พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม – บทที่ 482 ดีดนิ้วหนึ่งทีก็ล้มละลาย

บทที่ 482 ดีดนิ้วหนึ่งทีก็ล้มละลาย

เนี่ยเฟิงพูดคำพูดเหล่านี้โอหังเกินไปแล้วจริงๆ คนทั้งหลายที่อยู่ในนั้นล้วนถูกคำพูดเหล่านี้ของเขาทำให้สั่นสะเทือนสยบแล้ว

“ตกลงว่าความมั่นใจในตนเองของคุณมาจากที่ไหน ถึงขนาดกล้าพูดคำพูดที่คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาล่ะ?”

หวางปินหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เขาชี้ไปยังหลายคนที่อยู่ต่อหน้าตนเองนั้นชี้แล้วชี้อีก ต้องรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่รวยที่สุดในมณฑลซานเจียงนะ ยังเป็นหนึ่งในลิ่วซานเหมินตัวแทนที่โดดเด่นของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ด้วย

อยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้ เนี่ยเฟิงไอ้คนที่จะหาเงินไม่มีเงินจะหาอำนาจไม่มีอำนาจคนนี้ ถึงขนาดกล้าพูดคำพูดอย่างนี้ออกมา อวดดีอย่างบ้าระห่ำเหลือเกินจริงๆเลย

“หอการค้าทั่วไปอยู่ในระดับที่หนึ่งพูดได้ว่าบิดาผมก่อตั้งขึ้นมากับมือ บิดาผมน่าจะไม่อยากเห็นหอการค้าทั่วไปตกอับกลายเป็นลักษณะแบบนี้ บรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยพิษร้ายทำให้คนอยากจะอ้วก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิฉะนั้นให้ผมเอามันกลับไปเสียเลยดีกว่า”

เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก ไม่รีบไม่ร้อนพูดแบบนี้ ต่อจากนี้เขาดูเหมือนนึกถึงอะไรขึ้นมาอีกเอ่ยปากพูดว่า “ถึงแม้ว่าเอากลับคืนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าหอการค้านี้ไม่มีมูลค่าอะไรอีกแล้ว ผมเอากลับคืนไม่ได้งั้นก็ทำลายไปโดยตรงเสียเลย”

คำพูดเหล่านี้ของเนี่ยเฟิงทำให้ความโกรธแค้นจากมวลชนเกิดขึ้นมา คนทั้งหลายได้ยินแล้วเพียงรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงโอหังอวดดี ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะให้เนี่ยเฟิงพูดสุ่มสี่สุ่มห้าตามใจอยู่นี่ เห็นเพียงพวกเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรม ดูลักษณะท่าทีอยากจะเข้าไปปราบปรามเขาแล้ว

เห็นคนเหล่านี้กำลังคันไม้คันมืออยากจะต่อยตี ดูเหมือนอยากจะสั่งสอนเขาว่าเป็นคนยังไง

“เห็นลักษณะท่าทีของพวกคุณดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อนะ งั้นผมก็หาสักคนลงมือก่อนเถอะ ให้ผมดูสิว่าในคนเหล่านี้ที่ผมเพิ่งรู้จักมีใครนะ โอ้ว งั้นก็เริ่มจากตระกูลหวางก่อนเลย”

เนี่ยเฟิงพูดอยู่จ้องมองไปยังหวางปินกับหวางชุนพ่อลูกทั้งสองอย่างแม่นยำไม่พลาด พวกเขาพ่อลูกทั้งสองเหมือนเช่นดั่งได้ยินเรื่องขำขันอะไรที่ยิ่งใหญ่เท่าฟ้า หัวเราะอยู่ที่นั่นจนแทบจะยืนไม่ตรง

“คุณจะมาสร้างเรื่องตลกเหรอ คุณถึงขนาดกล้าพูดว่าเริ่มจากตระกูลของพวกเราก่อนล่ะ? เป็นยังไง คุณจะให้ตระกูลของพวกเขาถอยออกจากหอการค้าทั่วไปเลยเชียวเหรอ? ผมบอกกับคุณ ฝันไปเถอะ! พวกเราเป็นเสาหลักของหอการค้าทั่วไปนะ!”

หวางชุนหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังออกมา

เนี่ยเฟิงยิ้มจนอ่อนโยนมากๆ เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับไม่ถึงนัยน์ตา เขาใช้สายตาที่ไม่สนใจไยดีจ้องมองหวางชุนกับหวางปินอยู่

“เมื่อกี้พวกคุณเคยพูดมาก่อนว่า พวกคุณเป็นหนึ่งในลิ่วซานเหมิน ทั้งเป็นผู้นำของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ถูกไหม?”

“ย่อมเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว! รู้จักความผิดแล้วเหรอ? ถ้าหากคุณรู้จักความผิดแล้ว งั้นก็กล่าวขอโทษให้ดีๆ คุกเข่าร้องขอความเมตตา เช่นนี้พวกเราก็อาจจะปล่อยคุณไปได้ ไอ้หนุ่มอายุเยาว์วัยก็อย่าพูดเวอร์เกินจริง มิฉะนั้นถึงแม้อยากจะเอากลับคืนก็ไม่มีทางเลย!”

หวางชุนเพื่อที่จะลบล้างความอัปยศ ดังนั้นร้องตะโกนต่อเนื่องโดยไม่เว้นช่วงอยู่ที่นั่น รูปร่างลักษณะแบบนั้น ดูแล้วเหมือนเที่ยงธรรมมากนะ แต่ตามความเป็นจริงเพียงแค่เป็นคนไม่เอาไหนสร้างแต่ปัญหา

“ผมชอบลักษณะท่าทีที่อวดดีถือดีของพวกคุณอย่างนี้มาก เพราะว่าทุกครั้งที่เห็นรูปร่างลักษณะแบบนี้ของพวกคุณ ผมก็จะได้รู้สึกถึงว่าอีกสักครู่จะกลายเป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจนมากขนาดไหนกับพวกคุณ”

หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบแล้ว ยกมือขึ้นมา บนใบหน้าเขาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม

“เพียงแค่ผมดีดนิ้วหนึ่งที พวกคุณนั่นก็จะล้มละลายแล้ว”

พอเนี่ยเฟิงพูดคำนี้ออกไป คนทั้งหลายล้วนเงียบไปเลย ต่อจากนี้เสียงหัวเราะที่เสียงดังกังวานดังทั่วทั้งหอประชุม คนทั้งหลายล้วนใช้สายตาจ้องมองเนี่ยเฟิงเช่นดั่งจ้องมองคนโง่อยู่

“ตกลงว่าคุณกล้าพูดคำพูดอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ ถึงขนาดกล้าพูดว่าคุณแค่ดีดนิ้วหนึ่งทีตระกูลพวกเราก็จะล้มละลาย ตกลงว่าใครให้ความมั่นใจในตนเองกับความกล้าหาญกับคุณล่ะ? ช่างทำให้ผมรู้สึกเคารพเลื่อมใสจริงๆ!”

หวางชุนจับท้องไว้หัวเราะจนโอเวอร์เป็นพิเศษ และบิดาของเขาก็หัวเราะจนน้ำตาไหล

“คุณตั้งใจมาสร้างความบันเทิงให้พวกเราเหรอ หรือพูดได้ว่าคดีร้ายแรงบนทะเลในตอนต้นนั้นทำให้คุณเหลือความบาดเจ็บทางจิตที่ไม่อาจลบล้างไปได้ไว้ ดังนั้นคุณจึงได้ทำการกระทำที่น่าขำเช่นนี้ออกมาล่ะ?”

หวางปินเช็ดน้ำตาที่หางตาเช็ดแล้วเช็ดอีก ในสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยการหัวเราะเยาะ คนที่อยู่ในนั้นล้วนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเลย

เนี่ยเฟิงจ้องมองเสียงหัวเราะของพวกเขาดังทั่วทั้งหอประชุม ดังนั้นค่อยๆดีดนิ้วหนึ่งที

เสียงดีดนิ้วนี้ท่วมนองกระทั่งเสียงหัวเราะของคนเหล่านั้นเลย

“ไอ้โย ไอ้คนนี้ยังคิดว่าตนเองเป็นใคร ซูเปอร์วีรบุรุษเหรอ? หรือว่าเป็นทานอสล่ะ ดีดนิ้วหนึ่งทีทำให้คนล้มละลาย ช่างน่าขำจริงๆ!”

คนทั้งหลายต่างคนต่างแย่งกันพูดขึ้นมาเลย และในเวลานี้ชิวมู่เฉิงตื่นเต้นมากๆ เธอจ้องมองลักษณะท่าทีของเนี่ยเฟิงที่มั่นใจในตนเองขนาดนั้น ทั้งไม่เชื่อว่าเนี่ยเฟิงจะล้อเล่นอยู่ แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่อยู่ภายใเวลาสั้นขนาดนั้นเนี่ยเฟิงจะทำให้วิสาหกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่งล้มได้อีกล่ะ?

“สาม”

เนี่ยเฟิงไม่ใส่ใจสักนิด ไม่ว่าคนเหล่านี้จะพูดยังไงหัวเราะยังไง เขาเพียงล้วนตั้งตระหง่านไม่หวั่นไหวอยู่ที่นั่น คล้ายดั่งเขาคนเดียวคือกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆแล้ว

“สอง”

เขาค่อยๆคายจำนวนที่สองออกมา คนอื่นๆยังหัวเราะอยู่เหมือนเดิม ก็เหมือนเช่นดั่งพบเจอกับเรื่องน่าขำเป็นอะไรพิเศษ

“หนึ่ง”

เสียงพูดของเนี่ยเฟิงเพิ่งจบลง อยู่ดีๆมือถือของหวางปินก็ดังขึ้นมา เขาอึ้งชะงักไปหนึ่งที และเสียงมือถือที่ดังขึ้นนี้ ทำให้เสียงหัวเราะของคนทั้งหลายก็ค่อยๆเงียบลงไปด้วย สายตาของคนทั้งหลายล้วนกลายเป็นแปลกประหลาดเล็กน้อยแล้ว

แต่พวกเขาคิดอีกว่า ไอ้คนอย่างเนี่ยเฟิงแบบนี้เป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้วิสาหกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่งตกอับได้อีกล่ะ? ถึงแม้ว่าจะตกอับก็เป็นไปไม่ได้ว่าแค่เวลาดีดนิ้วหนึ่งทีแค่นั้นจึงจะถูก

หวางปินหยิบมือถือออกมา จ้องมองเบอร์ที่โทรเข้าเป็นของเลขาตนเอง เขาอึ้งชะงักไปหนึ่งที มีความไม่รู้จะทำอย่างไรดีเล็กน้อย

ในเวลานี้เลขาจะโทรหาตนเองได้ยังไงล่ะ? เป็นไอ้คนนี้แอบวางหมากอะไรแล้วจริงๆเชียวเหรอ? เป็นไปไม่ได้!

วิสาหกิจของเขาทำอย่างใหญ่โตแข็งแกร่ง ทำถึงขั้นนี้ในเวลานี้ เป็นไปได้ยังไงจะถูกไอ้หนุ่มคนหนึ่งก่อกวนได้อีกล่ะ เขาส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก ครุ่นคิดอยู่อาจจะเป็นตนเองคิดมากไปแล้ว

เนี่ยเฟิงจ้องมองหวางปินไม่ยอมรับสาย ดังนั้นเขายิ้มอยู่เตือนสติพูดว่า “ทำไมไม่รับสายล่ะ? คุณหวาดกลัวที่จะรู้เรื่องที่ตนเองจะล้มละลายนี้เลยเชียวเหรอ?”

“เหี้ยแม่มึงเอ่ย! จะเป็นไปได้ยังไงที่พวกเราล้มละลาย คุณอย่าปล่อยข่าวแสร้งปล่อยเขย่าขวัญอยู่นี่เลย นี่เพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นล่ะ รีบรับสายตบหน้าไอ้คนนี้เลย!”

พอหวางชุนถูกเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ โมโหจนกระทืบเท้าทันที

“จำไว้ว่าต้องเปิดลำโพง ทำให้คนทั้งหลายล้วนได้ยินเนื้อหาในการพูดคุย”

เนี่ยเฟิงยิ้มจนหางตางอ ดูแล้วก็คือเรียบง่ายไร้อุบายจริงๆเลย และคนอื่นๆมีความตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างแปลกประหลาดมาก ในใจของพวกเขามีความกังวลเล็กน้อยว่าเนี่ยเฟิงที่อยู่ต่อหน้านี้จะมีฝีมือเช่นนี้จริงๆเหรอ? แต่เขาแต่งกายธรรมดา อีกทั้งยังเป็นคนสุดท้ายที่เหลือของตระกูลเนี่ยอีก

ถึงแม้ว่ามีคนในสมัยก่อนสนับสนุนเขาอยู่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ถึงขั้นนี้ อยากจะให้มหาเศรษฐีคนหนึ่งล้มไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น

แม้ว่าในใจหวางปินมีความตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็คิดอยู่ว่าเนี่ยเฟิงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฝีมือเช่นนี้อยู่

“ลังเลขนาดนั้นทำไมล่ะ? คุณหวาดกลัวแล้วเชียวเหรอ? ถ้าหากว่าคุณหวาดกลัวแล้ว งั้นสามารถคุกเข่าขอร้องผมได้ ผมอาจจะพิจารณาๆไม่ทำให้ตระกูลของพวกคุณล้มละลายได้”

คำพูดของเนี่ยเฟิงนี้ทำให้หวางปินโมโหแทบตาย หวางปินจับมือถืออย่างแน่นโมโหร้องตะโกนอยู่พูดว่า “คุณไอ้คนนี้ช่างทะเยอทะยานไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ คุณอยากอัปยศอดสูโดยปริยาย งั้นผมก็จะให้คุณสมปรารถนาเถอะ!”

เพียงเห็นหวางปินรับสายแล้ว เสียงของเลขาที่ร้อนรุ่มฝั่งโน้นส่งเข้ามาเลย

“ประธานหวางแย่แล้ว บริษัทที่ร่วมกิจกรรมกับพวกเราเหล่านั้น ปัจจุบันนี้ล้วนจะถอนหุ้นไปหมดแล้ว เอะอะโวยวายจนไม่มีทางที่จะสิ้นสุด!”

พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม

พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม

ผมมีพี่สาวเจ็ดคน ทุกคนสวยเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์พี่ใหญ่ชิวมู่เฉิงเป็นประธานหญิงของโรงแรมอินเตอร์เนชั่นแนลพี่สองหยูจิงหงเป็นเทพเจ้าหญิงแห่งสงครามพี่สามหลินซูอินเป็นอาจารย์ของโรงเรียนมัธยมที่สวยที่สุดพี่สี่หมิงอี๋หานเป็นหมอที่สวยที่สุดพี่ห้าโจวลี่ซือเป็นแอร์โฮสเตสที่สวยที่สุดพี่หกเย่หรูเสว่เป็นตำรวจสาวที่สวยที่สุดพี่เจ็ดคังเมิ่งเป็นดาวโรงเรียน ยังเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังด้วยผมชื่อเนี่ยเฟิง ตอนนี้เป็นหัวหน้าของสำนักมังกร มีฉายาว่าเทพราชามังกร!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท