NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

บทที่ 55 เบื้องหลังของหลี่ฝางช่างน่าตกใจ

“พอได้แล้ว นายอย่ามายืดเยื้อกับฉันตรงนี้อีกเลย ด้านนอกมีลูกค้ารออยู่มากมาย” หลี่ฝางเริ่มจะโกรธแล้ว: “นายออกไปหนึ่งชั่วโมง กลับมาบอกฉันว่าลูกพี่หลี่ถูกนายฆ่าแล้ว นายคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”

“นายฆ่าคน ทำไมบนตัวนายไม่มีรอยเลือดแม้แต่นิดเดียว? นายฆ่าคน สามารถพูดออกมาได้อย่างใจเย็น?” หลี่ฝางทำตาถลนใส่ส้าวส้วย

หลี่ฝางไม่เชื่อว่าส้าวส้วยได้ฆ่าลูกพี่หลี่ไปแล้ว เพราะว่าส้าวส้วยแสดงออกได้เรียบเฉยเกินไป ท่าทางเหมือนฆ่าคนที่ไหนกัน?

ส้าวส้วยถอนหายใจ เปลี่ยนชุดทำงานแล้วไปทำงาน

หลี่ฝางถือไวน์แดงที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก มาถึงห้องวีไอพีของสวีจื่อโห้

สวีจื่อโห้เห็นหลี่ฝาง ก็ยิ้มๆ : “มาแล้วเหรอ เจ้าหลานชาย”

“คุณอา คุณพ่อผมคงจะไม่มีเวลามาแล้ว ดังนั้นผมจึงได้มาขอโทษคุณอาแทนเขา” ขณะที่หลี่ฝางพูด ก็ได้รินเหล้าให้สวีจื่อโห้แก้วหนึ่ง

หน้าของสวีจื่อโห้ไม่ได้แสดงอาการใด ดูไม่ออกว่าโกรธหรือเปล่า

“อารู้ว่าวันนี้เขาไม่ว่างมาเจออาหรอก สวีจื่อโห้ส่ายหัวแล้วกล่าว เขานัดอามานี่ มันคงไม่มีอะไรมากกว่าให้อามาแสดงบารมีแถวนี้”

“งั้นคุณอาก็หลงกลคุณพ่อแล้วสิ?”

“สามารถถูกพ่อนายวางแผน ถือเป็นเกียรติของอา อีกอย่างอาก็ไม่ได้มาฟรี มังกรทองตัวนี้แสดงให้ฉันเห็นถึงความสามารถในการลงทุนของพ่อนาย” สวีจื่อโห้พูดอย่างหัวเราะ

“ในเมื่อพ่อนายกล้าลงทุนร้านเหล้าที่ตงไห่เป็นเงินสองพันล้าน แสดงว่าเขามีแผนการที่จะลงทุนในตงไห่”

“เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา” สวีจื่อโห้ถอนหายใจ แล้วกล่าว: “เป็นเพราะอาใจร้อนเกินไป”

พูดจบ สวีจื่อโห้กับหลี่ฝางก็คุยกันสักพัก เขาสองคนอยู่ในห้องวีไอพีพูดคุยกันอย่างมีความสุข ได้ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย

โดยเฉพาะโต๊ะของตู้เฟย อารมณ์เหมือนหม้อที่จะเบิด

โจวเจ๋ ส้งเสียงและพวกต่างก็รู้จักสวีจื่อโห้ และหลี่หลงถึงแม้จะไม่รู้จักสวีจื่อโห้ แต่ว่าเขารู้จักคนข้างกายของสวีจื่อโห้ นั่นมันคือหัวหน้าของสถานีตำรวจ หม่าเทียนนะ

ครอบครัวที่มีภูมิหลังนักเลงอย่างหลี่หลง สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหม่าเทียน

เมื่อกี้หลี่หลงและจางกงหมิงต่างหัวหดกัน ก็เพราะว่าเห็นหม่าเทียน

“เรื่องมันยังไงกัน ยาจกอย่างหลี่ฝาง ทำไมถึงรู้จักผู้มีบารมีแบบสวีจื่อโห้?” ตู้เฟยเห็นภาพนี้แล้ว ก็อึ้งไปทั้งตัว

“คิดไม่ถึงเลย หากหนุ่มน้อยคนนี้มีฐานะที่ยิ่งใหญ่ แล้วทำไมถึงมาเป็นบริกรอยู่ในบาร์แห่งนี้ล่ะ” โจวเจ๋ขมวดคิ้วขึ้น

“ต่อไปนี้ก็ล่วงเกินหนุ่มคนนี้ให้มันน้อยหน่อย หากทำให้สวีจื่อโห้ไม่พอใจ” พวกเราไม่มีใครต้านไหว ส้งเสียงส่ายหัว แล้วกล่าว

เวลานี้ ลูกเศรษฐีเหล่านี้มีสีหมดอาลัยตายอยาก พวกเขากลัว กลัวว่าสักวันหนึ่งหลี่ฝางจะแก้แค้นพวกเขา

“สวีจื่อโห้เป็นใครเหรอ?” จางเชี่ยนถามอย่างสงสัย

“ผู้มีอิทธิพลในตงไห่ โจวเจ๋ถอนหายใจ ฐานะทางครอบครัวของเพื่อนเธอคนนี้ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ”

“พวกนายดูดีๆ สิ สวีจื่อโห้คนนี้คุยกับหนุ่มน้อยคนนี้อย่างอารมณ์ดี ความสัมพันธ์ของเขาสองคนต้องไม่ธรรมดาแน่” โจวเจ๋กล่าวอย่างหนักแน่

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้” ตู้เฟยไม่อยากที่จะเชื่อสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า

“ตู้เฟย ยอมรับความจริงเถอะ นายสงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมถูกมัธยมตงไห่ไล่ออกไม่ใช่เหรอ? คำตอบก็เห็นชัดอยู่แล้วนี่”

“หากไม่ใช่เพราะสวีจื่อโห้อยู่เบื้องหลังของหลี่ฝาง นายคิดว่าฉางหลินจะไล่นายออกเหรอ? ไล่นายออกเท่ากับล่วงเกินพ่อนาย ต่อให้ฉางหลินต้องล่วงเกินกระทรวงศึกษา ก็คงไม่กล้าที่จะล่วงเกินพ่อนาย”

“ดังนั้น หลี่ฝางไม่ใช่ญาติที่ยากจนที่นายพูด แต่เป็นญาติของสวีจื่อโห้?!” คิดเข้าใจจุดนี้แล้ว ตู้เฟยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว

“ไม่ว่าเขาจะเป็นญาติกันหรือไม่ ต่อไปพวกเราก็ห่างๆ มันไว้หน่อย” โจวเจ๋กล่าว

คนอย่างพวกโจวเจ๋ สิ่งที่ไม่กล้าล่วงเกินที่สุด ก็คือคนที่มีอำนาจและบารมี

ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตู้เฟย หรือครอบครัวของส้งเสียง หรือครอบครัวของโจวเจ๋ บริษัทของบ้านพวกเขา ไม่มีบ้านไหนที่ทนต่อการตรวจสอบได้

ขอเพียงตรวจสอบอย่างละเอียด บริษัทเหล่านี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต้องถูกระงับ

โดยเฉพาะบ้านตู้เฟย โดยเฉพาะเขตไฟแดงที่ตู้ต้าไห่กำลังพัฒนา มีเพียงรายการเดียวที่ไม่อนุมัติ จากนั้นโครงการทั้งหมดจะถูกควั่น เงินที่ลงทุนในเขตไฟแดง ก็จะสูญเปล่า

ดังนั้น ตู้เฟยไม่กลัวก็จะแปลกละ

แต่หลี่หลงไม่เคยคิดที่จะปล่อยหลี่ฝาง: “ไม่ทำร้ายเขาในที่แจ้ง แต่พวกเขาสามารถทำร้ายเขาในที่ลับ”

“ใช่ พี่หลงพูดถูก พวกเราสามารถจัดกันอย่างลับๆ” ตู้เฟยหัวเราะพูดทันที ได้ชนแก้วกับหลี่หลง: “พี่หลง พี่อยากปล่อยหลี่ฝางไปง่ายๆ แบบนี้นะ”

“เขาทำร้ายลูกน้องของพ่อฉันตั้งหลายคน ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ”

“อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะรู้จักหม่าเทียน และผู้มีอำนาจบารมีอย่างสวีจื่อโห้ ไม่อย่างนั้น เขาทำไมต้องหาพวกจางกงหมิงมาช่วยเหลือ หลี่หลงกล่าวอย่างเย็นชา: “ฉันดูแล้ว หนุ่มน้อยคนนี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์กำลังแกล้งแสดง คาดว่าคงไปตีสนิท แสดงละครให้พวกเราดู”

“พ่อแม่หลี่ฝางเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่รู้จักพวกข้าราชการหรอก” เวลานี้จางเชี่ยนหัวเราะกล่าว: “ฉันว่านะ พวกนายคิดมากไปแล้ว”

เรื่องบางเรื่อง ควรเชื่อว่ามีมากกว่าว่าไม่มีนะ อย่างไรเสียโจวเจ๋กับส้งเสียงไม่อยากเป็นปรปักษ์กับหลี่ฝางแล้ว

หลังจากที่สวีจื่อโห้ออกไปแล้ว หลี่ฝางก็ได้กลับมายังโต๊ะแคชเชียร์

“คุยกันเป็นไงบ้าง?” ลุงเฉียนยิ้มแล้วถาม

“ดีมากเลย ก่อนที่จะไปสวีจื่อโห้ยังได้ให้นามบัตรผมหนึ่งใบ พูดว่าต่อไปหาเจอปัญหา ให้ผมโทรหาเขา” หลี่ฝางกำลังจะบันทึกหมายเลขเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ จู่ๆ ลุงเฉียนได้ยื่นมือมา แย่งนามบัตรในมือไป

ฉึกดังขึ้นหนึ่งเสียง

ลุงเฉียนได้ฉีกนามบัตรที่สวีจื่อโห้ให้ไว้อย่างละเอียด

“ลุงเฉียน ลุงหมายความว่าไง?” หลี่ฝางคิ้วขมวดเข้าหากัน พูดอย่างเคืองเล็กน้อย

“ปัญหาของคุณทั้งหมดต่อไปทางบาร์จะเป็นคนช่วยคุณจัดการ” ลุงเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าเชื่อถือ: “ไม่จำเป็นต้องให้สวีจื่อโห้มายุ่ง”

เวลานี้ หลิวเฉียวเฉียวก็เดินมาตรงหน้าของหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง เซี่ยลู่ดื่มหนักไปหน่อย นายสามารถช่วยฉันพยุงเธอออกไปหน่อยได้มั้ย”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

หลี่ฝางพยักหน้า มาถึงด้านหน้าของเซี่ยลู่ เวลานี้เซี่ยลู่ นอนเมาไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา

“ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้” หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย

“ก็ต้องโทษนายนั่นแหละ ใครใช้ให้นายเอาเหล้ามาเยอะขนาดนี้” หลิวเฉียวเฉียวกลอกตาใส่หลี่ฝาง พูดอย่างกล่าวโทษ

“เธอนี่มันใจจืดใจดำจริงๆ ฉันเลี้ยงเหล้าพวกเธอ พวกเธอดื่มเยอะเอง กลับมาโยนความผิดให้ฉัน?”

หลี่ฝางเคืองเล็กน้อย อุ้มเซี่ยลู่ขึ้นมา เดินออกไปจากบาร์

และในเวลานี้ ตู้เฟยก็ได้วิ่งออกมา ถีบไปที่ก้นของหลี่ฝาง หลี่ฝางในขณะที่อุ้มเซี่ยลู่อยู่ เดิมทีก็เดินไม่ค่อยจะมั่นคงอยู่แล้ว ถูกถีบไปหนึ่ง เซี่ยลู่และหลี่ฝางล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน

อีกอย่าง เซี่ยลู่ได้ถูกทับอยู่ด้านลงของหลี่ฝาง ปากของหลี่ฝาง พอดีไปจูบโดนกับปากของเซี่ยลู่

ตู้เฟยเห็นแล้วก็ยิ่งบ้ากันไปใหญ่

“หลี่ฝาง เย็ดแม่งเอ๊ย!” เวลานี้ ตู้เฟยไม่สนใจว่าหลี่ฝางจะเกี่ยวข้องอะไรกับสวีจื่อโห้แล้ว เขาบ้าคลั่งจนพุ่งเข้ามา ต่อยหลี่ฝางด้วยหมัดต่อหมัด

ตู้เฟยที่บ้าไปแล้ว ฝีมือการต่อสู้พอๆ กับหลี่ฝางเลย

และเวลานี้ คนของหลี่หลงก็ได้วิ่งออกมาทั้งหมด หลี่หลงส่งสัญญาณมือ: “ลุยเลย!”

หลินชิงชิงและพวกจางกงหมิงก็วิ่งตามออกมาอย่างกระชั้นชิด เจ้าหัวแบนมาถึงตรงหน้าของหลี่ฝางทันที ได้ถีบตู้เฟยล้มลงไปกับพื้น

“แม่งเอ๊ย จางกงหมิง นายจะเป็นปรปักษ์กับฉันให้ได้เลยใช่มั้ย?” หลี่หลงมองจางกงหมิง พูดอย่างเย็นชา

“ใช่แล้วจะทำไม?” จางกงหมิงพูดหัวเราะอย่างดูถูก

“ได้” ในเมื่อนายอยากจะเล่น เรามาเล่นกันสักตั้ง ทุกคนลุย!” หลี่หลงมองจางกงหมิงอย่างเยือกเย็น แล้วได้ตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง

และจางกงหมิงก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะกลัว ได้ไปหยิบอุปกรณ์ต่อสู้ท่อนเหล็กอื่นๆ ออกมา

คนทั้งสองฝ่ายกำลังตะลุมบอนกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นมา คนหนึ่งก็คือสวีจื่อโห้ อีกคนหนึ่งก็คือหม่าเทียน

“เหล่าหม่า ความปลอดภัยของตงไห่ของเราทำไมยิ่งอยู่ยิ่งแย่ละ” สวีจื่อโห้เห็นภาพนี้แล้ว ก็ส่ายหัว

“ขออภัยด้วย ผมจะรีบจับพวกเขาให้ได้ครับ”

หม่าเทียนพูดจบ ก็เดินไปทางหลี่หลง: “นายเป็นลูกชายของลูกพี่หลี่หรือเปล่า?”

หลี่หลงพยักหน้า ยืนอยู่ตรงหน้าของหม่าเทียน ความดุร้ายบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที

“นายมากับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะบอกกับนาย” สีหน้าของหม่าเทียนเหมือนหนักใจแล้วกล่าว

“คุณจะพูดอะไรกับผม?” หลี่หลงรู้สึกใจคอไม่ค่อยจะดี

“มีข่าวที่ไม่ดีจะแจ้งกับนาย นายควรจะทำใจไว้ให้ดี”

หม่าเทียนพูดจบก็นิ่งไปสักพัก จึงได้กล่าวขึ้น: “เมื่อกี้ที่สถานีตำรวจโทรมา พ่อของนายเสียชีวิตแล้ว ถูกคนฆาตกรรม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท