NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่606 ผมไม่ชอบที่คนอื่นมาต่อรองกับผมที่สุด

บทที่606 ผมไม่ชอบที่คนอื่นมาต่อรองกับผมที่สุด

ได้ยินน้องสาวของตัวเองกำลังตะโกนให้ช่วยชีวิต จูเฟิ่งปินก็หอบหนัก เหมือนกับแทบจะขาดอากาศหายใจตาย

จูเฟิ่งปินในตอนนี้ ในใจวิตกกังวลและหวาดกลัว ที่มากกว่านั้นคือโกรธ เขามองหลี่ฝาง โกรธจนตัวสั่น

“คุณอย่าโกรธสิ ผมไม่รู้จริงๆว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้น”

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน พูดปลอบ:“ผมจะโทรหาพวกเขาตอนนี้ ให้พวกเขาอย่าทำอะไรมั่วๆ”

พูดไป หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาส้าวส้วย หลังจากโทรติด ส้าวส้วยก็ถาม:“เจ้านาย เด็กนั่นพูดยัง พวกหนุ่มๆรอกันไม่ไหวแล้ว ผมชักจะควบคุมพวกเขาไม่ไหวแล้วนะ ถ้าเด็กนี่ไม่พูด ผมก็จะไปแล้ว”

“คุณไปทำอะไร?”หลี่ฝางทำเป็นถาม

“ไปสูบบุหรี่ แม่เอ๊ย ไอ้สัตว์พวกนี้นี่ เหมือนกับไม่เคยเห็นผู้หญิง แต่ละคนน้ำลายสอด้วยความตะกละ ผมเตรียมจะออกไปสูบบุหรี่ ให้พวกเขาหายตะกละสักหน่อย ……”

“ใช่สิ เจ้านาย น้ำเดือดได้ที่แล้ว ถ้าเด็กนี่ไม่พูดอีก ผมเตรียมจะผลักน้องสาวเขาลงไปแล้วนะ”ที่ปลายสาย ส้าวส้วยพูดด้วยใบหน้าโหดอำมหิต

หลี่ฝางเปิดลำโพง คำพูดของส้าวส้วย จูเฟิ่งปินได้ยินชัดเจน

แป๊บเดียว สีหน้าของจูเฟิ่งปิน ก็หม่นลงถึงขีดสุด

จูเฟิ่งปินวิ่งเข้ามา แย่งโทรศัพท์ไป จากมือของหลี่ฝาง ด่าไปที่ส้าวส้วยที่อยู่ปลายสายว่า:“คุณมันไอ้สัตว์เดียรัจฉาน ถ้าคุณกล้าทำร้ายน้องสาวผมแม้แต่ปลายเส้นผม ผมฆ่าคุณแน่”

“เหอะเหอะ คุณเนี่ยนะ?ก็แค่ขยะ”

ส้าวส้วยพูดอย่างดูถูก:“รีบเอาที่คุณรู้ บอกเจ้านายผมให้หมด ไม่อย่างนั้น รอรับศพน้องสาวคุณได้เลย”

“เอาล่ะ พูดไร้สาระกับผมให้มันน้อยๆเถอะ รีบคิดดีๆ มีข่าวดีอะไรต้องบอกเจ้านายพวกเรา”พูดไป ส้าวส้วยวางสายไปเลย

เพิ่งวางสายไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ได้รับข้อความฉบับหนึ่ง

จิตใต้สำนึกจูเฟิ่งปินเปิดข้อความทันที บนข้อความ มีรูปใบหนึ่ง นาทีที่เห็นรูปใบนี้ สมองของจูเฟิ่งปิน ก็แทบระเบิด เขามองหลี่ฝางตาแดงๆ มองอยู่ประมาณสิบกว่าวินาที ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมา บีบคอของหลี่ฝาง กดทั้งตัวหลี่ฝางไว้ ไปที่ประตูแน่นๆ

เวลานี้ จูเฟิ่งปินเหมือนหมาป่าที่ดุร้ายระเบิดออกมา พุ่งเข้ามาในฉับพลันนั้น หลี่ฝางตกใจจนข้างในใจสั่น

จูเฟิ่งปินไม่สนบาดแผลที่ท้องเขาแล้ว การเคลื่อนไหวมากขนาดนั้น ทำให้บาดแผลฉีกขาด แต่เวลานี้ เขาไม่สน

เขาบ้าไปแล้ว ตาของเขาสีแดง เต็มไปด้วยความแค้น มองไปแล้วน่ากลัวสุดๆ

“ผมจะฆ่าคุณ!”จูเฟิ่งปินพูดด้วยใบหน้าน่ากลัว

สองมือของหลี่ฝางคว้าแขนของจูเฟิ่งปิน แล้วเริ่มดิ้นรน

แต่ยังไงหลี่ฝางก็คิดไม่ถึงว่า แรงของจูเฟิ่งปินจะมากขนาดนี้ หลี่ฝางใช้แรงไปทั้งตัว ก็สลัดออกมาไม่ได้ ตอนที่หมดหนทาง หลี่ฝางได้แต่ยกเข่าของตัวเองขึ้นมา เล็งไปที่ท้องของจูเฟิ่งปิน แล้วดันขึ้นใส่ไปโดยตรง

ยังไงท้องของจูเฟิ่งปิน ก็เพิ่งโดนมีดแทงมา พอเข่านี้ดันขึ้นไป จูเฟิ่งปินก็เจ็บจนเกือบหมดสติ เขาถอยหลังไปหลายก้าวทันที แล้วล้มไปที่พื้นแรงๆ

ที่ท้องของจูเฟิ่งปิน มีเลือดไหลทันที

หลี่ฝางมองเห็นฉากนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร

แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาเห็นใจ หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าเย็นชา:“ฆ่าผมมีประโยชน์เหรอ?ฆ่าผมไป ไม่ใช่แค่น้องสาวคุณที่จะตาย คุณก็จะตาย”

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ได้ชักจูงให้พวกเขาทำกับน้องสาวคุณแบบนี้ แต่ทั้งหมด ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมของพวกเขาเอง ไม่เกี่ยวกับผม”

หลี่ฝางพูด:“แต่ผมอยากบอกคุณ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ไม่สนใจกฎหมายอะไรทั้งนั้น ทำเรื่องอะไรก็ได้หมด”

“วิธีการของพวกเขา สันนิษฐานว่าเมื่อกี๊คุณก็น่าจะเห็นแล้ว เพื่อเป้าหมายของตัวเอง ก็ทำทุกอย่างได้หมด ผมแนะนำนะ รีบเอาเรื่องที่รู้บอกมาให้หมดเถอะ”

หลี่ฝางถอนหายใจ พูดว่า:“ไม่อย่างนั้น ผมก็ช่วยคุณไม่ได้”

“เหอะเหอะ ถึงตอนนี้แล้ว คุณยังคิดจะเสแสร้งอีกเหรอ?”

จูเฟิ่งปินหัวเราะเหอะเหอะอย่างเย็นชา มองหลี่ฝางอย่างละอาย พูดว่า:“คุณต้องการอะไรกันแน่?ผมเอาทุกอย่างที่ผมรู้ บอกคุณหมดแล้ว”

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน ถามด้วยใบหน้านิ่งๆ:“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เมื่อกี๊คุณกำลังหลอกผมใช่ไหม?มู่เสี่ยวไป๋ ไม่ได้ฆ่าคุณชายอะไรนั่นเลย ทั้งหมดนี้ คุณแต่งขึ้นมาใช่ไหม?หรือว่า คุณบอกผมมา คุณชายคนนั้นชื่ออะไร ผมจะไปสืบ”

“ถ้าจริง ผมจะให้ลูกน้องผมปล่อยน้องสาวคุณ”หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน แล้วพูด

จูเฟิ่งปินจับท้องของตัวเอง มองหลี่ฝาง:“ผมเอาที่ผมรู้ บอกคุณหมดแล้ว”

“ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”จูเฟิ่งปินพูด

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ เดิมทีคิดว่า อยู่ในสถานการณ์นี้แล้ว จูเฟิ่งปินจะเอาทุกอย่างที่ตัวเองรู้ บอกหลี่ฝางอย่างไม่ได้แตะต้องใดๆ แต่คิดไม่ถึงว่า เขาจะยังปิดปากเงียบ

“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่ยอมบอก เหอะเหอะ งั้นผมก็ไม่อาจที่จะช่วยเหลือได้ ผู้ช่วยคนนั้นของผม กำลังรอข่าวดีจากผมอยู่”

หลี่ฝางพูดเบาๆ:“ดูเหมือนพวกเราจะรอไม่ไหว”

จูเฟิ่งปินเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝาง พูดว่า:“คุณชายหลี่ ผมอยากถามคุณหน่อย ทำไมคุณถึงมั่นใจเหลือเกินว่า ผมมีข่าวอะไรปิดคุณอยู่?”

จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง แล้วพูด:“ผมเป็นนักเลงมาหลายปีแล้ว มองคนเก่งมาก ตอนแรก ดวงตาของคุณจริงมาก ดูเหมือนว่า ไม่เหมือนกับเสแสร้ง แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นคนต่ำทรามน่ารังเกียจ การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่?”

“ทำไมคุณถึงสงสัยว่าผมมีอะไรกั๊กไว้ต่อคุณอีก?ที่ผมเขียนให้คุณ ก็มากพอแล้ว ในฐานะคนตัวเล็กๆคนหนึ่ง ผมจะไปรู้อะไรได้?”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง ถามด้วยสายตาคมกริบ

“เหอะเหอะ ก่อนหน้านี้ ผมเห็นคุณเป็นแค่คนตัวเล็กๆธรรมดาๆคนหนึ่งจริงๆ แต่ต่อมา ผมคิดว่าผมดูผิดไป ตอนที่รับน้องสาวคุณ พวกเราเจอมู่เสี่ยวไป๋ คุณฟังไม่ผิด เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่นำคนมาเอง และยังนำคนมาเป็นกลุ่มใหญ่มาก พวกเราสองฝั่ง ทำการสู้กันครั้งหนึ่ง”

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดรูปใบหนึ่ง เอาให้จูเฟิ่งปินดู

“เห็นหรือยัง?นี่คือผลที่พวกเราสู้กัน ในระหว่างของเรานั้น มีเพื่อนตายไปด้วย”

“นอกจากนี้ พวกเรายังมีเพื่อนๆอีกมาก ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก”

“คุณพูดไม่ผิด ผมคือคนดีจริงๆ เพื่อนๆของผม ก็เป็นคนดีทั้งนั้น ถ้าไม่ได้เกิดเหตุคาดไม่ถึง ไม่ใช่ว่ามีเพื่อนๆของตัวเองตาย พวกเขาไม่มีทางทำกับน้องสาวคุณอย่างนั้นแน่”

“ผมมีเพื่อนที่ตายเพราะช่วยน้องสาวคุณ ดังนั้นลูกน้องของผมพวกนั้นคิดว่า น้องสาวคุณสมควรลงไป ฝังกับเพื่อนของผมที่ตายไปด้วย”

“แต่ผมเชื่อว่า คุณจะต้องปกปิดอะไรผม คุณคิดว่าคนสูงส่งอย่างมู่เสี่ยวไป๋ จะออกโรงด้วยตัวเอง เพื่อคนธรรมดาๆอย่างคุณเหรอ?แล้วยังพาคนฝีมือดีมาตั้งเยอะ ดูแล้วจะยอมทำสุดแรงกายแรงใจโดยไม่สนอะไร เพื่อจะเอาตัวน้องสาวคุณกลับไปแน่”

“ถ้าที่ตัวคุณ มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเฉยๆ มู่เสี่ยวไป๋ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นเลย เสี่ยงอันตรายอย่างมาก แล้วทำเรื่องบ้าบออย่างนี้”

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน หัวเราะอย่างเย็นชา:“ดังนั้น ผมกล้ารับรอง คุณจะต้องมีอะไรปิดบังผม”

“ทางมู่เสี่ยวไป๋มีคนของผม ผมไปถามมา ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับสินค้าส่วนหนึ่ง ……”หลี่ฝางพูดเตือนจูเฟิ่งปิน:“ส่วนมากแค่ไหน คุณบอกผมดีกว่า”

สีหน้าของจูเฟิ่งปิน ก็เปลี่ยนไปทันที

จากนั้น จูเฟิ่งปินส่ายหน้า พูดว่า:“ยังคิดว่าผมกับพี่หยุนเพิ่งของสิ่งนี้ จะทำเงินได้มากมาย ดูเหมือนว่า ……”

จูเฟิ่งปินหัวเราะอย่างขมขื่น เงยมองหลี่ฝางแล้วถาม:“พี่หยุนล่ะ?เขาเป็นไงบ้าง?”

หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย ตอนที่จะพูดโกหกนั้น จู่ๆจูเฟิ่งปินก็พูด:“เขาตายแล้วใช่ไหม?ถ้าเขาไม่ตาย พวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องเล็งมาที่ผมเลย”

“คุณแค่เอาน้องสาวผมมาขู่ผม แต่กลับไม่พูดถึงพี่หยุนผมเลยสักนิด ผมว่า เขาต้องเกิดเรื่องแน่ ในเมื่อมู่เสี่ยวไป๋ออกโรงแล้ว เขาจะต้องไม่ให้พี่หยุนรอดแน่”

จูเฟิ่งปินถอนหายใจ พูด:“ช่างเถอะ ผมบอกคุณได้ทุกอย่าง แต่คุณต้องรับปากผมสองเงื่อนไข”

หลี่ฝางพยักหน้า ถามว่า:“ลองพูดมาดูสิ”

จูเฟิ่งปินพูด:“เงื่อนไขแรก ก็คือเงินสดสิบล้าน ผมต้องการแค่เงินสด ไม่เอาเช็ค และก็ไม่เอาเงินโอน”

“ไม่มีปัญหา ผมจะโทรตอนนี้ ให้ลูกน้องไปเอาให้”หลี่ฝางพูด

จูเฟิ่งปินคิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางจะรับปากไวอย่างนี้ ใบหน้าอดไม่ได้ที่จะตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะ พูดว่า:“สมแล้วที่เป็นคุณชายหลี่ คุณใจกว้างกว่ามู่เสี่ยวไป๋เยอะเลย”

“ถ้าผมเดาไม่ผิด เงื่อนไขที่สองของคุณ จะต้องให้ผมปล่อยน้องสาวก่อน ใช่ไหม?”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ มองจูเฟิ่งปินแล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

จูเฟิ่งปินพยักหน้า พูดว่า:“คุณชายหลี่ฉลาดจริงๆ แป๊บเดียวก็เดาได้แล้วว่าผมต้องการอะไร แต่ผมต้องเสริมหน่อยว่า เอาสิบล้านให้น้องสาวผม น้องสาวผมขับรถเป็น แล้วก็ให้รถเธอคันหนึ่ง รอเมื่อไหร่ที่เธอปลอดภัย ออกไปจากเมืองเอกแล้ว ผมก็จะบอกคุณ ว่าความลับคืออะไรกันแน่”

“ถ้าผมไม่รับปากล่ะ?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

น้องสาวของจูเฟิ่งปิน ไม่ได้อยู่ในมือของหลี่ฝาง จะให้หลี่ฝางรับปากอย่างไร?

“ถ้าคุณไม่รับปาก ผมก็จะเอาความลับนี้ เอาลงไปด้วย”จูเฟิ่งปินพูดดูเหมือนยืนหยัด

“พาน้องสาวคุณไปด้วย?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว

จูเฟิ่งปินพูด:“ใช่ เพราะว่าผมกลัว กลัวว่าผมเอาทุกยอ่างบอกคุณไปแล้ว คุณก็ยังจะฆ่าน้องสาวผม”

“คุณคิดดีๆละกัน คุณชายหลี่”จูเฟิ่งปินพูด

“ไม่ต้องคิดแล้ว”หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชาเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาส้าวส้วย หลังจากโทรติด หลี่ฝางก็พูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง:“จูเฟิ่งปินก็ยังไม่ยอมพูด ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ฆ่าเธอซะ”

พูดจบ หลี่ฝางก็กดวางสาย จากนั้นก็มองจูเฟิ่งปินแล้วพูด:“ผมไม่ชอบที่คนอื่นมาต่อรองกับผมมากที่สุด”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท