุดงานหนึ่งสัปดาห์ ช่วงเวลานี้มีเรื่องเข้ามาติดกันทีละเรื่องๆ จนทำให้ลืมเรื่องที่หยุดงานไปเสียสนิท

“ขอโทษครับเจ้าหลี่ แม่ของผมเข้าโรงพยาบาล” เฉินตงพูด

“ตายหรือยัง? แม่ของมึงตายหรือยัง? ยังไม่ตายมึงก็กลับมาทำงานเดี๋ยวนี้!”

เจ้าหลี่ดูเหมือนว่าได้ตะโกนออกมาแล้ว “แม่มึงสิ มึงขอลาหนึ่งอาทิตย์ ทุกเรื่องก็เป็นกูทั้งนั้นที่ทำ วันๆนึงกูแม่งช่วยเช็ดก้น(ช่วยตามล้างตามเช็ด)ให้มึง มึงรีบๆกลับมาเดี๋ยวนี้ มาจัดการงานพวกนั้นให้เสร็จ!”

ปั่ก!

สายตัดไปแล้ว

“เช็ดก้น? ตกลงใครช่วยใครเช็ดก้นกันแน่?”

เฉินตงหัวเราะเย้ยหยันออกมา แววตามีแววเย้ยชา

เขาไม่ใช่คนที่ไร้ความสามารถ ตอนที่อยู่ในโรงเรียนคะแนนแต่ละวิชาล้วนแต่อยู่อันดับต้น ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงแม่กับฐานะทางบ้าน เขามีความสามารถที่จะโดนส่งไปเรียนต่อเมืองนอกได้ ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่กว้างขึ้น

หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็สมัครเข้าทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ เวลาสั้นๆสามปี ก็ได้เข้ามาในลำดับชั้นผู้ดูแลแล้ว กลายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของบริษัท

ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ว่าเพราะข้างบนมีเจ้าหลี่เป็นรองผู้จัดการ เวลาสามปี ความสำเร็จของเขาไม่ได้อยู่แค่จุดๆนี้แน่

ส่วนที่เจ้าหลี่สามารถที่จะปกปิดความสามารถของเขาเอาไว้ได้ง่ายดายนั้น เหตุผลก็เป็นเพราะ เจ้าหลี่เป็นน้องเขยของเจ้าของบริษัท

เพียงแค่งานระดับนี้พร้อมกับคอนเนคชั่น ก็มากพอที่จะทำให้คนที่ไร้ความสามารถ รู้จักแต่คั่วสาว หละหลวมที่จะปฏิบัติตามกฎอย่างเจ้าหลี่สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงเหมือนภูเขาไท่

ไม่กี่ปีมานี้ เรื่องเล็กๆน้อยๆของบริษัท เรื่องไหนกันที่ไม่ใช่เขาแก้ไข?

เจ้าหลี่ที่ใช้ก้นตัดสินใจ ปัญหามากมายที่ก่อ ครั้งไหนที่ไม่ใช่เขาไกล่เกลี่ยอยู่ด้านหลัง?

ที่ตลกไปกว่านั้น เจ้าของบริษัทก็ยังเอาแต่จะเชื่อ “ความสามารถ” ของเจ้าหลี่ ทำให้สองสามปีมานี้เขาจะต้องเป็นแพะรับบาปให้เจ้าหลี่มานับไม่ถ้วน

ในบริษัท พนักงานแอบตั้งฉายาให้เขาว่า “แพะรับบาป”

ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งผู้ช่วยรองสวัสดิการดี เขาจำเป็นที่จะต้องดูแลแม่ไปด้วย แล้วก็ต้องอุ้มครอบครัวของหวางหนันหนันไปด้วย เขาก็คงจะลาออกไม่ทำไปตั้งนานแล้ว

หยิบบัตรธนาคารดอกชงโคออกมาจากกระเป๋ากางเกง แววตาของเฉินตงก็วาววับขึ้น หัวเราะออกมาอย่างน่ากลัว “บัตรใบเดียวก็มีเงินสดพันล้าน ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดคนที่เอาเงินมาชดเชยแบบคุณมากๆ แต่ว่าจำเป็นต้องบอกเลยว่า มีเงินทำให้คนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม มีทางเลือกที่มากขึ้นนะ”

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงเดินเข้าไปในบริษัทด้วยความรีบร้อน ทั้งโดนเจ้าหลี่บิดหู หยิกแก้มลากตัวเข้าไปในห้องทำงานของรองผู้จัดการ

“ปัง” เสียงประตูห้องทำงานปิดลง เจ้าหลี่นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยใบหน้าหงุดหงิด เท้าทั้งสองข้างวางเอาไว้บนโต๊ะ ซ้อนขาเอาไว้ด้วยกัน ท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจจุดซิการ์

เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่สูบบุหรี่ แล้วก็เกลียดกลิ่นบุหรี่มาก

“ถ้าเกิดว่ากูไม่โทรศัพท์ไป สงสัยมึงคงจะตายอยู่ด้านนอกไม่กลับมาแล้วใช่ไหม?” เจ้าหลี่พ่นควันบุหรี่ออกมา หัวเราะเย้ยหยันออกมา มือซ้ายลูบไปบนหัวล้านที่ด้านบนหัว

“ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะว่าเรื่องของแม่ผมจริงๆ ยุ่งจนไม่มีเวลาแล้ว” เฉินตงพูด

ที่จริงเจ้าหลี่ก็อายุแค่สี่สิบกว่าปี เพียงแต่ลุ่มหลงในตัวหญิงสาว ร่างกายโดนใช้งานจนกลวง อายุยังน้อยก็หัวล้านเสียแล้ว

“เหอะๆ!”

เจ้าหลี่หัวเราะเยาะอีกเล็กน้อย หรี่ตาแล้วว่าขึ้น “เฉินตงเอ๋ย อย่าว่ากูที่เป็นพี่ชายที่ไม่ยอมเตือนมึงสักหน่อย แม่ของมึงนั่นก็คือไอ้คนขี้โรค สองปีมานี้เรื่องของแก พี่ชายนั้นรู้ดีอยู่ แทนที่จะผูกชีวิตตัวเองเอาไว้กับคนแก่แบกรับความลำบาก ไม่สู้ปล่อยให้เขาจากไปดีเสียกว่า มึงเองก็จะได้เอาใจมาใส่กับงานทั้งหมด”

แววตาของเฉินตงมีประกายดุร้ายออกมา อดกลั้นความโมโห ถามขึ้น “คุณรีบให้ผมกลับมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”

แปะ!

เจ้าหลี่โยนเอกสารชุดหนึ่งลงบนโต๊ะ พูดขึ้นเย็นชา “ตอนบ่ายพี่เขยของฉันจะมาตรวจงานที่บริษัท นี่เป็นสัญญาที่ก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง คิดอะไรไม่ออกแล้ว ตอนแรกเรื่องนี้เป็นมึงที่ต้องไปคุย มึงลางานกูเลยต้องออกหน้า เรื่องนี้จะโทษมึงเลย!”

“พวกหญิงโสเภณีอีกฝ่ายดื่มกันเก่งโคตรๆ มอมเหล้าจนกูมึน ทรมานกันอยู่ทั้งคืน ทำให้กูต้องเซ็นสัญญาราคาสูงลิ่วฉบับนี้”

เฉินตงไม่ได้อ่านสัญญา เรื่องเดิมๆ เจ้าหลี่ทำมาไม่ใช่แค่ครั้งแรก

แค่เบียร์ไม่กี่แก้วลงท้อง ช่วงเวลาทั้งคืน ไม่ต้องพูดถึงสัญญาราคาสูงลิบ ต่อให้เซ็นต์สัญญาธรรมดา เขาล้วนไม่แปลกใจ

เห็นว่าเฉินตงไม่ขยับ เจ้าหลี่วางเท้าทั้งสองข้างลง ยืดหลังนั่งตัวตรง “เรื่องนี้ แกรู้ใช่ไหมจะต้องทำยังไง?”

“ต้องการให้ผมเป็นแพ้รับปากอีกแล้วเหรอครับ?” เฉินตงหรี่ตาลง ในดวงตามีแววหาเรื่อง

ปัง!

เจ้าหลี่ตบมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ พูดออกมาอย่างโมโห “พูดบ้าอะไรออกมา? อะไรคือแพะรับบาป? นี่ฉันกำลังดูแลแกอยู่ ยกย่องแก แกเป็นใครมีความสามารถที่จะมาทำเรื่องนี้? เฉินตงไม่ใช่ว่าฉันจะว่าแก เป็นคนเนี่ยก็ต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ แกเพิ่งจะจบมาแค่สามปี ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ฉันที่ดูแลแก พึ่งแค่ความสามารถของแก แกสามารถที่จะมานั่งอยู่ในจุดๆนี้ได้เหรอ?”

เฉินตงโมโหจัดจนหัวเราะกลับไป กูแม่งโคตรขอบใจมึงเลย!

ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะมึงดูแล กูก็เป็นรองผู้จัดการไปตั้งนานแล้ว

บทที่ 5 บรรยากาศห้องเตียงใหญ่

หลังจากที่หลินเสว่เอ๋อได้รับข้อความตอบกลับจากเฉินตง ก็รีบไปทำเรื่องลางานกับผู้จัดการทันที ไปเตรียมตัวเรื่องเย็นวันนี้

นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเธอ แล้วก็เกี่ยวข้องกับอนาคตของผู้จัดการเหมือนกัน ช่องทางการติดต่อเฉินตง ผู้จัดการก็ทำผิดกฎโดยการหาข้อมูลส่วนตัวมาจากบัตรธนาคารของเฉินตง

ในตอนที่เธอเดินออกมาจากธนาคารด้วยความกังวล ตรงหน้าก็พบเข้ากับหวางเห้าที่กำลังลงจากรถ

แต่ว่า หวางเห้าไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของเธอเลยตั้งแต่ต้น ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เสว่เอ๋อ วันนี้เลิกงานก่อนเวลาอย่างนั้นเหรอ?”

“หวางเห้า?!”

หลินเสว่เอ๋อตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็นึกถึงที่นัดไว้กับหวางเห้าตอนเย็นนี้ ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ใช่ ใช่จ้ะ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ดังนั้นก็เลยไปขอผู้จัดการลางานแล้วเลิกงานก่อนเวลาน่ะ”

“ฮ่าๆ….พอดีเลย เลิกงานเร็วขนาดนี้ พวกเราสองคนไปหาที่นั่งกัน ไปเล่นเกมกันสักสองสามตา ช่วงนี้ฉันเล่นKai(ตัวละครเกม)เก่งมากๆ พวกที่ว่าคนเดียวฆ่า5ตัวติดกันทั้งตา วันนี้จะแบกให้เธอชนะเอง” หวางเห้ายิ้มแล้วพูดขึ้น

คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อขมวดมุ่น ไอ้คนๆนี้ฟังสิ่งที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง?

มองใบหน้ายิ้มแย้มของหวางเห้า อยู่ๆเธอก็โมโหขึ้น แบกแม่มึงสิ! เย็นนี้แฟนแกจะโดนส่งไปให้คนอื่นแล้ว แกยังจะมาอวดคนเดี่ยวฆ่า5ตัวติดกันทั้งเกมอีก?

เธออดทนข่มความโกรธลงไป “หวางเห้า เย็นนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย พวกเราค่อยนัดกันใหม่ครั้งหน้านะ”

หวางเห้าชะงักไปเล็กน้อย “แต่ว่าพวกเรานัดกันเอาไว้แล้วนะ กินข้าวเย็นแล้วจะส่งเธอกลับบ้าน เสร็จแล้วคืนนี้พวกเราสองคนก็จะเล่นเกมด้วยกันไง!”

หางตาของหลินเสว่เอ๋อกระตุก ความไร้น้ำยาของหวางเห้าเธอรู้ดีตั้งนานแล้ว แต่ว่าเถียงไม่ได้ว่าหวางเห้าเป็นคนในเมือง

จากฐานะของเธอ อยากที่จะซื้อบ้านในเมือง มีสถานที่ให้เธอนั้นได้อาศัย นั้นไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ ต่อให้เธอมีความสัมพันธ์กับผู้จัดการ แต่เธอก็รู้ดี ว่าผู้จัดการไม่มีทางที่จะทิ้งลูกทิ้งเมียเพื่อมาหาเธอหรอก

ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะให้หวางเห้ามารับตัวเอง เธอคงจะเตะลงไปบนตัวเขาสักทีหนึ่ง

สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง หลินเสว่เอ๋อก็พยายามยิ้มออกมา หยิกแก้มของหวางเห้าเบา “พอแล้วน่าที่รัก คืนนี้ติดธุระจริงๆ นี่ตอนบ่ายฉันไม่ค่อยสบายลางานออกมาก่อนแล้วใช่เหรอ? มีงานอีกนิดๆหน่อยๆที่จะต้องทำโอทีชดเชย นัดของพวกเราเปลี่ยนวันเถอะนะ”

“ก็ได้ครับ” หวางเห้าคอตกตอบเสียงเศร้า

จากนั้นหวางเห้าก็เสนอที่จะไปส่งหลินเสว่เอ๋อที่บ้าน แต่หลินเสว่เอ๋อกลับปฏิเสธ หวางเห้าเลยทำได้แค่เพียงช่วยเรียกรถแท็กซี่ให้หลินเสว่เอ๋อเท่านั้น

สถานการณ์ตรงหน้า โดนผู้จัดการธนาคารเห็นเข้าพอดี จึงหัวเราะเยาะออกมาไม่รู้ตัว ด่าออกมาเสียงเบาคำหนึ่ง “ไอ้โง่”

หลังจากที่ขึ้นแท็กซี่ได้แล้ว หลินเสว่เอ๋อก็เม้มริมฝีปากแดงอีกครั้ง รูปร่างที่โดนชุดยูนิฟอร์มรัดรึงให้เด่นออกมาสั่นเทา น้ำตาอยากจะไหลออกมาด้านนอกอย่างห้ามไม่อยู่

เธอทึ้งผมด้วยความกลัดกลุ้ม ดวงตาคลอน้ำตามองออกไปนอกหน้าต่าง

วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองวู่วาม เรื่องราวไหนเลยที่จะมาถึงขั้นนี้?

เธอไม่ได้รังเกียจที่จะโดนคนรวยจีบ ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้รังเกียจที่จะได้กระพือปีกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนรวยเหมือนกับผีเสื้อที่กระพือปีกเข้าหาดอกไม้ เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ มิฉะนั้นเธอก็คงจะไม่เป็นของๆผู้จัดการแค่คนเดียว

แต่ว่า เพราะว่าความวู่วามเมื่อกี้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนแรก เปลี่ยนแปลงไปหมด

คิดถึงการพบเจอในตอนเย็น เธอก็มีความรู้สึกเสียใจและอดสู

เธอไม่สามารถที่จะเชิดหน้าได้อย่างทระนง เปิดเผยความงามของตัวเอง แล้วเชยชมเงียบๆ แต่กลับต้องทำตัวต่ำต้อยเป็นคนที่อยู่ต่ำกว่า โดนกดดันจนถึงที่สุด…….

เฉินตงเช่าบ้านหลังเล็กๆที่มีสองห้องนอนที่ละแวกใกล้เคียงกับโรงพยาบาลลี่จิง ใช้สำหรับช่วงเวลาต่อจากนี้ ดูแลมารดาแล้วก็เป็นสถานที่พักฟื้นของแม่หลังจากการรักษาในโรงพยาบาล

หลังจากที่เซ็นต์สัญญาเช่าบ้านเสร็จ เขาก็ไปตามหาบริษัทขนของต่ออย่างไม่หยุดพัก ไปขนของที่บ้านเก่าที่เคยพักอยู่กับหวางหนันหนัน

ทำให้เขารู้สึกปวดใจอย่างหนึ่งเลยก็คือ ในตอนที่เขาผลักประตูบ้านเข้าไป ภายในบ้านนั้นเละเทะไปตั้งนานแล้ว

ของทุกสิ่งที่เคยเป็นของหวางหนันหนัน ล้วนแต่โดนย้ายออกไปจนว่างเปล่าแล้ว ของที่เหลือที่เป็นของเขากับแม่ ก็โดนเทสาดกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

รูปที่ตกอยู่บนพื้น เป็นรูปแต่งงานของเขากับหวางหนันหนัน แต่ว่าตอนนี้รูปภาพนั้นโดนฉีกออกไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงเขาแค่คนเดียว

แถมรูปคู่รูปเดียวของเขากับแม่ ก็ตกลงมาอยู่บนพื้น กรอบรูปแตกละเอียด ด้านบนยังมีรอยเท้าอยู่ชัดเจน

เฉินตงหยิบรูปถ่ายคู่กันของเขากับแม่ขึ้นมา กัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว คำพูดหนึ่งประโยคเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน “ในใจของคุณ ผมกับแม่ของผมมันเหลือทนขนาดนี้เลยหรือไง?”

สูดลมหายใจเข้า แล้วนำรูปเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยความหวงแหน คนที่เฉินตงจ้างมาย้ายบ้านจากบริษัทเริ่มขนย้ายของ

รอจนทุกๆสิ่งย้ายมาถึงบ้านหลังใหม่ หลังจากรวบรวมจนเสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว โทรศัพท์ของเฉินตงก็ได้รับข้อความที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาพอดี

เขาบิดขี้เกียจ แล้วก็ลุกขึ้นยืนและไปยังโรงแรมที่หลินเสว่เอ๋อกำลังอยู่

โรงแรมAlston

เป็นโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง เป็นห้องที่อยู่ชั้นสูงสุด สามารถที่จะมองเห็นวิวกลางคืนของเมืองทั้งเมืองได้ผ่านหน้าต่างของกระจกบานยาว

หลินเสว่เอ๋อสวมชุดคลุมอาบน้ำ เอกเขนกอยู่บนโซฟาที่อยู่ติดกับหน้าต่างบานยาว เส้นผมยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ รู้ได้ว่าเพิ่งจะออกมาจากห้องอาบน้ำได้ไม่นาน

แกว่งแก้วไวน์แดงในมือไปมา หลินเสว่เอ๋อเริ่มที่จะเมาแล้ว แก้มทั้งสองข้างเห่อแดง ตาเยิ้มกำลังมองออกไปยังวิวตอนกลางคืนที่ด้านนอกหน้าต่าง แววตากลับมีน้ำตาเอ่อคลอ

เธอมาจากชนบทแล้วเข้ามาในเมือง อยากที่จะเป็นคนเมือง ดังนั้นก็เลยคิดทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ปีนขึ้นไป

งานธนาคาร ทำให้เธอนั้นมีความสดใสเรียบร้อยและน่ารักน่ามอง แล้วก็ยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่ามีความภาคภูมิใจในตัวเอง

เธอกลายเป็นแฟนของหวางเห้า นั่นไม่ใช่เป็นเพราะว่ารักมาก แต่เป็นเพราะว่าหวางเห้าสามารถให้สิ่งที่เธอต้องการได้

เงินค่าสินสอดห้าแสน บ้านหนึ่งหลัง รถราคาสามแสนหนึ่งคัน นี่ก็มากพอที่จะทำให้เธอนั้นภาคภูมิในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว

ค่าสินสอดห้าแสนนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่ว่าก็มากพอที่จะให้เธอนั้นซื้อบ้านหนึ่งหลังได้ก่อนแต่งงาน ใช้เป็นทรัพย์สินก่อนแต่งงาน ต่อให้อนาคตจะมีจุดหมายที่ดีกว่า เธอกับหวางเห้าหย่ากัน ก็ไม่ได้ไม่มีอะไรติดตัวเลย

เพียงแต่ว่าน่าเสียดาย ความวู่วามครั้งนั้นเมื่อตอนบ่าย กลับทำให้เธอนั้นต้องถอดโค้ทแห่งความภาคภูมิใจนั้นลง น้อมรับความอัปยศไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าเกิดว่าย้อนเวลาได้อีกครั้ง เธอจะต้องเลือกวิธีที่ดีกว่า และก็เป็นภาพที่ใฝ่ฝันไว้มากกว่า

ก๊อกๆ!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะ” หลินเสว่เอ๋อเช็ดน้ำตาที่หางตา เสียงหวานดังขึ้น

เฉินตงผลักประตูเข้ามา มองดวงไฟที่มีเสน่ห์สวยงามกับหลินเสว่เอ๋อที่นอนอยู่บนโซฟา ใบหน้าไร้อารมณ์ ภายในใจกลับเยาะเย้ยอยู่หนักๆ

ตระกูลหวางยกยอจนขึ้นหิ้ง ไม่ลังเลที่จะกดให้ผมตกต่ำ ถึงขนาดที่ว่าไม่สนใจชีวิตของแม่ ล้วนแต่อยากจะขอสาวเข้าบ้าน ตอนนี้กลับมานอนอยู่ในห้องนี้

ถ้าเกิดว่าปล่อยให้พวกเขารู้ พวกเขาจะมีปฏิกิริยาแบบไหนกันนะ?

“คุณเฉิน…….”

หลินเสว่เอ๋อลุกขึ้น เทไวน์แดงลงในแก้ว เดินไปอยู่ตรงหน้าของเฉินตง ส่งแก้วให้เฉินตง “คุณเฉิน เรื่องเมื่อตอนบ่าย เสว่เอ๋อขอโทษจริงๆค่ะ”

ภาษา กริยา ท่าทาง สีหน้า มายาร้อยเล่มเกวียน

เฉินตงรับแก้วไวน์แดงมาเงียบๆ “คุณไม่รู้เหรอครับว่า ขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าธนาคารมาใช้ เป็นปัญหาใหญ่มากเลยนะ?”

หลินเสว่เอ๋อชะงักไปแล้ว ปฏิกิริยาของเฉินตงทำให้เธอนั้นคิดไม่ถึง

แป๊บเดียว เธอยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา “ก็คนเขาอยากจะขอโทษคุณเฉินไม่ใช่เหรอคะ?”

“จะขอโทษยังไง?”

เฉินตงยิ้มน้อยๆ ดื่มไวน์แดงจนหมดแก้ว

ไม่ได้รอจนวางแก้วไวน์ หลินเสวเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าก็พุ่งตัวเข้ามา

เพล้ง!

แก้วไวน์ตกลงไปอยู่บนพื้น และแตกละเอียด

เศษแก้วที่แตกเป็นชิ้นๆใต้ไฟสีแดงที่สาดกระทบ ก็เกิดเป็นแสงสีแดงสะท้อนกลับ

บทที่ 4 คำเชิญจากอดีตน้อง

“คุณผู้ชาย เมื่อกี้เป็นความผิดของผมเองครับ เป็นผมที่มีตาไม่มีแวว ผมละเลยคุณไป ได้โปรดให้อภัยผมด้วย”

แค่เข้ามาในห้องทำงาน ผู้จัดการธนาคารก็รีบขอโทษขอโพย เม็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากปาดไปอีกสองสามครั้งแล้ว แล้วก็ยังคงไม่หยุดที่จะปาด ถึงขนาดที่ว่าแผ่นหลังก็เปียกแล้ว

บัตรธนาคารลายดอกชงโคก็มีน้อยมากอยู่แล้ว พนักงานธรรมดาทั่วไปของธนาคารไม่มีทางที่จะรู้จัก

รู้จักบัตรใบนี้ อย่างน้อยก็ต้องตำแหน่งของเขาขึ้นไป

แถมผู้ที่ถือบัตรธนาคารดอกชงโคนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้รับผิดชอบสาขาแบบเขาหรอก ต่อให้เป็นรองประธานธนาคาร เจ้าของธนาคารก็จำเป็นที่จะต้องมารับแขกด้วยตัวเอง ต้องยิ้มแย้มต้อนรับ ไม่กล้าแม้แต่ที่จะละเลย

ในตอนนี้เขามีอาการแบบตกใจจนแทบจะกระอักเลือด คนสูงส่งแบบนี้ ทำไมถึงได้มาที่สาขาของตัวเองได้?

แถมแม่งยังจะเข้าแถวต่อคิวรอถอนเงินอย่างเรียบร้อยอีก

นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งคนดีแล้วหรือยังไง?

เฉินตงเงยหน้า มองหน้าผู้จัดการเงียบๆ “คุณกังวลมาก?”

มุมปากของผู้จัดการกระตุกอยู่สองครั้ง หัวเราะแหะครั้งหนึ่ง “เปล่า เปล่าครับ ผมจะชงชาขอโทษคุณอยู่ครับ”

เขารู้จำนวนของผู้ถือบัตรธนาคารดอกชงโค ในตอนนี้คิดเพียงแต่ว่าต้องการที่จะรีบๆจัดการให้เรื่องเมื่อกี้มันผ่านไปเสีย ต่อให้ต้องคุกเข่าเขาก็ยินดี

มิฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงหลินเสว่เอ๋อที่เป็นเพียงพนักงานหน้าเค้าเตอร์ตัวเล็กๆ ต่อให้เป็นนายสาขาอย่างเขาเองก็ต้องหนาว

“ไม่จำเป็นครับ ผมต้องการมาถอนเงินครับ” เฉินตงกล่าวขึ้นด้วยเสียงเบา

ผู้จัดการเพิ่งจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากออก ในตอนนี้ยังมีเหงื่อผุดออกมาเป็นจำนวนมากอีกแล้ว

นี่คือ……..ไม่คิดที่จะให้อภัยแล้วใช่ไหม?

สีหน้าของเขาดูน่าเกลียด ความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นพวยพุ่งขึ้นมา

สามารถมานั่งในตำแหน่งตรงนี้ได้ เป็นความพยายามหลายสิบปีของเขา แต่ว่าคำพูดเดียวของผู้ที่บัตรธนาคารลายดอกชงโค มากพอที่จะลากเขาลงจากตำแหน่งได้

ปึก!

ผู้จัดการธนาคารตัดสินใจที่จะคุกเข่าลงตรงหน้าของเฉินตง “คุณผู้ชาย คุณเป็นคนใหญ่คนโตโปรดอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับคนตัวเล็กแบบผมเลยนะครับ ขอร้องคุณช่วยปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะครับ เมื่อกี้เป็นแค่เพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นครับ”

เฉินตงมองผู้จัดการธนาคารด้วยสายตาเย็นชา อีกฝ่ายยังมีท่าทางถือดีแบบเมื่อกี้อยู่อีกเหรอ?

เขาหัวเราะเล็กน้อย “ผมมาถอนเงินครับ เรื่องอื่นไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมาก รบกวนคุณช่วยจัดการให้ผมด้วย”

หัวใจของผู้จัดการตุ้มๆต่อมๆ แต่ว่าก็ยังฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้น “ครับ ผม ผมจะไปจัดการให้คุณเดี๋ยวนี้เลยครับ”

รับบัตรธนาคารลายดอกชงโคมาจากมือของเฉินตง ผู้จัดการธนาคารถามขึ้น “คุณผู้ชายครับ คุณต้องการถอนเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่?”

“ห้าแสน”

เฉินตงจิ๊ปากเล็กน้อย จากท่าทางของผู้จัดการที่มีต่อเขา เขาก็รู้ว่าผู้ที่มีบัตรธนาคารดอกชงโคนี่จะต้องไม่ธรรมดาทั่วไป

แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือถอนเงินแล้วก็ไปโรงพยาบาลก่อน จัดการค่าใช้จ่ายหลังการรักษาของแม่ให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยหาที่ลงหลักปักฐาน

“ห้าแสน?” ผู้จัดการธนาคารร้องออกมาเสียงหลง

เฉินตงกระตุกคิ้วขึ้น นึกขึ้นได้ในทันที “ลำบากใจเหรอครับ? ถอนเงินจำนวนมากจำเป็นที่จะต้องทำการจองล่วงหน้า?”

“ไม่ไม่ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลูกค้าแบบคุณ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำรายการล่วงหน้าครับ” ท่าทางของผู้จัดการแปลกประหลาด อธิบายขึ้น “จะทำบัตรธนาคารดอกชงโคใบนี้ได้ต้องเงินสดจำนวนพันล้าน คุณผู้ชายจะถอนเงินเพียงน้อยนิดขนาดนั้น ทำให้ผมรู้สึกตั้งตัวไม่ทันครับ”

ครืน!

ร่างกายของเฉินตงกระตุก ภายในใจเกิดคลื่นซัดสาด

พันล้าน?

แถมยังเป็นเงินสด ไม่ใช่ฐานะลูกค้า!

เป็นเพียงแค่คุณสมบัติในการทำบัตร!

พ่อของผมมีเงินขนาดนี้เลย?

ไม่ต้องพูดถึงที่ผู้จัดการธนาคารตั้งตัวไม่ทัน แม้แต่ตัวเขาเองก็ใกล้ที่จะเป็นลมแล้ว

ชั่วครู่

เฉินตงถึงได้สงบลง “ถอนออกมาห้าแสนก่อนครับ”

ผู้จัดการธนาคารพยักหน้า รีบจัดการดำเนินการถอนเงินให้เฉินตง

ภายในห้องทำงานเฉินตงพบถุงพลาสติกสีดำหนึ่งใบ จากนั้นนำเงินห้าแสนใส่เข้าไปด้านในถุง จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

ผู้จัดการธนาคารหน้าตาเหยเก ใจตุ้มๆต่อมๆอยากจะขอร้องเฉินตงใจกว้างแล้วปล่อยพวกเขาไป แต่ว่ามองท่าทางรีบร้อนของเฉินตง ก็ตัดใจห้ามตัวเอง สุดท้ายก็นอนเหงื่อออกเต็มศีรษะอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางราวกับว่าร่างกายนั้นโดนปล้นไปจนตัวเปล่า

ในห้องโถงของธนาคาร

เฉินตงถือถุงพลาสติกสีดำ รีบร้อนก้าวเดินออกไป

เพราะว่าเรื่องเมื่อกี้ ทุกๆคนล้วนมองมายังตัวเขา แล้วพูดคุยกกันจอแจ

หลินเสว่เอ๋อยืนอยู่ด้านหลังเค้าเตอร์ แน่นิ่งไป ดวงตาแดงก่ำ

พอเจอเฉินตง เธอตั้งใจจะเดินไปขอโทษ

แต่ว่าเฉินตงเดินไวมาก ทำให้เธอนั้นไม่สามารถที่จะตามได้ทัน

ถอนหายใจอย่างหดหู่ หลินเสว่เอ๋อหมุนตัวกลับไปในห้องทำงานของผู้จัดการ

“ผู้จัดการ ตก ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”

มองเห็นผู้จัดการที่นอนพาดตัวไปกับเก้าอี้ หัวใจของหลินเสว่เอ๋อหนักอึ้งจนถึงก้นบึ้ง แต่ว่าก็ยังเอ่ยถาม

ผู้จัดการดึงสติขึ้นมาได้ หัวเราะขมขื่น “คนๆนั้นคือลูกค้าที่มีบัตรธนาคารลายดอกชงโค คุณสมบัติในการเปิดใช้บัตรธนาคารดอกชงโค ก็คือต้องมีเงินสดจำนวนพันล้าน!”

ครืน!

ร่างกายอ้อนแอ้นของหลินเสว่เอ๋อสั่นระรัว ใบหน้างามซีดขาว

ลูกค้าที่เป็นคนสำคัญขนาดนี้ ไม่ใช่คนที่พนักงานเค้าเตอร์ตัวเล็กอย่างเธอจะไปหาเรื่องด้วยเลยแม้แต่น้อย!

นึกถึงท่าทางที่เฉินตงมีต่อเธอเมื่อกี้ ในใจของหลินเสว่เอ๋อก็มีความรู้สึกเสียใจพุ่งล้นออกมา อดไม่ได้ที่จะตบตัวเองสักสองครั้ง

ลูกค้าคนสำคัญ ใช้สายตาแบบนั้นมองตัวเอง สำหรับเธอแล้ว นั่นเหมือนกับว่าเป็นเรื่องดีเหมือนมีชิ้นเนื้อตกลงมาจากฟากฟ้า!

แต่ยังกลับกล้าผลักออกไป ทำให้ลูกค้าคนสำคัญขุ่นเคือง!

“ผู้จัดการ คุณ คุณจะต้องช่วยฉันนะคะ”

ในตอนนี้หลินเสว่เอ๋อโน้มตัวลงมา พิงตัวลงไปที่คอของผู้จัดการ ขอร้องขึ้นมา

“ช่วย?” ผู้จัดการเกาหัวอย่างกลัดกลุ้ม “เรื่องนี้ แม้แต่ผมเองยังคิดที่จะหาคนให้ช่วยเลย! ไม่ต้องพูดถึงคุณแล้ว แม้แต่ผม ความไม่พอใจของคุณผู้ชายท่านนั้น ทำให้ตกจากตำแหน่งนั้นก็แค่คำๆเดียวเท่านั้น”

แค่ประโยคเดียว ก็ตบหลินเสว่เอ๋อให้ตกลงไปอยู่ที่นั่งลำบากได้

หยุดไปชั่วครู่ ดวงตาของผู้จัดการก็วาววับขึ้น “จริงสิ คุณแน่ใจไหมว่าเมื่อกี้สายตาที่คุณผู้ชายคนนั้นมองคน มีความหมายอื่น?”

ริมฝีปากแดงของหลินเสว่เอ๋อขยับ พยักหน้าอย่างไร้สติ

ทันใดนั้นผู้จัดการธนาคารก็ดีใจใหญ่ ตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “ยังมีหนทาง! ยังมีหนทาง! หลินเสว่เอ๋อ ผมต้องการให้คุณนั้นไปขอโทษกับคุณผู้ชายท่านนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนจะต้องได้รับการยกโทษจากผู้ชายคนนั้นให้ได้ มิฉะนั้นพวกเราทั้งคู่จบเห่แน่”

“แต่ว่า……..” หลินเสว่เอ๋อน้ำตาคลอเบ้า มีเรื่องอยากพูดแต่ก็เงียบไป

คำพูดของผู้จัดการนั้นพูดอย่างชัดเจนแล้ว เธอสามารถที่จะมาเป็นพนักงานเค้าเตอร์ของธนาคารได้ ก็เป็นเพราะพึ่งพาผู้จัดการ

ตอนนี้ความต้องการของผู้จัดการ เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน

ฟันสวยกัดริมฝีปากแดง หลินเสว่เอ๋อพยักหน้า หมุนตัวจากไปเงียบๆ

ตอนที่เดินมาจนถึงประตู ด้านหลังก็มีเสียงทุ้มของผู้จัดการลอยมา “จำคำของผมเอาไว้ ไม่เลือกแม้ว่าวิธีไหน! อย่างนี้ดีทั้งกับตัวคุณและตัวผม !”

ออกไปจากธนาคาร เฉินตงนั่งรถแท็กซี่แล้วมุ่งไปยังโรงพยาบาล

ตอนอยู่บนรถแท็กซี่ เขาได้รับข้อความหนึ่งข้อความ

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันหลินเสว่เอ๋อ คือพนักงานที่ช่วยทำรายการให้คุณผู้ชายเมื่อครู่ ตอนเย็นวันนี้อยากจะเรียนเชิญคุณเฉินมาทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน เพื่อที่จะชดใช้การกระทำผิดและขอโทษการกระทำเมื่อครู่ของเสว่เอ๋อ เย็นนี้เสว่เอ๋อจะทำให้คุณเฉินพอใจนะคะ มินิฮาร์ท”

วางโทรศัพท์ลง เฉินตงหัวเราะอย่างดูถูก

หลินเสว่เอ๋อ ผู้หญิงที่มากไปด้วยร้อยเล่ห์มารยา ส่งข้อความแบบนี้มาให้ เขาจะไม่เข้าใจหนึ่งในความหมายนั้นได้ยังไง?

แต่ว่า เขานั้นไม่ได้ใส่ใจที่จะเอาเรื่องเรื่องเมื่อกี้ตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันอะไรกับหลินเสว่เอ๋อ

เพราะว่า หลินเสว่เอ๋อเป็นแฟนสาวของไอ้สวะหวางเห้า การกินของตระกูลหวาง…..ทำให้เขาสะอิดสะเอียน

ถึงโรงพยาบาลลี่จิงแล้ว เพื่อแม่ เฉินตงจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งแสนเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล

อีกสี่แสนที่เหลือ ไม่ต้องพูดถึงเช่าบ้านแล้ว คิดแค่ค่าดาวน์บ้านหลังเล็กๆแบบสองห้องนอนก็เพียงพอแล้ว

แต่ว่าซื้อบ้านยังจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซม สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็คือต้องหาที่อยู่ให้เร็วที่สุด เช่าบ้านคือวิธีการแก้ปัญหาที่เร็วที่สุด

เดินออกมาจากโรงพยาบาล ก็เจอกับรถออดี้ A4ที่อยู่ๆก็จอดหยุดตรงหน้า

“ว้า! ผมก็ว่าใครเสียอีก? ที่แท้ก็คือเฉินตงพี่เขยคนเก่าของผมนี่เอง?”

หวางเห้าฉีกยิ้มจอมปลอม ยื่นศีรษะออกมา ถอดแว่นกันแดดออก สายตาที่มองเฉินตงเต็มไปด้วยความดูถูก

“หวางเห้า บังเอิญจังเลยนะ” เฉินตงหัวเราะ “นี่แกกำลังจะไปไหนล่ะ?”

“แน่นอนว่าไปรับแฟนของผมไปใช้ชีวิตของคนสองคนน่ะสิ ธนาคารที่เธอทำงานอยู่ข้างๆโรงพยาบาลนี้เอง”

หวางเห้าหัวเราะ ดวงตากลับมองถุงพลาสติกสีดำในมือของเฉินตง จุ๊ปากขึ้นปากๆ “จุ๊ๆๆ…..ฉันว่าแกชีวิตแกก็ตกต่ำเกินไปละมั้ง? เพิ่งจะหย่ากับพี่สาวฉัน ก็ต้องมาเก็บขยะเสียแล้ว?”

รอยยิ้มของเฉินตงหายไป

หวางเห้าเคาะข้างขมับ “โอ๊ะโยะโหย แกดูความจำฉันสิ แม่ของแกยังแขวนชีวิตฝากไว้ที่โรงพยาบาลนี่นา แกไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว ก็จำเป็นที่จะต้องเก็บขยะหาเงินใช่ไหม? เอ๊ะ ฉันว่าแกเองก็เหมือนกัน ครอบครัวพวกเราช่วยเหลือแกมากมายขนาดนั้น แกยังกล้าที่จะหย่ากับพี่สาวของฉันอีก แกว่าถ้าเกิดว่าแกไม่หย่า ครอบครัวของพวกเราอาจจะช่วยเหลือแกสักนิดก็ได้?”

“ช่วยเหลือ?”

เฉินตงโมโหจนหัวเราะออกมา สายตาดุดันมองไปยังหวางเห้า “ถ้าเกิดว่าฉันจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ รถคันนี้ของแกเป็นฉันที่ให้เงินไปซื้อไม่ใช่เหรอ?”

หวางเห้าหน้าแดงขึ้นมาในทันใด ตอบโต้กลับ “แกพูดบ้าอะไร! นี่คือรถออดี้A4 รถราคาสามแสน ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)แบบแกซื้อรถแบบนี้ให้ฉัน? ตอแหล!”

พูดจบ เขาก็ถ่มน้ำลายแรงๆรดลงบนพื้น จากนั้นก็มุดกลับเข้าไปในรถ เหยียบคันเร่งเร่งเครื่องเสียงดัง จากไปด้วยความรวดเร็ว

มองทิศทางที่หวางเห้าจากไป ในใจของเฉินตงก็มีอารมณ์โกรธคุกรุ่น

วินาทีถัดไป

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความไปหาหลินเสว่เอ๋อ “เวลาคุณนัด สถานที่คุณนัด ผมต้องการห้องเตียงใหญ่!”

บทที่ 3 บัตรธนาคารดอกชงโค

เดินเข้าไปในธนาคาร

เฉินตงเข้าไปรับบัตรคิวแล้วต่อแถว

ในตอนที่ถึงคิวเขา เขาถือบัตรธนาคารดอกชงโคไปที่หน้าเค้าเตอร์ พอมองพนักงาน ทันใดนั้นหางตาก็กระตุก

หลินเสว่เอ๋อ!

ช่างบังเอิญเสียจริงๆ

ดวงตาของเฉินตงหรี่ลง หลินเสว่เอ๋อเป็นแฟนสาวของหวางเห้าพอดี

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนยังไม่เคยเจอกันในชีวิตจริง แต่ว่าเขารู้เรื่องราวของหลินเสว่เอ๋อผ่านทางหวางหนันหนัน แล้วก็ยังเคยเห็นรูป

สำหรับหลินเสว่เอ๋อ เขาไม่ได้ถึงขั้นโกรธเคืองหรือไม่พอใจ มากที่สุดก็แค่บึ้งตึงไม่มากไปกว่านั้น

หลินเสว่เอ๋อเธอผิวขาวหน้าตาดี การงานก็ไม่เลว มาชอบไอ้สวะหวางเห้าที่เกาะพ่อแม่กินก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว

ส่วนเรื่องที่เธอต้องการสินสอดเท่าไหร่นั้น นั่นก็เป็นเรื่องของเธอแล้ว ทั้งสองมีทั้งเต็มใจ ที่เขาโกรธก็คือหน้าของคนตระกูลหวาง เอาเงินที่ใช้รักษามารดาของเขาไป ทำให้เขาเป็นตัวรับเคราะห์ของปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว)

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย จะทำรายการอะไรคะ?” หลินเสว่เอ๋อผุดรอยยิ้มการตลาดขึ้น

เฉินตงสูดลมหายใจเข้า ข่มอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจลงไป ฉีกยิ้มแล้วส่งบัตรธนาคารดอกชงโคเข้าไปตรงเค้าเตอร์ “สวัสดีครับ ผมต้องการถอนเงินครับ”

หลินเสว่เอ๋อกำลังเตรียมจะถามเฉินตงว่าจะถอนเงินจำนวนเท่าไหร่ พอเห็นบัตรธนาคาร อยู่ๆหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “คุณผู้ชายคะ แน่ใจเหรอคะว่านี่เป็นบัตรธนาคาร?”

กำลังพูดอยู่ เธอก็ดูบัตรธนาคารลายดอกชงโคซ้ำๆอีกรอบ

จากการบ่มเพาะในอาชีพของเธอ ไม่เคยเห็นบัตรธนาคารแบบนี้เลยจริงๆ

เฉินตงชะงักไปครู่หนึ่ง ท่านหลงคงจะไม่ได้หยิบบัตรธนาคารปลอมให้ใช่ไหม?

คิดไปคิดมา ท่านหลงสามารถที่จะสะบัดมือจัดการค่ารักษาสองแสนของแม่ได้ จะให้บัตรธนาคารปลอมกับเขาได้ยังไง?

“แน่ใจครับ” เฉินตงพยักหน้า สายตามองหลินเสว่เอ๋อตั้งแต่บนลงล่าง

เพราะว่ากำลังนั่งอยู่ เขาเลยมองส่วนสูงของหลินเสว่เอ๋อไม่ออก แต่ว่าชุดยูนิฟอร์มก็ได้เผยสัดส่วนงดงามของหญิงสาวออกมา ผิวขาวๆ เครื่องหน้าที่งดงาม ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นหญิงสาวที่ดูน่าสงสารน่าทะนุถนอม

ถอนหายใจในใจอีกรอบ เป็นหญิงสาวดีๆอยู่คนหนึ่งแท้ๆ ทำไมถึงได้ดวงตามืดบอดกันนะ?

คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น แต่ว่าก็ยังคงดำเนินการกรอกบัตรธนาคารต่อไป

จนกระทั่งระบบมีเสียงร้อง “ติ๊ง” ขึ้นมา คอมพิวเตอร์ไม่สามารถที่จะอ่านบัตรได้ ในที่สุดความอดทนของเธอก็ได้หมดลง

ปั่ก!

หลินเสว่เอ๋อโยนบัตรธนาคารดอกชงโคไปที่ช่องเว้าด้านในของเค้าเตอร์ พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ขออภัยด้วยค่ะคุณผู้ชาย บัตรธนาคารนี้ของคุณ ธนาคารของเราไม่สามารถอ่านบัตรของคุณได้ค่ะ”

เชี้ย!

ท่านหลงหลอกเขาจริงๆเหรอเนี่ย?

จ่ายไปก่อนสองแสน จากนั้นก็ให้บัตรธนาคารปลอมมาหลอกตัวเอง การกระทำแบบนี้ ไม่ถูกต้องมั้ง?

“คือว่า คุณช่วยลองใหม่อีกครั้งได้ไหมครับ นี่เป็นบัตรธนาคารจริงๆ” เฉินตงร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้อง

ตอนนี้หย่ากับหวางหนันหนันแล้ว บ้านหลังที่เคยเช่าเมื่อก่อน เขาไม่คิดที่จะเช่าต่ออีก ตั้งใจจะย้ายไปบ้านใหม่กับแม่

เงินสองแสนสุดท้ายก็โดนหวางหนันหนันเอาไปแล้ว ตอนนี้เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าเกิดว่าไม่มีเงิน ไม่ต้องพูดถึงค่ารักษาพยาบาลหลังจากผ่าตัด แม้แต่ใช้ชีวิตก็ยังไม่มีหนทาง

“คุณผู้ชาย คุณตั้งใจจะมาหาเรื่องใช่ไหมคะ?”

คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อกระตุก สีหน้าเย็นชาเหมือนหิมะในตอนหน้าหนาว “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว สายตาที่คุณมองฉันมันแปลกๆ จีบสาวอย่างน้อยก็น่าจะเอาบัตรธนาคารใบจริงมาหน่อยนะ เชิญคุณออกไปด้วยค่ะ อย่ามากินเวลาของลูกค้าท่านอื่นที่อยู่ด้านหลัง มิฉะนั้นฉันจะเรียกรปภ.”

เฉินตงนิ่งไปแล้ว นี่แม่งอะไรกับอะไรกันวะเนี่ย?

ไม่ทันได้รอให้เขาอ้าปากอธิบาย หลินเสว่เอ๋อยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก “รปภ.!”

ทันใดนั้น รปภ.สองคนก็เดินมา

ในตอนนี้ เป็นเวลาสายๆพอดี คนที่มาทำธุระก็ไม่น้อย ก็ค่อยๆหันมามองทางเฉินตง

เฉินตงร้อนใจแล้ว ชี้ไปที่บัตรธนาคารแล้วก็พูดขึ้น “นี่ก็คือบัตรธนาคาร ผมมาทำธุระ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาลากผมออกไปด้านนอก?”

หลินเสว่เอ๋อทำหน้านิ่ง ไม่ตอบอะไร

รปภ.พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้ม “คุณผู้ชายครับ ขอความกรุณาคุณออกไปด้วยครับ ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน คุณมารบกวนพนักงานธนาคารของเราแบบนี้ พวกเราจะแจ้งตำรวจแล้วนะครับ”

“ผม……..” เฉินตงโมโหจนแทบจะกระจุกมาอยู่ที่ลูกกระเดือกอยู่แล้ว ถอนเงินไม่ได้ไม่พอ ยังจะโดนหาว่าเป็นไอ้โรคจิตอีก?

ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนหน้าท้องโต สวมสูทคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หลินเสว่เอ๋อที่ตอนแรกมีสีหน้านิ่งๆกลับงอตัวในทันใด ท่าทางดูน่าสงสาร กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ผู้จัดการ คนๆนี้เอาบัตรธนาคารปลอมมาถอนเงิน แถมยังแอบมองฉันอีกด้วยค่ะ”

สถานการณ์ตรงหน้า ทำเอาเฉินตงที่โกรธจนขึ้นสมองงุนงงไปเลย

ก่อนหน้านั้นสีหน้ายังเย็นชาราวกับหิมะอยู่เลย พอตอนหลังกลับมีอารมณ์เป็นหมื่นอย่าง?

ในความทรงจำ ตอนนั้นหวางหนันหนันบอกกับเขาว่าหลินเสว่เอ๋อเป็นสาวทึนทึก หัวโบราณ เป็นหญิงสาวที่ดี หลังจากที่ตกลงสานสัมพันธ์กับหวางเห้า ก็สงวนตัวอยู่ตลอด มากที่สุดก็คือจับมือ

เขาเองก็ไม่ได้โง่ แล้วก็ไม่ได้ตาบอด

หลินเสว่เอ๋อคนนี้……หัวโบราณจริงๆ? ทึนทึก? รักนวลสงวนตัว?

ในตอนนั้นชายวัยกลางคนก็เงียบลง มองสายตาของเฉินตง มีท่าทางเหมือนเจอศัตรู

“คุณผู้ชาย ที่นี่คือธนาคาร ขอความกรุณาคุณช่วยระวังด้วย ในนามของผู้จัดการธนาคาร ผมขอเชิญให้คุณออกไป มิฉะนั้นอย่ามาโทษว่าผมนั้นสั่งให้รปภ.โยนคุณออกไป”

รปภ.ที่อยู่ข้างๆสองคนทำท่าหัวเราะเยาะที่เห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก ทั้งธนาคารมีใครไม่รู้บ้างว่าหลินเสว่เอ๋อนั้นเป็นของผู้จัดการ?

หนุ่มคนนี้มาจีบสาว ดันมาจีบหลินเสว่เอ๋อ หาเรื่องตายเหรอ?

หลินเสว่เอ๋อได้ยินคำพูดของผู้จัดการ ทันใดนั้นก็ยิ่งทำท่าทางบิดตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีก พูดขึ้นด้วยเสียงอ้อแอ้ “ผู้จัดการ คนแบบนี้ ทำไมยังจะต้องเสียเวลาเจรจากับเขาอีกคะ สั่งให้รปภ.โยนเขาออกไปเลยค่ะ”

เฉินตงฟังแล้วก็โกรธจัด อารมณ์ขุ่นเคือง แต่กลับไม่ได้ลุกขึ้น

บัตรชงโคเป็นท่านหลงที่ให้เขา เขาก็แค่มาถอนเงิน ยังจะต้องมารับอารมณ์น่าสมเพชแบบนี้?

ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่มีความขุ่นเคืองใจกับหลินเสว่เอ๋อเท่านั้น แต่ตอนนี้การกระทำแบบนี้ของหลินเสว่เอ๋อ ทำให้เขาโกรธเข้าจริงๆเสียแล้ว!

“ไล่เขาออกไป!”

ผู้จัดการเห็นว่าเฉินตงไม่ขยับ หัวคิ้วขมวด อยู่ๆก็ว่าขึ้นเสียงแข็ง

ถ้าเกิดไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้จัดการของธนาคาร ลำพังแค่เฉินตงอยากได้หลินเสว่เอ๋อเรื่องเดียว เขาเข้ามาก็ต้องสั่งให้รปภ.เอาตัวออกไป

รปภ.สองคนกำลังจะเดินหน้าพอดี คนที่มุงดูรอบๆก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

เฉินตงไม่ใช่คนอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่นินจาเต่าจอมขี้ขลาด(ผู้ชายที่สามารถทนต่อผู้หญิงของตัวเองเล่นกับผู้ชายคนอื่น ๆ )

โดนคนรังแกจนถึงขั้นนี้ ก็โกรธขึ้งแน่นอนแล้ว

แปะ!

เขาหยิบบัตรธนาคารดอกชงโคออกมาแล้วโยนลงไปบนเค้าเตอร์อย่างแรง ตวาดลั่น “ผมมาถอนเงินอย่างเปิดเผย ไม่ได้มาให้พวกคุณใส่ร้ายผมว่าเป็นพวกอันธพาล อยากบังคับให้ผมก่อเรื่องใช่ไหม?”

ทันใดนั้นรปภ.ก็หยุดลง

สายตาของผู้จัดการธนาคารใกล้จะกินคนได้แล้ว แต่ว่าหางตาที่เหลือบมองเห็นบัตรธนาคารดอกชงโค

วินาทีถัดไป

ครืน!

ผู้จัดการธนาคารราวกับโดนสายฟ้าฟาด ภายในหัวอยู่ๆก็ขาวโพลนขึ้นมาในทันใด ดวงตาเป็นเส้นตรง “นี่…….”

เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ผุดพรายออกมาจากขมับของเขาอย่างรวดเร็ว

“ผู้จัดการ เป็นของปลอมนั่นแหละค่ะ” หลินเสว่เอ๋อหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แต่พอมองขึ้นไป กลับพบว่าบนใบหน้าของผู้จัดการนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทันใดนั้นเธอก็นิ่งไป

แค่พริบตา ผู้จัดการธนาคารก็ยกมือขึ้นมาปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก ใบหน้าหงุดหงิดก็เปลี่ยนมาเป็นยิ้มแย้มภายในพริบตา

ช่วงหลังที่ยืนตรงก็โค้งงอลงมา ยิ้มให้กับเฉินตงแล้วว่าขึ้น “คุณผู้ชาย ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบจริงๆว่าคุณเป็นแขกคนพิเศษที่มีบัตรธนาคารลายดอกชงโค ขออภัยคุณด้วยจริงๆ เชิญคุณรีบไปที่ห้องทำงานของผมเลยครับ ผมจะจัดทำรายการให้คุณเอง”

ครืน!

ร่างอ้อนแอ้นของหลินเสว่เอ๋อขยับ ร้องออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่ นี่เป็นบัตรธนาคารจริงๆเหรอ?”

“คุณจะไปรู้อะไรล่ะ!”

ศีรษะของผู้จัดการธนาคารเต็มไปด้วยเหงื่อ เขม็งตาใส่หลินเสว่เอ๋อ จากนั้นก็กลับมายิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นกับเฉินตง “คุณผู้ชาย เชิญทางนี้ครับ”

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วใช่ไหม?

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น มองหลินเสว่เอ๋อ ที่ยังมีสีหน้างุนงงอย่างไม่ใส่ใจ ลุกขึ้นแล้วเดินตามผู้จัดการธนาคารไปยังห้องทำงาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถอนเงิน ตอนนี้ผู้จัดการธนาคารนั้นรู้จักกลัวแล้ว เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกัดไม่ปล่อย สำหรับหลินเสว่เอ๋อคนนี้ วันนี้คิดเสียเวลาเขาได้รู้จักจริงๆแล้วประมาณหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอ บัตรธนาคารดอกชงโคที่ท่านหลงให้มา มีเพียงผู้จัดการธนาคารเท่านั้นที่รู้จัก จะต้องมีน้อยมากแน่ๆ ภายในบัตรตกลงว่ามีเงินจำนวนเท่าไหร่?

รอหลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงานแล้ว

โถงรับแขกที่ไร้สุ้มเสียงของธนาคาร อยู่ๆก็มีเสียงดังระงมขึ้นมา

แต่ละใบหน้าที่ชมเรื่องราวน่าอายเมื่อกี้ ล้วนแต่แสดงสีหน้ากับท่าทางประหลาดใจออกมา

ใครๆก็ล้วนคิดไม่ถึง เรื่องราวจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปเสียได้

หลินเสว่เอ๋อยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ร่างอ้อนแอ้นสั่นเทาเล็กน้อย

เพราะว่าเธอรู้แล้วว่าเกิดปัญหาใหญ่หลวงขึ้น

เจอเข้ากับเรื่องใหญ่แล้ว!

ชนเข้ากับเรื่องใหญ่ขนาดที่ว่าแม้แต่ผู้จัดการก็ไม่กล้าที่จะหนุนหลังเธอ!

บทที่ 2 พ่อของผมยิ่งกว่ามีเงิน

ทั้งทาง เฉินตงยังงุนงงอยู่

ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า เหมือนกับเป็นเพียงความฝัน

จนกระทั่ง เขาเดินตามชายชรามาจนถึงห้องพักผู้ป่วยนอกในแผนกผู้ป่วยวิกฤติของโรงพยาบาลลี่จิง ในตอนที่มองเห็นมารดาที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จมีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด เขาถึงได้ตั้งสติกลับคืนมาได้

ดีใจ ตื่นเต้น ซาบซึ้ง อารมณ์ต่างๆเหมือนกับเขื่อนที่พังทลายลง สาดซัดเข้ามา

“ท่านหลง ตามที่คาดหวังเอาไว้ การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับผ่านไปอย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดีครับ”

แพทย์ในชุดกราวนด์เดินมาหาแล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพ

เฉินตงนิ่งไปแล้ว หมอที่สวมชุดกราวนด์ท่านนี้เป็นหมอที่เป็นคนรักษาแม่ แล้วก็ยังเป็นแพทย์เฉพาะทางที่มีชื่อเสียงของโรงพยาบาลลี่จิงอีกด้วย ยิ่งไปกว่าก็คือผู้ที่มีความสามารถ มีผู้คนมากมายในสายอาชีพแพทย์นับถือ

เมื่อกี้การปลูกถ่ายตับ ก็เป็นหมอท่านนี้ที่แนะนำ

หมอที่มีความสามารถและมีผู้คนนับถือมากมายอย่างท่านนี้ ต่อให้ต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้สูงศักดิ์ ก็ยังคงสามารถที่จะพูดคุยและหัวเราะได้ ในตอนที่ได้พบกับชายชรานั้น กลับนอบน้อมขนาดนี้?

“ขอบคุณคุณหมอจางมากๆครับ” ท่านหลงยิ้มแล้วคารวะ

แพทย์ในชุดกราวนด์ร่างกายสั่นเทา รีบตอบด้วยความตกใจ “ไม่จำเป็นครับ ไม่จำเป็นครับ ท่านหลงชมผมมากเกินไปแล้วครับ”

รอจนท่านหลงเก็บมือทั้งสองข้างกลับไป นายแพทย์หมอจางถึงค่อยลมหายใจออกมายาวๆ

ทันใดนั้น นายแพทย์จางมองไปยังเฉินตง แววตาลุ่มลึก ผุดรอยยิ้มออกมา “เฉินตง คุณเป็นคนที่มีใจกตัญญู แถมยังโชคดีอีก แม่ของคุณเพียงแค่ต้องผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวไปให้ได้ การผ่าตัดก็นับว่าได้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้ เฉินตงก็อดทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้ว เพียงแป๊บเดียวตาของกลายเป็นสีแดงก่ำ

“ขอบคุณครับ คุณหมอจาง”

คุณหมอจางเห็นว่าเฉินตงกำลังจะคุกเข่า ทันใดนั้นก็ตกใจจนแทบแย่ รีบร้อนห้ามเอาไว้ “หมอมีใจเมตตา นี่เป็นเรื่องที่ผมสมควรทำครับ”

ท่านหลงมีสถานะอะไร เขานั้นรู้แจ้งดีอยู่แล้ว

อาการป่วยของแม่ของเฉินตง สามารถที่จะขอร้องให้ท่านหลงมาทำธุระให้ เฉินตงจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

เฉินตงเองก็ไม่ได้โง่ เมื่อกี้อาการซาบซึ้งของคุณหมอจางต่อท่านหลง ปฏิกิริยาชัดเจนขนาดนั้น ตอนนี้มีปฏิกิริยาแบบนี้กับตัวเอง ก็ปกติจนไม่รู้จะปกติยังไงแล้ว

ถึงแม้จะพูดว่าเป็นหมอมีใจเมตตา แต่ว่าการกระทำของคุณหมอจางต่อพวกเขาสองแม่ลูกก็ยังเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่ว่าเขาสามารถสัมผัสได้ การกระทำก่อนหน้านั้นของคุณหมอจางต่อตัวเขา นั่นถึงจะเป็นความเมตตาของแพทย์ ส่วนในตอนนี้ กลายเป็นความเคารพของลูกน้องต่อเจ้านายมากกว่า

“ท่านหลง ไม่มีเรื่องอะไร ผมขอตัวลงไปก่อนนะครับ ทางฝั่งผอ.ผมนั้นได้รายงานสถานการณ์ไปแล้วครับ” คุณหมอจางพูดขึ้น

ท่านหลงโบกมือ “การมาของผมในครั้งนี้ ไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โต ไม่ไปพบท่านผอ.แล้วกันครับ”

“ครับ”

คุณหมอจางก็ไม่ได้คะยั้นคะยอ แค่เลื่อนสายตามามองเฉินตงด้วยแววตาผิดหวัง บอกลาแล้วก็ออกไป

ปึก!

เฉินตงคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาโตมีน้ำตาคลอมองไปยังท่านหลงแล้วก้มหัวคารวะท่านหลงกับพื้นสามครั้ง

“ขอขอบพระคุณ คุณลุงที่ช่วยชีวิตแม่ของผมเอาไว้ บุญคุณใหญ่หลวง เฉินตงจำเอาไว้ขึ้นใจ…….”

ไม่ได้รอให้เขาพูดจบ ชายชราก็รีบเข้าไปพยุง “คุณชายเฉินตงรีบลุกขึ้นครับ ถ้าเกิดว่าต้องคุกเข่า ก็เป็นผมที่จะต้องคุกเข่าให้กับคุณชายครับ”

เฉินตงมีความฉงนเต็มใบหน้า ความดีใจซาบซึ้งหลังจากที่มารดาได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้ ก็ค่อยๆสงบลง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน แต่ละครั้งที่ท่านหลงเรียกเขาก็มีแต่คุณชายๆ

ภูมิหลังของตระกูลเขาก็ไม่ได้ดีอะไร ตั้งแต่เล็กแม่กับเขาก็พึ่งพาอาศัยกันด้วยชีวิต หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยทำงาน สถานการณ์ในครอบครัวถึงได้ค่อยๆเปลี่ยนไป

ดังนั้น ในตอนนั้นที่หวางหนันหนันแต่งงานกับเขา เขาก็จำเอาไว้จนขึ้นใจ ในใจก็รู้สึกผิด

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คนรับใช้ยังไม่คุยกับเขาเลย

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนรับใช้ที่นั่งรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมอีก!

อยู่ๆท่านหลงก็ยิ้มออกมา อธิบายขึ้น “ที่จริง ครั้งนี้ที่ผมมาช่วยชีวิตมารดาของคุณ ก็เป็นความต้องการของนายท่าน”

หยุดไปชั่วครู่ ท่านหลงก็พูดอธิบายเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “นั่นก็คือบิดาของคุณ”

ครืน!

ร่างกายของเฉินตงสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

พ่อสำหรับเขา ช่างห่างไกลเหลือเกิน

แต่เล็กจนโต แม่เคยบอกกับเขาว่า ก่อนที่เขาจะเกิด พ่อก็ได้ตายไปแล้ว

“ไม่มีทางหรอกครับ พ่อของผม เสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว” เฉินตงส่ายหน้าด้วยความงุนงง

ดูเหมือนท่านหลงจะรู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว อธิบายขึ้นด้วยรอยยิ้ม “บิดาของคุณยังไม่ได้เสียชีวิต ในทางกลับกัน ท่านเป็นคนใหญ่คนโตที่ที่มีเงินมีอิทธิพล ในตอนนั้นกำลังคบหาอยู่กับมารดาของคุณแล้วคุณก็เกิดมา ความวุ่นวายระหว่างนั้น ผมเองก็ไม่รู้จะบอกยังไงด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค”

ภายในใจของเฉินตงก็เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่สาดซัด มือทั้งสองข้างกำแน่น กำลังสั่นเทา ในช่วงขณะหนึ่งมีความรู้สึกรับไม่ได้กับความจริงที่กำลังเกิด “ถ้าเขายังอยู่ แถมยังเก่งกาจแบบที่คุณว่า ทำไมตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยมาหาพวกเราสองแม่ลูกเลยสักครั้ง?”

ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น เขายกมือขึ้นมาชี้มารดาที่กำลังนอนอยู่ในห้องไอซียู “ต้องรอจนถึงตอนที่แม่กำลังจะไม่ไหวแล้ว เขาก็ยังไม่โผล่มา เพียงแค่ส่งคุณมาเท่านั้น?”

“เขานั้นกำลังปกป้องคุณและมารดาของคุณอยู่” ท่านหลงพูด “ในวันนี้บิดาของคุณได้กุมอำนาจภายในตระกูล เขานั้นคิดถึงพวกคุณสองแม่ลูกมาตลอด ในใจสำนึกผิด ดังนั้นก็เลยส่งผมมาเยี่ยมก่อน เพื่อที่จะชดเชยสิ่งเขาทำพลาดไปเวลายี่สิบกว่าปีมานี้”

“ชดเชย? เอาอะไรมาชดเชย?”

เฉินตงดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาจากหางตา กัดฟันพูดออกมาด้วยความโมโห “ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว เขารู้หรือเปล่าว่าผมกับแม่ใช้ชีวิตกันยังไง? ตั้งแต่เด็ก ผมโดนคนอื่นด่าว่าเป็นลูกนอกสมรส เพื่อที่จะเลี้ยงดูผม แม่ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อที่จะไปช่วยคนอื่นทำงาน ที่เธอป่วยแบบนี้ก็เพราะว่าความเหนื่อยล้าสะสม”

แปะ!

ท่านหลงส่งบัตรธนาคารใบสีดำที่ประดับด้วยโมเสกดอกชงโคยัดไว้ในมือของเฉินตง “นี่เป็นความต้องการเล็กๆน้อยๆจากบิดาของคุณครับ”

เฉินตงมองบัตรธนาคารในมือ แล้วเหม่อลอย

บัตรธนาคารแบบนี้ เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ในพริบตา ความโกรธมากมายมหาศาลก็พุ่งออกมา ราวกับภูเขาไฟที่กำลังระเบิดอย่างไรอย่างนั้น ทะลักล้นออกมา

ยี่สิบกว่าปีแห่งความผิดหวัง เพียงแค่ใช้เงินก็สามารถที่จะซื้อเก็บกลับไปได้?

ท่านหลงไม่แท้แต่จะเปิดโอกาสสักนิดให้เขาปะทุ : “บัตรใบนี้เป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น บิดาของคุณส่งผมมาเพื่อที่จะชดเชยความผิดหวังในยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือการรับพวกคุณสองแม่ลูกกลับไปอย่างเปิดเผย”

“แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ คุณชายมีความสามารถมากพอ ทำให้คนในตระกูลพวกนั้นสงบปาก! ผมล่วงหน้ามาก่อน ก็เพื่อที่จะมาเป็นผู้ช่วยทำให้คุณชายเติบโต เติบโตจนถึงวันหนึ่งที่คุณชายจะสามารถสืบทอดแทนบิดาของคุณได้ ถึงตอนนั้นทั้งอำนาจและเงินก็อยู่ในกำมือของคุณ แสงแห่งเกียรติยศที่สารดาคุณควรจะได้รับ ก็จะส่องสว่างอยู่รอบตัวเธอ!”

เฉินตงสับสนไปหมด

คำพูดของท่านหลงดังวนเวียนอยู่ข้างหูราวกับฝันร้าย

รอจนเขานั้นตั้งสติได้ ท่านหลงก็หายตัวไปแล้ว

พลิกบัตรธนาคารดูอีกครั้ง ข้างใต้ยังมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง เป็นช่องทางติดต่อท่านหลง

ถูหน้าไปมา แล้วยิ้มขมออกมา เฉินตงมองแม่ที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยวิกฤติด้วยความกังวล

สำหรับเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านหลงพูดออกมา ไม่ได้สำคัญเท่าความปลอดภัยของแม่เขาเลย

รุ่งเช้าของวันถัดไป

หวางหนันหนันโทรหาเฉินตงตั้งแต่เช้าตรู่ ในสายโทรศัพท์เสียงแหลมหวีดร้องสั่งให้เฉินตงไปทำเรื่องหย่า

เฉินตงไม่ได้พูดอะไรมาก ออกไปจากโรงพยาบาลด้วยความเงียบ โบกรถแท็กซี่ไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน

จากที่ไกลๆ ก็มองเห็นหวางหนันหนันเดินไปเดินมาอยู่ที่ประตูของสำนักงานกิจการพลเรือนด้วยความหงุดหงิด

พบเข้ากับเฉินตง ทันใดนั้นอารมณ์โมโหของหวางหนันหนันก็ปะทุขึ้น ชี้เฉินตงแล้วเริ่มด่า “เฉินตง มึงจำเอาไว้เลยนะ เป็นกูที่ไม่เอามึงแล้ว การแต่งงานในครั้งนี้ก็เป็นกูที่ต้องการหย่ากับมึง ต่อไปหลังจากนี้มึงอย่ามาเสียใจทีหลัง!”

“ไปกันเถอะ ไม่เสียใจทีหลังหรอก” เฉินตงว่า

มองภาพด้านหลังที่ใจเย็นแน่วแน่ของเฉินตง หวางหนันหนันก็ชะงักไปในทันที

คบกันมาสี่ปี แต่งงานอีกสามปี เธอไม่เคยเห็นเฉินตงทำท่าทางแบบนี้ต่อเธอเลยสักครั้ง!

กระทืบเท้าอย่างโมโห เธอก็เร่งฝีเท้าตามเข้าไป

ใช้เวลาสิบนาที กระบวนการหย่าก็สำเร็จ

เดินออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน หวางหนันหนันมองเฉินตงที่จากไปในทันที ก็รู้สึกโมโห “ยังไงก็ต้องมีสักวัน ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างมึงจะต้องเสียใจ!”

ครืด!

รถออดี้A4Lคันหนึ่งก็มาหยุดลงตรงหน้าของหวางหนันหนัน หวางเห้าน้องชายโผล่หน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ หย่ากับไอ้ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)แล้วหรือยัง?”

“หย่าแล้ว” หวางหนันหนันมองมาอย่างตำหนิครั้งหนึ่ง “แกยังเป็นน้องชายของฉันอยู่หรือเปล่า? ฉันหย่าแล้ว ทำไมแกยังดีใจขนาดนี้?”

หวางเห้าหัวเราะออกมา “ไอ้สวะเฉินตงนั่น มันมาแต่งงานกับพี่เรียกว่าใฝ่สูง พี่หย่ากับมันได้เรียกว่าได้ออกมาจากสถานการณ์เลวร้าย”

สีหน้าของหวางหนันหนันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ เรื่องของแกกับแฟนเป็นยังไงบ้าง?”

หวางเห้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ “อย่าไปพูดถึงเลย เสว่เอ๋อทำงานในธนาคารเลยหัวสูง สินสอดห้าแสนที่เธอต้องการ บ้านหลังหนึ่ง รถหนึ่งคัน เงินสองแสนนั่นของเฉินตงก็ยังแก้ปัญหาใหญ่ไม่ได้นะ”

“พี่ขอโทษแกด้วยนะ” หวางหนันหนันถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิด

ในขณะเดียวกัน

หลังจากที่เฉินตงออกไปจากสำนักงานกิจการพลเรือน ก็ไม่ได้กลับไปที่โรงพยาบาลลี่จิงในทันที

แต่กลับเรียกรถแท็กซี่ไปที่ธนาคารใกล้ๆ

ถึงแม้จะเกลียดที่พ่อให้ท่านหลงมาชดเชยส่วนค่าใช้จ่ายให้กับเขา แต่ว่าก็ต้องบอกเลยว่า เงินสตางค์เดียวก็สามารถที่จะล้มชายชาติทหารได้ สถานภาพของเขาในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าดูแลรักษาแม่ตอนหลังจากนี้ หรือว่าจะเป็นค่ากินค่าอยู่ของพวกเขาสองแม่ลูก แท้จริงแล้วล้วนต้องการเงินทั้งสิ้น

บทที่ 1 หย่าร้าง

“ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..”

มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง

ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว

“คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่

คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..”

ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี

แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน”

สองแสน?

ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!”

เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว

“อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว”

นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป

เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา

เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย

เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?”

“หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง”

พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง

ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?”

หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา

“เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้

ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา

แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก

“หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?”

“ขอคืนมา?”

คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?”

เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน”

“ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง

“ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!”

“เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?”

ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา

เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!”

ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย

“แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ”

อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก”

“ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!”

ปัง!

สายตัดไปแล้ว

เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง?

“เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?”

เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?”

“ไร้สาระ!”

หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ

ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด

หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?”

“ช่วยคุณสักครั้ง?”

เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!”

“อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่

เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!”

“กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?”

“พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!”

เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!”

หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?”

แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา

“หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป

เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง

แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ

เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู”

“ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?”

อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย”

ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว

เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง

เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน!

ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ?

ฝืด…….

ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง

กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม

“เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม”

คุณชาย ?!

เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป

ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท