NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1032 ภาพมายาที่ไม่รู้จบ

บทที่ 1032 ภาพมายาที่ไม่รู้จบ

“มันอะไรกันเนี่ย?” จู่ ๆ ภายในใจของหลี่ฝางก็ได้เกิดสัญญาณเตือนภัยขึ้นมา กำลังจะลองปลุกกู่ยี่เทียนดู กลับเห็นว่าจู่ ๆ เขาก็ได้ลืมตาขึ้น และกระอักเลือดสด ๆ ออกมาทันที

“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางตกใจ

ในขณะเดียวกันนั้นร่างไร้วิญญาณของจูหลงที่อยู่ด้านบนก็ได้สลายหายไปอีกครั้ง

“ไปเร็ว!” กู่ยี่เทียนตะโกนออกมา และลากหลี่ฝางออกไปทางด้านนอกของตำหนัก

ทันใดนั้นตำหนักก็ได้หดเล็กลง เร็วกว่าครั้งที่แล้วอีกมาก เพียงชั่วพริบตาก็ได้หดเล็กลงถึงขั้นแทบจะไม่อาจออกไปไม่ได้

ความเร็วของทั้งสองคนก็ได้ถึงขีดจำกัดอีกครั้ง พุ่งออกมาจากประตูใหญ่ราวกับลำแสง

เพียงแต่ว่าในครั้งนี้พวกเขายังไม่ทันได้มองเห็นโลกภายนอกอย่างชัดเจนด้วยซ้ำ ที่ตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นพร่ามัวไปหมด

พอรู้ตัวอีกที ทั้งสองคนก็ได้ยืนอยู่บนลานกว้างอีกครั้งแล้ว

“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

กู่ยี่เทียนเงียบไปสักพัก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา: “เดิมทีฉันอยากจะลองดูว่าถ้าพูดคุยกับจิ๋นซีฮ่องเต้จะเป็นยังไง แต่ว่า……”

กู่ยี่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น พลางกล่าว: “จูหลงได้โจมตีฉันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีทางเลือก ฉันจึงทำได้เพียงสู้กับเขา คิดไม่ถึงว่า ทั้ง ๆ ที่เขตแดนที่เขาแสดงออกมานั้นเหมือนกันกับฉัน แต่กลับกดทับฉันเอาไว้ได้ตลอดเวลา……และอัดฉันจนตาย……”

“หลังจากที่นายตายไป ก็ได้ตื่นขึ้นมาจากโลกมายางั้นเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“ใช่” กู่ยี่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น: “ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพวกเราได้อยู่ในโลกมายามาโดยตลอด ยังไม่ได้หลุดพ้นออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ”

“ลองดูอีกครั้ง ครั้งนี้ให้ฉันไปลองประมือดู!”

“โอเค!” กู่ยี่เทียนพยักหน้า ทั้งสองคนเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ได้พุ่งตัวเข้าไปในอากาศอีกครั้ง

ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งสองคนทะลวงไปอย่างรวดเร็ว บุกขึ้นไปบนขั้นสูงสุด ทันใดนั้นภาพมายาก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ หลี่ฝางได้กวาดปัดอาหารชั้นเลิศบนโต๊ะลงไปบนพื้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ จ้องมองจูหลงด้วยสายตาร้อนแรง และตวาดเสียงยาว: “กล้าที่จะสู้กับฉันสักตั้งไหม!”

ทันใดนั้น ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็กรีดร้องวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ส่วนจูหลงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรนั้นก็ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาในที่สุด เขาถือกระบี่และโจมตีเข้ามาหาหลี่ฝาง

ทันใดนั้นมันก็ได้กลายเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญ

เขตแดนที่จิ๋นซีฮ่องเต้แสดงออกมานั้นเหมือนกันกับหลี่ฝาง แต่ทว่าพลังของเขากลับแข็งแกร่งกว่าหลี่ฝาง เท้าและหมัด ต่างก็แฝงไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ มักจะเห็นอยู่เต็มท้องฟ้า กระบวนท่าอันเลิศล้ำถูกใช้ออกมากระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่า จู่โจมกดดันหลี่ฝางอย่างสิ้นเชิง

“ไม่ไหว ถ้าสู้แบบนี้ต่อไป ฉันคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” หลี่ฝางกัดฟันแน่น จู่ ๆ เขาก็จะมีความคิดอันบ้าคลั่งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาพลันเปลี่ยนกระบวนท่า ต่อต้านกระบวนท่าจิ๋นซีฮ่องเต้เอาไว้ซึ่ง ๆ หน้า และเบี่ยงตัวหลุดพ้นจากจูหลงออกมาได้ แล้ววิ่งพุ่งไปยังประตูใหญ่ทันที!

ด้านหลังจูหลงได้ยืนมองเขาอยู่ที่เดิมอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้วิ่งตามขึ้นมา หลี่ฝางเองก็ไม่รีรอ เขาผลักเปิดประตูใหญ่ออกทันที!

ท่านใดนั้น แสงสว่างก็ได้สาดกระทบเข้าที่ดวงตาของหลี่ฝาง!

ในตอนที่หลี่ฝางรู้สึกตัวขึ้นมานั้น ที่ด้านหน้าก็เป็นใบหน้าที่ร้อนรนของกู่ยี่เทียน

“ไปเร็ว!”

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาเลยสักนิด เพียงแค่อึดใจเดียวตำหนักใหญ่ก็ได้ขังพวกเขาเอาไว้แล้ว จากนั้นกาลเวลาก็ได้เปลี่ยนไป ฟ้าดินกลับตาลปัตร

หลี่ฝางที่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ลานกว้างอีกครั้ง รู้สึกว่าได้วิงเวียนไปทั้งตัว

“พวกเรา……ได้ลองไปกี่ครั้งแล้ว” แววตาของกู่ยี่เทียนผิดปกติเล็กน้อย

หลี่ฝางไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ได้พยายามทำให้ความรู้สึกฉุนเฉียวของตัวเองนั้นสงบลง

พยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผล และเวลาที่เหลือให้พวกเขาตอบสนองก็สั้นลงไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสที่จะไปสำรวจอีกแล้ว!

“ฉันจำได้ว่านี่เป็นครั้งที่สิบแล้ว……แต่ทำไมถึงมีแค่ความทรงจำในแปดครั้ง……” เสียงพึมพำกับตัวเองของกู่ยี่เทียนดังลอยมา ภายในใจยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก

“พูดบ้าบออะไรของนาย พวกเราไม่ใช่……”

จู่ ๆ ร่างกายของหลี่ฝางก็สั่นสะท้านขึ้นมา แค่สามครั้งจริง ๆ เหรอ? แต่ว่าทำไม……เขาถึงรู้สึกว่าได้ลองใช้วิธีที่ไม่เหมือนกันไปมากมายหลายวิธี?

ความทรงจำของหลี่ฝางเริ่มสับสนขึ้นมา แม้แต่ตัวเขาเองก็เริ่มที่จะสงสัย ตกลงตัวเองได้ลองไปกี่ครั้งแล้วฉากต่างๆ ภาพเหตุการณ์ในหัวเริ่มที่จะสับสนปนเปขึ้นมา

“ลองดูอีกครั้งเถอะ……” กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างยากลำบาก

“นายอยู่ที่นี่!” หลี่ฝางตวาดขึ้นมา เมื่อเห็นสภาพของกู่ยี่เทียนในตอนนี้ จึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างเด็ดขาด: “ฉันจะไปคนเดียวเอง พวกเราสองคนแยกกันปฏิบัติการลองดู!”

เพิ่งจะกล่าวจบ หลี่ฝางก็ได้พุ่งตัวเข้าไปยังอากาศ ระหว่างนั้นไม่ได้มีการล่าช้าใด ๆ เลยสักนิด ตลอดทางเขาต้องการเพียงคำเดียว——เร็ว!

เขาต้องการหลุดพ้นออกมาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เป็นอย่างที่คิด หลี่ฝางที่เพิ่งจะออกมาจากดินแดนมายา ยังไม่ทันได้รอให้เขารู้สึกตัวจากอาการวิงเวียน เพดานทองคำของตำหนักใหญ่ก็ได้ตกลงมาบนหัวของเขา

ภาพหมุนเลือนราง หลี่ฝางก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ลานกว้างอีกครั้ง

“ครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง?” หลี่ฝางเอ่ยถามกู่ยี่เทียนอย่างร้อนรน

“อะไร?” กู่ยี่เทียนเบลอไปเล็กน้อย

“หลังจากที่ฉันเข้าไปคนเดียวในครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น? ฉันได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างกะทันหันไหม?” หลี่ฝางเอ่ยถามอย่างร้อนรน

“หลังจากที่เข้าไปแล้ว……” กู่ยี่เทียนเงียบไป สายตาจ้องมองหลี่ฝางอย่างแปลกประหลาด: “นายไม่ได้ขยับเลย……ไม่ได้เข้าไป……”

“อะไรนะ!” หลี่ฝางเบิกตากว้าง จ้องมองกู่ยี่เทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ทั้งสองคนต่างก็ได้เงียบไป

เรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว

หลี่ฝางมองดูหน้าผาที่ลึกจนไม่เห็นก้นนั่น มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา

จู่ ๆ กู่ยี่เทียนก็ได้ตะโกนขึ้นมา: “ฉันต้องกลับไปดูให้แน่ใจสักหน่อย ว่าคนพวกนั้นยังอยู่หรือเปล่า นายรอฉันแป๊บหนึ่ง!”

หลี่ฝางไม่ได้สนใจคำพูดของกู่ยี่เทียน ยังคงจ้องเขม็งไปที่ก้นหน้าผา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท