NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 587 ทั้งหมดเรียกพ่อ

บทที่ 587 ทั้งหมดเรียกพ่อ

คุณอาหวางที่หลี่ฝางเรียก ก็คือเจ้าของโครงการคฤหาสน์บ้านซาน เป็นบุคคลที่มีเส้นสาย ตระกูลของเขา ไม่ได้อยู่ที่เมืองเอก ที่ทำโครงการคฤหาสน์บ้านซาน ที่จริงแล้วก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับคนใหญ่คนโตในเมืองเอ

ถึงยังไง คนที่สามารถซื้อคฤหาสน์บ้านซานได้ ทั้งเมืองเอก ก็มีแต่คนนำพวกนั้นอยู่แล้ว

พวกที่จู่ๆ ก็มีเงิน หรือว่าพวกทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คนแซ่หวังคนนี้ ไม่ขายให้หรอก

รปภ.ของคฤหาสน์บ้านซาน แต่ละคนไม่ใช่ย่อยๆ แล้วก็อยู่ที่นี่ ระบบรักษาความปลอดภัย ดีมากๆ

หลี่ฝางไม่อยากก่อความวุ่นวายโดยไม่บอกคนแซ่หวังก่อน พูดตามตรง หากทำได้ หลี่ฝางก็ไม่อยากลงมือบนคฤหาสน์บ้านซาน แต่หวางต้องคนนั้น เหมือนว่าจะไม่ยอมลงจากเขาไปง่ายๆ ดังนั้นจึงทำได้แค่เอาคนขึ้นมาแล้ว

ในตอนนั้น ที่ประตูคฤหาสน์ หวางเหยาก็เดินเข้ามา

หวางเหยาเห็นหลี่ฝาง สีหน้าก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หล่อนเซ็นสัญญากับบริษัทของหวางต้องไปแล้ว นี่เท่ากับหนีเอาตัวรอดไป แถมยังหักหลังและละเมิดสัญญากับหลี่ฝางด้วย

สำหรับคนที่เซ็นสัญญาเน็ตไอดอลกับหลี่ฝางเป็นคนแรก และก็เป็นคนที่หนีไปคนแรกเช่นกัน พูดแบบนี้ ก็น่าขำดี

“คุณชายหลี่ ขอโทษด้วย” หวางเหยาเดินเข้ามา แล้วโค้งคำนับ

“ฉันรู้ว่าเธอถูกบังคับ ภายใต้ครอบครัวที่มีการศึกษาสูง มีคนที่มีนิสัยเปิดเผยแบบนี้ ยากมากที่จะทำให้ครอบครัวยอมรับได้”

หลี่ฝางพูดนิ่งๆ : “พ่อของเธอไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย?”

“ท่านออกจากห้องผ่าตัดแล้ว แต่ว่าหลังจากเห็นฉัน อารมณ์ก็ไม่คงที่ ครอบครัวฉันก็ไม่ค่อยอยากเจอฉัน แม่ฉันให้ฉันหาที่พักที่อื่นสักวันสองวัน ตอนนี้อย่าเพิ่งไปที่โรงพยาบาล รอให้พ่อฉันหายดีก่อน หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฉันค่อยไปขอโทษท่าน”

“แม่ฉันหมายถึงว่า ไม่ให้ฉันเป็นเน็ตไอดอลแล้ว ถึงแม้ครอบครัวของฉันจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีกิน พ่อแม่ของฉันมีงานทำ คุณปู่ของฉันมีเบี้ยเกษียณ ไม่จำเป็นให้ลูกผู้หญิงอย่างฉัน เรียนไปทำงานไป”

“งั้นเธอบอกพวกท่านว่า ในหนึ่งเดือน เธอสามารถหาเงินได้เท่ากับเงินเดือนของพวกท่านทั้งปี? พวกท่านก็ยังไม่ยอมเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วแล้วถาม

“ฉันไม่กล้าพูด ถึงยังไง พวกท่านก็ไม่เชื่อหรอก ค่ายาครั้งนี้ ฉันก็แอบจ่ายให้”

“เห้อ คุณชายหลี่ มีเรื่องนึง ที่ฉันอยากจะบอก”

หวางเหยามองหลี่ฝาง แล้วกัดริมฝีปาก ผ่านไปนานก็พูดไม่ออก

“หวางต้องบอกฉันแล้ว ว่าเธอเซ็นสัญญากับเขาไปแล้ว” หลี่ฝางมองหวางเหยาแล้วพูด: “เธอคิดดีแล้วใช่มั้ย ละเมิดสัญญา ต้องใช้เงินเยอะนะ”

ริมฝีปากของหวางเหยาสั่นเล็กน้อย และก็พูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง สุดท้ายก็ทำแค่ถอนหายใจ

“คุณชายหลี่ ฉันไม่มีทางเลือกอื่น อาการป่วยของพ่อฉันยังไม่นิ่ง ในมือของหวางต้องมีวิดีโอของฉันอยู่ ถ้าหากเขาเอาวิดีโอนั่นให้พ่อฉันดู พ่อฉันต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่”

“เมื่อกี้ฉันถามหมอมาแล้ว หัวใจของพ่อฉัน ไม่สามารถรับเรื่องกระทบกระเทือนใจได้มาก”

“ค่าชดเชยที่ละเมิดสัญญา ฉันรู้ตัวเลขนั้นแล้ว ฉันยากที่จะยอมรับ หวางต้องจะช่วยออกให้ส่วนนึง ส่วนที่เหลือ ฉันอยากจะค่อยๆ ใช้คืน คุณว่าแบบนี้ได้มั้ย? คุณชายหลี่”

หวางเหยาเงยหน้า มองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างอ้อนวอน

“ไม่ได้” ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ โจวเจ๋ก็เดินเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ บทคนเลวไว้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”

“คุณจะยอมไม่ได้ ถ้าหากยอม ก็เท่ากับเปิดลู่ทางให้ หลังจากนี้คนของเรา ก็จะจากไปแบบนี้ตามๆ กัน”

“คนสวย พวกเรามีความสัมพันธ์แบบนายจ้างและลูกจ้าง บริษัทให้ของเธอ เธอก็ต้องหาเงินให้เรา พวกเราก็ได้กันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าใช้บริษัทเราดันเธอขึ้นไป จากนี้เธอก็ถีบส่งบริษัทเราทิ้ง? แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง? บนโลกนี้ไม่มีหลักการที่กินแล้วไม่จ่ายหรอกนะ เธอจะไป นอกจากเธอจะจ่ายเงินชดเชย แบบห้ามขาดสักแดงเดียว ไม่อย่างนั้น เธอไปออกหน้าที่ไหน พวกเราก็มีสิทธิ์จะฟ้องร้องเธอและบริษัทนั้นให้รับผิดชอบตามกฎหมาย”

โจวเจ๋พูด: “ไม่ใช่แค่เธอ ผู้จัดคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ดังนั้นถ้าเธออยากจะหนีเอาตัวรอด ต้องรบกวนเธอคิดให้ดีๆ แล้วแหละ”

สีหน้าของหวางเหยา หม่นหมองลงไปครู่นึง: “คุณชายหลี่ อะลุ่มอล่วยให้หน่อยได้มั้ย? ฉันโดนบังคับจนหมดหนทางจริงๆ”

“ไม่ได้” หลี่ฝางกัดฟันพูด: “หวางเหยา ฉันเป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่เรื่องหลอก แต่ฉันก็เป็นเจ้านายของเธอเหมือนกัน”

“ฉันเปิดช่องบริษัท ก็เพื่อหาเงิน ไม่ใช่บ้านเมตตา ฉันดันเธอจนดัง แล้วเธอก็ไปอยู่ช่องอื่น แถมยังจะเอาคนที่ติดตามเธอไปด้วย เธอคิดว่า ฉันจะยอมเหรอ?” หลี่ฝางส่ายหน้า: “ถ้าฉันยอม นั่นก็โง่แล้วไม่ใช่ไง?”

หวางเหยาพูดอะไรไม่ออก

“ถ้าหากฉันไม่ยอม พวกเขาจะต้องทำร้ายพ่อฉันถึงตายแน่ๆ” หวางเหยาพูดอย่างร้อนรน

โจวเจ๋มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าพวกเขาจะมาถึง”

“ฉันถามแป๊บ” หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา ขณะที่เตรียมตัวโทรหาเฉินฝูเซิง แต่ใครจะรู้ว่า เฉินฝูเซิงจะชิงโทรมาหาก่อน แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ผมมาถึงแล้ว”

“เร็วปานนี้?” หลี่ฝางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“เหอะๆ สำหรับไอ้หวางต้องนั่น ผมเกลียดมันเข้ากระดูกดำแล้ว” เฉินฝูเซิงทนไม่ไหวแล้ว

หลังจากวางสาย หลี่ฝางก็มองโจวเจ๋ แล้วพูด: “พวกเขาถึงแล้ว จากนี้ นายจะเอาไงต่อ?”

โจวเจ๋หาแมสมาใส่ และสวมหมวก แล้วพูด: “คุณชายหลี่ เอาเบอร์โทรศัพท์เขามาให้ผม ที่เหลือ ก็รอฟังข่าวดีจากผมได้เลย”

“ผมรู้ ความเสี่ยงนี้ครั้งนี้มีเยอะ ถ้าหากเกิดเรื่องจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเองทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับคุณแม้แต่นิดเดียว” โจวเจ๋พูด

หลี่ฝางมองส้าวส้วย ราวกับถามหาความเห็นจากส้าวส้วย ส้าวส้วยพยักหน้าให้หลี่ฝาง ความหมายคือโอเค

หลี่ฝางจึงให้เบอร์เฉินฝูเซิงกับโจวเจ๋ไป

หลังจากโจวเจ๋ออกไป หลี่ฝางก็ถามส้าวส้วย: “คนนึงเฉินฝูเซิง อีกคนโจวเจ๋ นายว่าจะมีปัญหามั้ย?”

“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้หวางต้องนั่น ที่จริงแล้วก็งั้นๆ”

ส้าวส้วยพูดอย่างไม่สนใจ: “ฉันคิดว่า วิธีของโจวเจ๋ไม่เลว ง่าย รุนแรง ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับโจวเจ๋ แต่ถ้าแม้แต่หวางต้องคนนั้นเฉินฝูเซิงยังเอาไม่อยู่ งั้นก็หมดคำจะพูดจริงๆ”

หลังจากโจวเจ๋ลงไป ก็โทรหาเฉินฝูเซิง

หลังจากทั้งสองเจอกัน โจวเจ๋จึงถามขึ้น: “พาคนมามั้ย?”

เฉินฝูเซิงก็เปิดกล่องใบนึง ด้านในอะไรก็มี แถมยังมีปืนกลอยู่ด้านในหลายกระบอก โจวเจ๋ที่เห็นภาพนี้ ก็เกือบจะช็อกจนเอ๋อ

“นี่พวก อันไหนใช้ถนัดมือ ที่ฉันรุ่นไหนก็มีหมด” เฉินฝูเซิงมองโจวเจ๋ แล้วยักคิ้ว นัยน์ตาของเขา เต็มไปด้วยความพอใจ

โจวเจ๋แค่กลืนน้ำลาย ราวกับความเอ๋ออย่างนั้นแหละ แล้วพูด: “พี่ชาย จะทำอะไรเหนี่ย พวกเราแค่ไปก่อเรื่อง ไม่ใช่จะไปฆ่าล้างบางนะ”

“ต่างกันตรงไหนล่ะ ไม่ฆ่าพวกมันสักคนสองคน เกรงว่าพวกมันคงไม่รู้ว่าฉันร้ายกาจขนาดไหน” เฉินฝูเซิงยืนขึ้น เท้าสะเอว มองไปทางคฤหาสน์บ้านซานพลางพูด

โจวเจ๋ทำหน้าลำบากใจแล้วพูด: “พวกพี่ชายสรุปแล้วเป็นใครกันแน่เหนี่ย”

ในตอนนี้โจวเจ๋เริ่มจะหวาดกลัวแล้ว เขาแค่รู้ว่าหลี่ฝางเลี้ยงพวกนักเลงไว้อยู่ แต่ใครจะรู้ ว่านักเลงพวกนี้ เอะอะก็จะควักปืนออกมา

จะโหดไปมั้ยเหนี่ย?

เล่นจนมีคนตาย นั่นมันคนละเรื่องแล้วนะ

“ทำไม คุณชายหลี่ไม่ได้บอกนายเหรอ ฉันเป็นลูกน้องเบอร์หนึ่งที่โหดที่สุดของเขา น้องชาย สรุปแล้วนายจะให้พวกฉันทำอะไรกันแน่?” เฉินฝูเซิงพูด: “นายพูดมาเลย ให้ทำยังไง พวกเรารีบ”

“ช่างเถอะ ไหนๆ ก็มีของพวกนี้ ก็ติดไปด้วยสักสองกระบอกเถอะ”

โจวเจ๋กัดฟันพูด: “ของสิ่งนี้ ใช้ได้ผลมากกว่ามีดเยอะเลย”

“นั่นมันแน่อยู่แล้วนี่” เฉินฝูเซิงพูดอย่างหงุดหงิด

“แต่ก็มีปัญหาเหมือนกัน” โจวเจ๋พูดขึ้นอีกครั้ง

เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ : “จะมีปัญหาอะไรได้”

ในใจของโจวเจ๋ ที่จริงแล้วหวาดกลัว ถึงยังไงก่อนจะออกมา ก็พูดกับหลี่ฝางไว้แล้ว ว่าถ้ามีปัญหาอะไร เขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด

แต่ตอนนี้มาหยิบจับปืน เป็นไปได้มากว่าจะเล่นจนมีคนตาย

ตอนนี้ โจวเจ๋รู้สึกว่าตนรับผิดชอบไม่ไหวแล้ว

ถูกแล้ว โจวเจ๋ปอดแหกแล้ว

แต่ในขณะนี้ โจวเจ๋ก็ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว เขามองเฉินฝูเซิง แล้วถาม: “ไม่มีอาวุธอันอื่นแล้วเหรอ?”

“ไม่มีแล้ว พวกเราทำงาน ก็มีแค่นี้” เฉินฝูเซิงส่ายหน้า แล้วพูด: “ถึงยังไงของอย่างอื่น ไม่ใช่แค่ใช้ไม่ถนัด และยังไม่เกิดผลด้วย นายว่างั้นมั้ย?”

โจวเจ๋หมดคำจะพูด: “ไอ้อันยาวๆ นั่น ก็พกไปสักสองกระบอกเถอะ เวลาจำเป็น ก็ไว้ใช้แทนท่อนเหล็กได้”

“เหอะๆ นายนี่ตลกดีนะ” เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ พลางมองโจวเจ๋

ไม่นาน คนกลุ่มนี้ก็ค่อยขึ้นไปบนคฤหาสน์บ้านซาน รปภ.ของบ้านซาน หลี่ฝางได้แจ้งเอาไว้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะปิดบังหน้าเอาไว้ ก็ไม่ได้ขวางพวกเขา

ในตอนนั้นในคฤหาสน์ของมู่เสี่ยวไป๋ สว่างไสว กลุ่มนักเลง สาวฮ็อต กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอยู่ในคฤหาสน์ รื่นเริงกัน

นอกจากจะชิงตัวเน็ตไอดอลจากถู่โต้วมาได้ หวางต้องยังใช้วิธีเดียวกันนี้ กับบริษัทมีเดียอื่นๆ อีกด้วย

เน็ตไอดอลพวกนั้น พวกหวางต้องและคนอื่นๆ ข่มขู่จนกลายของเล่น

พวกเขากำลังสนุกสนาน ใครจะคิดว่าอันตรายกำลังย่างกรายเข้ามา

นี่เป็นเวลาอาหารเย็น แสงจันทร์เพิ่งจะสาดส่อง ท้องฟ้าก็เพิ่งจะมืด ใครจะเลือกเวลานี้มาลงมือกัน?

ถึงแม้จะลงมือ ก็ต้องเลือกเวลาตอนเที่ยงคืนสิ?

แต่ในขณะนั้น ก็มีเสียงปังดังลั่น ขวดเหล้าในมือของมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆ ก็ถูกยิงแตก

มู่เสี่ยวไป๋ตกใจจนตัวสั่น จนลงไปนั่งกับพื้น ส่วนหวางต้องและคนอื่นๆ ก็มองไปรอบข้างอย่างระแวง

“ใครนะ? โผล่หัวออกมา!”

หวางต้องพูดจบ ที่หน้าประตูก็มีคนโผล่มา นั่นก็คือเฉินฝูเซิง

เฉินฝูเซิงปิดหน้าปิดตา เดินตรงเข้าไปหาหวางต้อง ในมือยังถือปืนไว้อยู่: “นายให้ฉันออกมาทำไม จะเล่นงานฉันหรือว่าอะไร?”

เมื่อเฉินฝูเซิงพูดจบ มู่เสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นจากพื้นทันที แล้วพูด: “เฉินฝูเซิง?”

สำเนียงอีสานของเฉินฝูเซิง ไม่นานมู่เสี่ยวไป๋ก็ฟังออก เฉินฝูเซิงขมวดคิ้ว: “เฉินฝูเซิงอะไร ฉันคือพ่อนาย เร็ว รีบเรียกฉันว่าพ่อให้ฉันฟังสิ”

เฉินฝูเซิงเล็งปืนไปที่หัวของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋กลืนน้ำลาย แล้วพูด: “ฝูเซิง อย่าหาเรื่อง”

“ใครแม่งหาเรื่องนายวะ ฉันถามนายอีกครั้ง จะเรียกไม่เรียก ถ้าไม่เรียกฉันจะยิงนายซะไอ้ชาติหมา” เฉินฝูเซิงมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างเย็นชา แล้วถาม

มู่เสี่ยวไป๋พูดขึ้นเสียงเบา: “พ่อครับ”

“เ**ดแม่ ไม่ได้แดกข้าวเหรอ”

เฉินฝูเซิงหยิบขาหมูขึ้นมา แล้วยัดมันเข้าไปในปากของมู่เสี่ยวไป๋: “แดกเข้าไป จากนั้นก็เรียกฉันว่าพ่อให้ฟังดังๆ”

“อย่าลีลา เวลาฉันไม่รอใครนะ ถ้าลังเลหนึ่งวินาที ฉันจะลั่นปืนใส่ร่างแกหนึ่งนัด มู่เสี่ยวไป๋ นายรู้ว่าฉันเป็นใคร ก็ควรจะรู้จักอารมณ์ของฉันด้วย”

“เ**ดแม่ง เสียดายที่ฉันได้เจอนายสักที ยังเอาเปรียบฉันอีก ทำไม ทำร้ายฉันจนตายแกได้ประโยชน์อะไรห้ะ?”

“ฉันไม่ได้ทำนะ” มู่เสี่ยวไป๋เอ๋ยปากแก้ตัว: “ถึงแม้ฉันจะโง่ แต่ก็ไม่มีทางทำร้ายนาย ฝูเซิง”

“ฝูเซิงอะไร ฉันเป็นพ่อแก ไม่สนมาแกจะทำมันมั้ย”

เฉินฝูเซิงถาม ด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ใครคือหวางต้อง? ลุกออกมา”

หวางต้องขมวดคิ้ว หลังจากสงสัยอยู่ไม่กี่วินาที ก็เดินออกมา แล้วพูด: “ฉันเอง”

“นายก็คือหวางต้อง”

เฉินฝูเซิงมองหวางต้อง แล้วยิ้ม

หวางต้องพยักหน้า: “ใช่แล้ว นายหาฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”

หวางต้องรู้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้มีพื้นเพใหญ่ขนาดไหน เขาเชื่อว่า มีไม่กี่คนที่กล้าจะก่อความวุ่นวาย

เฉินฝูเซิงส่งสายตาให้จูเปิ่น จูเปิ่นเดินเข้าไป เปิดเสียงลำโพงให้ดังที่สุด ต่อมา เฉินฝูเซิงก็เหนี่ยวไกปืน เล็งไปที่ต้นขาของหวางต้อง

ต้นขาข้างนึงของหวางต้องถูกยิง ทำให้มีเลือดไหลออกมา แล้วลงไปคุกเข่ากับพื้น

“เหอะๆ แกนี่เองที่วางแผนใส่ฉัน?” เฉินฝูเซิงมองหวางต้อง พลางถาม

หวางต้องร้องโอดครวญเสียงดัง หลังจากร้องเสร็จ ก็ส่ายหน้า: “พี่ชาย คุณฟังผมพูดก่อน ผมเคยคิดที่จะหาคนไปทำร้ายคุณ แต่ว่า คนของผมยังไม่ได้ลงมือ ก็ถูกคนชิงลงมือไปก่อนแล้ว”

“ผมไม่เคยคิดจะฆ่าเจ้าเด็กนั่น ผมคิดกะว่าจะเล่นให้มันเจ็บตัวนิดหน่อยเท่านั้น……” หวางต้องพูด

เฉินฝูเซิงพยักหน้า แล้วถาม: “ยังไงถึงเรียกว่าบาดเจ็บเล็กน้อย?”

หวางต้องเม้มปาก แล้วพูด: “ผมตอนนี้ ถือได้ว่าบาดเจ็บเล็กน้อยแล้ว”

“อืม งั้นก็เอาให้บาดเจ็บเล็กน้อยอีกสักหลายๆ ที” เฉินฝูเซิงพูดจบ ก็เหนี่ยวไกปืนต่อ ยิงไปที่แขน ต้นขา ท้องของหวางต้อง ยิงติดต่อกันไปอีกหลายที

ในตอนนั้น หวางต้องล้มลงไปกองกับพื้น เลือดไหลไม่หยุดทั่วร่าง

เน็ตไอดอลสาวในห้อง ทุกคนตกใจแทบตาย พวกหล่อนลงไปนั่งกับพื้น ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเงยหน้ามองเฉินฝูเซิง ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ก็รีบกินขาหมูเข้าท้องไป แล้วเรียกเฉินฝูเซิง ว่าพ่อเสียงดัง

เฉินฝูเซิงด่าอย่างโมโห: “เชี่ยมึงอยากให้กูตกใจตายใช่มั้ย”

เฉินฝูเซิงเตะเข้าไปที่ท้องของมู่เสี่ยวไป๋ จนเขาลงไปคดบนพื้น

“เอาละ ไม่พูดเรื่อยเปื่อยแล้ว พวกนายใครมีความกล้า ก็ยืนขึ้น ปอดแหกก็นั่งลง แล้วเรียกฉันว่าพ่อซะ” เฉินฝูเซิงพูดกับทุกคน ด้วยน้ำเสียงไม่ดังมาก

นักเลงพวกนั้น ที่จริงก็มีความกล้าพอตัว แต่ว่าจากเคสของหวางต้องแล้ว ทำให้คนพวกนี้ เกิดความหวาดกลัวต่อเฉินฝูเซิง

เฉินฝูเซิงคนนี้ ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ บวกกับไม่มีใครอยากจะเป็นหวางต้องคนที่สอง

“เหอะๆ ทำไม เป็นใบ้กันหมดแล้วเหรอ? แม้แต่พ่อก็ไม่เรียกใช่มั้ย?” เฉินฝูเซิงชูปืนขึ้น แล้วจ่อไปที่หัวของนักเลงคนนึง: “แกเป็นใบ้เหรอ?”

“พ่อครับ ผมไม่ได้เป็นใบ้ครับ”

เฉินฝูเซิงใช้ปืนลูบรอบหัวของเขา: “แม่ง ไม่ได้เป็นใบ้แล้วทำไมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้?”

ต่อมา เฉินฝูเซิงก็เล็งไปที่คนอื่น: “ต้องให้ฉันเร่งทีละคนใช้มั้ย ถึงจะเรียกกันได้?”

“หรือว่า คิดว่าฉันจะไม่กล้ายิงใช่มั้ย?” เฉินฝูเซิงพูดน้ำเสียงเย็นชา

“พ่อ พ่อ พ่อ!”

วินาทีนั้น เสียงเรียกพ่อ ดังขึ้นลั่นห้อง ไม่หยุด

เฉินฝูเซิงกลับตบมือเสียงดัง แล้วพูด: “ฉันไม่มีลูกอกตัญญูอย่างพวกแก!”

“แม่งเอ๊ย เกือบจะฆ่าฉันตาย”

หลังจากเฉินฝูเซิงก่นด่าเสียงดัง แล้วก็เดินไปหาโจวเจ๋: “คนก็ยอมจำนนแล้ว ที่เหลือ ควรทำยังไงต่อ?”

