NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1171 วิจัยผนึก

บทที่ 1171 วิจัยผนึก

“ให้ตายเถอะ นายคนนี้” เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของไท่ซาง หลี่ฝางก็ชูนิ้วกลางขึ้นที่ด้านหลังของไท่ซางด้วยความดูแคลน

“กู่ยี่เทียนอยู่ที่ไหน?” เขาหันหัวไปทางทหารข้างๆ

“หัวหน้ากำลังเข้ารับการฝึกที่จัดเอาไว้ในทุกๆ วัน ต้องการให้ฉันไปบอกเขาตอนนี้เลยไหม?”

“ไม่ต้องหรอก รอเขาออกมาเถอะ คงอีกไม่นานหรอก”

“โอเค งั้นฉันจะจัดการให้คุณพักผ่อนก่อนนะ” นายทหารนำให้หลี่ฝางมาที่โถงรับแขก “รบกวนให้คุณมาทางนี้หน่อย เดี๋ยวหัวหน้าก็ใกล้ฝึกเสร็จแล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้า ก่อนจะรอกู่ยี่เทียนมา

เพียงไม่นาน ประตูก็มีเสียง “แกร็ก” เปิดออก กู่ยี่เทียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ได้ยินว่าคุณรื้อฟื้นความจำได้แล้วเหรอ?” กู่ยี่เทียนปิดประตู พลางถาม

“โชคดี จู่ๆ ก็เปิดแดนครึ่งเทพได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ความทรงจำเลยกลับมาเองล่ะ” หลี่ฝางยิ้มพลางพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ “คุณล่ะ?พัฒนาไปถึงไหนแล้ว?”

กู่ยี่เทียนมีหน้าดำเคร่งเครียด พลางพูดด้วยความไม่พอใจ “คุณตั้งใจมาอวดใช่ไหม”

“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาดูว่าจะช่วยคุณเปิดผนึกเอาไว้ได้ไหม” หลี่ฝางเปิดเผยออกมา

“นี่ก็ใกล้แล้วล่ะ” กู่ยี่เทียนเปิดประตู “ไป ไปดูห้องสำหรับฝึกของฉันกันเถอะ ฉันจะคุยกับคุณสักหน่อย”

หลี่ฝางตามกู่ยี่เทียนเข้าไปในประตูเลี่ยมทองบานใหญ่ ประตูห้องสำหรับฝึกบานใหญ่นี้ใหญ่พอๆ กับประตูบานที่เข้าไปในสุสานจูหลงเลย มันเป็นประตูทองที่หนาสามชั้น ภายในและภายนอกนั้นปิดกั้นกันอย่างชัดเจน ขนาดบรรยากาศนั้นยังไม่มีทางส่งผ่านกัน ราวกับว่านั้นเป็นฟ้ากับดินเลยล่ะ

เมื่อเดินเข้าไปในห้องสำหรับฝึก บรรยากาศนั้นเข้มข้นจนทำให้หลี่ฝางสดชื่นขึ้นด้วยจิตวิญญาณ

เมื่อพูดถึงห้องสำหรับฝึก อันที่จริงด้านในนั้นกว้างมาก อย่าน้อยก็ราวๆ สองร้อยตารางเมตร ด้านในมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เมื่อมองผ่านๆ นั้นมันเหมือนกับใช้วัสดุที่สั่งทำพิเศษเลยล่ะ

“เฮียกู่เพลิดเพลินจริงๆ เลยนะ” หลี่ฝางหายใจเข้าลึกๆ ลมด้านในร่างกายนั้นมันมากขึ้นเล็กน้อย “นี่คือพลังที่น่าประหลาดใจสุสานจูหลงสินะ เมื่อมาอยู่ในที่โบราณมันเหมือนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เลยล่ะ”

กู่ยี่เทียนอธิบาย “นักวิทยาศาสตร์ได้วิจัยในนี้มานานขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีผลบ้าง พลังที่น่าประหลาดนั้นมันมากมายมหาศาลในตอนแรก คนธรรมดาไม่มีทางรับเข้าไปใช้ได้ ตอนนี้มีการแบ่งแยกพลังเหล่านั้นไป ทำให้มันเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยนขึ้น ถึงจะเป็นนักรบกำลังภายในธรรมดาๆ แต่ก็สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อยๆ แต่วิธีนี้ทำให้มันผลิตออกมาได้ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้มาก”

หลี่ฝางถาม “ไท่ซางบอกฉันว่าที่ของพวกคุณมันสามารถให้พลังทะลุแดน แต่ก็คือการแบ่งแยกพลังประหลาดนั่นใช่ไหม?”

“ใช่” กู่ยี่เทียนพยักหน้า “ความรู้อย่างเจาะจงในการแบ่งแยกนั้นมันมีมากมาย ฉันจะไม่มาอธิบายให้คุณฟังทีละอันนะ แต่พลังที่คนสร้างขึ้นมานั้นมันก็มีข้อเสีย จะไม่มีองค์ประกอบที่สำคัญ ตอนนี้ยังไม่มีใครใช้มันเพื่อทะลุไปได้เลย”

“งั้นพวกคุณยังกล้ามาเล่นกับปรมาจารย์กำลังภายในกลุ่มนี้อีกเหรอ?ไม่กลัวพวกเขาโต้กลับเหรอไง?” หลี่ฝางถามด้วยความประหลาดใจ

“ฉันไม่ได้โกหกพวกเขานะ” กู่ยี่เทียนพูดอย่างจนปัญญา “ด้านนี้ฉันบอกพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ได้ปิดบังอะไรเลย พวกเขาเองก็เต็มใจจะมาลอง ไล่ก็ไม่ไป”

หลี่ฝางเบ้ปาก กู่ยี่เทียนพูดอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

ปรมาจารย์กำลังภายในนั้นเป็นคนเก่งกาจกันทั้งนั้น พวกเขาไม่เสียอะไรทั้งนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับอะไรด้วย แล้วจะหักหน้าประเทศเพราะเรื่องนี้ได้อย่างไร

“โอเค เรื่องนี้ต้องรีบหน่อยแล้ว ดูสิว่าจะช่วยฉันปลดล็อกสิ่งที่ปิดผนึกได้อย่างไร” กู่ยี่เทียนพูดด้วยความร้อนรน

เมื่อทั้งสองคนมาถึงที่ห้องโถงของห้องสำหรับฝึกแล้ว ก็นั่งลงข้างๆ กัน ก่อนจะรวบรวมประตูแห่งเทพในเวลาเดียวกัน

เมื่อประตูแห่งเทพปรากฏ กู่ยี่เทียนที่มีพลังเหมือนคนทั่วๆ ไปจู่ๆ ก็ค่อยๆ ระเบิดออกมา พลังนั้นมันต่างกันเป็นอย่างมาก เหมือนกับเปลี่ยนจากแมวตัวน้อยกลายเป็นมังกรเลยล่ะ มันเหมือนกับที่เขาพูดจริงๆ สภาวะครึ่งเทพนั้นสามารถทำให้เขาเปิดผนึกได้

ในตอนนี้สามารถเห็นระดับสูงต่ำของแดนของทั้งสองได้ ประตูแห่งเทพของกู่ยี่เทียนนั้นเหมือนกับหมอกบางๆ ที่เหมือนจะไม่มีอยู่ ราวกับว่าเพียงพริบตาก็จะมลายหายไปได้ในทันทีโดยไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนของจริงอยู่เลย

แต่ประตูแห่งเทพของหลี่ฝางนั้นกลับเหมือนหมึกดำเข้มที่วาดอยู่ในชั้นบรรยากาศ ถึงแม้จะไม่มีเช่นเคย แต่กลับรู้สึกอย่างชัดเจนเป็นอย่างมาก มันมีพลังตั้งแต่ด้านบนสุดของประตูแห่งเทพไล่ลงมา มีควันพวยพุ่ง จนทำให้เห็นหลี่ฝางได้ชัดเหมือนเป็นเทพเลยล่ะ!

กู่ยี่เทียนตกใจเพราะสถานการณ์ที่ประหลาดของหลี่ฝาง เลยพูดอย่างเสียงหายว่า “นี่คือแดนครึ่งเทพเหรอ?”

หลี่ฝางยิ้มพลางพูด “ใช่สิ ดูมีพลังมากพอไหมใช่ล่ะ?”

กู่ยี่เทียนมองหลี่ฝางด้วยความเหยียดหยาม

ในตอนนั้นเอง ประตูแห่งเทพของกู่ยี่เทียนก็จบลง พลังของเขาก็ค่อยๆ ลดลง จากนั้นก็กลายเป็นคนธรรมดาอย่างรวดเร็ว

“เป็นอย่างไรบ้าง มีความคิดอะไรบ้างไหม?” กู่ยี่เทียนถามอย่างคาดหวัง

“ตอนที่คุณออกมาจากสภาวะประตูแห่งเทพนั้น ฉันรู้สึกได้ถึงผนึกจริงๆ แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ฉันหาจุดเริ่มต้นของผนึกนี้ไม่เจอ เหมือนมันเกิดขึ้นมาดื้อๆ เลยล่ะ”

กู่ยี่เทียนถอนหายใจพลางพูด “จุดเริ่มต้นของผนึกนั้นมันมาจากด้านในตัวของฉันเอง มันเริ่มมาจากจิตใต้สำนึกของฉันเอง แต่ว่าสำหรับจิตใต้สำนึกนี้ เราวิจัยมันเอาไว้น้อยเกินไป”

หลี่ฝางนวดบริเวณคางเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “เพราะผนึกนั้นมันเกิดมาจากจิตของคุณ ฉันเลยไม่สามารถเข้าไปวิจัยจากจุดเริ่มต้นได้ แถมตอนที่คุณเข้าไปในครึ่งเทพนั้นมันไม่นานพอ ยังไม่ทันวิจัยอะไรได้ก็ตกลงแล้ว

ดังนั้นฉันเลยมีความคิดหนึ่ง บางทีฉันอาจจะสามารถลอง ‘ยืม’ การฝึกให้คุณ เพื่อให้คุณได้อยู่ในภาวะครึ่งเทพได้นานขึ้น แล้วดูว่าจะสามารถวิจัยอะไรออกมาได้ไหม”

กู่ยี่เทียนดวงตาเปล่งประกาย “เป็นความคิดที่ดี!ผนึกนั้นอยู่ในสภาวะการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ศึกษาการเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงเป็นผนึกอย่างเต็มที่สักที ครั้งนี้อาจจะได้เห็นอะไรบ้าง!”

ทั้งสองคนปรึกษากันแล้วก็คิดว่าดูมีความเป็นไปได้ เลยคิดจะลงมือทำ

หลังจากที่กู่ยี่เทียนได้พักผ่อนสักพักแล้ว ก่อนจะเข้าไปในสภาวะครึ่งเทพ ในตอนนี้ หลี่ฝางยื่นมือไปวางบนไหล่กู่ยี่เทียน ก่อนจะปล่อยพลังให้กู่ยี่เทียน

ผ่าง!

มันร้อนเหมือนไฟที่ลุกโชน กู่ยี่เทียนมีพลังมากขึ้นล้นพ้น ประตูแห่งเทพบนหัวนั้นก็รวบรวมเข้ามาอย่างรวดเร็ว มีพลังแข็งแกร่งแพร่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศ กำแพงทองทั้งสี่ทิศนั้นมีเสียง “แกร็กๆ ” ที่เกิดจากการเสียดสีกัน

นี่เป็นเพราะตอนนี้แดนของกู่ยี่เทียนนั้นต่ำกว่าหลี่ฝาง การพยายามขึ้นไปในแดนที่สูงขึ้นนั้น เขาควบคุมพลังที่มีมากไม่ได้ขนาดนั้น ถึงขนาดที่ต้องปล่อยพลังออกไปทั้งสี่ทิศ

“ฮัลโหล!คุณรีบหน่อยสิ!นี่มันเสียไปมากเลยนะ!” หลี่ฝางรีบเตือน

“วางใจเถอะ!” กู่ยี่เทียนตะโกนออกไปเสียงดัง ก่อนจะรวมสติเอาไว้ที่ตัวเอง ก่อนจะไม่สนใจโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย

หนึ่งนาที……สามนาที……ห้านาที……

กำแพงทองบริเวณรอบๆ นั้นถูกกดลงไปเบาบางลงทีละชั้นๆ มีกำลังที่มากมายขนาดนั้น เหมือนกับกำลังภายในผู้มากฝีมือที่ปล่อยออกไปเองเลยล่ะ ถึงแม้หลี่ฝางจะมีพละกำลังแข็งแกร่ง แต่การเสียไปนั้นมันก็มากเหมือนกัน

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเพียงพริบตาเดียว หลี่ฝางค่อยๆ ทนไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นท่าทีของกู่ยี่เทียนที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาถอนหายใจก่อนจะเก็บพลังกลับไป ถ้ายังทนต่อไป เกรงว่าเขาก็จะได้รับบาดเจ็บจากพลัง

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ กู่ยี่เทียนก็ลืมตาขึ้นมา ตัวสั่นไปทั้งตัว แล้วก็ตัดการส่งต่อพลังนั้น

“ได้แล้ว!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท