คำตอบที่เย็นชาไม่แยแส ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นถึงกับตะลึงค้าง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงที่กำลังเดินห่างออกไปทุกที ๆ พลางร้องไห้: “ตงเอ๋อ ตาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว หลานไม่คิดว่าเราเป็นสายเลือดเดียวกันบ้างเลยเหรอ ? ฉันเป็นพ่อของแม่เธอ เป็นตาของเธอนะ! ตระกูลหลี่ในเวลานี้ มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแล้วที่จะช่วยได้!”
“หุบปาก!”
เฉินตงพลันบังเกิดจิตสังหาร หันหน้ากลับมาแบบกะทันหัน: “เป็นสายเลือดเดียวกันงั้นเหรอ! ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คุณเคยคิดถึงมันบ้างมั้ยล่ะ ? หรือลืมไปแล้วว่าแม่ต้องลำบาก ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน จากน้ำมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ ๆ น่ะหา?!”
“ถ้าฉันไม่คิดถึงไอ้คำว่าสายเลือดเดียวกันนี่ล่ะก็ ฉันคงอดใจไม่ไหว แล้วฆ่าคุณให้ตายกับมือตัวเองไปนานแล้ว!”
“รีบไสหัวกลับไปเมืองหลวงให้พ้น ๆ หน้าฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าขืนยังมารบกวนฉันอีกล่ะก็ กะอีแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดกระจิริดแค่นี้ ฉันก็จะไม่นับมันแล้ว!”
เฉินตงหันกลับไปอย่างแน่วแน่ แล้วก้าวเดินยาว ๆ จากไป
เมื่อตอนที่พ่อกลับไปตระกูลเฉิน เขาทิ้งทุนไว้มากมายให้กับแม่ ด้วยความสามารถของแม่ ไม่ต้องพูดถึงการทำให้บริษัทมีความเจริญรุ่งโรจน์มากขึ้น แค่การรักษาธุรกิจเอาไว้ก็ยังถือได้ว่ามากเพียงพอแล้วด้วยซ้ำ
แล้วตระกูลหลี่ล่ะ?
แค่บังคับแย่งชิงไปไม่ว่า ถึงขั้นที่ไม่ต้องการให้แม่ทำอะไรได้สำเร็จ จึงวางแผนการล้อมโจมตีแบบลับ ๆ ชนิดไม่เหลือที่ให้หายใจ
บีบบังคับพวกเขาสองคนแม่ลูก ให้ตกลงไปในห้วงเหวลึกอย่างโหดร้าย
ยี่สิบปีที่แล้ว ตระกูลหลี่ไม่เคยสนใจว่าแม่จะเป็นตายร้ายดียังไง ยี่สิบปีต่อมา เขาได้กลายเป็นตัวตนที่ตระกูลหลี่ไม่สามารถปีนป่ายไขว่คว้าถึงได้ไปแล้ว!
เหตุในอดีต ผลของวันนี้ นี่แหละคือผลกรรมที่สาสมที่สุด!
“ตงเอ๋อ ตงเอ๋อ….”
คุณท่านใหญ่หลี่ร้องไห้ฟูมฟาย คลานเข่ากระเสือกกระสนพยายามไล่ตามเฉินตงไป
“พ่อ พ่อใจเย็น ๆ ก่อน พ่อใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ”
หลี่เต๋อซานรีบลุกขึ้น พยายามประคองคุณท่านใหญ่หลี่อย่างสุดความสามารถ จ้องมองเฉินตงที่กำลังเดินห่างออกไป: “เจ้าเดรัจฉานอกตัญญูนี่ มันถึงกับคิดจะฆ่าพ่อแล้วด้วยซ้ำ ทำไมพ่อถึงยังต้องไปก้มหัวขอร้องมันขนาดนี้ด้วย?”
“กลับบ้าน พวกเรากลับบ้านเถอะ!” หลี่เต๋อซานรู้สึกเจ็บปวดใจ ขณะที่เห็นพ่อร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
แม้ว่าเขาจะโกรธมาก แต่เขาก็รู้ดีว่า พ่อของเขากำลังทำเช่นนี้เพื่อปูเส้นทางในอนาคต รวมไปถึงพยายามหาที่พักพิงสำหรับคนตระกูลหลี่ทั้งตระกูล!
แต่ในฐานะคนเป็นลูก เขาทนรับมันไม่ได้จริง ๆ
“พรุ่งนี้เรากลับเมืองหลวงกัน ต่อให้ตระกูลหลี่ต้องจบสิ้นลง ก็จะไม่ยอมให้พ่อต้องมาโดนดูถูกขนาดนี้แล้ว!”
หลี่เต๋อซานช่วยพยุงคุณท่านใหญ่หลี่ขึ้นรถ แล้วตามขึ้นรถไปทีหลัง
เบนท์ลีย์หันหัวหลังกลับ พุ่งทะยานลงจากภูเขาไป
“คุณชาย พวกนั้นไปแล้วครับ” คุนหลุนหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
เฉินตงพยักหน้าอย่างเฉยเมย: “ทำฉันคลื่นไส้เป็นบ้า”
คุนหลุนนิ่งเงียบไม่พูดจา แค่เดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ตกดึกสงัด
กลับไปยังห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมไท่ซาน
ตาของคุณท่านใหญ่หลี่เป็นสีแดงก่ำ นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหม่อลอย
หลี่เต๋อซานนั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าง่วงงุนเต็มที่ แม้ว่าเปลือกตาของเขาแทบจะปิดเพราะความง่วงมากแค่ไหน เขาก็ยังไม่กล้าไปนอนก่อน
หลังกลับมาจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน
คุณท่านใหญ่หลี่ก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา
เจ้าบ้านตระกูลหลี่ผู้สง่างาม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวง
จวบจนอายุมากขนาดนี้แล้ว ถึงกับยอมทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมด แล้วคุกเข่าให้เด็กรุ่นหลัง
นี่ถือเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่โจมตีความภาคภูมิใจของเขา!
หลี่เต๋อซานกังวลว่าพ่อของเขาจะทนรับไม่ไหว จนทำเรื่องโง่ ๆ ลงไป เขาจึงอยู่ข้าง ๆ พ่อตลอด
อาการง่วงนอน จู่โจมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า
เปลือกตาเริ่มหนักเหมือนมีเหล็กมากดทับ เอาแต่จะปิดเองอย่างควบคุมไม่ได้
หลี่เต๋อซานหยิกต้นขาตัวเองแรง ๆ ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขารู้สึกมีสติขึ้นมาหลายส่วน
มองดูเวลาตอนนี้ ก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “พ่อ พักผ่อนเถอะครับ”
ท่านใหญ่หลี่ไม่ขยับ เพียงฝืนกะพริบเปลือกตาที่บวมช้ำเบา ๆ
หลี่เต๋อซานจนใจทำอะไรไม่ถูก ทั้งเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ได้แต่ถูใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองมีสติ
เขาไม่กล้านอนจริงๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และความง่วงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
แม้แต่การหยิกต้นขากับถูใบหน้า ก็ไม่สามารถหยุดอาการง่วงนอนได้
ในที่สุด เปลือกตาของหลี่เต๋อซานก็ปิดลงโดยไม่รู้ตัว ความง่วงเข้าจู่โจมโหมกระหน่ำ
คร่อก!
เสียงเบา ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น
ในห้องที่เงียบสงัด เป็นเหมือนดั่งเสียงฟ้าร้องอันดุดันกัมปนาท
หลี่เต๋อซานตัวสั่น ลืมตาตื่นขึ้นมาในทันใด
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็จ้องไปที่คุณท่านใหญ่หลี่ที่อยู่ตรงหน้าเขา
แต่เมื่อมองไปเห็น ในหัวก็เกิดเสียงระเบิดดัง “บึ้ม” ขึ้นมาอย่างน่ากลัว การเคลื่อนไหวพลันกลายเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
“พ่อ!”
เสียงร้องไห้อันเศร้าโศกชวนเวทนา ดังขึ้นอย่างฉับพลัน
ในเวลานี้ คุณท่านใหญ่หลี่ได้ล้มลงบนเก้าอี้ไปแล้ว ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นเบิกกว้าง
มีกริชเล่มหนึ่งปักคาอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของเขา เลือดสด ๆ ไหลพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุตามร่องเลือดที่กริชปักลงไป
อาบย้อมไปทั่วพื้น รวมถึงทุกสิ่งรอบตัวคุณท่านใหญ่หลี่จนเป็นสีแดงฉาน
เป็นฉากนองเลือดที่น่าสะพรึงกลัวมากฉากหนึ่ง
แทบจะทำให้หลี่เต๋อซานเป็นลมไป
แต่สัมปชัญญะที่ยังเหลืออยู่ ทำให้เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ด้วยสายตาที่ดุดันกราดเกรี้ยว เขารีบมองค้นหาไปรอบ ๆ
เขาแน่ใจว่าตัวเองตื่นทันทีที่ได้ยินเสียง ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ฆาตกรต้องยังอยู่ที่นี่แน่!
“หยุดนะ!”
ทันใดนั้น หลี่เต๋อซานก็ตะโกนอย่างโกรธจัด
ประตูห้องกลับถูกเปิดค้างไว้ครึ่งหนึ่ง เขาเห็นเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกไป
หลี่เต๋อซานรีบไล่ตามออกไปด้วยความโกรธแค้น ความแค้นที่ฆ่าพ่อไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ในเวลานี้ ไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น
แต่เมื่อเขาตามไปจนถึงประตูหน้า
ทันใดนั้น ตรงหน้าก็พลันมืดลงอย่างทันหัน
พลั่ก!
ฝ่าเท้าหนัก ๆ ข้างหนึ่ง เตะเข้าที่กลางหน้าอกของเขาอย่างดุดัน ทำให้เขาถึงกับกระเด็นกลิ้งกลับเข้าห้องไปตรง ๆ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ไม่ยอมไสหัวกลับเมืองหลวง งั้นก็สมควรตาย ๆ ไปซะ!”
หลี่เต๋อซานล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง แต่เจ้าตัวไม่สนใจความเจ็บปวด รีบเงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปที่ด้านนอกประตู
แต่แม้กระทั่งเงาผีสางที่ไหน ก็หายไปจนหมดไม่มีเหลือแล้ว
แต่เสียงเมื่อครู่นี้ เป็นเสมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องกัมปนาท ฟาดเข้ากลางใจจนทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย
“ไอ้สารเลวเอ้ย…ไอ้สารเลวน่าตายนั่น….”
หลี่เต๋อซานกัดฟันกรอด พยายามฝืนลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไปที่ประตู
ทางเดินที่เปิดไฟสว่างจ้า กลับว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงาของใครแม้แต่คนเดียว
เป็นความหวาดกลัวที่จมดิ่งยาวนาน บาดลึกแทรกซึมในใจอย่างเงียบงัน
หลี่เต๋อซานตะลึงค้างอยู่ในภวังค์ คำพูดนั้นยังดังก้องวนเวียนซ้ำ ๆ อยู่ในสมองไม่หยุด
เขาหันกลับมาอย่างเชื่องช้า ก้าวเดินโซซัดโซเซไปตรงหน้าคุณท่านใหญ่หลี่ ผู้ที่หมดลมหายใจไปนานแล้ว
ตึง!
หลี่เต๋อซานคุกเข่าลงกับพื้น พาดสองมือลงบนหัวเข่าของร่างไร้วิญญาณของคุณท่านใหญ่หลี่ แล้วเริ่มร้องไห้โฮอย่างหมดท่า: “พ่อ … ”
เสียงร้องไห้นั้นดังสะท้านสะเทือน สะท้อนโศกนาฏกรรมอันน่าสลดหดหู่
ในห้องสวีทหรู อาบย้อมไปด้วยเลือดเจิ่งนอง
ศพของคุณท่านใหญ่หลี่เย็นลงอย่างรวดเร็ว ยกเว้นเพียงดวงตาแดงก่ำคู่นั้นที่ยังคงเบิกกว้าง มองค้างไปที่เพดาน ปากอ้าเปิดเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่เต็มใจรับความตายนี้
เพียงไม่นาน เสียงร้องไห้ก็ดึงดูดผู้คนภายในโรงแรมทั้งหมด
หลังเสียงหวีดร้องด้วยความแตกตื่นตกใจดังต่อเนื่องกัน ไม่นานในห้องก็เต็มไปด้วยผู้คน
ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่หลี่เต๋อซานด้วยความแตกตื่น
หลี่เต๋อซานตัวสั่นเทิ้ม ร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กเล็ก ๆ เป็นภาพที่น่าอนาถชวนสังเวชใจอย่างยิ่ง
เขาคิดไม่ถึงเลยสักนิด ทั้งที่ป้องกันอย่างเต็มที่ แค่เพราะความง่วงเพียงชั่วขณะ สุดท้ายกลับยังปล่อยให้เรื่องร้ายแรงแบบนี้เกิดขึ้นจนได้
สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ พ่อไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นการถูกคนอื่นลอบฆ่าจนตาย!
หลี่เต๋อซานเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เจ็บปวดใจเหลือจะเอ่ย
เขาร้องไห้ไปพลางพร่ำเพ้อไม่หยุดว่า: “พ่อ… พวกเราไม่น่ามาที่นี่เลย ไม่น่ามาที่นี่เลย. … ความแค้นนี้! ต่อให้ตระกูลหลี่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเท่าไหร่ ผมก็จะแก้แค้นให้พ่อให้ได้! ”
เขาปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างรุนแรง
เพียงชั่วพริบตา หลี่เต๋อซานก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราด
“ไม่ยอมไสหัวกลับเมืองหลวง งั้นก็สมควรตาย ? จะมีสักกี่คนที่พูดอะไรแบบนี้ได้?”
“ชั่วร้ายเลวทราม! ถึงกับฆ่าญาติผู้ใหญ่! แกช่างขวัญกล้าบังอาจซะจริงนะ! ไม่กลัวบาปกลัวกรรมสักนิดเลยรึไง? แกไม่กลัวถูกฟ้าผ่าบ้างเลยรึไง!?”
หลี่เต๋อซานค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ประโยคอันคุ้นหูเมื่อครู่ เป็นประโยคที่เขาเพิ่งได้ยินกับหูเมื่อไม่นานมานี้ ที่เฉินตงได้พูดตรงหน้าบ้านพักเขตวิลล่าเขาเทียนซานนั่นเอง
เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นแค่คำขู่ แต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแค่ผ่านไปคืนเดียว มันจะกลายเป็นความจริงไปซะแล้ว
ที่เมื่อครู่เฉินตงกล้าพูดแบบนั้นออกมา ย่อมไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกต่อไป
ใช่แน่!
เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เมืองนี้เป็นที่ถิ่นของเขา เป็นเหมือนสวนหลังบ้านด้วยซ้ำ เขายังต้องกังวลอะไรอีกล่ะ?
หลี่เต๋อซานกัดฟันกรอด ชั่วขณะนั้น ในใจก็บังเกิดจิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นมา ใบหน้าปรากฏร่องรอยความบ้าคลั่งกระหายเลือด
“ต่อให้ต้องใช้ทุกอย่างของตระกูลหลี่ทุ่มลงไปจนหมดตัว ฉันก็จะฆ่าแกให้จงได้ จะถลกหนังป่นกระดูกแกให้แหลกเป็นผุยผง!”