NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1122 เผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งอีกครั้ง

บทที่ 1122 เผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งอีกครั้ง

แต่ทว่าฟางหยู่ถงกลับไม่ชอบใครเลยสักนิด เช่นนั้นหลี่ฝางที่อยู่ตรงหน้าจึงทำให้พวกเธอประหลาดใจยิ่งนัก จึงได้ใช้สติปัญญาทั้งหมดไปคาดเดา

หลี่ฝางเผชิญหน้ากับสายตาอันแปลกประหลาดของทั้งสองคน เขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยอะไร

ไม่เช่นนั้นจะให้เขาทำยังไงล่ะ บอกว่าตัวเองเป็นคนที่ฟางหยู่ถงเชิญมาเพื่อหลอกคุณย่าของเธองั้นเหรอ?

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกหลี่ฝาง

“แฟนคลับอันดับหนึ่งของหยู่ถงมาแล้ว คุณระวังตัวให้ดีล่ะ” ข่งจูกระซิบกับหลี่ฝาง

ทันทีที่หลี่ฝางมองดู เขาเกือบจะหัวเราะออกมา

เห็นเพียงคนที่มานั้นแต่งตัวหรูหราสุดขีด สวมทองสวมหยก ไม่ใช่คุณชายซู ซูจื้อเย่ที่พบในป่าวันนั้นหรอกเหรอ?

หลังจากที่ซูจื้อเย่เดินเข้ามาใกล้ก็ได้เห็นหลี่ฝางเหมือนกัน ทันใดนั้นไฟความโมโหก็ได้ปรากฏขึ้นมาในดวงตาคู่นั้นของเขา

“ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้ด้วย?” เขาเดินเข้ามาพลางกล่าวกับหลี่ฝางด้วยสีหน้าเย็นชา

รอยยิ้มอันแปลกประหลาดได้ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของหลี่ฝาง ดูเหมือนว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ ไอ้หมอนี่ได้ค้นหาความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับตัวเองอีกครั้งได้แล้ว

ข่งจูได้ยินคำพูดของซูจื้อเย่ ก็เอ่ยถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย: “พวกคุณ……เคยเจอกันมาก่อนเหรอ?”

“เหอะ ๆ แค่เคยเจอกันมาก่อนซะที่ไหน……” ซูจื้อเย่กล่าวคำพูดนี้ออกมาจากไรฟัน

เขาจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างชัดเจน รวมถึงภาพคนที่เขาพาไปด้วยต่างก็ถูกหมอนี่อัดจนล้มลงไปกองบนพื้นอย่างน่าประหลาดใจ รวมถึงที่เขาถูกเตะจนลอยเข้าไปในพุ่มไม้ในเท้าเดียว ต่อหน้าต่อตาของฟางหยู่ถง ทำให้เขาอับอายขายหน้า

เพราะเหตุนี้เมื่อได้เจอกับหลี่ฝางอีกครั้ง เขาเลยควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ได้

ส่วนคนที่อยู่ข้างกายของซูจื้อเย่พวกนั้น เมื่อเห็นน่าทางเช่นนี้ของซูจื้อเย่ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: “คุณชายซู เป็นอะไรไปเหรอ?”

“อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม!” ซูจื้อเย่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เขาด่ากลับไปโดยไม่ได้คิด ทำให้คนคนนั้นเงียบไปอย่างว่าง่ายทันที แต่ในสายตากลับมีความเย็นยะเยือกแว็บผ่านไป

ส่วนซูจื้อเย่ในเวลานี้ก็ได้มองไปที่หลี่ฝางอีกครั้ง และกล่าวอย่างเยือกเย็น: “นี่นาย นายแอบเข้ามาได้ยัง? ฉันจะบอกนายให้นะ อย่าคิดว่าตัวเองสู้เก่ง ก็ทำอะไรได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้ว!”

“ซูจื้อเย่ หลี่ฝางเป็นแฟนของฉัน เขามาที่นี่นายมายุ่งอะไรด้วย?” ฟางหยู่ถงเดินขึ้นมากล่าวปกป้องหลี่ฝาง

ได้ฟังคำว่า “แฟน” ออกมาจากปากของฟางหยู่ถง ดวงตาคู่นั้นของซูจื้อเย่ก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

ไม่มีทางที่เขาจะนึกถึงว่า ตัวเองจีบฟางหยู่ถงมานานขนาดนั้น อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลยสักนิด หมอนี่พึ่งจะรู้จักกับฟางหยู่ถงเพียงแค่กี่วันเอง ก็ยืนยันความสัมพันธ์กับฟางหยู่ถงซะแล้ว!

ซูจื้อเย่เดินเข้ามาที่ด้านหน้าหลี่ฝาง และกล่าวอย่างเย็นชา: “หยู่ถงไม่ใช่คนที่ยาจกอย่างนายจะไขว่คว้าได้ ฉลาดหน่อยก็รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นนายจะได้เห็นดีแน่!”

“งั้นเหรอ?” หลี่ฝางยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา: “แค่อาศัยนายนี่นะ?”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที ราวกับว่าอากาศที่อยู่รอบ ๆ ก็ได้จับตัวเป็นน้ำแข็งตามไปด้วย

“พวกคุณอย่าทำแบบนี้สิ วันนี้มาเพื่ออวยพรวันเกิดให้คุณย่ากันนะ!” สวู่เจินเจินกล่าว

“มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันหลังจากนี้ วันนี้อย่าก่อความวุ่นวาย!”

มองออกว่า ภูมิหลังของสวู่เจินเจินนั้นไม่ธรรมดา อย่างน้อย ก็ทำให้ซูจื้อเย่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเธอแล้วก็เกิดความลังเลขึ้นมาบ้าง สุดท้ายก็หันหลังจากไปด้วยความโมโห โดยไม่ได้มีเรื่องกับหลี่ฝางโดยตรง

เมื่อสวู่เจินเจินเห็นดังนั้น ก็ได้กระซิบกับหลี่ฝาง: “คุณอย่าไปมีเรื่องกับซูจื้อเย่นะ ครอบครัวของเขามีความสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่ด้านยุทธภพของหนานเจียง ตระกูลฟางก็ยังไม่ยอมไปมีเรื่องกับเขาง่าย ๆ”

“ตระกูลใหญ่ด้านยุทธภพของหนานเจียง?” หลี่ฝางยิ้มหยัน

สวู่เจินเจินเห็นปฏิกิริยาของหลี่ฝาง ก็ค่อนข้างไม่พอใจขึ้นมาทันที ตนเองใจดีแนะนำโน้มน้าว แต่กลับได้รับการตอบรับจากหลี่ฝางเช่นนี้ และเธอเองก็ไม่รู้จักฐานะของหลี่ฝาง จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่พอใจ

คิดอยู่แบบนี้ สวู่เจินเจินก็ไม่อยากที่จะแนะนำโน้มน้าวอะไรหลี่ฝางอีกแล้ว

แต่ทว่าฟางหยู่ถงกลับเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เธอรู้ว่า นักรบต่างก็มีความหยิ่งทระนงของตัวเอง และยิ่งเป็นหลี่ฝางที่เป็นนักรบที่เก่งกาจเช่นนี้

แต่ตระกูลใหญ่ด้านยุทธภพของหนานเจียง มียอดฝีมือมากมาย หลี่ฝางอายุยังน้อย จะเทียบได้อย่างไร?

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ถังเต๋อหยวนก็ได้เดินเข้ามาจากระยะไกล เขาทักทายกับซูจื้อเย่อย่างสนิทสนมก่อน แล้วค่อยเบือนสายตาไปที่หลี่ฝาง

“เอ๊ะ หัวหน้าหลี่ เมื่อสักครู่ยังคุยกันดี ๆ อยู่เลยทำไมถึงได้มาที่นี่ซะแล้วล่ะ?” เขาจงใจกล่าวด้วยท่าทางประหลาดใจ

ซูจื้อเย่ได้ยินคำพูดของถังเต๋อหยวน ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือหัวหน้าหลี่คือตำแหน่งอะไร คิดอยู่ครึ่งค่อนวันก็คิดไม่ออก ก็เลยเอ่ยถามถังเต๋อหยวนไป: “คุณเองก็รู้จักเขาเหรอ?”

“ไม่หรอก เมื่อกี้ได้คุยกันอยู่สองสามประโยคน่ะครับ” ถังเต๋อหยวนจงใจกล่าวอย่างยิ้มระรื่น: “พี่ซู คุณยังไม่รู้จักใช่ไหม เดี๋ยวผมจะแนะนำให้เอง หลี่ฝาง ตอนนี้เป็นหัวหน้าพนักงานรักษาการของบริษัทหนึ่งในอาคารจินโอว มีอนาคตที่สดใสเชียวนะ!”

“อะไรนะ? หัวหน้าพนักงานรักษาการงั้นเหรอ?”

ผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างก็ตะลึงงันขึ้นมาทันที ปฏิกิริยาแรกสงสัยแม้กระทั่งว่าถังเต๋อหยวนกำลังล้อเล่น

หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง จะคู่ควรกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฟางได้ยังไง?

“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?” ซูจื้อเย่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“จะเป็นไปได้ยังไง หัวหน้าหลี่เป็นคนพูดเองกับปากเชียวนะ” ถังเต๋อหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ตอนนั้นหยู่ถงเองก็อยู่ด้วย คุณลองถามเธอดูก็ได้นี่”

ซูจื้อเย่รีบหันไปหาฟางหยู่ถงทันที เห็นเธอถึงแม้จะไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่สีหน้าท่าทางของเธอก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้แล้ว

“หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ……” ซูจื้อเย่หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทันที: “ไอ้หนุ่ม ที่แท้นายก็เป็นหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยเองหรอกเหรอ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท