NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่789 ฆ่าศัตรูอย่างรวดเร็ว

บทที่789 ฆ่าศัตรูอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อคุณคือปรมาจารย์กำลังภายใน แต่สุดท้ายใครจะชนะ ก็ไม่อาจรู้ได้นี่!

“จำได้ว่าครั้งที่แล้วตอนที่กลับมา ลูกพี่เคยบอกพวกเราไว้ว่า ตอนนี้อยู่ในยุคที่รุ่งเรืองสงบสุข อย่าได้ฆ่าฟันกันมากไป ดังนั้น ความโหดร้ายในตัวผม ไม่เคยได้ปลดปล่อยออกมา”

“ตอนนี้ ลูกศิษย์และเพื่อนๆของผมบาดเจ็บหนัก ลุงเฉียนที่ปฏิบัติกับผมเหมือนลูกชายมาตลอดก็ถูกพวกคุณทำร้ายจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้ ความโหดร้ายนั้นในใจผม ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกแล้ว”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็ยกแขนขึ้นมา:“ตั้งแต่นี้ไป คนของเซราฟิม ผมเจอใคร ก็จะฆ่าคนนั้น จนกว่าจะฆ่าล้างพวกคุณให้หมด”

“คุณชาย คุณถอยไป”

ส้าวส้วยเห็นหลิงหลงที่พื้น ก็พูด:“หลิงหลงยังมีลมหายใจ และใจเต้น คุณไปดูว่าเธอเป็นอะไรไหม”

“ผมช่วยคุณได้ คนตั้งเยอะอย่างนี้ คุณรับมือไหวเหรอ?”

หลี่ฝางคิดว่าตอนนี้ส้าวส้วยเหลาะแหละเกินไป ยังไงฝ่ายตรงข้ามก็เยอะขนาดนี้ ถึงเป็นพ่อตัวเอง ถ้าต้องรับมือด้วย ก็ลำบาก

ครั้งที่แล้วตอนที่หลอซ่าฆ่าจูเก่อและคนพวกนั้น ก็กระอักเลือดออกมาแล้ว

ฉากนั้น หลี่ฝางยังจำได้อยู่

แต่ตอนนี้ กำลังที่แข็งแกร่งของเซราฟิมต่างอยู่ที่นี่ การเตรียมการด้านการรบแบบนี้ ไม่อ่อนแอเช่นคืนนั้น

“ตอนนี้ ผมได้รับการถ่ายทอดเลือดของพ่อผมแล้ว ร่างกายมีกำลังภายใน ถึงแม้ใช้ไม่ค่อยเป็น แต่อย่างน้อยก็ช่วยคุณได้”

หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วย:“ผมไม่ใช่ผมในเมื่อก่อนแล้ว”

“ผมรู้”

ส้าวส้วยพูด:“แต่ขยะพวกนี้ ยังไม่มากพอที่จะให้ผมต้องหามือช่วย”

ส้าวส้วยมองหลิงหลง พูดกับหลี่ฝางว่า:“คุณไปดูแลหลิงหลงเถอะ เธอจะฟื้นแล้ว”

ตอนที่หลี่ฝางยังอยากจะพูดอะไรนั้น ส้าวส้วยก็พูด:“ถ้าต้องการอะไร ผมจะจะเรียกคุณ หรือว่า ถ้าคุณเห็นผมไม่ไหว ค่อยเข้ามาช่วยผมก็ได้”

คนของเซราฟิม ต่างมองส้าวส้วยกับหลี่ฝาง ไม่เลือกลงมือในเวลานี้

ชีซาพวกเจ้าสำนักนี้รู้ความแข็งแกร่งของหลี่ฝางดี

ถึงแม้ตอนนี้หลี่ฝางยังฝึกการใช้กำลังภายในของร่างกายไม่ค่อยชิน แต่ถ้าบ้าระห่ำขึ้นมา ก็มองข้ามไม่ได้

แม้กระทั่งว่า หากไม่ระวัง ก็จะถูกหลี่ฝางทำร้ายบาดเจ็บ

ดังนั้น ส้าวส้วยไล่หลี่ฝางไปข้างๆ เป็นฉากที่พวกเขาอยากดูที่สุด

หลี่ฝางคิด ก็เอาตามเหตุผลนี้ ยังไงก็ไม่อยู่ห่างไกลนัก ถ้าส้าวส้วยเจอความลำบากอะไร ถึงตอนนั้นตัวเองค่อยเข้ามาช่วย

ส่วนหลิงหลงก็หมดสติที่พื้นนานแล้ว สรุปว่ารอดหรือตายนั้น หลี่ฝางเป็นห่วงสุดๆ

ถึงแม้ หลิงหลงกับหลี่ฝางรู้จักกันไม่นาน แต่ว่า หลี่ฝางกลับเห็นเธอเป็นพี่สาวของตัวเอง

อีกอย่างหลิงหลงก็ดูแลหลี่ฝางมากพอ

หลี่ฝางวิ่งเข้ามา อุ้มหลิงหลงที่อยู่ตรงพื้นขึ้นมา หลิงหลงในตอนนี้ ร่างกายมีการตอบสนองที่อ่อนแรง เธอฟื้นมา ก็ไออย่างรุนแรง แล้วอ้วกเป็นเลือด

“พี่หลิงหลง”

หลี่ฝางเรียกไป น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกัน สำหรับหมาป่าละโมบกับโพ่จุน ในใจของหลี่ฝาง ก็รู้สึกอาฆาตมาก

ถึงส้าวส้วยจะปล่อยพวกเขา หลี่ฝางก็ไม่ยอม

“พี่หลิงหลง คุณไม่เป็นไรนะ?”หลี่ฝางถามอย่างเป็นห่วงมาก

แต่พอถามจบ หลี่ฝางก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไร้สาระ คำถามแบบนี้ อีกฝ่ายต้องบอกไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ความจริง?

กระอักเลือดออกมา และทั้งตัวมีบาดแผลสาหัสมาก นี่มันต้องเป็นอยู่แล้ว

หลิงหลงส่ายหน้า ดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงพูด เธอมองหลี่ฝาง ยิ้มให้ เห็นอย่างชัดเจนว่า หลี่ฝางไม่เป็นอะไร ในใจหลิงหลงนั้นมีความสุขสุดๆ

และตอนหลิงหลงเงยหน้าขึ้น เห็นส้าวส้วยเผชิญหน้ากับกลุ่มคน ทันใดนั้น รอยยิ้มที่ใบหน้าหลิงหลง เหมือนจะหายไปหมด

“ส้าวส้วย……ส้าวส้วยมีอันตราย พวกเขาแข็งแกร่งมาก”

ในการต่อสู้ หลิงหลงตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหมาป่าละโมบ โพ่จุน สองคนนี้ กังฟูสูงกว่าหลิงหลงเยอะมาก

ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย

หลิงหลงถูกปราบอย่างง่ายดาย กระทั่งว่าเกือบถูกฆ่าตาย

ก็ไม่รู้ว่าเพราะว่าอะไร สุดท้ายโพ่จุนดันไว้ชีวิตเธอ ไม่ฆ่าเธอ และยังพาเธอออกมา

หลิงหลงอยากยืนขึ้นมาไปช่วยส้าวส้วย แต่หลิงหลงในตอนนี้ อย่าว่าแต่ช่วยเลย แรงที่จะยืนขึ้นมา ยังไม่มี

แต่ว่า หลิงหลงก็ยังพยายามที่จะยืนขึ้นมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

หลี่ฝางดึงแขนของหลิงหลง แล้วพูดว่า:“ส้าวส้วยเขาสู้คนเดียวได้”

ใบหน้าของหลิงหลง เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ

ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย หลิงหลงสัมผัสได้ ส่วนความแข็งแกร่งของส้าวส้วย หลิงหลงก็รู้ดีสุดๆ

ถ้าสู้ตัวต่อตัว หรือว่าหนึ่งต่อสอง หลิงหลงก็คิดว่าส้าวส้วยไม่มีปัญหาอะไร

แต่ตอนนี้ ส้าวส้วยคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับสามสิบกว่าคน

แล้วจะสู้ยังไง?

นี่มันล้วนแต่เป็นสถานการณ์ที่เหนือกว่า

ในใจของหลิงหลง เวลานี้ร้อนใจแทบตายแล้ว

จู่ๆหลิงหลงก็ถามไปว่า:“ลูกพี่ล่ะ?”

หลิงหลงรู้ว่า ถ้าลูกพี่กลับมา บางที สถานการณ์อาจจะพลิกกลับ

ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามมีมากแค่ไหน แค่มีหลอซ่าอยู่ หลิงหลงก็ไม่กังวลและกลัว

ที่ตัวหลอซ่า มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมาก แค่มีเขาอยู่ การต่อสู้ ก็ไม่มีทางแพ้

แต่ หลิงหลงมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นร่างของหลอซ่า

เวลานี้ หัวใจของหลิงหลง ก็เต้นขึ้นมา:“ลูกพี่ไม่ได้กลับมากับส้าวส้วยเหรอ?”

หลี่ฝางส่ายหน้า เกี่ยวกับพ่อของตัวเอง หลี่ฝางยังไม่ทันถามส้าวส้วย ได้แต่รอให้หลังจากส้าวส้วยสู้ครั้งนี้เสร็จ ค่อยหาโอกาสถามละกัน

เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ หลี่ฝางไม่รู้ว่าใครจะชนะ ยังไงคู่ต่อสู้ก็แข็งแกร่งมาก แต่ส้าวส้วยในตอนนี้ เหมือนจะเป็นคนละคนกับส้าวส้วยเมื่อก่อน

เหมือนว่าเขาก็ฝึกกำลังภายใน หลี่ฝางนั่นจำได้อย่างดีว่า ก่อนออกเดินทาง ส้าวส้วยยังไม่ฝึกกำลังภายในเลย

ดังนั้น ส้าวส้วยในวันนี้ กับส้าวส้วยเมื่อก่อน ไม่อาจจะเอามาเปรียบเทียบกันได้

ตอนนี้เอง ส้าวส้วยหยิบหน้ากากออกมา จากในอ้อมแขนตัวเอง นั่นเป็นหน้ากากผีของหลอซ่า

ในขณะที่ใส่หน้าหน้ากากนี้ โพ่จุนก็ลงมือคนแรก ความเร็วของเขานั้นไวมาก และที่เขาเก่งที่สุด ก็คือหมัดของตัวเอง

เขาเหมือนกับเหยื่อตัวหนึ่ง พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนส้าวส้วยเอามือข้างหนึ่งสวมหน้ากากดีแล้ว มืออีกข้าง ก็บีบคอของโพ่จุนโดยตรง

ความเร็วของโพ่จุนนั้นว่องไวมาก แต่ในสายตาของส้าวส้วย กลับไม่คู่ควรให้พูดถึง

ตอนที่หมาป่าละโมบกับชีซาจะพุ่งเข้ามา กลับคิดไม่ถึงว่า ส้าวส้วยดันใช้เวลาสั้นๆ บีบคอของโพ่จุน

ส่วนคอนั้น เป็นถึงจุดชีวิต

ถ้าถูกคนบีบคอ กับถูกฆ่านั้น ก็ไม่ต่างอะไรกัน

ในปากของส้าวส้วยเผยรอยยิ้มอันร้ายกาจ:“นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักเซราฟิมเหรอ?”

น้ำเสียง เยาะเย้ยอย่างมาก

ฉับ ส้าวส้วยบิดคอของโพ่จุนออก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท