บทที่ 239 หนีไม่พ้นหรอก
“แม่งเอ๊ยฉันว่าแกไม่คิดจะให้เงินก้อนนี้กับพวกเราแล้ว! กระทั่งตั๋วก็ซื้อแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากหนีแล้วคืออะไร?
พี่เจี้ยนมองไปที่เย่เล่ออย่างเย็นชา และเย่ฉงหยางก็เห็นว่าคนเหล่านี้กำลังถืออาวุธอยู่ในมือ และเย่ฉงหยางเคยได้สัมผัสกับเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหนกันล่ะ? จึงโดนทำให้ตกใจทันที
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าของเขาดูไม่ได้เลย
ในวันนี้พวกเขาก็จำนองร้านค้าและหน้าร้านไปอย่างยากลำบากพวกเขาออกไปชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดจึงหามาได้ 3 ล้านหยวน
นี่เป็นขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว และเงินเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะร้องขอพวกเขาให้ยังมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะทั้งบ้านก็หายไป รถก็หายไป และหน้าร้านก็หายไปแล้วเช่นกัน
แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะโดนคนกลุ่มหนึ่งลากเข้าไปในรถตู้ทันทีที่พวกเขาออกจากบ้าน
ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนเพราะที่นี่มันมืดมากเหมือนในห้องใต้ดินเลย
“พี่เจี้ยน พี่เข้าใจผิดแล้ว เพราะเงินที่เราได้มานี้มันไม่พอดังนั้นผมเลยคิดจะไปยืมเพิ่มสักหน่อย คราวนี้พวกเราคิดว่าจะกลับไปบ้านเกิดที่เมืองจินไห่เพื่อหาคนยืมเงิน! เมื่อเรายืมเงินได้ครบแล้ว เราก็จะจ่ายเงินก้อนนี้คืนแน่นอน!”
แค่ครู่เดียวเย่ฉงหยาง เย่ฉงหยางก็รีบพูดประจบพี่เจี้ยนทันที
“แกคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอ? พวกแกแค่อยากหนี! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันจัดให้คนมาเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดที่ข้างบ้านพวกแกล่ะก็ คงจะโดนพวกแกหลอกและหนีไปแล้ว! และในตอนนี้ก็มีเพียง 3 ล้านหยวนเท่านั้นมันยังห่างมากเพราะพวกแกติดหนี้พวกเราตั้ง 5 ล้านเลยนะ!”
พี่เจี้ยนตบโต๊ะไปทีหนึ่ง ทำให้ทั้ง 4 นั้นตกใจ
พวกเขาในตอนนี้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และไม่สามารถหยิบเงินได้แม้แต่บาทเดียว และพวกเขายังชดใช้ทั้งบ้าน รถ และร้านค้าทั้งหมดไปด้วย
“พี่เจี้ยน พี่ให้เวลาพวกเราอีกสักนิด พวกเราจะต้องหาวิธีที่ดีกว่านี้ให้ได้
“ฮึ! แม้แต่คิดหาทางหนีพวกแกก็คิดมาแล้ว! ถ้าฉันปล่อยพวกแกไป พวกแกก็คงจะหาทางหนีไปอีกแน่นอน! และเงินที่เหลือพวกแกก็จะไม่คืนให้เราอย่างแน่นอน? ฉันว่าลูกสาวของแกก็ดูหน้าตาสะสวยเหมือนกันนะ ทำไมไม่ไปที่ไนต์คลับกับเมียแกเพื่อหาเงินแล้วส่งคืนให้เราล่ะ! ผู้เฒ่าอย่างพวกแก 2 คนน่ะ ถ้าถอดทั้งหัวใจตับม้ามปอดและไตไปให้หมด คงจะคืนได้บางส่วนอยู่นะ!”
พี่เจี้ยนพูดแบบนี้ออกไปก็ทำให้พวกเขาต่างพากันตกใจจนทนไม่ไหวและพวกเขาทั้ง 4 คนก็โอบกอดกันอย่างสั่น!
เมื่อครู่พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าจะไปหาเย่หรูเสว่ และขอเงินจากเย่หรูเสว่ แม้ว่าเย่หรูเสว่จะติดหนี้ ด้วย แต่เย่หรูเสว่ก็ยังมีเงินก้อนใหญ่อยู่ที่ตัวตั้ง 2 ไม่ใช่เหรอ?
แค่เย่หรูเสว่แต่งงาน หรือจัดวันเกิด เงินก้อนใหญ่ทั้ง 2 ก้อนนั้นก็ต้องตกอยู่ที่ตัวของเย่หรูเสว่แน่นอน!
เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะรวย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพี่เจี้ยนจะทำอย่างสุดขีดขนาดนั้น ถ้าตอนนี้พวกเขาไม่โดนพี่เจี้ยนจับได้ คงจะเช็ดฝ่าเท้าและหนีไปนานแล้ว!
“พี่เจี้ยน! ให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะครับช่วยยืดเวลาให้เราสักสองสามวันพวกเราจะคืนเงินให้แน่นอน!”
“ใช่แล้วครับพี่เจี้ยน! พี่เจี้ยน ครับ! ”
“ถ้าพวกแกไม่มีพวกแกก็ไปกู้เงินได้! เรื่องพวกนี้ต้องให้ฉันสอนพวกแกเหรอ?”
“แต่ทั้งบ้าน รถ และร้านค้าพวกเราก็มอบให้พี่หมดแล้วนะ ตอนนี้เราไม่มีอะไรเลย ต่อให้กู้เงินก็คงกู้ได้ไม่เท่าไหร่หรอก!” เย่เล่อพูดกับพี่เจี้ยนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“นี่เป็นปัญหาของฉันไม่ใช่เหรอ? พวกแกเป็นหนี้ฉันและอยากจะหนี และในตอนนี้ฉันก็ให้ความคิดกับพวกแกแล้ว หรือว่าต้องให้ฉันหาบริษัทเงินกู้ให้พวกแกอีกเหรอ? แม่งเอ๊ย! ฉันจะบอกให้นะ ฉันจะให้คนของฉันติดตามพวกแก ทางที่ดีพวกแกควรนำเงินนี้ไปกู้สะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะถอดหัวใจตับม้ามปอดและไตไปให้เกลี้ยงเลย! และทั้งเมียแกลูกสาวแกฉันจะส่งไปที่ไนต์คลับด้วย!”
เมื่อพวกเขาไม่กี่คนนั้นถูกโยนออกไปก็ตื่นตระหนกตกใจมาก และเนื่องจากมีสมุนของพี่เจี้ยน ติดตามพวกเขาด้วยพวกเขาจึงไม่กล้าหนีไปไหนเลยจึงทำได้แค่ไปขอยืมเงินอย่างยากลำบาก
สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาเลวร้ายมาก ดังนั้นบริษัทหลายแห่งจึงปฏิเสธที่จะปล่อยเงินกู้ให้พวกเขา
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืมเงินจากพวกดอกเบี้ยเกินอัตราเท่านั้น และพวกเขาก็ฝืนใจยืมเงินไป 3 แสนกว่าหยวน และไม่สามารถยืมได้อีกต่อไป
ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งครอบครัวเป็นหนี้กันนับไม่ถ้วน
ในขณะนั้นเอง พวกสมุนของพี่เจี้ยนก็ดูเหมือนจะละความพยายามแล้ว และพวกเขาทั้งครอบครัวก็ถือโอกาสนี้หนีไปทันที
ที่จริงแล้วเนี่ยเฟิงปล่อยให้พวกเขาผ่อนคลายต่างหาก เพราะพวกเขาติดหนี้นับไม่ถ้วน และไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็จะไม่มีใครยอมรับพวกเขาไว้
แม้ว่าพวกเขาอยากจะยืมเงินก็ไม่สามารถยืมได้แล้วเพราะพวกเขาไม่มีทั้งบ้าน รถ หรือร้านค้าแล้ว
การที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างและยังติดหนี้นับไม่ถ้วนนั้น แม้ว่าทั้งครอบครัวของเย่ฉงหยางอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็คงเป็นเรื่องยาก
แต่นี่ก็เป็นบทเรียนที่พวกเขาสมควรได้รับเช่นกันเพราะในตอนนั้นพวกเขาก็ปฏิบัติต่อเย่หรูเสว่ อย่างนี้กระทั่งอยากให้เย่หรูเสว่ที่ยังเป็นสาวอยู่นั้นไปแต่งงาน
คนเหล่านี้น่ารังเกียจอย่างมากจนไม่เห็นว่าเย่หรูเสว่ก็เป็นคนเหมือนกัน
เนี่ยเฟิงแค่ใช้วิธีการของคนอื่นในการปลูกฝังตัวเองเท่านั้น เพราะพวกเขาว่าเงินเป็นชีวิตแค่นั้นไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาติดหนี้นับไม่ถ้วนเพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถเสพสุขชีวิตของคนรวยอีกต่อไป
หลังจากที่เนี่ยเฟิงได้ยินรายงานจากพี่เจี้ยนแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างชื่นใจ “ดีมาก”
ตอนนี้ทั้งครอบครัวของเย่ฉงหยางจะไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรมากมายมาแล้ว เพราะการฆ่าคนมันง่ายเหมือนการพลิกฝ่ามือสำหรับคนอย่างเนี่ยเฟิงอยู่แล้ว แต่การฆ่าก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้เสมอไป ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่ได้คิดที่จะใช้วิธีการที่รุนแรงแบบนี้
เนี่ยเฟิงรู้ดีว่าจะทำให้คนคนหนึ่งต้องทนทุกข์ยังไง นั่นก็คือการทำให้เขากลายเป็นคนไม่เหลืออะไรเลย และทำให้ทั้งครอบครัวของพวกเขาติดหนี้นับไม่ถ้วนนั้น ซึ่งมันก็เป็นการลงโทษที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าที่จะรังควานเย่หรูเสว่อีกต่อไป
เพียงแค่เงินก้อนนั้นที่อยู่ในมือของเนี่ยเฟิง มันไม่สามารถมอบให้เย่หรูเสว่ได้แล้ว เพราะเนี่ยเฟิงรู้ดีว่าแม้จะมอบให้กับเย่หรูเสว่ เย่หรูเสว่จะต้องถามให้รู้ให้ได้อย่างแน่
เนี่ยเฟิงจึงทำได้แค่เก็บเงินก้อนนี้ไว้ก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่เดิมทีเย่หรูเสว่วางแผนไว้ว่าจะกลับเมืองจินไห่พร้อมกับเนี่ยเฟิง แต่ในเวลานี้ หล่อนกลับได้รับข้อความๆ หนึ่ง ซึ่งข้อความนี้ก็เป็นข้อความที่ซุนลี่ลี่เป็นคนส่งมา
“ซุนลี่ลี่บอกฉันว่าหล่อนอยากจะขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนที่ผ่านนั้น โดนให้ฉันไปทานข้าวกับหล่อน”
เดิมทีเย่หรูเสว่รู้สึกผิดหวังกับพวกเพื่อนเหล่านี้มาก แต่คิดไม่ถึงว่าซุนลี่ลี่ผู้ซึ่งหยิ่งผยองมากในเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นอยากจะขอโทษตัวหล่อน
“ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า? พี่หก ถ้าพี่จะไปพี่ต้องระวังหน่อยนะ ช่างมันเถอะให้ผมไปกับพี่ดีกว่า?”
เนี่ยเฟิงกังวลมาก
“ไม่น่าจะมีอะไรหรอก พี่ไปคนเดียวก็ได้ นอกจากนี้ ด้วยความสามารถของพี่หกแล้ว การที่อยากรับมือกับสาวแกร่งนั้น มันไม่ง่ายหรอก!”
เย่หรูเสว่พูดพร้อมกับตบแขนตัวเอง
“งั้นให้ผมไปกับพี่นะ? ผมจะอยู่รอพี่ที่ชั้นล่าง ถ้าพี่ทานข้าวเสร็จค่อยมาหาผม”
เมื่อเห็นเนี่ยเฟิงห่วงใยตัวเองขนาดนั้น เย่หรูเสว่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที หล่อนตบไหล่เนี่ยเฟิง “ได้”
เย่หรูเสว่ไปถึงหล่อนก็เห็นซุนลี่ลี่นั่งอยู่ในตำแหน่งห้องอาหารแล้ว
หล่อนก็ยังคงแต่งตัวงดงามฉูดฉาดหรูหราเหมือนเมื่อคืน หลังจากที่เห็นเย่หรูเสว่มา หล่อนก็ลุกขึ้นยืนทันที และพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เย่หรูเสว่ ต้องขอโทษกับเรื่องเมื่อคืนด้วยนะ เป็นเพราะฉันมีตาหามีแววไม่เองยกโทษให้ฉันด้วย?”
เย่หรูเสว่ส่ายหัว”ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือสาหรอก”