สายลมค่อยๆ พัดผ่านไป
พัดใบไม้ในลานจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ สัมผัสถึงศิลปะที่งดงาม
บนโต๊ะกินในลานเล็ก มีธูปไม้จันทน์ที่ส่งกลิ่นโชยหอมวางอยู่ พร้อมด้วยน้ำชาหนึ่งกา
เฉินตงไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มานานแล้ว
เขาค่อยๆ จิบน้ำชา และมองไปยังเฉินเต้าจูนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่เขาคนนั้นมอบให้กับเขา
“คุณลุง เรื่องนี้ของผมพอจะมีวิธีจัดการไหมครับ?” เฉินตงเอ่ยถาม
ตระกูลหลี่งัดไม้ตาย ประกาศภารกิจลอบฆ่ากับองค์กร hidden killers ในดาร์กเว็บ แม้กระทั่งคุณพ่อเองก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้
วิธีการแบบเดิมใช้ไม่ได้ผล จึงหวังเพียงว่าเฉินเต้าจูนจะพอมีวิธีที่แตกต่างจากวิธีการทั่วไป
หากมัวแต่หลบซ่อนต่อไป เอาแต่หดหัวอยู่ในคลับสี่ยิ่นเช่นนี้ ต้องให้คนคอยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนา
เกรงว่า ถึงแม้จะมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัย แต่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินล่ะ จะทำเช่นไร ?
โครงการของบริษัทต่างๆ ได้รับการขยายแล้ว แต่เนื่องด้วยเขาต้องคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในคลับสี่ยิ่น ทำให้ทุกอย่างแทบจะหยุดชะงักลงทั้งหมด
เช่นนี้ จะส่งกระดาษคำตอบที่คะแนนเต็มให้ตระกูลเฉินได้อย่างไร ?
เขาเผชิญอุปสรรคมามากมายขนาดนี้ อย่างไรเสีย ก็ต้องคว้ามงกุฎพระราชาของตระกูลเฉินมาให้ได้ !
เฉินเต้าจูนวางแก้วน้ำชาลง และยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย : “จัดการปัญหาไม่ได้ แล้วจัดการกับคนที่สร้างปัญหาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
เฉินตงรู้สึกตกใจทันที ราวกับมีความคิดอะไรบางอย่าง
แต่กลับยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “ภารกิจลอบฆ่าในองค์กร hidden killers เมื่อประกาศออกไปแล้ว ต่อให้ฆ่าล้างตระกูลหลี่ยกตระกูล ก็ไม่อาจยกเลิกภารกิจได้ เรื่องนี้คุณพ่อเองก็ได้พิจารณามานานแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น ก็ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ก็พอแล้วนี่?”
เฉินเต้าจูนพูดออกมาลอยๆ แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ?
ล้อเล่นอะไรกัน !
เฉินตงอึ้งไป
“คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”
เฉินเต้าจูนแสยะยิ้มออกมา แล้วหันมองเฉินตง
เฉินตงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล องค์กร hidden killers เป็นการรวมตัวกันของนักฆ่าระดับพระกาฬจากทั่วทุกมุมโลก องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ และมีความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
หากจะพูดโดยไม่เกรงใจก็คือ หัวหน้าขององค์กร hidden killers ไม่ต่างอะไรกับพ่อ เป็นคนที่อยู่สูงส่งเหนือผู้ใด และมองข้ามชีวิตของผู้อื่น
แล้วจะฆ่าเขาได้อย่างไร ?
“ฮ่าฮ่า……ฉันกำลังล้อเล่นอยู่จริงๆ” เฉินเต้าจูนพิงลงบนเก้าอี้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน ซึ่งพบเห็นได้ยากยิ่ง
เฉินตง : “……”
“วันนี้เป็นวันที่สามแล้วสินะ?” จู่ๆ เฉินเต้าจูนก็เลิกคิ้วแล้วถามออกมา
เฉินตงผงะไป แล้วพยักหน้า
อาจเป็นเพราะเรื่องการลงมือฆ่านักฆ่ากว่าสิบคนของเฉินเต้าจูน ที่หน้าหลุมศพของแม่ ถูกแพร่งพรายออกไป
ทำให้ระยะเวลาเพียงสามวัน คลับสี่ยิ่นก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความรู้สึก จนลืมแม้กระทั่งเวลา
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปแล้ว” เฉินเต้าจูนบิดขี้เกียจ แล้วเหลือบมองเฉินง: “เฉินตงน้อยเอ๋ย หากนายอยากขึ้นไปนั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน นายจะต้องดึงเอาความกล้าหาญและไม่กลัวตายเหมือนเช่นตอนที่อยู่ในคุกมืดออกมาใช้”
“ตระกูลมั่งคั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นที่ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อคน คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ล้วนแล้วแต่เป็นปีศาจที่อยู่ในคราบของมนุษย์ทั้งนั้น หากนายสามารถชั่วร้ายได้มากกว่าพวกเขา นายถึงจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้”
“การหลบซ่อนตัวด้วยความกลัวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ปีศาจเหล่านี้ได้ใจ และสุดท้ายก็จะต้อนนายจนมุม แล้วนายก็จะถูกพวกเขากลืนกินลงไปในที่สุด”
น้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นการพูดเตือนจากใจจริง
“ขอบคุณครับคุณลุง”
เฉินตงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ เรื่องที่เฉินเต้าจูนและพ่อเคยแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น ในเมื่อเขากล่าวเตือนเช่นนี้ เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน
“นายเข้าใจก็ดีแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเต้าจูนจางหายไป จู่ๆ ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงแผ่ซ่านออกมาทันที
ทำให้เฉินตงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขามองสำรวจอย่างระแวดระวัง และรู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึมขึ้นทันที
วินาทีถัดมา
เฉินเต้าจูนหยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า : “ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ก็ปรากฏตัวออกมาเถอะ ฉันจะขอต้อนรับด้วยน้ำชามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่อย่างนี้ คิดว่าคนตระกูลเฉินไม่ต้อนรับแขกหรืออย่างไร ?”
มีคนอื่น ? !
เฉินตงตกใจเป็นอย่างมาก เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาปูดโปนขึ้นมา
เขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แม้แต่ฟ่านลู่และกูหลังซึ่งคอยควบคุมดูแลทีมรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดทั้งหมดอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้สักนิด !
ทันทีที่พูดจบ
จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เดินมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ
เฉินตงหันมองตามเสียงด้วยความหวาดกลัวทันที ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด และรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ประตูของลานเล็กเปิดออก
ชายผู้ซึ่งพันผ้าเอาไว้รอบตัวค่อยๆ เดินเข้ามา
เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาทั้งสองข้าง เป็นแววตาที่ดูดุร้ายราวกับงูพิษ และฉายแววของความอำมหิตออกมา
ความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านออกมาจากตัว
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?
แล้วพวกฟ่านลู่ คุนหลุน กูหลังล่ะ ?
เฉินตงรู้สึกราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ในใจ มีความคิดมากมายปรากฏขึ้น
เขาคิดที่จะหลบซ่อนตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินเต้าจูนกำชับเมื่อครู่
เขาก็กัดฟัน แสร้งนั่งด้วยท่าทีสงบอยู่บนม้าหิน แล้วสำรวจดูชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง
ตอนที่อยู่ห่างกันในระยะสิบก้าว
จู่ๆ มือขวาของเฉินเต้าจูนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาปัดถาดน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะหินออกไป และลอยไปใส่ชายที่พันผ้าคนนั้น
ฉึบ !
ชายที่พันผ้าคนนั้นยกมือขึ้นจับถามน้ำชาเอาไว้ได้
“รินเอง” เฉินเต้าจูนพูดด้วยรอยยิ้ม
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาอยู่ในท่าทีที่สบายๆ
ชายที่พันผ้าคนนั้น หยิบกาน้ำชาและถ้วยน้ำชาขึ้นมา จากนั้นจึงปล่อยให้ถาดน้ำชาที่อยู่ในมือหล่นลงบนพื้น หลังจากรินน้ำชาหนึ่งถ้วยแล้ว ก็ดื่มจนหมด
จากนั้น เขาก็หันมองเฉินเต้าจูน : “ชาดี !”
“แน่นอน” เฉินเต้าจูนยิ้มอย่างภูมิใจ “หลานของฉันต้อนรับแขกด้วยความเต็มใจมาโดยตลอด”
“หลาน……”
จู่ๆ ชายที่พันผ้าก็ยิ้มออกมา
จากนั้น ในขณะที่เฉินตงกำลังมองดูด้วยความตกใจจนอ้าปากค้าง เขาก็ค่อยๆ โน้มตัวลงคารวะ
“ผู้อาวุโส ยิวหมินมารบกสนแล้ว ลาก่อน”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
เปรี้ยง !
มีเสียงดังกระหึ่มเกิดขึ้นในหัวของเฉินตง ทันใดนั้นสมองของเขาก็ว่างเปล่า
ราวกับคอมพิวเตอร์ที่หยุดทำงาน สูญเสียความสามารถในการประมวลผลไปชั่วขณะ
ไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ?
เขามองดูยิวหมินเดินจากไป
เฉินตงรู้สึกเหมือนลำคอตีบตัน และในปากแห้งผาก
นักฆ่าระดับพระกาฬซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ของอันดับยมราช การพบกันครั้งที่สอง ก็เพื่อที่จะมาขอดื่มน้ำชาที่อยู่ในมือของลุงเต้าจูนสักแก้วอย่างนั้นเหรอ?
กว่าที่เฉินตงจะตั้งสติได้ ยิวหมินก็หายไปแล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินตงก็ยังรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความฝันอยู่ดี
“ไปแล้ว จริงๆเหรอ?”
เฉินเต้าจูนหัวเราะออกมา แล้วลุกขึ้นพลางพูดว่า : “ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน”
ขณะที่พูด เขาก็เดินตรงไปด้านนอก
“ลุงเต้าจูน!”
เฉินตงตะโกนเรียก
เฉินเต้าจูนหยุดเดิน : “จำคำของลุงเอาไว้ ดึงเอาพลังเมื่อตอนที่เธออยู่ในคุกมืดออกมาใช้ ลูกผู้ชาย เมื่อเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว ต้องแบกรับความกล้าหาญของโลกใบนี้เอาไว้ และไม่ย่อท้อ”
เหมือนกับคุณลุง ?
เฉินตงตระหนักได้ในทันที
“จริงสิ เรียกคนให้พาพวกของหลานสะใภ้ไปส่งโรงพยาบาลด้วย ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
เมื่อเดินไปถึงประตู จู่ๆ เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมา : “นายนี่นะ ไม่ทันสังเกตเลยหรือว่าตอนที่พวกเราดื่มน้ำชากัน ทุกอย่างเงียบผิดปกติ ?”
เฉินตงตัวสั่นในทันที เขาได้สติกลับมาจากความคิดที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ภายในหัวทันที
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย และรีบวิ่งตรงไปยังห้องโถงทันที
สิ่งที่เขาเห็น เป็นเหมือนค้อนอันหนังอึ้ง ที่ทุบเข้ามาที่ลูกตาของเขาอย่างแรง
ภายในห้องโถง กู้ชิงหยิ่ง และท่านหลง กำลังนอนหมดสติอยู่บนโต๊ะ
ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
เฉินตงรีบวิ่งไปที่ด้านนอกของลานป่าไผ่
เฉินเต้าจูนจากไปแล้ว
แต่บนพื้น มีคุนหลุน ฟ่านลู่ กูหลัง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกกลุ่มหนึ่ง นอนระเนระนาดอยู่……