โจวเจ๋ช็อก พลางมองเลือดของหวางต้อง โจวเจ๋กลืนน้ำลายแล้วพูด: “ให้พวกเขาเอาโทรศัพท์ออกมา”

“ได้ยินหรือยัง? พรรคพวกฉันบอกให้พวกนายเอาโทรศัพท์ทุกเครื่องออกมา” เฉินฝูเซิงพูดย้ำ

“แล้วก็ ให้พวกเขาเปลี่ยนรหัสโทรศัพท์เป็น112233” โจวเจ๋พูดขึ้นต่อ

“เด็กดีทั้งหลาย ทำตาม จำไว้ ฉันให้พวกนายเปลี่ยนรหัสผ่าน อย่าคิดจะทำอย่างอื่นลับหลังฉัน ถ้าหากฉันจับได้ จะไม่ใช่แค่ยิงแขนยิงขาง่ายๆ แน่” เฉินฝูเซิงหัวเราะอย่างเย็นชา

ไม่ถึงหนึ่งนาที ทุกคนก็เปลี่ยนรหัสผ่านเสร็จ โจวเจ๋พูดกับเฉินฝูเซิง: “เก็บโทรศัพท์ ของพวกเขามาเถอะ”

“ใช่แล้ว ยังมีสัญญาอีกฉบับนึง” โจวเจ๋พูด: “เหมือนว่าจะชื่อหวางเหยาอะไรนี่แหละ”

เฉินฝูเซิงเดินเข้าไปหามู่เสี่ยวไป๋: “มู่เสี่ยวไป๋ เอาสัญญามาให้ฉันมา”

“แล้วก็ สัญญาของผู้หญิงพวกนั้น ก็เอามาให้หมดด้วย” เฉินฝูเซิงมองกวาดไปที่เน็ตไอดอลสาวที่นั่งอยู่ที่พื้น: “ฉันก็อยากจะเปิดบริษัทมีเดีย ฮี่ฮี่ เอาสัญญาพวกนั้นมาให้ฉันเถอะ”

มู่เสี่ยวไป๋มองเฉินฝูเซิง สีหน้าลังเลเล็กน้อย

ทันใดนั้นเฉินฝูเซิงก็ทำสีหน้าเย็นชา: “ทำไม ไม่ยอมเหรอ?”

“ไม่ยอมก็ช่างเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะบีบบังคับใคร” เฉินฝูเซิงพูด ปืนในมือ ก็ค่อยๆ จ่อไปที่น่องของมู่เสี่ยวไป๋

ยังไม่ทันให้เฉินฝูเซิงเหนี่ยวไก มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นทันที: “พ่อครับ ผมจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้”

“โอ๋เด็กดี ต่อหน้าลูกๆ ทั้งหลาย นายเป็นคนที่กตัญญูที่สุดเลย” เฉินฝูเซิงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดชมมู่เสี่ยวไป๋

เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เอาสัญญาทั้งหมดมาให้กับเฉินฝูเซิง เฉินฝูเซิงก็ถามขึ้น: “ไม่มีแอบเก็บไว้ใช่มั้ย?”

“ไม่มีแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า

“มู่เสี่ยวไป๋ อย่าโทษฉันเลยนะ เป็นนายบีบฉันเอง” เฉินฝูเซิงพูดเสียงเย็นชา: “เห็นกับความสัมพันธ์ของเราเมื่อก่อน ฉันจะยกโทษให้นายครั้งนึง ถ้าหากครั้งหน้านายยังปองร้ายฉันอีกล่ะก็ ฉันจะยิงทุกคนในห้องนี้ ทั้งหมดทิ้งซะ”

“ฉันรู้ ว่าที่นี่เป็นพื้นที่ของนาย แต่นายจำไว้ ถ้าฉันถูกเอาเปรียบ พ่อฉันคงไม่ยอม” เฉินฝูเซิงตบไปที่บ่าของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดขู่

สุดท้าย โจวเจ๋ก็ล้วงโทรศัพท์ ออกมาจากกระเป๋าของหวางต้อง แล้วถามรหัส จากนั้นก็ออกไป

“ใช่แล้ว ไม่ต้องใช้วิธีสถุลแบบนี้แล้ว พวกนายก็เห็นแล้ว วิธีสกปรกแบบนี้ พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันเลย” ขณะที่เฉินฝูเซิงเดินไปถึงหน้าประตู ก็หันกลับมามองมู่เสี่ยวไป๋แล้วพูด: “ถ้าจะเล่น นายก็เข้ามาหาเจ้านายฉันอย่างเปิดเผยสิ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท