ในที่สุดก็วันศึกตัดสินก็มาถึง
ภูเขาจิ่วเจถูกปิดล็อกไว้นานแล้ว คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
แน่นอนว่าเหตุผลต้องไม่ใช่เพราะว่าปรมาจารย์ทั้งสองท่านจะดวลกัน เพราะว่าสำหรับคนธรรมดาแล้วนี่ก็ไร้สาระมากไป
ส่วนคนที่มีฐานะ แน่นอนว่าต้องรู้เบื้องหลัง ต่างก็ทยอยมาเตรียมตัวดูความครึกครื้น
แต่ว่าถึงจะเป็นพวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปใกล้มาก ไม่ใช่แค่เพราะว่าไม่อนุญาต และก็เพราะว่าศึกต่อสู้ของจอมยุทธแดนเต๋านั้นอันตรายเกินไป พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้มาก
ถึงยังไง ฐานะของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา และฐานะที่ไม่ธรรมดา ก็แสดงถึงการหวงแหนชีวิต ยิ่งฐานะสูงยิ่งเป็นแบบนั้น
ตอนนี้ถังโจวก็ได้ไปถึงยอดภูเขาจิ่วเจนานแล้ว กำลังรอให้หลี่ฝางปรากฏตัว
คนที่อยู่ด้านล่างภูเขาก็ตั้งตารอคอย เพราะว่าหลี่ฝางโผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลันเป็นเวลาสั้นๆ มีไม่กี่คนที่เคยเห็นหลี่ฝางลงมือด้วยพลังจริงๆ เพราะว่าคนที่เคยเห็นส่วนมากก็ตายกันหมด
แต่ครั้งนี้มีโอกาสพอที่จะได้เห็นความสามารถของหลี่ฝางจอมยุทธที่แข็งแกร่งของแดนเต๋าที่ชื่อเสียงเลื่องลือลงมือเองจริงๆ แทบจะไม่มีใครอยากจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้
ในกลุ่มคนพวกนี้ และที่น่าแปลกใจก็มีที่ว่าง ด้านในมีคนยืนอยู่ไม่กี่คน ที่มีความแตกต่างอย่างมากกับฝูงชนที่อยู่รอบข้าง
คนพวกนั้นก็คือคนตระกูลเจิ้ง
เป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง แน่นอนว่าก็ต้องมีภาพพจน์หรูหราของตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง
ในตอนนี้ด้านในฝูงชน ก็มีคนพูดถึงเรื่องนี้ตลอดไม่หยุด
“รู้แบบนี้ฉันไม่มาหรอก คนเยอะเบียดเสียดขนาดนี้ มาเพื่อดูปรมาจารย์สองคนสู้กัน? แถมยังอยู่ห่างขนาดนี้ จะไปเห็นอะไรได้?”
“ปรมาจารย์แดนเต๋ากับปรมาจารย์ธรรมดามันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ แม้ว่าจะอยู่ด้านล่าง ก็ยังเห็นมันได้” ชายชราที่มองดูแล้วธรรมดาพูดขึ้นอยู่ข้างๆ
“ยิ่งไปกว่านั้น ศึกในครั้งนี้ทั้งสองฝ่าย ฐานะไม่ธรรมดาเลย ศึกครั้งนี้ มันยังกำหนดชะตากรรมของตระกูลชั้นสูงด้วย”
“ไม่ผิด ศึกครั้งนี้ เป็นศึกครั้งใหญ่ที่เหล่าจอมยุทธต้องไม่พลาด!” ชายร่างสูงตระหง่านที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“จะพูดยังไงก็ยังเป็นแค่นักต่อสู้สองคนไม่ใช่เหรอ?” หนุ่มที่พูดเมื่อครู่ก็ยังคงพูดอย่างดูถูก
“นักต่อสู้?” ชายชราชุดดำที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหึออกมาอย่างเย็นชา จู่ๆ ก็ปล่อยออร่าออกจากร่างกาย ทำให้สีหน้าของคนรอบข้างเปลี่ยนไปทันที
“ท่านนั้นคือปรมาจารย์เห้อนี่!” มีคนร้องออกมาอย่างตกใจ และก็จำฐานะของชายชราสวมชุดดำได้ในทันที
ชายหนุ่มที่เอ่ยปากพูดเมื่อครู่ หลังจากรู้สึกพลังงานที่ปรมาจารย์เห้อปล่อยออกมา หน้าก็ซีดลงไป พูดอะไรไม่ออกแล้ว
ปรมาจารย์เห้อมองไปรอบข้างอย่างพอใจเล็กน้อย จู่ๆ ก็พบว่าชายชราธรรมดาไม่สนใจพลังงานที่เขาปล่อยออกมาเลยสักนิด ราวกับว่ามองไม่เห็นเขาอย่างนั้นแหละ แตกต่างจากการแสดงออกที่ดูเคารพของคนรอบข้าง
ทันใดนั้น ปรมาจารย์เห้อก็ไม่โอเคเล็กน้อย อยากจะรู้ว่าชายชราคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่ถึงได้กล้าเมินเขาแบบนี้
ปรมาจารย์เห้อคิดแบบนี้ พลางค่อยๆ ใช้วิธีถอดหมวกของชายชราคนนั้นออก
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายชราคนนั้นกลับนำไปหนึ่งก้าว ถอดหมวกของตัวเองออกมา และยิ้มอ่อนพลางมองเขา
วินาทีนั้น สีหน้าของปรมาจารย์เห้อก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว และพูดเสียงสั่น: “ส้ง……ศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”
“ศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”
คนรอบข้างบางคนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
“ส้งหมิงศิษย์ผู้อาวุโสส้ง?”
ทันใดนั้น สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อแต่ละคู่ ทั้งหมดก็มารวมกันอยู่ตรงนี้
“เป็นศิษย์ผู้อาวุโสส้งหมิงเอง!”
อันดับกำลังภายในอันดับที่ยี่สิบเอ็ด ชื่อเสียงของส้งหมิงดังไปทั่วล่า แม้ว่าจะมีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเกษียณวางมือแล้ว แต่เขาเดินไปที่ในก็ยังคงมีคนให้ความสนใจ
เพราะคำอุทาน สายตาของผู้คนที่มากขึ้นก็ต่างจับจ้องมาที่นี่
“ศิษย์น้องล่วงเกินศิษย์ผู้อาวุโสส้ง สมควรตายเป็นหมื่นครั้ง กรุณาลงโทษศิษย์น้องด้วย!” ปรมาจารย์เห้อเหงื่อแตกผลั่ก แต่ก็ไม่กล้าเช็ด ทำได้แค่ก้มหัวยอมรับผิดอย่างเชื่องๆ
ความแตกต่างของปรมาจารย์ยุทธภพกับปรมาจารย์กำลังภายใน เขารู้ดีมากๆ โดยเฉพาะคนที่มีกำลังภายในอันแข็งแกร่งอย่างส้งหมิง เกรงว่าแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถฆ่าเขาได้แล้วเป็นเรื่องปกติ
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด” ส้งหมิงพูดอย่างนิ่งๆ
ทันใดนั้น ในใจของปรมาจารย์เห้อก็โล่งใจ และรีบงอเอวโค้งคำนับไปทางส้งหมิงอย่างรัวๆ
ความเคลื่อนไหวด้านนี้ไม่นานก็เข้าหูทางฝั่งเจิ้งชิง ทันใดนั้น เจิ้งชิงก็มาเชิญส้งหมิงไปดูศึกต่อสู้กับเขา ด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นคุณท่านตระกูลเจิ้งมา ทันใดนั้น คนรอบข้างก็หลีกทางให้อย่างเชื่องๆ เชิญส้งหมิงไป
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเพราะๆ ของผู้หญิงดังขึ้นจากฝูงคน
“ศิษย์ผู้อาวุโสส้งเก่งกาจมากเลยเหรอ?”
ทันใดนั้น ประโยคนี้นำพาความโมโหของผู้คน
“ถามอะไรเหนี่ย ผู้หญิงคนนี้ใครพามากัน ยังไม่รีบมาพากลับไปอีก!”
“แม้แต่ศิษย์ผู้อาวุโสส้งยังไม่รู้จัก ประสบการณ์สักนิดก็ไม่มีงั้นเหรอ น่าขายหน้าจริง!”
ทันใดนั้น แต่ละประโยคก็พากันแห่ไปว่าผู้หญิงที่พูดคนนั้น และไม่นาน ชายหญิงคู่นึงก็ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
ผู้หญิงที่สวยมากๆ คนนั้น เพราะว่าถูกคนรอบข้างกล่าวโทษ ใบหน้าจึงมีความน้อยใจเล็กน้อย
เพราะว่าเธอไม่รู้จักส้งหมิงจริงๆ ดังนั้นถึงได้ถามไปแบบนั้น คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนอื่นกล่าวโทษมากมายแบบนี้
เมื่อเห็นสภาพของผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มด้านข้างก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูด: “เขาคือคนที่แพ้ให้กับฉัน ไม่ถือว่าเก่งกาจมากหรอก”
เมื่อพูดออกไป จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่คนรอบข้างชะงักอยู่ครู่ ก็หัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องน่าขันสุดๆ
ใต้ฟ้านี้จะมีกี่คนที่กล้าพูดว่าส้งหมิงพ่ายแพ้ให้กับเขากัน?
ทันใดนั้น กลุ่มคนที่มุงดูกลุ่มนึงก็ชี้นิ้วไปที่ชายคนนั้น เตรียมที่จะวิจารณ์เขา