NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 320

ตอนที่ 320

บทที่ 320 ส้าวส้วยมีอันตราย

หลี่ฝางคิดในใจ ไอ้เลวมู่เสี่ยวไป๋นี้ เมื่อรู้สถานะของตนแล้ว ยังกล้ามาที่สถานตากอากาศ เห็นชัดว่าดูแคลนตน ไม่หวาดกลัวตน

หลี่ฝางหัวเราะเฮอะ ๆ ขึ้น มองมู่เสี่ยวไป๋อย่างสนุก “นายอยากเรียกอะไรก็เรียก ฉันกล้าตอบ ไม่เชื่อนายลองเรียกดู?”

ขณะพูด หลี่ฝางยังเลิกคิ้วให้มู่เสี่ยวไป๋

“นายพูดอะไร?!”

มู่เสี่ยวไป๋เมื่อถูกยั่วโมโห ทั่วใบหน้าเปลี่ยนไปดุร้ายขึ้นมา

“แค่ก แค่ก!”

อาจเพราะฉุนเฉียวเกินไป มู่เสี่ยวไป๋จึงไอขึ้นมาตรงนั้น

คนที่ทำทรงผมแบบเจิ้งอีเจี้ยน ประคองมู่เสี่ยวไป๋ ก่อนเอ่ยว่า “คุณชาย อย่าโมโห ร่างกายคุณยังไม่หายดี”

หลี่ฝางมองภาพนี้ กลับยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข

มู่เสี่ยวไป๋สถานะพิเศษ ลงมือกับเขาตรงๆ ไม่ได้ หากทำให้มันโมโหตาย คงสะใจดีแน่

หลังจากนั้น หลี่ฝางใส่ไฟขึ้น โดยเอ่ยต่อไปว่า “เป็นอะไรล่ะที่นี่ ทำไมเหมือนคนป่วยใกล้ตายแบบนี้ ร่างกายไม่พร้อมก็กลับไปนอนที่บ้านเถอะ อย่าออกมาวางท่าเลย ไม่งั้นอาจเหมือนพี่ชายนายที่ถูกคนชน…”

หากมู่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้เขาคงเข้าใจดี

อุบัติเหตุรถชนพี่ชายเขา มู่เหวินตง ต้องเป็นฝีมือของฝั่งหลี่ฝางแน่

จริงดังคิด มู่เสี่ยวไป๋หลังได้ฟังประโยคนี้ ยิ่งโมโหมากขึ้น เลือดร้อนของเขาเริ่มเดือดพล่าน จนกระอักเลือดออกมา

หลี่ฝางถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างวุ่นวาย เพื่อไม่ให้เลือดเปื้อนบนเสื้อผ้าตน

“แม่ง มู่เสี่ยวไป๋ นายจะตายอย่าอ้วกใส่ฉัน เกือบจะโดนเสื้อผ้าฉัน นายรู้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้ของฉันราคาเท่าไหร่ไหม ห้าล้านกว่าเลยนะ!”

“พื้นที่ถูกนายทำเปื้อน ต้องจ่ายค่าปรับนะ” หลี่ฝางชี้รอยเลือดบนพื้นพลางเอ่ยขึ้น

มู่เสี่ยวไป๋กุมหน้าอกตน ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา

“บัญชีเรื่องพี่ชายของฉันนั้น…”

มู่เสี่ยวไป๋เพิ่งจะเอ่ยปาก กลับถูกเจิ้งอีเจี้ยนตัดบทขึ้นว่า “คุณชาย เราไม่มีหลักฐาน จะใส่ร้าย ‘คนดี’ ไม่ได้”

เมื่อพูดถึง ‘คนดี’ สองคำนี้ เจิ้งอีเจี้ยนชำเลืองมองที่ส้าวส้วย

และสีหน้าของส้าวส้วย มองไม่เห็นถึงความรู้สึกผิดและตื่นตระหนก

“คุณชาย พวกเราไปเดินทางนั้นเถอะ ทางนั้นอากาศดี” เจิ้งอีเจี้ยนเอ่ย

มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์อะไร การลับฝีปากไม่สู้หลี่ฝาง จึงพยักหน้าท่ามกลางการประคองของเจิ้งอีเจี้ยน เดินผ่านข้างกายหลี่ฝางไป

“มู่เสี่ยวไป๋ ระวังด้วยล่ะ ทางนั้นเป็นหน้าผา นายอย่าตกลงไปเล่า หากนายตกลงไป จะมาร่วมงานแต่งของฉันและหลินชิงชิงได้ยังไง” หลี่ฝางรู้ว่ามาเสี่ยวไป๋ย้อนกลับไปสถานที่ใด ดังนั้นจึงพูดทิ่มแทงใจดำเขา

มู่เสี่ยวไป๋แคร์ที่สุด ไม่มีอะไรนอกจากพี่ชายของเขาและหลินชิงชิง

และพี่ชายเขา กลับถูกชนจนกลายเป็นผัก ตอนนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นฝีมือของฝั่งหลี่ฝาง

ส่วนหลินชิงชิง วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับหลี่ฝาง ความสัมพันธ์คลุมเครือ

สองจุดอ่อนของมู่เสี่ยวไป๋ เรียกได้ว่าถูกหลี่ฝางบีบจนตาย

มู่เสี่ยวไป๋โมโหขึ้น แต่กลับถูกเจิ้งอีเจี้ยนพูดปลอบหลายประโยคลง

หลังพวกเขาเดินไปไกล หลี่ฝางถามอย่างผิดหวัง “เจิ้งอีเจี้ยนพูดอะไรที่ข้างหูมู่เสี่ยวไป๋ ความจริงฉันจะให้มันกระอักเลือดอีกรอบ เฮ้อ ทำไมหลังเจิ้งอีเจี้ยนพูดแค่ไม่กี่ประโยค มู่เสี่ยวไป๋ไม่เพียงไม่โมโห ทำไมมันยังยิ้มอีก”

“ทำไม มันคิดกินขนมมงคลของฉันกับหลินชิงชิงจริงๆ เหรอ?” หลี่ฝางอึดอัดใจ

ส้าวส้วยมีสีหน้าสับสน ลังเลชั่วขณะจึงเอ่ยว่า “ไอ้นั่นมันบอกมู่เสี่ยวไป๋ว่า มันจะฆ่าคุณ ให้มู่เสี่ยวไป๋วางใจ”

“เจิ้งอีเจี้ยนพูดแบบนั้นจริงเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างควบคุมตนเองไม่ได้

นี้บ้าเกินไปแล้ว ในถิ่นของหลี่ฝาง ยังพูดว่าจะฆ่าหลี่ฝาง?

“ใช่ ลุงเฉียนยังคิดว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าฆ่าคุณ ตอนนี้ดูแล้ว ลุงเฉียนประเมินความกล้าของมู่เสี่ยวไป๋ต่ำไป” ส้าวส้วยเอ่ยจบ ผ่านไปไม่กี่วินาที เอ่ยเสริมขึ้นอีกว่า “เถ้าแก่ อย่ากลัวไปเลย ผมเดาว่ามันทำเพื่อไม่ให้มู่เสี่ยวไป๋โมโห ดังนั้นจึงพูดแบบนี้”

หลี่ฝางหัวเราะเฮอะเฮอะ อย่างไม่ใส่ใจ “มีอะไรต้องกลัว แม้เขาจะฆ่าฉันจริง พ่อฉันและพวกนาย ก็จะแก้แค้นแทนฉันอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าพวกมันจะฆ่าฉันจริง อย่าให้ฉันตายอย่างโดดเดี่ยวเลย ช่วยหาเพื่อนร่วมทางไปกับฉันด้วย”

“แน่นอน”

“แน่นอน ส้าวส้วย แกแช่งฉันเหรอ?” หลี่ฝางถลึงตาให้ส้าวส้วย

“ใช่ที่ไหน ผมบอกว่าจะปกป้องคุณแน่นอน”

เดินไปกี่ก้าว หลี่ฝางยิ่งรู้สึกไม่สบายขึ้นมา

สถานะตนเปิดเผย เรื่องมู่เหวินตงนั้น คงเปิดเผยเช่นกัน

ตอนแรกมีผู้ต้องสงสัยแปดคน ความจริงคนที่สงสัยตนมีน้อยที่สุด

แต่ตอนนี้…

หลี่ฝางเงยหน้ามองส้าวส้วยแวบหนึ่ง ก่อนถามว่า “ส้าวส้วย เรื่องมู่เหวินตง ฝีมือนายหรือเปล่า?”

“เถ้าแก่ ใครคือมู่เหวินตง ผมไม่รู้จักเขา”

“จะมาแกล้งไม่รู้เรื่องอะไร พี่ชายของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เหวินตง เขาถูกคนแข่งคันหนึ่งกำจัด ทักษะการขับรถของมู่เหวินตงดีขนาดนั้น ถูกคนชนจนรถคว่ำ แสดงว่าฝีมือของคนลงมือ ต้องเหนือกว่ามู่เหวินตง” หลี่ฝางเอ่ย

“งั้นไม่แน่ว่าหมายถึงผม เถ้าแก่” ส้าวส้วยมีสีหน้าถูกใส่ร้าย

“งั้นก็ดี ฉันถามนาย ตอนแข่งที่เขาหมาป่า นายไปที่ไหน นายบอกว่าไปขี้ ทำไมบังเอิญขนาดนั้น ตอนเริ่มการแข่ง นายไปขี้ หลังแข่งจบ นายก็ขี้เสร็จกลับมา เทพรถที่เขาหมาป่านั้น แกกล้าพูดว่าไม่ใช่แกไหม?” หลี่ฝางซักถามส้าวส้วย

ส้าวส้วยลูบท้ายทอยอย่างเก้อเขิน กร่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า “คือผม ครั้งนั้นผมแย่งรถหลิวจินหยางจริง ขับวิ่งชนะลัมโบกินี่คันนั้น”

“นายขับชนะทุกคน ยังทำลายสถิติของเขาหมาป่า โดยใช้มัสแตงคันเก่านั่น” หลี่ฝางเอ่ยแก้

“ฮิฮิ เถ้าแก่ ความจริงผมจะบอกคุณ แต่บอกคุณแล้ว คุณจะโทษผม”

“โทษอะไรนาย โทษว่านายขโมยรถเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างโมโห

ส้าวส้วยไม่พูดจา

“ผมแอบสืบมาแล้ว คนลงมือนั้น ตอนหนีไป ยังอ้อมหน้าผาไปเหมือนกับนาย หากนายยังไม่ยอมรับ ถือว่าไม่มีความอะไร” หลี่ฝางเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“เอาเถอะ ผมคือเทพรถแห่งเขาหมาป่า และคือคนที่ลงมือกับมู่เหวินตง เถ้าแก่จะแจ้งจับผมหรือเปล่า?”

“ฉันแค่จะถามนาย ทำไมไม่ชนให้ตาย?”

“พี่ใหญ่ไม่ให้ทำ ผมอยากตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่พี่ใหญ่บอกว่าสั่งสอนเล็กน้อยก็พอ ผมเลยให้มู่เหวินตงเหลือลมหายใจ”

“ถือว่ามู่เหวินตงมีบุญ ยังฝืนเอาชีวิตรอดผ่านมาได้” ส้าวส้วยยิ้มมุมปาก

หลังมั่นใจว่าเป็นฝีมือของส้าวส้วย หลี่ฝางเป็นห่วงเขา

“ส้าวส้วย นายต้องระวังตัว ฉันรู้สึกว่ามู่เหวินตงคนนั้น คือคนที่มู่เสี่ยวไป๋เชิญมารับมือนายโดยเฉพาะ”

“พวกมันอาจรู้แล้วว่าคนลงมือคือนาย” หลี่ฝางตบไหล่ของส้าวส้วย

“รู้ก็รู้ไปเถอะ ยังไงพวกมันไม่มีหลักฐาน ส่วนมู่เหวินตงคนนั้น ความจริงฝีมือไม่เลว ดูท่าทางเขา ไม่เพียงฝีมือดี ยังอาจเป็นมือปืนด้วย ถ้ายังงั้นคงยุ่งยากเล็กน้อย” ใบหน้าส้าวส้วย เผยความหนักใจที่ไม่มีมาก่อนออกมา

แต่ไหนแต่ไรมา หลี่ฝางไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้บนหน้าส้าวส้วยเลย

ไม่มั่นใจ

บนหน้าส้าวส้วย ไม่หลงเหลือความมั่นใจเต็มเปี่ยมแบบนั้นอีกแล้ว

หลี่ฝางขบคิด ก่อนเอ่ยว่า “งั้นพวกเราชิงลงมือก่อน เรียกโหจื่อและพ่อฉันมา คิดหาวิธีกำจัดเจิ้งอีเจี้ยนคนนั้น”

“ไม่จำเป็น ทำไมต้องระดมคนมากมายขนาดนั้น ผมคนเดียวน่าจะไม่มีปัญหา”

“อย่าพูดว่าน่าจะไหวกับฉัน ฉันไม่อยากให้นายเป็นอะไร เล็กน้อยก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?” หลี่ฝางถลึงตามองส้าวส้วย เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งครัด “รอไว้ตอนเย็น ฉันจะพูดกับพ่อเอง”

“เถ้าแก่ ไม่ต้องจริงๆ อย่าพูดกับพี่ใหญ่เลย”

“เอาแบบนี้แหละ”

หลี่ฝางเอ่ยจบ โทรหาหวางเสี่ยวโก๋ เพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ไหน

“แม่ง ทำไมพวกนายอยู่ที่ประตูสถานตากอากาศ?” หลี่ฝางหลังโทรติด เอ่ยถามตำแหน่งของหวางเสี่ยวโก๋

จากในโทรศัพท์จึงรู้ว่าหวางเสี่ยวโก๋และคนอื่นๆ กำลังจะกลับ

“นายเข้ามาก่อน ทางนี้เกิดปัญหาเล็กน้อย ไม่ไปเกรงว่าไม่ได้” หวางเสี่ยวโก๋เอ่ยในโทรศัพท์

หลี่ฝางวางสาย รีบขี่จักรยานตรงไปที่ประตูสถานตากอากาศ

“แม่ง พวกแกทำเรื่องอะไร?” หลี่ฝางเอ่ยถามขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท