NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่650 ศัตรูกดดัน

บทที่650 ศัตรูกดดัน

ในช่วงเวลาค่ำ

หน้าหนวดเดินเข้ามาที่สนามหญ้า แล้วมองโหจื่อ “โหจื่อ ถึงเวลาที่คุณต้องออกโรงแล้ว”

“หึหึ กี่คน?”

สีหน้าของหน้าหนวดลำบากใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตอบกลับ “ไม่มากครับ แค่สามคน”

“เยอะขนาดนี้เลยหรอ?” โหจื่อขมวดคิ้ว

“ช่วยไม่ได้ พวกมันมากันเยอะมาก ผมรับมือไม่ไหว ไหนจะพวกที่อยู่ฝั่งประตูทางเข้าสถานตากอากาศก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ถ้าต้องคอยรับมือจากทั้งสองฝั่งคงเป็นไปได้ยาก” หน้าหนวดแก้ตัวฝืดๆ

“แล้วไหน…ลุงเฉียนก็ไม่ให้ใช้…”

“พอ ฝั่งนั้นยังไม่เผยจำนวนคนจริงๆออกมาเลย เราก็จะเปิดไพ่ทั้งหมดไม่ได้เหมือนกัน ระดับลุงเฉียนแล้ว ยังมีอะไรที่นายต้องสงสัยอีกหรือไง?” โหจื่อถลึงตาใส่หน้าหนวด

หน้าหนวดหน้าซีด “แน่นอนว่าไม่กล้าครับ”

“ส่งตำแหน่งของสามคนนั้นให้ฉัน” โหจื่อตบก้นเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน มุมปากเผยยิ้มสนุกสนาน “คืนนี้ ในที่สุดก็จะได้กระหน่ำฆ่ากันสักที”

“ใช่ครับ ลุงเฉียนก็พูด ไม่ว่าจะทำจนเรื่องใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว”

“เรื่องวันนี้ พวกหูเฟยไม่มีทาเสนอหน้าเข้ามายุ่งแน่ หรือต่อให้มันอยากจะเสล่อ ก็ทำอะไรไม่ได้” หน้าหนวดหัวเราะหึๆ

ความจริงใครก็รู้ เรื่องที่กำลังจะเกิดในวันนี้ ถ้าคิดจะยื่นมือเข้ามายุ่ง ทางเดียวคือต้องส่งกองกำลังทหารเข้ามา

เหมือนกับเมื่อสามปีก่อน

ตอนที่หลอซ่าถูกคนของสี่ตระกูลใหญ่ไล่ฆ่า เมื่อฟ้ามืด ภาพที่เหล่ากระจ๊อกถือมีดถือดาบออกมาตีรันฟันแทงบนท้องถนน เป็นสิ่งที่เห็นกันอย่างชินตา

แต่พวกหูเฟยกลับทำราวกับว่าที่ด้านนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ใช่แค่เพราะมีคนมาทำข้อเสนอกับเขา แต่ความจริงอำนาจของเขาเองก็มีจำกัด การต่อสู้ระหว่างหลอซ่ากับสี่ตระกูลใหญ่ในตอนนั้น มันอยู่นอกเหนือขอบเขตที่เขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้

และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่ต่างกัน

ถึงยังไงตำแหน่งของสถานตากอากาศหลงฉวน ก็ตั้งอยู่บนภูเขาที่ห่างไกล

บริเวณรอบๆห่างออกไปในรัศมีระยะร้อยกิโลเมตร ไม่มีที่พักอากาศของคนอยู่แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้

เพราะงั้น ก็นับว่าหูเฟยสบายตัวไปเปราะนึง

ตอนนี้เอง หูเฟยก็โทรมาหาหลี่ฝางแล้วออกปากเตือน “พวกนายเล่นกันเงียบๆหน่อยก็ดี พยายามอย่าให้ถึงขั้นพรากชีวิตคน”

หลี่ฝางตอบด้วยความเบื่อหน่าย “อันนี้ฉันคงรับปากไม่ได้”

“เอาเถอะ ฉันเองก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเกินกว่าที่นายจะควบคุมได้ แต่พวกนายนี่ใจกล้ากันจริงๆ ถึงขั้นกล้าจับตัวท่านลู่ แม่เจ้า รู้ไหม? ตั้งแต่เช้าสายโทรศัพท์ฉันแทบไหม้ มีแต่คนจะให้ฉันออกโรงช่วย”

“ท่านลู่ไม่ได้มีสถานะธรรมดาๆนะ ฉันว่าทางที่ดีพวกนายอย่าทำกร่างให้มากจะดีกว่า ไม่งั้นจะไม่ใช่แค่ฉันที่โดนลงโทษ แต่พวกนายเองก็จะสร้างศัตรูเต็มไปหมด”

“ไอ้ท่านลู่นี่ตกลงเป็นใครกันแน่?” หลี่ฝางออกมาจนได้

“เหอะๆ นี่นายไม่รู้จักแม้แต่ท่านลู่หรอ? เอาเถอะ จะบอกให้แบบนี้แล้วกัน ไอ้เฉียนโตโตกำลังคุกเข่าอยู่หน้าบ้านนายสินะ? สถานะของเฉียนโตโตที่มีอยู่ในเมืองเอก เท่ากับสถานะของท่านลู่ที่มีต่อเมืองทั้งมณฑล”

“เฉียนโตโตน่ะพอออกจากเมืองเอกไป ก็ไม่ได้มีสถานะอะไรอีก อย่างมากก็แค่คนแก่มีตังค์คนนึง แต่ท่านลู่ไม่ใช่ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในเมืองไหนของมณฑลเขาก็คือท่านลู่ เข้าใจหรือยัง?”

“เบื้องบนจับตาดูความปลอดภัยของเขามาก เพราะฉะนั้นจะให้เขาเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา…”

หลี่ฝางตัดบทหูเฟย “สบายใจเถอะ เขาจะไม่เป็นอะไรหรอก”

“ดี งั้นวางละ”

ตอนที่จะวางสาย หูเฟยไม่ลืมกำชับต่ออีกคำ ให้หลี่ฝางพยายามจัดการจบกับท่านลู่ด้วยความสันติที่สุด

ความจริงหลี่ฝางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องมันถึงได้ตึงเครียดจนถึงขั้นนี้

จุดเริ่มต้นก็แค่ซือถูเฟยกับมู่หรงฉางเฟิงวางแผนให้เขาติดกับ แล้วเขาก็ลำบากให้ลุงเฉียนและคนอื่นๆต้องมากระโดดลงหลุมนี่ไปด้วย

แต่ซือถูเฟยกลับพาฉินหยีหรันออกมาได้อย่างง่ายได้ แล้วทำไมโหจื่อกับแม่มดถึงต้องพาตัวท่านลู่มาที่สถานที่อากาศนี่ด้วย?

แบบนี้มันก็ไม่ต่างกับติดแหที่ซือถูเฟยกับมู่หรงฉางเฟิงตั้งใจทอดเอาไว้เลยไม่ใช่หรือไง?

มิหนำซ้ำ ยังไปกระตุกหนวดเสือตัวใหญ่มาอีก

เมื่อโหจื่อออกไป หลี่ฝางก็เข้ามาหาหน้าหนวด “หน้าหนวด พวกเรากับท่านลู่เคยมีอะไรบาดหมางกันมาก่อนหรือเปล่า?”

หน้าหนวดส่ายหน้า “ไม่มีครับ ทำไมหรอครับคุณชายหลี่? ทำไมจู่ๆก็ถามขึ้นมา?”

“ในเมื่อไม่มี ทำไมต้องจับท่านลู่มาขังไว้ในสถานตากอากาศ?” หลี่ฝางถามต่อ

หน้าหนวดส่ายหน้า “อันนี้ผมเองก็คิดไม่ตกเหมือนกันครับ บางทีนี่อาจจะเป็นความคิดของลุงเฉียนมั้งครับ”

“ตอนแรกที่จับท่านลู่มา เป็นเพราะแม่มดไม่มีทางเลือก ต้องทำเพื่อเอาตัวรอด แต่ในเมื่อทั้งแม่มดกับโหจื่อก็รอดมาได้แล้วทำไมยังไม่ปล่อยตัวท่านลู่อีก? ระหว่างทางต้องเป็นท่านลุงเฉียนที่ไม่ยอม”

หน้าหนวดหัวเราะ “ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงไม่ยอมปล่อย เกรงว่าคงมีแค่ลุงเฉียนคนเดียวที่จะให้คำตอบนี้ได้ครับ”

“เอาล่ะ ผมคงต้องขอตัวก่อนครับคุณชาย พวกหมาขี้เรื้อนข้างนอก มันยังก่อนกวนไม่เลิกเลย”

หน้าหนวดพูด “ผมต้องไปจัดการซะหน่อย”

หลี่ฝางนิ่งไป แล้วรีบคว้าแขนรั้งหน้าหนวด “แล้วฉันจะทำยังไง? โหจื่อออกไป นายก็ออกไป เกิดพวกนักฆ่าฝีมือดีมันบุกเข้ามาในสถานตากอากาศแล้วเจอฉันเข้า?”

จู่ๆหลี่ฝางก็กังวลถึงความปลอดภัยของตัวเองขึ้นมา

“วางใจเถอะครับ คุณไม่มีทางเป็นอะไรไปเด็ดขาด”

“คนมากมายคอยเฝ้าระวังชีวิตของคุณชายอยู่ แต่คุณเองก็ห้ามซี้ซั้วออกไปไหน ตราบใดที่อยู่ในสนามหญ้านี่ จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้” หน้าหนวดพูดยิ้มๆ

หลี่ฝางหันมองไปทั่วสี่ทิศ นี่มีคนคอยปกป้องเขาอยู่จริงหรอ?

แต่เมื่อมองไปรอบๆตัว หลี่ฝางก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน

“นายก็ระวังตัวด้วย” หลี่ฝางเตือนหน้าหนวด

หน้าหนวดวิ่งออกไปที่ประตูด้วยความรวดเร็ว

ตอนนี้ กลุ่มเงาดำได้ยืนล้อมประตูสถานตากอากาศไว้หมดแล้ว

คนจำนวนสองร้อยคน พวกเขาใส่ชุดสีขาวแบบเดียวกันนั่งอยู่ในรถ สะดุดตาเป็นอย่างมาก

และคนของหน้าหนวดก็ยืนเรียงเป็นแถวรออยู่ข้างในสถานตากอากาศแล้ว

“พี่หน้าหนวด พวกมันบอกว่าถ้าไม่ส่งตัวท่านลู่ไปให้ภายในห้านาที พวกมันจะพาคนเข้ามาถล่มสถานตากอากาศครับ” หนึ่งในลูกน้องพูดกับพี่หน้าหนวด

หน้าหนวดพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพ่นเสียงเหอะ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ปากดีนัก”

ตอนนี้เอง เหยสงก็เดินเข้ามา

“ส่วนใหญ่ที่อยู่ในแก๊งพวกมัน เป็นนักเลงในเมืองเอก ดูเผินๆอาจจะจำนวนเยอะ แต่ความจริงไม่ได้มีฝีมืออะไร” เหยสงพูด “แต่อีกส่วนนึงผมไม่รู้จัก”

“พวกที่มีโซ่ตรวนในมือนั่นน่ะ” เหยสงขมวดคิ้ว “ผมต่อยตีอยู่ในเมืองเอกมาตั้งหลายปี แต่ไม่เคยเจอพวกมันไม่ก่อน”

“แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่า คนพวกนั้นไม่ธรรมดา”

ทั้งที่เว้นระยะห่างไกลกันขนาดนั้น เหยสงก็ยังสัมผัสได้ถึงความดุร้ายของอีกฝ่าย

แต่พวกลูกกระจ๊อกนั่น เหยสงเคยเจอมาก่อน ไม่พูดถึงรังสีความอ่อนด้อยอ่อนหัดทีเผยออกมาทางสีหน้า แต่เกรงว่าแม้แต่ท่านลู่ พวกมันอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ

พวกมันคงแค่รับเงินค่าจ้างมาทำงานเฉยๆ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกลูกพี่ของพวกมันส่งตัวมา

ยังไงซะสถานะของท่านลู่ก็เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วกัน แค่คนในตระกูลลู่สั่งมาคำเดียว เหล่าอันธพาลในเมืองนี้ใครบ้างจะเสนอหน้าออกโรง?

“อืม จำไว้ว่า อีกเดี๋ยวถ้าเริ่มสงคราม จัดการให้พวกที่ถือโซ่ตรวนนั่นไปลงนรกได้เลย” หน้าหนวดพูดเสียงเย็น แล้วเปิดประตูสถานตากอากาศออก ก่อนจะเดินออกไป

ประตูของสถานตากอากาศ เป็นประตูบานใหญ่ยาว

หากคิดว่าจะไปโจมตีเข้ามาทีเดียวพร้อมกัน คงต้องฝันไปก่อน

ตอนที่หน้าหนวดเดินออกไป ชายคนนึงที่ถือน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในมือก็พูดขึ้น “ในที่สุดก็โผล่หัวออกมาจากกระดองตัวนึงแล้ว นี่ถ้ายังไม่ออกมาอีก เราเตรียมจะเผาไอ้ประตูอลังการนี่อยู่แล้วเชียว”

หน้าหนวดหัวเราะหึ “เอาหัวหน้าพวกแกมาคุยกันหน่อยสิ”

ชายวัยกลางคนเดินออกมา เขามีผมสีทอง คิ้วหนา ใบหน้ามีขนยาวขึ้นดก

“ดูท่าทางจะไม่ใช่คนจีนนะ” หน้าหนวดหัวเราะหึ แต่ก็ไม่แยแส “สงสัยภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ ตระกูลลู่จะไปขอให้พวกฝรั่งมาช่วย”

ชายต่างชาติคนนั้นตอบกลับเป็นภาษาจีนคล่องแคล่ว “ฉันชื่อปีเตอร์ มารับท่านลู่กลับบ้าน”

“ดูแล้วพวกนายคงรู้จักสถานะของท่านลู่ดีอยู่แล้ว สำหรับเมื่อตอนบ่ายที่พวกนายใช้ท่านลู่เป็นตัวประกันเพื่อหลบหนี ฉันขอเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ไม่เอาผิดกับพวกนาย”

ปีเตอร์พูด “แต่แน่นอนว่า พวกนายจะต้องส่งตัวท่านลู่คืนมาแต่โดยดี”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท