NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่646 โหจื่อเป็นเสี่ย

บทที่646 โหจื่อเป็นเสี่ย

“เหอะ พอดีฉันเป็นพวกดื้อด้านน่ะ ผู้ชายเข้าไม่ได้อะไร ก็ฉันจะเข้าใครจะทำไม?”

โหจื่อมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างไม่แคร์ แล้วฉีกยิ้ม “หรือคิดว่าจะฆ่าฉันได้?”

“ไม่ได้หรอกค่ะ”

ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ลูกค้าที่อยู่ข้างใน น่าจะทำได้”

“พ่อหนุ่มขอเตือนไว้ก่อนนะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ต่ำกว่านรกยังมีนรก”

เธอมองหน้าโหจื่อ แล้วพูดเสียงเรียบเฉย “ดูแล้วนายน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ ทำไมไม่รู้จักรักษาชีวิตตัวเองให้ดีล่ะ?”

“รีบฉวยโอกาสตอนที่นายยังไม่ได้แหย่โดนลูกค้าข้างในนั้น ถ้าไปสะกิดโดนเข้าล่ะก็ ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย”

ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย

ผู้หญิงคนนั้นเน้นเสียงในประโยคตอนท้าย

“เมื่อกี๊นายฆ่าบอร์ดี้การ์ดของที่นี่ไปมาก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกนั้นก็เป็นแค่ทาสรับใช้ของที่นี่ ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือตาย เราไม่สน ลูกค้าของในนั้นก็ยิ่งไม่สน พวกเขาตายไปยังไงก็ต้องมีคนใหม่มาทำหน้าที่แทนอยู่ดี”

“แต่ถ้านายไปกระตุกหนวดลูกค้าข้างในนั้น ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันหรอกนะ”

“พวกเขาน่ากลัวมากกว่าที่พวกเธอจินตนาการได้” เธอพูดเสียงเรียบ

“ทำไม พวกมันเป็นปีศาจ มีสามหัวหกมือหรือไง? ยังไงก็คนที่มีหนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน ไม่ว่าใครที่เป็นฝ่ายแพ้ก็ล้วนแต่ต้องตาย” โหจื่อพูดไม่แยแส

หญิงคนนั้นส่ายหน้า ดูแล้วไม่น่าจะโน้มน้าวโหจื่อได้ จึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอีก

“เสี่ยวหลิงรีบเข้าไปสิ ปล่อยให้แขกรอนานๆ เดี๋ยวจะอารมณ์เสียเอา” หญิงคนนั้นหันไปพูดกับเด็กสาวมือชงชา

เมื่อเสี่ยวหลิงเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ตอนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า แม่มดก็ดึงมือออกมารั้งไว้ก่อน “ฉันก็พอจะรู้วิธีชงชาอยู่บ้างพอดี”

“ไม่งั้นยกหน้าที่นี้ให้ฉันทำแทนแล้วกัน” แม่มดพูด

“แต่ว่า…” เสี่ยวหลิงกำลังจะอ้าปาก แต่แม่มดตรงเข้าไปบีบคอของเธอ สายตาเย็นยะเยียบ “ทำไม จะบอกว่าฝีมือฉันสู้เธอไม่ได้งั้นสิ?”

เสี่ยวหลิงส่ายหน้า สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดกลัวสักนิด

แม้ว่าสายตาของแม่มดจะเต็มไปด้วยแรงอำมหิต แต่ท่าทางของเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหลงกลับไม่มีวี่แววว่ากลัวตายแม้แต่น้อย

“ในเมื่อคุณอยากไปก็ไปเถอะ” เสี่ยวหลิงพูด ในแววตาเผยความสบายใจบางๆ

ชงชา?

แค่ชงชาแค่นั้นจริงๆน่ะหรอ?

ครั้งล่าสุด หลังจากที่เพื่อนสาวคนนึงถูกเรียกให้เข้าไปชงชา เธอก็ไม่ได้กลับออกมาอีก

หญิงสาวเอ่ยเตือนแม่มดคำนึง “ระวังตัวด้วย พวกลูกค้าอารมณ์ร้าย”

“ฉันก็อารมณ์ร้ายเหมือนกัน”

“โหจื่อ นายยืนเฝ้าตรงนี้ อีกครึ่งชั่วโมงฉันไม่โผล่หน้าออกมา นายก็รีบหนีไปซะ” แม่มดหันหลับมามองโหจื่อแว๊บนึง

โหจื่อหัวเราะหึ “ฉันไม่เคยทอดทิ้งคู่หูของตัวเอง”

“อีกครั้งชั่วโมงเจอกัน” โหจื่อพูด

พูดๆอยู่ โหจื่อก็ส่งปืนกระบอกสีทองให้แม่มด

แม่มดนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “นี่มันปืนทองคำที่จักรพรรดินีประทานให้นายไม่ใช่หรือไง?”

“ใช่ไง มีแค่กระบอกเดียวในโลก ฉันจะให้มันกับเธอ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ถ้าเธอตายอยู่ในนั้น ฉันก็จะได้เข้าไปเอามันออกมา” โหจื่อพูด

แม่มดหัวเราะ แล้วหยิบปืนมาจากมือของโหจื่อ “ถ้าฉันไม่ได้ออกมา นายก็รอให้หลอซ่ากลับมาก่อนแล้วกัน ไม่ต้องเสียสละชีวิตเพื่ออะไรที่ไม่มีความหมาย”

“ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ นายเองก็ไม่มีทางสำเร็จ” แม่มดพูด

คำพูดของแม่มด แสดงให้ชัดว่าความสามารถของเธออยู่เหนือโหจื่อ

โหจื่อช็อกไปนิดหน่อย สีหน้าของเขาไม่น่าดู “ยัยแม่มดนี่ล่ะก็ ต่อหน้าสาวสวยตั้งเยอะแยะ ช่วยไว้หน้ากันหน่อยได้ไหม?”

“ของแบบนั้นมาขอจากคนอื่นไม่ได้หรอก ฉันก็แค่พูดไปตามความจริง” แม่มดบอก

“ได้ ถ้าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเธอยังไม่ออกมา ฉันจะเผ่นแนบทันที” โหจื่อพูด

แม่มดพยักหน้า แล้วเดินเข้าไป

ข้างในเหมือนกับห้องส่วนตัวของคณะรัฐมนตรีก็ไม่ปาน ทันทีที่เดินเข้าไป ประตูก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้นทันที

“โยนปืนทิ้งซะ”

ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเรียบๆ “วัตถุโลหะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้”

แม่มดยิ้มบางๆ วางปืนสีทองลงบนพื้น แล้วดึงมีดเล็กสองด้ามออกมา

เด็กสาวทั้งหลายที่เห็นภาพช็อตนี้ ต่างก็มีสีหน้าตระหนก

“เฮ้อ รองเท้าก็ต้องถอดหรอ?”

แม่มดส่ายหน้า แล้วถอดรองเท้าออก ด้านใต้รองเท้าคู่นี้ซ่อนมีดเล็กไปอีกสองด้าม

แล้วต่อจากนั้น แม่มดก็ลังเลไปนิดนึงก่อนจะตัดสินใจพูด “โหจื่อ หลับตาลง”

โหจื่อยิ้มเก้ๆกังๆ “แม่มด เธอก็รู้ว่าฉันไม่สนใจผู้หญิง เธอรีบๆถอดเถอะน่ะ ฉับรับรองเลยว่าฉันจะไม่มองอะไรทั้งนั้น”

“แม่เอ็งสิ ฉันคือเป็นว่าที่เมียอาจารย์ของนายนะ” แม่มดหันกลับไปด่าคำนึง

“เร็วเข้า” แม่มดกำชับ

จากนั้น โหจื่อจึงเดินถอยกลับไปหลายก้าว แล้วหาโซฟาสักตัวนั่ง

มือหนาคว้าลูกแพรมาได้ลูกนึง ก็ยัดเข้าปาก “มา หนูๆ มานวดไหล่ให้เสี่ยหน่อย ไหล่เสี่ยมันชาๆยังไงไม่รู้”

เด็กสาวในห้องไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของโหจื่อแต่อย่างใด

ไม่ทันขาดคำ โหจื่อก็ล้วงปืนออกมาลั่นไกขึ้นบนอากาศ ดึงดูดสายตาทุกคู่ได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะฮี่ๆ “ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่กลัวตายหรอก แต่ถ้าลูกกระสุนนี่ยิงเฉาะเข้าไปในแขนหรือขา ก็คงจะเจ็บปวดทรมานอยู่ไม่น้อย”

โหจื่อพูดจบ เด็กสาวสามสี่คนก็รีบวิ่งโร่เข้ามาหา

“ไม่ว่าใครจะเป็นลูกค้า แต่พวกเธอก็ต้องทำหน้าที่บำเรอไม่ใช่หรือไง?”

“ผู้หญิงพวกนี้มีตาหามีแววไม่ หรือฉันไม่น่าเอาใจเท่าพวกตาแก่หัวงูงั้นสิ? ”

โหจื่อพูดเสียงเรียบ

“นวดให้มันดีๆ ถ้าฉันสบายตัว อีกเดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอออกจากนรกขุมนี้เอง” โหจื่อพูด

พอได้ยินประโยคนั้น เด็กสาวหลายคนก็เผยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่คนส่วนใหญ่ที่เหลือก็ยังมีมีท่าทีเฉยเมยเหมือนเดิม

ออกไปจากที่นี่?

แล้วไปที่ไหนต่อ?

ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน สุดท้ายพวกเขาก็จะจับกลับมาที่นี่เหมือนเดิม

แขกที่อยู่ในนี้แต่ละคนล้วนมีเส้นสายอยู่กว้างขวาง และที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับคุก ถ้าหนีออกไปก็เท่ากับเป็นการแหกคุก ซึ่งมันก็หมายถึงเป็นการก่ออาชญากรรม

คนที่เคยคิดจะหลบหนีเมื่อก่อนหน้านี้ ล้วนมีจุดจบที่ไม่สวย

ในตอนนั้น จู่ๆโหจื่อก็ชักปืนออกมา เขาเล็งไปที่ซ้ายมือของตัวเอง แล้วลั่นไกออกไป

หญิงสาวคนนึงล้มลงกับพื้น

โหจื่อยิ้มหึๆ “ฉันให้เธอนวดไหล่ ไม่ใช่ให้เธอมาแยกร่างฉัน พกมีดแล้วเดินมาหาฉันแบบนั้นหมายความว่าไง คงไม่คิดจะผ่าตัดให้ฉันหรอกนะ?”

คำพูดของโหจื่อ ทำให้หญิงสาวจำนวนมากตกอกตกใจ

ทั้งๆที่โหจื่อหลับตาอยู่แท้ๆ ทำไมเขาถึงรู้ได้ว่ามีคนหยิบมีดแล้วเดินเข้าไปหาเขา?

หรือผู้ชายคนนี้ สามารถมองเห็นได้ทุกอย่างแม้ว่าจะหลับตาอยู่งั้นหรอ?

หรือจะบอกว่าเขามีพลังวิเศษ?

โหจื่อยิ้ม “สองคนที่อยู่ซ้ายมือฉันน่ะ เตือนไว้ก่อนนะอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะทำอะไรฉัน ถล่ม-2มายกชั้นโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักแผล ก็น่าจะตระหนักได้นะว่าฉันฝีมือเทพขนาดไหน คิดว่าผู้หญิงอ่อนแอแค่ไม่กี่คนจะฆ่าฉันได้หรือไง”

“บอกไว้ก่อน อย่าเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

โหจื่อพูดจบ ก็เบิกตากว้างแล้วหันไปต้องหน้าหญิงสองคนที่อยู่ด้านซ้าย ซึ่งพวกเธอกำมีดหั่นแตงโมไว้ในมือ เตรียมจะลงมือกับโหจื่อ

แน่นอนว่าใครๆในที่นี้ก็ดูออกว่าโหจื่อคือผู้บุกรุก

ใครก็ตามที่ฆ่าผู้บุกรุกได้ ก็จะได้รับความดีความชอบ และเมื่อเรื่องไปถึงหูเจ้านายของพวกเขาหรือผู้คุมชั้นใต้ดินเข้า เขาก็จะต้องตบรางวัลให้พวกเธออย่างงาม

ผู้หญิงพวกนี้มาทำงานที่นี่ก็เพื่อเงิน

“โดยเฉพาะเธอ” โหจื่อยิ้ม ขณะมองไปยิ่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ไกลๆ “ฉันรู้ว่าเธอคือหัวหน้าของผู้หญิงพวกนี้”

“เธอชื่ออะไร?” โหจื่อถาม

“อาจวน” หญิงสาวคนนั้นตอบ

“ดูท่าทางเธอน่าจะแก่กว่าฉันหน่อยนึง งั้นฉันจะเรียกว่าพี่จวนแล้วกัน ถามหน่อยสิ จากตรงนี้จะลงไปข้างล่างอีกชั้นได้ยังไง?” โหจื่อพูด

ความจริงโหจื่อไม่ได้สนใจอะไร-2สักนิด

“พวกเราไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก”

“พวกเราเป็นแค่นางบำเรอของพวกเขาเท่านั้น เราถูกคัดเลือกมาเพื่อให้บริการแขกที่-2เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ให้บริการแขกของ-3 ถ้าจะเข้าไปที่นั่น จะต้องได้รับการอนุญาต”

อาจวนพูดเรียบๆ

“แล้วไอ้พวกที่อยู่ข้างในนั้น มีสิทธิพิเศษนี้หรือเปล่า?” โหจื่อถามต่อ

อาจวนส่ายหน้า โหจื่อไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกปืนขึ้นแล้วเล็งไปที่ผู้หญิงที่ชื่ออาจวน “ฉันไม่อยากได้ยินคำว่าไม่รู้จากปากเธอ”

“ต่อให้พวกเขาจะมีสิทธิ์นั้น ก็คงไม่กล้าลงไป” อาจวนตอบ

โหจื่อยิ้ม แล้วพิงตัวลงกับเบาะโซฟา หลับตาพริ้ม “ฉันจะหลับสักตื่น นวดกันให้ดีๆล่ะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท