NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 701 หลี่ฝางโดนจับได้

บทที่ 701 หลี่ฝางโดนจับได้

“ลูกพี่”

เมื่อเห็นโทรศัพท์จากแมงป่อง ร่างของสวีเจ๋ ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว

สวีเจ๋รู้ดี ถ้าเกิดหลี่ฝางจากไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่าตัวเองได้ทำให้เรื่องนี้ล้มเหลวไปแล้ว ลูกพี่ของตัวเอง จะต้องโกรธแน่ ๆ เลย

นี่ก็กำลังจะตำหนิตัวเองแน่เลย……

สวีเจ๋ไม่กล้าที่จะรับสายลูกพี่ของตัวเอง เพราะว่าเขารู้ ที่รอตัวเองอยู่นั้น ก็คือความโกรธเกรี้ยวดั่งสายฟ้าฟาดของลูกพี่แมงป่อง

สวีเจ๋มองไปที่หลี่ฝาง ถือโอกาสที่หลี่ฝางยังไปได้ไม่ไกลนัก เขารีบวิ่งออกไปทันที วิ่งจนไปถึงด้านหน้าของหลี่ฝาง แล้วหอบหายใจอย่างหนัก เขากล่าวกับหลี่ฝาง: “น้องชาย เห็นแก่หน้าฉันหน่อยได้ไหม นายปัดก้นจากไปแบบนี้ ฉันยากจะอธิบายกับลูกพี่แมงป่องได้”

สวีเจ๋ท่าทางรีบร้อนกระวนกระวาย ขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย

หลี่ฝางมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “นายจะทำยากหรือไม่ยาก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ฉันไม่ได้บอกว่าจะพบลูกพี่ของนายสักหน่อย เป็นนายที่พูดเองเออเอง แล้วเรียกเขามาที่นี่”

“นอกจากนี้ เราสองคนพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วเมื่อคืนนายยังลักพาตัวแฟนฉันอีก แถมยังกรรโชกรีดไถเงินฉันไปจำนวนมหาศาล พูดตามตรงแล้ว ระหว่างพวกเราไม่ได้มีมิตรภาพต่อกันเลย ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย นายว่าไหมล่ะ?”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ พอพูดจบเขาก็เดินต่อไป

และในตอนนั้นเองสวีเจ๋ก็ยื่นมือออกไปดึงแขนของหลี่ฝางเอาไว้: “น้องชาย เรื่องเมื่อคืน ถือว่าฉันผิดแล้วได้ไหมล่ะ เอาอย่างนี้ ฉันขอโทษแฝนของนาย นอกจากนี้ ดอกเบี้ยของหวางเหมียวที่เก็บเกิน ฉันจะให้นายโดยไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว ขอร้องนายล่ะ พบกับลูกพี่ของฉันหน่อย”

“ถ้านายจากไปแบบนี้ ฉันจะต้องจบเห่แน่เลย”

สวีเจ๋รู้จักนิสัยของลูกพี่ของตัวเองดี ถ้าหากหลี่ฝางจากไปแล้ว เช่นนั้นไฟโทสะที่สุมอยู่ในใจของแมงป่อง จะต้องสุมลงที่ตัวของเขาอย่างแน่นอน

พอถึงเวลานั้น เบาหน่อยก็ถูกต่อยสักยก และถ้าหนักหน่อย มีความเป็นไปได้สูงที่ต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วน หรือแม้แต่อาจถูกไล่ออกไปเลยก็ได้

หรือต่อให้ไม่ถูกไล่ออกไป ในอนาคต ตัวเองก็คงไม่ถูกให้ความสำคัญอีกแล้วล่ะมั้ง?

ดังนั้น สวีเจ๋ไม่อยากให้หลี่ฝางไป ต่อให้ตัวเองต้องควักเงินจากกระเป๋าจ่ายดอกเบี้ยจำนวนแสนห้านั่นก่อน ยังไงก็ต้องรั้งหลี่ฝางเอาไว้ให้ได้

หลี่ฝางส่ายหัว กล่าว: “ดอกเบี้ยนิดหน่อยนั่นฉันไม่สนใจหรอก และยิ่งไม่สนใจลูกพีแมงป่องของพวกนาย”

และในเวลานี้ โทรศัพท์จากแมงป่อง ก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้ง

ร่างของสวีเจ๋สั่นสะท้านอีกครั้ง เมื่อกี้เขาได้ปฏิเสธสายจากแมงป่องไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากยังปฏิเสธอีกล่ะก็ หลังจากเรื่องจบ แมงป่องจะต้องตัดแขนทั้งสองข้างของเขาแน่เลย

สวีเจ๋รับสายจากแมงป่อง อีกด้านของสาย เสียงอันเย็นชาของแมงป่องดังขึ้น: “ทำไม ยังจัดการไม่เรียบร้อยเหรอ?”

“ลูกพี่ ให้เวลาผมอีกนิดหนึ่งนะครับ”

สวีเจ๋ไม่ใช่คนโง่ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าที่หลี่ฝางบอกว่าปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย ต่างก็เป็นเพียงข้ออ้าง

ใช้เหตุผลของหลี่ฝางมาอ้างกับแมงป่อง แบบนั้นยิ่งจะทำให้แมงป่องโกรธมากกว่าเดิม

“ได้ ฉันให้เวลาแกสามนาที สามนาทีนี้ถ้าแกจัดการมันไม่ได้ งั้นฉันจะจัดการแกเอง” พอกล่าวจบ เขาก็ตัดสายทันที

เวลาสามนาที?

แกไม่จัดการมันชั่ว ฉันจะจัดการแก?

สวีเจ๋กลืนน้ำลาย คำพูดพวกนี้ เท่ากับว่าเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายที่ให้กับตัวเอง

สวีเจ๋ที่วางโทรศัพท์ลง ได้พูดกับหลี่ฝาง: “น้องชาย ช่วยฉันหน่อยนะ พบแค่แป๊บเดียว นายไปบอกปฏิเสธกับลูกพี่ของฉันด้วยตัวเอง ได้ไหม?”

หลี่ฝางส่ายหัว: “ปล่อยแขนฉันนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

หลี่ฝางชะงักงัน ไม่เกรงใจ?

หลี่ฝางส่งสายตาให้กับถังหยู่ซวน ส่วยถังหยู่ซวนก็ได้เตรียมพร้อมนานแล้ว รอแค่คำสั่งจากหลี่ฝางเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็พลันกระโดดออกมา หมัดสอยดาวข้างซ้ายของเขาพุ่งเข้าหาสวีเจ๋ และโดนเข้าที่หน้าของสวีเจ๋เต็ม ๆ

สวีเจ๋โดนต่อยจนของหลังไปหนึ่งเมตร สีหน้าเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมา

“เหอะ ๆ คิดไม่ถึงว่าแกอายุยังน้อย แต่ก็ร้ายกาจไม่เบานี่” สวีเจ๋ยิ้มอย่างดูแคลน และกำหมัดแน่น

“ในเมื่อแกไม่เห็นแก่หน้าฉัน งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลอก้มหัวขอร้องแกอีก ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะฆ่าพวกแกสองคนก่อน” สวีเจ๋กล่าวอย่างเยือกเย็น

ในตอนนี้หลี่ซ่วยซ่วย ตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

สวีเจ๋พูดจบ ก็ตรงเข้ามาทันที เขาสามารถกินข้าวชามนี้กับแมงป่องได้ ไม่ใช่เพราะเขาเลียแข้งเลียขาเป็น และไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย แต่เป็นเพราะเขาสู้เก่ง และโหดเหี้ยมพอ

แมงป่องที่อยู่ในรถ เมื่อเห็นภาพสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างครุ่นคิด: “น่าสนใจจริง ๆ ลงมือกันแล้วด้วย”

“ฉ่างจือ แกว่าไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงไม่ยอมมาพบฉัน” แมงป่องถามขึ้นมาอย่างสงสัย

ฉ่างจือเป็นคนขับรถของแมงป่อง และเป็นลูกบุญธรรมที่แมงป่องเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก นอกจากจะมีฝีมือการต่อสู้ดีแล้ว ทั้งยังมีไหวพริบเหนือคนอื่น แน่นอนว่า ที่เข้าตาแมงป่องที่สุด คือความจงรักภักดีที่เขามีต่อตัวเอง

“เมืองเอกและอำเภอหลินอยู่ไม่ไกลกัน ขับรถเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง พวกลูกท่านหลานเธอในเมืองเอกที่มีอายุราว ๆ นี้ ต่อให้ไม่เคยมาที่อำเภอหลิน ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของพ่อบุญธรรมอยู่บ้าง ให้ผมเดา ที่ไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นไม่ยอมพบพ่อบุญธรรม จะต้องเป็นเพราะที่บ้านมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับพ่อบุญธรรมอย่างแน่นอน”

ฉ่างจือยิ้มกล่าว

“ใช่ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่านะ ถึงฉันจะมีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วน แต่ก็เคยไม่เป็นศัตรูกับคนมีเงิน ฉันคิดอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว กลุ่มคุณชายผู้ดีในเมืองเอก น่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่เป็นศัตรูกับฉัน”

แมงป่องยิ้ม: “แกขับรถไปข้างหน้าอีกหน่อย ฉันจะดูสิว่า ไอ้หนุ่มผู้ดีคนนี้เป็นใครกันแน่”

ในเมื่อหลี่ฝางไม่ยอมที่จะมาพบแมงป่อง งั้นแมงป่องก็ต้องเป็นฝ่ายมาพบหลี่ฝางเองแล้ว

ฉ่างจือพยักหน้า จากนั้นก็สตาร์ทรถขึ้นทันที หัวใจของหลี่ฝาง สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด

แย่แล้ว!

และในขณะเดียวกันนั้ภายในใจของถังหยู่ซวนก็รู้ดี ไม่ว่าจะยังไง จะให้แมงป่องเห็นหน้าหลี่ฝางไม่ได้

“นายน้อย คุณรีบไปก่อน” ถังหยู่ซวนกล่าวกลับหลี่ฝาง

กล่าวไป ถังหยู่ซวนก็คว้าเอามีดออกมา เตรียมที่จะรีบสู้รีบจบ

ส่วนสวีเจ๋นั้นคาดไม่ถึงว่า ถังหยู่ซวนจะต่อยเสมอกันกับตัวเอง

“แม่งเอ๊ย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกมัน”

เมื่อรถขับเข้าใกล้ แมงป่องจำถังหยู่ซวนขึ้นมาได้ทันที และเขาก็รู้แล้วว่าคุณชายผู้ดีที่สวี่เจ๋เอ่ยถึง ก็คือหลี่ฝางนั่นเอง

“พวกมันมาที่อำเภอหลินได้ยังไง?” แมงป่องรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ตัวเองพึ่งจะผูกความแค้นกับหลี่ฝาง โดยทำลายบาร์ของเขา หลี่ฝางคนนี้ ก็ได้บุกมาที่อาณาเขตของตัวเองแล้ว

มาแก้แค้นเหรอ?

เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ามาแกแค้น ทำไมต้องมาเองด้วยล่ะ อีกอย่างข้างกายก็ไม่ได้พาคนมาด้วยมากมายอะไร?

แต่ถ้าไม่ใช่มาล้างแค้น แล้วจะมาที่อำเภอหลินทำไม หมาป่าเข้าถ้ำเสือ?

ไม่นาน แมงป่องฉีกยิ้มหัวเราะขึ้นมา: “ก็ว่าอยู่ว่า ตาข้างซ้ายกระตุกไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กระตุกอยู่ตลอดเลย โบราณว่าไว้ไม่ผิดจริง ๆ ตาข้างซ้ายกระตุกจะมีโชคหล่นทับ ดูเหมือนว่า วันนี้ฉันจะมีโชคหล่นทับซะแล้ว”

ฉ่างจือยิ้มตาม: “ทำไมพ่อบุญธรรมถึงดีใจขนาดนั้นล่ะครับ?”

“ยังจำเรื่องที่หยิ่นเจิ้งมาหาฉันเมื่อหลายวันก่อนได้ไหม?” แมงป่องเอ่ยถาม

“จำได้สิครับ ผมได้ยินมาว่าลูกชายของหยิ่นเจิ้ง ถูกคนทำร้าย ชาตินี้คงมีลูกไม่ได้แล้ว หยิ่นเจิ้งเดินทางไปที่ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ ปรึกษาแพทย์ไปทั่วทุกสารทิศ แต่ก็ยังรักษาลูกชายให้หายดีไม่ได้”

“ดังนั้นหยิ่นเจิ้งจึงต้องการทำลายคนที่ทำร้ายหยิ่นเหล่ยเพื่อแก้แค้น ได้ยินมาว่าคนคนนั้นมีประวัติความเป็นมาไม่เบาเลยทีเดียว ทรัพย์สินของครอบครัวนับไม่ถ้วน หยิ่นเจิ้งไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง เลยตรงขอให้พ่อบุญธรรมเป็นคนลงมือ เพื่อช่วยแก้แค้นที่ทำให้ไร้ผู้สืบสกุลของตระกูลหยิ่น

ฉ่างจือยิ้มอ่อน ๆ : “พ่อบุญธรรมครับ อย่าบอกนะว่า คุณชายผู้ดีที่สวีเจ๋จะแนะนำให้ ก็คือศัตรูของตระกูลหยิ่นคนนั้น”

“ถูกต้อง”

แมงป่องพยักหน้า กล่าว: “ดังนั้นถึงได้บอกว่า เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้ส่งมาที่หน้าประตูแล้ว?”

“นี่……มันจะเป็นกับดักหรือเปล่าครับ? พ่อบุญธรรมครับ พ่อบุญธรรมพึ่งจะทำลายข้าวของที่บาร์ของเขาไปเองนะ ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าพ่อบุญธรรมและเขามีความแค้น เขายังมาที่อาณาเขตของเรา หรือว่าจะเอาชีวิตมาส่ง หรือว่า……” ฉ่างจือถามอย่างระมัดระวัง: “เขาพาพวกมาด้วย”

“เหอะ ๆ ไม่ว่าจะพามาด้วยหรือไม่ ก็ไม่สำคัญหรอก อย่าลืมสิว่า ที่นี่อยู่ในพื้นที่อำเภอหลิน ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อมาถึงที่นี่ เป็นมังกรก็ต้องนอนขด แล้วเสือก็ต้องนอนหมอบ ต่อให้ตระกูลหลี่ของพวกมันร้ายกาจแค่ไหน ก็ยื่นมือมาไม่ถึงอำเภอหลิน อีกอย่างฉันได้ยินมาว่า คนที่ร้ายกาจที่สุดของตระกูลหลี่สองคน หลอซ่าและส้าวส้วย ได้ไปจากเมืองเอกแล้ว ตอนนี้ตระกูลหลี่ยังได้เผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่อีกด้วย ดังนั้น ต่อให้ไอ้หนุ่มนั่นพาพวกมาด้วย ก็พามาได้ไม่เยอะหรอก” แมงป่องกล่าวอย่างเย้ยหยัน

“หลอซ่า?”

เมื่อฉ่างจือได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ใช่หลอซ่าที่มีอำนาจเกรียงไกรไปทั่วเมืองเอกเมื่อสามปีก่อนนั่นไหม?”

“นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีใครอีกล่ะ”

แมงป่องกล่าว: “เห็นหรือยัง ไอ้หมอนั่น ก็คือลูกชายของหลอซ่า ชื่อหลี่ฝาง”

ฉ่างจือขมวดคิ้วแน่น: “พ่อบุญธรรมครับ ผมรู้ว่าตระกูลหยิ่นจ่ายให้พ่อบุญธรรมเยอะมาก เกรงว่าคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักสินะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พ่อบุญธรรมก็คงไม่ลงมือกับลูกชายของหลอซ่าหรอก แต่ว่านะครับ ผมก็ยังอยากเตือนพ่อบุญธรรมหน่อย เรื่องนี้ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า หลอซ่าคนนี้ ลึกจนไม่อาจคาดเดา ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเอก พวกเราสามารถแตะต้องลูกชายของเขาได้ หาเรื่องตระกูลหลี่ได้ แต่ถ้าเกิดเขากลับมา……”

“ฮ่า ๆ แกกลัวว่าถ้าหลอซ่ากลับมา จะมาเอาคืนพวกเราใช่ไหม? ไม่ต้องกลัวหรอก หนึ่งคือ ภารกิจของหลัวซ่าในครั้งนี้ อันตรายอย่างสุดขีด โอกาสที่จะกลับมา ยิ่งแทบไม่มีเลย อย่างที่สอง หลอซ่ามีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วน ต่อให้เขากลับมาแล้ว ก็ไม่มีเวลามาสนใจล้างแค้นเราหรอก หรือต่อให้มาหาเราเพื่อล้างแค้น ก็ต้องมีคนมาช่วยพวกเราจัดการแน่” แมงป่องยิ้มกล่าว

“ยังมีคนที่สามารถต่อกรกับหลอซ่าได้อีกเหรอครับ?” ฉ่างจือไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“พวกแกที่เรียนศิลปะการต่อสู้ ต่างก็เห็นหลอซ่าเป็นพระเจ้า หลอซ่าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้วิเศษอะไรสักหน่อย ทำไมต้องกลัวมันขนาดนั้น? ถ้าหากมันน่ากลัวแบบนั้นจริง ๆ เมื่อสามปีก่อนจะถูกไล่ออกไปจากเมืองเอกได้ยังไง?”

“แกว่าไหมล่ะ?” แมงป่องกล่าว

ฉ่างจือกล่าวเสียงเบา: “ในตอนนั้นผมได้ยินว่า หลอซ่าใช้พลังของตัวเองเพียงคนเดียว เผชิญหน้ากับคนทั่วทั้งเมื่องเอก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบุคคลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังลงมือด้วย ดังนั้นหลอซ่าถึงได้พ่ายแพ้ไป”

“จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แพ้ก็คือแพ้ ไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรให้มัน”

แมงป่องกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเปิดประตูรถ

และที่ด้านนอกในเวลานี้ ถึงแม้ถังหยู่ซวนจะให้หลี่ฝางจากไป แต่หลี่ฝางจากไปได้ยังไง?

ทิ้งถังหยู่ซวน พี่น้องที่สนิทสนมของตัวเองเอาไว้ แล้วหนีเอาตัวรอด?

จุดนี้ หลี่ฝางทำไม่ได้หรอก

หลี่ฝางไม่ขยับเลยสักนิด แต่เขากลับมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วย แล้วกล่าว: “ซ่วยซ่วย นายหนีไปเถอะ ฉันไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนไปด้วย”

“หลี่ฝาง ฉัน…”

หลี่ซ่วยซ่วยยังไม่ทันได้พูดจบ หลี่ฝางก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “ไปเถอะน่า นายไม่เหมือนกันกับพวกเรา พวกเราไม่ใช่คนอำเภอหลิน แต่นายเป็น ถ้าหากให้แมงป่องรู้ตัวตนของนาย ต่อไป นายและครอบครัวของนาย จะต้องเจอกับปัญหามากมาย”

“นายไปเถอะ ฉันไม่โทษนายหรอก” หลี่ฝางกล่าว

เดิมทีใจของหลี่ซ่วยซ่วยก็ค่อนข้างที่จะลังเล เขาอยากจะหนี แต่ก็กลัวว่าหลี่ฝางจะกล่าวโทษเขา ดังนั้นถึงได้ลังเล แต่หลังจากที่หลี่ฝางเอ่ยคำพูดเหล่านี้ ความกดดันในใจของเขา จู่ ๆ ก็แทบไม่เหลือเลย

หลี่ซ่วยซ่วยไม่ลังเลใด ๆ วินาทีที่เห็นแมงป่องเปิดประตูรถ เขาก็รีบหนีไปทันที

หลี่ฝางมองดูหลี่ซ่วยซ่วยจากไป ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่เล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นตัวเองที่บอกให้หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป ถึงแม้ว่าหลี่ซ่วยซ่วยจะมีความลำบากใจ

แต่หลี่ซ่วยซ่วยดีกับเขาซะขนาดนั้น นอกจากนี้ ที่ตัวเองมีปัญหากับแมงป่อง จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะหลี่ซ่วยซ่วยหรอกเหรอ?

เพราะหลี่ซ่วยซ่วย ตัวเองถึงได้ทำร้ายหยิ่นเหล่ย ตระกูลหยิ่นถึงได้ไปหาแมงป่องให้มาต่อกรกับตัวเอง แต่พอมาวันนี้ เกิดความหายนะขึ้นมา หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป กลับเหลือไว้เพียงตัวเองที่เป็นคนช่วยคนนี้

พูดให้ถูกหน่อยก็คือ หลี่ซ่วยซ่วยไม่ใจนักเลงพอ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกห่อเหี่ยวใจ

หลังจากที่แมงป่องลงจากรถ ฉ่างจื่อก็รีบดับเครื่องยนต์ทันที และเดินตามมาอย่างติด ๆ ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นด้วยที่แมงป่องจะจัดการกับลูกชายของหลอซ่า แต่ในเมื่อแมงป่องตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น งั้นฉางจื่อก็จะทำตาม

“คุณชายหลี่ เดินทางจากเมืองเอกมาเที่ยวเล่นซะไกลถึงอำเภอหลิน ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำล่ะ ถ้าบอกฉันสักคำ ฉันก็จะทำหน้าที่ฐานะเจ้าบ้านให้ดีที่สุด” แมงป่องเดินขึ้นมาข้างหน้า เขามองหลี่ฝางแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

ในเวลานี้ สวีเจ๋ได้ถอยหลังไปสองสามก้าว เขาวางมือจากการต่อสู้กับถังหยู่ซวน: “ลูกพี่ คุณรู้จักเขาเหรอครับ?”

สวีเจ๋ดูเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท