NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1152 ศิษย์ผู้อาวุโสส้งร้ายกาจมากเหรอ

บทที่ 1152 ศิษย์ผู้อาวุโสส้งร้ายกาจมากเหรอ

ในที่สุดก็วันศึกตัดสินก็มาถึง

ภูเขาจิ่วเจถูกปิดล็อกไว้นานแล้ว คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย

แน่นอนว่าเหตุผลต้องไม่ใช่เพราะว่าปรมาจารย์ทั้งสองท่านจะดวลกัน เพราะว่าสำหรับคนธรรมดาแล้วนี่ก็ไร้สาระมากไป

ส่วนคนที่มีฐานะ แน่นอนว่าต้องรู้เบื้องหลัง ต่างก็ทยอยมาเตรียมตัวดูความครึกครื้น

แต่ว่าถึงจะเป็นพวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปใกล้มาก ไม่ใช่แค่เพราะว่าไม่อนุญาต และก็เพราะว่าศึกต่อสู้ของจอมยุทธแดนเต๋านั้นอันตรายเกินไป พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้มาก

ถึงยังไง ฐานะของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา และฐานะที่ไม่ธรรมดา ก็แสดงถึงการหวงแหนชีวิต ยิ่งฐานะสูงยิ่งเป็นแบบนั้น

ตอนนี้ถังโจวก็ได้ไปถึงยอดภูเขาจิ่วเจนานแล้ว กำลังรอให้หลี่ฝางปรากฏตัว

คนที่อยู่ด้านล่างภูเขาก็ตั้งตารอคอย เพราะว่าหลี่ฝางโผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลันเป็นเวลาสั้นๆ มีไม่กี่คนที่เคยเห็นหลี่ฝางลงมือด้วยพลังจริงๆ เพราะว่าคนที่เคยเห็นส่วนมากก็ตายกันหมด

แต่ครั้งนี้มีโอกาสพอที่จะได้เห็นความสามารถของหลี่ฝางจอมยุทธที่แข็งแกร่งของแดนเต๋าที่ชื่อเสียงเลื่องลือลงมือเองจริงๆ แทบจะไม่มีใครอยากจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้

ในกลุ่มคนพวกนี้ และที่น่าแปลกใจก็มีที่ว่าง ด้านในมีคนยืนอยู่ไม่กี่คน ที่มีความแตกต่างอย่างมากกับฝูงชนที่อยู่รอบข้าง

คนพวกนั้นก็คือคนตระกูลเจิ้ง

เป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง แน่นอนว่าก็ต้องมีภาพพจน์หรูหราของตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง

ในตอนนี้ด้านในฝูงชน ก็มีคนพูดถึงเรื่องนี้ตลอดไม่หยุด

“รู้แบบนี้ฉันไม่มาหรอก คนเยอะเบียดเสียดขนาดนี้ มาเพื่อดูปรมาจารย์สองคนสู้กัน? แถมยังอยู่ห่างขนาดนี้ จะไปเห็นอะไรได้?”

“ปรมาจารย์แดนเต๋ากับปรมาจารย์ธรรมดามันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ แม้ว่าจะอยู่ด้านล่าง ก็ยังเห็นมันได้” ชายชราที่มองดูแล้วธรรมดาพูดขึ้นอยู่ข้างๆ

“ยิ่งไปกว่านั้น ศึกในครั้งนี้ทั้งสองฝ่าย ฐานะไม่ธรรมดาเลย ศึกครั้งนี้ มันยังกำหนดชะตากรรมของตระกูลชั้นสูงด้วย”

“ไม่ผิด ศึกครั้งนี้ เป็นศึกครั้งใหญ่ที่เหล่าจอมยุทธต้องไม่พลาด!” ชายร่างสูงตระหง่านที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น

“จะพูดยังไงก็ยังเป็นแค่นักต่อสู้สองคนไม่ใช่เหรอ?” หนุ่มที่พูดเมื่อครู่ก็ยังคงพูดอย่างดูถูก

“นักต่อสู้?” ชายชราชุดดำที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหึออกมาอย่างเย็นชา จู่ๆ ก็ปล่อยออร่าออกจากร่างกาย ทำให้สีหน้าของคนรอบข้างเปลี่ยนไปทันที

“ท่านนั้นคือปรมาจารย์เห้อนี่!” มีคนร้องออกมาอย่างตกใจ และก็จำฐานะของชายชราสวมชุดดำได้ในทันที

ชายหนุ่มที่เอ่ยปากพูดเมื่อครู่ หลังจากรู้สึกพลังงานที่ปรมาจารย์เห้อปล่อยออกมา หน้าก็ซีดลงไป พูดอะไรไม่ออกแล้ว

ปรมาจารย์เห้อมองไปรอบข้างอย่างพอใจเล็กน้อย จู่ๆ ก็พบว่าชายชราธรรมดาไม่สนใจพลังงานที่เขาปล่อยออกมาเลยสักนิด ราวกับว่ามองไม่เห็นเขาอย่างนั้นแหละ แตกต่างจากการแสดงออกที่ดูเคารพของคนรอบข้าง

ทันใดนั้น ปรมาจารย์เห้อก็ไม่โอเคเล็กน้อย อยากจะรู้ว่าชายชราคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่ถึงได้กล้าเมินเขาแบบนี้

ปรมาจารย์เห้อคิดแบบนี้ พลางค่อยๆ ใช้วิธีถอดหมวกของชายชราคนนั้นออก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายชราคนนั้นกลับนำไปหนึ่งก้าว ถอดหมวกของตัวเองออกมา และยิ้มอ่อนพลางมองเขา

วินาทีนั้น สีหน้าของปรมาจารย์เห้อก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว และพูดเสียงสั่น: “ส้ง……ศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”

“ศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”

คนรอบข้างบางคนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

“ส้งหมิงศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”

ทันใดนั้น สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อแต่ละคู่ ทั้งหมดก็มารวมกันอยู่ตรงนี้

“เป็นศิษย์ผู้อาวุโสส้งหมิงเอง!”

อันดับกำลังภายในอันดับที่ยี่สิบเอ็ด ชื่อเสียงของส้งหมิงดังไปทั่วล่า แม้ว่าจะมีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเกษียณวางมือแล้ว แต่เขาเดินไปที่ในก็ยังคงมีคนให้ความสนใจ

เพราะคำอุทาน สายตาของผู้คนที่มากขึ้นก็ต่างจับจ้องมาที่นี่

“ศิษย์น้องล่วงเกินศิษย์ผู้อาวุโสส้ง สมควรตายเป็นหมื่นครั้ง กรุณาลงโทษศิษย์น้องด้วย!” ปรมาจารย์เห้อเหงื่อแตกผลั่ก แต่ก็ไม่กล้าเช็ด ทำได้แค่ก้มหัวยอมรับผิดอย่างเชื่องๆ

ความแตกต่างของปรมาจารย์ยุทธภพกับปรมาจารย์กำลังภายใน เขารู้ดีมากๆ โดยเฉพาะคนที่มีกำลังภายในอันแข็งแกร่งอย่างส้งหมิง เกรงว่าแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถฆ่าเขาได้แล้วเป็นเรื่องปกติ

“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด” ส้งหมิงพูดอย่างนิ่งๆ

ทันใดนั้น ในใจของปรมาจารย์เห้อก็โล่งใจ และรีบงอเอวโค้งคำนับไปทางส้งหมิงอย่างรัวๆ

ความเคลื่อนไหวด้านนี้ไม่นานก็เข้าหูทางฝั่งเจิ้งชิง ทันใดนั้น เจิ้งชิงก็มาเชิญส้งหมิงไปดูศึกต่อสู้กับเขา ด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นคุณท่านตระกูลเจิ้งมา ทันใดนั้น คนรอบข้างก็หลีกทางให้อย่างเชื่องๆ เชิญส้งหมิงไป

ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเพราะๆ ของผู้หญิงดังขึ้นจากฝูงคน

“ศิษย์ผู้อาวุโสส้งเก่งกาจมากเลยเหรอ?”

ทันใดนั้น ประโยคนี้นำพาความโมโหของผู้คน

“ถามอะไรเหนี่ย ผู้หญิงคนนี้ใครพามากัน ยังไม่รีบมาพากลับไปอีก!”

“แม้แต่ศิษย์ผู้อาวุโสส้งยังไม่รู้จัก ประสบการณ์สักนิดก็ไม่มีงั้นเหรอ น่าขายหน้าจริง!”

ทันใดนั้น แต่ละประโยคก็พากันแห่ไปว่าผู้หญิงที่พูดคนนั้น และไม่นาน ชายหญิงคู่นึงก็ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน

ผู้หญิงที่สวยมากๆ คนนั้น เพราะว่าถูกคนรอบข้างกล่าวโทษ ใบหน้าจึงมีความน้อยใจเล็กน้อย

เพราะว่าเธอไม่รู้จักส้งหมิงจริงๆ ดังนั้นถึงได้ถามไปแบบนั้น คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนอื่นกล่าวโทษมากมายแบบนี้

เมื่อเห็นสภาพของผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มด้านข้างก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูด: “เขาคือคนที่แพ้ให้กับฉัน ไม่ถือว่าเก่งกาจมากหรอก”

เมื่อพูดออกไป จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง

หลังจากที่คนรอบข้างชะงักอยู่ครู่ ก็หัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องน่าขันสุดๆ

ใต้ฟ้านี้จะมีกี่คนที่กล้าพูดว่าส้งหมิงพ่ายแพ้ให้กับเขากัน?

ทันใดนั้น กลุ่มคนที่มุงดูกลุ่มนึงก็ชี้นิ้วไปที่ชายคนนั้น เตรียมที่จะวิจารณ์เขา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท