NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 679 เหมิงเหมิงหนีไปแล้ว

บทที่ 679 เหมิงเหมิงหนีไปแล้ว

“งั้นฉันก็จะเป็นแฟนสาวของเขา” เหมิงเหมิงก็ตอบไปตามคำถามของหลี่ฝาง

พอพูดจบ เหมิงเหมิงก็รู้สึกตัวว่าถูกหลี่ฝางอำแล้ว

“ฉันตกหลุมพรางคุณแล้ว!” เหมิงเหมิงทำตาขมึงใส่หลี่ฝาง

หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วพูดว่า “นี่คุณพูดเองนะ ทุกคนได้ยินหรือยัง ถ้าหลี่ซ่วยซ่วยเสกดอกไม้ในมือขึ้นมาได้ งั้นเหมิงเหมิงก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ มาเป็นเพื่อนสาวของหลี่ซ่วยซ่วย”

“พวกเราได้ยินหมดแล้ว เรื่องนี้บิดพลิ้วไม่ได้เลย”

“ถูกต้องแล้ว คำพูดของผู้หญิง พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”

หวางเสี่ยวโก๋และเลี่ยวข่ายรีบพูดเสริม มองหน้าเหมิงเหมิงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

เหมิงเหมิงขมวดคิ้ว แล้วโกรธจนกระทืบเท้า “เอาล่ะ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ในมือของหลี่ซ่วยซ่วยจะเสกดอกไม้ให้ฉันได้ยังไง”

“หลี่ซ่วยซ่วย คุณเสกเลย เสกออกมาได้ฉันก็จะเป็นแฟนคุณ”

“เมื่อกี้ดอกไม้ในมือของหลี่ฝาง ได้ใส่ไว้ในแขนเสื้อของตัวเองล่วงหน้าก่อนแล้ว ส่วนคุณล่ะ คุณวันนี้ใส่เสื้อแขนสั้น……” เหมิงเหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ฉันก็อยากดูเหมือนกันว่าคุณเสกได้ยังไง”

ที่จริงแล้ว เหมิงเหมิงไม่ใช่ว่าไม่อยากเป็นแฟนกับหลี่ซ่วยซ่วย เพียงแต่ว่าเธอไม่ชอบหน้าหลี่ฝาง ไม่อยากให้หลี่ฝางแกล้งเธอต่างหาก

ท่าทางของหลี่ซ่วยซ่วย ดูเหมือนว่ายังลังเลอยู่เล็กน้อย เขายืนขึ้นมา มองหน้าเหมิงเหมิงสักพักใหญ่ หลี่ฝางก็ทำตาขมึงใส่หลี่ซ่วยซ่วย “แกจะมายืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ รีบเสกเร็วสิ”

“นั่นสิ เวลานี้แล้ว ยังมายืนบื้อทำไมล่ะ?” หวางเสี่ยวโก๋ก็พูดเสริมขึ้น

เลี่ยวข่ายก็เลยหลักไหล่ทั้งสองข้างของหลี่ซ่วยซ่วย ให้เดินไปตรงหน้าเหมิงเหมิง

เมื่อมาถึงตรงหน้าเหมิงเหมิงแล้ว หลี่ซ่วยซ่วยก็คุกเข่าลง

ฉากนี้ ทำให้คนทั้งห้อง ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“คุณนี่จะทำอะไรกันน่ะ ทำไมต้องคุกเข่าลงด้วย” เหมิงเหมิงมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วย ก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ

“คุกเข่าข้างเดียวก็พอแล้ว แกทำไมถึงคุกเข่าทั้งสองข้างเลยล่ะ”

เลี่ยวข่ายพูดพลางรีบดึงหลี่ซ่วยซ่วยไว้

หลี่ซ่วยซ่วยพูดอย่างเคอะเขินว่า “แต่ฉันไม่รู้ว่าจะคุกเข่าข้างไหนนี่ ช่างมันเถอะ ไหนๆก็คุกเข่าลงแล้ว ยังไงก็เป็นผู้หญิงที่ฉันชอบ ไม่ขายหน้าหรอก”

“ถ้าเธอตกลง ไม่แน่ต่อไปข้างหน้าอาจจะเป็นเมียฉันในอนาคตก็ได้”

“ที่บ้านเกิดฉัน คุกเข่าให้กับเมีย เป็นเรื่องธรรมดามาก” หลี่ซ่วยซ่วยพูดด้วยหน้าตาซื่อๆ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าเหมิงเหมิงก็ยิ่งเขินมากขึ้น เธอมองค้อนหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูดด้วยสีหน้าเอียงอายว่า “ใครอยากจะเป็นเมียคุณ”

“เราสองคนจะคบหากันได้หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเลย คุณไม่ใช่บอกว่าจะเสกดอกไม้ให้ฉันเหรอ ไหนล่ะดอกไม้?”

ขณะที่เหมิงเหมิงพูดอยู่นั้น หลี่ซ่วยซ่วยก็แบมือตัวเองออก สร้อยข้อมือเล็กๆเส้นหนึ่ง ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเหมิงเหมิง

อีกทั้งสร้อยข้อมือเส้นนี้ ก็ประดิษฐ์ขึ้นด้วยดอกไม้เรียงรายกันหลายๆดอก

ทันใดนั้น เหมิงเหมิงก็พูดอะไรไม่ออก ส่วนหลี่ฝางก็รีบพูดขึ้นว่า “เหมิงเหมิง เห็นเหรอยัง นี่ไม่ใช่ดอกไม้แค่ดอกเดียวนะ คุณกล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ยอมเป็นแฟนสาวของหลี่ซ่วยซ่วยของพวกเราแล้วยังล่ะ?”

“หลี่ซ่วยซ่วย แกยังยืนงงอยู่ทำไมล่ะ รีบสวมให้แฟนสาวแกสิ” เลี่ยวข่ายพูดหลางตบไหล่หลี่ซ่วยซ่วย

หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้า จ้องมองเหมิงเหมิงแล้วถามว่า “เหมิงเหมิง คุณยอมเป็นแฟนฉันหรือเปล่า? คุณวางใจนะ ต่อไปนี้ฉันจะดีกับคุณตลอดไป”

“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันก็จะไม่จากคุณไปไหน ก็จะไม่ทรยศคุณอย่างแน่นอน”

ขณะที่ทุกคนคิดว่าเหมิงเหมิงจะต้องตอบตกลงแน่นอน แต่ทันใดนั้นเหมิงเหมิงก็ลุกขึ้นมา จากนั้นก็เอามือปิดปากไว้ แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง

หลี่ฝางมองเห็นเหมิงเหมิงเหมือนกำลังร้องไห้ ส่วนลู่หลุ่ยก็รีบวิ่งตามออกไป หลี่ซ่วยซ่วยรู้สึกแตกตื่นมาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นผิดหวังอย่างมาก

ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซ่วยซ่วย หรือว่าพวกหลี่ฝาง ต่างก็รู้สึกว่าเหมิงเหมิงได้ตอบรับรักหลี่ซ่วยซ่วยแล้ว

ส่วนความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนั้น ขาดเพียงแค่รูปแบบขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น ก็สามารถที่จะตกลงยอมรับกันได้แล้ว อีกทั้งหลี่ฝางก็ยังเตรียมการเรื่องนี้ไว้อย่างรอบคอบ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายเหมิงเหมิงกลับเดินหนีจากไป

หลังจากผ่านไปแล้วประมาณ5นาที หลี่ฝางก็วิ่งออกมาข้างนอก แต่ในเวลานั้นเอง ลู่หลุ่ยก็กำลังเดินกลับมาเพียงคนเดียว หลี่ฝางเจอกับลู่หลุ่ยพอดี จึงถามว่า “แล้วเหมิงเหมิงล่ะ?”

“เธอกลับไปแล้ว” ใบหน้าของลู่หลุ่ย ดูเหมือนเต็มไปด้วยความลับในใจ

“นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่? เหมิงเหมิงเป็นอะไรไปล่ะ หรือว่าเธอไม่ชอบหลี่ซ่วยซ่วย? ต่อให้ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องถึงขนาดต้องวิ่งหนีออกไป อีกอย่างถ้าไม่ชอบแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอทำไมถึงสนิทสนมกับหลี่ซ่วยซ่วยล่ะ อีกทั้งเมื่อกี้ฉันก็เห็นเหมิงเหมิงดูเหมือนกำลังร้องไห้ด้วยนะ” หลี่ฝางถามอย่างไม่เข้าใจ

ลู่หลุ่ยส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่ใช่เหมิงเหมิงไม่ชอบหลี่ซ่วยซ่วย แล้วก็ไม่ใช่ว่าเหมิงเหมิงยอมรับหลี่ซ่วยซ่วยไม่ได้ เพียงแต่ว่า…..เหมิงเหมิงกลัวว่าหลี่ซ่วยซ่วยจะยอมรับเธอไม่ได้ต่างหาก”

“นี่มาล้อเล่นอะไรกัน ไม่เห็นเหรอว่าหลี่ซ่วยซ่วยคุกเข่าให้เธอแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างโมโหว่า “ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ไม่ต้องเอาเรื่องอะไรมาอ้างเลย? ฮึๆๆ”

หลี่ฝางแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “เสแสร้งกว่าการทำตัวเป็นคนดีเสียอีก”

ลู่หลุ่ยลังเลอยู่สักพัก มองดูหลี่ฝางที่อยู่ข้างหลัง แล้วพูดว่า “เอาเถอะ ฉันจะพูดความจริงให้คุณรู้ก็แล้วกัน เหมิงเหมิงเธอตั้งท้องแล้ว เมื่อวานเพิ่งไปตรวจมา น่าจะเป็นของหลิวจินหยาง ยังไม่ได้ไปทำแท้งเลย ท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว ช่วงนี้ประจำเดือนของเธอไม่มาเลย ก่อนหน้านี้เธอนึกว่าน่าจะมาช้า แต่ว่าเธอแอบไปตรวจมา ก็รู้ว่าตัวเองตั้งท้องแล้ว”

“ไม่กี่วันมานี้ เหมิงเหมิงได้แต่กินส้มจี๊ด แล้วกินครั้งหนึ่งก็ 10 กว่าลูก พวกเรายังพูดเล่นกันอยู่เลย ว่าเธอท้องหรือเปล่า ไม่นึกเลยว่าคำล้อเล่นจะกลายเป็นความจริงไปแล้ว”

ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณว่าเรื่องนี้ถ้าให้หลี่ซ่วยซ่วยรู้แล้ว หลี่ซ่วยซ่วยยังจะต้องการเหมิงเหมิงอีกหรือเปล่า?”

ในเวลานี้หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ความจริงแล้วหลี่ฝางอยากจะพูดว่า ให้เหมิงเหมิงปิดบังหลี่ซ่วยซ่วยดีกว่า อย่างน้อยคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีไม่กี่คน แล้วค่อยไปทำแท้งอย่าเงียบๆ ขอเพียงลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางไม่พูดออกมา ก็จะไม่มีใครรู้

แต่ว่า หลี่ฝางรู้สึกว่าถ้าทำเช่นนั้นแล้ว งั้นหลี่ซ่วยซ่วย ก็จะไม่กลายเป็นแพะรับบาปไปเหรอ?

หรือว่า หลี่ซ่วยซ่วยควรจะมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องนี้ แน่นอน หลี่ฝางจะไม่ไปพูดเด็ดขาด

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทำไมถึงได้กลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้ ไม่รู้จะพูดยังไงดี”

“ใช่แล้ว ฉันก็นึกไม่ถึง เหมิงเหมิงตัวเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น ก็ท้องได้เลย วันนี้เหมิงเหมิงไปโรงพยาบาลหาหมอ หมอบอกว่าเด็กยังเล็กมากเลย จึงไม่อยากให้เธอเอาออกตอนนี้ ให้ดีต้องผ่านไปอีก 10 กว่าวันแล้วค่อยไป ถ้าเป็นอย่างนั้น จะทำได้สะดวกยิ่งขึ้น……เฮ้ย เมื่อกี้เหมิงเหมิงยังพูดเลยว่า ถ้าเด็กคนนี้เป็นของหลี่ซ่วยซ่วยจะดีขนาดไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปเอาเด็กออกเลย”

“ถึงเวล ก็แต่งงานได้เลย เหมิงเหมิงก็อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว อายุเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว”

“ไปจดทะเบียนเด็กคนนี้เป็นลูกได้เลย” ลู่หลุ่ยพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองดูลู่หลุ่ยแล้วถามว่า “คราวนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ? เหมิงเหมิงก็หนีไปแล้ว ตอนนี้หลี่ซ่วยซ่วยคงเสียใจมากเลย เธอไม่พูดอะไรสักอย่าง หลี่ซ่วยซ่วยต้องคิดว่าเหมิงเหมิงไม่ชอบเขาอย่างแน่นอน…….”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่ว่าถ้าหากทำตามที่เหมิงเหมิงต้องการ เธอไม่อยากโกหกหลี่ซ่วยซ่วย เดาว่าเธอคงอยากจะบอกความจริงกับหลี่ซ่วยซ่วยมากกว่า ถึงเวลานั้น ค่อยดูว่าหลี่ซ่วยซ่วยจะทำยังไง ถ้าหลี่ซ่วยซ่วยยอมรับได้ ปมในใจของเหมิงเหมิงก็คงจะจางหายไป แต่ถ้าไม่สามารถยอมรับได้ ก็ถือว่าไม่มีวาสนาต่อกันก็แล้วกัน” ลู่หลุ่ยพูดอย่างจนหมดหนทาง

“เฮ้ย ฉันก็กลัวเหมือนกัน” ลู่หลุ่ยถอนหายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“คุณกลัวอะไรล่ะ” หลี่ฝางถาม

ลู่หลุ่ยมองค้อนหลี่ฝางแล้วพูดว่า “คุณว่าฉันกลัวอะไรล่ะ? คราวหน้าถ้าเหมิงเหมิงไปโรงพยาบาลอีก ฉันก็จะไปตรวจดูด้วย”

หลี่ฝางกอดลู่หลุ่ยไว้แล้วพูดว่า “พวกเราไม่ต้องกลัวหรอก”

“อย่างน้อยคุณก็เป็นลูกสะใภ้ที่พ่อฉันจองเอาไว้แล้ว ต่อให้มีแล้ว ก็เป็นเรื่องที่สมควรจะยินดีด้วย” หลี่ฝางเพิ่งพูดจบ จากนั้นหลี่ซ่วยซ่วยก็เดินออกมา

หลี่ซ่วยซ่วยมองดูลู่หลุ่ยแล้วถามว่า “เหมิงเหมิงเธอ………”

“เธอไม่ค่อยสบาย ดังนั้นจึงขอตัวกลับไปก่อน หลี่ซ่วยซ่วย คุณอย่าเข้าใจผิดนะ เหมิงเหมิง……..”

ยังไม่ทันรอให้ลู่หลุ่ยพูดจบ หลี่ซ่วยซ่วยก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ลู่หลุ่ย คุณไม่ต้องพูดหรอก ฉันเข้าใจดีทุกอย่างแล้ว ฉันก็ไม่ใช่คนโง่ แล้วก็ไม่ใช่คนตาบอดด้วยเมื่อกี้เหมิงเหมิงร่างกายยังดูสบายดีอยู่เลย แล้วทำไมไม่สบายขึ้นมากะทันหันอย่างนี้ล่ะ ฉันคงทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าผู้คนล่ะมั้ง? ฮ่าๆๆ ฉันผิดเอง มันก็เหมือนดอกฟ้ากับหมาวัด เหมิงเหมิงเป็นหญิงสาวหน้าตาดีขนาดนี้ จะมาชอบคนเฉิ่มๆอย่างฉันได้ยังไงกัน”

“เป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะขบขัน”

หลี่ซ่วยซ่วยยิ้มแห้งๆ กลับไปที่ห้องจองพิเศษนั้น แล้วรินเหล้าขาวดีกรีสูงมาแก้วหนึ่ง ดื่มจนหมดแก้ว “ลูกอมมงคลของฉันไม่ได้กินกันแล้ว เตรียมมาเสียเปล่า”

หลี่ซ่วยซ่วยพูดพลางเอาลูกอม 2 หอในกระเป๋าออกมา แล้วโยนทิ้งลงถังขยะทั้งหมด

ถึงแม้ว่าหลี่ซ่วยซ่วยยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ใครๆก็รู้ว่า ในเวลานี้เขาควรจะร้องไห้มากกว่า

สีหน้าของหวางเสี่ยวโก๋และเลี่ยวข่าย ก็แลดูไม่สู้ดีนัก

แต่เรื่องอย่างนี้ เพียงแค่คำปลอบใจไม่กี่คำ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก หวางเสี่ยวโก๋แย่งขวดเหล้าขาวในมือของหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูดว่า “เล่นอะไรกันล่ะ เหล้าแพงขนาดนี้ แกคิดอยากดื่มคนเดียวเหรอไง ไม่ได้หรอกนะ!”

หวางเสี่ยวโก๋รู้ว่าหลี่ซ่วยซ่วยดื่มเหล้าแล้วจะเป็นภูมิแพ้ ถ้าดื่มมากไปก็จะมีอาการแพ้แอลกอฮอล์อย่างรุนแรง จึงเอาเหล้าที่เหลือในขวด เทลงไปในแก้วตัวเองจนหมด

ทั้งสองแก้วนั้น รินจนเต็มๆ หวางเสี่ยวโก๋หัวเราะ “คืนนี้ พี่น้องก็จะดื่มเป็นเพื่อนแกทั้งคืนเลย”

หวางเสี่ยวโก๋เม้มปากเล็กน้อย มือทั้งสองก็ยกแก้วเหล้าสองแก้วขึ้นมา แล้วกรอกลงไปในท้องจนหมด ขณะเดียวกันก็ด่าทอด้วยความโมโหว่า “ก็แค่ผู้หญิงเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? หลี่ซ่วยซ่วยแกไม่ต้องกลัวหรอก รอให้วันหลังพวกเรารวยก่อน อยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็หาได้ทั้งนั้นแหละ”

“ไม่ตกลงก็เลิกราไป ยังมีที่ดีกว่านี้รอแกจะอยู่นะ”

หลังจากหวางเสี่ยวโก๋ดื่มหมดแล้ว เหงื่อบนใบหน้าก็ไหลหยดลงมา

ถึงแม้หวางเสี่ยวโก๋จะดื่มเหล้าเก่งก็ตาม แต่ก็สู้ไม่ไหวกับวิธีการดื่มแบบนี้ ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็แดงก่ำ กอดคอหลี่ซ่วยซ่วยไว้ แล้วเมาหลับสลบก่อนเป็นคนแรก

“เลี่ยวข่าย ลู่เชา ช่วยดูแลสองคนนั้นด้วย งานเลี้ยงเลิกแล้วนะ ฉันมีธุระต้องไปจัดการหน่อย”

“หยู่ซวน แกส่งลู่หลุ่ยกลับไปด้วยนะ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการหน่อย”

หลี่ฝางส่ายหน้า พูดพลางมองดูโทรศัพท์ที่เฉินฝูเซิงโทรมาหา 2 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับ

ลู่หลุ่ยจับแขนของหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คุณคิดจะไปทำอะไรอีกเหรอ? ฉันไม่รู้ล่ะ ไม่ว่าคุณจะไปไหน คืนนี้คุณจะต้องพาฉันไปด้วย……..”

“ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ คุณก็หยุดเล่นได้แล้ว” หลี่ฝางดึงแขนของลู่หลุ่ยออกไป

“แต่ว่าถ้าคุณต้องไปจัดการหลายวัน อาจจะเป็นอาทิตย์ ก็ยังไม่กลับมาหาฉันล่ะ? คุณเพิ่งกลับมา แล้วก็จะต้องไปจัดการเรื่องงานอีก หรือคุณไม่คิดที่จะพาฉันไปด้วยล่ะ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนคุณไม่ได้เหรอ? คุณรู้หรือเปล่า เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมีน้อยแต่เวลาจากกันมีมากอย่างนี้ จะทำให้รู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเลยนะ”

ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อีกอย่าง คุณจะไม่ปกป้องฉันมั่งเลยเหรอ?”

หลี่ฝางเม้มปากแล้วคิดว่า คราวนี้ก็ไม่ได้ไปเผชิญหน้ากับพวกศัตรูที่ร้ายกาจอะไร ก็เพียงแต่ไปจัดการเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จึงพยักหน้าตอบตกลงว่า “งั้นก็ได้ คุณอยากจะตามมา ก็ตามมาสิ”

“งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ลู่หลุ่ยก็ยิ้มด้วยความพอใจ

ส่วนถังหยู่ซวนเดินเข้ามา มองดูลู่เชาแล้วพูดว่า “พวกแกอยู่ต่อที่นี่ก่อน วันหลังพวกเราค่อยเจอกันนะ”

ล่ำลากันเสร็จแล้ว หลี่ฝางก็จะกลับแล้ว ก่อนกลับนั้น หลี่ซ่วยซ่วยก็ยังเข้ามาดึงหลี่ฝางไว้ หลี่ฝางยื้อกับเขาไม่ไหว จึงได้ดื่มต่ออีกหลายแก้ว ถึงจะหนีพ้นเงื้อมมือของหลี่ซ่วยซ่วยออกมาได้

เมื่อเดินออกมาจากโรงแรม เมื่อถูกลมพัดมา หลี่ฝางรู้สึกว่าสมองตัวเองมึนๆงงๆ

เวลานี้เอง โทรศัพท์ของเฉินฝูเซิง ก็โทรมาอีกครั้งหนึ่ง หลี่ฝางจึงรีบเปิดประตูรถ เข้าไปนั่งในรถ แล้วเอากุญแจรถให้กับถังหยู่ซวน ให้เขาช่วยขับรถ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท