NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1389 เลือดท่วมจวนของนายกรัฐมนตรี

บทที่ 1389 เลือดท่วมจวนของนายกรัฐมนตรี

เห็นเงาเขายิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ท่านนายพลหญิงก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เธออ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนกลับไป จากนั้นหยิบดาบซามูไรที่ตกอยู่บนพื้นขึ้น ค่อยๆเดินไปหานายกรัฐมนตรี

ทุกย่างก้าวที่เข้าใกล้ ภาพที่ถูกปิดผนึกในความทรงจำเธอใหม่เอี่ยม เมื่อท่านนายพลหญิงเดิมมาถึงตรงหน้านายกรัฐมนตรี น้ำตาเธอก็ไหลอาบหน้าเสียแล้ว

“พ่อ แม่ วิญญาณที่ผูกอาฆาตทุกดวงในจวนท่านนายพล วันนี้ฉันจะเซ่นไหว้พวกคุณด้วยเลือดของนายกรัฐมนตรี!ในที่สุดพวกคุณก็หมดห่วงแล้ว!”

ท่านนายพลหญิงยกดาบซามูไรขึ้น เงยหน้าพูดออกมาเสียงดังอย่างน่าเศร้าสลด จากนั้นวาดดาบลงมา หัวของนายกรัฐมนตรีกลิ้งไปมาๆบนพื้นเหมือนลูกบอล

เลือดสีแดงสดกระเด็นติดชุดท่านนายพลหญิง สัมผัสทั้งอุ่นทั้งชื้นทำให้ท่านนายพลหญิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น จากนั้นสายตาเผยความโกรธแค้นอันแรงกล้าออกมา มือถือดาบพลางฟันร่างที่ตายแล้วของนายกรัฐมนตรีลงไปอย่างแรง

เธอทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเครื่องจักรก็ไม่ปาน ท่านนายพลหญิงสายตาพร่ามัว และชุดที่เดิมทีเป็นสีฟ้าอ่อนก็ถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม เมื่อฮวาเหลียนตามมาถึง อ้วกแทบพุ่งกับภาพตรงหน้า

เขาอดทนความปั่นป่วนในกระเพาะเอาไว้ เดินไปข้างๆท่านนายพลหญิงด้วยสีหน้าซับซ้อน แล้วค่อยๆดึงดาบซามูไรในมือเธอออกมาช้าๆ จากนั้นกอดท่านนายพลหญิงไว้ในอ้อมแขน ตบหลังท่านนายพลหญิงเบาๆพลางพูดปลอบด้วยเสียงที่อ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้ว ท่านนายพล ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว”

ภายใต้การปลอบขวัญอย่างใจเย็นของฮวาเหลียน ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นของท่านนายพลหญิงค่อยๆกลับรู้สึกตัวอีกครั้ง ขนตาเธอสั่นเล็กน้อย น้ำตาไหลออกมาสองทางจากหางตาของเธอ สั่นรุนแรงไปทั้งตัว แทบพูดไม่ออก

“ฮวาเหลียน ฉันทำได้แล้ว ในที่สุดฉันก็ทำได้แล้ว ในที่สุดฉันก็แก้แค้นให้พวกเขาได้แล้ว ภารกิจและความปรารถนาของฉันสำเร็จแล้ว ในที่สุดฉันจะได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว!”

ได้ยินที่ท่านนายพลหญิงพูด ฮวาเหลียนรู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ แม้พวกสนมชายของท่านนายพลหญิงไม่ได้จริงใจอะไรนัก แต่ก็ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานหลายปีแล้ว มีหลายเรื่องที่ท่านนายพลหญิงไม่ยอมเล่าให้ฮวาเหลียนพวกเขาฟัง

ท่านนายพลหญิงเอาภารกิจและการแก้แค้นเป็นพลังขับเคลื่อนให้มีชีวิตต่อไป เธอบอกฮวาเหลียนพวกเขาตลอด ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้น ตลอดระยะเวลา10ปีนี้ไม่มีวันไหนที่เธอได้เป็นตัวของตัวเอง

ตอนนี้เธอฆ่านายกรัฐมนตรีด้วยน้ำมือตัวเอง แก้แค้นให้พ่อกับแม่แล้ว เหมือนได้วางภาระอันหนักอึ้งไป มันทำให้ท่านนายพลหญิงรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากๆ และสับสนมากในเวลาเดียวกับ

เธอไม่รุ้ว่าแก้แค้นเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ หลายปีมานี้เธอพึ่งความโกรธแค้นกับนายกรัฐมนตรีในการดำรงชีวิต ตอนนี้แค้นได้ชำระแล้ว เธอมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?

“ฮวาเหลียน จู่ๆฉันก็รู้สึกโดดเดี่ยวจัง นายว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบฉันกันนะ?ทำไมฉันดีกับเขาขนาดนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่เหลียวมองฉันสักนิด?”

ท่านนายพลหญิงฟุบในอ้อมกอดฮวาเหลียน พลางพูดพึมพำคนเดียว

ฮวาเหลียนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ ยิ้มออกมาเจื่อนๆ เขารู้และเข้าใจดีว่าคำว่า“เขา”ที่ท่านนายพลหญิงพูดถึงนั้นเป็นใคร ที่จริงเขาก็อยากถามท่านนายพลหญิงมากเหมือนกัน ว่าทำไมต้องเป็นหลี่ฝาง?

ในจวนท่านนายพลมีคนรักเธอตั้งมากมาย ทำไมเธอถึงมองข้าม?ทั้งใจเขามีแค่เธอ แต่ทำไมเธอใจดำไม่ตอบกลับแม้แต่น้อย?

ทว่าฮวาเหลียนไม่ได้พูดออกไป เพราะเขามีความหยิ่งยโสของตัวเอง ในเมื่อรู้ว่าไม่อาจไขว่คว้ามาได้ ทำไมยังต้องดื้อดึงไปขอความรักความสงสารจากคนอื่นอีก?

ถ้าให้ภาวนาเพื่อแลกกับความรัก เขายอมอยู่คนเดียวไปจนแก่ดีกว่

“ท่านนายพล บางครั้งความรักไม่ใช่การรับ แต่เป็นการให้ ถ้าท่านอยากอยู่กับหลี่ฝางจริงๆ ท่านก็ต้องรับเรื่องในอดีตและความหลายใจของเขาให้ได้ เขามีภรรยาถึงสองคนแล้ว แถมยังรักภรรยาเขามาก ถ้าท่านอยากอยู่กับหลี่ฝาง ท่านก็ต้องแบ่งปันผู้ชายที่ตนรักกับคนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ”

“ถ้าท่านทำเช่นนี้ได้ งั้นท่านก็ไปไล่ตามความรักของท่านอย่างกล้าหาญเถอะ ตอนนี้ท่านไม่ได้ผูกมัดกับความเกลียดชังแล้ว สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้แล้ว”

แม้ฮวาเหลียนไม่อยากให้ท่านนายพลหญิงชอบหลี่ฝางแค่ไหน แต่บางครั้งรักก็ต้องยอมปล่อยมือ เขารู้อยู่เต็มอกว่าท่านนายพลหญิงถลำลึกเข้าไปแล้ว ถ้ายังหลอกตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เทียบกับความสุขของตน เขาหวังว่าท่านนายพลหญิงสามารถได้รับความรักจากคนที่ตัวเองรัก ท่านนายพลหญิงน่าสงสารมากพอแล้ว เขาสูญเสียคนที่รักไปหมด ตอนนี้กว่าจะได้พบกับคนที่ตัวเองรัก ฮวาเหลียนหวังจากใจจริงว่าท่านนายพลหญิงสามารถอยู่ด้วยกันกับหลี่ฝางดั่งที่ปรารถนาได้

ได้ยินที่ฮวาเหลียนพูด ท่านนายพลหญิงก็ชะงักไป ถามอย่างไม่มั่นใจพลางกะพริบตาปริบๆ

“ฉันสามารถไล่ตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้จริงๆเหรอ?นายคิดว่าหลี่ฝางเขาจะชอบฉันไหม?”

ฮวาเหลียนมองท่านนายพลหญิงที่มีสีหน้าช่วยอะไรไม่ได้ ยื่นมือไปลูบหัวเธอเบาๆอย่างอดไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากทำแต่ทำไม่ได้มาโดยตลอด

เมื่อก่อนเธอเป็นท่านนายพลหญิงผู้สูงส่ง ส่วนตัวเองเป็นแค่สนมชายคนหนึ่ง

ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรมากแล้ว เขาแค่อยากปฏิบัติต่อท่านนายพลหญิงเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนที่ตนทั้งรักและห่วงใยคนหนึ่ง

“ได้สิ ทำในสิ่งที่ท่านอยากทำก็พอ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีผลลัพธ์ แค่ท่านทำแล้วไม่เสียใจภายหลังก็พอ ท่านไปไล่ตามหลี่ฝางอย่างกล้าหาญเถอะ จำเอาไว้ว่าไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะคอยปกป้องท่านนายพลอยู่เงียบๆเสมอ จะรอท่าน”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวาเหลียนแสดงความในใจตัวเองออกมาแบบนี้ ทำให้ท่านนายพลหญิงประหลาดใจเบาๆ ตั้งแต่เธอรู้จักฮวาเหลียนมาเธอรู้สึกว่าฮวาเหลียนเป็นคนคิดมาก ทำให้คนอื่นเดาความรู้สึกเขาไม่ออก

เธอจึงรักษาระยะห่างกับฮวาเหลียนมาโดยตลอด ไม่กล้าใกล้ชิดเกินไป แต่คำพูดในวันนี้ทำให้ท่านนายพลหญิงรู้ถึงความรักที่ฮวาเหลียนมีต่อตน มองฮวาเหลียนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอถึงกับสำลัก

“ขอบใจนะฮวาเหลียน”ท่านนายพลหญิงกอดฮวาเหลียนเบาๆ และได้ตัดสินใจแล้ว

แค้นได้รับการชำระแล้ว เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธออยากต่อสู้เพื่อความรักของตัวเองโดยไม่แคร์อะไรทั้งนั้นสักครั้ง

ท่านนายพลหญิงเช็ดเลือดบนหน้าตัวเองออกจนสะอาด แล้ววิ่งไปทางที่หลี่ฝางไป ฮวาเหลียนยืนมองแผ่นหลังที่ไม่เหลียวหลังกลับของท่านนายพลหญิง พลางกำมือแน่น

เขาอยากดึงมือท่านนายพลหญิงไว้มากจริงๆ อยากให้เธออยู่ข้างๆตน แต่เขารู้ว่าบังคับให้ท่านนายพลหญิงอยู่ พวกเขาทั้งสองก็ไม่มีความสุขหรอก

แทนที่จะมัดคนสองคนที่ไม่ได้รักกันให้อยู่ด้วยกัน มิสู้ปล่อยมือให้เธอไปทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำดีกว่า

ทางด้านหลี่ฝาง เขามายังห้องสมบัติของจวนของนายกรัฐมนตรีแล้ว คนในจวนของนายกรัฐมนตรีวุ่นวายเละเป็นโจ๊ะหมดแล้ว คนใช้จำนวนไม่น้อยต่างพากันแย่งของที่มีราคากัน

ยอดฝีมือทั้งสี่ที่เดิมทีควรปกป้องห้องสมบัติตอนนี้กลับเหมือนโจร ขนสมบัติของนายกรัฐมนตรีออกไปด้านนอกกันอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งภาพวาดตัวอักษร เครื่องเคลือบอะไรเอาไปได้ก็เอาไป เอาไปไม่ได้ก็ถูกทำลาย ห้องสมบัติที่กว้างใหญ่ กลับกลายเป็นยุ่งเหยิงระเกะระกะขึ้นมาในชั่วพริบตา

“ของฉัน!ปล่อย!”

“เอาหยกเจ้าแม่กวนอิมมาให้ฉัน!ฉันอยากได้มานานแล้ว!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท