“ลูกพี่”
เมื่อเห็นโทรศัพท์จากแมงป่อง ร่างของสวีเจ๋ ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
สวีเจ๋รู้ดี ถ้าเกิดหลี่ฝางจากไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่าตัวเองได้ทำให้เรื่องนี้ล้มเหลวไปแล้ว ลูกพี่ของตัวเอง จะต้องโกรธแน่ ๆ เลย
นี่ก็กำลังจะตำหนิตัวเองแน่เลย……
สวีเจ๋ไม่กล้าที่จะรับสายลูกพี่ของตัวเอง เพราะว่าเขารู้ ที่รอตัวเองอยู่นั้น ก็คือความโกรธเกรี้ยวดั่งสายฟ้าฟาดของลูกพี่แมงป่อง
สวีเจ๋มองไปที่หลี่ฝาง ถือโอกาสที่หลี่ฝางยังไปได้ไม่ไกลนัก เขารีบวิ่งออกไปทันที วิ่งจนไปถึงด้านหน้าของหลี่ฝาง แล้วหอบหายใจอย่างหนัก เขากล่าวกับหลี่ฝาง: “น้องชาย เห็นแก่หน้าฉันหน่อยได้ไหม นายปัดก้นจากไปแบบนี้ ฉันยากจะอธิบายกับลูกพี่แมงป่องได้”
สวีเจ๋ท่าทางรีบร้อนกระวนกระวาย ขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย
หลี่ฝางมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “นายจะทำยากหรือไม่ยาก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ฉันไม่ได้บอกว่าจะพบลูกพี่ของนายสักหน่อย เป็นนายที่พูดเองเออเอง แล้วเรียกเขามาที่นี่”
“นอกจากนี้ เราสองคนพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วเมื่อคืนนายยังลักพาตัวแฟนฉันอีก แถมยังกรรโชกรีดไถเงินฉันไปจำนวนมหาศาล พูดตามตรงแล้ว ระหว่างพวกเราไม่ได้มีมิตรภาพต่อกันเลย ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย นายว่าไหมล่ะ?”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ พอพูดจบเขาก็เดินต่อไป
และในตอนนั้นเองสวีเจ๋ก็ยื่นมือออกไปดึงแขนของหลี่ฝางเอาไว้: “น้องชาย เรื่องเมื่อคืน ถือว่าฉันผิดแล้วได้ไหมล่ะ เอาอย่างนี้ ฉันขอโทษแฝนของนาย นอกจากนี้ ดอกเบี้ยของหวางเหมียวที่เก็บเกิน ฉันจะให้นายโดยไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว ขอร้องนายล่ะ พบกับลูกพี่ของฉันหน่อย”
“ถ้านายจากไปแบบนี้ ฉันจะต้องจบเห่แน่เลย”
สวีเจ๋รู้จักนิสัยของลูกพี่ของตัวเองดี ถ้าหากหลี่ฝางจากไปแล้ว เช่นนั้นไฟโทสะที่สุมอยู่ในใจของแมงป่อง จะต้องสุมลงที่ตัวของเขาอย่างแน่นอน
พอถึงเวลานั้น เบาหน่อยก็ถูกต่อยสักยก และถ้าหนักหน่อย มีความเป็นไปได้สูงที่ต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วน หรือแม้แต่อาจถูกไล่ออกไปเลยก็ได้
หรือต่อให้ไม่ถูกไล่ออกไป ในอนาคต ตัวเองก็คงไม่ถูกให้ความสำคัญอีกแล้วล่ะมั้ง?
ดังนั้น สวีเจ๋ไม่อยากให้หลี่ฝางไป ต่อให้ตัวเองต้องควักเงินจากกระเป๋าจ่ายดอกเบี้ยจำนวนแสนห้านั่นก่อน ยังไงก็ต้องรั้งหลี่ฝางเอาไว้ให้ได้
หลี่ฝางส่ายหัว กล่าว: “ดอกเบี้ยนิดหน่อยนั่นฉันไม่สนใจหรอก และยิ่งไม่สนใจลูกพีแมงป่องของพวกนาย”
และในเวลานี้ โทรศัพท์จากแมงป่อง ก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้ง
ร่างของสวีเจ๋สั่นสะท้านอีกครั้ง เมื่อกี้เขาได้ปฏิเสธสายจากแมงป่องไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากยังปฏิเสธอีกล่ะก็ หลังจากเรื่องจบ แมงป่องจะต้องตัดแขนทั้งสองข้างของเขาแน่เลย
สวีเจ๋รับสายจากแมงป่อง อีกด้านของสาย เสียงอันเย็นชาของแมงป่องดังขึ้น: “ทำไม ยังจัดการไม่เรียบร้อยเหรอ?”
“ลูกพี่ ให้เวลาผมอีกนิดหนึ่งนะครับ”
สวีเจ๋ไม่ใช่คนโง่ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าที่หลี่ฝางบอกว่าปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย ต่างก็เป็นเพียงข้ออ้าง
ใช้เหตุผลของหลี่ฝางมาอ้างกับแมงป่อง แบบนั้นยิ่งจะทำให้แมงป่องโกรธมากกว่าเดิม
“ได้ ฉันให้เวลาแกสามนาที สามนาทีนี้ถ้าแกจัดการมันไม่ได้ งั้นฉันจะจัดการแกเอง” พอกล่าวจบ เขาก็ตัดสายทันที
เวลาสามนาที?
แกไม่จัดการมันชั่ว ฉันจะจัดการแก?
สวีเจ๋กลืนน้ำลาย คำพูดพวกนี้ เท่ากับว่าเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายที่ให้กับตัวเอง
สวีเจ๋ที่วางโทรศัพท์ลง ได้พูดกับหลี่ฝาง: “น้องชาย ช่วยฉันหน่อยนะ พบแค่แป๊บเดียว นายไปบอกปฏิเสธกับลูกพี่ของฉันด้วยตัวเอง ได้ไหม?”
หลี่ฝางส่ายหัว: “ปล่อยแขนฉันนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลี่ฝางชะงักงัน ไม่เกรงใจ?
หลี่ฝางส่งสายตาให้กับถังหยู่ซวน ส่วยถังหยู่ซวนก็ได้เตรียมพร้อมนานแล้ว รอแค่คำสั่งจากหลี่ฝางเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็พลันกระโดดออกมา หมัดสอยดาวข้างซ้ายของเขาพุ่งเข้าหาสวีเจ๋ และโดนเข้าที่หน้าของสวีเจ๋เต็ม ๆ
สวีเจ๋โดนต่อยจนของหลังไปหนึ่งเมตร สีหน้าเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมา
“เหอะ ๆ คิดไม่ถึงว่าแกอายุยังน้อย แต่ก็ร้ายกาจไม่เบานี่” สวีเจ๋ยิ้มอย่างดูแคลน และกำหมัดแน่น
“ในเมื่อแกไม่เห็นแก่หน้าฉัน งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลอก้มหัวขอร้องแกอีก ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะฆ่าพวกแกสองคนก่อน” สวีเจ๋กล่าวอย่างเยือกเย็น
ในตอนนี้หลี่ซ่วยซ่วย ตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
สวีเจ๋พูดจบ ก็ตรงเข้ามาทันที เขาสามารถกินข้าวชามนี้กับแมงป่องได้ ไม่ใช่เพราะเขาเลียแข้งเลียขาเป็น และไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย แต่เป็นเพราะเขาสู้เก่ง และโหดเหี้ยมพอ
แมงป่องที่อยู่ในรถ เมื่อเห็นภาพสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างครุ่นคิด: “น่าสนใจจริง ๆ ลงมือกันแล้วด้วย”
“ฉ่างจือ แกว่าไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงไม่ยอมมาพบฉัน” แมงป่องถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ฉ่างจือเป็นคนขับรถของแมงป่อง และเป็นลูกบุญธรรมที่แมงป่องเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก นอกจากจะมีฝีมือการต่อสู้ดีแล้ว ทั้งยังมีไหวพริบเหนือคนอื่น แน่นอนว่า ที่เข้าตาแมงป่องที่สุด คือความจงรักภักดีที่เขามีต่อตัวเอง
“เมืองเอกและอำเภอหลินอยู่ไม่ไกลกัน ขับรถเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง พวกลูกท่านหลานเธอในเมืองเอกที่มีอายุราว ๆ นี้ ต่อให้ไม่เคยมาที่อำเภอหลิน ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของพ่อบุญธรรมอยู่บ้าง ให้ผมเดา ที่ไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นไม่ยอมพบพ่อบุญธรรม จะต้องเป็นเพราะที่บ้านมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับพ่อบุญธรรมอย่างแน่นอน”
ฉ่างจือยิ้มกล่าว
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่านะ ถึงฉันจะมีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วน แต่ก็เคยไม่เป็นศัตรูกับคนมีเงิน ฉันคิดอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว กลุ่มคุณชายผู้ดีในเมืองเอก น่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่เป็นศัตรูกับฉัน”
แมงป่องยิ้ม: “แกขับรถไปข้างหน้าอีกหน่อย ฉันจะดูสิว่า ไอ้หนุ่มผู้ดีคนนี้เป็นใครกันแน่”
ในเมื่อหลี่ฝางไม่ยอมที่จะมาพบแมงป่อง งั้นแมงป่องก็ต้องเป็นฝ่ายมาพบหลี่ฝางเองแล้ว
ฉ่างจือพยักหน้า จากนั้นก็สตาร์ทรถขึ้นทันที หัวใจของหลี่ฝาง สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
แย่แล้ว!
และในขณะเดียวกันนั้ภายในใจของถังหยู่ซวนก็รู้ดี ไม่ว่าจะยังไง จะให้แมงป่องเห็นหน้าหลี่ฝางไม่ได้
“นายน้อย คุณรีบไปก่อน” ถังหยู่ซวนกล่าวกลับหลี่ฝาง
กล่าวไป ถังหยู่ซวนก็คว้าเอามีดออกมา เตรียมที่จะรีบสู้รีบจบ
ส่วนสวีเจ๋นั้นคาดไม่ถึงว่า ถังหยู่ซวนจะต่อยเสมอกันกับตัวเอง
“แม่งเอ๊ย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกมัน”
เมื่อรถขับเข้าใกล้ แมงป่องจำถังหยู่ซวนขึ้นมาได้ทันที และเขาก็รู้แล้วว่าคุณชายผู้ดีที่สวี่เจ๋เอ่ยถึง ก็คือหลี่ฝางนั่นเอง
“พวกมันมาที่อำเภอหลินได้ยังไง?” แมงป่องรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ตัวเองพึ่งจะผูกความแค้นกับหลี่ฝาง โดยทำลายบาร์ของเขา หลี่ฝางคนนี้ ก็ได้บุกมาที่อาณาเขตของตัวเองแล้ว
มาแก้แค้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ามาแกแค้น ทำไมต้องมาเองด้วยล่ะ อีกอย่างข้างกายก็ไม่ได้พาคนมาด้วยมากมายอะไร?
แต่ถ้าไม่ใช่มาล้างแค้น แล้วจะมาที่อำเภอหลินทำไม หมาป่าเข้าถ้ำเสือ?
ไม่นาน แมงป่องฉีกยิ้มหัวเราะขึ้นมา: “ก็ว่าอยู่ว่า ตาข้างซ้ายกระตุกไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กระตุกอยู่ตลอดเลย โบราณว่าไว้ไม่ผิดจริง ๆ ตาข้างซ้ายกระตุกจะมีโชคหล่นทับ ดูเหมือนว่า วันนี้ฉันจะมีโชคหล่นทับซะแล้ว”
ฉ่างจือยิ้มตาม: “ทำไมพ่อบุญธรรมถึงดีใจขนาดนั้นล่ะครับ?”
“ยังจำเรื่องที่หยิ่นเจิ้งมาหาฉันเมื่อหลายวันก่อนได้ไหม?” แมงป่องเอ่ยถาม
“จำได้สิครับ ผมได้ยินมาว่าลูกชายของหยิ่นเจิ้ง ถูกคนทำร้าย ชาตินี้คงมีลูกไม่ได้แล้ว หยิ่นเจิ้งเดินทางไปที่ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ ปรึกษาแพทย์ไปทั่วทุกสารทิศ แต่ก็ยังรักษาลูกชายให้หายดีไม่ได้”
“ดังนั้นหยิ่นเจิ้งจึงต้องการทำลายคนที่ทำร้ายหยิ่นเหล่ยเพื่อแก้แค้น ได้ยินมาว่าคนคนนั้นมีประวัติความเป็นมาไม่เบาเลยทีเดียว ทรัพย์สินของครอบครัวนับไม่ถ้วน หยิ่นเจิ้งไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง เลยตรงขอให้พ่อบุญธรรมเป็นคนลงมือ เพื่อช่วยแก้แค้นที่ทำให้ไร้ผู้สืบสกุลของตระกูลหยิ่น
ฉ่างจือยิ้มอ่อน ๆ : “พ่อบุญธรรมครับ อย่าบอกนะว่า คุณชายผู้ดีที่สวีเจ๋จะแนะนำให้ ก็คือศัตรูของตระกูลหยิ่นคนนั้น”
“ถูกต้อง”
แมงป่องพยักหน้า กล่าว: “ดังนั้นถึงได้บอกว่า เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้ส่งมาที่หน้าประตูแล้ว?”
“นี่……มันจะเป็นกับดักหรือเปล่าครับ? พ่อบุญธรรมครับ พ่อบุญธรรมพึ่งจะทำลายข้าวของที่บาร์ของเขาไปเองนะ ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าพ่อบุญธรรมและเขามีความแค้น เขายังมาที่อาณาเขตของเรา หรือว่าจะเอาชีวิตมาส่ง หรือว่า……” ฉ่างจือถามอย่างระมัดระวัง: “เขาพาพวกมาด้วย”
“เหอะ ๆ ไม่ว่าจะพามาด้วยหรือไม่ ก็ไม่สำคัญหรอก อย่าลืมสิว่า ที่นี่อยู่ในพื้นที่อำเภอหลิน ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อมาถึงที่นี่ เป็นมังกรก็ต้องนอนขด แล้วเสือก็ต้องนอนหมอบ ต่อให้ตระกูลหลี่ของพวกมันร้ายกาจแค่ไหน ก็ยื่นมือมาไม่ถึงอำเภอหลิน อีกอย่างฉันได้ยินมาว่า คนที่ร้ายกาจที่สุดของตระกูลหลี่สองคน หลอซ่าและส้าวส้วย ได้ไปจากเมืองเอกแล้ว ตอนนี้ตระกูลหลี่ยังได้เผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่อีกด้วย ดังนั้น ต่อให้ไอ้หนุ่มนั่นพาพวกมาด้วย ก็พามาได้ไม่เยอะหรอก” แมงป่องกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“หลอซ่า?”
เมื่อฉ่างจือได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ใช่หลอซ่าที่มีอำนาจเกรียงไกรไปทั่วเมืองเอกเมื่อสามปีก่อนนั่นไหม?”
“นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีใครอีกล่ะ”
แมงป่องกล่าว: “เห็นหรือยัง ไอ้หมอนั่น ก็คือลูกชายของหลอซ่า ชื่อหลี่ฝาง”
ฉ่างจือขมวดคิ้วแน่น: “พ่อบุญธรรมครับ ผมรู้ว่าตระกูลหยิ่นจ่ายให้พ่อบุญธรรมเยอะมาก เกรงว่าคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักสินะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พ่อบุญธรรมก็คงไม่ลงมือกับลูกชายของหลอซ่าหรอก แต่ว่านะครับ ผมก็ยังอยากเตือนพ่อบุญธรรมหน่อย เรื่องนี้ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า หลอซ่าคนนี้ ลึกจนไม่อาจคาดเดา ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเอก พวกเราสามารถแตะต้องลูกชายของเขาได้ หาเรื่องตระกูลหลี่ได้ แต่ถ้าเกิดเขากลับมา……”
“ฮ่า ๆ แกกลัวว่าถ้าหลอซ่ากลับมา จะมาเอาคืนพวกเราใช่ไหม? ไม่ต้องกลัวหรอก หนึ่งคือ ภารกิจของหลัวซ่าในครั้งนี้ อันตรายอย่างสุดขีด โอกาสที่จะกลับมา ยิ่งแทบไม่มีเลย อย่างที่สอง หลอซ่ามีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วน ต่อให้เขากลับมาแล้ว ก็ไม่มีเวลามาสนใจล้างแค้นเราหรอก หรือต่อให้มาหาเราเพื่อล้างแค้น ก็ต้องมีคนมาช่วยพวกเราจัดการแน่” แมงป่องยิ้มกล่าว
“ยังมีคนที่สามารถต่อกรกับหลอซ่าได้อีกเหรอครับ?” ฉ่างจือไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“พวกแกที่เรียนศิลปะการต่อสู้ ต่างก็เห็นหลอซ่าเป็นพระเจ้า หลอซ่าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้วิเศษอะไรสักหน่อย ทำไมต้องกลัวมันขนาดนั้น? ถ้าหากมันน่ากลัวแบบนั้นจริง ๆ เมื่อสามปีก่อนจะถูกไล่ออกไปจากเมืองเอกได้ยังไง?”
“แกว่าไหมล่ะ?” แมงป่องกล่าว
ฉ่างจือกล่าวเสียงเบา: “ในตอนนั้นผมได้ยินว่า หลอซ่าใช้พลังของตัวเองเพียงคนเดียว เผชิญหน้ากับคนทั่วทั้งเมื่องเอก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบุคคลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังลงมือด้วย ดังนั้นหลอซ่าถึงได้พ่ายแพ้ไป”
“จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แพ้ก็คือแพ้ ไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรให้มัน”
แมงป่องกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเปิดประตูรถ
และที่ด้านนอกในเวลานี้ ถึงแม้ถังหยู่ซวนจะให้หลี่ฝางจากไป แต่หลี่ฝางจากไปได้ยังไง?
ทิ้งถังหยู่ซวน พี่น้องที่สนิทสนมของตัวเองเอาไว้ แล้วหนีเอาตัวรอด?
จุดนี้ หลี่ฝางทำไม่ได้หรอก
หลี่ฝางไม่ขยับเลยสักนิด แต่เขากลับมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วย แล้วกล่าว: “ซ่วยซ่วย นายหนีไปเถอะ ฉันไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“หลี่ฝาง ฉัน…”
หลี่ซ่วยซ่วยยังไม่ทันได้พูดจบ หลี่ฝางก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “ไปเถอะน่า นายไม่เหมือนกันกับพวกเรา พวกเราไม่ใช่คนอำเภอหลิน แต่นายเป็น ถ้าหากให้แมงป่องรู้ตัวตนของนาย ต่อไป นายและครอบครัวของนาย จะต้องเจอกับปัญหามากมาย”
“นายไปเถอะ ฉันไม่โทษนายหรอก” หลี่ฝางกล่าว
เดิมทีใจของหลี่ซ่วยซ่วยก็ค่อนข้างที่จะลังเล เขาอยากจะหนี แต่ก็กลัวว่าหลี่ฝางจะกล่าวโทษเขา ดังนั้นถึงได้ลังเล แต่หลังจากที่หลี่ฝางเอ่ยคำพูดเหล่านี้ ความกดดันในใจของเขา จู่ ๆ ก็แทบไม่เหลือเลย
หลี่ซ่วยซ่วยไม่ลังเลใด ๆ วินาทีที่เห็นแมงป่องเปิดประตูรถ เขาก็รีบหนีไปทันที
หลี่ฝางมองดูหลี่ซ่วยซ่วยจากไป ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่เล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นตัวเองที่บอกให้หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป ถึงแม้ว่าหลี่ซ่วยซ่วยจะมีความลำบากใจ
แต่หลี่ซ่วยซ่วยดีกับเขาซะขนาดนั้น นอกจากนี้ ที่ตัวเองมีปัญหากับแมงป่อง จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะหลี่ซ่วยซ่วยหรอกเหรอ?
เพราะหลี่ซ่วยซ่วย ตัวเองถึงได้ทำร้ายหยิ่นเหล่ย ตระกูลหยิ่นถึงได้ไปหาแมงป่องให้มาต่อกรกับตัวเอง แต่พอมาวันนี้ เกิดความหายนะขึ้นมา หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป กลับเหลือไว้เพียงตัวเองที่เป็นคนช่วยคนนี้
พูดให้ถูกหน่อยก็คือ หลี่ซ่วยซ่วยไม่ใจนักเลงพอ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
หลังจากที่แมงป่องลงจากรถ ฉ่างจื่อก็รีบดับเครื่องยนต์ทันที และเดินตามมาอย่างติด ๆ ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นด้วยที่แมงป่องจะจัดการกับลูกชายของหลอซ่า แต่ในเมื่อแมงป่องตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น งั้นฉางจื่อก็จะทำตาม
“คุณชายหลี่ เดินทางจากเมืองเอกมาเที่ยวเล่นซะไกลถึงอำเภอหลิน ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำล่ะ ถ้าบอกฉันสักคำ ฉันก็จะทำหน้าที่ฐานะเจ้าบ้านให้ดีที่สุด” แมงป่องเดินขึ้นมาข้างหน้า เขามองหลี่ฝางแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
ในเวลานี้ สวีเจ๋ได้ถอยหลังไปสองสามก้าว เขาวางมือจากการต่อสู้กับถังหยู่ซวน: “ลูกพี่ คุณรู้จักเขาเหรอครับ?”
สวีเจ๋ดูเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง