NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 429

ตอนที่ 429

บทที่ 429ฉินวี่เฟยถูกปิดล้อม

ดวงตาของฉินเสี่ยวหู่เปล่งประกาย และมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง “คุณชายมู่หรง คุณหมายถึง……”

“ขอเพียงเป็นเจ้าของหุ้น 51% ทั้งตระกูลฉิน ก็จะต้องเชื่อฟังพวกเรา”

“ตระกูลมู่หรงของเรามี 30% พ่อของคุณมี 8% ฉินชิงจือก็มี 8% รวมกันแล้วก็คือ 46%” มู่หรงฉางเฟิงเหล่ตายิ้มและพูด

“46%หรือ? แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ฉินวี่เฟยมี 40% บวกกับลุงอีก 8% ครอบครัวของพวกเขา มีมากกว่าพวกเราไม่ใช่หรือ?” ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว

“ใครบอกว่าหุ้นของนายท่านฉินมอบให้กับฉินวี่เฟย? ในพินัยกรรมของเขา ไม่ได้ระบุว่าให้ใคร……เขาตายอย่างกะทันหัน และดูเหมือนจะลืมพูด บอกเพียงว่าเจ้าบ้านมอบให้ฉินวีเฟย แต่ไม่ได้บอกว่ายกมรดกของตัวเองให้ฉินวี่เฟย”

“ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่า มรดกของไอ้เฒ่า พวกเราทุกคนก็มีสิทธิ์”

“ใช่ เมื่อถึงเวลา พ่อของนายและนาย จะแบ่งได้หนึ่งส่วน อย่างน้อยจะแบ่งได้10% บวกกับของตระกูลมู่หรงอีก 30% พวกเราจะมี 56% นั่นหมายความว่าเราสามารถมีอำนาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์”

มู่หรงฉางเฟิงเลิกคิ้ว “เมื่อถึงเวลานั้น นายก็จะสามารถยึดครองตระกูลฉินได้อย่างสง่าผ่าเผย รับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉิน และเป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”

“ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเสี่ยวหู่ก็หัวเราะ และเลือดที่หู ก็ไหลมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉินเสี่ยวหู่ยืนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องไปโรงพยาบาลแล้ว ไปทำแผลก่อนค่อยพูดต่อ”

ในเวลานี้ ในใจของฉินเสี่ยวหู่ ไม่ได้โกรธเกลียดมู่หรงฉางเฟิงอีกต่อไป

หูข้างหนึ่ง แลกกับการสนับสนุนของตระกูลมู่หรง ก็ถือว่าคุ้มค่าเช่นกัน!

หลังจากลงไปข้างล่าง ฉินเสี่ยวหู่มองลูกน้องของตัวเอง พวกเขาทั้งหมดล้มอยู่กับพื้น และสโมสรทั้งหมด ก็เงียบอย่างมาก

จนกระทั่งเขาเดินออกจากสโมสร ฉินเสี่ยวหูไม่เห็นร่างของใครสักคน ทันใดนั้น ฉินเสี่ยวหู่ก็หันหัวกลับมา มองมู่หรงฉางเฟิง “คนที่นายพามาอยู่ที่ไหน?”

“ฉันมาคนเดียว” มู่หรงฉางเฟิงพูดเบาๆ

ฉินเสี่ยวหู่ตกตะลึงทันที “นายมาคนเดียว ทุบตีลูกน้องทั้งหมดของฉันจนหมดสติ?”

สายตาของฉินเสี่ยวหู่ที่มองมู่หรงฉางเฟิง ราวกับว่ากำลังมองปีศาจตนหนึ่ง

ในเวลานี้ ความรู้สึกที่ฉินเสี่ยวหู่มีต่อมู่หรงฉางเฟิง เกิดความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม “ถ้าพวกเขารวมตัวกันเข้ามาพร้อมกัน อาจจะหยุดฉันได้”

“แต่ว่า พวกเขารวมกันทีละสองหรือสามคน และกระจายออกไป สามารถต่อยหมัดทีละคนได้อย่างง่ายดาย”

“สโมสรของนาย ดูเหมือนมั่นคง แต่สำหรับยอดฝีมือ (ก็เหมือนกระดาษฟิลม์แผ่นหนึ่ง)”

หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงทำการประเมินเล็กน้อย และพูดว่า “ไปเถอะ ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล”

“บอกข่าวดีให้นายฟังเรื่องหนึ่ง” มู่หรงฉางเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย

ฉินเสี่ยวหู่ซักถามว่า “ข่าวดีอะไร”

“ตอนนี้ฉินจื่อยี่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อยู่ในช่วงอันตรายถึงชีวิต เป็นข่าวดีหรือเปล่า?” มู่หรงฉางเฟิงเปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่ง มองฉินเสี่ยวหู่พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย

“มันเป็นข่าวดีจริงๆ”

“แม้ว่าวันนี้จะสูญเสียหูไปข้างหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่โชคดีของฉัน สิ่งดีๆมาทีละอย่าง” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะอย่างมีความสุข

นั่งอยู่ในรถ ฉินเสี่ยวหู่ก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

มู่หรงฉางเฟิงคนนี้ เป็นสามีของฉินหยีหรันไม่ใช่หรือ?

ถ้าคิดดีๆ มู่หรงฉางเฟิงเป็นลูกเขยของฉินเพ่ย เขาควรจะเป็นคนของฝั่งฉินเพ่ยแต่จู่ๆทำไมเขาจะมาช่วยตัวเองได้อย่างไร?

ฉินเสี่ยวหู่กันถูกหลอกลวง เลยถามว่า “คุณชายมู่หรง ถ้าตระกูลมู่หรงออกหน้าสนับสนุนฉัน จะทำให้พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันจะไม่พอใจหรือไม่?”

มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างไม่ปิดบัง “คนอย่างฉันถ้าจะตัดสินใจอะไร จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาวุ่นวายได้ยังไง?”หลายปีมานี้มูหรงฉางเฟิง ได้แตะต้องตัวฉินหยีหรันไม่กี่ครั้งเอง

ฉินหยีหรันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว ครั้งแรกของเธอ ได้ให้กับชายหนุ่มยากจนคนนั้น

ในฐานะคุณชายใหญ่ของสี่ตระกูลใหญ่ จะทนต่อการถูกเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไร?

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่ตระกูลฉินยังมีผลประโยชน์ต่อเขา มู่หรงฉางเฟิง คงจะเตะฉินหยีหรันออกจากบ้านไปนานแล้ว

“ฉินเสี่ยวหู่ช่วยทำธุระให้ฉันหน่อย”

มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างกะทันหัน “เดี๋ยวฉันจะให้ที่อยู่แก่นาย มีชายง่อยอาศัยอยู่ที่นั่น”

“รักแรกของพี่สาว?” ฉินเสี่ยวหู่ได้ยินคำว่าชายง่อย เดาได้ทันทีว่าเป็นใคร

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่อย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

ฉินเสี่ยวหู่ตัวสั่น และพูดทันทีว่า “คุณชายมู่หรง ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร”

“ที่อยู่ฉันรู้แล้ว ตอนนี้ชายง่อยคนนั้นแต่งงาน และมีลูกแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะพาคนไป และต่อหน้าชายง่อย ลงมือจัดการกับภรรยาของเขา นายว่าเป็นยังไง คุณชายมู่หรง?” ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มมีเลศนัย

มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้า มีรอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“สำหรับลูกของไอ้ง่อย อายุยังไม่มาก ก็น่าจะขายได้ราคาดี”

“ฉันรู้จักคนกลุ่มหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญในการลักพาตัวและขายเด็กๆ เด็กที่ถูกลักพาตัว จะถูกนำไปขายก่อน ถ้าขายไม่ได้พวกเขาจะทำให้ตาบอด หรือตัดขาของพวกเขา รักษาแผลครึ่งปี เพื่อจะให้พวกเขาไปขอทานที่ริมถนน

ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มและพูดว่า “ในตลาด ก็จะมีขอทานเพิ่มอีกสองคน”

มู่หรงฉางเฟิงตะคอก “นายเป็นคนชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานจริงๆ”

แม้ว่ามู่หรงฉางเฟิงจะดุฉินเสี่ยวหู่ แต่ในน้ำเสียงก็ไม่มีการตำหนิ

ฉินเสี่ยวหู่เลิกคิ้ว “ในสังคมนี้ ถ้าอยากสำเร็จก็ต้องโหดเหี้ยม เป็นคนซื่อสัตย์ก็จะถูกรังแก ดูน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันสิ เขาเป็นคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง วันๆสนใจแต่การเรียน สอบได้ด็อกเตอร์ แล้วมีประโยชน์อะไร เรียนต่อต่างประเทศแล้วเป็นอย่างไร ฉินจื่อยี่กลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท และฉัน ก็ได้มีอำนาจมากมายด้วย”

“มีเพียงเขาเท่านั้น ยกเว้นประกาศนียบัตรไม่กี่ใบ นอกนั้นไม่มีอะไรเลย”

หลังจากคุยกัน พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล

ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฉินจื่อหู่เห็นรถหรูที่คุ้นเคยหลายคัน

“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ดูเหมือนว่าฉินจื่อยี่ก็อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลนี้ด้วย” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะเยาะ

มู่หรงฉางเฟิงจงใจมาที่นี่

“ไม่รู้ว่าฉินจื่อยี่ตายแล้วหรือยัง” ฉินเสี่ยวหู่แสดงสีหน้าอย่างน่าเกลียด

“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่มันไม่เป็นผลดีต่อนาย” มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างคลุมเครือ

“มู่หรงฉางเฟิงต้องการให้ฉันฆ่าพี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันหรือ?” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะ

“ฉันจะไม่สั่งให้นายฆ่าใคร” มู่หรงฉางเฟิงเหลือบมองฉินเสี่ยวหู่

ฉินเสี่ยวหู่ไม่ใช่คนโง่เขลา ในคำพูดเมื่อกี้ บ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าให้เขาฆ่าฉินจื่อยี่

แต่มู่หรงฉางเฟิงก็ไม่ต้องการรับผิดชอบ ช่างเป็นการวางแผนที่ดีจริงๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกัน ฉินเสี่ยวหู่ทำตัวเหมือนโจรคนหนึ่ง เขาจับหมอได้คนหนึ่ง และพูดว่า “พาฉันไปทำแผลก่อน ฉันโดนคนอื่นยิงหู!”

ไม่มีการลงทะเบียน และไม่ไปตามขั้นตอนใดๆ ฉินเสี่ยวหู่ตรงไปที่ห้องเล็กๆ และให้แพทย์ล้างแผลและพันผ้าพันแผลให้เขา

ในเวลานี้ ยกเว้นฉินเพ่ย และภรรยาของเขา ทุกคนในตระกูลฉิน ต่างพากันล้อมรอบฉินวี่เฟย

“วี่เฟย เธอทำอะไรลงไป?” ฉินซ่างเสียนมองฉินวี่เฟย และซักถามอย่างเย็นชา

“อาสอง ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” ฉินวี่เฟยดูไร้เดียงสา

“ไม่ได้ทำอะไร? ฮึ่ม เธอไม่ได้ทำอะไร นายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอดูแลเหรอ? เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะแบกรับหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างไร นายท่านฉินถ้าไม่ใช่เลอะเลือนไปแล้ว ก็คงจะถูกคุกคาม”

“ก่อนที่นายท่านฉินจะกระโดดลงแม่น้ำ ถูกแทงหลายครั้ง แต่ฉันได้ยินมาว่า คนที่แทงนายท่านฉิน เป็นลูกน้องของแฟนเธอ”

“ทำไม ไอ้หมอนั่น ยังไม่ได้แต่งงานกับเธอ ก็นึกถึงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินของเราแล้วเหรอ?

“ฮึ่ม พวกเธอคิดว่าบีบบังคับนายท่านฉินจนตาย ก็จะสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินได้สำเร็จหรือ? ฉินซ่างเสียนมองฉินวี่เฟย และตะโกนอย่างเย็นชา

“ฉินวี่เฟยฉินวี่เฟย ตอนที่นายท่านฉินยังมีชีวิตอยู่ ก็ดีต่อเธอมาก……ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจกับการแต่งงานที่นายท่านฉินจัดการให้ เสียใจและโกรธมาตลอด แต่เธอก็ไม่ควรร่วมมือกับคนนอก บีบบังคับให้นายท่านฉินต้องตาย”

“เธอ……เธอยังมีจิตใต้สำนึกอีกหรือเปล่า?”

ภรรยาของฉินซ่างเสียน หวางหงเหมยมองฉินวี่เฟยอย่างดุดัน “เธอไม่กลัวนายท่านฉินกลายเป็นผีแล้วมาเอาชีวิตเธอหรือ?”

“พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”

ฉินวี่เฟยรู้สึกโศกเศร้า แต่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อาสองและอาสะใภ้สอง ฉันร่วมมือกับคนนอกบีบบังคับจนคุณปู่ต้องตายเมื่อไหร่ และฉันเคยพูดที่ไหนว่าฉันจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท