ณ ห้องส่วนตัวชั้นสอง
แสงไฟละมุน
ขณะเฉินตงและฉินเย่เดินเข้าไปในห้อง มองบรรยากาศรอบๆแล้วสบตากัน
เมื่อพนักงานออกไป
เฉินตงขมวดคิ้วพูด:“ห้องประมูลส่วนตัวล้วนเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
“ผมก็งงเหมือนกัน”ฉินเย่ทำหน้าแย่ๆ“จัดแต่งได้ร้อนแรงมาก”
เฉินตงยิ้มมุมปาก แล้วนั่งบนเก้าอี้เอนอย่างไม่มีความรู้สึก
ถ้าแค่แสงไฟละมุนก็แล้วไป
แต่ที่สำคัญคือกลิ่นหอมแรงๆที่ตลบอบอวลไปทั้งห้องนี่สิ บนผนังยังแขวนภาพศิลปะบนเรือนร่างกึ่งเปลือยด้วย
นี่……มีร่วมงานประมูลหรือมาชมนิทรรศการศิลปะกันแน่?
สองหนุ่มอยู่ในห้องส่วนตัวเช่นนี้ ทำให้รู้สึกแปลกๆ
แต่เฉินตงกลับพบว่าหน้าต่างยาวจากเพดานจรดพื้นของห้องส่วนตัวนี้ อยู่ตรงข้ามเวทีประมูลพอดี สามารถเห็นวิวด้านล่างทั้งหมด น่าจะเป็นห้องที่ตำแหน่งดีที่สุด
ตระกูลจางกำลังแสดงความจริงใจ ทว่า……
เฉินตงกวาดตามองรอบห้อง สุดท้ายก็มองไปยังฉินเย่
ความจริงใจนี้เกินไปหน่อยจริงๆ
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของเฉินตง ฉินเย่ก็ทำหน้าขรึม:“อย่าคิดมาก!”
“ออกไป!”
เฉินตงด่าติดตลกไปทีหนึ่ง
ก็อกๆ!
เสียงเคาะประตู
ถัดไป เสียงอ่อนหวานดังมาจากด้านนอก
“ฉันคือจางหยู่หลันตระกูลจาง เข้าไปได้ไหมคะคุณเฉิน?”
เฉินตงพยักหน้า
ฉินเย่จึงพูดขึ้น:“เข้ามาสิ”
เมื่อจางหยู่หลันที่สวมชุดกระโปรงยาวสีขาว เดินเข้ามาให้ห้องอย่างสวยหยาดเยิ้ม
ใบหน้าอันสาวงามก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นทันที
เฉินตงและฉินเย่ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน
เฉินตงรู้แค่ว่าคืนนี้ตระกูลจางแห่งเมืองหลวงเป็นคนเชิญมา แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่มาจะเป็นผู้หญิง
และยังเป็นผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้ม!
ภายใต้แสงไฟอ่อนละมุน ชุดกระโปรงยาวสีขาวเติมแต่งให้จางหยู่หลันสมบูรณ์แบบ ทุกส่วนเว้าส่วนโค้งก็พอดิบพอดี
ใบหน้าสะสวย เมื่อรวมกับสัดส่วนที่แทบสมบูรณ์แบบ สีชมพูอ่อนๆ ดวงตาที่เหมือนดั่งดวงดาว เมื่อเทียบกับดาราใหญ่ในทีวี เธอสวยกว่ามาก
ขณะที่เฉินตงตกตะลึง สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในสมองคือกู้ชิงหยิ่ง
สวยเลิศล้ำทั้งคู่ แต่เมื่อเทียบกันกู้ชิงหยิ่งดูดีกว่า ส่วนจางหยู่หลันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนเจ้าเล่ห์
สวยเหมือนกัน แต่คนหนึ่งอยู่บนสวรรค์ คนหนึ่งอยู่บนโลก
“สวยมาก!”
เสียงตกใจของฉินเย่ ทำลายความเงียบในห้องไป
จางหยู่หลันได้สติจากความประหลาดใจ แล้วกวาดตามองเฉินตงอย่างเอือมระอาแวบหนึ่ง
เป็นแค่บอดี้การ์ด คิดไม่ถึงว่าจะเข้ามาในห้องนี้กับคุณเฉินด้วย?
ฉันอุตส่าวางแผนไว้อย่างดี แต่เสียบรรยากาศเพราะบอดี้การ์ดคนนี้
สายตาเอือมระอาของจางหยู่หลันหายวับไป แต่เฉินตงก็สังเกตเห็นได้อย่างง่ายได้
เฉินตงงุนงง เชิญฉันมาเพื่อแสดงสีหน้าใส่ฉันงั้นเหรอ?
“คุณเฉิน ฉันคือจางหยู่หลัน ลูกสาวจากภรรยาเอกตระกูลจาง”
จางหยู่หลันสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ขณะเดินเข้ามาสะโพกบิดไปมา ท่าทางสะกดใจมาก
จากนั้น ภายใต้สายตาตกตะลึงของเฉินตงและฉินเย่
จางหยู่หลันเอียงตัวเล็กน้อย เดินไปตรงหน้าฉินเย่ จากนั้นยื่นมือขวาออกไป:“เจอกันครั้งแรก คุณเฉินโปรดชี้แนะด้วย”
จำคนผิด?!
เฉินตงและฉินเย่สบตากัน งงกันทั้งคู่
จู่ๆเฉินตงก็รู้สึกตลกขึ้นมา
ภาพพจน์ของตนเมื่อเทียบกับฉินเย่ ไม่เหมือนลูกคนรวยขนาดนั้นเลย?
ตระกูลจางแห่งเมืองหลวงเชิญเขามา แต่ขนาดใครคือเฉินตงยังไม่รู้ ผิดพลาดตั้งแต่เริ่มเลย?
จางหยู่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเฉินตงอย่างโกรธๆ:“มีอะไรน่าตลกงั้นเหรอ?”
เธอรู้สึกไม่ดีกับบอดี้การ์ดตรงหน้าคนนี้มากๆ
ห้องส่วนตัวห้องนี่เธอกับปู่เป็นคนเตรียมไว้ เดิมทีเธอกับเฉินตงควรอยู่กันสองคนตามลำพัง
เธอเชื่อว่าจากความสวยและความเจนโลกของเธอ สามารถเพิ่มความรู้สึกดีๆกับเฉินตงเป็นเท่าตัวได้ในชั่วข้ามคืน
แต่บอดี้การ์ดคนนี้กลับกลายเป็นขวากหนามของแผนการในครั้งนี้
เฉินตงหุบยิ้ม และไม่ได้โกรธ กลับกันเขากลับรู้สึกว่าสถานการณ์นี้น่าสนใจมาก
ถ้าอีกเดี๋ยวจางหยู่หลันรู้ความจริง จะมีท่าทียังไง?
จางหยู่หลันมองฉินเย่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม:“คุณเฉินใจกว้างมากจริงๆ ที่ไม่ให้บอดี้การ์ดยืนรอหน้าประตู แต่ให้เข้ามาในห้องด้วยกัน นี่ต่างจากลูกคนรวยคนอื่นๆที่จางหยู่หลันเคยเจอมาเลย”
“ฮะฮ่า!”
ทันใดนั้นฉินเย่ก็หัวเราะออกมา หน้าแดงเล็กน้อย
ภาพนี้ทำให้จางหยู่หลันอึดอัด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พูดอะไรผิดงั้นเหรอ?
ฉินเย่โบกมือไปมาทันที:“ไม่เป็นไรๆ เหมือนพี่น้องนั่นแหละ จะถือสาได้ยังไง?”
เฉินตงไม่โต้แย้ง ฉินเย่ก็ครุ่นคิด ไม่ได้อยากบอกความจริงกับจางหยู่หลัน
ขณะพูดฉินเย่ก็เดินเข้าไป ก้มหน้ามองจางหยู่หลันด้วยสายตาอ่อนโยน
ริมฝีปากเปิดออกเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ:“ที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงคือคุณจางหยู่หลันจะสวยขนาดนี้ ทำให้ผมประหลาดใจมากจริงๆ”
รับรู้สายตาของฉินเย่ พลางฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
จางหยู่หลันแอบดีใจ
ความประทับใจแรกมีแล้ว ต่อไปก็จัดการง่ายแล้วล่ะ
เธอมีหลายวีธีที่จะรับมือกับคนไม่เอาถ่าน
เพิ่มความรู้สึกดีนั้นง่ายนิดเดียว
“คุณเฉินพูดเป็นเล่นไป ความสวยของจางหยู่หลัน เหมาะสมกับคำชมของคุณเฉินที่ไหนกัน?”
มือเรียวยาวขาวของจางหยู่หลันจับมือขวาฉินเย่ไว้ หลังจากสัมผัสมือ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉินเย่มือสั่น ความมั่นใจของเธอก็เพิ่มขึ้นทันที
ที่สุดแล้วก็เป็นการจับมือแบบมารยาท ทั้งสองปล่อยมือกันโดยเร็ว
แต่ฉินเย่และจางหยู่หลันยังคงสบตากัน ทั้งคู่แฝงไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
บอกว่าเป็นการเล่นหูเล่นตาก็ไม่เกินไป
เฉินตงเห็นกับตา หน้าแดงเล็กน้อย
สายตาเขาเหลือบไปเห็นแสงไฟละมุนที่ถูกจัดเตรียมไว้ด้านล่างห้องส่วนตัว
เฉินตงรู้ถึงจุดประสงค์ของตระกูลจางแล้ว
ตระกูลจางดีสนิทเก่ง แต่กลับไม่รู้จักสืบเรื่องของฉันมาให้ดีหรือยังไง?
ไม่รู้จักฉันก็แล้วไป แต่สืบไม่รู้ว่าฉันมีคู่หมั้นแล้วงั้นเหรอ?
“นั่งสิ”
ครู่ใหญ่ ฉินเย่จูงมือจางหยู่หลัน และเชิญให้จางหยู่หลันนั่งอย่างสุภาพบุรุษสุดๆ
ส่วนจางหยู่หลันก็แสดงออกมาอย่างสำรวมมีมารยาท แต่หน้าตายังคงสง่า
เมื่อทั้งคู่นั่งลงก็พูดคุยกันอย่างเฮฮา
เฉินตงกลับเหงา นั่งเปล่าเปลี่ยวอีกด้านอยู่คนเดียว
แต่เขาก็ไม่แคร์ เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้
จางหยู่หลันจำคนผิด พอดีเลย ให้ฉินเย่ที่มีลูกไม้แพรวพราวเป็นไม้กันหมาให้เขา
พวกเขาจะคุยกันยังไงก็ช่าง แค่ไม่ประทับใจเขาก็พอ
“จริงสิคุณเฉิน งานประมูลคืนนี้น่าสนใจดีนะคะ”
จู่ๆจางหยู่หลันก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนช้อย
เฉินตงเลิกคิ้ว หันไปมองโดยสัญชาตญาณ
จางหยู่หลันรู้สึกได้ถึงสายตาของเฉินตง ก็พลางขมวดคิ้ว จากนั้นหันไปพูดยิ้มๆกับฉินเย่:“ของประมูลชิ้นสุดท้ายในคืนนี้คือเครื่องประดับTears of the Blue Seaชุดหนึ่ง เป็นเพชรสีน้ำเงินทั้งเม็ด ออกแบบและผลิตโดยดีไซเนอร์ชั้นนำเลย ผู้หญิงทุกคนต้องชอบอย่างแน่นอน”
บอกเป็นนัยๆ!
ดูจากลำดับในวงค์ตระกูลของจางหยู่หลัน คงไม่ต้องให้คนประมูลTears of the Blue Seaให้เธอหรอก แต่นี่เป็นเหมือนการทดสอบได้
ถ้า“เฉินตง”ประมูลให้เธอ งั้นความสัมพันธ์ก็ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
เฉินตงลูบจมูกไปมา สายตาล้ำลึก ครุ่นคิด
“Tears of the Blue Sea?ดูเหมือนว่าหลังจากคบกับเสี่ยวหยิ่ง ยังไม่เคยให้ของขวัญอะไรเธอเลย”