ในห้องทำงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เฉินตงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ราวกับรูปปั้น มองดูทัศนียภาพภายนอกอยู่ที่ริมหน้าต่าง
และยกแก้วชาขึ้นมาจิบเป็นครั้งคราว
แต่นั่งอยู่ในท่าทีผ่อนคลาย
ถึงเวลาออกล่าแล้ว!
เขากำลังรอ รอให้ทางด้านของฉินเย่ส่งข่าวมา
การแข่งขันด้านเงินทุน เมื่อขาดยักษ์ใหญ่อย่างRothschildไป เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
ดาบคมกริบกำลังปักลงไปบนหัวของทั้งสองบริษัทอย่างเงียบๆ
นอกห้องทำงาน
เสี่ยวหม่าและกูหลังต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พี่กูหลัง วันนี้พี่ตงเป็นอะไรไป?”
เสี่ยวหม่าถือเป็นผู้ช่วยมือดีของเฉินตงในบริษัท ตอนนี้เขาเองก็ยังรู้สึกงุนงง “มาบริษัทตั้งแต่เช้า เอาแต่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง และไม่ลงมือทำงานอะไรเลยสักนิด”
“บริษัทของเราคงไม่ได้มีปัญหาใหญ่หรอกใช่ไหม? ผมจำได้ว่าตอนนั้นที่บริษัทมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ย่านสลัมทางภาคตะวันตกของเมือง ประธานเฉินก็เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน?” มีคนคาดเดาขึ้นมา
“จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของบริษัทของเราเลย หากไม่ใช่เพราะประธานเฉินถ่อมตัวแล้วล่ะก็ ตอนนี้บริษัทของเราคงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไปแล้ว” มีพนักงานบางคนพูดขัดขึ้นมา
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่กูหลัง
ความคิดเช่นเดียวกับเสี่ยวหม่า ในสายตาของพวกเขา กูหลังใกล้ชิดกับเฉินตงมากที่สุด
เสี่ยงหม่าเพียงแค่รับผิดชอบงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งเท่านั้น
ส่วนกูหลัง มีส่วนร่วมในเรื่องส่วนตัวของเฉินตงด้วย
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
กูหลังลูบจมูกอย่างเก้อเขิน “เมื่อครู่เข้าไปรินน้ำชาให้คุณเฉิน ได้ยินเขาพูดแต่ว่าได้เวลาออกล่าแล้ว บอกว่าอาจจะแจกโบนัสให้กับพวกเรา”
โบนัส?!
ทุกคนต่างผงะไป รวมถึงเสี่ยวหม่าด้วย
ช่วงนี้……ไม่มีโครงการที่จะแจกโบนัสนี่?
สงสัยก็สงสัย แต่ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมา
ตอนที่พวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ที่ต่างตัดสินใจทำงานกับเฉินตงต่อไป ก็เป็นเพราะมีความเชื่อมั่นในตัวเฉินตง
ในขณะเดียวกัน ก็คาดหวังว่าจะได้เฉลิมฉลอง
โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ย่านสลัมแถบภาคตะวันตก ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างก็อิ่มท้องไปตามๆ กัน
เฉินตงเองก็ไม่เคยตอบแทนพนักงานทุกคนอย่างขาดตกบกพร่อง!
ในใจของพนักงานทุกคนของไท่ติ่งรู้ดีว่า ที่ติดตามเฉินตงมาตั้งแต่แรก เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว!
เวลาใกล้เที่ยง
ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ของเฉินตงก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าฉินเย่เป็นคนโทรเข้ามา
เฉินตงก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วกดรับสาย
“พี่ตง เก็บเกี่ยวกำไรเรียบร้อยแล้ว!”
ในสายโทรศัพท์ ฉินเย่พยายามข่มความยินดีเอาไว้ แต่ก็ยังเผยให้เห็นความรู้สึกออกมา
“เท่าไหร่?” เฉินตงถามด้วยความอยากรู้
เฉินเย่หัวเราะร่าออกมา “ตอนนี้ยังไม่บอกพี่ก่อน ตอนบ่ายยังมีครึ่งหลังอีก ตอนเช้าผมยังไม่ให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ตอนบ่ายหากผ่านไปได้ด้วยดี ครั้งนี้คงเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของเรา และคงทำให้พวกเราอิ่มจนพุงกาง”
ตู้ด!
เฉินตงวางสายโทรศัพท์
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าหมอนี่ ยังมีลับลมคมในกับฉันอีก?”
แต่เมื่อฉินเย่บอกว่าไม่ได้ให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เพียงแค่อาศัยบริษัทของตัวเอง หงหุ้ย และจุนหลิน กรุ๊ป ก็สามารถทำกำไรได้สำเร็จ หากตอนบ่ายเมื่อเปิดตลาด แล้วให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าร่วมในตลาดด้วยแล้วล่ะก็……นั่นคงจะแข็งแกร่งดุจภูเขาไท่ซานจริงๆ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินตงก็ยิ้มร่าออกมา “อยากจะกินเฉินตง ก็คอยดูละกันว่าใครกระเพาะใหญ่กว่าใคร!”
อีกทางด้านหนึ่ง
ที่ตระกูลเฉิน
ภายในห้องเงียบสงัด
เฉินเทียนเซิง เฉินเทียนหย่าง และเฉินหยู่เฟยนั่งนิ่งด้วยใบหน้าซีดเผือด
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ สองชั่วโมงเมื่อครู่ ทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงราวกับอยู่ในความฝัน
เก็บเกี่ยว!
ถูกเก็บเกี่ยวไปอย่างหมดเปลือก!
ถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี!
ความตื่นเต้นยินดีในตอนแรกที่เป็นเฉินตงถูกโจมตีอย่างหนัก ตอนนี้ความตื่นเต้นนั้นกลับแปรเปลี่ยนไป ความยินดีกลับแปลเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง
“นี่ นั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เฉินเทียนหย่างเอ่ยปากทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด “ทำ ทำไมพวกเราถึงถูกเล่นงานกลับเสียแล้ว? ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า?”
ความรู้สึกที่เหมือนไม่เป็นความจริง ทำให้เฉินเทียนหย่างเหม่อลอยไป ไม่สามารถตั้งสติได้
เมื่อครู่เพียงแค่เปิดตลาด ทางฝั่งฉินเย่ก็ลงมือเก็บเกี่ยวอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า และบ้าคลั่ง
สถานการณ์ที่น่ากลัวที่เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานราวฟ้ากับดิน!
ใบหน้าอันงดงามที่ตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงของเฉินหยู่เฟย ค่อยๆ เผยความหวาดกลัวออกมา ริมฝีบางขยับเล็กน้อย “พวกเรา ดีใจกันเร็วเกินไปใช่ไหม?”
มีเพียงแค่เฉินเทียนเซิงที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีดุร้ายราวกับงูพิษ มีรังสีของความโกรธแค้นแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งตัว
ถึงแม้จะเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเช่นเขา แต่ในเวลานี้ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ ให้สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ ช่วยควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองไม่ให้ปะทุออกมา
“พี่ พี่พูดอะไรหน่อยสิ!”
เฉินเทียนหย่างเห็นเฉินเทียนเซิงนิ่งเงียบไป ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที “การเก็บเกี่ยวเฉพาะช่วงเช้า พวกเราก็ขาดทุนไปมหาศาลแล้ว เมื่อวานไม่ได้เป็นแบบนี้เสียหน่อย!”
ปัง!
เฉินเทียนหย่างให้ฝ่ามือตบโต๊ะ และพูดขึ้นมาทันทีว่า “หรือพวกเราจะถูกเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาหักหลังเข้าแล้ว?”
เฉินหยู่เฟยผงะไป จากนั้นแววตาที่มองเฉินเทียนหย่างก็ดูแปลกไป
“เจ้าโง่!”
เฉินเทียนเซิงลูบหน้าอย่างแรง แล้วจ้องมองเฉินเทียนหย่างด้วยแววตาดุดัน “เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวารู้ดีว่าเราเป็นคนตระกูลเฉิน พวกเขาไม่กล้าที่จะหักหลังพวกเราหรอก!”
สายตาค่อยๆ เลื่อนไปมองยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พวกเรา……คงถูกเฉินตงและฉินเย่ ตลบหลังเข้าให้แล้ว”
คำพูดที่ทำให้รู้สึกตกตะลึง
สีหน้าของเฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่ไปเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เมื่อคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ความหวาดกลัวก็พลุ่งพล่านจากเท้าของพวกเขาทั้งสองขึ้นไปบนหัว
ริมฝีปากแดงระเรื่อของเฉินหยู่เฟยสั่นเทา “คำพูดเตือนสติของพี่เทียนเซิง ฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าที่พวกเขาขาดทุนไปพันล้านเมื่อวาน เหมือน เหมือนกับว่าจงใจล่อเหยื่อพวกเรา?”
“บ้าเอ๊ย ลูกสวะนั่น นอกจากความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย!”
เฉินเทียนหย่างก่นด่าด้วยความโมโห
เฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยหันมองเฉินเทียนหย่างด้วยท่าทีแปลกๆ และรู้สึกประหลาดใจ
ความเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่หนึ่งในคุณสมบัติที่เจ้าบ้านพึงมีอย่างนั้นหรือ?
แต่ทั้งสองคนก็ไม่พูดอะไร
เฉินหยู่เฟยหันมองเฉินเทียนเซิงอย่างจริงจัง “พี่เทียนเซิง พวกเราจะถอนตัวกันดีกว่าไหม?”
ถึงแม้ช่วงเช้าจะถูกเก็บเกี่ยวกำไรไปหนึ่งระลอก แต่ถ้าหยุดการสูญเสียได้ทันเวลา ก็ยังพอควบคุมการสูญเสียได้
ทว่า
เฉินเทียนเซิงกลับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น และพูดด้วยความโศกเศร้า “ยังถอนตัวได้อีกหรือ? ทุกอย่างเริ่มขึ้นแล้ว ใครจะไปห้ามไม่ให้หิมะถล่มลงมาได้?”
คำพูดเดียว แต่กลับทำให้เฉินหยู่เฟยพูดอะไรไม่ออก
ส่วนเฉินเทียนหย่างซึ่งอยู่อีกทางด้านหนึ่งกลับโกรธจนหน้าเขียวและกัดฟันแน่น
ทั้งสามรู้ดีว่าสถานการณ์ทางการเงินเป็นเช่นไร เมื่อเงินทุนหลายพันล้านเข้าไปสู่ตลาด คิดว่าเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองชั่วโมงในตอนบ่าย จะสามารถถอนทุนกลับมาได้ทันอย่างนั้นหรือ?
ภายในห้องเงียบสงัด
เหมือนบรรยากาศทุกอย่างหยุดนิ่ง
ประจวบเหมาะกับในตอนนี้
โทรศัพท์ของเฉินเทียนเซิงดังขึ้น
เฉินเทียนเซิงที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด ไม่แม้แต่จะมอง เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและกดเปิดลำโพง
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย ห้องจัดเลี้ยงที่คุณจองไว้ ได้ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว พร้อมรอต้อนรับตลอดเวลาครับ”
นี่เป็นสายโทรศัพท์จากสถานที่จัดเลี้ยงที่เฉินเทียนเซิงได้จองไว้ล่วงหน้า
คำพูดง่ายๆ ประโยคเดียว กลับเหมือนมีดที่ถูกเผาจนร้อน ทิ่มแทงลงมาที่ใจของพวกเฉินเทียนเซิงทั้งสามคนอย่างรุนแรง
วินาทีถัดมา
เส้นเลือดบริเวณหางตาของเฉินเทียนเซิงปูดโปนขึ้นมา ใบหน้าดุร้าย และอารมณ์โกรธก็ปะทุออกมา
“ต้อนรับบ้าอะไร ไสหัวไปให้พ้น!”
ตุ้บ!
หลังจากส่งเสียงด้วยความโกรธออกมา เฉินเทียนเซิงก็โยนโทรศัพท์ลงไปบนพื้นอย่างแรงจนแตกละเอียด