NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1228 เริ่มการต่อสู้

บทที่ 1228 เริ่มการต่อสู้

พวกเขาสามคนต่างก็เป็นคนที่เคยกินเนื้อของงูยักษ์กลืนฟ้าเข้าไป แถมยังเป็นการกลายพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

ไม่เพียงแต่ความสามารถไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ล้นหลาม และไม่กลายร่างเป็นปีศาจประหลาด เพียงในเมื่ออารมณ์ไม่คงที่จะกำเริบเท่านั้นเอง เป็นสัตว์ประหลาดที่กลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาด

เมื่อพวกเขากลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาดพลังจะเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ในขณะเดียวกันร่างกายจะได้รับการรีใหม่อย่างหนัก การกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาดแบบนี้ไม่สามารถอยู่ได้นาน หากควบคุมไม่อยู่ ท้ายที่สุดก็จะสูญเสียสัมปชัญญะ กลายเป็นสัตว์ประหลาดถาวร

เหล่าเสือดำฝึกฝนอยู่เสมอ หวังควบคุมการกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาดได้ และในพวกเขา การควบคุมการกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาดของเสือดำนั้นดีที่สุด นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นิคยอมเดิมพันสักตั้ง

หากไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งฉีดยาระงับไป ตอนนี้ยังใช้พลังไม่ได้ละก็ ก็ไม่ถึงกับต้องให้เสือดำกลายร่างครึ่งปีศาจประหลาด

ท่านชายป๋ายยู่ในตอนนี้ถูกเสือดำล้อมเอาไว้รอบด้าน เพราะแขนทั้งสองข้างอุ้มฉินวี่เฟยที่สลบอยู่ เขาจึงไม่มีโอกาสตอบโต้ เมื่อเห็นนักพรตเต้าฝ่าที่อยู่อีกด้านตกใจจนนิ่งค้างเกิดแผนบางอย่างในใจ อุ้มฉินวี่เฟยมุ่งไปทางนักพรตเต้าฝ่า

“แม่ง ป๋ายเจินเจินมึงอย่าล่อสัตว์ประหลาดนั่นมาทางกูสิวะ! ไสหัวไปไกลๆ เลย!” จ้องมองท่านชายป๋ายยู่ที่เข้าใกล้เขามากขึ้น นักพรตเต้าฝ่าระเบิดอารมณ์กับที่ พลางถอยไปด้านหลังพร้อมโบกไม้โบกมือไปทางท่านชายป๋ายยู่ ให้เขาออกห่างจากตน

“ไอ้หมาจาง แกมีจิตสำนึกของความเป็นคนบ้างไหม! ให้ตายตอนนี้ฉันจู่โจมไม่ได้ แกก็เข้ามาช่วยหน่อยสิ!” จ้องมองนักพรตเต้าฝ่าที่มองกับราวกับไวเปอร์ที่เหี้ยมโหด ท่านชายป๋ายยู่อดสบถด้วยความหยาบคายไม่ได้

เมื่อเห็นเสือดำที่อยู่ด้านหลังกำลังไล่ตามมา ในช่วงเวลาวิกฤตินี้เอง หลี่ต๋าคางและมังกรฟ้าทั้งคู่ได้รั้งเขาเอาไว้

“บัดซบๆ เกือบจะเผาผมกูแล้ว” เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนเข้ามา ท่านชายป๋ายยู่ตกใจจนต้องรีบหลีกไปอีกด้าน

นักพรตเต้าฝ่าที่อยู่ข้างหน้าเขาเพราะการมองเห็น เมื่อเขาได้สติกลับคืนมาเปลวเพลิงนั้นสีดำแดงนั่นก็ลุกโชนมาอยู่หน้าเขาเสียแล้ว ชายฉกรรจ์เมตรแปดเซนติเมตร ลดเอวลง

อุตส่าห์หลบเพลิงไฟที่เอาชีวิตได้อย่างยากลำบาก นักพรตเต้าฝ่าได้เสียไปครึ่งชีวิตเพราะการลดเอว

“ป๋ายเจินเจิน! ฉันไม่จบกับแกแน่!” นักพรตเต้าฝ่าจ้องเขม็งท่านชายป๋ายยู่ด้วยเอวที่เคล็ดไปอย่างน่าอนาถพร้อมกับคำรามอย่างโกรธแค้น

“เพราะสัตว์ประหลาดนั่นพ่นไฟ ไม่เกี่ยวกับฉันเลย! ถ้าแกโกรธก็ไปลงที่มันซะ!” ท่านชายป๋ายยู่ไม่มีทางยอมรับว่าเป็นความตั้งใจของเขา หลังผลักความรับผิดชอบไปที่เสือดำ ก่อนที่จะโยนฉินวี่เฟยในอ้อมกอดให้กับหงส์แดง “แม่สาวงดงามผู้นี้ฝากคุณด้วย ผมยังมีธุระ ต้องไปก่อน”

เมื่อจบประโยค ท่านชายป๋ายยู่จึงรีบเผ่น แต่นักพรตเต้าฝ่าไม่มีทางให้เขาหนีไปได้ง่ายๆ เขาคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ กระชากเสื้อของท่านชายป๋ายยู่ลงมา

บรรยากาศเกิดนิ่งแข็งขึ้นมาในพริบตา ท่านชายป๋ายยู่สีหน้าหม่นหมองจนหยดเป็นน้ำหมึกได้ รอบกายของเขาแผ่ซ่านไปด้วยพลังงานที่แข็งกล้า หลังจากที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย พลันสะบัดมือใบมีดลมสายหนึ่งพุ่งไปที่นักพรตเต้าฝ่า

“เห้ยๆ เหล่าป๋าย แกฟังฉันก่อนสิ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้แกเกือบเผาฉันจนเกรียม ตอนนี้ฉันกระชากเสื้อผ้าแก เราหายกันแล้ว?”

นักพรตเต้าฝ่าไหวพริบดี เหมือนกับโหจื่อที่เปลี่ยนสีไปหลายหน้า ใบมีดลมนั้นตกไปอยู่ที่ภูเขาขนาดเล็ก พริบตาบนเขากลายเป็นพื้นที่ราบทันที

“หายบ้าอะไร! วันนี้กูจะฆ่ามึง!” ท่านชายป๋ายยู่ไม่ฟังคำของนักพรตเต้าฝ่า ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตอยากจะฆ่าเขา

หงส์แดงและคนอื่นๆ มองดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านไม่กล้าแม้แต่ร้องสักแอะ ให้ตายนี่มันเทพต่อสู้กันเห็นๆ กระบวนท่าเดียวหั่นยอดเขาหายไป ความสามารถน่าหวาดผวาแค่ไหน

ในขณะที่พวกเขาหันความสนใจไปที่ท่านชายป๋ายยู่และนักพรตเต้าฝ่า หลี่ต๋าคางและมังกรฟ้ากำลังสู้กับเสือดำอย่างแพ้พ่าย

นักรบที่เก่งแค่ไหนเมื่อต่อสู้นานขนาดนี้ก็ต้องอ่อนแรงบ้าง แต่เสือดำกลับยิ่งสู้พละกำลังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น กำลังกล้าแกร่งขึ้นมากกว่าเก่า หลี่ต๋าคางไม่ทันระวังแขนข้างซ้ายถูกเขาโจมตีเข้าให้ ในเวลาเดียวกันก็ถูกเปลวเพลิงที่น่าประหลาดนั่นเข้า

หลี่ต๋าคางไม่คิดเลย พลันควักเอามีดพกออกมา เฉือนเนื้อที่แขนข้างซ้ายก้อนนั้นออกมา ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย วินาทีต่อมาจึงเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง

“คุณลุงหลี่ ท่านจัดการบาดแผลก่อนเถอะ” เลือดเนื้อไหลอาบที่แขนข้างซ้ายของหลี่ต๋าคาง มังกรฟ้ากล่าวอย่างเป็นกังวล

“ไม่เป็นไร เรารีบจบการต่อสู้นี้เถอะ” หลี่ต๋าคางในตอนนี้สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่สายตาคู่นั้นกลับประกายไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เมื่อเห็นเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น กระบวนท่าของมังกรฟ้าเองก็หนักหน่วงขึ้นมา

“เหล่าป๋าย แกอย่าเพิ่งหาเรื่อง สองคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดตัวนั้น เราจัดการสัตว์ประหลาดตัวนั้นให้สิ้นซากก่อนเถอะ”

ขณะเดียวกันกับที่นักพรตเต้าฝ่าหลบการโจมตีของท่านชายป๋ายยู่ ก็ได้สังเกตการณ์ของทางด้านหลี่ต๋าคางด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าหลี่ต๋าคางได้รับบาดเจ็บ คิ้วของเขาขมวดเป็นปม

แม้เขาจะไม่รู้ว่าด้านไหนดีด้านไหนร้าย แต่พลังงานที่สัตว์ประหลาดนั่นปล่อยออกมาทำให้เขารู้สึกไม่สบายเอาซะเลย ไม่คิดเลยว่าเขาเข้าฌานหลายปีมานี้ บนโลกจะคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาซะแล้ว

ท่านชายป๋ายยู่เหลือบมองเสือดำ แววตาก็ขรึมขึ้นมาหลายขุม เขาเม้มปากไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเขาได้ลอยไปทางด้านเสือดำเสียแล้ว

นักพรตเต้าฝ่าตามไปติดๆ ทั้งคู่ปล่อยพลังใส่เสือดำพร้อมกัน ทีแรกที่คิดว่าเพียงแค่หมัดเดียวก็เอาอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าร่างของเสือดำกลับหายลับไปกลางอากาศ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท