อากาศดูคล้ายจะหยุดนิ่งลง ณ ชั่วเวลานั้น
รอบด้านล้วนเงียบสนิท
พระอาทิตย์ส่องแสงเป็นประกาย
ลมพัดแผ่วโชยเอื่อย แต่กลับมีเพียงเสียงกรอบแกรบของใบไม้
ผั๊วะ!
จู่ๆ คุนหลุนก็ยกเท้าขวาขึ้น แล้วเตะหินโมเสกที่วางประดับเรียงรายอยู่บนพื้นจนหลุดออก
จากนั้น ภายใต้สายตางุนงงของเฉินตงที่จ้องมองอยู่
คุนหลุนก็ก้มตัวลงไปหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วขว้างมันไปทางประตูคฤหาสน์อย่างแรง
ภายใต้แรงขว้างอันมหาศาล ก้อนหินนั้นถึงกับส่งเสียงหวีดหวิว เกิดเป็นเสียงลมขณะที่มันลอยผ่านอากาศไป
นั่นทำให้เฉินตงตกใจระคนงุนงงมาก
แต่แล้ว ในตอนที่หินก้อนกำลังจะลอยไปถึงประตูคฤหาสน์นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
วี้ดดดดดดด!
ที่กลางอากาศ จู่ ๆ ก็เกิดเสียงหวีดแหลมดังเสียดแทรกขึ้นมาจนแสบแก้วหู
เสียงหวีดแหลมนั้นสับสนสะเปะสะปะ ทำให้ยากต่อการจับทิศทางที่เป็นต้นเสียงได้
แต่ในชั่วพริบตานั้น ก้อนหินที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศก็แตกออกเป็นสองเสี่ยง แล้วตกลงสู่พื้น
“นี่มันสถานการณ์บ้าบออะไรกันเนี่ย!?”
เฉินตงสีหน้าเปลี่ยนอย่างหนัก อดร้องอุทานออกมาไม่ได้
หลังจากพูดจบ หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำรัวเร็วราวลั่นกลอง เรียกได้ว่าเหมือนหัวใจแทบจะกระเด็นออกจากอกได้อยู่แล้ว
แม้จะอาศัยสติที่แน่วแน่มั่นคงอยู่เสมอของเขา ในเวลานี้ก็ยังยากที่จะควบคุมอารมณ์ได้
หากไม่ใช่เพราะคุนหลุนเรียกให้เขาหยุดแล้วล่ะก็ เมื่อครู่เขาคงจะเดินเข้าไปทั้งอย่างนั้นแล้ว
และเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งความสูงที่ก้อนหินแตก ก็พบว่ามันอยู่ตรงตำแหน่งมุมคอของเขาพอดิบพอดีอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าเมื่อครู่นี้เขาเดินเข้าไป คอของเขาก็จะเป็นเหมือนหินก้อนนั้น คือถูกบั่นจนขาดสะบั้น หัวกับตัวปลิวออกจากกันไปคนละทิศคนละทาง!
เพราะถึงยังไง คอของเขาก็ไม่ได้แข็งไปกว่าก้อนหินแน่ ๆ!
ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งเจอการลอบฆ่าจากชายชราคนนั้น
ตอนนี้พอกลับถึงบ้าน แม้แต่ประตูหน้าบ้านก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
ทุกย่างก้าวคือการลอบฆ่าอย่างแท้จริง!
เฉินตงอกสั่นขวัญผวาไปหมดแล้ว
เขาพอจะเดาได้ว่ามันจะต้องอันตรายมาก แต่กลับคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้
คุนหลุนถอนหายใจหนัก ๆ เฮือกหนึ่ง สีหน้าหนักอึ้งเคร่งเครียด แววตาลึกล้ำค่อย ๆ เดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง
เฉินตงตามหลังเขาไปติด ๆ
เขาเห็นคุนหลุนหยุดอยู่ตรงหน้าประตู แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปสัมผัสอะไรบางอย่างที่อยู่กลางอากาศอย่างแผ่วเบา
ภาพฉากนี้ เป็นอะไรที่ดูแล้วตลกพิลึก
แต่เวลานี้ เฉินตงกลับหัวเราะไม่ออกโดยสิ้นเชิง
“เจอแล้วครับ!”
จู่ ๆ คุนหลุนก็ขมวดคิ้วมุ่น
“อะไรรึ?”
เฉินตงขมวดคิ้วมองที่มือขวาของคุนหลุน คล้ายว่าเขากำลังบิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่กลับมองเห็นไม่ชัด
คุนหลุนยิ้มน้อย ๆ พลางบิดนิ้วชี้กับนิ้วโป้งมือขวาเข้าหากัน
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ปรากฏแสงเย็น ๆ สายหนึ่ง สะท้อนวูบขึ้นมากลางอากาศในชั่วพริบตา
หัวใจของเฉินตงถึงกับกระตุกอย่างรุนแรง เขามองเห็นแล้ว มันคือด้ายเส้นหนึ่งที่เล็กและบางอย่างยิ่ง!
“คุณชายครับ สิ่งนี่เรียกว่าเซอร์คัมเฟลกซาครับ ”
คุนหลุนอธิบายช้า ๆ ว่า “มันบางละเอียดเหมือนดั่งเส้นผม แต่ยืดหยุ่นได้มากกว่า คมดุจเกล็ดปลา สามารถสะบั้นทั้งทองและหินให้แตกหักได้ เป็นอาวุธลับที่มีกลไกแบบพิเศษที่นักฆ่านำมาใช้ เซอร์คัมเฟลกซาชนิดนี้พบเห็นได้ยาก ถึงขั้นพูดได้ว่ามันเป็นอาวุธล่องหนที่สามารถฆ่าคนได้ก็ไม่เกินจริงเลยทีเดียว”
“แล้วนาย……”
เฉินตงมองคุนหลุนด้วยความงุนงงสงสัย ระคนประหลาดใจ
ไม่รอให้เขาพูดจบ คุนหลุนก็ชี้ไปที่โคนต้นไม้เล็ก ๆ ในคฤหาสน์ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล แล้วยกยิ้มประหลาด: ” ตอนที่องค์กรhidden killersในดาร์กเว็บประกาศภารกิจ ผมก็ไล่ทำเครื่องหมายเพื่อพิสูจน์ร่องรอยเอาไว้ทุกแห่งจนทั่วคฤหาสน์แล้ว กระทั่งนอกคฤหาสน์ผมก็ทำไว้ด้วยส่วนหนึ่งเหมือนกัน”
“ต้นไม้เล็ก ๆ ต้นนั้นถูกผมป้ายปูนขาวเอาไว้ชั้นหนึ่ง คุณชายลองสังเกตดูดี ๆ สิครับ มันมีช่องว่างของปูนขาวที่ปรากฏบนลำต้นแล้วใช่ไหมล่ะครับ?”
เฉินตงมองดูอย่างละเอียดลึกซึ้งอีกครั้ง รอยปูนขาวกระจายตัวอย่างสม่ำเสมออยู่บนลำต้น ในที่สุดเขาก็มองเห็นช่องว่างเล็ก ๆ ที่ว่านั้นได้จริง ๆ เป็นช่องว่างที่น่าจะมีขนาดหนาแค่พอ ๆ กับนิ้วก้อยของเขาเท่านั้น
ถ้าไม่สังเกตดูอย่างละเอียดถ้วนถี่เป็นพิเศษ ก็จะไม่สามารถตรวจพบได้เลย
“กลไกของอาวุธลับอยู่บนต้นไม้นั่น”
คุนหลุนเดินตรงไปที่ต้นไม้ต้นเล็กนั้นอย่างมั่นใจ จากนั้นก็พุ่งปราดขึ้นไปด้วยพลังที่น่าทึ่งราวสัตว์ป่า แล้วกระแทกฝ่ามือเข้ากับลำต้นโดยตรง ด้วยกระบวนท่าปล่อยแรงปราณที่บีบอัดจนแน่นออกไป
สิ่งที่ตามมากับเสียงกระแทกที่ทึบ ๆ แต่หนักแน่นนั้น คือใบจากต้นไม้เล็ก ๆ ต้นนั้นต่างพากันร่วงหล่นโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เคร้ง ๆ ๆ …
กล่องโลหะใบหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับกำปั้น ก็ร่วงตกลงมาบนพื้นเสียงดังสนั่น
คุนหลุนหยิบกล่องโลหะใบนั้นขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าเฉินตง “ก็คือสิ่งนี้นี่แหละครับ”
พูดพลาง เขาก็ชี้ไปที่ต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกลกันนัก: “ตรงนั้นยังมีอีกใบ”
เฉินตงมองดูกล่องโลหะในมือ เจ้ากล่องกลใบนี้ถ้าเทียบกันจริง ๆ มันมีขนาดที่เล็กกว่ากำปั้นผู้ใหญ่เกือบครึ่งเห็นจะได้ มีลักษณะแบนคอดกิ่วเหมือนแผ่นดิสก์ขนาดเล็ก ถ้าต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูด มันดูเหมือนกล่องเป่าฟองสบู่ยักษ์ตอนที่เขาเป็นเด็กไม่มีผิด
และในรูเล็ก ๆ ด้านข้างกล่อง มีเซอร์คัมเฟลกซาร้อยเชื่อมต่อกันยาวเป็นเส้นเดียว แต่เนื่องจากกล่องถูกคุนหลุนกระแทกจนร่วงลงมาจากต้นไม้ ทำให้ตอนนี้เจ้าเซอร์คัมเฟลกซานั่นไม่ได้ร้อยต่อกันจนตึงแน่นแล้ว แต่ร่วงตกลงพื้นไปแทน
ในเวลานั้นเอง คุนหลุนก็ไปเก็บกล่องโลหะอีกใบหนึ่งลงมาเรียบร้อย
หลังจากเดินไปหยุดตรงหน้าเฉินตงแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “คุณชาย ขอกล่องโลหะนั่นให้ผมด้วยครับ”
หลังได้รับกล่องโลหะในมือของเฉินตงมาแล้ว คุนหลุนก็ถอยหลังไปสามก้าว แล้วหยิบเหล็กเดือยปลายแหลมที่ทหารใช้ออกมาจากช่วงเอว หลังวางกล่องโลหะทั้งสองใบลงบนพื้น เขาก็ใช้เหล็กเดือยปลายแหลมนั้น จ้วงเข้าไปตรงบริเวณรูเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงส่วนหน้าของกล่องใบหนึ่ง
เปรี๊ยะ!
ปรากฏเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ ดังตามหลังเสียงบางอย่างที่แตกหักขึ้นมาติด ๆ
เซอร์คัมเฟลกซาทั้งหมด ต่างม้วนตัวกลับเข้าไปในกล่องโลหะอีกใบหนึ่งทันที
คุนหลุนหยิบกล่องนั้นขึ้นมา แล้วยื่นให้เฉินตง: “คุณชาย เจ้ากล่องกลนี่เป็นอาวุธที่ทำได้ยากมาก ผมติดตามคุณท่านมานานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยคิดจะทำอาวุธที่มีกลไกซับซ้อนแบบนี้เลย แต่ตอนนี้ อุตส่าห์มีคนเอามาส่งให้เองจนถึงหน้าประตูแล้ว คุณชายก็เก็บรักษาไว้ดี ๆ เถอะครับ มันเป็นของดีที่ใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวได้เลยทีเดียว”
เฉินตงพยักหน้าตอบรับ
เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดหวั่น: “นักฆ่าเข้ามาวางกลไกเอาไว้ที่นี่ เจ้าตัวก็น่าจะอยู่แถวๆ นี้ด้วยใช่ไหม?”
“ไม่หรอกครับ”
คุนหลุนยิ้มอย่างติดจะจองหองน้อยๆ: “นักฆ่าที่รู้วิธีใช้เซอร์คัมเฟลกซา ย่อมเป็นนักฆ่าที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ นักฆ่าที่แท้จริง จะไม่เอาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่ออันตรายเด็ดขาด ก่อนการลอบฆ่าทุกครั้ง จะต้องหาทางหนีที่ไล่เอาไว้อย่างแน่นอน ต่อให้การลอบฆ่าครั้งนั้นล้มเหลว ก็ยังสามารถปกป้องตัวเอง รวมทั้งหาทางหลบหนีไปได้ด้วย”
เฉินตงยกยิ้มอย่างขมขื่น
ด้วยจุดนี้เพียงประการเดียว นักฆ่าคนนี้ก็มีภาษีกว่าชายชราบนถนนคนนั้นเป็นพันเท่าแล้ว!
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำให้จิตใจตัวเองสงบลง
“ไปกันเถอะ กลับบ้าน”
เฉินตงพูดออกมาประโยคหนึ่ง ก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป
แต่เพื่อความปลอดภัยรอบด้าน คุนหลุนยังคงรีบเดินไปข้างหน้าของเฉินตง แล้วกวาดสายตาสแกนดูสิ่งผิดปกติไปตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวรอบตัวเขา
สีหน้าของเฉินตงที่เดินตามหลังคุนหลุนยังคงสงบนิ่ง แต่กล่องโลหะในมือเขาใบนั้น กลับถูกมือขวาของเขาบีบอย่างรุนแรงไปนานแล้ว ถึงขั้นที่หลังมือปรากฏเส้นเลือดสีเขียว ๆ นูนขึ้นมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ทั้งยังสั่นน้อย ๆ
เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่เขากลับมาถึงบ้านตัวเอง แล้วจะต้องรู้สึกหวาดกลัวจนหัวหดถึงขนาดนี้!
ความรู้สึกอัปยศจากการถูกกดดันคุกคามเช่นนี้ ทำให้เฉินตงทั้งโกรธ ทั้งไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างถึงที่สุด
การถูกโจมตีอย่างรุนแรงร้ายกาจ ทุกย่างก้าวมีแต่คนหมายจะเข่นฆ่า!
ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ถึงกับมีการลอบสังหารถึงสองครั้ง อีกทั้งการลอบฆ่าแต่ละครั้งก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ถ้าอย่างนั้น แล้วหลังจากนี้ล่ะ?
และถึงจะเป็นอย่างนั้น เขากลับทำได้แค่เป็นฝ่ายตั้งรับ กระทั่งโอกาสที่จะต่อต้านก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
หลังจากเข้าไปคฤหาสน์ คุนหลุนก็ใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม ๆ ในการตรวจสอบทุกอย่างในบ้าน
หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีอันตราย เฉินตงก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองตามลำพัง
ส่วนคุนหลุน ก็เลือกที่จะย้ายไปห้องข้าง ๆ ห้องนอนของเฉินตง
ขณะที่นอนอยู่บนเตียง เฉินตงเอาแต่รู้สึกสังหรณ์ใจในความไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
เขาไม่กลัวอันตราย แม้กระทั่งในตอนแรกที่เขาต้องอยู่ในคุกมืดนั่น แม้จะรู้ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาก็กล้าที่จะต่อสู้แบบทุ่มสุดตัว
แต่สิ่งที่เขากลัว คือความรู้สึกที่ต้องเผชิญกับอันตรายที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ ในแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ต่างหาก
และทั้งหมดนี้ ล้วนมีสาเหตุมาจากตระกูลหลี่ทั้งสิ้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินตงก็ขมวดคิ้วมุ่น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดค้นหาบันทึกการโทรรอบหนึ่ง
ในที่สุด ก็พบการโทรที่ยังไม่ได้บันทึกในบันทึกการโทรจนได้
จากนั้น เขาก็กดโทรออก
แต่หลังจากที่เสียงสัญญาณเรียกสายเริ่มดัง อีกฝ่ายก็วางสายไป
เฉินตงไม่ยอมหยุด ยังคงโทรออกอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
เขาโทรแบบวนไปจนครบรอบ ก็ถูกวางสายใส่ทุกรอบ
แม้แต่เฉินตงเอง ก็ไม่รู้ว่าตัวเองโทรออกไปกี่ครั้งเหมือนกัน
ไหนๆ อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ถือซะว่าหาอะไรทำช่วงเบื่อ ๆ ไปซะก็แล้วกัน
เขากดหมายเลขเดิมซ้ำอีกครั้ง
หลังจากได้ยินเสียงเรียกสาย ในที่สุดคนปลายสายก็ยอมกดรับโทรศัพท์