NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1267 หยิ่งยโส

บทที่ 1267 หยิ่งยโส

“ในประเทศญี่ปุ่นของเรา ผู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้อยากได้เท่าไหร่ก็มีเท่านั้น คุณแน่ใจหรือที่ไม่คิดจะร่วมมือกับเรา?”

ประโยคของทาเคชิตะ มัตสึซากะไม่เพียงแต่ทำให้คุณท่านโกขมวดคิ้วอย่างสงสัย แม้แต่ท่านจวนที่รู้จักเขามานานในดวงตาก็แฝงไปด้วยความไม่เข้าใจ

หลี่ต๋าคางและหลี่ฝางเป็นการมีอยู่ที่เข้าใกล้เทพ ทาเคชิตะ มัตสึซากะคงไม่ได้เป็นไข้จนสติไม่ดีหรอกนะ นักรบที่แข็งแกร่งปานนี้หาได้ไหนก็ได้งั้นเหรอ?

คุณท่านโกรู้สึกไม่เป็นมิตรกับทาเคชิตะ มัตสึซากะอยู่แล้ว ความหยิ่งยโสอวดดีของเขาทำให้คุณท่านโกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“แกคิดว่าครึ่งเทพเป็นผักกาดขาวหรือไง ที่หาที่ไหนก็เจอใช่ไหม? ทาเคชิตะ มัตสึซากะ อวดดีก็ต้องมีระดับบ้าง ฉันมีชีวิตอยู่ตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนที่ตัวเองถูกตลอดเวลาแบบนี้”

“ฮ่าๆ” หัวเราะดังลั่น ทาเคชิตะ มัตสึซากะที่ถูกคุณท่านโกเหยียดหยามกลับไม่มีความโกรธแม้สักนิด เขารู้อยู่แล้วว่าคุณท่านโกจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ชื่อของอาซาโทสทุกคนคงเคยได้ยิน ท่านจวน พวกท่านไม่ต้องเกรงใจฉันนักหรอก หากไม่ใช่เพราะยินยินอยู่ในเงื้อมมือของพวกท่าน ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีทางอยู่ข้างพวกแก”

ทาเคชิตะ มัตสึซากะที่แสร้งเป็นมิตร คุณท่านโกกล่าวอย่างไร้เยื่อใย

“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่ามั่นใจเกินไปนัก คุณท่านโก” เพียงแค่หัวเราะเล็กน้อย ทาเคชิตะ มัตสึซากะยืดกายขึ้น พลันหดแขนที่ยื่นออกไป

“ฉันยอมรับว่าตระกูลหลี่มีความสามารถที่แข็งแกร่งในประเทศจีน บอกได้ว่าตระกูลนักรบในประเทศจีนตอนนี้ไม่มีตระกูลไหนเลยที่จะเอาชนะตระกูลหลี่ได้ ได้ยินว่า ความสามารถของเขาพวกท่านเห็นกับตา แต่คนแบบอาซาโทสในประเทศญี่ปุ่นไม่เพียงแค่คนเดียว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณท่านโกและคนอื่นๆ ต่างนิ่งอึ้ง ไม่ทันได้ไหวตัวทันในคำพูดของทาเคชิตะ มัตสึซากะหมายความว่ายังไงกันแน่

อะไรกันที่ว่าคนอย่างอาซาโทสไม่เพียงแค่คนเดียว? หรือเขาทำร่างโคลนนิ่งด้วยหรือยังไง?

“ผมพูดแค่นี้แหละ ขืนพูดอะไรไปมากกว่านี้ความลับจะถูกเปิดเผยได้ ผมยังมีธุระที่ต้องทำ คุณท่านโกเชิญตามสบาย” เรื่องบางเรื่องยังเปิดเผยตอนนี้ไม่ได้ ทาเคชิตะ มัตสึซากะใช้วิธีนี้เพื่อข่มความโอหังของคุณท่านจวนและคุณท่านโก เมื่อได้เวลาแล้ว เขาจึงพาคนของตนออกไปทันที

“ท่านจวน นายทาเคชิตะ มัตสึซากะคนนี้เขาหมายความว่ายังไง? อาซาโทสตายที่ซากปรักหักพังแล้วไม่ใช่เหรอไง?” ทีท่าน่าสงสารของทาเคชิตะ มัตสึซากะ คุณท่านโกรู้สึกว่าโกรธสะสมมานาน คำรามถามท่านจวนด้วยความโกรธ

เรื่องนี้ท่านจวนเองก็ไม่รู้เรื่อง แม้ว่าเรื่องที่ซากปรักหักพังเขาจะไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่เพราะจับตามองความเคลื่อนไหวของตระกูลหลี่มาตลอด จึงรู้มาบ้างเล็กน้อย

ทีแรกคิดว่าทาเคชิตะ มัตสึซากะจะได้รับความเสียหายหนักเพราะความตายของอาซาโทส แต่สิ่งที่ทำให้ท่านจวนตกใจคืออาการของทาเคชิตะ มัตสึซากะราวกับคนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อรู้ข่าวการตายของอาซาโทสก็เพียงแค่ตอบรับอย่างราบเรียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

ทีแรกท่านจวนคิดว่าทาเคชิตะ มัตสึซากะเพียงแค่แสร้งเพื่อหลอกล่อตนเท่านั้น เพื่อไม่ให้ตนดูถูกนักรบของประเทศญี่ปุ่น แต่คำพูดของทาเคชิตะ มัตสึซากะในวันนี้ ทำให้ท่านจวนต้องไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง

หรือว่า ‘อาซาโทส’ เป็นเพียงแค่รหัสเท่านั้น ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว?

หากเป็นอย่างงั้นจริงๆ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ความคิดนี้ทำให้ท่านจวนขนลุกซู่อย่างหักห้ามไม่ได้ พลันส่ายหน้าอย่างแรง รีบปฏิเสธความคิดของตนเอง

“ฉันไม่เคยไปที่ซากปรักหักพังลึกลับสักหน่อย ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันเรื่องอะไร แล้วอีกอย่าง แกคิดว่าทาเคชิตะ มัตสึซากะโง่เหรอไง? ที่จะบอกฉันทุกเรื่อง?”

ท่านจวนไม่ได้รักประเทศชาติเหมือนกับหลี่ต๋าคาง ในใจของเขาเต็มไปด้วยผลประโยชน์ของตนเอง เขาไม่สนใจเรื่องของอาซาโทสแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการกำจัดหลอซ่าไปให้สิ้นซาก

“แก!” คุณท่านโกโกรธจนจุกอยู่ในอก ดวงตากลมโตด้วยความโมโห อยากจะก่นด่าแต่ก็รู้สึกเสียภาพลักษณ์ นิ้วชี้ไปที่ท่านจวนแกอยู่ครึ่งค่อนวัน ท้ายที่สุดก็เก็บความโกรธและวางมือลง

คนที่สามารถคิดได้ว่าต้องใช้ยินยินในการข่มขู่ตน จะหวังให้เขานึกถึงส่วนรวมได้อย่างไร

“ท่านจวน ฉันสามารถช่วยคุณจัดการกับหลี่ต๋าคาง แต่ก็แค่เรื่องนี้เท่านั้น เรื่องชั่วร้ายอย่างอื่นแกอย่าคิดว่าฉันจะช่วยแก!” แม้ว่าจะไม่พอใจที่จะเป็นพันธมิตรกับท่านจวน แต่เมื่อนึกถึงหลานสาวที่ไม่ได้พบว่าหลายสิบปี คุณท่านโกจึงเก็บกั้นอารมณ์ กล่าวถามด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

“แสร้งทำเป็นสูงส่ง” หลังจากที่ท่านจวนได้ยินคำของคุณท่านโก กล่าวอย่างเหยียดหยาม “แกคิดว่าแกมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับฉันเหรอไง? หลานสาวสุดที่รักของแกยังอยู่กับฉัน หากแกไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ก็รอเก็บศพของเธอได้เลย”

“ต่ำช้า!”

คุณท่านโกโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทา หมัดทั้งสองข้างกำแน่น หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของยินยิน หมัดนี้เหวี่ยงไปที่หน้าของท่านจวนตั้งนานแล้ว

หลังจากที่ถูกก่นด่า ท่านจวนไม่โกรธแต่อย่างใด เพื่อจัดการกับหลี่ต๋าคางเขาถึงกับร่วมมือกับทาเคชิตะ มัตสึซากะแล้ว ถูกคนอื่นด่าแล้วยังไง?

ขอเพียงแค่ให้หลี่ต๋าคางตาย ต่อให้ต่ำช้ากว่านี้เขาก็ยอม

“หลี่ต๋าคางจับตัวตงฟางเย่นไป เรื่องแรกที่ฉันจะให้แกทำคือช่วยเธอออกมาซะ แล้วก็ฆ่าเมี๋ยวชุ่ยกับผู้หญิงสองคนนั้นของหลี่ฝางซะ!”

ทีแรกคิดว่าระเบิดที่โรงพยาบาลจะสามารถจัดการเมี๋ยวชุ่ย ฉินวี่เฟย และหยางฉงได้ ไม่คิดเลยว่าดวงของพวกเธอจะแข็งขนาดนี้ ระเบิดที่รุนแรงขนาดนั้นยังไม่ตาย

เมื่อท่านจวนนึกถึงอย่างงั้นสีหน้าของเขาก็ดำทะมึนขึ้นมา ไม่ว่าใครในตระกูลหลี่เขาก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่

เมื่อได้ยินคำของท่านจวน คุณท่านโกสูดหายใจเข้า เขานึกไม่ถึงเลยว่าท่านจวนจะเลวทรามได้ขนาดนี้ แม้แต่แฟนที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดายังไม่ยอมปล่อยไป

การกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ทำให้เขารับไม่ได้ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม “จะให้ช่วยไม่มีปัญหา แต่จะให้ฉันฆ่าผู้หญิงพวกนั้น ฉันทำไม่ได้”

เมื่อได้ยินคำตอบของคุณท่านโก ท่านจวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ถ้างั้นแกต้องคิดให้ดีนะ พวกเธอไม่ตาย งั้นคนที่จะต้องตายก็คือโกยิน”

ประโยคของท่านจวนตัดหนทางของคุณท่านโกอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ขัดขืนอยู่นาน ในที่สุดเขาก็หลับตาลงอย่างไร้หนทาง “ได้ ฉันจะทำ แต่จะช่วยแกแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น”

ในใจของคุณท่านโกขัดขืนอย่างที่สุด ระหว่างสายเลือดกับความถูกต้อง เขาจำเป็นที่จะต้องเลือกสายเลือด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท