“บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”
เฉินเทียนเซิงลุกยืนขึ้นด้วยความโกรธ สีหน้าหมองหม่นอย่างเห็นได้ชัด
จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ทำให้เฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองหันมองเฉินเทียนเซิงด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ทั้งสองรู้จักเฉินเทียนเซิงดี อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน!
“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะทำยังไง แต่ฉันต้องการให้มันตาย!”
ตู้ด!
หลังจากวางสายโทรศัพท์ สีหน้าของเฉินเทียนเซิงก็ดูหมองหม่นจนถึงขีดสุด
“พี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เฉินเทียนหย่างถามตะกุกตะกัก
“ดูตลาดหุ้น!”
เฉินเทียนเซิงเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยเปลี่ยนไปทันที
หรือการโจมตีจะเกิดปัญหาขึ้น?
ทั้งสองรีบตามเฉินเทียนเซิงเข้าไปในบ้าน
เฉินเทียนเซิงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วดูตลาดหุ้น
เผียะ!
เขาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ “บ้าเอ๊ย บ้าจริงๆ!”
เฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยรีบชะเง้อเข้าไปดู ทั้งสองอึ้งไปทันที
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เมื่อวานตอนปิดตลาดยังเป็นปกติอยู่เลย!”
เฉินเทียนหย่างหงุดหงิดขึ้นมา เข้าจ้องเขม็งไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความโมโห “เช้าตรู่วันนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เฉินหยู่เฟยไม่พูดไม่จา หันมองเฉินเทียนเซิงด้วยสีหน้าซีดเผือด
เฉินเทียนเซิงกัดกระพุ้งแก้มของเขาอย่างแรงเพื่อระงับความโกรธ แล้วพูดผ่านไรฟันออกมาหนึ่งประโยค
“ตอนเปิดตลาดเช้าวันนี้ หงหุ้ยได้ช่วยฉินเย่ดันราคาขึ้น จากนั้นปลาเล็กอย่างจุนหลิน กรุ๊ปเองก็ช่วยฉินเย่ดันราคาขึ้นเช่นกัน!”
“เดิมทีห้ามหาอำนาจร่วมกันโจมตีฉินเย่ แต่ตอนนี้กลายเป็นสามต่อสาม บริษัทเงินทุนทั้งสามของเรา ไม่อาจต้านทานไว้ได้จึงถูกจัดการโดยหงหุ้ย ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ต้องสูญเสียเงินไปถึง 10 %!”
เปรี้ยง!
เสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า
เฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยนิ่งอึ้งไปโดยสมบูรณ์
ความหวาดกลัวพลุ่งพล่านไปทั่วตัว
สูญเสียไป 10%?
นั่นมันเป็นเงินเท่าไหร่กัน?
การโจมตีทรัพย์สินที่มีมูลค่าหมื่นล้านของฉินเย่นั้น จำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่สูงลิบลิ่วอย่างแน่นอน
อีกทั้ง 10% นี้ ก็คำนวณมาจากต้นทุนที่สูงลิบลิ่ว!
“ให้ตายเถอะ หงหุ้ยเป็นพวกโง่หรืออย่างไร? โอกาสที่จะได้กินเนื้อก้อนโตเช่นนี้ พวกเขากลับทำเช่นนี้เสียได้?”
เฉินเทียนหย่างโกรธทนแทบจะกระโดดขึ้นมาจากรถเข็น ใบหน้าเขียวคล้ำ และกัดฟันพูด “จู่ๆ พวกเขาช่วยฉินเย่ คิดที่จะต่อสู้กับพวกเราให้ตายกันไปข้างหนึ่งหรืออย่างไร?”
“เดิมทีหงหุ้ยเป็นคนนอกที่กระโดดเข้ามาร่วมวงกินเนื้อ แต่ทำไมจู่ๆ ตอนนี้ถึงไปเข้าข้างฉินเย่ หรือว่า……”
เฉินหยู่เฟยเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง ตอนนี้ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความตกใจทันที
เฉินเทียนเซิงและเฉินเทียนหย่างที่กำลังเกิด ต่างตกใจพร้อมกัน
สีหน้าของเฉินเทียนเซิงดุร้ายราวกับงูพิษ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ลูกสวะนั่น มีเส้นสายมากมายจากไหนกัน? หรือเขาเป็นเทพเจ้าแปลงกายมาอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสามคนไม่โง่
จู่ๆ หงหุ้ยก็กลับลำ เพียงแค่คิดเล็กน้อย ก็พอจะรู้แล้วว่าเฉินตงได้มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกันกับหงหุ้ยเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้น ทั้งสามคนทั้งตกใจและทั้งโกรธ
เป็นที่รู้กันดีว่า หงหุ้นนั้นกว้างขวางไปทั่วโลก มีทั้งสิ้นสามพันหกร้อยแห่ง และมีจำนวนสมาชิกที่นับไม่ถ้วน
ซึ่งไม่แตกต่างจากตระกูลมั่งคั่งเลย
นี่ถือเป็นยักษ์ใหญ่เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะเทียบตระกูลเฉินไม่ติด แต่ตระกูลเฉินก็ให้ความเกรงใจหงหุ้ยอยู่ไม่น้อย
ลูกสวะคนหนึ่ง ลูกสวะที่เพิ่งโผล่ออกมา ไปเอาพลังเช่นนี้มาจากไหน ถึงสามารถดึงดูดยักษ์ใหญ่อย่างหงหุ้ยได้?
ถ้าหากเฉินเต้าหลินไม่ได้หายตัวไป ทั้งสามอาจไม่รู้สึกตกใจถึงขั้นนี้
ด้วยฐานะและทักษะของเฉินเต้าหลิน การดึงหงหุ้ยมาเป็นพวกนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้แน่นอน
แต่ตอนนี้ เฉินเต้าหลินหันตัวไปแล้วนี่!
ในความคิดของพวกเฉินเทียนเซิงทั้งสามแล้ว การที่เฉินตงจะขอความช่วยเหลือจากหงหุ้ยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
นอกเสียจากเขาเป็นเทพเจ้าที่แปลงกายลงมาเท่านั้น!
“พี่ พี่รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ตอนนี้ควรจะทำเช่นไรดี?”
เฉินเทียนหย่างรู้สึกร้อนใจเหมือนถูกไฟรนก้น เข้าไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป “สามพันล้านสำหรับพวกเราถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าจัดการเฉินตงไม่ได้ แล้วยังต้องสูญเสียเงินอีกสามพันล้านไปอีกล่ะก็ ความแค้นในครั้งนี้ ฉันจะกล้ำกลืนเข้าไปได้อย่างไร ถ้าปล่อยให้เฉินตงได้ประโยชน์จากวิกฤติในครั้งนี้อีกล่ะก็ พวกเราคงต้องเสียหน้าอย่างถึงที่สุดจริงๆ!”
แววตาของเฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยตกตะลึง
แน่นอน
นี่คือการต่อสู้ทางการเงิน จึงต้องสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในช่วงที่ต่อสู้กันอยู่นี้ มีการเคลื่อนไหวของเงินอย่างรวดเร็ว
หากต้องสูญเสียทั้งทุนทั้งกำไร คงจะต้องเจ็บแค้นใจน่าดู
ถ้าหากถูกเฉินตงคว้าไปได้ทั้งทุนทั้งกำไร แผนการในครั้งนี้จะมีความหมายอะไรกัน?
ทำบุญอย่างนั้นหรือ?
หรือปล้นตัวเองเพื่อช่วยคนจน?
ในตอนนี้เอง
เสียงโทรศัพท์ของเฉินเทียนเซิงดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ เฉินเทียนเซิงก็ผงะไปในทันที
เขารีบรับสายโทรศัพท์ทันที
หลังจากรับสายเพียงสองวินาที ก็วางสายโทรศัพท์อีกครั้ง
เฉินเทียนเซิงยิ้มออกมาอย่างหดหู่ “ทางฝั่งRothschildโทรมา”
“พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง”
เฉินเทียนหย่างรีบถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
ตุ้บ!
เฉินเทียนเซิงโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นด้วยความโมโห จนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ความโมโหพลุ่งพล่านไปทั่วตัว เขาพูดผ่านไรฟันออกมาว่า “เกมจบแล้ว พวกเขาถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้ว!”
ทันใดนั้น
ภายในห้องก็เงียบสงัด
เฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยนิ่งอึ้งจนถึงขีดสุด
Rothschildถอนการลงทุนออกไปแล้ว นั่นไม่เท่ากลับว่าเป็นการต่อสู้ 2 ต่อ 3 หรอกหรือ?
ถ้าหากเป็นอีกสองบริษัท พวกเขายังพอหาหนทางแก้ไขสถานการณ์ได้
แต่เมื่อRothschildไม่เหมือนกัน ที่เข้ามาร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ก็เพราะพึ่งพาหนี้บุญคุณของเฉินเทียนเซิง
ตอนนี้พวกเขาถอยออกไปแล้ว หนี้บุญคุณก็ใช้หมดไปแล้ว และไม่เหลือวิธีการใดๆ อีกต่อไปแล้ว!
“ตอนนี้พวกเราต้องนั้งรอความตายอย่างนี้หรือ?” สีหน้าของเฉินเทียนหย่างสับสนเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มและมองเฉินเทียงเซิงกับเฉินหยู่เฟยอย่างหมองเศร้า “รอให้เฉินตงกับฉินเย่พลิกสถานการณ์ได้ แล้วนำมาโอ้อวดพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้นบอกมาสิว่าต้องทำอย่างไร?”
เฉินเทียนเซิงมองเฉินเทียนอย่างด้วยความโมโห
หงหุ้ยกลับลำทำให้เขารู้สึกโมโห ตอนนี้Rothschildยังมาถอนตัวอีก ทำให้แผนการของเขาพังทลายไม่เป็นท่า
ความหวังที่จะกำจัดเฉินตง ตอนนี้กลับริบหรี่ลงทุกทีๆ!
“หรือว่า……จะเพิ่มทุน?” จู่ๆ เฉินหยู่เฟยก็เสนอความเห็นขึ้นมา
เฉินเทียนเซิงยิ้มอย่างหดหู่ “เธอคิดว่าเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาเป็นลูกชายที่เราเลี้ยงเอาไว้หรืออย่างไร? พูดว่าจะเพิ่มก็เพิ่มได้? พวกเขาไม่มีทางยอมสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเฉินตงแน่นอน!”
ทันทีที่พูดจบ
เฉินเทียนหย่างก็เหลือบมองหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา
“พี่ หยู่เฟย เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว! ดูเหมือนพวกเรายังมีโอกาสชนะ!”
เฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยชะโงกหน้าเข้าไปดู แล้วรู้สึกยินดีขึ้นมา
“น่าจะเป็นทั้งสองบริษัททำงานหนักขึ้นแล้ว” จู่ๆ เฉินหยู่เฟยก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมา “หากหงหุ้ยช่วยเหลือเพียงแค่ผิวเผิน ไม่แน่ว่าทั้งสองบริษัทอาจยังมีโอกาสที่จะแข่งขันกับฉินเย่สักตั้ง”
“อย่างน้อยพวกเราก็เบาใจลงหน่อย แต่ในเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พวกเราก็สามารถพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนให้กับทั้งสองบริษัทได้”
เฉินเทียนเซิงแววตาเป็นประกาย แล้วพูดว่า “เพิ่มอีกสักสองพันล้านเป็นอย่างไร?”
“ห้าพันล้านดีกว่า! หากจะสู้ก็สู้ให้เต็มที่สักหน่อย! หยู่เฟยพูดถูก ดุไปแล้ว หงหุ้ยช่วยเหลือเพียงผิวเผินเท่านั้น มิเช่นนั้นคงไม่ถูกทั้งสองบริษัทแก้สถานการณ์กลับมาได้เร็วขนาดนี้” เฉินเทียนหย่างยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ฉันเห็นด้วย” เฉินหยู่เฟยสนับสนุน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เฉินตงดูข้อความที่กู้ชิงหยิ่งส่งมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เขาเหลือบไปมองสถานการณ์ของตลาดหุ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น
โทรศัพท์ดังขึ้น ฉินเย่โทรเข้ามา
เฉินตงกดรับสาย ฉินเย่พูดด้วยความยินดี
“พี่ตง ปล่อยล่อเหยื่อออกไปแล้ว”
เฉินตงยิ้ม แววตาเฉียบคม “ปล่อยสายเบ็ดให้ยาวหน่อยเพื่อขับปลาใหญ่ คิดจะกินเฉินตง ก็ทำให้พวกมันต้องยอมคายทั้งหมดออกมา รวมถึงมีชิ้นเนื้อติดออกมาด้วย!”