เห็นเงาเขายิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ท่านนายพลหญิงก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เธออ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนกลับไป จากนั้นหยิบดาบซามูไรที่ตกอยู่บนพื้นขึ้น ค่อยๆเดินไปหานายกรัฐมนตรี
ทุกย่างก้าวที่เข้าใกล้ ภาพที่ถูกปิดผนึกในความทรงจำเธอใหม่เอี่ยม เมื่อท่านนายพลหญิงเดิมมาถึงตรงหน้านายกรัฐมนตรี น้ำตาเธอก็ไหลอาบหน้าเสียแล้ว
“พ่อ แม่ วิญญาณที่ผูกอาฆาตทุกดวงในจวนท่านนายพล วันนี้ฉันจะเซ่นไหว้พวกคุณด้วยเลือดของนายกรัฐมนตรี!ในที่สุดพวกคุณก็หมดห่วงแล้ว!”
ท่านนายพลหญิงยกดาบซามูไรขึ้น เงยหน้าพูดออกมาเสียงดังอย่างน่าเศร้าสลด จากนั้นวาดดาบลงมา หัวของนายกรัฐมนตรีกลิ้งไปมาๆบนพื้นเหมือนลูกบอล
เลือดสีแดงสดกระเด็นติดชุดท่านนายพลหญิง สัมผัสทั้งอุ่นทั้งชื้นทำให้ท่านนายพลหญิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น จากนั้นสายตาเผยความโกรธแค้นอันแรงกล้าออกมา มือถือดาบพลางฟันร่างที่ตายแล้วของนายกรัฐมนตรีลงไปอย่างแรง
เธอทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเครื่องจักรก็ไม่ปาน ท่านนายพลหญิงสายตาพร่ามัว และชุดที่เดิมทีเป็นสีฟ้าอ่อนก็ถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม เมื่อฮวาเหลียนตามมาถึง อ้วกแทบพุ่งกับภาพตรงหน้า
เขาอดทนความปั่นป่วนในกระเพาะเอาไว้ เดินไปข้างๆท่านนายพลหญิงด้วยสีหน้าซับซ้อน แล้วค่อยๆดึงดาบซามูไรในมือเธอออกมาช้าๆ จากนั้นกอดท่านนายพลหญิงไว้ในอ้อมแขน ตบหลังท่านนายพลหญิงเบาๆพลางพูดปลอบด้วยเสียงที่อ่อนโยน
“ไม่เป็นไรแล้ว ท่านนายพล ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว”
ภายใต้การปลอบขวัญอย่างใจเย็นของฮวาเหลียน ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นของท่านนายพลหญิงค่อยๆกลับรู้สึกตัวอีกครั้ง ขนตาเธอสั่นเล็กน้อย น้ำตาไหลออกมาสองทางจากหางตาของเธอ สั่นรุนแรงไปทั้งตัว แทบพูดไม่ออก
“ฮวาเหลียน ฉันทำได้แล้ว ในที่สุดฉันก็ทำได้แล้ว ในที่สุดฉันก็แก้แค้นให้พวกเขาได้แล้ว ภารกิจและความปรารถนาของฉันสำเร็จแล้ว ในที่สุดฉันจะได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว!”
ได้ยินที่ท่านนายพลหญิงพูด ฮวาเหลียนรู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ แม้พวกสนมชายของท่านนายพลหญิงไม่ได้จริงใจอะไรนัก แต่ก็ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานหลายปีแล้ว มีหลายเรื่องที่ท่านนายพลหญิงไม่ยอมเล่าให้ฮวาเหลียนพวกเขาฟัง
ท่านนายพลหญิงเอาภารกิจและการแก้แค้นเป็นพลังขับเคลื่อนให้มีชีวิตต่อไป เธอบอกฮวาเหลียนพวกเขาตลอด ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้น ตลอดระยะเวลา10ปีนี้ไม่มีวันไหนที่เธอได้เป็นตัวของตัวเอง
ตอนนี้เธอฆ่านายกรัฐมนตรีด้วยน้ำมือตัวเอง แก้แค้นให้พ่อกับแม่แล้ว เหมือนได้วางภาระอันหนักอึ้งไป มันทำให้ท่านนายพลหญิงรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากๆ และสับสนมากในเวลาเดียวกับ
เธอไม่รุ้ว่าแก้แค้นเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ หลายปีมานี้เธอพึ่งความโกรธแค้นกับนายกรัฐมนตรีในการดำรงชีวิต ตอนนี้แค้นได้ชำระแล้ว เธอมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?
“ฮวาเหลียน จู่ๆฉันก็รู้สึกโดดเดี่ยวจัง นายว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบฉันกันนะ?ทำไมฉันดีกับเขาขนาดนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่เหลียวมองฉันสักนิด?”
ท่านนายพลหญิงฟุบในอ้อมกอดฮวาเหลียน พลางพูดพึมพำคนเดียว
ฮวาเหลียนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ ยิ้มออกมาเจื่อนๆ เขารู้และเข้าใจดีว่าคำว่า“เขา”ที่ท่านนายพลหญิงพูดถึงนั้นเป็นใคร ที่จริงเขาก็อยากถามท่านนายพลหญิงมากเหมือนกัน ว่าทำไมต้องเป็นหลี่ฝาง?
ในจวนท่านนายพลมีคนรักเธอตั้งมากมาย ทำไมเธอถึงมองข้าม?ทั้งใจเขามีแค่เธอ แต่ทำไมเธอใจดำไม่ตอบกลับแม้แต่น้อย?
ทว่าฮวาเหลียนไม่ได้พูดออกไป เพราะเขามีความหยิ่งยโสของตัวเอง ในเมื่อรู้ว่าไม่อาจไขว่คว้ามาได้ ทำไมยังต้องดื้อดึงไปขอความรักความสงสารจากคนอื่นอีก?
ถ้าให้ภาวนาเพื่อแลกกับความรัก เขายอมอยู่คนเดียวไปจนแก่ดีกว่
“ท่านนายพล บางครั้งความรักไม่ใช่การรับ แต่เป็นการให้ ถ้าท่านอยากอยู่กับหลี่ฝางจริงๆ ท่านก็ต้องรับเรื่องในอดีตและความหลายใจของเขาให้ได้ เขามีภรรยาถึงสองคนแล้ว แถมยังรักภรรยาเขามาก ถ้าท่านอยากอยู่กับหลี่ฝาง ท่านก็ต้องแบ่งปันผู้ชายที่ตนรักกับคนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ”
“ถ้าท่านทำเช่นนี้ได้ งั้นท่านก็ไปไล่ตามความรักของท่านอย่างกล้าหาญเถอะ ตอนนี้ท่านไม่ได้ผูกมัดกับความเกลียดชังแล้ว สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้แล้ว”
แม้ฮวาเหลียนไม่อยากให้ท่านนายพลหญิงชอบหลี่ฝางแค่ไหน แต่บางครั้งรักก็ต้องยอมปล่อยมือ เขารู้อยู่เต็มอกว่าท่านนายพลหญิงถลำลึกเข้าไปแล้ว ถ้ายังหลอกตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เทียบกับความสุขของตน เขาหวังว่าท่านนายพลหญิงสามารถได้รับความรักจากคนที่ตัวเองรัก ท่านนายพลหญิงน่าสงสารมากพอแล้ว เขาสูญเสียคนที่รักไปหมด ตอนนี้กว่าจะได้พบกับคนที่ตัวเองรัก ฮวาเหลียนหวังจากใจจริงว่าท่านนายพลหญิงสามารถอยู่ด้วยกันกับหลี่ฝางดั่งที่ปรารถนาได้
ได้ยินที่ฮวาเหลียนพูด ท่านนายพลหญิงก็ชะงักไป ถามอย่างไม่มั่นใจพลางกะพริบตาปริบๆ
“ฉันสามารถไล่ตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้จริงๆเหรอ?นายคิดว่าหลี่ฝางเขาจะชอบฉันไหม?”
ฮวาเหลียนมองท่านนายพลหญิงที่มีสีหน้าช่วยอะไรไม่ได้ ยื่นมือไปลูบหัวเธอเบาๆอย่างอดไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากทำแต่ทำไม่ได้มาโดยตลอด
เมื่อก่อนเธอเป็นท่านนายพลหญิงผู้สูงส่ง ส่วนตัวเองเป็นแค่สนมชายคนหนึ่ง
ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรมากแล้ว เขาแค่อยากปฏิบัติต่อท่านนายพลหญิงเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนที่ตนทั้งรักและห่วงใยคนหนึ่ง
“ได้สิ ทำในสิ่งที่ท่านอยากทำก็พอ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีผลลัพธ์ แค่ท่านทำแล้วไม่เสียใจภายหลังก็พอ ท่านไปไล่ตามหลี่ฝางอย่างกล้าหาญเถอะ จำเอาไว้ว่าไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะคอยปกป้องท่านนายพลอยู่เงียบๆเสมอ จะรอท่าน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวาเหลียนแสดงความในใจตัวเองออกมาแบบนี้ ทำให้ท่านนายพลหญิงประหลาดใจเบาๆ ตั้งแต่เธอรู้จักฮวาเหลียนมาเธอรู้สึกว่าฮวาเหลียนเป็นคนคิดมาก ทำให้คนอื่นเดาความรู้สึกเขาไม่ออก
เธอจึงรักษาระยะห่างกับฮวาเหลียนมาโดยตลอด ไม่กล้าใกล้ชิดเกินไป แต่คำพูดในวันนี้ทำให้ท่านนายพลหญิงรู้ถึงความรักที่ฮวาเหลียนมีต่อตน มองฮวาเหลียนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอถึงกับสำลัก
“ขอบใจนะฮวาเหลียน”ท่านนายพลหญิงกอดฮวาเหลียนเบาๆ และได้ตัดสินใจแล้ว
แค้นได้รับการชำระแล้ว เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธออยากต่อสู้เพื่อความรักของตัวเองโดยไม่แคร์อะไรทั้งนั้นสักครั้ง
ท่านนายพลหญิงเช็ดเลือดบนหน้าตัวเองออกจนสะอาด แล้ววิ่งไปทางที่หลี่ฝางไป ฮวาเหลียนยืนมองแผ่นหลังที่ไม่เหลียวหลังกลับของท่านนายพลหญิง พลางกำมือแน่น
เขาอยากดึงมือท่านนายพลหญิงไว้มากจริงๆ อยากให้เธออยู่ข้างๆตน แต่เขารู้ว่าบังคับให้ท่านนายพลหญิงอยู่ พวกเขาทั้งสองก็ไม่มีความสุขหรอก
แทนที่จะมัดคนสองคนที่ไม่ได้รักกันให้อยู่ด้วยกัน มิสู้ปล่อยมือให้เธอไปทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำดีกว่า
ทางด้านหลี่ฝาง เขามายังห้องสมบัติของจวนของนายกรัฐมนตรีแล้ว คนในจวนของนายกรัฐมนตรีวุ่นวายเละเป็นโจ๊ะหมดแล้ว คนใช้จำนวนไม่น้อยต่างพากันแย่งของที่มีราคากัน
ยอดฝีมือทั้งสี่ที่เดิมทีควรปกป้องห้องสมบัติตอนนี้กลับเหมือนโจร ขนสมบัติของนายกรัฐมนตรีออกไปด้านนอกกันอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งภาพวาดตัวอักษร เครื่องเคลือบอะไรเอาไปได้ก็เอาไป เอาไปไม่ได้ก็ถูกทำลาย ห้องสมบัติที่กว้างใหญ่ กลับกลายเป็นยุ่งเหยิงระเกะระกะขึ้นมาในชั่วพริบตา
“ของฉัน!ปล่อย!”
“เอาหยกเจ้าแม่กวนอิมมาให้ฉัน!ฉันอยากได้มานานแล้ว!”