NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 666 ฟีนิกซ์แข็งแกร่งขึ้น

บทที่ 666 ฟีนิกซ์แข็งแกร่งขึ้น

ในเวลานี้ ลุงเฉียนนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา ดูสงบและผ่อนคลาย แต่จริงๆ แล้วเขาแป็นกังวลมาก

ระยะเวลาทั้งคืน ลูกชายของท่านลู่ ลู่เฟย น่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว?

ไอ้คนที่ชื่อลู่เฟยคนนี้ ไม่ใช่บุคคลธรรมดา

ตระกูลลู่เป็นเพราะมีลู่เฟยอยู่ ตระกูลลู่ถึงสง่าขนาดนี้ได้ ตลอดทั้งวันใช้ชีวิตอิทธิพลมืดที่สโมสรเจียงหนาน เพลิดเพลินกับชีวิตที่แสนสุขและผ่อนคลาย

สำหรับตระกูลลู่ที่ใหญ่ขนาดนี้ ลู่เฟยไม่เพียงควบคุมดูแลได้อย่างเป็นระเบียบ และยังทำให้ตระกูลลู่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างมั่งคง

“มีข่าวดี?”

ได้ยินว่ามีข่าวดี สายตาที่เหนื่อยล้าของลุงเฉียน สว่างขึ้นทันที

“ลูกพี่ใหญ่กับส้าวส้วยจะกลับมาแล้ว?”

เวลานี้สำหรับลุงเฉียน ข่าวดีเรื่องเดียว น่าจะเป็นการกลับมาของหลอซ่ากับส้าวส้วย

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ใช่เรื่องนี้”

ได้ยินแบบนั้น สายตาที่สว่างของลุงเฉียนหายไปทันที สิ่งที่เข้ามาแทน คืออาการเดิมก่อนหน้านั้น

“แล้วยังมีข่าวดีอะไรอีกเหรอ?”

ลุงเฉียนพูดออกมาอย่างหมดแรง

“หรือนายจะมาบอกฉัน นายหารักแท้เจอแล้ว?” ลุงเฉียนเหลือบไปมองโหจื่อ แล้วพูดออกมา

ใบหน้าของโหจื่อ พูดอะไรไม่ออก: “เหล่าเฉียน ลุงทำแบบนี้ก็ไม่มีความหมายสิ แอบฟังเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้ไง!”

“ยังจะเรื่องส่วนตัวอีก?นายลืมไปแล้วเหรอ ทั้งรีสอร์ต นอกจากห้องน้ำแล้ว ทุกที่เต็มไปด้วยกล้องวงจร ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในรีสอร์ต ไม่รอดพ้นสายตาของคนแก่อย่างฉันคนนี้หรอก” ลุงเฉียนพูดออกมา: “ฉันก็ไม่อยากดู,ก็แค่……”

“พอแล้ว ฉันกับคุณหนู่ใหญ่ตระกูลฉิน ก็แค่เล่นๆ เท่านั้นเอง เมื่อคืนฉันช่วยเหลือเธอ เธอตอบแทนฉัน ก็แค่นั้นเอง”

“ลุงเฉียน อย่าคิดมาก”

โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียน แล้วอธิบายออกมา

“เคอๆ คิดมากอะไรกัน ถึงแม้พวกนายจะอยู่ด้วยกัน ก็ไม่เห็นมีอะไรไม่ดี” ลุงเฉียนพูดแล้วยิ้มออกมา

“ทำแบบนั้นไม่ได้ อย่าว่าแต่ฉินหยีหรันเป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงเลย ถึงแม้เธอจะเป็นสาวโสด ฉันก็คบกับเธอไม่ได้ อย่าลืมสิ องค์หญิงYavin ยังรอฉันอยู่”

โหจื่อพูดออกมา

ลุงเฉียนเหลือบไปมองโหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “นายอย่าฝันเลย องค์หญิงYavinจะแต่งงานกับนายได้ยังไง นายอย่าเพ้อฝันไปเองฝ่ายเดียวเลย”

“ช่างมันเหอะ เรามาคุยเรื่องจริงจังกันเถอะ รีบพูดให้ฉันฟังสิ ขาวดีของนาย มันคืออะไรกันแน่?” มองไปที่โหจื่อ ลุงเฉียนถามออกมา

โหจื่อหัวเราะเหะๆ แล้วเดินสองสามก้าวเพื่อไปหาลุงเฉียน: “พูดออกมา ลุงต้องไม่เชื่อแน่นอน”

“เมื่อคืน ลุงทายดูสิว่าฉันเจอใคร?” โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียนเพื่อให้เขาทาย

ลุงเฉียนมองไปที่โหจื่ออย่างสนใจ แล้วถามออกมาว่า: “เจอใครเหรอ?”

“ฉันเจอฟีนิกซ์”

โหจื่อหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าเมื่อคืนจะเจอเธอ”

“เมื่อคืนฉันตามคุณชายเล็กไปช่วยสองพี่น้องตระกูลฉิน ฟีนิกซ์ออกมาขัดขวางกลางทาง และบีบฉันไปถึงทางตัน ทำให้แผนการช่วยเหลือของฉันชะงัดและล้มเหลวไปชั่วคราว ยังดีที่มู่หรงฉางเฟิงประมาท เลยตกอยู่ในมือของฉัน สุดท้าย ฉันใช้มู่หรงฉางเฟิงเป็นตัวประกัน แลกคุณหนูทั้งสองคนของตระกูลฉินกลับมาได้

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ ลุงเฉียงขมวดคิ้วเข้าหากัน พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า: “นี่คือข่าวดีที่นายจะมาบอกฉันอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่แน่นอน” โหจื่อส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “ข่าวดีที่ฉันจะพูดกับลุงก็คือ เมื่อคืนฉันรู้มาจากปากของมู่หรงฉางเฟิง เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฟีนิกซ์”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สายตาของลุงเฉียง สว่างขึ้นมาทันที

“ตัวตนที่แท้จริงของฟินิกซ์เหรอ?เธอไม่ใช่เด็กกำพร้าหรอกเหรอ?ทำไม หรือเธอปิดบังตัวตนของตัวเอง?” ลุงเฉียนมองโหจื่อด้วยสายตาหนักใจ แล้วถามออกมา

“ฟีนิกซ์ไม่เพียงไม่ใช่เด็กกำพร้า และฐานะของเธอนั้น ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ลุงเฉียน ถึงแม้ฉันจะให้โอกาสลุงหนึ่งร้อยครั้ง ลุงก็ทายไม่ถูกหรอกว่าฟีนิกซ์คือใคร!”

โหจื่อหึออกมา หัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ชื่อจริงของเธอคือตงฟางหวั่นเอ๋อ ความจริงแล้ว เธอคือคนของตระกูลตงฟาง

สีหน้าของลุงเฉียง ซีดเซียวลงทันที

จากนั้น ลุงเฉียงเงียบไปนานมาก หลังจากผ่านไปสักพัก สีหน้าของลุงเฉียน ค่อยๆ สงบนิ่งเหมือนเดิม

ลุงเฉียนหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ตอนแรกเห็นเธอน่าสงสาร เจออุบัติเหตุร้ายแรง พวกเราจึงช่วยเหลือเธอ ดูแล้ว อุบัติเหตุครั้งนั้น น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองเสียมากกว่า”

“พวกเราเห็นเธอน่าสงสาร จึงไม่ได้ตรวจสอบประวัติของเธอ” ลุงเฉียนถอนหายใจออกมา ดูเหมือนจะเสียใจไม่น้อย

“ช่างมันเหอะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะตรวจสอบยังไง ก็คงตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้ ตระกูลตงฟางลงทุนใหญ่ขนาดนั้นเพื่อส่งเธอมาอยู่กับพวกเรา แสดงว่าพวกเขาได้ทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว ตอนแรกพวกเราก็เคยไปสอบถาม เจ้าของสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้น และเด็กกำพร้าที่อายุเท่าเธอ ล้วนรู้จักฟีนิกซ์กันทั้งนั้น ไม่แน่ ฟีนิกซ์อาจเป็นคนของตระกูลตงฟางที่เติบโตในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นได้ นิสัยของเธอนั้น เป็นคนเก็บตัว และชอบเอาชนะ ทั้งหมดนี้ เป็นนิสัยของเด็กที่โตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากันทั้งนั้น”

โหจื่อพูดออกมาว่า: “ก็แค่ คิดไม่ถึง ว่าตระกูลตงฟางสังเกตพวกเรามานานขนาดนี้แล้ว”

ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ใช่ไง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนของตระกูลตงฟาง ที่แท้ เมื่อไม่นานไม่นี้ ก็ได้จัดคนแทรกซึมเข้ามาภายในของพวกเรา และเวลานานขนาดนี้ พวกเรากลับไม่มีรู้ตัวเลย”

“เคอๆ แม้ว่าจะไม่มีการทรยศจากไอ้เฒ่าตระกูลฉิน ตัวตนของพี่ใหญ่ ก็ต้องถูดเปิดเผยออกมา” ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ หรือซ้อใหญ่ ก็คิดไม่ออก ว่าทำไม จู่ๆ ฟีนิกซ์ก็ทรยศพวกเรา”

“พวกเราก็เคยทบทวนดูแล้วเหมือนกัน หลายปีมานี้ พวกเราไม่เคยทำเรื่องอะไรผิดต่อฟีนิกซ์ ไม่มีเหตุผล ที่เธอจะทรยศเรา”

“หลังจากที่เธอทรยศแล้ว กระสุนหนึ่งนัดห้าแสนหยวน ชื่อของฟีนิกซ์ ก็โด่งดังในโลกแห่งอิทธิพลมืด เวลานั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่า การทรยศของฟีนิกซ์เป็นเพราะเงิน แต่ลองตรึกตรองอย่างละเอียดแล้ว ฟีนิกซ์เป็นผู้หญิงที่หยิ่งมาก จะเห็นแกเห็นได้ยังไงกัน?”

ลุงเฉียนพูดขึ้นว่า: “สงสัยมาหลายปี คิดไม่ถึง ว่าวันนี้จะได้คำตอบ”

“ที่แท้ เธอคือคนของตระกูลตงฟางนั่นเอง”

“ใช่แล้ว ตงฟางหวั่นเอ๋อ ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่ลึกลับที่สุด และเป็นคนเดียวของตระกูลตงฟาง ที่เปิดเผยตัวในตอนนี้” โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียน แล้วพูดขึ้นว่า: “ดูแล้ว สี่ตระกูลใหญ่ที่จัดการยากที่สุด น่าจะเป็นตระกูลตงฟาง”

“ใช่แล้ว ศัตรูที่หลบอยู่ข้างหลัง น่ากลัวที่สุด ถ้าขุดพวกเขาออกมาได้ ก็จะไม่มีอะไร ฉันได้ข่าวจากท่านลู่ ก็พอทราบข่าวคราวอะไรมาบ้าง คนของตระกูลตงฟางคนนี้ พวกเราเคยเห็นมาก่อน”

มองไปที่โหจื่อ ลุงเฉียนพูดขึ้นว่า: “ดังนั้น คนของตระกูลตงฟาง ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่แค่เปลี่ยนฐานะ แอบซ่อนตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเรานั่นเอง”

“คนของตระกูลตงฟาง ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเธอชำนาญที่สุด ก็คือซ่อนเร้นตัวตนของตัวเอง

ลุงเฉียนหัวเราะเคอๆ ออกมา จากนั้นเย็นถึงกระดูกสันหลังแล้วพูดขึ้นว่า: “อีกอย่าง เวลาผ่านนานขนาดนี้ ถือว่าไม่เคยมีจุดบกพร่องอะไรหลุดมาให้เห็นเลย”

“โชคดีที่ฉันไม่เคยให้เธอสัมผัสหน่วยมืดเลย ไม่เช่นนั้น ผลที่ตามมาต้องหายนะแน่ๆ” ลุงเฉียนส่ายหัวแล้วพูดออกมา

“แล้วตอนนี้ฟีนิกซ์อยู่ไหน?”

ลุงเฉียนมองไปที่โหจื่อ ถามออกมาว่า: “ฉันได้ยินพี่ใหญ่พูด ครั้งก่อนพี่ใหญ่เคยเจอเธอ แต่ว่า เธอหลบหนีไปได้”

“ลูกพี่ใหญ่ต้องจงใจปล่อยเธอไปแน่ แต่ฝีมือของฟีนิกซ์ก็พัฒนาขึ้นมามาก แต่ฉันเชื่อว่า ถ้าลูกพี่ใหญ่ต้องการจะจับเธอจริงๆ เธอไม่สามารถหลบหนีไปได้หรอก

โหจื่อหัวเราะเคอๆ พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “เธอก็เป็นแค่ยิงปืนเท่านั้นเอง”

ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “อย่าดูถูกเธอ หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ ฉันเคยสืบหาตัวของฟีนิกซ์ แต่ก็สืบข่าวได้ไม่เยอะ เบาะแสเดียวที่มี คือเคยปรากฏตัวที่สนามมวยมืด ได้ยินมาว่าสองปีก่อน ที่สนามมวยมืดมีหญิงสาวรูปร่างดีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอสวมหน้ากากฟีนิกซ์ และแชมป์มวยในสนามมวยมืดนั้น ถูกเธอตีจนตาย”

“หลังจากนั้น ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลบย ฉันสงสัย คนที่ตีแชมป์มวยจนตายคนนั้น ก็คือฟีนิกซ์นั่นเอง” ลุงเฉียนพูดออกมา

โหจื่อหรี่ตาลง ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า: “เธอแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอ?ฉันยังจำได้ ตอนที่เธอเพิ่งมาใหม่ๆ นั้น เป็นแค่เด็กสาวที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยคนหนึ่ง ตอนนั้นฉันกับส้าวส้วยชอบแกล้งเธอประจำ”

“คิดไม่ถึง ว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นขึ้นขนาดนี้แล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท