NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1052 เงื่อนไขการขอลางาน

บทที่ 1052 เงื่อนไขการขอลางาน

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจและรู้จักกับทุกคนอย่างคร่าว ๆ แล้ว หลี่ฝางก็ไม่มีอะไรทำ

เขาเองก็ไม่อยากจะจัดการดูแลอะไร ก็เลยตัดสินใจ ให้ส้งหลงทำหน้าที่อย่างที่เคยทำมาก่อนเหมือนเดิม เขามีเพียงแค่ชื่ออยู่ตำแหน่งเท่านั้น ไม่นานก็ทำให้แผนกรักษาความปลอดภัยกลับเข้าสู่สภาพเดิม

วันถัดมา หลี่ฝางส่งหยางฉงมาถึงบริษัท ก็ได้ไปที่แผนกรักษาความปลอดภัยทันที

ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ได้มาถึงแล้ว

วันรุ่งขึ้น หลี่ฝางยังคงไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม

ทันทีที่เห็นหลี่ฝาง ทุกคนต่างก็ทยอยเข้ามาทักทาย

“หัวหน้าหลี่!”

“อรุณสวัสดิ์ครับหัวหน้าหลี่!”

“หัวหน้าหลี่อรุณสวัสดิ์ครับ!”

หลี่ฝางพยักหน้า เขามองดูรูที่อยู่บนกำแพง และเอ่ยถามขึ้นมาด้วยหน้าตาแปลก ๆ : “กำแพงนี่จะให้มันอยู่แบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยรึไง??

“ไม่หรอกครับ ทางฝ่ายบัญชียังไม่อนุมัติ น่าจะต้องรออีกสักระยะถึงจะมีคนมาซ่อม เพราะถึงยังไงแผนกรักษาความปลอดภัยของพวกเรา ไม่ค่อยจะถูกให้ความสำคัญสักเท่าไหร่……” โจวหมิงอธิบายอย่างจนใจ

หลี่ฝางพยักหน้าอย่างไม่แยแส ยังไงก็ไม่มีคนเห็นอยู่แล้ว สำหรับพวกเขา กำแพงเป็นรูก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร

ในเวลานี้ ส้งหลงได้เดินเข้ามาและกล่าวอย่างจริงจัง: “หัวหน้า ผมอยากขอลางานหน่อยครับ”

“ได้” หลี่ฝางเอ่ยตกลงอย่างไม่ลังเล

ส้งหลงชะงักงัน

“คุณไม่ถามเหตุผลหน่อยเหรอ?”

คนอื่น ๆ ต่างก็มีท่าทางประหลาดใจ ถ้าหากอนุญาตให้ลาง่ายแบบนี้ละก็……

“ไม่ต้องถามเหตุผล ใครที่สามารถรับมือผมได้สามกระบวนท่าสามารถลางานได้ตามอำเภอใจ” หลี่ฝางยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์โดยที่ผู้คนไม่สามารถสังเกตเห็นได้

ทันใดนั้น ภายในห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ได้เจี๊ยวจ๊าวขึ้นมา

ถึงแม้หลี่ฝางร้ายกาจก็จริง แต่ต่อให้ตัวเองจะต้องถูกอัด ถึงยังไงสามกระบวนท่าก็น่าจะรับได้อยู่หรอก?

ภายในใจของทุกคนต่างก็คิดเช่นนั้น

“ผม ผมลองดู!” ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งยืนออกมา

ทุกคนต่างก็พากันร้องเชียร์ขึ้นมา

“หานจื้อเย่ สู้ ๆ!”

“รับได้สามกระบวนท่า นายก็คือขุนนางดีเด่น!”

หานจื้อเย่เดินเข้ามา และยิ้มให้กับหลี่ฝางพลางกล่าว: “หัวหน้า ล่วงเกินแล้ว!”

กล่าวจบ เขาก็เอามือทั้งสองข้างกุมหัวเอาไว้และนั่งยองย่อลงไปบนพื้นเตรียมที่จะถูกอัด เพราะถึงยังไงหลี่ฝางก็ไม่ได้พูดอย่างอื่น แค่ถูกอัดก็จบแล้ว

ทนรับสามหมัดแรกกับการลางานได้ตามอำเภอใจ? คุ้มค่ามากเกินไปแล้ว!

แต่น่าเสียดาย ที่เขากำลังเผชิญหน้าด้วยนั้นคือหลี่ฝาง

ร่างของเขาพึ่งจะย่อต่ำลง หลี่ฝางก็ยกขาขึ้นมาเตะเบา ๆ เกี่ยวเข้าที่น่องของหานจื้อเย่ ทำให้เขาเสียสมดุลในการทรงตัวและล้มหงายหลังไป แขนทั้งสองข้างกางออกโดยไม่ได้ตั้งใจ สัญชาตญาณสั่งให้เขาคว้าจับอะไรบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงไป

หลี่ฝางยื่นมือออกไปคว้า และจับคอเสื้อของเขาเอาไว้ได้ แล้วดึงมาด้านหน้า ตอนนี้หานจื้อเย่ได้ล้มไปด้านหน้าแทน ลงไปนอนค่ำอยู่บนพื้น ล้มหัวคะมำเลยทีเดียว

“เป็นไง พวกนายยังอยากจะลองอีกไหม?”

“ผมลองดู!” โจวหมิงที่ไม่ยอมทนเหงาอีกต่อไปได้กระโดดออก แต่น่าเสียดายที่ได้ถูกหลี่ฝางล้มลงได้ในกระบวนท่าเดียว และลงไปนอนคว่ำอยู่บนพื้นเช่นเดียวกัน

คราวนี้ ทุกคนต่างได้เข้าใจแล้ว พวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของหลี่ฝางแล้วก็ไม่อาจต่อต้านใด ๆ ได้เลย

ส้งหลงที่อยู่ด้านข้างเองก็มองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ภายในใจได้เต็มไปด้วยความอึ้งทึ่ง

เขาพบว่า ต่อให้เป็นเขาเอง ก็ไม่อาจรับมือกับกระบวนท่าของหลี่ฝางได้ และต้องถูกล้มให้ลงไปกองกับพื้นเหมือนกัน

เป็นที่ประจักษ์ชัด เมื่อวานตอนที่สู้กับเขานั้นหลี่ฝางได้ออมมือ

“ฝีมือของเขาได้ถึงระดับไหนแล้ว?” ส้งหลงได้เดินออกไปจากบริษัท พร้อมกับคำถามนี้

อยู่ที่ห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยมาสองวัน หลี่ฝางก็ค่อนข้างจะเบื่อแล้ว

ไม่มีอย่างอื่น อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อมากเลยจริง ๆ

ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์สร้างความบันเทิงใด ๆ ออกไปเดินลาดตระเวนหรือยืนเฝ้ายามก็ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ฝางไปทำ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ นี่ หรือออกไปเดินเล่นบ้างเป็นบางครั้ง

สำหรับคนที่อยู่เฉยไม่ได้อย่างหลี่ฝาง นี่มันเท่ากับเป็นการทรมานชัด ๆ

กว่าจะทนมาจนใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ส้งหลงที่ลางานไปตอนเที่ยงก็ได้กลับมาที่บริษัทอีกครั้ง สำหรับเรื่องที่เขาลางานไปทำไมนั้น หลี่ฝางเองก็ไม่สนใจ

แต่ว่าก่อนใกล้ถึงเวลาเลิกงานนั่นเอง จู่ ๆ จางเสว่ก็ได้วิ่งเข้ามา และแจ้งข่าวเรื่องหนึ่งกับทุกคน: วันนี้หลังเลิกงานทางบริษัทจะจัดงานเลี้ยง!

ทันทีที่จางเสว่เอ่ยปาก ก็ทำให้ทั่วทั้งห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยเดือดพล่านขึ้นมา

งานเลี้ยงบริษัท? ภายในใจของหลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะสงสัย นี่กำลังเล่นอะไรอีกเนี่ย?

ไม่นาน ทั่วทั้งห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยก็คึกคักขึ้นมา

ทุกคนต่างก็เริ่มแต่งตัวให้กับตัวเองขึ้นมาอย่างขะมักเขม้น เดี๋ยวฉีดสเปรย์จัดทรงผม เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้า ตื่นเต้นเป็นลิงโลดเลยทีเดียว

“หลีกไป รีบหลีกไปเร็ว ให้ฉันดูหน่อยว่าชุดนี้พอดีตัวไหม” โจวหมิงยืนอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทางได้ใจ และเก๊กท่าที่ตัวเองคิดว่าเท่ที่สุด หันไปทางทุกคน

“พอทีเถอะน่า ท่าทางหลงตัวเองของนายน่ะ เย็ดเข้ นี่นายฉีดน้ำหอมด้วยเหรอ?”

“ใช่แล้ว น้ำหอมจากเมืองนอก ฮอร์โมนเพศชาย ดึงดูดสาว ๆ มันไม่ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?”

“นี่ฉันว่านะหลี่เหวย ผมนายน่ะมันซะจนแมลงวันจับเข้ายังต้องขาขาดเลย เลิกทำได้แล้ว เอาสเปรย์เซตผมมาให้ฉันใช้บ้างสิ”

มองดูสถานการณ์ตรงหน้า หลี่ฝางที่ยังสวมชุดเครื่องแบบยืนไม่ขยับอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย

คนพวกนี้ มีความพยายามมากจริง ๆ

ในเวลานี้ทุกคนก็ได้พบเห็นหลี่ฝางที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่อย่างเบื่อหน่าย และส้งหลงที่ออกกำลังกายอยู่อย่างเงียบ ๆ ต่างก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“หัวหน้าหลี่ หัวหน้าส้ง พวกคุณไม่เปลี่ยนชุดเหรอครับ?”

“ทำไมเหรอ?” ส้งหลงมีท่าทีงงงวย

“เปลี่ยนเถอะ คนอื่นเขาจะได้ไม่เข้าใจผิด” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

สวมชุดเครื่องแบบไปงานเลี้ยง อย่าคิดที่จะไม่เป็นจุดเด่นเลย จะต้องดึงดูดสายตาผู้คนมากแน่ ๆ

ไม่นานหลี่ฝางก็ได้เปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมตัวที่ตัวเองใส่ตอนมา ส้งหลงที่อยู่ด้านข้างเองก็เปลี่ยนไปสวมชุดลำลองของตัวเอง และทั้งสองคนก็ได้เดินออกไปข้างนอก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท