NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 176

ตอนที่ 176

คนที่ตกใจกับบัตรแบล๊คการ์ดทั่วโลก ไฉนเลยจะมีเพียงหวางเสี่ยวโก๋

หวงว่างโก๋ ฉินวี่เฟย เหยนเสี่ยวน่า ……

ส่วนคนที่ไม่ได้ตกตะลึงด้วยคือ

ต่อให้ตอนนี้ยัยแว่นกับยายอ้วนจะไม่รู้ว่าแบล๊คการ์ดสื่อความหมายทั่วโลกอย่างไร แต่ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกซูฮกหลี่ฝาง

“หลี่ฝางนี่มีเงินจริงๆเลยนะ ตั้งหกแสนกว่า ไม่กระพริบตาเลยแม้แต่น้อย”ยัยอ้วนย้อนนึกภาพตอนที่หลี่ฝางจ่ายเงิน น้ำเสียงออกแนวชื่นชม

นี่แหละมหาเศรษฐี ช่างเอาแต่ใจ

โตมาขนาดนี้ ยัยอ้วนยังไม่เคยเห็นเจ้านายที่มีเงินขนาดนี้

ยัยแว่นแค่นเสียงหัวเราะ“มีเงินอะไรล่ะ ฉันว่าเขาอวดรวยมากกว่า ตัวเองแซ่อะไรยังไม่รู้”

“ก็แค่ซื้อที่ดินมาแปลงเดียวเท่านั้น แค่สามล้านกว่า แล้วก็ซื้อรถหรูไปอีกสองล้านกว่า แล้วก็ข้าวมื้อละห้าหกแสน เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ถึงอาทิตย์ คนที่ชื่อหลี่ฝาง ก็คงใช้เงินหมดเกลี้ยง”ยัยแว่นขมวดคิ้ว พูดอย่างดูแคลน

เมื่อกี้ตอนอยู่ที่ห้องส่วนตัว หลี่ฝางวู่วาม แถมยังโกหกทุกคน ว่าตัวเองโชคค่อนข้างดี ขายที่ดินสมบัติตกทอดได้มาสามล้าน

จากนั้น จึงใช้เงินสองล้านซื้อรถเบนซ์มาสองคัน

เดิมทีใครๆก็คิดว่าหลี่ฝางเป็นลูกเศรษฐีที่ไหน รู้สึกว่าเขาเก่งกาจมาก แต่ครั้งนี้ ไม่มีใครเหลือความรู้สึกดีๆให้เขาแล้ว

โดยเฉพาะยัยแว่น หล่อนรู้สึกว่าหลี่ฝางยโสเกินไป ก็แค่ขายที่ได้ ก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้

แล้วเกิดวันไหนใช้เงินหมดล่ะ

ยัยแว่นกล่าว“ฉันว่านะ หลี่ฝางสู้เสี่ยวน่าไม่ได้ อย่างน้อยบ้านเสี่ยวน่ามีโรงงานผลิตเหล้า ในแต่ละปีมีรายรับเป็นล้าน”

“อย่างหลี่ฝาง ก็แค่รวยทางลัด เงินของเขา ใช้หมดแล้วก็หมดกัน ไม่สามารถงอกออกมาอีก”

“เธอว่าแบบนั้นมั้ยล่ะ เสี่ยวน่า”เห็นคนส่วนมากไม่พูดอะไร ยัยแว่นจึงเริ่มเอ่ยปากถาม เหยนเสี่ยวน่า

เดิมที ความคิดของเหยนเสี่ยวน่า ก็คล้ายๆกับยัยแว่นนี้แหละ

แต่ในตอนที่หลี่ฝางโยนบัตรแบล๊คการ์ดออกไป เธอก็รู้แล้วว่า หลี่ฝางโกหก

แบล๊คการ์ดสามารถแสดงได้ถึงสถานภาพของตน ต่อให้คุณมีเงินกี่ร้อยล้าน ถ้าไม่มีอิทธิพลระดับโลก ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้แบล๊คการ์ด

เหยนเสี่ยวน่าพูดอย่างกระอักกระอ่วน“เอาเป็นว่าฉันไม่กล้าใช้เงินแบบนั้นหรอก”

ไม่ใช่ไม่กล้า แต่ไม่มีปัญญาใช้

ข้าวมื้อนึงหกแสน สวรรค์ เงินเบี้ยเลี้ยงของเหยนเสี่ยวน่าในปีนึง ก็ยังไม่ถึงหนึ่งแสนด้วยซ้ำ

ใช้เงินหกแสนเลี้ยงข้าวมื้อเดียว ตลกละ

กลับมาถึงสุ่ยมู่

หลี่ฝางลงจากรถ เมื่อเห็นเหยนเสี่ยวน่าจึงถามขึ้น“ทำไมรถของเธอจึงเข้ามาจอดในมหาวิทยาลัยได้”

“คุณไม่ได้ลงทะเบียนรถยนต์เอาไว้เหรอ”เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะแหะๆ“ก็แค่บอกกับรปภ. จ่ายค่าที่จอด ก็เรียบร้อยแล้ว”

“เดือนละร้อย ถูกมากเลย”

“ตอนนี้ที่จอดรถก็มีมากอยู่นะ ตามมาสิ”เหยนเสี่ยวน่ากวักมือเรียกหลี่ฝาง แล้วพาหลี่ฝางไปที่ลานจอดรถ รถมีไม่มาก

รถหรูก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

หลี่ฝางจำรถเบนซ์คันนั้นได้ เป็นรถของตู้เฟย

และก็บีเอ็ม ซีรีย์ห้าคันหนึ่ง ไม่รู้ว่าของใคร

นอกจากนี้ก็ไม่มีรถหรูจากที่ไหนอีกแล้ว

ในตอนนี้ เหยนเสี่ยวน่ากล่าว“ที่จริง ลูกเศรษฐีที่สุ่ยมู่ก็มีไม่น้อย เพียงแต่ว่า พวกเขาแค่ไม่ได้อยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น แต่เช่าคอนโดพักอยู่ด้านนอก รถก็เลยไม่จอดไว้ในโรงเรียน”

“เท่าที่ฉันรู้ ของหยูเถิงเป็นปอร์เช่911 ราคาล้านกว่า”

“ยังมีสวีเถิงเฟยนั่นอีก รถของเขาคือเบนซ์ลี่ แม้ว่าจะไม่ใช่ชื่อของเขา แต่เขาก็ขับอยู่ ก็ถือว่าของเขาแหละ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองดูเหยนเสี่ยวน่า“หยูเถิงกับสวีเถิงเฟย สองคนนี้อยู่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เหรอ”

เหยนเสี่ยวน่าพยักหน้า พูด“ใช่น่ะสิ สุ่ยมู่เป็นสถาบันที่ดีที่สุดในมณฑล พวกลูกเศรษฐีท้องถิ่น ถ้าไม่ได้ไปเรียนที่เกียวโต ส่วนมากก็มาเรียนที่สุ่ยมู่”

“อีกอย่าง สุ่ยมู่สำหรับพวกลูกเศรษฐี มีชื่อเสียงมาโดยตลอด ขอแค่นายมีชาติตระกูลที่ดี ต่อให้สอบได้ศูนย์คะแนน ก็มาเรียนที่สุ่ยมู่ได้”

“เพราะงั้นน่ะสิ มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่นอกจากจะรับพวกหัวกะทิแล้ว ก็ยังรับลูกเศรษฐีอีกด้วย”

“อีกอย่างนะ พวกเศรษฐีท้องถิ่น แปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จบที่สุ่ยมู่ทั้งนั้น”เหยนเสี่ยวน่าอธิบายให้ทุกคนฟังแบบนี้มาโดยตลอด

รอจนเหยนเสี่ยวน่าพูดจบ หวางเสี่ยวโก๋ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ“พี่ พูดน้อยหน่อย พี่พูดหมดแล้ว ผมจะพูดอะไรกับพวกเขา”

“ได้ งั้นฉันไม่พูดแล้ว”เหยนเสี่ยวน่าพูดจบจึงเงียบปาก

ทุกคนเดินออกมาจากลานจอดรถ เริ่มโอ้อวดกัน

รอจนเหยนเสี่ยวน่าเดินไปไกล เลี่ยวข่ายจึงถามขึ้น “เสี่ยวโก๋ ไอดีวีแชทพี่สาวนายเบอร์อะไร ขอแอดหน่อย”

“ไสหัวไป!”

หวางเสี่ยวโก๋จ้องเลี่ยวข่ายเขม็ง“นายคิดว่าพี่สาวฉันจะมองนายเหรอ”

เหยนเสี่ยวน่าตัวค่อนข้างสูง แต่แน่นอนว่าสูงไม่เท่าฉินหยู่เฟย แต่อย่างน้อยก็สูงถึงร้อยหกสิบห้า ส่วนสูงนี้ สำหรับเด็กสาวแล้ว นับว่าสูง

รูปร่างเธอถือว่าดี โหงวเฮ้งดี และนิสัยร่าเริงใจกว้าง ดูเปิดเผยจริงใจ

ตอนรู้จักใหม่ๆ หลี่ฉางรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้น่ารักดี

ส่วนเลี่ยวข่ายยิ่งสนใจ

แต่ว่าเลี่ยวข่ายทั้งอ้วนทั้งเตี้ย ใช่ว่าหวางเสี่ยวโก๋จะพูดจาไม่น่าฟัง ต่อให้หลี่ฝาง ก็คิดว่าเหยนเสี่ยว

น่าคงไม่น่าจะเหลียวแลเลี่ยวข่าย

“ลดความอ้วนเถอะ รอนายลดความอ้วนสำเร็จ จะต้องเป็นหนุ่มหล่อแน่นอน”หลี่ฝางตบบ่าเลี่ยวข่าย พูดให้กำลังใจคำหนึ่ง

“อืม เจ้าอ้วนของเรามีศักยภาพไม่น้อย”เลี่ยวข่ายพยักหน้าพูด

“น้ำหนักเพิ่มลดได้ แล้วส่วนสูงล่ะ”หวางเสี่ยวโก๋ส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด“พี่สาวฉันต่อให้ไม่ใส่ส้นสูง ก็ยังสูงเลยหัวนาย”

ในเวลานี้เอง จู่ๆเหยนเสี่ยวน่าก็วิ่งกลับมา

“พี่ กลับมาได้ไงเนี่ย ลืมของไว้ในรถเหรอ”หวางเสี่ยวโก๋ถามอยากสงสัย

เหยนเสี่ยวน่าส่ายหน้า กวาดตามองหลี่ฝาง

“มาหาผมมีธุระอะไร” หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

เหยนเสี่ยวน่ากัดริมฝีปาก พูดอย่างเขินอาย“หลี่ฝาง ฉันแอดวีแชทคุณได้ไหม”

“ได้อยู่แล้ว”

หลี่ฝางหัวเราะแหะๆ พยักหน้า“เรามาสร้างกลุ่มแชทกันเถอะ เดี๋ยวกลับถึงหอพัก คุณดึงเพื่อนเข้ามานะ”

เหยนเสี่ยวน่าพยักหน้ารับ สีหน้าเป็นประกาย

เหยนเสี่ยวน่าคิดในใจ หลี่ฝางพูดแบบนี้ เพราะคงอยากแอดฉินหยู่เฟย

อย่างไรเสีย ในบรรดาผู้หญิงสี่คน เรื่องรูปร่าง มีเพียงฉินหยู่เฟยที่นำเหยนเสี่ยวน่าเท่านั้น

ระหว่างทางกลับหอพัก หวางเสี่ยวโก๋ถ่ายรูปบ่าของหลี่ฝาง“หลี่ฝาง ฉันมั่นใจ พี่สาวฉันกำลังสนใจนาย”

หลี่ฝางยิ้มเขินอาย เงยหน้าขึ้น เห็นลู่หลุ่ย

หลี่ฝางคิดว่าตาฝาดไป เขารีบขยี้ตา เริ่มมองอีกครา

“ลู่หลุ่ยเหรอ”

สีหน้าหลี่ฝางแสดงความดีใจ รีบวิ่งเข้าไป

“รอผมอยู่เหรอ”

หลี่ฝางเห็นลู่หลุ่ยยืนอยู่ด้านล่างหอพักตนเอง ถามอย่างทะนุถนอม“รอนานแค่ไหนแล้ว ทำไมไม่โทรมา”

“หลี่ฝาง หัวเราะอะไร มีอะไรขัดใจนายเหรอ”

คำพูดของลู่หลุ่ย ทำให้สีหน้าหลี่ฝางที่มีรอยยิ้ม แข็งขึ้นทันที

ในเวลานี้ หลี่ฝางรู้สึกตรงหัวใจ ราวกับโดนมีดกรีด เจ็บปวดมาก

“เขาแค่บังเอิญมาส่งฉันที่โรงเรียนเท่านั้น ออกหมัดหนักทำไมเล่า ชกจนฟันร่วงเลยเหรอ”ลู่หลุ่ยพูดอย่างขุ่นเคือง“มีสิทธิอะไรมาใช้อำนาจ”

หลี่ฝางหัวเราะแหะๆ“ถือสิทธิ์อะไรเหรอ พอใจน่ะสิ ได้ไหม”

“ฉันอยากซ้อมใครก็คนนั้น เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย เธอมีสิทธิอะไรวิ่งมาก้าวก่าย อีกอย่าง เฉินเสี้ยวเป็นอะไรกับเธอ ก็แค่ฟันหักซี่เดียว ถึงขั้นเธอต้องโร่มาหอพักชายกลางดึกเลยเหรอ รอเป็นเพื่อน เพื่อที่จะมาด่าฉันให้เฉินเสี้ยวนี่นะ”

หลี่ฝางกัดฟันกรอด มองลู่หลุ่ยอย่างเย็นชา

ลู่หลุ่ยได้ยินคำพูดดังนี้ ก็ไม่ตอบเป็นนานสองนาน

ในเวลานี้ หลี่ฝางกำหมัดแน่น ชกลงบนใบหน้าตนเอง“ก็ได้ ฉันชกเฉินเสี้ยวฟันหัก ฉันคืนเขาหนึ่งซี่แล้วกัน”

สวบๆๆ หลี่ฝางกระหน่ำชกตัวเองสามหมัด ชกจนปากตัวเองเลือดออก แต่ฟันกลับไม่เป็นไร

“พอได้แล้ว นี่ทำอะไรน่ะ!”หวางเสี่ยวโก๋รีบวิ่งเข้าไป ดึงหลี่ฝางเอาไว้

ลู่หลุ่ยเห็นหลี่ฝางที่เดือดดาล จึงตกใจจนร้องไห้

“ที่ฉันมาหานาย ไม่ใช่เพราะเฉินเสี้ยว”

ลู่หลุ่ยร้องไห้พลาง ควักบัตรออกมาจากกระเป๋า“ในบัตรนี้มีแสนห้า พ่อฉันบอกให้มอบให้นาย”

“พ่อบอกแล้ว เงินที่เหลือ เขาจะรีบหาทางคืนให้”ลู่หลุ่ยยัดบัตรใส่มือหลี่ฝาง หมุนตัวกลับวิ่งจากไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท