NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1348 การฉีด

บทที่ 1348 การฉีด

“หยุดมือนะ!คุณจะทำอะไรน่ะ!” ตอนที่พวกหลี่ฝางตามไปนั้น นัยเหลียงกำลังหยิบเข็มฉีดอะไรสักอย่างเข้าไปที่แขนของเสี่ยวผิงอัน

หลี่ฝางมองใบหน้าเล็กๆ ที่ร้องไห้หน้าแดง ผิงอันที่ร้องไห้จนคอแทบแตกนั้นใจก็เหมือนถูกบีบคั้นจนเจ็บปวด

การตอบสนองแรกของเขานั้นคือการจะปรี่เข้าไป แต่นัยเหลียงเองก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการด้วยได้ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อเห็นพวกหลี่ฝางตามเข้ามา เลยเอาตัวของเสี่ยวผิงอันขึ้นมาจากรถเข็นทารก แล้วใช้เข็มกดไปที่คอของเสี่ยวผิงอันพลางพูดข่มขู่

“อย่าเข้ามานะ!ถ้าอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อก็อย่าเข้ามา!”

นัยเหลียงเองก็ถูกกดดันจนจนตรอกถึงได้เลือกที่จะทำแบบนี้ การปรากฏของหลี่ต๋าคางทำให้แผนเดิมของเขาเปลี่ยนไปหมด

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาเลยทำได้แค่ต้องเลือกใช้วิธีที่มันเลวร้าย

“ไม่!อย่า!อย่าทำร้ายลูกของฉัน!” หยางฉงร้องเสียงหลง จนแทบจะหมดสติไป ขาทั้งสองก็อ่อนจนล้มลงไปในอ้อมกอดของฉินวี่เฟย

“หลี่ฝาง!อย่าไปยั่วเขา!” ฉินวี่เฟยประคองหยางฉง พลางรีบตำหนิหลี่ฝาง

นัยเหลียงในตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าสติไม่ปกติแล้ว ถ้าเกิดหลี่ฝางไปทำอะไรที่ยั่วยุเขาอีกล่ะก็ เกรงว่าเขาจะทำร้ายผิงอันเข้าจริงๆ

หลี่ฝางมองผิงอันที่ถูกนัยเหลียงจับอยู่ในมือ เล็บก็แทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ ริมฝีปากก็กัดจนเลือดออก

“ฉันไม่เข้าไปแล้วล่ะ แกอย่าทำอะไรลูกฉันเลย”

หลี่ฝางแบมือทั้งสองข้างออก ก่อนจะค่อยๆ ขยับถอยไปด้านหลัง เพื่อออกไปด้านนอกของประตู

หลังจากที่เห็นหลี่ฝางถอยออกไปด้านนอก อารมณ์ของนัยเหลียงก็เปลี่ยนไปเป็นปกติขึ้นมาบ้าง เข็มที่กดอยู่บริเวณคอของผิงอันก็เหมือนจะคลายลงบ้างแล้ว

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ได้เสียสติไป เขาไม่เคยคิดอยากจะฆ่าผิงอันเลย ก็เพื่อเอาไว้ขู่หลี่ฝางก็เท่านั้นเอง

สำหรับเขานั้น ผิงอันยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก ถ้าเกิดตายไปแบบนี้ก็ไม่เป็นไปตามแผนแล้ว

“แก ไปเอายาปรุงบนโต๊ะไม้สลักนั้นฉีดเข้าไปในร่างกายของแกตอนนี้เลย!” นัยเหลียงใช้มือหนึ่งบีบคอของผิงอัน พลางใช้อีกมือหนึ่งชี้ไปที่หลี่ฝางพลางพูด

หลี่ฝางมองไปที่โต๊ะไม้สลักที่อยู่ไม่ไกล บนนั้นมียาปรุงสีเขียวอยู่จริงๆ ด้วย สีเขียวเสียขนาดนั้น มองยังไงก็ไม่เหมือนของที่ดีสักเท่าไหร่

“พี่หลี่ฝาง อย่า!” หยางฉงขับแขนของหลี่ฝาง เพื่อไม่ให้เขาเดินเข้าไปด้านใน

ทั้งๆ ที่เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกเป็นอย่างมาก แต่ถ้าต้องใช้ชีวิตของหลี่ฝางมาเพื่อแลกกับความปลอดภัยของเสี่ยวผิงอันนั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ลง

“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” หลี่ฝางตบหลังมือของหยางฉง เพื่อบอกให้เธอวางใจ จากนั้นก็เองแขนของตัวเองออกมาจากมือของเธอ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่ข้างโต๊ะไม้สลัก

“ถ้าเกิดฉันเอาเจ้าสิ่งนี้ฉีดเข้าไปในร่างกายของฉันเอง คุณก็จะปล่อยลูกชายฉันใช่ไหม?”

หลี่ฝางหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา พลางมองนัยเหลียงแล้วถาม

“พูดให้น้อยๆ หน่อย!รีบวางมือเร็ว!ไม่งั้นฉันจะฆ่าไอ้เลวนี่แล้วนะ!” นัยเหลียงเหมือนจะไม่อยากเสียเวลาคุยกับหลี่ฝาง พลางหยิกมือของผิงอันอย่างเต็มแรงมากขึ้น

ผิงอันที่ร้องไห้อย่างหนักหน่วงอยู่แล้วในตอนแรกสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นกลายเป็นสีแดงเลือดหมู

แววตาของหลี่ฝางนั้นมีความเย็นชาออกมา เขาที่อยากจะยื้อเวลาเอาไว้สักหน่อยในตอนแรก รอให้หลี่ต๋าคางจัดการคนพวกนั้นเสร็จแล้วค่อยมาจัดการกับนัยเหลียง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาที่มีแทบบ้าขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังทำอะไรอย่างระวังตัวอยู่

“พี่หลี่ฝาง!อย่า!อย่าทำเลยขอร้องล่ะ!” หยางฉงที่อยู่ในอ้อมกอดของฉินวี่เฟยนั้นร้องห่มร้องไห้หนักมาก พลางส่ายหัวใส่หลี่ฝางเพื่อบอกให้อย่าไปฟังคำพูดของนัยเหลียง

หลี่ฝางหันไปยิ้มให้พวกเธอทั้งสอง จากนั้นก็เอาเข็มฉีดเข้าไปในแขนของตัวเองอย่างไม่ลังเล ยาปรุงสีเขียวนั้นก็ค่อยๆ เข้าไปในร่างกายของหลี่ฝาง

พอผ่านไปหลายสิบวินาที สีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไปแล้ว เขาที่ตอนแรกยังยิ้มอยู่นั้นจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างของเขากุมหน้าอกของตัวเองไม่ห่าง ก่อนจะล้มลงพื้นเสียงดังพลางดิ้นไปมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยเสียงราวกับสัตว์ประหลาด

“ฮ่าๆ ฟื้นคืนชีพเถอะ!เทพอ้าน!” เมื่อเห็นท่าทีดิ้นไปมาเพราะความเจ็บปวดของหลี่ฝาง ใบหน้าของนัยเหลียงก็เปลี่ยนรูปไป ในตานั้นมีแต่ความบ้าคลั่ง

ตอนที่หลี่ต๋าคางตามมานั้น ก็ได้เห็นภาพตำตาแบบนั้น เลยโกรธจนอยากจะบิดมือของนัยเหลียงทิ้งเลย

ในตอนนี้เสี่ยวผิงอันหน้าเขียวเป็นอย่างมาก จนแทบจะช็อกไป หยางฉงนั้นรีบปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็วราว ก่อนจะกอดเสี่ยวผิงอันเอาไว้ในอ้อมกอด พลางร้องไห้จนเสียงแหบ

“ราฟาเอล พาพวกเขาไปที่โรงพยาบาล!” หลี่ต๋าคางอ้าแขนทั้งสองข้างออกก่อนจะขวางพวกฉินวี่เฟยเอาไว้ พลางสั่งให้ราฟาเอลพาพวกฉินวี่เฟยไปนะ

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ รอบๆ ตัวของหลี่ฝางก็มีควันสีดำพวยพุ่งออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทีที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ

เนื้อหนังทั้งตัวของเขานั้นมีรอยสีดำปกคลุมเต็มไปหมด ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลายเป็นสีแดง อารมณ์ก็ดูร้ายกาจขึ้นมาด้วย

นัยเหลียงเห็นดังนั้น ก็วิ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าหลี่ฝางอย่างสุขใจ ก่อนจะคุกเข่าลง “เทพอ้าน!ฉันเป็นคนทำให้คุณฟื้นคืนชีพนะ คุณรีบฆ่าคนพวกนี้เร็ว!ฉันจะให้พวกมันต้องตาย!อย่าคิดจะรอดไปแม้แต่คนเดียว!”

เมื่อเห็นหลี่ฝางที่ทั้งตัวนั้นถูกพลังแห่งการเขมือบกลืนโอบล้อมเอาไว้ หลี่ต๋าคางก็หนักใจขึ้นมาทันที หลี่ฝางในตอนนั้นไม่ใช่ตัวของเขาเอาจริงๆ แล้ว แต่กลายเป็นเทพอ้านไปแล้ว

“เหอะๆ พวกคุณร่วมมือกับสิ่งที่เป็นอมตะเพื่อจะทำลายฉันให้สิ้นซาก นี่มันเหมือนพวกคำพูดของคนเพ้อเจ้อเลยล่ะ”

เทพอ้านคิดถึงเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ถึงกับบอกวิธีการลบล้างพลังแห่งการเขมือบกลืนให้กับหลี่ฝาง ในใจก็เกิดความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้นนามทันที

รอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปากแทบฉีก และแววตาที่มองผิงอันที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางฉงไม่ห่าง

“พระบุตรพระเป็นเจ้า เขาเป็นของฉัน” หลังจากที่เทพอ้านพูดจบ ก็อยากจะปรี่เข้าไปหาหยางฉง เพราะอยากจะแย่งผิงอันมาอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

ถึงแม้พละกำลังของหลี่ฝางจะไม่ได้ไปถึงแดนเทพ แต่ตอนนี้มีพลังแห่งการเขมือบกลืนเข้ามาเป็นอีกแรงแล้ว พละกำลังของเทพอ้านเลยเข้าสู่แดนเทพได้ในทันที

อย่ามองว่าครึ่งเทพต่างจากเทพเพียงคำเดียว แต่อันที่จริงกลับต่างกันหลายแสนลี้ ครึ่งเทพสิบคนก็ไม่อาจเป็นศัตรูกับเทพได้

เมื่อได้เจอเทพอ้านที่แข็งแกร่ง สีหน้าของหลี่ต๋าคางก็ดูไม่ได้ถึงขีดสุด ตามพละกำลังของเขาในตอนนี้ อาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพอ้าน ถ้าอยากทำให้เทพอ้านแพ้ เขาจะต้องกำจัดผนึกบนร่างกายออก

เขาพาหยางฉงและคนอื่นๆ ออกไปนอกห้อง จากนั้นก็รวบรวมเกราะป้องกันสีทองขึ้นมา เพื่อเอามาขวางการโจมตีของเทพอ้าน

“เหอะ หลี่ต๋าคาง แกคิดว่ากำลังของแกในตอนนี้ จะมาขวางฉันได้งั้นเหรอ?” เทพอ้านมองหลี่ต๋าคางที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงดูแคลน

หลี่ต๋าคางเหวี่ยงมีดในมือ จนเทพอ้านถอยหลังไปครึ่งก้าว ก่อนจะหยุดการต่อสู้ชั่วขณะ

“ไม่ลองจะไปรู้ได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินคำพูดบ้าคลั่งของหลี่ต๋าคางแบบนั้น สีหน้าของเทพอ้านเองก็คร่ำเครียด ปากก็เม้มจนเหลือขีดเดียว พลางพูดด้วยเสียงเย็นชา

“งั้นก็ไปตายเสียเถอะ”

เพิ่งพูดจบ พลังแห่งการเขมือบกลืนบนตัวเทพอ้านก็แข็งแกร่งขึ้นหลายระดับ แต่เดิมทีห้องที่ไม่ใหญ่นักก็เกิดรอยร้าวมากมายขึ้นนับไม่ถ้วน

“พี่สะใภ้!พวกเรารีบไปเถอะ!” ราฟาเอลกับไขจี๋เออสองคนไม่กล้าเข้าไปขัด เลยดึงฉินวี่เฟยกับหยางฉงวิ่งออกไปข้างนอก

การต่อสู้ระดับนี้ พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมด้วยได้แล้ว

พวกเขานั้นมีกำลังในการสู้ เมื่อเจอการแรงกดของหลี่ต๋าคางกับเทพอ้านนั้นก็เกือบทนไม่ไหว ในสถานการณ์แบบนี้พวกฉินวี่เฟยก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

“อือ พวกเราไปกันเถอะ” ฉินวี่เฟยกลืนคาวเลือดในคอลงไป ก่อนจะกัดฟันพยักหน้า พลางป้องหยางฉงแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก

ถึงแม้ตอนนี้เธอเองก็เป็นห่วงหลี่ฝาง แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง

แถมในตอนนี้ผิงอันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่รีบพาไปส่งโรงพยาบาล เกรงว่าเรื่องมันจะแย่ไปมากกว่านี้

นัยเหลียงที่เสียมือไปทั้งสองข้างแล้วได้รับแรงกดที่หนักหน่วง จึงมองเทพอ้านด้วยแววตาบ้าคลั่ง พลางบ่นพึมพำ

“นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการอย่างไรล่ะ!เดี๋ยวฉันจะทำให้การเป็นอมตะมันเกิดขึ้นจริงได้แล้วล่ะ!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท