ในเมื่อคุณคือปรมาจารย์กำลังภายใน แต่สุดท้ายใครจะชนะ ก็ไม่อาจรู้ได้นี่!
“จำได้ว่าครั้งที่แล้วตอนที่กลับมา ลูกพี่เคยบอกพวกเราไว้ว่า ตอนนี้อยู่ในยุคที่รุ่งเรืองสงบสุข อย่าได้ฆ่าฟันกันมากไป ดังนั้น ความโหดร้ายในตัวผม ไม่เคยได้ปลดปล่อยออกมา”
“ตอนนี้ ลูกศิษย์และเพื่อนๆของผมบาดเจ็บหนัก ลุงเฉียนที่ปฏิบัติกับผมเหมือนลูกชายมาตลอดก็ถูกพวกคุณทำร้ายจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้ ความโหดร้ายนั้นในใจผม ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกแล้ว”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็ยกแขนขึ้นมา:“ตั้งแต่นี้ไป คนของเซราฟิม ผมเจอใคร ก็จะฆ่าคนนั้น จนกว่าจะฆ่าล้างพวกคุณให้หมด”
“คุณชาย คุณถอยไป”
ส้าวส้วยเห็นหลิงหลงที่พื้น ก็พูด:“หลิงหลงยังมีลมหายใจ และใจเต้น คุณไปดูว่าเธอเป็นอะไรไหม”
“ผมช่วยคุณได้ คนตั้งเยอะอย่างนี้ คุณรับมือไหวเหรอ?”
หลี่ฝางคิดว่าตอนนี้ส้าวส้วยเหลาะแหละเกินไป ยังไงฝ่ายตรงข้ามก็เยอะขนาดนี้ ถึงเป็นพ่อตัวเอง ถ้าต้องรับมือด้วย ก็ลำบาก
ครั้งที่แล้วตอนที่หลอซ่าฆ่าจูเก่อและคนพวกนั้น ก็กระอักเลือดออกมาแล้ว
ฉากนั้น หลี่ฝางยังจำได้อยู่
แต่ตอนนี้ กำลังที่แข็งแกร่งของเซราฟิมต่างอยู่ที่นี่ การเตรียมการด้านการรบแบบนี้ ไม่อ่อนแอเช่นคืนนั้น
“ตอนนี้ ผมได้รับการถ่ายทอดเลือดของพ่อผมแล้ว ร่างกายมีกำลังภายใน ถึงแม้ใช้ไม่ค่อยเป็น แต่อย่างน้อยก็ช่วยคุณได้”
หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วย:“ผมไม่ใช่ผมในเมื่อก่อนแล้ว”
“ผมรู้”
ส้าวส้วยพูด:“แต่ขยะพวกนี้ ยังไม่มากพอที่จะให้ผมต้องหามือช่วย”
ส้าวส้วยมองหลิงหลง พูดกับหลี่ฝางว่า:“คุณไปดูแลหลิงหลงเถอะ เธอจะฟื้นแล้ว”
ตอนที่หลี่ฝางยังอยากจะพูดอะไรนั้น ส้าวส้วยก็พูด:“ถ้าต้องการอะไร ผมจะจะเรียกคุณ หรือว่า ถ้าคุณเห็นผมไม่ไหว ค่อยเข้ามาช่วยผมก็ได้”
คนของเซราฟิม ต่างมองส้าวส้วยกับหลี่ฝาง ไม่เลือกลงมือในเวลานี้
ชีซาพวกเจ้าสำนักนี้รู้ความแข็งแกร่งของหลี่ฝางดี
ถึงแม้ตอนนี้หลี่ฝางยังฝึกการใช้กำลังภายในของร่างกายไม่ค่อยชิน แต่ถ้าบ้าระห่ำขึ้นมา ก็มองข้ามไม่ได้
แม้กระทั่งว่า หากไม่ระวัง ก็จะถูกหลี่ฝางทำร้ายบาดเจ็บ
ดังนั้น ส้าวส้วยไล่หลี่ฝางไปข้างๆ เป็นฉากที่พวกเขาอยากดูที่สุด
หลี่ฝางคิด ก็เอาตามเหตุผลนี้ ยังไงก็ไม่อยู่ห่างไกลนัก ถ้าส้าวส้วยเจอความลำบากอะไร ถึงตอนนั้นตัวเองค่อยเข้ามาช่วย
ส่วนหลิงหลงก็หมดสติที่พื้นนานแล้ว สรุปว่ารอดหรือตายนั้น หลี่ฝางเป็นห่วงสุดๆ
ถึงแม้ หลิงหลงกับหลี่ฝางรู้จักกันไม่นาน แต่ว่า หลี่ฝางกลับเห็นเธอเป็นพี่สาวของตัวเอง
อีกอย่างหลิงหลงก็ดูแลหลี่ฝางมากพอ
หลี่ฝางวิ่งเข้ามา อุ้มหลิงหลงที่อยู่ตรงพื้นขึ้นมา หลิงหลงในตอนนี้ ร่างกายมีการตอบสนองที่อ่อนแรง เธอฟื้นมา ก็ไออย่างรุนแรง แล้วอ้วกเป็นเลือด
“พี่หลิงหลง”
หลี่ฝางเรียกไป น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกัน สำหรับหมาป่าละโมบกับโพ่จุน ในใจของหลี่ฝาง ก็รู้สึกอาฆาตมาก
ถึงส้าวส้วยจะปล่อยพวกเขา หลี่ฝางก็ไม่ยอม
“พี่หลิงหลง คุณไม่เป็นไรนะ?”หลี่ฝางถามอย่างเป็นห่วงมาก
แต่พอถามจบ หลี่ฝางก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไร้สาระ คำถามแบบนี้ อีกฝ่ายต้องบอกไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ความจริง?
กระอักเลือดออกมา และทั้งตัวมีบาดแผลสาหัสมาก นี่มันต้องเป็นอยู่แล้ว
หลิงหลงส่ายหน้า ดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงพูด เธอมองหลี่ฝาง ยิ้มให้ เห็นอย่างชัดเจนว่า หลี่ฝางไม่เป็นอะไร ในใจหลิงหลงนั้นมีความสุขสุดๆ
และตอนหลิงหลงเงยหน้าขึ้น เห็นส้าวส้วยเผชิญหน้ากับกลุ่มคน ทันใดนั้น รอยยิ้มที่ใบหน้าหลิงหลง เหมือนจะหายไปหมด
“ส้าวส้วย……ส้าวส้วยมีอันตราย พวกเขาแข็งแกร่งมาก”
ในการต่อสู้ หลิงหลงตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหมาป่าละโมบ โพ่จุน สองคนนี้ กังฟูสูงกว่าหลิงหลงเยอะมาก
ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย
หลิงหลงถูกปราบอย่างง่ายดาย กระทั่งว่าเกือบถูกฆ่าตาย
ก็ไม่รู้ว่าเพราะว่าอะไร สุดท้ายโพ่จุนดันไว้ชีวิตเธอ ไม่ฆ่าเธอ และยังพาเธอออกมา
หลิงหลงอยากยืนขึ้นมาไปช่วยส้าวส้วย แต่หลิงหลงในตอนนี้ อย่าว่าแต่ช่วยเลย แรงที่จะยืนขึ้นมา ยังไม่มี
แต่ว่า หลิงหลงก็ยังพยายามที่จะยืนขึ้นมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
หลี่ฝางดึงแขนของหลิงหลง แล้วพูดว่า:“ส้าวส้วยเขาสู้คนเดียวได้”
ใบหน้าของหลิงหลง เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย หลิงหลงสัมผัสได้ ส่วนความแข็งแกร่งของส้าวส้วย หลิงหลงก็รู้ดีสุดๆ
ถ้าสู้ตัวต่อตัว หรือว่าหนึ่งต่อสอง หลิงหลงก็คิดว่าส้าวส้วยไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้ ส้าวส้วยคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับสามสิบกว่าคน
แล้วจะสู้ยังไง?
นี่มันล้วนแต่เป็นสถานการณ์ที่เหนือกว่า
ในใจของหลิงหลง เวลานี้ร้อนใจแทบตายแล้ว
จู่ๆหลิงหลงก็ถามไปว่า:“ลูกพี่ล่ะ?”
หลิงหลงรู้ว่า ถ้าลูกพี่กลับมา บางที สถานการณ์อาจจะพลิกกลับ
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามมีมากแค่ไหน แค่มีหลอซ่าอยู่ หลิงหลงก็ไม่กังวลและกลัว
ที่ตัวหลอซ่า มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมาก แค่มีเขาอยู่ การต่อสู้ ก็ไม่มีทางแพ้
แต่ หลิงหลงมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นร่างของหลอซ่า
เวลานี้ หัวใจของหลิงหลง ก็เต้นขึ้นมา:“ลูกพี่ไม่ได้กลับมากับส้าวส้วยเหรอ?”
หลี่ฝางส่ายหน้า เกี่ยวกับพ่อของตัวเอง หลี่ฝางยังไม่ทันถามส้าวส้วย ได้แต่รอให้หลังจากส้าวส้วยสู้ครั้งนี้เสร็จ ค่อยหาโอกาสถามละกัน
เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ หลี่ฝางไม่รู้ว่าใครจะชนะ ยังไงคู่ต่อสู้ก็แข็งแกร่งมาก แต่ส้าวส้วยในตอนนี้ เหมือนจะเป็นคนละคนกับส้าวส้วยเมื่อก่อน
เหมือนว่าเขาก็ฝึกกำลังภายใน หลี่ฝางนั่นจำได้อย่างดีว่า ก่อนออกเดินทาง ส้าวส้วยยังไม่ฝึกกำลังภายในเลย
ดังนั้น ส้าวส้วยในวันนี้ กับส้าวส้วยเมื่อก่อน ไม่อาจจะเอามาเปรียบเทียบกันได้
ตอนนี้เอง ส้าวส้วยหยิบหน้ากากออกมา จากในอ้อมแขนตัวเอง นั่นเป็นหน้ากากผีของหลอซ่า
ในขณะที่ใส่หน้าหน้ากากนี้ โพ่จุนก็ลงมือคนแรก ความเร็วของเขานั้นไวมาก และที่เขาเก่งที่สุด ก็คือหมัดของตัวเอง
เขาเหมือนกับเหยื่อตัวหนึ่ง พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนส้าวส้วยเอามือข้างหนึ่งสวมหน้ากากดีแล้ว มืออีกข้าง ก็บีบคอของโพ่จุนโดยตรง
ความเร็วของโพ่จุนนั้นว่องไวมาก แต่ในสายตาของส้าวส้วย กลับไม่คู่ควรให้พูดถึง
ตอนที่หมาป่าละโมบกับชีซาจะพุ่งเข้ามา กลับคิดไม่ถึงว่า ส้าวส้วยดันใช้เวลาสั้นๆ บีบคอของโพ่จุน
ส่วนคอนั้น เป็นถึงจุดชีวิต
ถ้าถูกคนบีบคอ กับถูกฆ่านั้น ก็ไม่ต่างอะไรกัน
ในปากของส้าวส้วยเผยรอยยิ้มอันร้ายกาจ:“นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักเซราฟิมเหรอ?”
น้ำเสียง เยาะเย้ยอย่างมาก
ฉับ ส้าวส้วยบิดคอของโพ่จุนออก