The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 275 แผนการรับมือกับเรื่องเลวร้ายของตระกูลฉิน

บทที่ 275 แผนการรับมือกับเรื่องเลวร้ายของตระกูลฉิน

สองวันเต็มๆ

บรรยากาศภายในตระกูลฉินเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ

ตระกูลสูงส่งที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ แต่ภายในคฤหาสน์ ทุกคนกลับตกอยู่ในความหวาดระแวงและหวาดกลัว

ราวกับมีทีท่าว่าพายุใหญ่กำลังจะมา

ทุกคนในคฤหาสน์ล้วนได้ยินอย่างชัดเจนว่า มีเสียงอาละวาดที่เกรี้ยวกราดและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังออกมาจากห้องของเจ้าบ้าน

ทุกคนรู้ดีว่า การเลี้ยงฉลองงานวันเกิดของเจ้าบ้านในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น

ภายในห้องที่มืดสนิท

มีเส้นเลือดปูดโปนออกมาจากหางตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ดวงตาแดงก่ำ

“ติดต่อไม่ได้อีกหรือ ? ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีก ?”

ฉินเห้อเหนียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก เขาตกใจจนสติแทบจะหลุดออกจากตัว

“พ่อครับ พ่อใจเย็นก่อนนะครับ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะต้องใจเย็นเข้าไว้นะครับ”

“ใจเย็น ? แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเขวี้ยงกาหม้อดินโบราณที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง : “ในเมื่อบอกให้ฉันใจเย็น ถ้าเช่นนั้นแกบอกฉันมาสิว่าจะต้องทำอย่างไรกันดี ?”

ฉินเห้อเหนียนยืนตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก

เฉินตงมีตระกูลเฉินคอยหนุนหลังอยู่ เขามาด้วยแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้าหากไม่สามารถพึ่งพาคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้อีก เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำใช่เช่นแล้ว

ลำพังแค่เฉินตงเพียงคนเดียว ไม่ได้อยู่ในสายตาของสมาชิกตระกูลฉินเลยเสียด้วยซ้ำ

แต่เมื่อมีตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ ทุกคนในตระกูลฉินต่างไม่กล้าที่จะดูถูก

ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง เป็นตัวอย่างที่เคยมีให้เห็นมาแล้ว

เฉินเต้าหลินสามารถนำทัพเครื่องบินรบไปจัดการกับพวกเขาโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

ถึงแม้ตระกูลหลี่จะเป็นตระกูลที่เก่าแก่ หัวโบราณ ไม่เหมือนกับตระกูลฉินที่กำลังรุ่งโรจน์ราวกับพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างอยู่กลงท้องฟ้า

มีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเฉินแล้ว ตระกูลหลี่และตระกูลฉินก็ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างกันมากอีกต่อไป

“โทรต่อไป โทรต่อไปเรื่อยๆ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

ฉินเห้อเหนียนรีบลุกขึ้นแล้วพยายามโทรหาคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต่อทันที

“สมควรตาย ! สมควรตายจริงๆ ! คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน นี่คุณคิดจะทอดทิ้งพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลฉินหรืออย่างไร ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เอาหายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ความคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว : “เป็นไปไม่ได้ คุณไม่มีทางโง่แบบนั้นแน่ คุณยังไม่โง่ถึงขนาดเป็นคนแก่ที่ไร้น้ำยา ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลฉินได้ คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเต้าหลินเสียด้วยซ้ำ”

เป็นเพราะการคิดอย่างถี่ถ้วน เมื่อติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่ได้ตลอดสองวัน ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินยิ่งกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงก่ำ ส่องประกายรังสีของความอำมหิตออกมา

เขากัดฟันพูดออกมาว่า : “พรุ่งนี้เป็นวันที่เฉินตงกำหนดให้เป็นวันสุดท้าย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้ ก็อย่าโทษหากตระกูลฉินของเราจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายก็แล้วกัน”

“พ่อครับ ยังติดต่อไม่ได้ครับ”

น้ำเสียงของฉินเห้อเหนียนสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง

ตอนนี้เขารู้ดีว่าพ่อของเขากำลังรู้สึกหมดหวังอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องพูดผลลัพธ์ออกมาให้พ่อของเขาได้รับรู้

แต่ทว่า

สิ่งที่ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกแปลกใจก็คือ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกลับโบกมือแล้วถอนหายใจออกมา

แล้วหันกลับมาถามว่า : “ซวนเอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ?”

นี่มันเรื่องอะไรกัน ?

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจและรีบตอบกลับไปว่า : “แขนเชื่อมต่อกันจนติดดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ แต่ว่าเรื่องนี้ทำให้ซวนเอ๋อรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก”

“เฮ้อ ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลฉินเรา ไม่มีใครสามารถดูแลตระกูลฉินได้เลยจริงๆ หรือ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ : “น่าเสียดาย ครั้งนี้ฉินเย่พาเสี่ยวเชียนไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันเองก็อยากให้เสี่ยวเชียนกลับเข้ามาอยู่ในตระกูลฉินอีกครั้ง ด้วยความสามารถของเธอ สามารถดูแลตระกูลฉินได้แน่นอน ต่อไปหากทายาทรุ่นต่อไปของพวกซวงเอ๋อคิดที่จะยึดอำนาจคืนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก”

“พ่อครับ……” สีหน้าของฉินเห้อเหนียนไม่สู้ดีนัก

เขารู้ดีว่า การเลือกผู้สืบทอดมรดกเพื่อที่จะเข้ามาดูแลตระกูลที่ร่ำรวยนั้น จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่การที่จะให้พวกทายาทนอกสมรสขึ้นมาดูแลตระกูลฉิน อย่าว่าแต่ทายาทรุ่นที่สามอย่างพวกซวนเอ๋อจะไม่ยินยอมเลย แม้กระทั่งทายาทรุ่นที่สองอย่างพวกเขาก็ไม่มีทางยินยอมเช่นกัน

“พ่อเข้าใจความคิดของพวกแกพี่น้องดี แต่การให้ทายาทนอกสมรสเข้ามาดูแลตระกูลฉินก็เป็นเพียงแค่แผนการขั้นหนึ่งเท่านั้น

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินโบกมือเพื่อเป็นการตัดบทฉินเห้อเหนียน เขากลอกตาแล้วพูดออกมาอย่างลึกซึ้งว่า : “แกรีบติดต่อซวนเอ๋อและบรรดาทายาทรุ่นที่สามเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วออกจากซีสู่ทันที ถ้าออกนอกประเทศได้ก็จะเป็นการดีที่สุด ไม่ต้องบอกพวกเราว่าพวกเขาไปไหน รอให้เรื่องนี้จบลงแล้วค่อยกลับมาที่ตระกูลฉินในซีสู่”

“พ่อครับ จำเป็นต้อง……ทำถึงขนาดนี้เลยหรือครับ ?”

ฉินเห้อเหนียนตระหนักได้ในทันทีว่า พ่อของเขากำลังเตรียมแผนการรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว

“จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเลิกคิ้วแล้วหันไปมองฉินเห้อเหนียนด้วยความโมโห : “แกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ? แกเชื่อไหมว่า คำสั่งเช่นนี้ ถ้าหากฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนได้รับฟังแล้วล่ะก็ พวกเขาจะปฏิบัติตามในทันที และออกไปจากตระกูลฉินเงียบๆ และรวดเร็วที่สุด ?”

เห็นได้ชัดว่า นี่กำลังเป็นการตำหนิว่าฉินเห้อเหนียนเองก็ยังไม่อาจเทียบฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนได้

สีหน้าของฉินเห้อเหนียนไม่น่าดูนัก พ่อนำเขาไปเปรียบเทียบกับเด็ก ซึ่งถือเป็นการดูถูกเขาอย่างมาก

สักพัก คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินจึงค่อยๆพูดออกมาว่า : “พวกเราไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับเฉินตง แต่พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับเฉินเต้าหลินซึ่งอยู่เบื้องหลังเฉินตง เตรียมตัวเอสไว้ให้ดี ดีกว่ารอให้มีดมาจ่อคอแล้วทำอะไรไม่ถูก”

“เข้าใจแล้วครับ” ฉินเห้อเหนียนพยักหน้า แล้วหันหลังเดินจากไป

ในห้องที่มืดมิด เหลือเพียงคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเพียงแค่คนเดียว

บรรยากาศเย็นเยือกถึงขีดสุด และเงียบสงบจนน่าประหลาด

พักใหญ่

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินค่อยๆ ถอนหายใจออกมา : “หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนี้นะ……”

หลังจากพวกของฉินซวนออกจากตระกูลฉินไปแล้ว ตระกูลฉินก็พยายามปกปิดที่อยู่ของพวกเขาให้เป็นความลับมากที่สุด

แต่ในเมืองซีสู่ มีทั้งมังกรและเสือหมอบหลบซ่อนตัวอยู่ ในโลกของตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยและยักษ์ใหญ่ผู้มีอำนาจ ไม่รู้ว่ามีสายตาสักกี่คู่ที่กำลังจับจ้องมาที่ตระกูลฉิน

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในงานฉลองวันเกิดของตระกูลฉิน ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของบรรดาตระกูลใหญ่มากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ ข่าวการหายตัวไปจากตระกูลเฉินของพวกฉินซวน กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในตระกูลใหญ่ๆ ทุกตระกูลในซีสู่ทันที

ทุกคนเมื่อรับรู้ข่าวนี้ ต่างก็รู้สึกตกใจและถอนหายใจกันออกมา

ตระกูลฉิน……เตรียมรับมือกับเรื่องเลวร้ายที่สุดแล้วหรือนี่ ?

ท้องฟ้าของซีสู่……กำลังจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หรือ ?

บ้างก็รู้สึกทอดถอนใจ บ้าก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บ้างก็กำลังตั้งตารอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

ตระกูลฉินอยู่ในตำแหน่งของผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในซีสู่ จู่ๆ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไป นี่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในซีสู่กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว ตำแหน่งเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองซีสู่ คงจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือเสียที !

หากคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ จากที่ปกติแล้วต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลฉิน ครั้งนี้ก็จะสามารถลืมตาอ้าปาก และช่วงชิงตำแหน่งผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองมาครองได้

ความจริงก็ควรต้องเป็นเช่นนี้

คืนนั้น

คฤหาสน์สู่ซานได้ต้อนรับแขกลึกลับคนหนึ่ง

“คุณชาย จูเก่อชิงจากตระกูลจูเก่อขอเข้าพบครับ” เฉินทงเข้ามารายงาน

“ตระกูลจูเก่อ ?”

เฉินตงหันไปมองเฉินทงและฉินเย่ด้วยความสงสัย

ฉินเย่ยักไหล่แล้วพูดว่า : “ตระกูลเก่าแก่ที่ตั้งรกรากอยู่ในซีสู่ ถือได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิมของเมืองนี้ มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก”

“ตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิม ?”

เฉินตงรู้สึกสนใจ เขาลูบจมูกและพูดติดตลกว่า : “คงไม่ใช่ทายาทของจูเก่อขงเบ้งหรอกนะ ?”

ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวย และตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิม หากมีบรรพบุรุษเป็นผู้มั่งคั่งและมีอำนาจในอดีต คนรุ่นหลังก็เทียบได้กับเป็นพื้นหลังของประวัติศาสตร์แล้ว

หากได้รับการเรียกขานว่าเป็นตระกูลชั้นสูงดั้งเดิม ถ้าไม่ใช่เพราะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายที่สุด ก็จะต้องดำรงตำแหน่งตระกูลชั้นสูงมาอย่างยาวนานที่สุด

แต่ทว่า

เฉินทงกลับยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “จากข่าวลือและการสืบหาข้อมูลของหน่วยข่าวกรองตระกูลเฉิน ดูเหมือนว่าจะใช่นะครับ”

เฉินตง : “o?o”

เฉินตงลังเลอยู่สักพักแล้วจึงพยักหน้า : “ไปพบเขาสักหน่อยก็ได้”

ส่วนทางด้านตระกูลฉิน

เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน

มือทั้งสองข้างของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินจับตู้หนังสือเอาไว้แน่น เขาหายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ

“ตระกูลจูเก่อ ตอนนี้ตระกูลจูเก่อไปหาเฉินตง หรือพวกเขาคิดว่าท้องฟ้าของซีสู่จะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จึงคิดที่จะกำจัดตระกูลฉินของเราโดยเร็ว ?”

ฉินเห้อเหนียนตกใจจนคุกเข่าลงไปที่พื้น ตัวของเขาสั่นเทา

ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ หากรู้ว่าพ่อจะโมโหขนาดนี้ เขาก็คงไม่นำเรื่องนี้มาบอกพ่อของเขาตั้งแต่ต้น

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท