NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 502

ตอนที่ 502

บทที่ 502 หลี่ฝาง พวกเราไปกันเถอะ

หลี่ฝางช็อกไปแล้ว

รถหรูนับร้อย กำลังมุ่งหน้ามาที่เขาจริงๆ

หลี่ฝางลากโหจื่อไปอีกฝั่ง แล้วถามเสียงเบา: “โหจื่อ นายไปเอารถหรูมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”

“ฮี่ฮี่ เจ้านาย พูดแบบไม่ปิดบัง รถพวกนี้ ที่จริงเป็นของสะสมของผม คนอย่างผมไม่มีงานอดิเรกอะไร ก็แค่ชอบสะสมรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ด สามปีที่หาเงินมา ก็ไม่ได้เอาไปทำอะไร ผลาญเงินไปกับการซื้อรถนี่แหละ”

“ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง ลุงเฉียนบอกกับผม ว่าซือถูเฟยขับรถหรูคันใหญ่มาขวางหน้าประตูมหาวิทยาลัยไว้ ผมเดาว่าเขามาหาเจ้านายแน่ๆ ให้ตาย ก็แค่รถไม่กี่คัน ยังจะกล้าเอาออกมาอวดอีก”

บนหน้าของโหจื่อ เต็มไปด้วยความดูถูก

หลี่ฝางได้ยินแบบนี้ ก็ยิ่งช็อกเข้าไปอีก

“นายหมายความว่า รถเยอะขนาดนี้ เป็นของนายทั้งหมด?” หลี่ฝางกลืนน้ำลาย แล้วมองโหจื่ออย่างช็อกๆ

โหจื่อพยักหน้า: “ยังมีอีกหลายคัน ไม่ได้ขับมา”

“รถพวกนั้นเสียงท่อดังเกินไป บนโลกนี้ก็มีไม่กี่คัน” โหจื่อพูด พลางจ้องไปที่รถBugatti Veyronของซือถูเฟย

โหจื่อมองBugatti Veyronคันนั้น ก็แทบจะน้ำลายไหล

“นาย……นายรวยไปแล้วมั้งเหนี่ย? รถหรูเยอะขนาดนี้ ต้องใช้เงินสักเท่าไหร่เหนี่ย” หลี่ฝางมองโหจื่อ ด้วยสายตาซับซ้อน

“พวกนี้เหรอ? รวมกันแล้วก็หลายพันล้านเหรียญมั้ง ในโรงรถยังจอดอยู่อีกหลายคัน ทำใจขับออกมาไม่ได้ แต่ละคันราคาก็มากกว่าห้าสิบล้าน แล้วก็ราคาดีไม่มีวางขายตามตลาด ขับออกมามันจะเด่นเกินไป”

“เจ้านาย พวกเราควรจะถ่อมตัวนิดนึง ใช่มั้ย?” โหจื่อยักคิ้วให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย นี่นายยังเรียกว่าถ่อมตัวอีกเหรอ

หลี่ฝางส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด: “โหจื่อ ฉันว่านายเข้าใจความหมายของคำว่าถ่อมตัวผิดไปนิดนึงนะ? นี่เรียกว่าถ่อมตัวเหรอ ถึงแม้จะเป็นงานแต่งที่หรูหราที่สุดในประเทศนี้ ก็คงไม่มีภาพแบบนี้ให้เห็นสักเท่าไหร่หรอกนะ!”

“อ้าวเหรอ? ที่ดูไบเห็นได้บ่อยนี่ ถึงยังไงเจ้าของธุรกิจน้ำมันและแร่พวกนั้นก็มีเงินเยอะ ไม่ได้ลงทุนธุรกิจอะไร ก็รู้แค่ว่าซื้อรถเล่น นิสัยเสียที่ชอบซื้อรถของผม ก็เรียนมาจากพวกเขานั่นแหละ”

“แต่แค่เงินของพวกเขา ล้วนแต่เป็นลมที่พัดมา แต่เงินของผม ใช้ชีวิตหามา ให้ตายเถอะ โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ มีบางคนอะไรก็ไม่ต้องทำแต่สามารถมีได้หมดทุกอย่าง อย่างผม ต้องทำงานหนักแค่ไหนกัน” โหจื่อยู่ปาก แล้วบ่นออกมา

“เป็นพนักงานกับเป็นเจ้านาย การใช้ชีวิตเอามาเทียบกันไม่ได้หรอก”

หลี่ฝางพูดไปหนึ่งประโยค แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

เขาเป็นพนักงานทำงานยังสามารถหาเงินมาซื้อรถหรูได้เป็นพันๆ ล้าน แถมนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด แล้วยังจะบ่น?

หลายปีที่ผ่านมา แค่รถคันเดียว เกรงว่าโหจื่อจะทำงานหาเงินซื้อไม่ได้มั้ง?

รถหรูราคาเป็นสิบล้าน ถ้าเกิดมาแล้วไม่ได้นั่งเลย ชาตินี้ทั้งชาติ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้นั่ง

นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมบนโลกนี้

นอกจากจะช็อกแล้ว หลี่ฝางยิ่งไม่กล้าจะคิด ว่าโหจื่อคนนี้บนตัวยังมีเงินเป็นพันล้าน งั้นส้าวส้วยล่ะ?

นึกถึงตอนที่ส้าวส้วยโอนเงินสิบล้านให้ถังจิ้น เหมือนกับว่าเขาไม่ได้แม้แต่กะพริบตาเลย

ลูกน้องคนนึงยังมีเงินเยอะขนาดนี้ งั้นพ่อของตนล่ะ? ……

หลี่ฝางไม่กล้าจะคิดต่อแล้ว

โก่เอ๋อเห็นรถหรูที่เรียงรายนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความพอใจทันที: “ซือถูเฟย เห็นหรือยัง ดูรถหรูของคนอื่นสิ แต่ละคันล้วนแต่เป็นรถรุ่นลิมิเต็ด แล้วดูนายสิ BMW i8 อะไรนั่นยังขับมา นอกจากBugatti Veyronคันนั้น นอกนั้นก็แค่รถโง่ๆ”

“เทียบกับคุณชายหลี่ ขายขี้หน้ามั้ย?” โก่เอ๋อเอามือกอดอก แล้วพูดดูถูกซือถูเฟย

หลี่ฝางได้ยินแบบนี้ จึงรีบอธิบาย: “โก่เอ๋อ เธออย่าเข้าใจผิด รถพวกนี้ ที่จริงแล้วไม่ใช่ของฉัน”

“เป็นของเพื่อนฉัน”

เมื่อหลี่ฝางพูดจบ ใบหน้าที่กระอักกระอ่วนของซือถูเฟย ก็กลายเป็นยิ้มแย้มขึ้นทันที

“โก่เอ๋อ ได้ยินหรือยัง?”

“รถพวกนี้ หลี่ฝางมันยืมมาจากเพื่อนทั้งนั้น แต่ฉันไม่ใช่นะ รถพวกนี้ เป็นของพวกเราตระกูลซือถูทั้งหมด”

ซือถูเฟยพูดพลางยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองหลี่ฝาง ด้วยสายตา ที่เต็มไปด้วยความดูถูก

ที่จริงซือถูเฟยไม่ใช่คนที่ชอบสู้ด้วยวาจาแบบนี้ แต่ว่า ต่อหน้าโก่เอ๋อคู่หมั้นของตน ซือถูเฟยไม่อยากขายหน้า

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร เขาในตอนนี้ ยังคงช็อกไม่หาย

โหจื่อเดินขึ้นหน้ามา แล้วก็โอบไหล่ซือถูเฟยไว้: “คุณชายซือถู รถพวกนี้ของคุณชาย ไม่ค่อยมีให้เห็นนะ?”

“นายดู ยังมีปอร์เช่718 ให้ตายเถอะ ยังเป็นรุ่นเกรดต่ำ มันแค่เจ็ดแปดแสนเองนี่? ยังมีอาวดี้A7คันนั้น รถแบบนี้ นายยังเอาออกมาโชว์……”

โหจื่อส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง: “พูดตามตรง รถแย่ๆ แบบนี้ ไม่มีค่าพอจะจอดในโรงจอดรถของฉันด้วยซ้ำ”

“นายเป็นใครห้ะ ทำไมถึงได้ปากดีแบบนี้”

ซือถูเฟยมองโหจื่ออย่างเหยียดๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย

บนร่างของโหจื่อ สวมชุดไม่กี่สิบเหรียญที่ขายตามตลาดข้างทาง ตอนที่มา ก็ขี่จักรยานไฟฟ้าโกโรโกโสคันนึง ดูเหมือนถูกใช้งานมาหลายสิบปี จนเบาะรถแทบจะขาดแล้ว

“ฉันเหรอ เจ้านายของพวกเราเปิดบาร์ที่มีชื่อว่าRecalling the past นายรู้จักมั้ย?” โหจื่อถามพลางยิ้ม

“รู้จัก” ซือถูเฟยตอบอย่างไม่อยากจะสนใจ

“ฉันก็เป็นแค่บริกรตัวเล็กๆ อยู่ในบาร์ คุณชายซือถู ถ้าคุณมีเวลาว่างไปเที่ยวที่Recalling the past อย่าลืมมาจ้องโต๊ะกับผมนะ”

โหจื่อหัวเราะฮี่ๆ : “ให้ผมทำยอดหน่อย ช่วงนี้จนๆ ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถแล้ว”

ซือถูเฟยขมวดคิ้ว แล้วหัวเราะหึ: “จักรยานไฟฟ้าเก่าๆ ของนาย ใช้น้ำมันด้วยเหรอ?”

“นี่มันต้องชาร์จแบตไม่ใช่ไง?”

“ช่างเถอะ ฉันจะให้เงินนาย นายถอยไปโอเคมั้ย”

ซือถูเฟยพูด พลางเรียกลูกน้องของตนมา: “พกเงินสดมาหรือเปล่า ให้มันไปหน่อย”

ลูกน้องของซือถูเฟยควักเงินหนึ่งพันเหรียญขึ้นมาทันที แล้วยื่นให้โหจื่อ: “อ่ะ พอแล้วใช่มั้ย?”

“เกรงว่าจะไม่พอ รถผมมันเยอะ แถมยังกินน้ำมันอีก หนึ่งพันเหรียญ น้อยไปหน่อย ผมออกมารอบนึง อย่างน้อยก็ต้องให้สักสองสามหมื่น”

โหจื่อยู่ปาก พลางพูด: “เอาเป็นว่า เบิกที่คุณชายซือถูได้มั้ย?”

“น้ำมันรถบ้าอะไรสองสามหมื่น? ถึงแม้ฉันจะรวย แต่ก็ไม่ได้ถูกเอาเปรียบง่ายๆ นะ นายคิดว่าฉันโง่หรือไง?”

ซือถูเฟยขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างเย็นชา: “สองสามหมื่นพอที่จะให้นายไปซื้อรถมือสองแล้ว”

“ไม่รู้สถานการณ์เลยจริงๆ มีให้ก็รับไปไม่รู้จักหรือไง? หนึ่งพันนี้ นายจะเอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่ต้องเอาสักแดงเดียว”

ซือถูเฟยมองบนใส่โหจื่อ พลางพูด

โหจื่อส่ายหน้า มองซือถูเฟยอย่างนิ่งๆ แล้วพูด: “นายไม่ได้โง่ แต่แค่ตาหมาๆ ของนายประเมินคนต่ำไปหน่อย”

“รถหรูที่จอดอยู่บนถนนพวกนั้น ทั้งหมดมีหนึ่งร้อยกับอีกสามคัน แต่ละคันเป็นรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ด น้ำมันที่พวกเขาใช้ แต่ละคันก็ไม่ใช่ถูก ออกมารอบนึง สองสามหมื่นพอแค่ค่าน้ำมันขามาเอง”

โหจื่อพูดเสียงต่ำ: “ผมขับรถมา อยากจะให้คุณชายซือถูเปิดหูเปิดตาดู คิดไม่ถึงแม้แต่ค่าน้ำมันรถคุณชายซือถูยังไม่พอให้เบิก ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ”

โก่เอ๋อได้ยินแบบนี้ ก็กลับเข้าไปในรถเบนซ์G-Class แล้วหยิบเงินสิบปึกเดินออกมา วางมันลงในมือของโหจื่อ

“อ่ะ นี่คือเงินหนึ่งแสน พอค่าน้ำมันไปกลับแล้ว” โก่เอ๋อพูดอย่างใจกว้าง

“นั่นมันเงินฉัน” หลังจากหลี่ฝางเห็น ก็หมดคำพูด

“เงินนายแล้วยังไง? คิดซะว่าฉันยืมนาย รอฉันมีเงินก่อน แล้วค่อยคืนนายก็ได้แล้ว” โก่เอ๋อมองบนใส่หลี่ฝาง: “ขี้เหนียวจริงๆ เขาเป็นคนงานของนาย ขับรถมา ก็เพื่อมาเสริมบารมีให้นายนะ”

“ให้เงินค่าเดินทางเขา ยังไม่เต็มใจ” โก่เอ๋อมองหลี่ฝางอย่างดูถูก พลางพูด

หลี่ฝางถอนหายใจ และไม่ได้พูดอะไร

โก่เอ๋อคนนี้ หน้าไม่อายจริงๆ เอาเงินตนไป แล้วทำเป็นคนดี แถมยังหันมากัดเขาอีก!

“นายบอกว่ารถมากมายขนาดนี้ เป็นของนายทั้งหมด?”

ซือถูเฟยกลืนน้ำลาย แล้วมองโหจื่ออย่างอึ้งๆ เล็กน้อย

ซือถูเฟยไม่อยากจะเชื่อ แต่ในตอนนั้นโหจื่อก็กวักมือเรียก คนขับรถหรูพวกนั้น ทั้งหมดก็เดินลงมาจากรถ แล้วทักทายโหจื่อ

ทันใดนั้น สีหน้าของซือถูเฟย ก็ดูย่ำแย่ไปทันที

“ซือถูเฟย เห็นหรือยัง? พนักงานตัวเล็กๆ ในบาร์ที่อยู่ข้างกายของหลี่ฝางคนนึง ยังสามารถขับรถหรูเป็นร้อยคันได้ นายดูตัวเองสิ ยังเทียบไม่ได้กับลูกน้องข้างกายหลี่ฝางที่ทำงานในบาร์คนนึงไม่ได้เลย ยังยืนโง่อยู่ที่นี่ทำอะไร ขายขี้หน้า!”

โก่เอ๋อมองซือถูเฟยพลางพูด

หน้าของซือถูเฟย โกรธจนหน้าเขียว รู้สึกอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี

“หลี่ฝาง พวกเราคอยดูกันต่อไป” ซือถูเฟยหันหลัง เตรียมตัวกลับ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท