บทที่ 71
ศิษย์เอกแห่งปราการหลิงหยวน
“ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มการประลองได้!!” เมื่อสิ้นเสียงประกาศซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้ ทั้งเย่เย่ และเฉินเทียนหนานก็เข้าห้ำหั่นกันอย่างรวดเร็ว
ตู้มมมม!!
พวกเขาทั้งสองไม่ใช่คนช่างพูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากที่พวกเขากล่าวทักทายกันคำสองคำ ทั้งสองเทพยุทธ์ก็พุ่งเข้าหากันในทันทีเมื่อสิ้นเสียงสัญญาณ เพียงแค่การวิ่งเข้าใส่กันของพวกเขาทำให้อากาศบริเวณนั้นแทบจะระเบิดออกมาเรียกความสนใจให้สายตาทุกคู่จากสนามประลองอื่นจับจ้องมาที่พวกเขา
เปรี้ยงง!
กำปั้นของพวกเขาปะทะกันทำให้เกิดเป็นพายุขนาดย่อมๆ เศษใบไม้ใบหญ้ารอบๆปลิวว่อนกระจายออกไปตามแรงปะทะ ผู้ชมบริเวณขอบสนามถึงกับคุมการทรงตัวไม่อยู่ และล้มลงอย่างระเนระนาด แต่เทพยุทธ์ทั้งสองที่อยู่ใจกลางพายุนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อน
“อั่ก !”
ทันใดนั้นเฉินเทียนหนานที่รับแรงปะทะของหมัดเย่เย่ด้วยกำปั้นของเขา ก็กระอักเลือดออกมา แต่เพียงเท่านี้ไม่ได้ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาของเขายิ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และความกระหายการต่อสู้
“เหอะ! ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ!”
เฉินเทียนหนานตอบกลับเมื่อเห็นใบหน้าของเย่เย่กำลังดูถูกเหยียดหยามเขา
ในฐานะศิษย์เอก และรองหัวหน้าของปราการหลิงหยวนแล้วเขายอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีของเขา เขาจึงเริ่มงัดพลังที่แท้จริงออกมาตอบโต้บ้าง
เมื่อก่อนเฉินเทียนหนานนั้นเคยเป็นเด็กกำพร้าด้อยโอกาสในหลิงเฉิง แต่โจวซงนั้นได้เล็งเห็นพรสวรรค์บางอย่างภายใต้แววตาดุร้ายของเด็กน้อย และชักชวนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปราการหลิงหยวน และการตัดสินใจครั้งนั้นของโจวซงก็ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง ด้วยวรยุทธ์อันไร้เทียมทานของ เฉินเทียนหนาน ทำให้โจวซงไร้คู่ต่อกร และปกครองปราการ หลิงหยวนมานานนับสิบปี
ในวันนี้จากเด็กหนุ่มที่มีสายตาอาฆาตมาดร้ายเติบใหญ่ภายใต้การอุปการะของโจวซง ถึงแม้โจวซงจะเป็นผู้เลี้ยงดู เฉินเทียนหนานมาตั้งแต่เล็กแต่เขาเองก็ไม่สามารถประเมินพลังที่แท้จริงของเทพยุทธ์เฉินในตอนนี้ได้เลย เพราะปัญหาต่างๆปราการหลิงหยวนนั้นแทบจะไม่ต้องถึงมือของเฉินเทียนหนานเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีโอกาสแสดงวิชายุทธของเขาให้สาธารณชนเห็นบ่อยนัก นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้ชมนับไม่ถ้วนจากทั่วสารทิศจึงหลั่งไหลเข้ามาร่วมงานประลองหลิงหยวนในครั้งนี้
“ข้าไม่ได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่เจ้าเห็นหรอกนะ !”
เย่เย่เองก็ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเช่นกัน ก็ใช้มือปาดคราบเลือดบริเวณริมฝีปากของเขา ก่อนที่จะเขวี้ยงหมัดไปที่เฉิงเทียนหนานอีกครั้งหนึ่ง
เฉินเทียนหนานสะบัดหน้าเบาๆ และรวบรวมวรยุทธที่เขามีปัดป้องหมัดตรงของเย่เย่ได้อย่างง่ายดาย เย่เย่ไม่รอช้ารีบใช้ฝ่ามือคลื่นพิโรธสวนกลับในทันที
ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว
เสียงการโจมตีที่ราวกับคลื่นที่กระทบชายฝั่งนั้นดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เฉินเทียนหนานไม่ได้ตั้งรับโดยตรงแต่อย่างใด เขากลับเลือกที่จะทิ้งระยะห่างออกไปจากตัวเย่เย่ เย่เย่สบโอกาสดังนั้นจริงรัวหมัดใส่เฉินเทียนหนานอย่างรวดเร็ว
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เฉินเทียนหนานที่จนมุม จึงใช้ฝ่ามือสะบั้นเมฆาตั้งรับฝ่ามือคลื่นพิโรธของเย่เย่ เสียงต่อสู้ของพวกเขาดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วอาณาบริเวณ
“วิเศษจริงๆ ! นี่สินะ ฝ่ามือคลื่นพิโรธของเจ้า!? มันรุนแรงก็จริงแต่จะเอาชนะข้ายังเร็วไปอีกร้อยปี !”
เมื่อเฉินเทียนหนานได้รับรู้ถึงพลังของฝ่ามือคลื่นพิโรธก็อดที่จะวิพากษ์วิจารณ์เสียไม่ได้ เขาสวนกลับด้วยฝ่ามือสะบั้นเมฆาอย่างรุนแรง
การโจมตีของเฉินเทียนหนานทรงพลังขนาดที่แหวกคลื่นเย่เย่สร้างขึ้นจนเกิดเป็นคลื่นพลังที่ซัดสวนกลับไปหาตัวของเย่เย่เอง เย่เย่เมื่อเห็นดังนั้นจึงใช้ฝ่ามือทั้งสองกวัดแกว่งอย่างสุดกำลังเพื่อลดทอนแรงกระแทกของการโจมตีนั้น
ตู้มมมมมมมมม!!
เกิดเสียงอึกทักคึกโครมขึ้นจากใจกลางลานประลอง เย่เย่ที่รับคลื่นพลังเข้าอย่างจังก็ไม่สามารถต้านทานได้ และล้มลงกระแทกกับพื้นปูนของสนามประลอง นัยน์ตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
ศิษย์เอกแห่งปราการหลิงหยวนไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาสบโอกาสจากการเสียจังหวะของเย่เย่ อัญเชิญจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาออกมาทันที เงาของพยัคฆ์ขาวปรากฏขึ้นให้เห็นอยู่เบื้องหลังของผู้อัญเชิญ เฉินเทียนหนานไม่เก็บงำพลังของตนเองอีกต่อไป เขาได้สวมจิตวิญญาณของเสือขาวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่อ่อนแอกว่าตนทุกเมื่อ
“ตายซะ !”
พยัคฆ์ขาวคำราม พร้อมกระโจนเข้าหาเหยื่อของมันด้วยความกระหายเลือด เขารัวหมัดใส่เย่เย่ อย่างไร้ความปรานี กำปั้นของเฉิงเทียนหนานทรงพลังเกินกว่าที่เย่เย่จะปัดป้องได้ เย่เย่รับหมัดชุดนั้นเข้าที่อกอย่างเต็มแรง
“อ่อกก !”
ถึงแม้เย่เย่ได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมา ดวงตาของเขาก็ยังแสดงออกถึงความเฉียบคม อย่างไรก็ตามเกราะของเขาก็ดูดซับพลังโจมตีของศัตรูไว้ได้เกือบทั้งหมด แม้ว่าสรรพคุณที่ อธิบายไว้ในระบบจะเกินจริงไปเล็กน้อยก็ตาม แต่คุณสมบัติของเกราะนั้นยังคงดีกว่าที่เฉินเทียนหนานจะคาดคิด
เย่เย่ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าที่ควรจึงสร้างความประหลาดใจแก่เฉินเทียนหนานอยู่ไม่น้อย เย่เย่จึงฉวยโอกาสนี้โต้กลับ เฉินเทียนหนานในทันที
“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ข้ายังใช้พลังของฝ่ามือคลื่นพิโรธไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ!”
เย่เย่ได้รวบรวมพลังฝ่ามือพิโรธที่รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ซัดไปที่เฉินเทียนหนานอย่างฉับพลัน ราวกับคลื่นยักษ์ที่กลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัว
ซู่มมมมม ซู่มมม!
คลื่นสมุทรหลายระลอกเคลื่อนที่เข้าซัดเฉินเทียนหนานอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ฝูงชนที่รับชมการประลองของพวกเขาก็โดนลูกหลงของการโจมตีนี้ไปด้วย
แม้ศิษย์เอกแห่งปราการหลิงหยวนจะโจมตีสวนกลับเพื่อแหวกคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เขารีดเค้นพลังที่มีอยู่ทั้งหมดของเขาออกมาใช้เพื่อตั้งรับ แต่ก็ไม่เป็นผล เขาถูกคลื่นพิโรธซัดเข้าให้อย่างจัง และกระเด็นลงไปนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ผู้คนนับแสนก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึง
“ฟู่วววววว~”
เย่เย่ได้ดึงประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของฝ่ามือคลื่นพิโรธออกมาใช้เป็นครั้งแรก เขายืนหอบอย่างโรยแรง ร่างกาย และเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ข้าชนะแล้ว !”
แม้ว่าเย่เย่จะไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่เขาก็ยอมรับว่าเฉินเทียนหนานเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจจริงๆ ถ้าหากเฉินเทียนหนานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และยกพรรคพวกไปปิดล้อมหอการค้า หยูเย่ละก็พวกเขา และหอการค้าต้องจบสิ้นเป็นแน่
“ถึงเวลาที่จะต้องยกระดับการป้องกันหอการค้าแล้วสินะ…”
เย่เย่พูดออกมาเบาๆอย่างเป็นกังวล พลางมองไปที่ เฉินเทียนหนานอย่างหวาดระแวง อย่างไรก็ตามเฉินเทียนหนานไม่ใช่คนขี้แพ้อย่างที่เย่เย่คิดไว้ เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆพร้อมรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้า ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างแผ่วเบาพร้อมพูดว่า
“ข้าแพ้แล้ว..”
เมื่อกรรมการเห็นดังนั้นก็ค่อยๆเดินขึ้นมาบนเวที และประกาศชื่อผู้ชนะการประลองในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ
“เอ้า ดื่มมมม~”
หลังสิ้นเสียงประกาศ ผู้ชมที่ลงเดิมพันข้างเย่เย่ก็เริ่มจัดงานเฉลิมฉลองขนาดย่อมๆข้างเวทีการประลอง เหลือไว้แต่เหล่าศิษยานุศิษย์ของปราการหลิงหยวน และฝูงชนจำนวนมากที่ลงพนันข้างเฉินเทียนหนานที่ยังคงตื่นตระหนกกับผลลัพธ์ที่พวกเขาได้เผชิญอยู่ตรงหน้า
พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่เฉินเทียนหนานผู้แข็งแกร่งจะพ่ายแพ้ต่อบุรุษนิรนามที่เพิ่งเข้ามาทำการค้าในเมืองหลิงเฉิงได้หมาดๆ
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมาได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เย่เย่เอาชนะเฉินเทียนหนาน และได้เป็นตำนานบทใหม่แห่งเมืองหลิงเฉิงไปโดยปริยาย ชาวเมืองนั้นประหลาดใจ และตื่นเต้นในเวลาเดียวกันที่พวกเขาจะได้เป็นสักขีพยานในการผลัดเปลี่ยนจากตำนานหนึ่ง สู่อีกตำนานที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
เฉิงเทียนหนานแม้ว่าจะเป็นผู้แพ้แต่ก็มีชาวเมืองจำนวนไม่น้อยที่ศรัทธาในตัวเขา และส่งเสียงให้กำลังใจเขาเป็นระยะๆ รอยยิ้มเจื่อนๆบนหน้าของชายสูงโปร่งชัดเจนยิ่งกว่าเดิม ก่อนการประลองเขาได้ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร นี่จะเป็นการประลองครั้งสุดท้ายของเขาในหลิงเฉิง และเขาจะลาออกจากการเป็นศิษย์ของปราการหลิงหยวน
จากข้อตกลงที่เขาได้ทำร่วมกับโจวซงผู้ที่เขาทำงานรับใช้มานานร่วมทศวรรษ เขาจะเป็นอิสระจากปราการหลิงหยวนหลังจากจบการทำศึกกับเย่เย่ และเขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของปราการหลิงหยวนอีกต่อไป เฉินเทียนหนานมุ่งมั่นที่จะกลับไปยังบ้านเกิดของตน และชำระแค้นส่วนตัวของตน
เย่เย่รู้สึกโล่งอกทันทีที่รู้ว่าเฉินเทียนหนานจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับปราการหลิงหยวนอีกต่อไป แต่ความขัดแย้งกับปราการ หลิงหยวนของหอการค้าหยูเย่ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้โดยง่าย
หลังจากการต่อสู้อันเร่าร้อนของสองเทพยุทธ์แห่ง หลิงเฉิงได้จบลง เย่เย่ก็ไม่ลืมที่จะคว้าโอกาสทองนี้ไว้
“หอการค้าหยูเย่จะจัดมหกรรมการประมูลครั้งยิ่งใหญ่ในสามวันข้างหน้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของข้าในวันนี้ ขอต้อนรับทุกท่านเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันได้เลย !” สิ้นเสียงป่าวประกาศของตำนานคนใหม่ บรรยากาศของผู้ชมก็ยิ่งครึกครื้นขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
จากประกาศของเย่เย่ทำให้พลิกวิกฤติกลับมาเป็นโอกาสได้อีกครั้งหนึ่ง